จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 521-525
บทที่ 521 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (20)
”ไอ้ลูกชั่ว!”
หัวใจของไป๋ฉางเฟิ่งเต็มไปด้วยความเคืองแค้นเขาร้องเรียกอย่างโกรธเกรี้ยว เหล่าผู้อาวุโสที่ตามไป๋จั่นเผิงมาต่างก็ตัวสั่น พวกเขามองไป๋ฉางเฟิ่งผู้ซึ่งกำลังโมโหด้วยความสยองขวัญ
เกิดอะไรขึ้นเหตุใดท่านเจ้าสำนักถึงได้โกรธเกรี้ยวมากมายเพียงนี้
เขาไม่ดีใจงั้นหรือที่จะได้พบกับบุตรสาวของคุณหนูไป๋หนิง?
ผู้อาวุโสบางคนเดินเข้ามาด้วยความไม่สบายใจครั้นมาเจอใบหน้าที่ดูแทบไม่ได้ของลั่วจงอีก พวกเขาก็ยิ่งไม่เข้าใจสถานการณ์มากขึ้นกว่าเดิม
”ท่านพ่อจะดุข้าก็ไว้ค่อยว่ากันภายหลัง ข้ามีข่าวดีที่จะแจ้งให้ท่านทราบ” ใบหน้าหล่อเหลาของไป๋จั่นเผิงเบิกบาน นัยน์ตาของเขากวาดมองผ่านฝูงชน แล้วเขาก็เห็นไป๋หยาน
ชั่วขณะนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาพลันอ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม นัยน์ตาของเขาก็เปล่งประกายเล็กน้อย
ไป๋ฉางเฟิ่งตัวแข็งทื่อ”เจ้าหมายถึง … ”
”ใช่เช่นที่ท่านคิด”
บูม!
หัวของไป๋ฉางเฟิ่งแทบระเบิดข่าวนี้ทำให้ความสุขปรากฏชัดบนใบหน้าชราของเขา ความผิดหวังบนใบหน้าที่เคยมีมาก่อนหน้าพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แม้เขาจะแน่ใจว่าไป๋หยานเป็นหลานสาวของเขาก็ตามทีทว่าไม่มีสิ่งใดทำให้เขาตื่นเต้นยิ่งไปกว่าการที่เขาสามารถยืนยันได้อย่างมั่นใจ
ที่สุดสำนักของเขาก็มีผู้สืบทอดแล้ว!
”ฮ่าฮ่า ฮ่า !”
เสียงหัวเราะนั้นทำให้ทุกคนตะลึงงัน
ทุกคนเพิ่งได้เห็นไป๋ฉางเฟิ่งอารมณ์ดีก็วันนี้เองเพราะนับแต่วันที่คุณหนูใหญ่หายตัวไป พวกเขาก็ไม่เคยเห็นท่านเจ้าสำนักอารมณ์ดีอีกเลย
”เยี่ยม…เยี่ยมเลย !” ไป๋ฉางเฟิ่งยิ้ม “เช่นนั้นข้าก็จะประกาศข่าวดีต่อจากเมื่อครู่ จั่นเผิงมานี่ มายืนข้าง ๆ ข้า”
”ขอรับท่านพ่อ”
ไป๋จั่นเผิงเดินไปข้างหน้าเขามองไปที่ไป๋หยานพร้อมรอยยิ้ม แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรัก ทว่าไป๋หยานไม่คุ้นเคยกับมันนัก
”เฉินเอ๋อท่านตาไป๋ทำตัวแปลก ๆ ว่ามั้ย ?”
ไป๋หยานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งที่สุดก็พูดออกมา
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าเล็กน้อย”เฉินเอ๋อก็ว่าอย่างนั้น”
เฉินเอ๋อควรจะบอกหม่ามี้มั้ยว่าเขาขโมยเส้นผมของหม่ามี้ไปมอบให้ท่านตาไป๋ ? แล้วถ้าหม่ามี้รู้ หม่ามี้จะโกรธเขามั้ย ?
