จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 476-480
บทที่ 476 : การชุมนุมจะเริ่มในไม่ช้าแล้ว (3)
อย่างไรเสียก็ไม่น่าใช่บุตรชายของไป๋หยาน
”ยิ่งไปกว่านั้น…” หลังจากหยุดกล่าวไปนาน “สามีของแม่นางไป๋ก็รักนางมาก ส่วนแม่นางไป๋ก็รักบุตรชายเท่าชีวิต หากเย่หยิง ต้องการขโมยลูกของนางจริง ๆ ท่านคิดว่าเย่หยิงจะยังมีชีวิตอยู่ได้หรือ ?”
คิ้วของไป๋จั่นเผิงคลายออก”ที่เจ้าว่ามาก็มีเหตุผล หากมิใช่บุตรชายของหยานเอ๋อ ข้าก็จะได้รอจนกว่าข้าจะจัดการเรื่องที่ข้าคิดไว้ให้เสร็จสิ้น ทว่าหากนางไปหาเรื่องหยานเอ๋อ… ”
เขาหัวเราะเยาะเจตนาสังหารปรากฏชัดในแววตา
”นางก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่!”
มุมปากของอาวุโสกู่โค้งขึ้นน้อยๆ ยามที่คุณหนูไป๋หนิงยังอยู่ที่นี่ นายน้อยก็ตามใจนาง บัดนี้คุณหนูไป๋หนิงไปจากสำนักเวชโอสถแล้ว ความรักของนายน้อยเลยถ่ายเทไปที่คุณหนูไป๋หยานแทน
หากมีผู้ใดทำให้คุณหนูไป๋หยานขุ่นเคืองบางทีนายน้อยอาจจะสังหารนางจริง ๆ ก็เป็นได้ !
”เอ่อ…ลุงกู่เอาเป็นว่าข้ารับรู้เรื่องนี้แล้ว ทว่าข้ามีเรื่องเร่งด่วนต้องรีบทำ ข้าต้องพิสูจน์ตัวตนหยานเอ๋อให้ได้ ก่อนที่จะให้การยืนยันเรื่องของนาง เช่นนั้นยามนี้ข้ายังจะไม่ไปสถานที่จัดงานชุมนุม”
เมื่อเทียบกับไป๋หยานแล้วการชุมนุมนั่นจะมีความหมายใด ทั้งยังมีผู้อาวุโสตั้งมากมายในสำนักเวชโอสถ ขาดเขาไปก็คงไม่เป็นไร
”ขอรับนายน้อย”
”นอกจากนี้”ไป๋จั่นเผิงตั้งใจลดเสียงลง “อย่าบอกท่านพ่อของข้าว่า ข้าได้พบไป๋เสี่ยวเฉิน ข้าไม่คิดว่าไป๋เสี่ยวเฉินจะยอมไปกับข้า และหากท่านพ่อของข้ารู้เรื่องนี้ ข้าแน่ใจว่า เขาจะต้องมาด้วยตนเองอย่างแน่นอน ข้าเกรงว่าท่านพ่อของข้าจะทำให้เด็กน้อยหวาดกลัว เพราะความตื่นเต้นของเขา … ”
เด็กที่นุ่มนวลน่ารักเช่นนี้จะรับความน่ากลัวของบิดาเขาได้อย่างไร? คงจะตกใจกลัวเสียมากกว่า ?
“นายน้อยไม่ต้องห่วงข้าจะปิดปากของข้าไว้อย่างดี”
“ดีมาก”ไป๋จั่นเผิงกล่าวด้วยความโล่งใจ “เจ้าไปพบท่านพ่อของข้า เตือนท่านด้วยว่า เมื่อท่านพบหยานเอ๋อและบุตรชายของนาง อย่าลืมควบคุมอารมณ์ของท่านด้วย … ”
พูดง่ายหากแต่ทำยากผู้เฒ่ากู่มีหรือจะบอกให้เจ้าสำนักสงบสติอารมณ์ได้ เขาอยากจะหัวเราะ เขาจะตักเตือนท่านเจ้าสำนักได้อย่างไรกัน ?
นอกจากนี้เจ้าสำนักจะฟังเขางั้นหรือ ?
