จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 456-460
บทที่ 456 : จะไปไม่ไป (3)
ภายนอกประตูกลิ่นที่คุ้นเคยโชยมาไป๋หยานตกใจ กระทั่งพรวดพราดลุกขึ้นยืน
ตี้คังกวาดตาผ่านไป๋หยานไปหยุดอยู่ที่ผ้าเช็ดหน้าซึ่งเด็กชายกำลังถืออยู่
ยามนี้ทุกอย่างเงียบงันชั่วขณะ
เงียบราวกับช่วงเวลาก่อนพายุฝนจะมา
ไป๋หยานมองตี้คังที่มีสีหน้าดำคล้ำคร่ำเครียดริมฝีปากของนางกระตุก “ตี้คัง บังเอิญจัง ท่านก็มาที่นี่ด้วยหรือ ?”
“บังเอิญจริงๆ” ตี้คังก้าวไปข้างหน้า จากนั้นก็จับมือของไป๋หยานแน่น นัยน์ตาของเขาจับจ้องใบหน้าขาวสะอาดสะอ้านน่ารักของโม่หลี่ชาง ด้วยความรู้สึกอิจฉา “เมื่อครู่เจ้ากำลังกระทำสิ่งใดอยู่ ?”
”ข้า… เช็ดน้ำตาลูกหมู”
ลูกหมู?
จากนั้นตี้คังก็สังเกตเห็นลูกหมูสีชมพูตัวเล็กๆ ในอ้อมแขนของโม่หลี่ชาง ครั้นเขาได้ยินคำอธิบายของไป๋หยาน อารมณ์ของเขาก็เริ่มดีขึ้น
“ผ้าเช็ดหน้านี่เพื่อลูกหมูตัวนี้จริงงั้นหรือ ?
”ใช่…เพื่อลูกหมูตัวนี้… ”
ทันทีที่ไป๋หยานอธิบายเสร็จนางก็แทบจะกัดลิ้นตนเอง
นางไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยทั้งนางกับตี้คังก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย เหตุใดนางจึงต้องมาอธิบายอะไรแบบนี้ด้วย ?
ทว่านางยังไม่ทันได้คิดจู่ ๆ ก็เผลออธิบายออกมาโดยไม่ตั้งใจ
ลูกหมูสีชมพูตัวน้อยขดตัวในอ้อมแขนของนายหนุ่มตัวของมันสั่นเทาขณะจ้องมองตี้คังด้วยความหวาดกลัว ดูเหมือนว่าภายใต้แรงกดดันของเขามันไม่มีพลังแม้แต่จะยกหัวขึ้น
“แล้วเขาล่ะเป็นใคร?” ตี้คังเชิดริมฝีปากพลางเอ่ยถามต่อ
”น้องชายของข้า”ไป๋หยานกล่าว
”น้องชายของเจ้างั้นรึ? ข้าเพิ่งรู้ว่านอกจากไป๋เซียวแล้วเจ้ายังมีน้องชายอีกคน”
”คือ… ” ไป๋หยานอึ้ง “ที่ข้าบอกว่าเขาเป็นน้องชายของข้า นั่นเป็นเพราะเฉินเอ๋อเรียนเขาว่าท่านอา ไหนท่านว่ามาสิ ข้าพูดถูกต้องหรือไม่ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินรีบกล่าวแทรกขึ้นทันที”อาโม่ เป็นเหมือนน้องชายของหม่ามี้จริง ๆ”
”น้องชายของแม่เจ้าเจ้าเรียกอางั้นหรือ ?”
”…”
ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินแลดูโง่งมไปเลยนี่เขาพูดอะไรผิดไปหรือไม่นะ ?
”หยานหยาน” โม่หลี่ชาง มองตี้คังด้วยแววตาสงสัย “ข้ารู้สึกเหมือนเคยพบเขามาก่อน ?”
นับแต่วันที่เขาเห็นไป๋หยานเขาก็รู้สึกว่านางเป็นที่พึ่งพิงได้ และเมื่อเขาเห็นชายผู้นี้ เขากลับรู้สึกคุ้นเคยมาก
ทว่าเขาจำอะไรไม่ได้เลย!