แต่ท่านตาไป๋ไม่ใช่คนเลวนี่…
*****
”ทุกท่าน”ไป๋ฉางเฟิ่งยิ้ม พลางเม้มริมฝีปาก “สิ่งที่ข้าต้องการประกาศในครั้งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับทายาทของสำนักเวชโอสถของข้า ทั้งข้าก็ต้องการอาศัยประโยชน์จากงานชุมนุมหมอปรุงยาครั้งนี้ ในการพิสูจน์ฐานะของนาง”
นั่นไง…
ทุกคนต่างจับจ้องเย่หยิงด้วยสายตาอิจฉาริษยา…
ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเย่หยิง ? จู่ ๆ ไยนางจึงกลายเป็นหลานสาวของไป๋ฉางเฟิ่งไปได้ ทั้งไป๋ฉางเฟิ่งเองก็ยังจะประกาศเรื่องของนางต่อหน้าสาธารณชน นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับนางมาก
ไป๋ฉางเฟิ่งไม่ได้ตาบอดเขาขมวดคิ้วทันทีที่เห็นคนเหล่านั้นมองไปที่เย่หยิง
เขาจะประกาศเรื่องของหลานสาวเขาเหตุใดคนเหล่านี้ถึงเอาแต่มองเย่หยิง ?
ในเมื่อเขาคิดอะไรไม่ออกไป๋ฉางเฟิ่งก็เลิกคิด เขากล่าวต่อว่า “ข้าคิดว่าทุกคนคงยังจำบุตรสาวที่หายไปของข้า…ไป๋หนิง…ได้”
ไป๋หนิง?
ทุกคนต่างตกตะลึงพวกเขาหันกลับมามองเย่หยิงอีกครั้ง
นี่ท่านเจ้าสำนักไม่ได้ต้องการจะประกาศฐานะของเย่หยิงหรอกหรือ? เหตุใดเขาถึงพูดเรื่องของไป๋หนิงขึ้นมาอีกล่ะ?
”ท่านเจ้าสำนักหมายถึง คุณหนูใหญ่หรือ ? … ” ลั่วจงนิ่งงัน เขามองไป๋ฉางเฟิ่งขณะเอ่ยถาม
”ข้าคิดว่าพวกท่านคงไม่รู้ว่าบุตรสาวของข้าประสบกับเหตุบางอย่างภายนอกสำนัก นางไม่เพียงแต่แต่งงาน ทว่ายังมีบุตรสาวคนหนึ่งอีกด้วย”
เปรียบเทียบกับถ้อยคำของเย่หยิงเมื่อครู่ข่าวที่ไป๋ฉางเฟิ่งประกาศออกมาตอนนี้นั้นค่อนข้างน่าตกใจมากกว่า
สตรีที่งดงามและเพียบพร้อมผู้นั้นแต่งงาน และมีบุตรสาวแล้วจริง ๆ หรือ ?
แม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นไป๋หนิงทว่าคนส่วนใหญ่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของนาง เช่นนั้นหลังจากที่ไป๋หนิงหายตัวไปนานกว่า 20 ปี ก็ยังมีชายหนุ่มอีกหลายคนในเวลานั้นที่ยังเสียใจกับการหายตัวไปของนางจวบจนถึงทุกวันนี้
***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (20)***
บทที่ 522 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (21)
ข่าวที่ไป๋ฉางเฟิ่งประกาศออกมาอย่างกะทันหันในวันนี้ดูเหมือนจะสะเทือนขวัญไม่เฉพาะคนจากสำนักใหญ่ต่าง ๆ เท่านั้น หากยังรวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสของสำนักเวชโอสถเองอีกด้วย
”หลานสาวผู้น่าสงสารของข้ามารดาของนางต้องประสบเหตุร้ายภายหลังจากให้กำเนิดนาง กระทั่งต้องมอบนางให้ผู้อื่นเลี้ยงดู หากมิใช่เรื่องบังเอิญ ข้าก็คงจะไม่รู้ว่านางมีตัวตน” ไป๋ฉางเฟิ่งเช็ดน้ำตาไปพลางลอบมองไป๋หยานไปพลาง
เหตุที่เขาต้องพูดออกมามากมายก็เพียงเพื่อส่งข้อความให้ไป๋หยานรับรู้ว่า
สำนักเวชโอสถไม่รู้ว่านางมีตัวตนมิใช่เป็นเพราะพวกเราไม่ต้องการนาง …
เดิมทีไป๋หยานก็ไม่ได้คิดอะไรมากทว่าหลังจากได้ยินประโยคสุดท้าย นางก็หน้าซีด พลันคำตอบก็แล่นเข้ามาในหัวของนางราวกับสายน้ำไหล นั่นทำให้นัยน์ตาของนางว่างเปล่าชั่วขณะ
ไป๋หยานหลับตาลงเล็กน้อย
ไม่น่าแปลกใจเลยไม่น่าแปลกใจเลยที่ไป๋จั่นเผิงจะประหลาดใจมากมาย เมื่อพบนาง ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะอ้างว่านางเหมือนน้องสาวของเขา
ไม่น่าแปลกใจเลย…
ที่นางยินดีและเต็มใจช่วยไป๋จั่นเผิง ทั้งที่นางเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด
ที่แท้…นี่คือคำตอบทั้งหมด!
