จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 481-485
บทที่ 481 : นางเป็นศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (4)
“แม่นางหากเจ้ากลับไปเช่นนี้ แล้วหน้าทีที่เจ้าได้รับมอบหมายมาล่ะ เจ้าไม่กลัวจะถูกตำหนิหรอกหรือ ?”
”ไม่”ไป๋หยานกล่าวเบา ๆ “เพราะอย่างไรเสียข้าก็ไม่สนใจงานชุมนุมครั้งนี้อยู่แล้ว”
”เช่นนั้นทำอย่างไรเจ้าถึงจะยอมอยู่ต่อ!” ซูฮงพยายามระงับถ้อยคำนี้ไว้อยู่นาน ทว่าในที่สุดเขาก็ต้องหลุดมันออกมา
หากแต่ประโยคนี้ไม่ต่างจากค้อนปอนด์หนักๆ ที่ตีลงกลางฝูงชน กระทั่งทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่
ผู้อื่นไม่ทันได้สังเกตบัตรเชิญเช่นนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าเหตุใดท่าทีของซูฮงจึงเปลี่ยนไปอย่างมาก
เมื่อครู่นี้ดูเหมือนว่าซูฮงต้องการขับไล่ไป๋หยานทว่าตอนนี้เขากลับต้องการให้นางอยู่ ?
”อาวุโสซูฮง”เย่หยิงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ราวกับว่านางไม่เข้าใจว่าซูฮงพยายามยื้อเพื่ออะไร ?
ไป๋หยานสังเกตเห็นท่าทีของเย่หยิงนางจึงกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า “ให้นางขอร้องข้าสิ”
”ไป๋หยานนี่…เจ้าจะมากเกินไปแล้ว !” ทันใดนั้นใบหน้าของเย่หยิงก็เปลี่ยนไป นางหันมามองซูฮง “อาวุโสซูฮง ท่านคงไม่ … ”
แก่เกินไปจนสับสนหรอกนะ? ?
”เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการเช่นนี้?” ซูฮงกำหมัดแน่น
นางเป็นเพียงศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่วนคุณหนูเย่หยิงเป็นถึงธิดาบุญธรรมของนายน้อย
ฐานะต่างกันราวฟ้ากับดิน
หากหญิงผู้นี้ไม่ได้เป็นตัวแทนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เขาจะยอมอ่อนข้อให้นางเช่นนี้หรือ ?
“หากสำนักเวชโอสถไม่ยอมรับความผิดพลาดในครั้งนี้อย่างจริงใจข้าก็จะไป”
ไป๋หยานหันหลังกลับพร้อมรอยยิ้มขณะกล่าว
”ดี!” ซูฮง สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะหันไปมองเย่หยิง “คุณหนูเย่หยิง ได้โปรดขอร้องนาง”
ว่าไงนะ?
เย่หยิงตาโตด้วยความตกใจซูฮงสับสนไปจริง ๆ งั้นหรือ ?
”นางเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หากท่านขับไล่นาง เท่ากับท่านหักหน้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทราบเรื่องนี้ ย่อมจะเกิดความขัดแย้งระหว่างสองสำนักใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ! ”
บูม!
