จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 516-520
บทที่ 516 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (15)
ภายในสถานที่จัดงานแห่งนี้
ไป๋หยานดูเหมือนจะตระหนักได้ถึงสายตาเย้ยหยันที่มองมาใบหน้าของนางพลันเผยรอยยิ้มน้อย ๆ “ตำรับยาพวกนี้ปรุงยากมากงั้นหรือ ? มันคุ้มค่าพอที่ข้าจะต้องใช้เวลาถึงสามวัน เพื่อศึกษาเลยกระนั้นหรือ ?”
ฮือฮา!
ทันใดนั้นเองฝูงชนต่างก็แตกตื่นตกใจเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่หยิ่งผยองของสตรีผู้นี้
นางถามว่า… ตำรับยาพวกนี้ยากมากกระนั้นหรือ ?
เกินไปจริงๆ ไม่เคยมีผู้ใดบ้าบิ่นเช่นนี้มาก่อนเลย !
”และ… ” ไป๋หยาน เว้นจังหวะ “ผู้ใดบอกพวกเจ้ากันล่ะว่าข้ามียาอายุวัฒนะแค่เจ็ดชนิดเท่านั้น”
ใช่แล้วหมอปรุงยาที่มาประเมินเป็นผู้บอกว่ามียาเจ็ดชนิด นั่นเป็นเพราะ …
ในขวดใบนั้นของนางมียาแค่เจ็ดชนิดเท่านั้นจริงๆ
เพียงแต่ในยามนี้ทุกคนต่างก็สังเกตเห็นว่าหมอปรุงยาจากสำนักเวชโอสถที่ทำการประเมินไป๋หยานไม่ได้กล่าวคำใดเลยนับแต่ต้นจนจบทว่าสีหน้าของเขาดูจะละอายใจเล็กน้อย ยามเมื่อคนของสำนักจั่นเยว่กระโดดออกมาประท้วง
”เหวินหรู่”
ไป๋หยานยื่นมือออกไปทางเหวินหรู่
เหวินหรู่รีบนำผลงานของเขาในหลายวันที่ผ่านมาวางลงบนฝ่ามือของไป๋หยาน
”ยาอายุวัฒนะสิบสองชนิดห้าชนิดเป็นยาเม็ดระดับต้น ๆ ที่ง่ายมาก ตำรับยาง่าย ๆ เหล่านี้ข้าใช้ในการฝึกฝนฝีมือคนของข้า” ไป๋หยานยิ้มพลางหันไปมองชายที่มาจากสำนักจั่นเยว่ “เจ้ายังต้องการจะบอกว่ายาสิบสองเม็ดนี้ถูกขโมยมาจากสำนักจั่นเยว่ของเจ้าอยู่อีกหรือไม่ ?”
บูม!
ฝูงชนต่างพากันเงียบกริบภายหลังได้ฟังถ้อยคำจากปากไป๋หยาน ทุกคนก็ได้แต่อึ้ง
ยาอายุวัฒนะสิบสองชนิด
เหตุใดหญิงผู้นี้ถึงปรุงยาอายุวัฒนะได้ถึงสิบสองชนิด?
แม้แต่หมอปรุงยาของสำนักเวชโอสถเองก็ยังต้องใช้เวลาศึกษาอยู่นานหลายเดือนแต่ก็ใช่ว่าจะสามารถปรุงยายาก ๆ เหล่านี้ได้
นาง… สามารถทำได้จริงงั้นหรือ ?
เนื่องจากกลัวขายหน้าสำนักจั่นเยว่จึงออกมาอ้างว่า นางขโมยยาอายุวัฒนะของพวกเขา นั่นทำให้นางนำยาอีก 5 เม็ดออกมา
และเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกายนางนั่นด้วยความแข็งแกร่งของเขาสามารถปรุงยาอายุวัฒนะได้ถึงห้าชนิด
”เมื่อครู่นี้ข้ายังพูดไม่จบเลย” หมอปรุงยาจากสำนักเวชโอสถถือขวดยาของไป๋หยานด้วยฝ่ามือที่สั่นระริก “ในบรรดายาอายุวัฒนะที่หญิงผู้นี้ปรุงขึ้น มียาอายุวัฒนะห้าชนิดที่ไม่สามารถระบุได้ นั่นอาจเป็นเพราะความแข็งแกร่งของข้านั้นด้อยนัก ขอผู้อาวุโสทุกท่านของสำนักเราโปรดมาช่วยกันพิสูจน์ด้วย”
หากยาอายุวัฒนะนี้ผิดปกติหมอปรุงยาของสำนักเวชโอสถจะตัดสินได้ทันทีว่านางแอบใช้สมุนไพรอื่นในการปรุงยา
อย่างไรก็ตามเขายังไม่กล่าวประโยคนี้ เขาเพียงอ้างว่าเขาไม่สามารถตัดสินได้
นี่ก็พิสูจน์ชัดว่า… ยาอายุวัฒนะของไป๋หยานทั้งห้าชนิดนั้น หมอปรุงยาคนนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยใช่หรือไม่ ?