*****
ณสถานที่จัดงานชุมนุม
ฝูงชนต่างคุยกันเสียงดังจ้อกแจ้ก
เย่หยิงเดินออกมาจากฝูงชนอย่างช้าๆ จากระยะไกล
นางกวาดสายตาโดยรอบครั้นเห็นไป๋หยานยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน แววตาของนางก็เย็นชา มีประกายแสงชั่วร้ายแผ่ออกมา
ไป๋หยานรู้สึกได้ถึงสายตาของเย่หยิงทว่านางไม่สนใจ นางยิ้มพร้อมกับจ้องมองเจ้าซาลาเปาน้อยที่กำลังวิ่งเข้ามาหานาง
”เฉินเอ๋อเหตุใดเจ้าจึงกลับมาคนเดียว ? แล้วเสี่ยวมี่กับชางชางล่ะ ?” ไป๋หยานอุ้มเจ้าซาลาเปาน้อยขึ้นมาจูบแก้มซ้ายขวา ก่อนจะเอ่ยถาม
“เสี่ยวมี่คงใกล้จะมาถึงแล้ว” ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตาด้วยท่าทางงุนงง “ส่วนท่านอาโม่ ดูเหมือนเฉินเอ๋อจะลืมเขาไปแล้ว”
ตอนนั้นเขาแค่พยายามซ่อนตัวจากไป๋จั่นเผิง จนลืมคำพูดของโม่หลี่ชางไปเลย
”ท่านอาโม่?” ไป๋หยานย่นคิ้วเล็กน้อย
ไป๋เสี่ยวเฉินแลบลิ้นแผลบอย่างร่าเริง”ก็เฉินเอ๋อชอบอาโม่มาก เช่นนั้นจึงตัดสินใจให้อาโม่เป็นน้องชายของหม่ามี้จริง ๆ เลยไง แล้วหม่ามี้จะตำหนิเฉินเอ๋อรึเปล่า ?”
”เหตุใดแม่ต้องตำหนิเจ้าด้วย?” ไป๋หยานบีบจมูกของไป๋เสี่ยวเฉิน พลางยิ้ม “ชางชาง เป็นคนดีมาก ได้เขามาเป็นน้องชายของแม่ก็ดีสิ”
ยามนี้ไป๋หยานดูเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าอ๋องคังได้ซื้อไป๋เสี่ยวเฉินไว้แล้ว
หากนางรู้นางคงไม่คิดว่าดีเป็นแน่
จำนวนผู้คนโดยรอบสถานที่จัดงานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หมอปรุงยาที่ได้รับเชิญมาต่างก็มาถึงกันหมดแล้ว
ชายชราคนหนึ่งค่อยๆ ก้าวขึ้นไปยืนบนเวที ฝูงชนสามารถมองเห็นเขาได้โดยทั่วกัน
เขาแต่งกายด้วยชุดสีเทาไว้หนวดเคราขาว ทั้งยังดูดีมาก
***จบบทการชุมนุมจะเริ่มในไม่ช้าแล้ว (3)***
บทที่ 477 : การชุมนุมจะเริ่มในไม่ช้าแล้ว (4)
”นั่นผู้อาวุโสซูฮง!”
“ผู้อาวุโสซูฮงเป็นหนึ่งในเจ็ดหมอปรุงยาอาวุโสในสำนักเวชโอสถเขาดำรงตำแหน่งสูงมากในสำนัก ข้าไม่คาดคิดว่างานชุมนุมหมอปรุงยาครั้งนี้เขาจะมาเปิดงานด้วย ”
สายตาของผู้คนต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจขณะมองไปที่ซูฮงอย่างเคารพนับถือมากขึ้น
เขาเป็นหมอปรุงยาระดับเจ็ดคนส่วนใหญ่ไม่สามารถบรรลุถึงขั้นนี้ แม้ว่าจะเพียรพยายามสักเพียงใดก็ตาม
”ผู้อาวุโสซูฮง”
ครั้นซูฮงปรากฏสู่สายตาของผู้คนเย่หยิงก็เดินตามหลังเขามา ใบหน้าของนางเผยรอยยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงของนางฟังดูอ่อนโยน
”ครั้งนี้ข้าอยากเรียนรู้ประสบการณ์จากงานชุมนุมในครานี้ เช่นนั้นจะรังเกียจหรือไม่ หากข้าจะขอเป็นเจ้าภาพในงานชุมนุมครั้งนี้แทนท่าน ?”