โม่หลี่ชางขมวดคิ้วแน่นเขากุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าของเขาขาวซีดไร้สีเลือด
”ชางชาง!” ใบหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางพยายามนวดขมับให้โม่หลี่ชาง น้ำเสียงของนางนุ่มนวล “หากเจ้ายังจำอะไรไม่ได้ เจ้าก็ไม่ต้องฝืน ความทรงจำบางอย่างอาจจะเจ็บปวดเกินไป เจ้าเลยเลือกที่จะลืม เช่นนั้นจงอย่าได้บังคับมัน”
เด็กหนุ่มตัวแข็งทื่อเขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือของหญิงสาว พลันความเจ็บปวดนั้นก็ค่อย ๆ เลือนสลายไป
”ได้ข้าเชื่อ หยานหยาน … ”
หากนางต้องการให้เขาฟื้นความทรงจำไม่ว่าจะเจ็บปวดเพียงใด เขาก็ต้องจำอดีตให้ได้
หากนางไม่ต้องการให้เขาฟื้นความทรงจำแล้วล่ะก็สมองของเขาก็จะไม่มีความทรงจำใด ๆ อีกต่อไป !
เด็กหนุ่มสงบสติอารมณ์จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา
รอยยิ้มของเขาบริสุทธิ์สดใสราวกับนาร์ซิสซัสผู้มีความงามอันเป็นเอกลักษณ์
”เฉินเอ๋อกับชางชางกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะตามไป”
ไป๋หยานมองไป๋เสี่ยวเฉินและกล่าว
”ได้หม่ามี้”
ไป๋เสี่ยวเฉินมองอาหารบนโต๊ะด้วยสายตาไม่ใคร่เต็มใจนักทว่าเขาก็กระโดดลงจากเก้าอี้ และยิ้มให้โม่หลี่ชาง
”ท่านอาโม่ข้าเหนื่อยมากแล้ว พาข้ากลับไปพักผ่อนที่โรงเตี๊ยมเถอะ”
***จบบทจะไปไม่ไป (3)***
บทที่ 457 : จะไปไม่ไป (4)
โม่หลี่ชางขยิบตาให้พร้อมกับพยักหน้า เขาหันกลับไปมอง ก่อนจะกล่าวว่า “หยานหยาน ข้าจะไปรอเจ้านะ”
กล่าวจบเขาก็จับมือของไป๋เสี่ยวเฉิน เดินไปที่ประตูห้อง
ยามนี้ภายในห้องจึงเหลือเพียงไป๋หยานกับตี้คัง
”ตี้คัง…ท่าน…”
”เรียกข้าคังคัง สิ”
คังคัง?
ไป๋หยานรู้สึกราวฟ้าถล่มนางเงยหน้าขึ้นมองบุรุษเบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจ
”ตี้คังนี่ท่านหึงโม่หลี่ชางงั้นหรือ ?”
รอยยิ้มของตี้คังพลันเย็นชาเจ้ายังต้องถามอีกกระนั้นหรือ ?
”หรือเจ้าจะเรียกข้าว่าที่รักหรือ สามีก็ได้ เจ้าเลือกเอา”
”เรียกพ่อรูปหล่อคังดีหรือไม่?”
”ก็ดี”
”…” ไป๋หยาน ตกใจมาก
นี่เขาตกลงงั้นรึ?
”ท่านไม่ได้เกลียดการถูกเรียกว่ารูปหล่อหรอกหรือ?”
”เจ้าชมข้าเหตุใดข้าจึงจะไม่ชอบล่ะ ?” ตี้คังดึงไป๋หยานเข้าสู่อ้อมแขน จากนั้นเขาก็ลูบไล้เรือนผมของนางเล่น “สำหรับข้า เจ้าแตกต่างกับผู้อื่น ข้าไม่ชอบหากจะมีผู้ใดมาเรียกข้าว่ารูปหล่อ หากแต่พอประโยคนี้ออกจากปากของเจ้า ข้ากลับยินดีเป็นอย่างมาก ”
ไป๋หยานลดสายตาลงเล็กน้อย”หากข้าไม่ได้เป็นผู้ให้กำเนิดเฉินเอ๋อล่ะ ?”