ท่ามกลางความตกใจตื่นตระหนกของฝูงชนกลุ่มผู้อาวุโสที่นำโดยลั่วจง ก็เดินเข้ามาหาไป๋หยานอย่างรวดเร็ว
เขามองมาอย่างตื่นเต้นมือของเขาสั่นระริก ขณะหยิบขวดยามาจากมือของหมอปรุงยา
หลังจากแยกยาออกไปสองเม็ดแล้วลั่วจงก็วางยาห้าเม็ดที่เหลือไว้ในมือของตน
ทันใดนั้นกลิ่นยาจางๆ ก็โชยมาแตะปลายจมูก ทำเอาเขาหลับตาลงดื่มด่ำกับมัน
สถานที่แห่งนั้นเงียบสงบลงอีกครั้ง
เงียบสนิท… ไร้แม้เสียงลมโชย
ทุกคนต่างก็จับจ้องลั่วจงรอฟังคำตัดสินของเขา …
หลังจากนั้นเพียงไม่นานลั่วจงก็ลืมตาขึ้น เขาส่งยาอายุวัฒนะในมือไปให้ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็เป็นเช่นเดียวกับลั่วจง ทันทีที่พวกเขาสัมผัสยาอายุวัฒนะเหล่านั้น พวกเขาต่างก็ตกตะลึง ผู้อาวุโสคนหนึ่งหยิบยาอายุวัฒนะออกมาเม็ดหนึ่ง ก่อนจะลองเลียดู ทันใดนั้นเองสีหน้าของเขาก็แลดูมีความสุขมาก
”เป็นของจริงยาอายุวัฒนะแต่ละชนิด ล้วนเป็นของจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังฉีที่ใช้เป็นแก่นสำคัญในการปรุงยานี้ แค่ข้าเลียมัน ข้าก็รู้สึกได้ว่าพลังจิตวิญญาณของข้าเพิ่มมากขึ้น หากข้าได้กินมัน พลังจิตวิญญาณของข้าจะต้องเพิ่มมากกว่าเดิมถึงสองเท่า”
พลังจิตวิญญาณนับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ฝึกฝน
ผู้ที่มีพลังจิตวิญญาณแข็งแกร่งจะสามารถฝึกฝนได้ก้าวหน้ารวดเร็วขึ้นเป็นสองเท่า ผลลัพธ์ที่ได้ ก็คือหากผู้อื่นต้องใช้เวลาหนึ่งปีในการฝึกฝนให้ผ่านแต่ละระดับ พวกเขาอาจจะใช้เวลาเพียงแค่สามเดือนเท่านั้นในการผ่านแต่ละระดับ
***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (15)***
บทที่ 517 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (16)
นี่คือเหตุผลที่ผู้อาวุโสหลายคนต้องการจะปรุงยาอายุวัฒนะ…
”ยาอายุวัฒนะเม็ดอื่นๆ ก็มีผลเหมือนกับที่อธิบายไว้ในตำรับยา เช่นนั้นข้าจึงสามารถสรุปได้ว่ายาอายุวัฒนะทั้งห้าที่หญิงผู้นี้ปรุงนั้นประสบความสำเร็จ !”
บูม!
ราวสายฟ้าฟาดลงบนศีรษะทุกคนต่างตกใจกระทั่งเนื้อตัวสั่นเทา
ชายจากสำนักจั่นเยว่ผู้น่าสมเพชคนนั้นยืนนิ่งงงใบหน้าของเขาซีดเผือด
หญิงผู้นี้กลั่นยาอายุวัฒนะตั้งห้าชนิดได้อย่างไรกัน? เขาเคยเห็นตำรับยามาแล้ว ย่อมเข้าใจดีว่าตำรับยาทั้งหมดนั้นยากมากเพียงใด !
ที่ตลกก็คือเขาอ้างว่ายาอายุวัฒนะของไป๋หยานขโมยมาจากสำนักจั่นเยว่…
”ไม่จะต้องไม่เป็นเช่นนี้ !”
