จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 531-535
บทที่ 531 : งานชุมนุมเริ่มขึ้นแล้ว (30)
”ฮ่าฮ่าฮ่าที่เจ้าพูดมาไม่ผิด หลานสาวของข้าเป็นคนเก่งมากจริง ๆ ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบนางได้”
ไป๋ฉางเฟิ่งหัวเราะร่าเขายอมรับคำชมอย่างไม่เกรงใจผู้ใด
หากเป็นเมื่อก่อนคนอื่น ๆ อาจจะตำหนิได้ว่าเขาไร้ยางอาย ทว่าตอนนี้ … ไป๋หยาน เก่งจริง ๆ พวกเขาจึงไม่มีคำใดจะกล่าว
“เชอะ!” เหรินอี้ตะโกนขึ้นอย่างหงุดหงิด “ภูมิใจอะไรนักหนา หยานเอ๋อเป็นศิษย์ของข้า คนแรกที่รู้ความสามารถของนางก็คือพวกเรา !”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนางก็จะเป็นศิษย์รักของพวกเราเสมอ” เจิ้งฉีเชิดริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย
ปฏิกิริยาโต้ตอบของเจิ้งฉีอาจไม่รุนแรงเท่ากับเหรินอี้เพราะสำหรับไป๋หยานแล้วการได้พบญาติสนิทที่รักนางนับว่าเป็นโชคดีของนาง
”ช่างเถิด”เหรินอี้ถอนหายใจ “ก่อนหน้านี้ แค่เพียงข้าถูกตาแก่คนนี้ฉกศิษย์ไปหลายต่อหลายครั้ง ข้าก็เลยไม่พอใจ แต่หากหยานเอ๋อยอมรับเขา ข้าก็ต้องสนับสนุน หยานเอ๋อ หากเจ้าไม่ต้องการอยู่ในสำนักเวชโอสถนี้ ก็ไม่มีผู้ใดหยุดเจ้าได้ !”
เป็นเพราะไป๋ฉางเฟิ่งมองไป๋หยานเป็นคนที่สำคัญมากที่สุดด้วยเหตุนี้เหรินอี้จึงยอมรามือไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีก
”ท่านตา”ไป๋หยานเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม “วันเกิดของท่านเมื่อไหร่กัน ?”
”ครึ่งเดือนหลังจากนี้”ไป๋ฉางเฟิ่งหัวเราะขึ้นสองครั้ง “เมื่อถึงวันนั้น ข้าจะประกาศให้โลกรู้อีกครั้งว่าเจ้าเป็นหลานสาวของข้า”
ถึงตอนนี้อารมณ์ตื่นเต้นของไป๋ฉางเฟิ่งก็ยังไม่หมดลงยามที่คนอื่นไม่ทันให้ความใส่ใจเขา เขาก็ลอบเช็ดปลายหางตาของตน
”เอ่อข้าจำได้ว่าจั่นเผิงบอกว่า สตรีที่รับเลี้ยงดูเจ้ามีชื่อว่าหลานเยี่ยใช่หรือไม่ ? นางเป็นคนจากบ้านสกุลหลานแห่งเมืองหลิวฮั่ว เช่นนั้นโปรดเชิญคนที่เจ้ารักมาร่วมด้วย ข้าจะรับรองพวกเขาเป็นแขกพิเศษอย่างแน่นอน”
”ได้สิ”ไป๋หยานกล่าวพร้อมกับยิ้มสบาย ๆ “ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานก็เป็นตาคนหนึ่งของข้าด้วยเช่นกัน ไม่ว่าวันหน้าตัวข้าจะเป็นเช่นไรความรู้สึกเหล่านี้ก็จะไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าท่านตามักจะอารมณ์ไม่ดีนัก ทั้งนิสัยก็หยิ่งยโส รบกวนท่านต้องอภัยให้เขาด้วยนะ”
”อ้อ.. ยังมีไทเฮาอีกองค์” ไป๋หยานคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อว่า “เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น มีเพียงไทเฮาและศิษย์ของข้าหนานกงซุ่นที่ยอมยืนอยู่เคียงข้างข้าทั้งที่ไม่รู้จักตัวตนแท้จริงของข้าเลย ท่านตา…ข้าสามารถเชิญนางมาด้วยได้หรือไม่ ? ข้าเป็นหนี้บุญคุณนาง”
นางเป็นกังวลเรื่องหน้าตาของอาจารย์ทั้งสามนางจึงไม่เคยทูลไทเฮาว่านางมีความสัมพันธ์กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทว่าไทเฮาก็ยังยอมอยู่เคียงข้างนางเสมอ
”เพื่อนในยามยากคือเพื่อนแท้มิตรภาพที่ดีเช่นนี้มีค่ามากจริง ๆ ” ไป๋ฉางเฟิ่งกล่าวช้า ๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มเย็น ๆ “งานวันเกิดของตา เจ้าจะเชิญผู้ใดมาร่วมก็ได้ เชิญคนที่เจ้ารู้จักทุกคนมาที่นี่เลยก็ย่อมได้ สำหรับท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน … ”
ไป๋ฉางเฟิ่งกล่าวพลางจ้องมองโดยรอบน้ำเสียงของเขาจริงจัง “พวกเจ้าจะต้องให้การเคารพ และปฏิบัติเช่นเดียวกับที่ปฏิบัติต่อข้า ! ผู้ใดก็ตามที่กล้าทำให้ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานขุ่นเคืองจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง !”