ซูฮงตกตะลึงจากนั้นเขาก็หัวเราะ “หากเป็นความประสงค์ของคุณหนูเย่หยิง ข้าจะปฎิเสธได้อย่างไร ?”
เย่หยิงไม่เพียงแต่เป็นญาติของไป๋ฉางเฟิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้ยินมาว่าไป๋จั่นเผิงผู้ซึ่งเป็นนายน้อยของสำนักเวชโอสถยังวางแผนที่จะรับนางเป็นธิดาบุญธรรม
บางที…
ในอนาคตอันใกล้นางอาจจะได้เป็นผู้สืบทอดสำนักเวชโอสถ!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่มีฐานะน่ายำเกรงเช่นนี้ซูฮงย่อมไม่กล้าแม้แต่จะแสดงสีหน้าใด ๆ ใบหน้าชราของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
”ดี!” เย่หยิงจิกปาก “สำหรับงานชุมนุมครั้งนี้หมอปรุงยาส่วนใหญ่ได้รับเชิญจากสำนักเวชโอสถเรา รวมถึงสำนักหมอปรุงยาอื่นที่จัดตั้งขึ้นเอง ! เช่นนั้นข้าคิดว่าพวกท่านทุกคนคงจะมากันเป็นทีม … ”
”ทว่างานชุมนุมของเราเชิญหมอปรุงยามาจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อศึกษาการปรุงยาร่วมกัน เช่นนั้นเพื่อเป็นการประหยัดเวลา ผู้ที่มาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญ และไม่ได้นำทีมหมอปรุงยามาเข้าร่วมก็ไม่ควรเข้าร่วมการชุมนุมในครั้งนี้”
ริมฝีปากของเย่หยิงเชิดขึ้น
ก่อนหน้านี้นางได้ตรวจสอบแล้วว่าไป๋หยานมาพร้อมกับครอบครัว โดยไม่ได้รับเชิญ ทั้งยังไม่ได้มีผู้ใดพามาด้วย
เนื่องจากนางกล้าหักหน้าข้าหลายต่อหลายครั้ง แม้แต่ลูกชายของนางก็ยังกล้าใส่ความข้า เช่นนั้นข้าจะปล่อยให้หญิงผู้นี้เข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้ได้อย่างไร !
ถึงเวลานี้นางคงรู้ตัวแล้วว่า นางกล้าหือผิดคน ผลก็คือนางไม่สามารถเข้าร่วมงานชุมนุม ทั้งยังต้องถูกขับไล่ออกจากสำนักเวชโอสถนี้ด้วย !
”คุณหนูเย่หยิง,เอ่อ… ” ซูฮงถึงกับยืนโง่ไปเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าเย่หยิงจะกล่าวออกมาเช่นนี้
ที่สำคัญก็คือผู้ที่สามารถเข้าร่วมงานชุมนุมหมอปรุงยาได้ล้วนเป็นคนที่โดดเด่นจากกลุ่มอำนาจทุกกลุ่ม ทั้งยังได้รับเชิญจากนายน้อย หากนางขับไล่คนเหล่านี้ จะไม่ทำให้นายน้อยขุ่นเคืองหรอกหรือ ?
”อาวุโสซูฮง”เย่หยิงยิ้ม “ข้าทำเพื่อสำนักเวชโอสถของเรา งานชุมนุมครั้งนี้จัดขึ้นเพียงไม่กี่วัน เราต้องประหยัดเวลา อย่าเสียเวลากับคนที่ไร้ประโยชน์ ! นอกจากนี้งานชุมนุมครั้งนี้ยังเป็นงานชุมนุมที่มีผู้คนแห่กันมามากมาย แค่ลดไปไม่กี่คนจะเป็นไรไป ?
งานชุมนุมหมอปรุงยาจัดโดยสำนักเวชโอสถก็เพื่อวิจัยการปรุงยาสำหรับคนทั้งโลก
เช่นนั้นทุกครั้งที่มีงานชุมนุมพวกกลุ่มอำนาจสำคัญ ๆ จะรวบรวมหมอปรุงยาที่แข็งแกร่งของพวกเขาส่งมาเข้าร่วม ดูเหมือนพวกเขาจะเชื่อมั่นว่านี่จะเป็นการช่วยพัฒนาให้คนของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น !