เย่หยิงกำหมัดแน่นใบหน้าของนางซีดเซียวเล็บของนางฝังเข้าไปในเนื้อ
”นางจะปรุงยาด้วยพลังฉีที่สูงส่งเช่นนั้นได้เยี่ยงไร? เป็นไปไม่ได้ เพราะบางทีแม้แต่ท่านเจ้าสำนักเองก็ยังไม่อาจปรุงยาระดับนี้ได้ ความสามารถของนางจะยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ได้เยี่ยงไร ?”
”หยิงเอ๋อ… นี่ข้าควรทำเช่นไรดี ?”
เย่ฮูหยินรู้สึกปั่นป่วนใจนางไม่คาดคิดว่าไป๋หยานจะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
ใบหน้าของเย่หยิงเผยรอยยิ้มน้อยๆ นัยน์ตาของนางแลดูไม่พอใจนัก “นางปรุงยาสำเร็จแล้วไง ? นางเป็นใคร ? แล้วข้าเป็นใคร ? ข้าเป็นถึงคุณหนูของสำนักเวชโอสถ บางทีวันนี้เจ้าสำนักอาจจะประกาศฐานะของข้าให้ทุกคนได้รับรู้… วันหน้าแม้ว่านางจะเป็นศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าก็สามารถเหยียบนางไว้ใต้ฝ่าเท้าของข้าได้ ”
จะแข็งแกร่งเพียงใด? เก่งยังไงก็สู้ดวงไม่ได้ ไป๋หยานก็แค่คนธรรมดา ๆ ที่ต้องมาสยบใต้ฝ่าเท้านาง
เย่หยิงเริ่มสบายใจขึ้นเมื่อนางคิดปลอบใจตนเอง พลันใบหน้าของนางก็ดีขึ้นเล็กน้อย
”รอดูเถิดหลังจากฐานะของข้าถูกประกาศออกไป หญิงผู้นี้ย่อมจะเข้าใจ แน่นอนว่า เราทั้งสองนั้นแตกต่างกันมาก ศักดิ์ของข้านั้นสูงเทียมฟ้า ส่วนนางก็ต่ำค่าไม่ต่างกับดินโคลน”
เย่ฮูหยินขมวดคิ้วอย่างไรก็ตามนับแต่ตื่นนอน นางก็เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี และมักจะรู้สึกว่ามีเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น …
”ท่านย่าเราไปกันเถอะ ข้าอยากจะพูดอะไรซักหน่อย”
เย่หยิงลดสายตาลงเล็กน้อยรอยยิ้มเย็น ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง ทว่าก็หายไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าของนางกลับมาเฉยเมยเฉกเช่นเดิม
*****
”ไป๋หยานเจ้าช่วยบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าเจ้าปรุงยาอายุวัฒนะเหล่านั้นได้อย่างไร ?
นัยน์ตาของลั่วจงสว่างไสวขณะจ้องไป๋หยานตาไม่กะพริบ ดวงตาของเขาฉายประกายแห่งความหวัง
ผู้อาวุโสต่างก็เข้ามารายล้อมรอบกายไป๋หยานราวกับนักเรียนที่กระตือรือร้นใฝ่จะเรียนรู้ ต่างก็รอให้นางตอบคำถาม
นอกจากซูฮง …
ยามนี้ซูฮงรู้สึกเสียหน้าอย่างหนัก เดิมทีเขาเองก็พยายามจะก้าวไปข้างหน้า ทว่ากลับโดนเหล่าผู้อาวุโสผลักออกมาอย่างแรง กระทั่งเขาต้องเซถอยออกมา
เขาทำได้เพียงยืนอยู่นอกฝูงชนทั้งไม่รู้จะกล่าวคำใดอยู่ครู่หนึ่ง
”ท่านตาทั้งหลาย”ไป๋เสี่ยวเฉินจับมือของไป๋หยานพร้อมรอยยิ้มที่สดใส แก้มของเขาเป็นสีชมพู “หม่ามี้ของข้าเพิ่งโดนกล่าวหาว่าขโมยยาอายุวัฒนะ นี่เป็นความอัปยศอย่างยิ่งสำหรับหมอปรุงยา ท่านตาช่วยให้ความยุติธรรมกับหม่ามี้ของข้าก่อนจะได้มั้ย ?”
