จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 52
บทที่ 52 : เหมือนลากมาตบหน้า (1)
หนานกงอี้รู้สึกเศร้าใจมากอย่างไม่มีเหตุผล เมื่อเห็นตี้คังกอดไป๋หยานไว้ในอ้อมแขน
“ไป๋หยาน … ” เขาเปิดปากอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ทว่ากลับถูกเสียงของสตรีที่แสนจะเฉยเมยกล่าวขัดจังหวะขึ้นก่อน
“ท่านจะคืนสินสอดของท่านแม่ให้ข้าหรือไม่ ?” สายตาของนางไม่เคยหันมองหนานกงอี้เลยนับแต่ต้นจนกล่าวจบ
ไป๋เฉิงเซียงนึกถึงภาพตอนที่บุตรสาวถีบเขาตัวลอย ความโกรธพลันแล่นขึ้นในใจอีกครั้ง “มารดาของเจ้าถึงจะตายไปแล้วก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาข้า ร่างของนางก็ถูกฝังอยู่ในสุสานของบรรพชนตระกูลไป๋ เช่นนั้นสินสอดของนางก็ควรเป็นของตระกูลไป๋ ยิ่งไปกว่านั้นเซียวเอ๋อก็ยังอยู่กับข้า ก็แล้วเหตุใดข้าจึงต้องมอบสินสอดเหล่านั้นให้แก่เจ้าด้วย ?
ในเมื่อสินสอดทองหมั้นเหล่านั้นได้ถูกใช้ไปสิ้นแล้ว พวกเขาจะหาที่ไหนมาคืนได้อีกเล่า ?
ไป๋หยานจ้องมองกลับด้วยสายตาเย็นชา “หากท่านไม่คืนสินสอดทองหมั้นแก่ข้าในวันนี้ ในภายหน้าข้าจะทาให้ท่านต้องชดใช้มากกว่านี้อีกหลายเท่านัก“
ชดใช้ ?
ตลกน่า !
ไป๋เฉิงเซียงยิ้มเยาะพลางกล่าวว่า “ไป๋หยาน เมื่อครู่ข้าเพียงไม่ทันระวังตัว เจ้าเลยลอบทาร้ายข้าได้ ตลกจริง ๆ ที่เจ้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถมากพอที่จะคุกคามข้าได้อีก … “
ยามนี้ทุกคนต่างก็ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง ที่รู้ว่าจริงแท้เป็นเพราะไป๋เฉิงเซียงไม่ทันระวังตัวเสียมากกว่า หาไม่แล้ว สตรีที่ไร้ประโยชน์เยี่ยงไป๋หยานมีหรือจะสามารถถีบบิดาของนางได้ ?
“ทว่า… ” สายตาของไป๋เฉิงเซียงเย็นชา “ในฐานะบิดา เจ้าดูหมิ่นไม่เคารพข้า ข้าย่อมมีสิทธิขับเจ้าออกจากตระกูลไป๋ นับแต่นี้ เจ้ามิใช่คนสกุลไป๋อีกสืบไป !“
แม้ว่าก่อนหน้านี้ ไป๋เฉิงเซียงคนใจร้ายผู้นี้จะเคยประกาศว่าเขาขับไป๋หยานออกจากตระกูล ทว่านั่นก็เป็นเพียงการพูดภายในครอบครัว ยามนี้เมื่อเขาประกาศอย่างเปิดเผย ณ ที่นี้ ความหมายย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“เยี่ยมไปเลย !” เสียงหนักแน่น และทรงพลังของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านดังขึ้นทันทีที่ไป๋เฉิงเซียงประกาศจบ “หากบ้านสกุลไป๋ของเจ้าไม่ต้องการนาง ก็นับว่าเยี่ยมมาก เพราะจากนี้ไป เราจะนับนางเข้าสู่บ้านสกุลหลานอย่างสมบูรณ์ นางจะเป็นหนึ่งในคนสกุลหลาน และในกาลข้างหน้าชื่อของนางจะถูกจารึกไว้ในศาลบรรพชนของตระกูลเรา ! “
ไป๋เฉิงเซียงคนโง่ เจ้าครอบครองไข่มุก ทว่ากลับเห็นเป็นตาปลา แล้วเจ้าจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต !
“กะแค่เด็กผู้หญิงที่ไม่สามารถฝึกฝนอะไรได้ ไม่ต่างจากขยะเปียก เชิญรับนางเข้าสกุลของท่านเถอะ” ไป๋เฉิงเซียงกล่าวเหยียดหยัน พร้อมกับกราดสายตาเย็นชาไปทางไป๋หยาน “อย่าโทษข้า ว่าข้าไม่เตือนคนสกุลหลาน ขยะเปียกผู้นี้ดีแต่กิน ๆ นอน ๆ ไม่มี
ความสามารถพิเศษอื่นใด หากสกุลหลานของท่านรับนางไว้ ก็เท่ากับเพิ่มคนขี้เกียจเข้าสู่ตระกูลอีกหนึ่งคนก็เท่านั้น ! “
เดิมทีหลานหยูยืนเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ บิดาของเขา ทว่าครั้นได้ยินคากล่าวที่เป็นเท็จของไป๋เฉิงเซียง เขาก็อดรนทนไม่ไหวกับชายงี่เง่าผู้นี้
ชายผู้นี้ไม่รู้หรือไรว่า ไป๋หยานสามารถใช้ยาเม็ดจิตวิญญาณป้อนสัตว์เลี้ยงราวกับขนม
เพียงยาเม็ดจิตวิญญาณระดับสี่นั่น ก็มากพอแล้วที่จะซื้อบ้านสกุลไป๋ของเขาทั้งหลัง !
“ฮ่าฮ่า !” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานหัวเราะลั่น ยามนี้เขามีความสุขอย่างเห็นได้ชัด “ทั้งอ๋องคัง ทั้งองค์รัชทายาทต่างก็อยู่กันพร้อมหน้าที่นี่แล้ว ข้าขอให้ท่านทั้งสองเป็นพยาน ! นับจากวันนี้ไป หยานเอ๋อไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับตระกูลไป๋อีก ! “
สีหน้าของหนานกงอี้นั้นแลดูไม่ดีเลย
อาณาจักรหลิวฮั่วนี้ยึดความกตัญญูเป็นที่ตั้ง เพียงคาเดียวนี้ก็มากพอที่จะบดขยี้ใครสักคนให้ตายได้ เช่นนั้นไม่ว่าไป๋เฉิงเซียงจะทาผิด
หนักหนาสักเพียงใด เขาก็หวังจะให้ไป๋หยานขอโทษ มิใช่ทาเช่นนี้ …
อย่างไรก็ตาม ไป๋หยานในตอนนี้ยังคงสงบนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของตี้คังผู้ซึ่งนัยน์ตามีแต่ความเฉยเมยไม่แยแสสิ่งใด
ที่นางให้ท่านตาส่งเทียบเชิญไป๋เฉิงเซียงกับบุตรสาวมาร่วมงานเลี้ยง จุดประสงค์หลักก็เพื่อตัดขาดกับบ้านสกุลไป๋
“เอาล่ะ ข้าเป็นพยานในการตัดสินใจครั้งนี้” สายตาข่มขวัญของตี้คังขยับไปที่ไป๋เฉิงเซียง ริมฝีปากสีแดงแลดูกระหายเลือด อีกทั้งคุกคามของเขากล่าวว่า “หากผู้ใดกล้าไม่สนใจคาสั่งของข้า ข้าจะบดขยี้ขาของมันผู้นั้น แล้วโยนให้สุนัขกิน ! “