นัยน์ตาของไป๋ฉางเฟิ่งจับจ้องไป๋หยานตลอดเวลาครั้นเห็นว่านางเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ ใบหน้าของชายชราก็แลดูตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อย
”หลานสาวของข้า…ไป๋หยานเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของหนิงเอ๋อ นางเป็นสายเลือดของสำนักเวชโอสถของข้า
บูม!
ถ้อยคำที่หนักแน่นกระแทกลงใส่ทุกคนอย่างแรงอีกครั้งทำให้ทุกคนรู้สึกราวถูกทุบหัวต่างก็มึนงง
มิใช่ไป๋ฉางเฟิ่งจะประกาศว่าเย่หยิงเป็นหลานสาวของเขาหรอกหรือ?
กลับกลายเป็นว่าเขาได้พบบุตรสาวแท้ๆ ของไป๋หนิงงั้นรึ ?
”เรื่องนี้…เป็นเช่นนี้เอง” เดิมทีสีหน้าของลั่วจงก็แลดูประหลาดใจไม่น้อย ทว่าเมื่อเขาย้อนทบทวนทุกอย่างแล้ว แววตาของเขาก็ไม่อาจสงบนิ่งได้อีกต่อไป เขาแทบจะร้องไห้ด้วยความตื่นเต้น “ข้าคิดอยู่แล้วว่าแม่หนูไป๋หยานผู้นี้หน้าตาคุ้น ๆ ที่แท้นางก็เป็นบุตรสาวของคุณหนูใหญ่ ต้องโทษข้า โทษข้า ที่ข้าจำนางไม่ได้ … ”
อัจฉริยะหญิงที่สามารถปรุงยาเม็ดจิตวิญญาณได้ผู้นี้เป็นบุตรสาวของไป๋หนิงนั่นเอง!
นางเป็นสายเลือดของสำนักเวชโอสถอย่างแท้จริง!
โอ้! ฮ่าฮ่าฮ่า…นับเป็นข่าวที่ดีจริง ๆ !
”ปัง!”
เย่หยิงตัวสั่นเทานางต้องการที่จะลุกขึ้นยืน แต่เพราะแข้งขาของนางอ่อนแรง จึงส่งผลให้นางกลิ้งหล่นจากเก้าอี้รถเข็น
ร่างของนางสั่นสะท้านแม้นางจะพยายามลุกขึ้นอีกสองถึงสามครั้ง นางก็ล้มแล้วล้มอีก ด้วยความอ่อนแอ
”ไป๋หยานเป็นบุตรสาวของไป๋หนิงงั้นหรือ? ไม่…จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ? เป็นไปไม่ได้ ต้องมีเรื่องผิดพลาด
นางบ่นพึมพำแม้สุ้มเสียงจะเบามาก ทว่าทุกคนก็ยังได้ยิน
ไม่…ไป๋หยานจะต้องไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของสำนักเวชโอสถ! ข้าต่างหากที่ใช่ !
เย่หยิงงอเข่าเข้าหาตัวนางกัดริมฝีปากเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองต้องร้องไห้ น้ำตาไหลหลั่งอย่างช้า ๆ เปื้อนใบหน้าซีด ๆ ของนาง
หากไป๋หยานเป็นคุณหนูของสำนักเวชโอสถที่นางพูดไปเมื่อครู่… มิกลายเป็นเรื่องตลกหรอกหรือ ?
”เกิดอะไรขึ้น?” ไป๋ฉางเฟิ่งขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามอย่างเฉยเมย
ลั่วจงกลับมารู้สึกตัวน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ไม่อาจยับยั้งได้ “เย่หยิงเพิ่งประกาศว่า ท่านสัญญาจะให้นายน้อยยอมรับนางในฐานะธิดาบุญธรรม และพวกเราก็หลงเชื่อนาง หากแต่ไม่คาดคิดว่า … ฮ่าฮ่าฮ่า !”