ทันใดนั้นเองใบหน้าของเย่หยิงพลันสั่นระริก หัวใจของนางราวถูกกระแทกอย่างแรงจนว่างเปล่า
ห้องประชุมทั้งหมดพลันเงียบ…เงียบสนิท
”อาวุโสซูฮงนางเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ หรือ ?” เย่หยิงหน้าซีด นางยังไม่อยากเชื่อถ้อยคำของซูฮง
ซูฮงมองเย่หยิงพร้อมกับถอนหายใจ “บัตรเชิญนี้ถูกส่งไปให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ เมื่อนางเป็นผู้ถือมา นางย่อมต้องเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
จากถ้อยคำของซูฮงฝูงชนพลันเริ่มรู้สึกตัว เสียงสนทนาดังขึ้นอย่างเซ็งแซ่ สายตาของผู้ที่เคยเห็นอกเห็นใจนางก่อนหน้านี้ พลันแปรเปลี่ยนเป็นตกใจอย่างมาก
ครั้นเห็นใบหน้าของเย่หยิงที่กำลังพยายามข่มใจซูฮงก็ลดเสียงลง เอ่ยกล่าวว่า “คุณหนูเย่หยิง ครั้งนี้นางมาในนามของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หากท่านปล่อยให้เจ้าสำนักของเรารู้ว่า เราขับไล่ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ท่านเจ้าสำนักจะต้องโกรธพวกเรามาก”
เย่หยิงเม้มริมฝีปากและไม่กล่าวคำใดอีก
ซูฮงกล่าวต่อว่า”อย่างไรก็ตามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่งนางมา ทว่าไม่มีผู้เชี่ยวชาญคอยติดตามนางมาด้วย ข้าคิดว่านางอาจอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำมากในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ บางทีดินแดนศักดิ์สิทธิ์อาจเพียงไม่ต้องการปฏิเสธคำเชิญของสำนักเราหลาย ๆ ครั้งติดต่อกัน เช่นนั้นจึงส่งศิษย์ปลายแถวมาจัดการเรื่องนี้”
”เช่นนั้นฐานะของนางอาจจะไม่สูงส่งเช่นท่าน”
ถ้อยคำสุดท้ายของซูฮงคือสิ่งที่เย่หยิงอยากฟังมากที่สุด
นางก็แค่ศิษย์ที่ไม่มีนัยสำคัญของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่วนข้าเป็นถึงญาติของเจ้าสำนักเวชโอสถ สถานะของนางจะดีกว่าข้าได้อย่างไร ?
ครั้งนี้เพื่อไม่ให้ท่านอาของนางตำหนินางเต็มใจที่จะก้มหัวให้ ทว่าความแค้นในวันนี้ต้องถูกชำระในวันหน้า !
”แม่นางไป๋หยาน!” เย่หยิงกำหมัดแน่นกระทั่งเป็นสีชมพู ทว่าใบหน้าของนางยังฉาบรอยยิ้ม “เมื่อครู่นี้ ข้าเสียใจจริง ๆ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ข้าขอโทษเจ้าอย่างจริงใจ หวังว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่ต่อ”
นางก้มศีรษะลงโค้งคำนับเอ่ยกล่าวอย่างจริงใจและจริงจัง
***จบบทนางเป็นศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (4)***
บทที่ 482 : ใครแกล้งใครกันแน่ ? (1)
”อืม”
ไป๋หยานหันไปมองเล็กน้อย”อย่างไรก็ตาม ข้าต้องขอโทษด้วย เพราะข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไป”
นางเองก็ไม่ได้สนใจงานชุมนุมหมอปรุงยาครั้งนี้อยู่แล้วนางคงไม่มาที่สำนักเวชโอสถ หากอาจารย์ไม่ได้ร้องขอไว้
ครั้นเห็นว่าเย่หยิงขอโทษแล้วทว่าไป๋หยานก็ยังจะจากไป ใบหน้าของซูฮงพลันเคร่งเครียดลงทันที “เจ้าให้เย่หยิงยอมรับผิด ให้นางขอโทษเจ้า นางก็ขอโทษเจ้าแล้ว ไม่คาดคิดว่าศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่รักษาสัตย์ ไม่น่านับถือเลย”
ถ้อยคำตอนท้ายเป็นเพราะซูฮงได้สูญเสียความมั่นคงทางอารมณ์ของเขาไปแล้ว
ไป๋หยานจิกปาก”ข้าเพียงบอกให้นางขอโทษ ข้าให้สัญญาเมื่อไหร่ว่าจะอยู่ต่อ ?”