แล้วตอนนี้แค่ไล่คนออกเพียงไม่กี่คนเท่านั้นเกรงว่าจะไม่สามารถพัฒนาการปรุงยาได้กระนั้นหรือ ?
ซูฮงเงียบไปนานก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ “ที่คุณหนูเย่หยิงพูดมาก็สมเหตุสมผล เช่นนั้น ให้ทุกสำนักที่มีคนเข้าร่วมสิบคนอยู่ที่นี่ได้ หากมากว่าก็ให้เลือกมาแค่สิบคน หากน้อยกว่าสิบคนโปรดออกจากที่นี่ไป”
เมื่อครู่ก็มีคนมาแจ้งแล้วว่านายน้อยไม่เข้าร่วมงานชุมนุม ยามนี้ไม่ว่าเขาจะทำอะไรย่อมไม่มีผู้ใดคัดค้าน
ยิ่งไปกว่านั้นการกระทำของเขาก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของสำนักแม้ว่าจะมีคนคัดค้านบ้าง เขาก็จะยืนกรานว่าเหมาะสมดีแล้ว
บทที่ 478 : นางเป็นศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (1)
”ในเมื่อผู้อาวุโสซูฮงเห็นด้วย! เช่นนั้นก็เริ่มกันได้เลย”
เย่หยิงไม่แปลกใจกับคำกล่าวของซูฮงนางหันไปหาทุกคนในที่ชุมนุมพร้อมรอยยิ้ม
”ได้โปรดเข้าสู่งานชุมนุมของหมอปรุงยาทีละคน”
ทันทีที่คำกล่าวของเย่หยิงหลุดออกมาแม้ว่าคนอื่น ๆ จะไม่เข้าใจว่า เหตุใดจู่ ๆ เย่หยิงถึงทำเช่นนี้ ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก
เมื่อมองบรรดาหมอปรุงยาผู้เชี่ยวชาญจากกลุ่มอำนาจต่างๆ ที่ทะยอยเดินเข้าห้องชุมนุม ใบหน้าที่งดงามของเย่หยิงพลันเผยรอยยิ้มบาง ๆ
ไม่นานนักทุกคนก็เดินเข้าสู่ห้องโถงเกือบหมดจะเหลือก็เพียงไป๋หยานที่เดินนำไป๋เสี่ยวเฉินมาปรากฏต่อสายตาของทุกคน
”เจ้ามาคนเดียวงั้นหรือ?” ซูฮงตกตะลึง เขาสังเกตเห็นว่ามีเพียงสองคนเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้นอกฝูงชน เขาจึงขมวดคิ้วขณะเอ่ยถามอย่างเย็นชา
”ใช่แล้ว”
ท่ามกลางแสงแดดในเวลาเที่ยงวันสตรีในอาภรณ์สีแดงยืนนิ่งอย่างสง่างาม
นัยน์ตาดำขลับของนางสงบนิ่งใบหน้าของนางแลดูสว่างไสว ไม่มีความเขินอายดังเช่นที่ซูฮงคาดคิด
”แม่นางเมื่อครู่นี้เจ้าก็ได้ยินกฎของสำนักเวชโอสถของเราแล้ว ข้าไม่รู้ว่าเจ้า … ” ใบหน้าของซูฮงแลดูไม่ดีเท่าใดนัก เพราะอย่างไรเสียเหตุที่หญิงผู้นี้มาปรากฏตัวที่นี่ได้ก็ต้องได้รับบัตรเชิญจากสำนักเวชโอสถด้วยเช่นกัน
เช่นนั้นจะให้เขาเปิดปากขับไล่คนออกจากสำนัก เขาก็ไม่อาจเอ่ยปากออกมาได้จริง ๆ
ไป๋หยานตบหลังมือของไป๋เสี่ยวเฉินอย่างสงบพลางเงยหน้าขึ้นมองซูฮงพร้อมกับหัวเราะน้อย ๆ “นี่คือวิธีการทำงานของสำนักเวชโอสถกระนั้นหรือ ? เชิญข้าให้เดินทางไกลตั้งหลายพันลี้มาที่สำนัก จากนั้นก็ขับไล่ข้า แล้วนี่ไม่ทราบว่าสำนักเวชโอสถตกต่ำลงจนถึงจุดที่ให้คนนอกเป็นเจ้างานแล้วกระนั้นหรือ ? ”
คำว่า”คนนอก” ทำให้สีหน้าของเย่หยิงเปลี่ยนไปอย่างมาก แววตาของนางเปล่งประกายเย็นชา ขณะจ้องมองสตรีในอาภรณ์สีแดงที่อยู่นอกโถงประชุม
”แม่นาง!” ใบหน้าของซูฮงเคร่งขรึมลง “คุณหนูเย่หยิงเป็นคนสำคัญในสำนักเวชโอสถเรา แม้แต่นายน้อยของเราก็ยังยินดีที่จะรับนางเป็นธิดาบุญธรรม หากเจ้าไม่เกรงใจนาง ก็เท่ากับเจ้าไม่เกรงใจสำนักเวชโอสถ ! นี่ผู้หลักผู้ใหญ่ของเจ้าไม่สั่งสอนเจ้าเรื่องให้เกียรติผู้อื่นหรอกหรือ ?”