“แล้วมันเกี่ยวกันที่ตรงไหน? เพราะตราบใดที่ข้าพบเจ้า อย่าว่าแต่เฉินเอ๋อคนเดียวเลย เราสามารถมีลูกได้เป็นสิบคน ! แค่เขาเกิดมาก่อนล่วงหน้าหกปีก็เท่านั้น”
มีคำกล่าวที่ว่าภรรยานั้นคือรักแท้ ส่วนบุตรชายเป็นเพียงอุบัติเหตุ
ตี้คังยิ้มแย้มแจ่มใสเขาลดสายตาลง พลางกดฝ่ามือบนแผ่นหลังของไป๋หยานอย่างอ่อนโยน “หยานเอ๋อ ไม่ต้องกังวล ข้าจะปกป้องพวกเจ้าสองแม่ลูก ผู้ใดก็ตามที่กล้าทำร้ายเจ้า ข้าจะทำลายตระกูลของพวกมันให้พินาศย่อยยับ !”
ประกายแสงเย็นยะเยือกเผยผ่านนัยน์ตาของเขา ริมฝีปากของเขาแสดงอาการเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายครอบงำผู้คน ทั้งเจตนาสังหารยังแพร่กระจายออกมาอีกด้วย
”ข้าจะอยู่เคียงข้างท่านก็ได้ทว่า … ” ไป๋หยานเงยหน้า “ท่านต้องจำไว้เสมอว่า ต้องอ่อนโยนกับเฉินเอ๋อให้มาก อย่าทำให้เขาหวาดกลัวตลอดอย่างนี้”
”ได้”
”แล้วก็อ่อนโยนกับตี้เสี่ยวอวิ๋นด้วยอย่างไรเสียนางก็เป็นน้องสาวของท่าน”
”ได้”
”และห้ามต่อสู้กับฉู่อี้เฟิง!”
แม้ว่าคราก่อนทั้งสองจะไม่ได้ต่อสู้กันนั่นเป็นเพราะพวกเขาต่างก็คำนึงถึงความรู้สึกของนาง หากนางไม่ได้อยู่ที่นั่น ทั้งสองคนจะต่อสู้กันหรือไม่ก็สุดรู้ ?
ตี้คังย่นหัวคิ้วเพียงเห็นประกายแสงปรามในแววตาของไป๋หยาน เขาก็เปลี่ยนคำพูดทันที
”หากเขาไม่ยั่วข้าข้าก็จะไม่สร้างปัญหาให้กับเขา”
”ฉู่อี้เฟิงมีหรือจะยั่วยุท่าน?” นัยน์ตาของไป๋หยานเต็มไปด้วยความสงสัย
”เขาท้าทายข้าในใจ… ”
ไป๋หยานอึ้ง
ท้าทายในใจคืออะไร?
นี่ท่านต้องการต่อสู้กับเขาใช่หรือไม่?
”ตี้คังเหตุใดครั้งนี้ ท่านถึงพบข้าได้รวดเร็วนัก” ไป๋หยานกระพริบตา สัญญานี่ช่างทรงพลังมากจริง ๆ ?
เช่นนี้หากนางหนีไปสุดขอบโลกตี้คังจะหานางพบหรือไม่ ?
”นี่เรียกได้ว่าช้ามากแล้ว”ตี้คังเลิกคิ้ว รอยยิ้มของเขาแลดูชั่วร้าย “หากข้าไม่จงใจให้เจ้าหนีมา ข้าคงจะตามเจ้าพบทันทีที่เจ้าจากมา”
ไป๋หยานหรี่ตา”หมายความว่าท่านตั้งใจงั้นหรือ ?”
”ใช่”ตี้คังกล่าวเบา ๆ พลางกัดริมฝีปาก “หยานเอ๋อ ข้าเคยหลงกลเจ้ามาแล้วครั้งหนึ่ง ข้าจะหลงกลเจ้าอีกเป็นครั้งที่สองได้อย่างไร ? แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกเสียใจแล้ว หากข้ารู้ว่าจะมีคนมาอยู่ข้าง ๆ เจ้า วันนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าจากมาเพียงลำพัง !”
ไป๋หยานโกรธนางยกเท้าขึ้นเหยียบเท้าตี้คัง
”ออกไปเลย!”
คนบ้านี่…โกหกนาง !