”เจ้า…”
ใบหน้าของซูฮงเปลี่ยนเป็นสีเขียว
ก็ไป๋หยานเพียงแต่บอกว่าให้เย่หยิงยอมรับผิดหากแต่ไม่ได้สัญญาว่าจะอยู่ต่อจริง ๆ
”หม่ามี้”
ในขณะที่ไป๋หยานกำลังจะจากไปนั้นนัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินพลันส่องประกายแวววาวขึ้นสองสามครั้ง เขาดึงแขนของไป๋หยานพลางกระซิบเบา ๆ ว่า “เฉินเอ๋ออยากเห็นหม่ามี้ชนะการแข่งขันในงานชุมนุมหมอปรุงยาครั้งนี้”
เขาอุตส่าห์วางแผนการดีๆ ไว้ จะจากไปง่าย ๆ ได้ยังไง เรื่องนี้ทำให้หัวใจดวงน้อยของเขาลังเล
และหากจะต้องจากไปจริงก็ควรรอให้เย่หยิงเจอหายนะเสียก่อน
ไป๋หยานก้มลงมองเจ้าซาลาเปาน้อยที่ยิ้มราวกับสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อยู่ข้างๆ นาง ร่องรอยของความประหลาดใจทอประกายผ่านแววตาดำขลับของนาง นางไม่กล่าวคำใดต่อ เพียงหยุดชะงักฝีเท้า พลันมุมปากของนางก็ขยับยกยิ้มเล็ก ๆ
“หากเฉินเอ๋อปรารถนาชัยชนะครั้งนี้แม่ของเจ้าจะไม่รับปากนำชัยชนะมาให้เจ้าได้อย่างไร ?”
ตราบเท่าที่ไป๋เสี่ยวเฉินต้องการนางจะนำมาให้เขา
เหวินหรู่ผู้ซึ่งยืนอยู่อีกด้านหนึ่งไม่กล่าวคำใดเลย
ต้าไป๋เจ้ารักเสี่ยวไป๋มากจริง ๆ
แล้วตกลงจะไปกันไหมนี่?
ทว่าเห็นเช่นนี้แล้ว…
จะเป็นไรไหมหากเขาอยากจะเป็นบุตรชายของต้าไป๋บ้าง ?
ยามนี้เหวินหรู่ได้แต่กระพริบตา เขาหันมองไป๋หยานที มองไปไป๋เสี่ยวเฉินที ด้วยความอิจฉา
ช่างเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากๆ
”ขอบคุณหม่ามี้”
รอยยิ้มอันงดงามของไป๋เสี่ยวเฉินสดใสราวกับดวงดารา งดงามไร้ตำหนิ ทว่าแฝงด้วยความซุกซนและน่ารัก
ครั้นได้ยินว่าไป๋หยานเต็มใจที่จะอยู่ต่อสีหน้าตึง ๆ ของซูฮงพลันผ่อนคลายลง เขาหัวเราะขึ้น “แม่นางไป๋ ดูท่าเจ้าจะใฝ่ฝันเกินตัวไปหน่อย การชนะในงานชุมชุมครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ หรอกนะ”
ถ้อยคำเย้ยหยันทำให้ไป๋หยานยกยิ้ม นัยน์ตาดำขลับของนางกวาดมองใบหน้าของซูฮงอย่างเงียบ ๆ ท้ายสุดก็ย้ายไปหยุดอยู่ที่ร่างของเย่หยิง
“ไม่ว่าไป๋จั่นเผิงจะยินดียอมรับเจ้าเป็นธิดาบุญธรรมของเขาหรือไม่? อย่างไรเสียตอนนี้เจ้าก็เป็นประหนึ่งตัวแทนของสำนักเวชโอสถ ทำเช่นนี้เจ้าไม่กลัวว่าเรื่องนี้จะรู้ไปถึงหูของไป๋จั่นเผิงงั้นหรือ ?”
ใบหน้าที่สวยของเย่หยิงแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยปากของนางเม้มจนแทบจะเป็นเส้นโค้ง “ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าหมายถึงเรื่องใด ? ข้าไม่ได้พูดสักคำว่าข้าเป็นธิดาบุญธรรมของเขา นี่เป็นเพียงความประสงค์ของท่านย่าข้า ทั้งท่านพี่ไป๋ก็เคารพเกรงใจท่านย่าของข้าอย่างมาก เช่นนั้น … ”
ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเป็นศิษย์สำนักเวชโอสถสักหน่อยผู้ใดใช้ให้ไป๋จั่นเผิงเคารพท่านย่าของนางล่ะ ? ตำแหน่งคุณหนูใหญ่ของสำนักเวชโอสถก็เลยต้องตกเป็นของนาง
แน่นอนว่าเพื่อเห็นแก่มารดาผู้ล่วงลับไปแล้ว ไป๋จั่นเผิงย่อมให้ความเคารพอย่างสูงแก่ทั้งสองสกุล ส่วนข้อเท็จจริงนั้นมีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่รู้
”แม่นางเย่หยิงอย่าได้พูดอะไรกับนางอีกเลย เกรงว่า … ”
จะเสื่อมเสียฐานะของเจ้า
ทว่าประโยคสุดท้ายนี้เมื่อหันไปมองแววตาที่เฉยเมยของไป๋หยาน ซูฮงก็ได้แต่กลืนน้ำลายไม่อาจเอ่ยกล่าวออกมาได้
หญิงสาวผู้นี้เป็นคนเอาแต่ใจทั้งยังเอาแต่ใจมากอีกด้วย บางทีหากเขากล่าวคำไม่ถูกหูอาจทำให้นางหันหลังกลับ และเดินจากไปเสียเฉย ๆ ก็เป็นได้
***จบบทใครแกล้งใครกันแน่ ? (1)***
บทที่ 483 : ใครแกล้งใครกันแน่ ? (2)
อย่างไรเสียหญิงสาวทั้งสองต่างก็เป็นหนึ่งในสามอำนาจใหญ่ คนหนึ่งคือคุณหนูของสำนักเวชโอสถ อีกคนหนึ่งก็เป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ยังไม่ชัดเจนว่าฝ่ายใดจะมีฐานะสูงส่งกว่ากัน?