น้ำเสียงที่นุ่มนวลและใสกิ๊งของเจ้าซาลาเปาน้อยดึงดูดความสนใจของผู้อาวุโสทุกคนโดยไม่ตั้งใจครั้นทุกคนได้เห็นเด็กตัวน้อยที่ทั้งน่ารักทั้งอ่อนโยน พวกเขาก็รู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาหวั่นไหว
น่ารักอะไรเยี่ยงนี้!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าซาลาเปาน้อยช่างพูดจามีเหตุผล! เลี้ยงดูมาอย่างไรถึงได้ฉลาดเฉลียวเช่นนี้ …
”หากเป็นเรื่องการปรุงยาไว้พวกท่านค่อยมาหาข้าในภายหลัง เมื่อนั้นข้าจะตอบพวกท่านทุกอย่าง ทว่าตอนนี้ … ” ไป๋หยานหรี่ตาลงเล็กน้อย ประกายเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นในแววตาของนาง
***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (16)***
บทที่ 518 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (17)
ชายจากสำนักจั่นเยว่ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวเขาต้องการที่จะวิ่งหนี หากแต่เขาไม่รู้ตัวว่าหญิงสาวในอาภรณ์สีชมพูมายืนเท้าสะเอวจ้องมองเขาอยู่ข้างหลัง
”เจ้าใส่ร้ายพี่สะใภ้ข้าแล้วคิดจะหนีงั้นรึ?”
”หลบไป!”
ทันทีที่ชายคนนั้นยกกำปั้นขึ้นหวังอัดใส่ตี้เสี่ยวอวิ๋นเด็กสาวก็เตะก้นเขาลอยโด่งขึ้นฟ้าไปแล้ว ทั้งที่กำปั้นของเขายังไม่ทันได้แตะต้องนางเลยด้วยซ้ำ
”งี่เง่าจริงๆ !” ตี้เสี่ยวอวิ๋นปัดมือพลางกล่าวเยาะเย้ย ก่อนจะหันหน้ากลับมาอย่างเย่อหยิ่ง จากนั้นนางก็เดินเข้าไปหาไป๋หยาน กุมมือของไป๋หยานพร้อมส่งยิ้มให้ “พี่สะใภ้ พี่แข็งแกร่งจริง ๆ หากพี่เป็นบุรุษข้าต้องแต่งงานกับพี่แน่ ๆ … ”
ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวอย่างจริงจัง”ท่านอาหญิง ข้าจะบอกป๊ะป๋าวายร้าย”
ใบหน้าของตี้เสี่ยวอวิ๋นเปลี่ยนเป็นซีดขาว”ข้าเพียงล้อเล่น ก็แค่เรื่องตลกจริง ๆ นะ อย่าบอกพี่ชายข้า หาไม่แล้วเขาต้องฆ่าข้าแน่ ๆ”
เสด็จพี่ต้องไม่พอใจอย่างมากหากรู้ว่าน้องสาวคอยตามตื๊อพี่สะใภ้ หากให้เขารู้ว่าเมื่อครู่นางกล่าวอะไรออกไป บางทีนางอาจจะถูกกำจัดในฐานะเป็นคู่แข่งของเขา
“แค่กๆ”
ชายคนเดิมไอออกมาสองครั้งก่อนจะลุกขึ้นจากพื้นดิน ร่างของเขาสั่นเทาขณะกัดฟันพูด “แม่นาง เมื่อครู่เป็นข้าเข้าใจเจ้าผิดเลยกล่าวออกไปเช่นนั้น ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด เมื่อข้าไม่รู้ ย่อมเป็นเหตุที่พอเข้าใจได้ใช่หรือไม่ ?”
”เจ้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ งั้นหรือ ?”
ไป๋หยานลูบคางพลางเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
”ใช่”
ชายคนนั้นกัดฟันตอบ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ไม่อาจบอกผู้ใดได้ว่าเย่หยิงจ้างเขามา หาไม่แล้ววันหน้าเขาก็ไม่อาจสู้หน้านางได้อีก
”งั้นรึ?”
ไป๋หยานยิ้มพลางก้าวเข้าไปหาชายผู้นั้นอย่างช้า ๆ
ครั้นเห็นหญิงสาวเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ชายผู้นั้นก็ยิ่งตัวสั่น “เจ้าต้องการอะไร ?”
”แน่นอนข้าพูดความจริง…”
ปัง!
ไป๋หยานเหยียบกลางอกของชายวัยกลางคนแววตาของนางราวกับจะยิ้มได้ “จนกว่าเจ้าจะยอมรับ”
อัค!
ชายคนนั้นกระอักเลือดออกมาเขารู้สึกว่าเขาหายใจลำบากมาก ใบหน้าของเขาซีดไร้สีเลือด นัยน์ตาของเขาเบิกกว้างเห็นได้ชัดว่าเขาขวัญเสีย
”ช้าก่อน!”