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างมีความสุขเสียงหัวเราะนั้นดังแสบแก้วหูกระทั่งทำให้ใบหน้าของเย่หยิงยิ่งซีดขาวมากขึ้น
ไป๋ฉางเฟิ่งแสร้งทำเป็นตกใจขณะเอ่ยกล่าวว่า “ข้าไปพูดเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”
สัญญิงสัญญาอะไรกัน? ยิ่งไปกว่านั้น เขาสัญญาเพียงว่าหากสำนักเวชโอสถปราศจากทายาทรุ่นที่สามเท่านั้น
แต่นี่เขามีหลานสาวแท้ๆ แล้ว สัญญาที่ให้ก็ต้องเป็นโมฆะ
***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (21)***
บทที่ 523 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (22)
อย่างไรก็ตามไป๋ฉางเฟิ่งย่อมไม่ยอมรับเรื่องนี้
เขาโยนความผิดทั้งหมดไปให้คนตระกูลเย่
”เจ้าสำนักท่านยอดเยี่ยมมาก!”
อาวุโสหวงโผว่รู้สึกตื่นเต้นมากเขาลูบหมัด พร้อมกับมองเย่ฮูหยินด้วยสายตาเย็นชา “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านเจ้าสำนักไม่มีวันตัดสินใจเช่นนั้นแน่ สำนักเวชโอสถมีทายาทแล้ว เหตุใดต้องให้นายน้อยรับคนนอกเป็นบุตรบุญธรรมด้วยเล่า ? ยิ่งไปกว่านั้นนายน้อยเองก็ยังหนุ่มยังแน่น ไยเขาจะไม่แต่งงาน ไม่มีบุตรเป็นของตนเอง คนพวกนี้ด่วนตัดสินไปหน่อย พวกเขาเอาความมั่นใจมาจากที่ใดว่าชั่วชีวิตนี้นายน้อยจะไม่มีบุตร”
เย่ฮูหยินจ้องมองเหล่าผู้อาวุโสของสำนักเวชโอสถอย่างดุดันราวกับคนบ้าท้ายสุดสายตาของนางก็ไปหยุดอยู่ที่ไป๋หยาน
”พี่เขยหญิงผู้นี้ไม่มีทางที่จะเป็นบุตรสาวของไป๋หนิง นางทั้งโหดเหี้ยม ทั้งร้ายกาจ นางมันหญิงสารพัดพิษ เต็มไปด้วยความชั่วช้า นางไม่มีทางเป็นคุณหนูของสำนักเวชโอสถไปได้ มีเพียงหยิงเอ๋อเท่านั้น หยิงเอ๋อของข้าเท่านั้นที่คู่ควร !”
จนถึงตอนนี้หญิงชราก็ยังไม่เข้าใจนางคิดว่าไป๋ฉางเฟิ่งจะเห็นแก่หลี่จิ้งและตามใจนางตลอดไป
”หุบปากนะ”
ไม่ต้องรอให้สองพ่อลูกตระกูลไป๋โกรธผู้อาวุโสลั่วจงถึงกับทนไม่ไหว เขาตวาดออกมาด้วยความโมโห “แท้ที่จริง เจ้าเป็นคนของบ้านสกุลเย่ ตอนนี้เจ้ายังกล้าสงสัยฐานะคุณหนูของเราอีก ! ท่านเจ้าสำนัก ข้าขอให้ทุกคนในตระกูลเย่ ออกไปให้พ้นสำนักเวชโอสถของเรา แล้วก็ห้ามไม่ให้พวกเขาก้าวเข้ามาที่นี่แม้แต่ครึ่งก้าว !”
”ใช่แล้วพวกเจ้ากินนอนอยู่ในสำนักของเรา ยังคิดอยากจะยึดสำนักเวชโอสถของเรา ทั้งยังใช้อำนาจของสำนักเวชโอสถในการกลั่นแกล้งผู้อื่นอีก ถึงตอนนี้พวกเจ้าก็ยังคิดใส่ร้ายแม้แต่สำนักเวชโอสถของเรา ? เจ้ายังคิดที่จะอยู่ในสำนักเวชโอสถของพวกเราต่ออีกกระนั้นรึ ?”
”เจ้าสำนักท่านต้องขับไล่คนพวกนี้ออกไป หาไม่แล้วข้าก็จะไม่ขอเป็นผู้อาวุโสของสำนักเวชโอสถนี้อีก !”
ผู้อาวุโสหลายคนต่างโกรธจนหน้าดำหน้าแดงส่งผลให้ไป๋ฉางเฟิ่ง ไปจั่นเผิงและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ที่มาพร้อมกันต่างก็หันมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
ผู้อาวุโสเหล่านั้นไม่คิดจะพิสูจน์ตัวตนของไป๋หยานก่อนหรือไป๋จั่นเผิงใช้เวลาตั้งหลายวันในการหาหลักฐาน ทว่าคนพวกนี้กลับตื่นเต้นกันมากทั้งที่ยังมิได้พิสูจน์อะไรเลยงั้นรึ ?