”แค่ก!” ซูฮงกระแอมล้างคอ ก่อนเอ่ยกล่าวต่อว่า “ข้าไม่พูดอะไรแล้ว สำนักเวชโอสถของเราได้จัดเตรียมสนามประลอง รวมถึงที่พักสำหรับทุกท่านเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานชุมนุมหมอปรุงยา !”
”งานชุมนุมหมอปรุงยาครั้งนี้ใช้เวลาสามวัน!” สายตาเย็นชาของเขากวาดผ่านผู้กำลังเข้าร่วมชุมนุมพลางกล่าวว่า “ข้าจะให้คนไปส่งตำรับยาให้พวกท่าน ตำรับยาเหล่านี้เป็นตำรับยาใหม่ซึ่งบางตำรับแม้แต่หมอปรุงยาของสำนักเราจะใช้เวลานานหลายเดือนก็ยังไม่อาจศึกษาได้สำเร็จ”
บูม!
ในเวลานี้ฝูงชนเริ่มกระสับกระส่ายแล้ว
ยาอายุวัฒนะที่แม้แต่สำนักเวชโอสถก็ยังไม่อาจปรุงได้สำเร็จแล้วด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาจะทำได้เช่นไร ?
”แน่นอนว่าตำรับยาเหล่านี้บางตำรับก็ค่อนข้างง่ายซึ่งคงมิใช่ปัญหาสำหรับพวกท่าน !” ซูฮงยกริมฝีปากยิ้มขณะกล่าวว่า “ในอีกสามวันข้างหน้า ผู้ที่สามารถผลิตยาได้มากที่สุดคือผู้ชนะในงานชุมนุมหมอปรุงยาครั้งนี้ ข้าขอให้ทุกท่านโชคดี !”
เหตุที่สำนักเวชโอสถมีอำนาจมากมายถึงเพียงนี้นั่นเป็นเพราะสำนักเวชโอสถสามารถคิดค้นยาตำรับใหม่ ๆ ได้ทุกปี ซึ่งไม่มีหมอปรุงยาคนใด ในแผ่นดินใหญ่นี้ทำได้
และในงานชุมชุมทุกครั้งที่จัดขึ้นตำรับยาที่สำนักเวชโอสถนำมาแข่งขันเรียกได้ว่าเป็นเพียงไม่กี่ตำรับเท่านั้น ซึ่งก็เป็นธรรมดา เพราะต่อให้สำนักเวชโอสถจะใจกว้างมากเพียงใด ก็ย่อมไม่มีทางจะแบ่งปันตำรับยาดี ๆ ของตนให้กับคนทั้งโลก
”อาวุโสซูฮงข้าจัดการเรื่องนี้ให้เอง” เย่หยิงยิ้ม นางกระพริบตาส่งสัญญาณให้กับเยหลิงที่ยืนอยู่ด้านหลังนาง
เย่หลิงถูกสั่งให้จัดที่พักให้กับทุกคนที่เข้าร่วมการชุมนุม
ครั้นเห็นเช่นนั้นซูฮงก็ไม่ได้กล่าวคำใดอีก เขายืนอยู่ข้าง ๆ อย่างใจเย็น ใบหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ
เขารู้จุดประสงค์ของเย่หยิงทว่ากลับไม่ห้ามปราม หญิงผู้นั้นหยิ่งยโสมากต้องสอนบทเรียนให้นางเสียบ้าง
หากแต่คราวนี้เย่หลิงไม่เข้าใจนิสัยของไป๋หยาน
ครั้นไป๋หยานเห็นว่าเย่หลิงจัดให้นางพักอาศัยอยู่ในห้องเก็บฟืน นางก็ไม่ได้กล่าวคำใด เพียงนำไป๋เสี่ยวเฉินและเหวินหรู่กลับ นางเดินออกมาโดยไม่ให้โอกาสเย่หลิงได้กล่าวคำ
ใบหน้าของเย่หลิงเปลี่ยนไปอย่างมากแท้จริงแล้วเย่หยิงเพียงขอให้เขาจัดที่พักสภาพเลวร้ายที่สุดให้กับไป๋หยาน ผู้ใดจะคิดว่าเย่หลิงจะพาไป๋หยานไปพักที่ห้องเก็บฟืน
นี่เรียกว่าห้องพักได้หรือ?