ซุบซิบๆ !
ฝูงชนฮือฮา
ผู้ที่เคยเย้ยหยันเย่หยิงมาก่อนหน้านี้ต่างก็หันไปมองนางด้วยความตกใจ อีกทั้งตกตะลึง
นี่ปรากฏว่าเย่หยิงเป็นยิ่งกว่าญาติของสำนักเวชโอสถกระนั้นรึ?
แม้แต่ไป๋จั่นเผิงก็ชื่นชมนางมากทั้งยังอยากรับนางเป็นธิดาบุญธรรมด้วยงั้นรึ ?
เย่หยิงมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ผู้ใดจะกล้าดูถูกนางเล่า ?
”อาวุโสซูฮง!” เย่หยิงกล่าวอย่างไม่พอใจ “ถึงแม้ท่านย่าของข้าจะเคยถามท่านลุงจั่นเผิงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทว่าก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเรา ไยท่านถึงทราบเรื่องนี้ด้วย ?”
นางเพียงกล่าวว่าท่านย่าของนางถาม หากแต่นางไม่ได้บอกว่าไป๋จั่นเผิงเห็นด้วยรึเปล่านี่ ?
ทว่า…
เขาจะเห็นด้วยหรือไม่ก็จะเป็นไรเล่า ?
เพราะเรื่องปฏิเสธหรือไม่นั้นเป็นปัญหาของท่านย่านาง
เช่นนั้นแม้ว่าไป๋จั่นเผิงจะไม่รับนาง ตราบใดที่โลกเชื่อว่านางเป็นธิดาบุญธรรมของไป๋จั่นเผิงนั่นก็พอแล้ว !
”แม่นางไป๋”เย่หยิงเชิดริมฝีปากของนางขึ้นน้อย ๆ พลางหันไปหาไป๋หยานพร้อมถอนหายใจ “ไม่ใช่ทุกคนในโลกที่แซ่ไป๋จะเกี่ยวข้องกับสำนักเวชโอสถ เช่นนั้นหากข้าเป็นคนนอก เจ้าก็เทียบไม่ได้แม้แต่คนนอกอย่างข้า ขอแนะนำให้เจ้าออกไปเสียแต่โดยดี เพราะหาไม่แล้ว คงจะไม่สนุกอย่างที่เจ้าคิด”
นับแต่ต้นจนจบไป๋หยานไม่เคยเหลือบมองเย่หยิงเลย นางบีบใบหน้าโกรธ ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินพลางยิ้ม
”เฉินเอ๋อสำนักเวชโอสถนี่น่าเบื่อจัง ไป… พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าแววตาสว่างไสวเจิดจ้า “เมื่อหม่ามี้ขอมา เฉินเอ๋อจะขัดได้ยังไง ?”
***จบบทนางเป็นศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (1)***
บทที่ 479 : นางเป็นศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (2)
“อืม…”ไป๋หยานลูบคางของนาง “เราก็แค่กลับไปบอกว่าสำนักเวชโอสถกลั่นแกล้งพวกเรา ทั้งไม่ให้พวกเราเข้าร่วมงานชุมนุมครั้งนี้ หากท่านอาจารย์มีปัญหาใด ก็ให้มาจัดการสำนักเวชโอสถนี่เอง”
เย่หยิงเชิดริมฝีปากของนางอย่างเย้ยหยันมาจัดการสำนักเวชโอสถงั้นรึ ? ในโลกนี้ผู้ใดบ้างที่กล้ามาหาเรื่องสำนักเวชโอสถ ?