ในขณะที่ชายคนนั้นคิดว่าเขากำลังจะหายใจไม่ออกอยู่แล้วจู่ ๆ เสียงเย็น ๆ ก็ดังมาจากด้านหลัง
ทุกคนหันมองตามเสียงนั้นทันทีทันใดนั้นเองเด็กสาวผู้ซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นก็ถูกเข็นเข้ามาต่อหน้าทุกคน
ร่างของหญิงสาวนั้นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำเห็นได้ชัดว่านางบาดเจ็บสาหัส ทั้งใบหน้าของนางก็ยังดูไม่ชัดว่าเป็นผู้ใด
ถึงกระนั้นทุกคนก็จำหญิงผู้นี้ได้…
”แม่นางไป๋อภัยได้ก็ควรอภัย เมื่อคนของสำนักจั่นเยว่ไม่ได้ตั้งใจ ย่อมจะเป็นการดีกว่า หากเจ้าจะลืมเรื่องหมางใจในครานี้เสีย เหตุใดเจ้าต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต” สายตาเย่หยิงมีแววเยาะเย้ย นางกล่าวพร้อมหัวเราะเยาะ
ไป๋หยานเหลือบมองเย่หยิง”แล้วหากข้าต้องการที่จะกำจัดเขาเล่า ?”
”เช่นนั้นข้าก็ห้ามเจ้าไม่ได้ทว่าข้าก็ไม่อยากเห็นเจ้าถูกผู้อื่นมองในทางเสียหาย” เย่หยิงกล่าวต่อ “อย่าหาว่าข้าสอนเจ้าเลยนะ เมื่อสองวันที่ผ่านมา มีคนวางแผนใส่ร้ายข้ากับพี่ชายของข้า ก็แล้วไงล่ะ ? ถึงข้าเองจะรู้ว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร แต่ข้าก็ไม่อยากทำร้ายชีวิตของผู้อื่น ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าเป็นคนดีอย่างข้า เพียงหวังให้เจ้าไม่โหดร้ายจนเกินไปนัก ! ”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นและฉู่อีอี้ต่างก็ตกตะลึงในคำพูดของเย่หยิง พวกนางสับสนมาก ไม่อยากเชื่อว่าจะยังมีคนหน้าด้านระดับนี้อยู่ในโลกอีก
“อ้อ”ฉู่อีอี้เย้ยหยัน นางก้าวออกมาข้างหน้าอย่างช้าๆ สองก้าว “ข้าจำได้ว่า เมื่อวานนี้เจ้ายังต้องการให้คนของเจ้ามาจับตัวข้าอยู่เลย”
ใบหน้าของเย่หยิงเปลี่ยนไป”ใช่…เป็นข้าสั่งเอง แต่นั่นเพราะข้าไม่รู้ฐานะของเจ้า … ข้าคิดว่าเจ้าต้องการมาสร้างปัญหา ข้าจึงต้องขับไล่เจ้าออกไปไม่ได้คิดทำร้ายเจ้า ! แม้ว่าต่อมาเจ้าจะทำร้ายข้า ข้าก็ไม่เคยคิดถือโทษเจ้า”
***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (17)***
บทที่ 519 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (18)
ปัง!
ฉู่อีอี้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่พุ่งปรี๊ดของนางไหวนางสะบัดมือตบหน้าเย่หยิง เอ่ยกล่าวด้วยความโกรธว่า “หุบปาก ! ขืนพูดอีกคำ ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ !”
”เหตุใดต้องเสียเวลาฉีกนางแค่โยนนางเข้าไปในป่าสัตว์อสูรให้เป็นอาหารของบรรดาสัตว์อสูรก็พอแล้ว”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นผู้ซึ่งคิดแต่เรื่องสัตว์อสูรตลอดเวลาพลันนึกขึ้นได้ว่าจะต้องเสียพลังงานฉีกเย่หยิงทำไม ? สู้…เอาไปเลี้ยงสัตว์อสูรไม่ดีกว่ารึ
“เสี่ยวอวิ๋นข้าขอติดตามเจ้าไปที่ป่าสัตว์อสูรด้วยคนจะได้หรือไม่ ?” นัยน์ตากลมโต ของหลานเสี่ยวหยุนกระพริบฉายประกายตื่นเต้น “ข้าไม่เคยเห็นสัตว์อสูรเวลากินมนุษย์เลย ข้าอยากเห็นจะ ๆ กับตาตนเองสักครั้ง”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นพยักหน้าพลางกล่าวว่า”ได้สิ สัตว์อสูรในป่าล้วนเป็นของตระกูลข้า พวกมันไม่ทำร้ายเจ้าแน่ เจ้าสามารถวางใจได้”
สายตาของทุกคนเปลี่ยนจากไป๋หยานไปรวมลงที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นปากของพวกเขาอ้ากว้างด้วยความประหลาดใจ
เด็กสาวคนนี้บังอาจจริงๆ
แม้แต่กองกำลังใหญ่ทั้งสามในดินแดนแห่งนี้ก็ยังไม่กล้าอ้างว่าป่าสัตว์อสูรนั้นเป็นของพวกเขา นางกล้าพูดถึงเพียงนี้ได้เยี่ยงไร ? ไม่กลัวจะโดนตัดลิ้นหรือไร ?