ครั้นเห็นไป๋หยานกำลังจะก้าวออกจากบ้านเย่หลิงก็รีบตามนางไป เขาอยากจะตะคอกนาง แต่ครั้นคิดได้ว่านางเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาก็พยายามระงับความโกรธของตน
“แม่นางไป๋เราไม่มีห้องพักสำหรับหมอปรุงยาเหลืออีกแล้ว เหตุใดท่านไม่พักในห้องนี้ ก็แค่พักในห้องเก็บฟืนเท่านั้น”
ทว่าไป๋หยานก็แน่วแน่มากนางไม่ยอมเดินกลับไป
ครั้งนี้เย่หลิงรู้สึกงงงวยไปหมด “แม่นางไป๋ อย่าเพิ่งไป เป็นข้าผิดเอง ครั้งนี้ ข้าผิดเอง ข้าจะจัดที่พักใหม่ให้เจ้า”
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับผู้อาวุโสซูฮงและคุณหนูเย่หยิงที่จะทำให้หญิงผู้นี้อยู่ร่วมงานชุมนุมต่อ หากนางจากไปเพราะเขา เขาจะต้องรับกรรมหนักเลยทีเดียว !
เจ้าสำนักต้องฆ่าเขาแน่ๆ !
เย่หลิงคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัวเขาไม่คิดเลยว่าผู้หญิงจะจัดการยากเพียงนี้ หากเขารู้ เขาคงไม่ยืนยันที่จะกลั่นแกล้งหญิงสาวผู้นี้เป็นแน่
ไป๋หยานยิ้มอย่างเย็นชานับแต่ต้นจนจบนางไม่มองเย่หลิงเลย
เสียใจ? เจ้าทำสิ่งใดลงไป ? มาตอนนี้เสียใจก็สายเสียแล้ว
แน่นอนซูฮงเองก็ตกใจกับเรื่องนี้มาก
หลังจากได้รู้ว่าเย่หลิงจัดให้ไป๋หยานพักในห้องเก็บฟืน ซูฮงก็แทบจะอดใจอยากฆ่าเย่หลิงไม่ไหว
***จบบทใครแกล้งใครกันแน่ ? (2)***
บทที่ 484 : ใครแกล้งใครกันแน่ ? (3)
เดิมทีความคิดของซูฮงก็ใกล้เคียงกับเย่หยิงเขาคิดว่าเย่หลิงคงจะหาสถานที่พักที่แย่ที่สุดให้ไป๋หยาน
ทว่าสถานที่พักต่อให้เลวร้ายสักเพียงใดก็ยังคงเป็นที่พักเย่หลิงคิดอย่างไรถึงให้นางพักในห้องเก็บฝืน ไม่ไว้หน้าสำนักเวชโอสถเลยหรือไร ?