น้ำเสียงของหญิงผู้นั้นหยิ่งยโสเหลือเกิน
”ก็ดีหม่ามี้ เรากลับกันเถอะ นางแม่มดแก่คนนี้จะได้ไม่ลักพาตัวเฉินเอ๋อตอนที่หม่ามี้เผลอ” ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบนัยน์ตากลมโต พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและน่ารัก ร่างกลม ๆ ของเขาอ่อนนุ่มราวกับซาลาเปาน้อย
หลายคนไม่เข้าใจความหมายของไป๋เสี่ยวเฉินทว่าคนที่เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้นั้นย่อมเข้าใจในสิ่งที่ไป๋เสี่ยวเฉินพูด
น่าเสียดาย…
อย่างไรเสียเย่หยิงก็เป็นธิดาบุญธรรมของไป๋จั่นเผิงไม่ว่าพวกเขาจะเห็นใจสองแม่ลูกมากสักเพียงใด พวกเขาก็ไม่อาจยืนหยัดออกหน้าแทนคนทั้งสองได้อีก
ชั่วขณะนั้นเองไป๋หยานก็หันหลังกลับอย่างช้า ๆ นางจูงมือของไป๋เสี่ยวเฉินเดินออกไปยังด้านนอกสถานที่ชุมนุม
แทนที่จะมีท่าทางพ่ายแพ้อย่างที่ทุกคนคิดนางกลับเดินออกไปราวกับผู้ชนะที่มีใบหน้านิ่งสงบ และแววตาที่รู้สึกภาคภูมิใจ
ทันใดนั้นเองนัยน์ตาของนางก็หรี่ลง เพียงพริบตา ใบหน้าที่หล่อเหลาก็ปรากฏต่อสายตาของนาง จากที่ไกล ๆ กระทั่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
”ต้าไป๋!”
หนุ่มน้อยเรียกไป๋หยานพร้อมกับรีบรุดมาหานางอย่างรวดเร็วเขายกมือขึ้นทั้งยังต้องการที่จะกอดไป๋หยานอย่างแนบแน่น
ไป๋หยานยกเท้าของนางขึ้นเตะก้นเด็กหนุ่มอย่างแรงเช่นเคย
”ต้าไป๋เจ้ายังโหดร้ายเช่นเคย”
เหวินหรู่นวดก้น เพื่อลดความเจ็บปวด แววตาของเขาเต็มไปด้วยความคับข้องใจ
ครั้นคิดถึงว่าหญิงผู้นี้เอาชนะเขาจากนั้นนางก็ทิ้งเขาฝึกหมอปรุงยาให้นาง และนับแต่นั้นมา เขาก็ไม่ได้ข่าวคราวใด ๆ จากนางอีก หัวใจของ
เขาพลันเต็มไปด้วยความทดท้อใจ
อ้อ! แท้ที่จริง นางก็มาพบเขานะ ทว่าเพียงครั้งเดียวในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง มาให้คำชี้แนะแก่เขา จากนั้นก็ไม่เคยปรากฏตัวให้เห็นอีกเลย
เขาไปหานางทว่าก็ไม่เคยพบ
”อาเหวินไม่เห็นกันตั้งนานแน่ะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินโบกมือให้เหวินหรู่พร้อมนัยน์ตาและรอยยิ้มที่สดใส
”เอ๊ะ! เจ้าคือ เสี่ยวไป๋งั้นหรือ ?” เหวินหรู่กระพริบตา ก่อนจะหรี่ตาลงด้วยความประหลาดใจ “ไม่พบเจ้านานหลายปี เจ้าโตขึ้นเยอะเลย เจ้ายังจำข้าได้หรือ ?”