”โอหังโอหังยิ่งนัก !”
ครั้นเย่ฮูหยินเห็นหลานสาวของนางโดนตบทั้งยังมาได้ยินถ้อยคำของสามสาวป่าเถื่อน นางก็อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป
”เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถกระทำทุกอย่างได้ตามแต่ใจต้องการเพียงเพราะเจ้าเป็นธิดาของประมุขแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์กระนั้นหรือ ? ข้าขอบอกเจ้าไว้เลยว่า หลานสาวของข้าจะไม่ได้เป็นแค่ญาติของเจ้าสำนักเวชโอสถอีกต่อไป เพราะท่านเจ้าสำนักสัญญาแล้วว่าจะให้ไป๋จั่นเผิงรับนางเป็นธิดาบุญธรรม”
ว่าไงนะ?
ถ้อยคำของเย่ฮูหยินนั้นมีน้ำหนักมากเหลือเกินส่งผลให้สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยเสียงดังจอแจกลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง
ท่านเจ้าสำนักสัญญาว่าจะให้นายน้อยรับนางเป็นธิดาบุญธรรมกระนั้นรึ? แล้ว … ในเวลาเช่นนี้น่ะหรือ ?
ใบหน้าของฉู่อีอี้นั้นยิ่งดูไม่ได้เลย”สำนักเวชโอสถ ทำเช่นนี้หมายความเช่นไร ? พวกเจ้าต่างก็รู้ดีว่าข้าเกลียดหญิงผู้นี้ ยังคิดจะรับนางไว้ในฐานะธิดาบุญธรรมกระนั้นรึ ? นี่คิดจะประกาศสงครามกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเราใช่หรือไม่ ?”
”ฉู่อีอี้”เย่หยิงกำหมัด ใบหน้าของนางเย็นชา แววตาของนางยิ่งเย็นยะเยือก “ข้าทนเจ้าเพียงเพราะว่าข้ามีน้ำใจ ทว่าเจ้ากลับไม่รู้จักเกรงใจ ตอนนี้ฐานะของข้าก็เท่าเทียมกับเจ้า เจ้ามีคุณสมบัติใดที่จะตบข้า ”
ปัง!
ฉู่อีอี้ถีบเก้าอี้รถเข็นสี่ล้อของเย่หยิงพลางยืนเท้าสะเอว นางเชิดหน้าเล็ก ๆ ของนางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “เจ้ามันของปลอม คิดจะมาเทียบกับข้างั้ั้นรึ ? ข้าเป็นคุณหนูตัวจริงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แล้วเจ้าล่ะเป็นอะไร ? ข้าตีเจ้าแล้วไงล่ะ ?”
”หยิงเอ๋อ!”
เย่ฮูหยินส่งเสียงร้องออกมานางรีบวิ่งเข้าไปหาเย่หยิง พลางพลิกเก้าอี้สี่ล้อ ก่อนจะพยุงร่างของเย่หยิงขึ้นจากพื้น
เย่หยิงโกรธมากจนพูดอะไรไม่ออกนางกำหมัดแน่น เพื่อไม่ให้ประกายความแค้นเล็ดลอดออกมาจากแววตาของนาง
”เย่หยิงที่ท่านย่าของเจ้าพูดมา เป็นเรื่องจริงกระนั้นหรือ ?”
ลั่วจงรู้สึกอับอายเขาหันไปมองหญิงสาวที่อยู่ในรถเข็นสี่ล้อ
”เป็นเรื่องจริงแน่นอน!” เย่ฮูหยินเย่กล่าวออกมาด้วยความโกรธ “นี่คือคำสัญญาที่พี่เขยของข้าให้ไว้กับข้า และเขาจะมาประกาศเรื่องนี้ด้วยตนเองในภายหลัง พวกอันธพาลที่รังแกพวกเราอย่าหวังว่าจะได้พบจุดจบที่ดีเลย !”