นี่… ไม่ไร้เหตุผลไปหน่อยหรือ
”ลั่วจงท่านช่วยบอกข้าหน่อยเถิดว่า นี่มันเกิดเรื่องใดขึ้น ?” ไป๋จั่นเผิงมองลั่วจง พร้อมกับเอ่ยถาม “วันนี้ข้าพาผู้อาวุโสสองสามท่านมาล่าช้าไปมาก ก็เนื่องจากข้าต้องการใช้ทักษะลับเพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ทางสายเลือด ทว่าเหตุใดข้ายังไม่ทันแสดงหลักฐาน พวกเขาก็เชื่อคำพูดของบิดาข้าแล้วล่ะ ?”
สีหน้าของลั่วจงแลดูตื่นเต้นมือไม้ของเขาพันกันวุ่นวาย ไม่สงบนิ่งเฉกเช่นเคย
”นายน้อยตำรับยาทั้งห้าที่หมอปรุงยาของสำนักเราใช้เวลานานหลายเดือนก็ยังไม่อาจปรุงได้สำเร็จ ทว่าหญิงผู้นี้กลับสามารถทำได้ ! นางเป็นหมอปรุงยาตัวจริง”
นางปรุงยาจากตำรับยาทั้งห้าได้งั้นรึ?
กลุ่มผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังไป๋จั่นเผิงรู้สึกตกใจ ต่างก็หันไปจับจ้องไป๋หยานด้วยความประหลาดใจ
พวกเขามองนางราวกับหมาป่ากระหายหิวกำลังจ้องมองก้อนไขมัน
สายตาของพวกเขาทำให้ไป๋หยานเผลอก้าวถอยหลังสองสามก้าวอย่างไม่ทันรู้ตัวนางรู้สึกว่า … สายตาที่พวกเขาจับจ้องมองมา ราวกับพร้อมจะกินนางได้ตลอดเวลา
”หม่ามี้ไม่ต้องกลัว”ไป๋เสี่ยวเฉินดึงมือของไป๋หยาน เขากันนางไว้ด้านหลัง “เฉินเอ๋อ จะปกป้องหม่ามี้เอง”
หม่ามี้ของเขาเขาไม่ยอมให้คนใจร้ายของสำนักเวชโอสถมาขโมยโอกาสที่ดีของมารดาเขาหรอก
*****
ด้านหลังสถานที่จัดงาน
ทันทีที่เหรินอี้เหินลงมาจากลานสูงเขาก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างไป๋ฉางเฟิ่ง กับคนอื่น ๆ เขาได้แต่ยืนงง จากนั้นไม่นาน เขาก็รู้สึกตัว พลันความโกรธก็จู่โจมเข้ามาในหัวของเขา “ไป๋ฉางเฟิ่ง ไอ้ลูกเต่า เจ้ากล้าฉกศิษย์รักของข้า ข้าจะฆ่าเจ้า ! ”
บูม!
เหรินอี้ชกหมัดออกไปอย่างรวดเร็วราววายุหมัดนั้นพุ่งเข้าปะทะหน้าของชายชราอย่างว่องไว เขาพยายามต่อยใบหน้าของชายชรา
”เจ้าต่อว่าข้าทั้งยังต้องการต่อยข้าอีก” ไป๋ฉางเฟิ่งโกรธ เขายกมือขึ้นเพื่อหยุดยั้งการโจมตีของเหรินอี้ “อย่าคิดว่า ที่ข้ายอมอดทนให้เจ้าเสมอมาเป็นเพราะข้าหวาดกลัวเจ้านะ ต่อให้ประมุขดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาด้วยตนเองข้าก็ไม่กลัว ทว่าเจ้ากลับกล้าตะคอกข้างั้นรึ ?”
***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (22)***
บทที่ 524 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (23)
เหรินอี้เย้ยหยัน”ข้าไม่เพียงแต่จะต่อยเจ้า แต่ข้าจะให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ประกาศสงครามกับเจ้าด้วย เราต้องประกาศสงครามกัน !”
ไป๋ฉางเฟิ่งงงงันตาแก่คนนี้ต้องการจะให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ประกาศสงครามกับสำนักเวชโอสถงั้นรึ ?
เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไร?
ข้าไม่ได้ไปเป็นชู้กับภรรยาของเขาสักหน่อยเหตุใดเขาต้องโกรธแค้นถึงเพียงนี้ ?