หากมิใช่เพราะหลานเยี่ยของบ้านสกุลหลานบางทีหลานสาวของเขาอาจจะเหลวแหลกไปแล้ว ด้วยมิตรภาพนี้…เขาควรต้องตอบแทนบ้านสกุลหลาน !
”ขอรับ”
ผู้คนในสำนักเวชโอสถกล่าวตอบโดยพร้อมเพรียงเสียงของพวกเขาดังก้องฟ้า
ในทำนองเดียวกันถ้อยคำของไป๋ฉางเฟิ่งพลันกระจายไปทั่วแดน ตระกูลหลานจะได้รับความเคารพนับถือเฉกเช่นเดียวกับเขา หาไม่แล้วจะถือเป็นการดูหมิ่นสำนักเวชโอสถ !
ยามนี้ทุกคนที่เข้าร่วมงานชุมนุมหมอปรุงยาต่างหันมองหน้ากันในใจของทุกคนต่างก็มีความคิดตรงกัน นั่นคือ
หลังจากกลับถึงสำนักต้องไม่ลืมบอกท่านเจ้าสำนักว่าอย่าทำให้บ้านสกุลหลานขุ่นเคืองหรือไม่พอใจเป็นเด็ดขาด !
นอกจากจะไม่ทำให้พวกเขาขุ่นเคืองแล้วก็ยังต้องให้ความช่วยเหลือในยามที่พวกเขาต้องการอีกด้วย !
เวลานี้ทุกคนต่างก็รู้สึกอิจฉา ผู้ใดใช้ให้ตระกูลหลานมีบุตรสาวที่ดีเช่นหลานเยี่ย เพราะหลานเยี่ยเลี้ยงดูไป๋หยานมาทำให้สำนักเวชโอสถตกเป็นหนี้บุญคุณตระกูลหลาน…
***จบบทงานชุมนุมเริ่มขึ้นแล้ว (30)***
บทที่ 532 : ตระกูลหลานที่ไม่อาจยั่วยุได้ (1)
เมื่อเร็วๆ นี้ ตระกูลหลานเพิ่งประสบเคราะห์ร้าย เรื่องแรกจักรพรรดินีแห่งอาณาจักรเฟิงฉีต้องตาต้องใจหลานเฉาหลิง นายน้อยคนโตของตระกูลหลาน ทว่าหลานเฉาหลิงปฏิเสธนาง ด้วยเหตุนี้นางจึงประกาศตัดสัมพันธ์กับอาณาจักรหลิวฮั่ว
ประการที่สองหลานเฉาหยันนายน้อยรองมีข้อพิพาทกับคุณชายของสำนักเซี่ยเยว่ หลานเฉาหยันไม่เพียงแต่ทำให้ชายคนนั้นขายหน้า แต่ยังหักขาชายคนนั้นอีกด้วย
เมื่อเกิดเรื่องขึ้นตระกูลหลานก็เหมือนเผชิญพายุลูกใหญ่พวกเขาอยากติดต่อกับไป๋หยาน แต่ครั้นพวกเขาคิดถึงตัวตนแท้จริงของนางแล้วก็ได้แต่นิ่งเงียบ
หากไป๋หยานเป็นหลานสาวที่เกิดจากตระกูลหลานจริงๆ ทุกคนก็คิดว่านางควรที่จะออกหน้า เพื่อตระกูลหลาน แต่เมื่อมีการเปิดเผยแล้วว่า นางไม่ได้เกิดจากหลานเยี่ย นางเป็นคนของตระกูลไป๋ นางก็ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับตระกูลหลานแล้ว
ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางจะช่วยตระกูลหลานอีกหรือไม่?