ลั่วจงไม่กล่าวคำใดสายตาของเขาจับจ้องมองเย่หยิงตลอดเวลา
ภายใต้สายตาของเขาเย่หยิงเพียงพยักหน้าเล็กน้อย “ถูกแล้ว อีกไม่นานไป๋จั่นเผิงก็จะเป็นบิดาบุญธรรมของข้า ท่านเจ้าสำนักคงจะมาประกาศข่าวนี้ด้วยตัวท่านเอง”
เฮ้อ!
ทุกคนต่างหายใจอึดอัด
หากเย่หยิงได้รับการยอมรับจากไป๋จั่นเผิงในฐานะธิดาบุญธรรมจริงสถานะของนางในวันหน้าย่อมเทียบได้กับองค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ …
สายตาของลั่วจงและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ที่มองเย่หยิงเปลี่ยนไป หากเป็นเพียงคำกล่าวของหญิงชรา พวกเขาคงคิดว่านางพูดเกินจริง ทว่าเนื่องจากออกมาจากปากเย่หยิงเช่นนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาใด
“ท่านเจ้าสำนักทำบ้าอะไรกันนี่?” อาวุโสหวงโผว่กล่าวขึ้นด้วยความโกรธ “ให้คนนอกเป็นผู้สืบทอดสำนักเวชโอสถของเรางั้นหรือ ? นางไม่มีสายเลือดของสำนักเวชโอสถเจือแม้สักนิด ต่อให้เป็นธิดาบุญธรรมก็ไม่คู่ควร !”
***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (18)***
บทที่ 520 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (19)
”ฮ่าฮ่า!” ซูฮงลบความรู้สึกที่เคยหดหู่ในใจออกไป แล้วหัวเราะหึ ๆ “นี่เป็นการพิสูจน์ว่า ท่านเจ้าสำนักของเรามีวิสัยทัศน์ที่ดี คุณหนูเย่หยิงต่างกับเย่หมิง ที่รู้จักแต่ทำตัวสนุกสนานไปวัน ๆ นางทั้งแข็งแกร่งทั้งอ่อนโยน ท่านเจ้าสำนักจึงเต็มใจที่จะรับนางเป็นหลานสาว เบื้องหน้าต่อไปก็จะไม่มีผู้ใดกล้ากลั่นแกล้งรังแกเย่หยิงได้อีก ”
ในขณะที่ซูฮงเอ่ยกล่าวเขาก็ยิ้มพร้อมกับกวาดสายตาไปมองไป๋หยานและฉู่อีอี้
ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าลั่วจงคิดสิ่งใดอยู่ ถึงได้เอาอกเอาใจองค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งไม่แยกแยะว่าใครคือคนใน และใครคือคนนอก
“เรื่องนี้นายน้อยไม่มีทางเห็นด้วยเป็นแน่”อาวุโสหวงโผว่กล่าวพร้อมกับกัดฟัน
“ไม่สำคัญว่านายน้อยจะเห็นด้วยหรือไม่หากท่านเจ้าสำนักตกลงก็มิใช่ปัญหา ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านเจ้าสำนักยังไม่ปรากฏตัว ตอนนี้เขาอาจกำลังเตรียมการรับคุณหนูเย่หยิง เพื่อที่จะได้ประกาศข่าวดีนี้ต่อสาธารณชน”
ซูฮงไม่เคยรู้สึกสดชื่นเช่นนี้มาก่อนเลย
เพราะหลังจากเย่หยิงได้เป็นคุณหนูของสำนักเวชโอสถด้วยการประจบสอพลอของเขาในครานี้ อนาคตของเขาในสำนักเวชโอสถแห่งนี้จะต้องราบรื่นมาก
เมื่อถึงเวลานั้นคนพวกนี้จะต้องอิจฉาเขา!