แน่นอนว่าสำหรับเหรินอี้แล้วการฉกศิษย์รักของเขานั้นรุนแรงเสียยิ่งกว่าการเป็นชู้กับภรรยาของเขาหลายร้อยเท่านัก !
”คอยดูเถอะข้ากลับไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมื่อใด ข้าจะบอกเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ให้ท่านประมุขแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์รับทราบ เมื่อนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับสำนักเวชโอสถย่อมต้องเปิดสงครามกันแน่ !” เหรินอี้จ้องมองไป๋ฉางเฟิ่งอย่างแค้นเคือง ก่อนจะหันหลังกลับ แล้วเดินไปหาไป๋หยานและไป๋เสี่ยวเฉิน
ทันทีที่เขาก้าวไปหยุดเบื้องหน้าไป๋หยานความโกรธเกรี้ยวบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ เลือนหายไป ทว่ากลับถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอ
“ศิษย์รักตาเฒ่าคนนี้หาใช่คนดีไม่ เจ้าอย่าได้เชื่อเขานะ”
ศิษย์รัก…งั้นรึ ?
ทุกคนที่ยังไม่ทันหายตกใจจากเรื่องเมื่อครู่พลันต้องรู้สึกประหลาดใจไปกับถ้อยคำของเหรินอี้หนักขึ้นไปอีก
นอกจากจะเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของไป๋หนิงแล้ว สตรีผู้นี้ยังเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสรองแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกกระนั้นหรือ ?
เย่หยิงที่เริ่มแรกเพียงรู้สึกหายใจลำบากทว่าบัดนี้กลับยิ่งปวดใจอย่างรุนแรงราวกับมีมดแดงนับไม่ถ้วนกัดกินหัวใจ นางอิจฉา อิจฉาจนแทบคลั่ง
เหตุใดกัน? เหตุใดเรื่องดี ๆ เหล่านี้จึงตกอยู่ที่คนคนเดียว
นางรับไม่ได้รับไม่ได้จริง ๆ !
เย่หยิงกำหมัดแน่นเพื่อปกปิดหัวใจที่เจ็บปวดอย่างรุนแรง ใบหน้าของนางบิดเบี้ยว แววตาของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
”หยานเอ๋อเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ?” ไป๋ฉางเฟิ่งหันไปหาผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างหลังเขา “เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่เคยบอกข้าเลย”
ผู้คุ้มกันกล่าวว่า”ท่านเจ้าสำนักมีคำสั่งห้ามพวกเราไม่ให้รบกวนท่านไม่ว่าเรื่องใด เช่นนั้นข้าจึงไม่ได้บอกท่าน”
”ไอ้สารเลวเอ๊ย!” ไป๋ฉางเฟิ่งตบหัวผู้คุ้มกัน เขาวิ่งเข้าไปหาไป๋หยานด้วยเนื้อตัวสั่นเทา “หลานสาวข้า ข้าเป็นท่านตาของเจ้า เป็นท่านตาของเจ้าจริง ๆ เจ้าต้องเชื่อข้า ตาเฒ่าเหรินอี้มันคนบ้า”
เหรินอี้จ้องไป๋ฉางเฟิ่ง”เจ้าคิดจะฉกลูกศิษย์ของข้า ข้าจะถล่มสำนักเวชโอสถนี้ให้ราบคาบ”
”โอ้!” ไป๋ฉางเฟิ่งเย้ยหยัน “ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เจ้าที่ต้องการจะต่อสู้กับสำนักเวชโอสถของข้า หากแต่ข้าเองก็ต้องการที่จะประกาศสงครามกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเช่นกัน เจ้ากล้าดียังไงจึงคิดคว้าตัวหลานสาวของข้าไป ทั้งยังไม่ยอมให้นางรับข้าอีก ?”