ตี้คังขมวดคิ้วทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าที่งดงามของเขายังคงไม่แปรเปลี่ยน “หยานเอ๋อ หากเจ้าโกรธ เจ้าก็มาลงที่ข้าได้ แต่หากเจ้าจะให้ข้าไป ข้าขอไปนอนกับเจ้าเท่านั้น”
ไป๋หยานยิ้มเป็นรอยยิ้มที่เย็นยะเยือก ยามนี้ร่างกายของนางกำลังแนบชิดกับหน้าอกของตี้คัง
***จบบทจะไปไม่ไป (4)***
บทที่ 458 : เย่หยิง (1)
เสื้อของชายหนุ่มเปิดออกครึ่งหนึ่งภายใต้สายลมพัดพริ้ว แผงอกของเขาขาว และไร้ตำหนิ เห็นแล้วอยากกัดสักแง่ม
ไป๋หยานพยายามยับยั้งแรงกระตุ้นภายในหัวใจนางใช้นิ้วลูบไล้แผงอกของเขาเบา ๆ พร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อย “ต้องการไปกลิ้งบนเตียงกับข้างั้นหรือ ? หืม… ?”
ไป๋หยานทำเสียงยั่วยวนขณะเดียวกันก็ยังหยอกล้อกับร่างของตี้คังต่อ ทว่าน่าประหลาดใจที่เขาไร้ซึ่งการตอบสนองใด ๆ
ครั้นชายหนุ่มกดไฟอารมณ์ภายในใจของเขาลงได้ริมฝีปากแดง ๆ ของไป๋หยานก็ขยับเข้าหา นางเป็นฝ่ายเริ่มจูบเขา
สายลมพัดโชยเอื่อยผ่านบานหน้าต่างเส้นผมดำสลวยของนางสะบัดพลิ้ว ราวกับมืออันอบอุ่นสัมผัสหัวใจของเขา
บูม!
ความปรารถนาในหัวใจของตี้คังพลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถยับยั้งใจได้อีกต่อไป เขาวางมือลงบนร่างของไป๋หยาน จากนั้นก็กดร่างของนางตรึงกับผนัง ก่อนจะก้มลงจูบอย่างดูดดื่ม
ยิ่งการจูบดูดดื่มมากเท่าไหร่มือของเขาก็ยิ่งอยู่ไม่สุขมากเท่านั้น มือใหญ่ ร้อนเร่าราวกับไฟที่ร้อนจัด ทำให้อุณหภูมิบนผิวขาวนั้นยิ่งร้อนเป็นไฟ
ครั้นเห็นว่าไฟเริ่มมอดก็เติมเชื้อไฟเข้าไปอีก ย่อมจะถูกไฟนั้นแผดเผา
เช่นนั้นไป๋หยานจึงรีบยกมือขึ้นผลักชายหนุ่มออกอย่างไร้ความปรานี แววตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มสะใจ
”พ่อรูปหล่อหากคิดจะนอนกับข้าอีก ข้าจะทำให้ท่านอาบไฟจนมอดไหม้กระทั่งตายได้เลยทีเดียว !”
สีหน้าของตี้คังดำคล้ำ
ทุกครั้งที่กำลังจะถึงเป้าหมายเป็นต้องถูกหยุดทุกทีสิน่า
ความรู้สึกนี้สุดจะทนจริงๆ !
นัยน์ตาเรียวคมของตี้คังหรี่ลงเล็กน้อย”เจ้าไม่กลัวจริง ๆ หรือว่าข้าอาจจะไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ?”
“หากข้าไม่เต็มใจท่านก็แตะข้าไม่ได้” ไป๋หยานกล่าวอย่างภูมิใจในตนเอง “นอกจากนี้ เรายังมีกฎสามข้อ”
ครั้นได้ยินเช่นนี้ตี้คังก็ยกมือขึ้นพร้อมกับดึงไป๋หยานเข้าสู่อ้อมแขน เชยคางของนางขึ้นเบา ๆ
”เจ้าเห็นว่าข้าตามใจเจ้าเจ้าเลยกล้าทำทุกสิ่งตามแต่ใจต้องการ เพราะอย่างไรเสียข้าก็ไม่อาจทำอะไรเจ้า”
เดิมทีเขาต้องการที่จะครอบครองนางและกลั่นแกล้งรังแกนาง !
ทว่าตอนนี้เขาเพียงอยากจะตามใจนางตามใจนาง ตามใจจนนางเสียนิสัย !