”เจ้า…” ใบหน้าของผู้อาวุโสหวงโผว่เปลี่ยนไป ความโกรธของเขาพุ่งสูงขึ้นทันที
เขาอยากจะก้าวออกไปข้างหน้าทว่าลั่วจงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลับยื่นมือออกห้ามเขา
“อย่าเพิ่งใจร้อนเรื่องนี้รอให้ท่านเจ้าสำนักชี้แจงด้วยตนเองจะดีกว่า เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ ท่านเจ้าสำนักไม่อาจตัดสินใจโดยไม่ปรึกษาหารือพวกเรา เมื่อถึงเวลานั้นหากพวกเราทุกคนไม่เห็นพ้อง ท่านเจ้าสำนักก็ไม่สามารถทำอะไรได้”
หลังจากได้ยินถ้อยคำดังกล่าวหวงโผว่ก็สงบลง
บรรดาผู้อาวุโสไม่ได้รังเกียจเย่หยิงเย่หยิงไม่เหมือนกับเย่ฮูหยิน และเย่หมิง เย่หยิงเป็นคนเฉลียวฉลาด ทั้งมีไหวพริบปฏิภาณ ทว่า …
สำนักเวชโอสถต้องไม่ตกอยู่ในมือของคนนอก !
ในขณะที่เหล่าผู้อาวุโสเฒ่ากำลังเดือดดาลอยู่นั้นเสียงของผู้ชราพลันดังมาจากอากาศว่างเปล่าเข้าหูของพวกเขา
”ผู้ใดพอจะบอกได้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”
ไป๋ฉางเฟิ่งก้าวช้าๆ มาจากด้านหลัง สีหน้าของเขาเย็นชา คิ้วของเขาขมวด น้ำเสียงของเขาแฝงความกระวนกระวายใจเล็กน้อย
เมื่อครู่เขากำลังโต้เถียงกับชายชราทั้งสองที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทว่าปากเดียวหรือจะสู้สองปากได้ นั่นทำให้เขาโกรธกระทั่งแทบจะลงไม้ลงมือกับผู้อาวุโสทั้งสองของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ทว่าผู้ใดจะนึก…
สถานที่ประชุมด้านล่างก็กำลังทะเลาะกันด้วย
ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนักเวชโอสถเขาไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่ได้ และที่สำคัญไปกว่าก็คือ เขาไม่สามารถปล่อยให้หลานสาวถูกรังแกได้
”พี่เขย!” ครั้นเย่ฮูหยินเห็นไป๋ฉางเฟิ่งปรากฏตัว นางก็ร้องไห้ราวกับบ่อน้ำตาแตก “ท่านต้องให้ความยุติธรรมแก่ข้า หญิงป่าเถื่อนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ รังแกหยิงเอ๋อ ข้าบอกฐานะของหยิงเอ๋อแล้ว ทว่านางก็ยังไม่สนใจ”
ไป๋ฉางเฟิ่งขมวดคิ้วสายตาเย็นชาของเขากวาดไปมองเย่ฮูหยิน
ด้วยสายตาเช่นนี้ทำให้เย่ฮูหยินเงียบเสียงได้ในทันที นางมองเขาอย่างเคอะเขิน
”ดูเหมือนว่างานชุมนุมหมอปรุงยาครั้งนี้จะสิ้นสุดลงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ไว้พวกเจ้าค่อยอธิบายให้ข้าทราบในภายหลัง ตอนนี้สำนักเวชโอสถมีเรื่องสำคัญจะประกาศ”
นัยน์ตาที่เคยเคอะเขินของเย่ฮูหยินเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็นภาคภูมิใจอย่างเต็มเปี่ยม
ก่อนหน้านี้นางกล่าวไว้ว่าหากพี่เขยของนางมาถึง เขาจะต้องประกาศเรื่องไป๋จั่นเผิงรับเย่หยิงเป็นธิดาบุญธรรมในที่ชุมนุมอย่างแน่นอน จากนี้ไปผู้ใดจะกล้าดูถูกเย่หยิงได้อีก
เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของเย่ฮูหยินแล้วใบหน้าของผู้อาวุโสลั่วจงกลับแลดูเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย
ท่านเจ้าสำนักเวชโอสถไม่สนใจความรู้สึกของพวกเขาที่ต้องการเพียงสายเลือดสำนักเวชโอสถเป็นผู้สืบทอดเลยกระนั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นจะให้พวกเขาใจเย็นอยู่ได้อย่างไร ? …
”ท่านพ่อ!”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังมาจากด้านนอก
ไป๋ฉางเฟิ่งกำลังจะกล่าวต่อแต่กลับถูกขัดจังหวะด้วยเสียงนี้ ใบหน้าของเขาพลันเคร่งเครียด เขาขมวดคิ้วพร้อมกับหันไปมองต้นเสียง
ภายในสถานที่จัดงานชุมนุมทุกคนต่างหลีกทางให้ไป๋จั่นเผิงผู้ซึ่งรีบวิ่งมาจากด้านนอก
***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (19)***