จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 53
บทที่ 53 : เหมือนลากมาตบหน้า (2)
ไป๋เฉิงเซียงรู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างยิ่ง เขากล่าวออกมาด้วยความโมโหว่า “ท่านคาดหวังว่าข้าจะรู้สึกเสียใจที่ตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับนางกระนั้นหรือ ? ไม่มีทาง ตระกูลไป๋ของข้าไม่สนใจคนขี้เกียจเช่นนั้นหรอก !”
“ฮึ ข้าก็หวังว่าเจ้าจะทาตามที่เจ้าพูด ต่อไปเจ้าก็อย่าได้รบกวนหลานสาวของข้าอีก !“
ใบหน้าของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านเย็นชา ยิ่งคิดถึงสิ่งที่ไป๋หยานได้รับจากบ้านสกุลไป๋ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาก็ยิ่งเจ็บปวด กระทั่งอดไม่ได้ที่จะแสดงความกราดเกรี้ยวออกมา
“ท่านตา” ไป๋หยานดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของตี้คัง ก่อนจะวิ่งไปหาท่านตา นางไม่ลืมที่จะหันกลับไปมองค้อนเขาสั้น ๆ “ท่านตาเพิ่งจะครบรอบหกสิบปีเมื่อไม่นานมานี้ ในครานั้นข้าไม่อาจมาร่วมงานได้ เช่นนั้นวันนี้ข้าจึงเตรียมของขวัญพิเศษมามอบให้ท่าน“
“ของขวัญพิเศษหรือ ?”
ไป๋จื่อที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งสบโอกาสกล่าววาจาหยามเหยียดไป๋หยานทันที “ไม่คิดว่าจะมีคนพูดจาไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้ กะแค่ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เจ้ายังกล้าพอที่จะเรียกมันว่าเป็นของขวัญพิเศษอีก“
นับแต่วันที่นางตกเป็นเหยื่อการกลั่นแกล้งของไป๋เสี่ยวเฉิน ไป๋จื่อก็เลิกรักษาภาพลักษณ์ต่อหน้าสาธารณชนเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น นางเกลียดชังไป๋หยานเข้ากระดูกดา จึงไม่แปลกที่นางจะพูดทุกอย่างตามแต่ใจคิด
ไป๋หยานไม่สนใจเด็กสาวงี่เง่านั่นเลย ไม่แม้แต่จะปรายตามองเสียด้วยซ้า “ท่านตา ท่านต้องชอบของขวัญชิ้นนี้เป็นแน่” ไปหยานก้าวไปข้างหน้า จากนั้นก็ผิวปากส่งเสียงหวิว ๆ ราวนกหวีด
ส่วนท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านก็กาลังสงสัยว่า เขาจะได้รับของขวัญใดกันแน่ เสียงนกหวีดที่คมชัดดึงเขาออกจากห้วงคิด บนท้องฟ้ายามราตรี ปรากฏเส้นแสงสีแดงเพลิงราวกับดวงอาทิตย์วาดโค้งอย่างน่าประทับใจกลางนภาที่มืดมิด
“นั้น…นั่นมันอะไรกัน ?”
ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างจ้องมองแสงนั่นด้วยความประหลาดใจ ทุกสายตาต่างจับจ้องตรงจุดนั้นแน่นิ่ง กระทั่งแสงนั่นพุ่งลงมาที่หน้าประตูทางเข้า …
มันคือนก… นกที่สวยงามมาก ขนของมันสีแดงราวโลหิต ทาให้รูปลักษณ์ของมันไม่ต่างกับเปลวเพลิงที่กาลังลุกโชติช่วงในยามค่าคืน ดวงตาของมันสีเขียวสดใส ประหนึ่งแก้วโมราสีเขียวแสนสวย ทุกคนต่างนิ่งงันราวถูกสะกดจิต
นกตัวนี้เริ่มส่งเสียงร้อง เสียงของมันช่างไพเราะ กังวานใส อีกทั้งอ่อนหวาน
ค่าคืนที่มืดมิด นัยน์ตาของหนานกงอี้พลันเปล่งประกาย “สัตว์อสูร…วิหคเพลิง !”
สัตว์อสูร…วิหคเพลิง ?
ดวงตาของทุกคนในที่นั้นต่างเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดสัตว์อสูรจึงมาปรากฏตัวที่นี่ ?
แน่นอนว่า ไม่มีผู้ใดคิดว่านกนั่นมา เพียงเพราะเสียงผิวปากของไป๋หยานเมื่อครู่
“ท่านพ่อ…นกตัวนั้นสวยงามมาก“
เป็นธรรมดาที่ สตรีมักจะอ่อนไหวกับของสวย ๆ งาม ๆ
ไป๋จื่อเองก็ไม่อาจหักห้ามใจได้ นางเข้าไปเกาะแขนเสื้อของไป๋เฉิงเซียง พลางเริ่มร้องขอเหมือนเด็กนิสัยเสีย “ท่านพ่อ จับนกตัวนั้นให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ ?
ตอนนี้ไป๋เฉิงเซียงได้แต่หน้าเสีย
ไม่ต้องกล่าวถึงระดับความแข็งแกร่งของนกอสูรตัวนี้ เพียงความจริงที่ว่ามันเป็นสัตว์อสูรก็มากพอที่จะรู้ตัวเองได้แล้วว่า เขาไม่สามารถควบคุมมันได้เป็นแน่
ในโลกนี้มีเพียงเผ่าพันธุ์อสูรเท่านั้นที่สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตซึ่งมีระดับความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้
ตี้คังเชิดหน้าขึ้น ขณะกล่าวกับไป๋จื่อว่า “สัตว์อสูรระดับเทพเช่นนี้ เจ้ามีปัญญาควบคุมมันได้กระนั้นหรือ ?”
นี่เป็นประโยคแรกที่ตี้คังกล่าวกับไป๋จื่อ แท้จริงแล้ว นางน่าจะดีใจจนแทบจุดพลุฉลอง หากทว่าน้าเสียงของเขากลับทาให้นางหน้าขาวซีดด้วยความอับอายเสียมากกว่า
“ท่านพ่อ !” น้าตาของไป๋จื่อไหลรินออกมาเช่นเคย ไป๋จื่อร่าไห้ แววตาของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ว่าโลกไม่เป็นธรรมกับนางเลย
ไป๋เฉิงเซียงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะกล่าวยอมรับความจริง “ท่านอ๋องคัง กล่าวถูก สัตว์อสูรในโลกนี้ต่างภาคภูมิ และเย่อหยิ่งเป็นนิสัย พวกมันไม่มีวันยอมจานนต่อมนุษย์“
ทว่าเหตุใด …
เหตุใดนกอสูรตัวนี้จึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ?
อย่าว่าแต่ไป๋เฉิงเซียงเลย ทุกคนที่ยืนอยู่ ณ ที่นี้ต่างก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
นกอสูรระดับเทพเช่นนี้มิใช่สัตว์อสูรธรรมดา ๆ หากคิดจะควบคุมมันก็ต้องให้ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานกับไป๋เฉิงเซียงซึ่งเรียกได้ว่าเป็น
ยอดฝีมือระดับสูงของอาณาจักรผนึกกาลังรวมกัน จึงจะสามารถควบคุมมันได้