ก๊อกๆ ๆ
จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตู ตี้คังปล่อยมือที่เชยคางของไป๋หยานทันที
อย่างไรก็ตามเขายังคงยึดแขนของนางแน่น ขณะกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เข้ามาได้ !”
ประตูห้องถูกผลักเปิดออกชายชราผู้หนึ่งเดินผ่านประตูเข้ามา แววตาของเขาปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ เขาอดไม่ได้ที่จะกวาดตามองไป๋หยาน พลันความรู้สึกเย็นยะเยือกก็แผ่กระจายออกมาจากก้นบึ้งของนัยน์ตา
”คุณชายข้ามาจากสำนักเวชโอสถ เรียกข้าว่า เย่จง ก็ได้ นายหญิงของข้าให้ข้าเรียนเชิญท่านทั้งสอง ไม่ทราบว่าพวกท่านคือ ? … ”
ตี้คังย่นคิ้วเล็กน้อยพลางหันไปมองไป๋หยาน “เจ้ารู้จักเขาหรือไม่ ?”
ไป๋หยานสั่นศีรษะ”ข้าไม่รู้”
ครั้นได้ยินคำตอบของไป๋หยานสีหน้าและแววตาของตี้คังพลันเย็นชาลง
”ภรรยาของข้าไม่รู้จักเจ้าเช่นนั้นเจ้าออกไปได้ !”
ใบหน้าของเย่จงเคร่งขรึมลง
อย่างที่คาดไว้ชายผู้นี้มีภรรยาแล้ว
”นายหญิงของข้าคือคุณหนูใหญ่ของสำนักเวชโอสถนางให้ข้ามาเรียนเชิญพวกท่านไปร่วมดื่มชา”
เดิมทีชายผู้นี้อาจไม่รู้จักนายหญิงของเขาทว่าตอนนี้แจ้งให้เขารู้แล้ว เช่นนั้นคงไม่มีปัญหาใด
”คุณหนูแห่งสำนักเวชโอสถงั้นหรือ?” ครั้นได้ยินไป๋หยานก็ตกใจมาก “นางเป็นบุตรสาวของไป๋จั่นเผิงใช่หรือไม่ ?”
เท่าที่นางรู้มานายน้อยของสำนักเวชโอสถยังไม่ได้แต่งงาน ส่วนคุณหนูใหญ่ของสำนักเวชโอสถก็มีเพียงคนเดียว ชื่อ ไป๋หนิง ซึ่งหายตัวไปเมื่อหลายปีที่ผ่านมา
เย่จงยิ้ม”คุณหนูของข้าเป็นธิดาบุญธรรมของไป๋จั่นเผิง เมื่อท่านทราบแล้ว ก็ขอเชิญไปพบคุณหนูพร้อมกับข้าเถอะ”
แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใดทว่าไป๋ฉางเฟิ่งเจ้าสำนักเวชโอสถก็รักหลีจิ้งฮูหยินของเขาอย่างลึกซึ้ง เขาจะละเลยตระกูลหลี่กับตระกูลเย่ได้อย่างไร ? หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ไป๋จั่นเผิงก็เหมือนถูกบังคับให้ต้องยอมรับคุณหนูในฐานะธิดาบุญธรรม
***จบบทเย่หยิง (1)***
บทที่ 459 : เย่หยิง (2)
”ตกลงไป๋จั่นเผิงให้มาตามเราหรือคุณหนูของเจ้าให้มาตามเรากันแน่ ?”
คิ้วเรียวงามของไป๋หยานเลิกขึ้นเล็กน้อยขณะเอ่ยถาม
เย่จงส่งสายตาดูหมิ่น”แม่นาง นายน้อยไป๋อาจจะจำท่านไม่ได้ด้วยซ้ำ มีเพียงคุณหนูของข้าที่อยากพบท่าน”
ไป๋จั่นเผิงมีฐานะใด? เขาเป็นถึงนายน้อยแห่งสำนักเวชโอสถ จำเป็นที่จะต้องทำตัวสนิทสนมกับคนธรรมดา ๆ เยี่ยงนี้หรือ ?
ตลกสิ้นดี!
”อ้อ!”