เขาจำได้ว่าครั้งที่เขาพบไป๋เสี่ยวเฉินนั้นไป๋เสี่ยวเฉินยังเป็นเพียงเด็กอายุสามขวบ พริบตาเดียวก็โตขึ้นขนาดนี้แล้ว
”เหวินหรู่เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่ ?” ไป๋หยานหันไปมองเหวินหรู่ ขณะเอ่ยถาม
”อ้อ! ข้ามาหาท่าน ก็เพื่อมอบบัตรเชิญนี่ ข้าบังเอิญได้พบกับฮัวหลัวระหว่างทาง นางบอกข้าว่าท่านมาที่สำนักเวชโอสถ”
รอยยิ้มอบอุ่นราวแสงตะวันกระทั่งสามารถทำให้หัวใจของผู้คนอบอุ่นได้
เขาหยิบบัตรเชิญออกมาจากสาบเสื้อและส่งมอบให้ไป๋หยาน บัตรเชิญนี้ดึงดูดสายตาของทุกผู้คนให้หันมองเป็นตาเดียว
”นี่… นี่เป็นบัตรเชิญเข้าร่วมการชุมนุมใช่หรือไม่ ?” ซูฮงงุนงงไปชั่วขณะ “เจ้ามีบัตรเชิญเข้าร่วมการชุมนุมถึงสองใบได้อย่างไร”
บัตรเชิญร่วมชุมนุมสองใบ?
เป็นไปไม่ได้!
สำนักเวชโอสถไม่น่าจะทำผิดพลาดได้เช่นนี้ถึงกับส่งบัตรเชิญสองใบให้คน ๆ เดียว
หากเช่นนั้นก็เป็นไปได้เพียงทางเดียวนั่นคือครั้งนี้นางไม่ได้รับบัตรเชิญ ทว่ากลับเข้าสำนักเวชโอสถโดยไม่ได้รับอนุญาต
ไป๋หยานยักไหล่นางเองก็ประหลาดใจเช่นกัน อาจารย์ของนางมอบบัตรเชิญให้นางเอง เช่นนั้นบัตรเชิญอีกใบล่ะ ?
ไป๋จั่นเผิง!
ทันใดนั้นเองชื่อหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในใจของไป๋หยาน และนั่นทำให้นางเข้าใจได้ทันที
***จบบทนางเป็นศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (2)***
บทที่ 480 : นางเป็นศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (3)
ไป๋จั่นเผิงไม่รู้ว่านางมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นเขาจึงส่งบัตรเชิญมาให้นางอีกรอบ
”ต้าไป๋ข้าทำสิ่งใดผิดไปหรือ ?” เหวินหรู่กระพริบตาอย่างไร้เดียงสาขณะเอ่ยถาม
”ไม่มีอะไรข้าเองก็ไม่รู้ว่าข้าได้รับบัตรเชิญอีกใบ ข้าใช้บัตรเชิญใบหนึ่งเพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมของสำนักเวชโอสถแล้ว ทว่า… ” มุมปากไป๋หยานเหยียดออกอย่างเย้ยหยัน “ต่อให้มีบัตรเชิญเพิ่มขึ้น ข้าก็ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วล่ะ”
ทันทีที่นางกล่าวจบนางก็จับมือไป๋เสี่ยวเฉินเดินผ่านเหวินหรู่ พลางกล่าวเบา ๆ ว่า “เหวินหรู่ พวกเราไปกันเถอะ”
สีหน้าของเหวินหรู่แลดูงงงวยทว่าเขาก็รีบตามนางไป “ต้าไป๋ มีคนกลั่นแกล้งเจ้าหรือไม่ ? บอกข้าสิว่าไอ้ชั่วนั่นเป็นผู้ใด ข้าจะช่วยเจ้าตีมัน”
”ไม่ต้องเพราะหากใครบางคนรู้ว่าข้าไม่สามารถเข้าร่วมงานชุมนุมหมอปรุงยา พวกเขาจะมาที่นี่เพื่อชำระบัญชีนี้แทนข้าเอง”
ไป๋หยานยิ้ม
อาจารย์ของนางพยายามจะให้นางสร้างความฮือฮาที่นี่มานานหลายปีก็เพื่อฟื้นฟูชื่อเสียงความเป็นหมอปรุงยาชั้นนำให้กับพวกเขาทั้งสามคน หากพวกเขารู้ว่านางไม่สามารถเข้าร่วมงานชุมนุมหมอปรุงยาได้ อาจารย์ทั้งสามจะไม่โมโหจนหนวดกระดิกหรอกหรือ ?
”ช้าก่อน!”
ในขณะที่ไป๋หยานกำลังจะจากไปนั้นน้ำเสียงเย็นชาพลันดังขึ้นจากข้างหลังนาง
”แม่นางเจ้ายังไปไหนไม่ได้ !”
ไป๋หยานหันกลับไปมอง“มีอะไรอีกหรือ ?”