ยิ่งไปกว่านั้นซูฮงเองก็อารมณ์ไม่ดี เนื่องจากไป๋หยานหักหน้าเขาหลายต่อหลายครั้ง ทว่าไป๋หยานเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาจึงไม่กล้าที่จะระบายกับนาง บัดนี้เย่หลิงมาเข้าทางพอดี เขาจึงหยิบไม้เท้าขึ้นมา จากนั้นก็กระแทกเย่หลิงอย่างแรง
ซูฮงเริ่มทุบตีเย่หลิงอย่างแรงจนเย่หลิงส่งเสียงร้องครวญหาพ่อหาแม่ ท้ายสุดซูฮงก็บังคับให้เย่หลิงคุกเข่าต่อหน้าไป๋หยานจนกว่าไป๋หยานจะให้อภัยเขา
ครั้นเห็นว่าเย่หลิงเจ็บปวดมากแล้วไป๋หยานก็หยุดฝีเท้าพลางกล่าวเยาะ “หากเจ้าต้องการให้ข้าอยู่ต่อ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ทว่าข้าต้องได้พักที่เรือนของเย่หยิง หากนางยอมย้ายออก เพื่อให้ข้าเข้าพัก ข้าก็ยินดีที่จะอยู่ต่อ อีกเรื่องข้าต้องการที่จะเริ่มปรุงยาตามตำรับของสำนักเวชโอสถ เช่นนั้นเจ้าต้องส่งวัตถุดิบ รวมถึงสมุนไพรที่ใช้ในการปรุงยามาให้ข้าอย่างละ 100 ส่วน”
ซูฮงแทบกระอักเลือดใบหน้าของเขาโกรธกระทั่งบิดเบี้ยว
วัตถุดิบรวมถึงสมุนไพรที่ใช้ในการปรุงยาอย่างละ100 ส่วนรึ ? เหตุใดเจ้าไม่ปล้นไปให้หมดเลยล่ะ ?
”อย่าให้มากไปแม่นางไป๋ !”
”ไม่งั้นรึ? เช่นนั้นก็ลืมได้เลย” ไป๋หยานยักไหล่ “เฉินเอ๋อ เรากลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์กันเถอะ หากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถามมา ข้าก็จะตอบไปว่าข้าถูกเย่หยิงคุณหนูของสำนักเวชโอสถขับไล่”
ซูฮงพ่นลมออกปากอย่างแรงความโกรธของเขาพุ่งพล่าน หญิงผู้นี้ยกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาข่มขู่เขาอีกครั้งแล้ว !
ทว่าเขาก็ไม่อาจปล่อยให้นางกลับไปเช่นนี้ได้!
”ได้ข้ารับข้อเสนอของเจ้า !”
ยามนี้หัวใจของซูฮงกำลังกระตุกด้วยความเจ็บปวดเขาจ้องมองเย่หลิงด้วยความโกรธเคือง
หากมิใช่เพราะเจ้างั่งคนนี้หญิงผู้นี้คงไม่มีโอกาสร้องขอมากมายถึงเพียงนี้ !
นัยน์ตาดำขลับของไป๋หยานเต็มไปด้วยประกายเจ้าเล่ห์
แน่นอนว่าประกายตานี้ซูฮงสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เขาเห็นถึงความรู้สึกสะใจเล็ก ๆ !
”อย่าลืม! จัดเรือนเย่หยิงให้ข้าด้วย อ้อ ! ไม่ดีกว่า ข้าต้องการอยู่เพียงลำพัง เพราะข้าเองก็ไม่ชอบที่จะมีคนแปลกหน้ามาเพ่นพ่านในเรือน ทั้งไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปใช้ลานบ้านนั้น ยกเว้นคนของข้า !”
ความโกรธของซูฮงแทบจะระเบิดออกโชคดีที่คนที่อยู่ข้าง ๆ จับเขาไว้ได้ทันเวลา ทำให้เขาทนเก็บกลั้นไว้ได้
เป็นเพียงแขกที่เข้าร่วมงานชุมนุมหมอปรุงยา? ทำตัวราวกับคุณหนูของสำนักเวชโอสถ ? แม้แต่เย่หยิงเองยังไม่วางท่าถึงเพียงนี้เลย !
ทว่าหญิงผู้นี้จะไปจากที่นี่ทันทีหากเขาปฏิเสธไม่ทำตามความต้องการของนาง ! หากข้าไม่กลัวว่าสองขั้วอำนาจจะเกิดข้อพิพาทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะก็ !
ซูฮงไม่ได้กลัวไป๋หยานเพราะในความคิดของเขา ไป๋หยานเป็นเพียงศิษย์ปลายแถว หากแต่ไม่ว่านางจะต่ำต้อยเพียงใด ยามนี้นางก็เป็นตัวแทนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องโกรธมากหากเสียหน้า?