”เจ้าบอกว่านางคือหลานของเจ้างั้นรึ? ข้าขอบอกเจ้าไว้เลยนะว่า หยานเอ๋อเป็นศิษย์รักของเรา สามผู้อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แม้แต่องค์หญิงน้อยก็ยังเป็นรองนาง ด้วยท่านประมุขแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเราได้มอบเกาะศักดิ์สิทธิ์สถานที่สำคัญที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้แก่นาง”
“ข้าจะมอบสำนักเวชโอสถนี้ให้กับหลานสาวของข้ามา ๆ เจ้ามาสู้กับข้ามาเลย มาสู้กัน ! อย่างไรเสียความจริงก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลง” ไป๋ฉางเฟิ่งเชิดริมฝีปากของเขาขึ้น
ครั้นไป๋หยานได้ฟังถ้อยคำของชายชราทั้งสองแล้วใบหน้าของนางก็ดำคล้ำ
โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายของไป๋ฉางเฟิ่งยิ่งทำให้สีหน้าของนางเปลี่ยนจากดำเป็นเขียวไปเลย
เหรินอี้โกรธจนลมออกหูเขากระทืบเท้าเร่า ๆ
หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เขาไม่มีวันขอให้ศิษย์รักมาร่วมงานชุมนุมหมอปรุงยาครั้งนี้เด็ดขาด
”รอก่อนเถอะรอข้ากลับไปหาท่านประมุขเสียก่อน ! ข้าจะขอให้ท่านประมุขมาพบเจ้า และพูดกับเจ้าเป็นการส่วนตัว !”
เหรินอี้และเจิ้งฉีหันมองหน้ากัน ทั้งคู่ต้องการจะกลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ครั้นพวกเขาก้าวออกไปได้เพียงสองก้าว เสียงของไป๋หยานก็ดังตามมาข้างหลัง
”อาจารย์ใหญ่อาจารย์รอง พวกท่านสร้างปัญหากันพอรึยัง ?”
ชายชราผู้ซึ่งกำลังก้าวจากไปพร้อมกันถึงกับหยุดหันมองหน้ากัน ก่อนจะหันกลับมามองไป๋หยาน
”ศิษย์รัก… ” เหรินอี้มีท่าทางอึดอัด เขาทำตัวราวกับลูกสะใภ้ที่น่าสงสาร “ข้าทำอะไรผิดไปงั้นหรือ ?”
เขาไม่ต้องการให้ศิษย์คนโปรดถูกตาแก่ชั่วนั่นพรากไปนี่นา
“หม่ามี้กำลังโกรธมากข้าว่าทางที่ดีพวกท่านควรจะเงียบดีกว่า” ไป๋เสี่ยวเฉิน กะพริบนัยน์ตากลมโต พร้อมกับยิ้มอย่างไร้เดียงสา
***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (23)***
บทที่ 525 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (24)
ครั้นได้ยินถ้อยคำดังกล่าวชายชราทั้งสองต่างก็กลัวจนไม่กล้าขยับตัว ท่าทีของพวกเขาแลดูน่ารันทด พวกเขามองไป๋หยานด้วยแววตาเศร้าสร้อย
”ทำตัวดีๆ อย่าสร้างปัญหา” เมื่อได้เห็นสีหน้าของชายชราทั้งสอง สีหน้าของไป๋หยานพลันอ่อนลง นางยกมือขึ้นลูบหัวผู้เฒ่าทั้งสอง “รอให้ข้าจัดการเรื่องต่าง ๆ ที่นี่เสร็จก่อน แล้วข้าจะสอนวิธีปรุงยาทั้งห้าชนิดนี้ให้แก่พวกท่าน”
”จริงหรือ?”
แววตาของเหรินอี้แลดูสดใสขึ้นทันทีเขาถูฝ่ามืออย่างตื่นเต้น
เขาเอ่ยถามอย่างเต็มไปด้วยความหวัง
ไป๋หยานพยักหน้าตอบอย่างจริงจัง”ตราบใดที่ท่านไม่สร้างปัญหา”
หลังจากกล่าวจบไป๋หยานก็เลิกสนใจผู้คนที่กำลังตกตะลึง นางหันหน้าเล็กน้อย พลันสายตาของนางก็ตกลงบนใบหน้าของไป๋ฉางเฟิ่ง
”ไป๋หนิงเป็นมารดาของข้า”
นางเม้มริมฝีปากขณะกล่าว
”ใช่แล้วไป๋หนิงเป็นมารดาของเจ้า และเจ้าก็เป็นบุตรสาวของนาง”
ครั้นเห็นไป๋หยานเริ่มพูดคุยกับเขาไป๋ฉางเฟิ่งก็รู้สึกตื่นเต้นมาก แววตาของชายชราพลันเปล่งประกายวิบวับ
”เช่นนั้นนางไปไหนเสียล่ะ?”
ไป๋หยานต้องการจะพบมารดาแท้ๆ ของตน
ทว่าสิ่งที่นางรู้มาก็คือไป๋หนิงหายตัวไปได้หลายปีแล้ว
แน่นอนว่าสีหน้าของไป๋ฉางเฟิ่งเปลี่ยนไปทันทีใบหน้าของชายชราบ่งบอกความเศร้าโศก
”ข้าไม่ได้พบนางมานานกว่า20 ปีแล้ว ข้าคิดว่านางอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว หากแต่การปรากฏตัวของเจ้าทำให้ข้ามีความหวัง ข้าเชื่อว่าบุตรสาวของข้าอาจจะยังมีชีวิตอยู่”
เขายังคงรอคอยการปรากฏตัวของนางแม้ว่าชีวิตของเขาจะเหนื่อยล้ามากเพียงใดก็ตาม !