ทันทีที่รู้ว่าผู้ที่ต้องการพบนางหาใช่ไป๋จั่นเผิงไม่สีหน้าของไป๋หยานพลันเย็นชาลง “ข้าไม่รู้จักคุณหนูของเจ้า เช่นนั้นจงกลับไปซะ…”
”แม่นาง”เย่จงกล่าว ใบหน้าของเขาเย็นชา “คุณหนูของข้าเป็นคนของสำนักเวชโอสถ คงไม่เป็นการดีนัก หากเจ้าไม่ไปพบนาง”
ไป๋หยานรู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่ได้มาดีนางคิดว่า เว้นแต่ไป๋จั่นเผิงแล้ว นางไม่เคยติดต่อกับผู้ใดในสำนักเวชโอสถ
หมอปรุงยาหญิงผู้นี้ก็เป็นเพียงคนแปลกหน้า!
“เพิ่งรู้ว่าคนสำนักเวชโอสถนี่ก็ดื้อด้านมากเหมือนกันนะ”นางยกยิ้มที่มุมปาก พลันนัยน์ตาดำขลับของนางก็จ้องมองเย่จงอย่างเย็นชา
”เจ้า… ”
เย่จงจ้องไป๋หยานด้วยความโกรธเขาหายใจฮึดฮัดเสียงดัง พลันร่างของเขาก็กระเด็นอย่างแรง
บุรุษในอาภรณ์สีม่วงผู้ซึ่งมีเรือนผมสีเงินยวง รูปงามราวกับปีศาจ เปล่งน้ำเสียงเย็นชา “ภรรยาของข้าไม่ไป ? ผู้ใดกล้าบังคับนาง ? ออกไปซะ !”
”แค่ก”
เย่จงไอพร้อมกับกระอักเลือดออกมาเต็มปาก เขาพยุงตัวลุกขึ้นจากพื้น รู้สึกเจ็บหน้าอก ใบหน้าชราของเขาแลดูซีดเซียว
”ลุงจง”
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงที่คมชัด และนุ่มนวลพลันดังขึ้นจากด้านหลัง ราวสายลมอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ
”คุณหนู”
เย่จงหันหลังกลับ พร้อมกับเรียกขานด้วยความเคารพ
ชั่วขณะนั้นห้องโถงชั้นล่างของโรงเตี๊ยมต่างเงียบงันสายตาทุกคู่ต่างจับจ้องสตรีในอาภรณ์เขียวที่อยู่เฉลียงชั้นบน สายตาของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
”นั่นคุณหนูเย่หยิงเหตุใดคุณหนูเย่หยิงถึงได้อยู่ที่นี่ล่ะ ?”
เมื่อสำนักเวชโอสถไม่มีทายาทในสายเลือดรุ่นที่สามในฐานะฮูหยินของสำนักเวชโอสถ ตระกูลของหลีจิ้งจึงเหมาะสมที่สุดในการสืบทอด เช่นนั้นเย่หยิงจึงกลายเป็นเป้าหมายที่บรรดาศิษย์หนุ่ม ๆ ของสำนักเวชโอสถต่างก็หมายปอง
เวลานี้มีชายหนุ่มที่มีความสามารถจำนวนมากที่พยายามวนเวียนมาเกี้ยวนางทว่าเมื่อพวกเขารู้สึกถึงความเย็นชาของเย่หยิง พวกเขาก็ล้มเลิก
”ลุงจงนั่นกำลังทำอะไร ?” เย่หยิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นางมองเย่จงอย่างไม่พอใจ “ข้าให้เจ้ามาเชิญแขกทั้งสอง ทว่าเจ้ากลับหยาบคายกับแขกของข้างั้นหรือ ? ยังไม่ขอโทษพวกเขาอีก !”
เย่จงตกตะลึงเขาก้มศีรษะลงอย่างไม่เต็มใจ “ข้าขอโทษ พวกท่านทั้งสอง ที่เมื่อครู่นี้ข้าล่วงเกินพวกท่าน”
เย่หยิงเชิดปากก่อนจะหันไปมองคนทั้งสองในห้อง มุมปากของนางยกโค้งขึ้นเล็กน้อย
”เมื่อครู่นี้คนของข้าทำให้พวกท่านขุ่นเคือง โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ขอข้าเข้าไปดื่มชาสักถ้วยจะได้หรือไม่ ?”