”ได้!” ซูฮงกัดฟันตอบ “ข้าจะให้คนพาเจ้าไปที่นั่น !”
ไป๋หยานยังคงเย็นชาเฉกเช่นเคยนางก้มหน้าลงมองเจ้าซาลาเปาน้อยที่อยู่ข้างกายพร้อมรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยน
”เฉินเอ๋อถึงแม้ว่าเรือนของนางจะแย่กว่าบ้านของเราในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจ้าก็ทนเอาหน่อยแล้วกัน อีกเพียงแค่สามวัน เราก็จะกลับบ้านกัน”
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าอย่างฉลาดเฉลียว”อยู่กับหม่ามี้ ไม่ว่าบ้านจะห่วยแค่ไหน เฉินเอ๋อก็อยู่ได้”
บทสนทนาของสองแม่ลูกทำให้ซูฮงโกรธจนตัวสั่นไม่หยุด ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ
นางกล้าพูดออกมาได้ไง!
ลานบ้านของคุณหนูเย่หยิงจะแย่ไปกว่าลานบ้านของศิษย์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? โม้ไม่มองเงาตัวเองเลย โชคดีที่คนประเภทนี้ไม่ได้อยู่ในสำนักเวชโอสถของเขา
หาไม่แล้วอย่าว่าแต่ผู้อาวุโสอย่างเขาเลยแม้แต่นายน้อย หรือกระทั่งเจ้าสำนักก็คงจะโมโหจนตาย !
หลังจากนั้นไป๋หยานก็พาไป๋เสี่ยวเฉินเดินจากไป
***จบบทใครแกล้งใครกันแน่ ? (3)***
บทที่ 485 : ใครแกล้งใครกันแน่ ? (4)
เหวินหรู่ทำตัวไม่ต่างจากพี่เลี้ยงเด็กเขาเดินตามสองแม่ลูกหายลับไปจากสายตาของคนกลุ่มนั้น
”แม่เจ้าประคุณไปจนได้”
ผู้คุ้มกันประจำสำนักเวชโอสถมองไป๋หยานจากไปอย่างโล่งอก
”เจ้าหมายความว่าไงนางจะไปที่ใด ?” ซูฮงเยาะหยัน “พวกนางจะต้องอยู่ในสำนักเวชโอสถของเราอีกตั้งสามวัน !”
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า!
ทันใดนั้นเองใบหน้าของผู้คุ้มกันพลันเปลี่ยนแปรไป เขาแสดงออกราวกับเห็นวันโลกาวินาศ
คนอื่นที่ได้ยินก็เช่นเดียวกันพวกเขาต่างคิดว่า หากไป๋หยานยังอยู่ที่นี่ต่ออีกสามวัน พวกเขาจะปวดหัวกันมากเพียงใด พลันนัยน์ตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเศร้า
*****
ช่วงเวลาเดียวกันนี้ภายในห้องพักที่สวยงาม เด็กสาวในชุดกระโปรงสีน้ำเงินนั่งอยู่ที่โต๊ะ นางเทน้ำอุ่นที่อยู่ตรงหน้ายกขึ้นจิบ
”เหตุใดเย่หลิงถึงยังไม่กลับมา?”
นางได้ยินเสียงเคลื่อนไหวบริเวณลานหน้าบ้านแต่เนื่องจากนางไม่ต้องการเห็นหน้าไป๋หยาน นางจึงไม่ออกไปดู
สาวใช้ที่อยู่ด้านหลังกำลังจะตอบทว่า จู่ ๆ ก็เกิดเสียงดังปัง ประตูห้องถูกกระแทกจนเปิด ทันใดนั้น ร่างที่งดงามไร้ตำหนิก็ยืนเด่นเป็นสง่า ทำให้ใบหน้าของเย่หยิงเปลี่ยนไปทันที
”ผู้ใดใช้ให้เจ้ามาที่นี่?”
นางตะคอกพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วยโทสะ
ไป๋หยานจิกปากเยาะหยัน”โยนข้าวของทุกอย่างของนางออกไป จากนั้นก็เปลี่ยนผ้านวมทั้งหมดให้ข้าด้วย !”