”พรุ่งนี้… ” ไป๋หยานกล่าวนัยน์ตาดำขลับของนางสดใสราวกับดวงดารา”วานท่านช่วยเล่าให้ข้าฟังเกี่ยวกับเรื่องของนางจะได้หรือไม่ ?”
ท่านแม่ของข้านางเป็นคนในฝันของข้าเสมอ
มารดาของนางในประเทศจีนนั้นเสียชีวิตเร็วเกินไปทำให้นางได้รับความอบอุ่นจากมารดาได้ไม่นานนัก
บัดนี้เมื่อได้ยินว่ามารดาของนางยังมีชีวิตอยู่หัวใจของนางจะยังคงสงบนิ่งได้อย่างไร ?
”ได้สิ”
ไป๋ฉางเฟิ่งกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นใบหน้าของชายชราเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข “หยานเอ๋อ หากวันหน้ามีผู้ใดกล้ารังแกเจ้า กลับมาฟ้องตานะ ตาจะช่วยเจ้าตีมันเอง !”
ไป๋หยานขมวดคิ้วเห็นนางเป็นคนขี้ฟ้องขนาดนั้นเลยหรือ ?
”ข้าชอบจัดการด้วยตนเองมากกว่าฟ้องผู้ใด”
ไป๋ฉางเฟิ่งตกใจทว่าเพียงพริบตาเขาก็หัวเราะออกมาอย่างดุเดือด “ฮ่าฮ่าฮ่า สมเป็นสายเลือดของข้า นิสัยเหมือนข้าตอนยังหนุ่ม”
“อ้อ”เหรินอี้เยาะเย้ย “นั่นคือความยอดเยี่ยมของศิษย์ข้า เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้างั้นเหรอ ?”
เขาสัญญาว่าจะไม่ทำให้ไป๋หยานรำคาญใจหากแต่เขาไม่เคยบอกนี่ว่า เขาจะไม่เยาะเย้ยชายชรา
ไป๋ฉางเฟิ่งกำลังอยู่ในอารมณ์ที่เปี่ยมสุขเขาไม่ได้โต้เถียงกับเหรินอี้ เขายิ้มพลางมองไป๋หยานตาไม่กระพริบ
ใบหน้าที่อยู่เบื้องหน้าเขานี้เหมือนบุตรสาวของเขาราวกับแกะทำให้เขาจ้องมองได้โดยไม่มีเบื่อ
”หยานเอ๋อ”ไป๋จั่นเผิงเดินไปยืนข้างไป๋หยาน พลางยิ้ม “เราพบกันอีกแล้วนะ หากแต่ครั้งนี้เจ้าไม่ควรเรียกข้าว่าลุงไป๋อีก เจ้าต้องเรียกข้าว่าท่านลุงแทนแล้วล่ะ”
ท่านลุง?
ไป๋หยานนิ่งปรากฏรอยยิ้มติดอยู่ที่มุมปากของนาง “ท่านลุง”
”อืม”
ไป๋จั่นเผิงตอบพร้อมรอยยิ้มในแววตาเขายกมือขึ้นลูบศีรษะไป๋หยาน “เด็กดี ลุงไม่ได้เตรียมของรับขวัญเจ้าเลย แหวนหยกนี่ลุงได้รับมาจากท่านตาของเจ้า บัดนี้ลุงขอมอบให้เจ้า”
เขาถอดแหวนจากนิ้วหัวแม่มือวางลงบนมือของไป๋หยาน
”แหวนหยกนี้มีความลับซ่อนอยู่หากแต่ความลับนี้ … เจ้าต้องค้นหาด้วยตนเอง เพราะลุงเองก็ยังไม่ชัดเจนนัก”
ครั้นเห็นไป๋จั่นเผิงมอบแหวนนิ้วหัวแม่มือหยกของเขาให้กับไป๋หยานทุกคนในสำนักเวชโอสถต่างก็ตกตะลึง
ลั่วจงและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ยังไม่เท่าไหร่ ทว่าสีหน้าของซูฮงเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลันแววตาของเขาก็ค่อย ๆ สิ้นหวัง
***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (24)***