น้ำเสียงของนางนิ่มนวลนัยน์ตาของนางราวกับจะยิ้ม ไม่มีผู้ใดสามารถปฏิเสธสตรีที่สวยเช่นนี้ได้
สีหน้าของตี้คังค่อยๆ เคร่งเครียด นัยน์ตาเรียวคมของเขาฉายประกายเย็นยะเยือก ขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ภรรยาของข้าไม่ต้องการวุ่นวายกับคนแปลกหน้า”
ออกไปจากที่นี่ซะ!
ครั้นได้ยินเช่นนี้แทนที่เย่หยิงจะโกรธ นางกลับหันไปยิ้มให้ไป๋หยาน “ให้ข้าแนะนำตัวเองก่อน ข้าชื่อเย่หยิง แม่นาง เจ้าก็มาร่วมงานชุมนุมหมอปรุงยาของเราด้วยใช่หรือไม่ ? หากข้าจะแนะนำผู้อาวุโสของสำนักเวชโอสถของเรา ทั้งจะขอร้องพวกเขาให้การชี้แนะเจ้าบ้างเจ้าจะว่าอย่างไร ? ”
ไป๋หยานทำเหมือนไม่ได้ยินถ้อยคำของเย่หยิงนางเหยียดร่างอย่างเกียจคร้านไม่ต่างจากตัวสล้อต พลางเอนพิงหน้าอกของตี้คัง
”อ๋องคัง…หน้าตาของท่านช่างกระตุ้นใจแม่สาวดอกท้อพวกนี้ให้ลุ่มหลงได้ง่ายดายเหลือเกินนะดูเหมือนว่าใบหน้าของท่านจะสะสวยเสียยิ่งกว่าผู้หญิงเหล่านี้ซะอีก”
***จบบทเย่หยิง (2)***
บทที่ 460 : เย่หยิง (3)
ดอกท้อข้าไม่ต้องการข้าต้องการเพียงเจ้า…แม่ดอกเก็กฮวยน้อยเท่านั้น
ใบหน้าของไป๋หยานงอง้ำลงทันทีนางจ้องมองตี้คังเขม็ง “ท่านเรียกข้าว่ากระไรนะ ?”
ดอกเก๊กฮวยงั้นรึ?
”หยานเอ๋อข้าพูดอะไรผิดอีกหรือ ?” ตี้คังมีสีหน้าไร้เดียงสา เขากำลังขบคิดว่าตนเองพูดอะไรผิด ?
”ทันทีที่ข้ากลับถึงโรงเตี๊ยมข้าจะจัดการท่าน”
ไป๋หยานหยิกตี้คังขณะกัดฟันพูด
”หยานเอ๋อจะจัดการข้ายังไง ? จัดการบนเตียงหรือ ? ปรกติแล้ว ข้ายอมเจ้าทุกเรื่อง แต่หากเป็นเรื่องบนเตียง อย่างไรเสียข้าก็ขอเป็นคนกดเจ้าเองนะ”
รอยยิ้มของชายหนุ่มแลดูคลุมเครือเขาโอบแขนรอบเอวคอดของหญิงสาว ปากแดง ๆ ของเขายกโค้งขึ้นอย่างมีเสน่ห์ราวกับปีศาจ
ครั้นเห็นการเกี้ยวพาราสีของคนทั้งสองที่มีมาต่อเนื่องไม่หยุดไม่หย่อนแม้ว่าเย่หยิงจะสมาธิดีเพียงใด นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตึงเครียด
สีหน้าของนางเปลี่ยนไปนางจิกเล็บจนจมเข้าเนื้อ เพื่อควบคุมอารมณ์โกรธในใจ
”พวกท่านทั้งสอง… ” เย่หยิงพยายามยิ้ม ทว่าเพียงอ้าปาก แววตาที่ดุดันของชายหนุ่มพลันกวาดมาทันที
น้ำเสียงของเขาราวกับดังมาจากขุมนรกสายตาเย็นยะเยือกของเขายิ่งทำให้หัวใจของนางสั่นไหว
”เหตุใดเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่อีก?”