”โอหังนัก!”
นางแพศยานี่ต้องการจะแย่งเรือนของนาง? จากนางงั้นรึ ?
เย่หยิงหันไปมองศิษย์สำนักเวชโอสถที่นำไป๋หยานมา”ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าพานางมาที่นี่”
ศิษย์สำนักเวชโอสถยืนอึ้งไม่กล้ามองเย่หยิงตรงๆ
เย่หยิงโกรธทว่าก่อนที่เขาจะทันอ้าปากตอบ เขาก็ถูกไป๋หยานขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
”ซูฮงมอบเรือนของเจ้าให้ข้าแล้วเช่นนั้นเจ้าจงเก็บข้าวของของเจ้าออกจากเรือนนี้ซะ”
”เจ้า… ” เย่หยิงสูดลมหายใจเข้าลึก เพื่อระงับความโกรธในใจลง ก่อนจะหันไปหาศิษย์สำนักเวชโอสถ “ที่นางพูดมาจริงหรือไม่ ?”
ศิษย์คนนั้นพยักหน้าอย่างระมัดระวังก่อนจะเล่าถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
ใบหน้าของเย่หยิงน่าเกลียดมากยิ่งขึ้นนางกำหมัดแน่นกระทั่งมือเป็นสีชมพู
เย่หลิงเป็นคนไร้ค่าที่สุด! ทำแต่เรื่องโง่ ๆ ยามนี้ยังทำให้ผู้อาวุโสซูฮงโกรธขึ้นมาอีก !
ผู้ใดก็รู้ว่าอาวุโสซูฮงให้ความสำคัญกับสำนักเวชโอสถมากที่สุด? หากปล่อยให้ไป๋หยานจากไปจริง ๆ ไม่เท่ากับหักหน้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ ?
สำหรับเรื่องนี้เราทำได้เพียงตามใจนาง !
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้หน้าอกของเย่หยิงพลันขยับขึ้นลงอย่างฮึดฮัด นางหันไปจ้องไป๋หยาน แววตาของนางเต็มไปด้วยความแค้นที่ไม่อาจซ่อนเร้น
”คอยดูเถอะวันนี้เป็นทีของเจ้า เมื่อไรเป็นทีของข้า ข้าจะให้เจ้าคุกเข่า วิงวอนข้าให้ได้ !”
นางเป็นญาติของไป๋จั่นเผิงแล้วหญิงผู้นี้เป็นใคร ? หากมิใช่เพื่อสำนักเวชโอสถแล้ว นางไม่มีวันปล่อยหญิงผู้นี้เว้นแต่จะเป็นศพ !
“ข้าจะรอเจ้า”ไป๋หยานกล่าวพร้อมกับหัวเราะเยาะ “แต่สำหรับข้าแล้ว ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไป แม้ว่าเจ้าจะคุกเข่าอ้อนวอนข้าก็ตามที”
หากเจ้ากล้าคิดบัญชีกับข้าเจ้าก็ต้องชดใช้ในราคาสูง !
”ฮึ่ม!”
เย่หยิงพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชานางเดินจิกเท้า หน้าเชิด ราวกับนกยูง ก่อนจะออกพ้นประตูไป
ช่วงเวลาที่นางก้าวออกจากประตูนั้นความภาคภูมิใจบนใบหน้าของนางพลันจางหาย ท่าทีของนางน่าสงสารเต็มไปด้วยความคับข้องใจ ดูเหมือนนางจะถูกรังแกอย่างหนัก กระทั่งไม่อาจทานทนแล้ว
”ตอนนี้เราจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะคุณหนู ?” สาวใช้เอ่ยถาม
เย่หยิงยืนนิ่งแววตาเต็มไปด้วยอายเย็นยะเยือก“ไปหาเจ้าสำนัก ครั้งนี้หยามกันมากเกินไปแล้ว ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าสำนักจะไม่ให้ความยุติธรรมแก่ข้า ?”
นางอยากขอให้เย่ฮูหยินช่วยนางแต่ครั้นคิดได้ว่าเย่ฮูหยินก็เคยล้มเหลวมาก่อน เช่นนั้นนางจึงยกเลิกความคิดนั้นทันที นางไปที่สำนักชั้นในด้วยตนเอง
***จบบทใครแกล้งใครกันแน่ ? (4)***