”เจ้าเข้าสำนักเวชโอสถโดยไม่ได้รับบัตรเชิญสำนักของเรายังไม่ได้จัดการเจ้า เจ้าต้องอยู่ที่นี่ ต้องให้สำนักเวชโอสถของเราสืบสวนก่อน !” ซูฮงขมวดคิ้ว ขณะกล่าวอย่างเคร่งขรึม
”ข้าบอกแล้วไงว่าข้ามีบัตรเชิญสองใบ”
”ฮาฮ่า”ซูฮงกล่าวพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ “เป็นไปไม่ได้ที่สำนักเวชโอสถของเราจะส่งบัตรเชิญสองใบให้กับคนคนเดียว แม่นาง เจ้าควร … ”
ก่อนที่ถ้อยคำสุดท้ายจะจบลงซูฮงก็เห็นสตรีในอาภรณ์สีแดงเบื้องหน้าหยิบบัตรเชิญจากมือของเหวินหรู่ และหยิบบัตรเชิญออกจากสาบเสื้อของนาง
”นี่บัตรเชิญเชิญเจ้าพิจารณาดูว่าเป็นของสำนักเวชโอสถของเจ้าหรือไม่ ? เฉินเอ๋อ เหวินหรู่กลับบ้านกันเถอะ”
บัตรเชิญทั้งสองใบถูกโยนใส่หน้าของเขาพร้อมกันทันทีที่บัตรเชิญทั้งสองร่อนลงบนพื้น ตัวอักษรในบัตรเชิญพลันประจักษ์ต่อสายตาของซูฮง
ชั่วขณะนั้นลมหายใจของซูฮงพลันติดขัด หัวใจของเขาพลันเต้นแรง
บัตรเชิญทั้งสองแตกต่างกันใบหนึ่งดูธรรมดา ทว่าอีกใบหนึ่งแลดูประณีตกว่า
คำว่าศักดิ์สิทธิ์ในบัตรเชิญปะทะสายตาของซูฮงอย่างแรง
”ดินแดนศักดิ์สิทธิ์… ”
คำศักดิ์สิทธิ์หมายถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์! ซูฮงในฐานะผู้อาวุโสของสำนักเวชโอสถจะไม่รู้ได้อย่างไร ?
อย่างไรก็ตามเมื่อปีที่แล้วดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ส่งคนเข้าร่วม ก็แล้วเหตุใดครั้งนี้ถึงได้ส่งลูกศิษย์สาวมาล่ะ ?
”อาวุโสซูฮง?”
เย่หยิงสังเกตเห็นแววตาหวั่นไหวของซูฮงทันใดนั้นเองนางก็กัดริมฝีปากพลางเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
”ไม่มีอะไร!”
ยามนี้ซูฮงไม่สนใจเย่หยิงอย่างสิ้นเชิง ครั้นเขาเห็นไป๋หยานและลูกกำลังจะจากไป เขาก็รีบหยิบบัตรเชิญขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วิ่งตามไป๋หยานไป
”แม่นางโปรดรอสักครู่ !”
ไป๋หยานชะงักพลางหันกลับไปมองชายชราที่อยู่ด้านหลังพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “บัตรเชิญข้าก็คืนให้แล้ว ท่านยังมีสิ่งใดอีกหรือ ?”
ใบหน้าชราภาพของซูฮงแดงก่ำ”เจ้าสามารถเข้าร่วมงานได้ !”
แม่นางไป๋ผู้นี้เป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แม้ว่านางจะไม่มีความสำคัญใด ทว่านางก็เป็นผู้ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่งมาเข้าร่วมงานชุมนุมหมอปรุงยา
ที่น่าขันก็คือคนแรกที่เขาขับไล่ออกจากสำนักเวชโอสถ กลับเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เสียนี่
ไป๋หยานสังเกตเห็นบัตรเชิญในมือของซูฮงนางเอ่ยเยาะเย้ยว่า “ข้าขอโทษ ข้าหมดความสนใจในการเข้าร่วมงานชุมนุมหมอปรุงยาครั้งนี้แล้ว”
”เจ้า…”
ใบหน้าของซูฮงเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาอุตส่าห์ลดตัวลงมาเชื้อเชิญนางถึงเพียงนี้แล้ว นางยังทำตัวไม่รู้ดีรู้ชั่วเช่นนี้อีก ?
***จบบทนางเป็นศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (3)***