เย่หยิงสูดลมหายใจเข้าลึกนางพยายามข่มเสียงพูดให้อ่อนโยน “ลุงจง เราไปกันเถอะ”
ถึงกระนั้นเสียงของนางก็ยังสั่นคลอน ยามนี้นางโกรธอย่างเห็นได้ชัด
ทันทีที่คนทั้งสองจากไปในห้องโถงก็มีเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจขึ้นมาอีกครั้ง ภายหลังจากเงียบกริบมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง ทว่าตี้คังก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเสียงเหล่านั้น เขาโบกมือขึ้นพลันประตูห้องก็ถูกกระแทกปิดลงดังปัง
”ท่านทำอะไรกับชายแก่ผู้นั้น”ไป๋หยานเหลือบตามองขณะเอ่ยถาม
การกระทำของตี้คังนั้นอาจจะสามารถซ่อนจากสายตาผู้ใดก็ได้ทว่าไม่ใช่สายตานาง
”เขาทำให้เจ้าขุ่นเคืองนี่”ตี้คังกล่าวกลั้วหัวเราะ “ส่วนสตรีผู้นั้นก็ทำให้ข้ารำคาญใจ ที่ข้าไม่สังหารนางก็เพียงเพราะเห็นแก่หน้าเจ้า เช่นนั้นข้าจึงลงโทษนางสถานเบาเท่านั้น”
ไป๋หยานยิ้มพลางเอ่ยว่า”ข้าเคยพบนายน้อยของสำนักเวชโอสถมาแล้วครั้งหนึ่ง”
”ข้ารู้”
หาไม่ข้าเกรงว่า เมื่อครู่คงไม่มีผู้ใดรอดชีวิตกลับออกไปเป็นแน่
”ช่างเถอะอย่างไรเสียเราก็เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก การที่ข้าช่วยเขาได้ ก็นับว่าเป็นเรื่องดี” ริมฝีปากของไป๋หยานยกโค้งเล็กน้อย “ข้าเองก็นับถือท่านลุงไป๋มาก ส่วนเย่หยิงผู้นั้นข้าเองก็ยังไม่แน่ใจว่านางจะเป็นบุตรสาวของท่านลุงไป๋จริงหรือไม่ ? ”
ก่อนหน้านี้หอบุปผาให้ข้อมูลนางว่าไป๋จั่นเผิงไม่มีบุตรสาวแต่อาจเป็นได้ว่าเขาเพิ่งรับธิดาบุญธรรม
เช่นนั้นไป๋หยานจึงยังไม่มั่นใจนัก
*****
ด้านนอกโรงน้ำชาเย่หยิงหยุดเดิน นางหันกลับมามองคนทั้งสองที่อยู่ในห้องผ่านบานหน้าต่างที่เปิดอยู่บนชั้นสอง
นางกำหมัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่จะคลายออก
”ลุงจงสืบข้อมูลของหญิงผู้นั้นมาให้ข้าด้วย ข้าไม่มีวันยอมรามือจากชายที่ข้าพึงใจ !”
ต่อให้เป็นภรรยาก็มีชายมากมายในโลกนี้ที่ยอมละทิ้งภรรยาและลูก ๆ มิใช่จะมีแค่ชายคนนี้คนเดียวเสียหน่อย
”ขอรับคุณหนู”
เย่จงก้มศีรษะลงมือเหี่ยว ๆ ของเขากดหน้าอกแน่น หน้าผากของเขาซึมไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ
“มีอะไรหรือลุงจง?” เย่หยิงดูเหมือนจะพบความผิดปกติของเย่จง นางหันหน้าไปมองพลางขมวดคิ้วขณะเอ่ยถาม
เย่จงส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น “เมื่อครู่นี้ ชายผู้นั้นขยับมือมาทางข้า จากนั้นข้าก็รู้สึกว่าร่างกายของข้าเกิดความผิดปกติบางอย่าง ทว่าคงไม่ใช่หรอก เพราะคงไม่มีผู้ใดกล้าทำอะไรคนของสำนักเวชโอสถ”
เขาพูดราวกับว่าเขาเป็นหมอปรุงยากระนั้นแหละ
”ไว้ข้ากลับไปแล้วข้าจะให้หมอปรุงยาของสำนักตรวจร่างกายของเจ้า” เย่หยิงขมวดคิ้ว นางคลายใจ “เราไปกันเถอะ”
***จบบทเย่หยิง (3)***