ยามนี้ในห้องโถงใหญ่ของตระกูลหลานหลานเฉาหยันคุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกับก้มศีรษะกระทั่งหน้าผากแนบพื้น เขานิ่งเงียบรอรับความโกรธเกรี้ยวของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน
ทว่าหลังจากรอมานานทั่วทั้งห้องก็ยังคงเงียบสงบ
“ท่านพ่อนี่มิใช่ความผิดของเฉาหยันเลยเฉาหยันเพียงต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม ผู้ใดใช้ให้คุณชายจากสำนักเซี่ยเยว่ไปฉุดคร่าสาว ๆ จากตระกูลดี ๆ ในอาณาจักรหลิวฮั่วของเราเล่า ?”
ครั้นตงรั่วหลานเห็นหลานเฉาหยันคุกเข่าอยู่เกือบสองเค่อ(ครึ่งชั่วโมง) แล้ว นางก็รู้สึกไม่สบายใจ ทว่านางก็ไม่กล้าช่วยดึงตัวหลานเฉาหยันขึ้น
”ที่ข้าโกรธไม่ได้เป็นเพราะเขาตีไอ้คุณชายนั่นหรอก?” ใบหน้าของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานนั้นแลดูจริงจัง “ในฐานะลูกผู้ชาย ก็ย่อมต้องเด็ดเดี่ยว ทั้งการต่อสู้เพื่อผดุงความยุติธรรมก็เป็นเรื่องจำเป็น ข้าจึงไม่คิดว่าเฉาหยันผิด ! หากแต่เจ้าก็รู้ว่าเขาเป็นคนของสำนักเซี่ยเยว่ หากเขาเรียกยอดฝีมือมาช่วย เจ้าไม่เพียงแต่จะไม่สามารถช่วยชีวิตคนพวกนั้น แม้แต่ตัวเจ้าเองก็อาจเป็นอันตรายไปด้วย”
หลานเฉาหยันลดศีรษะลงพลางกล่าวเบาๆ ว่า “ท่านปู่ ข้าผิดไปแล้ว…”
“เมื่อเจ้ารู้ว่าผิดก็ดีแล้วต่อไปหากเจ้าเจอเรื่องเช่นนี้ เจ้าควรกลับมาบอกข้าก่อน !” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานกล่าวอย่างดุดัน
”หลานเข้าใจแล้ว”
หลานเฉาหยันรู้ดีว่าท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะเพลี่ยงพล้ำหากแต่จะให้เขาทนดูคนสำนักเซี่ยเยว่กลั่นแกล้งรังแกอิสตรีในอาณาจักรนี้ เขาก็ไม่สามารถ
ลูกผู้ชายควรจะต้องเด็ดเดี่ยวไม่ขลาดกลัว หาไม่แล้วเขาจะปกป้องอาณาจักรของตนได้อย่างไร ?
”เข้าใจแล้วก็ดีส่วนเรื่องคุณชายจากสำนักเซี่ยเยว่ เมื่อทำไปแล้วก็แล้วไปเถอะ หากคนจากสำนักเซี่ยเยว่มา ข้าจะออกรับเอง ตาแก่อย่างข้า อยู่ดูโลกมาก็นาน” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับใบหน้าที่แน่วแน่
คิ้วของตงรั่วหลานขมวดเป็นปม”ท่านพ่อ เราบอกหยานเอ๋อเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีหรือไม่ ? หากนางกลับมา สำนักเซี่ยเยว่ย่อมไม่มีทางมาวุ่ยวายกับตระกูลหลานของเราเป็นแน่”
”ห้ามผู้ใดไปบอกนางทั้งนั้น!” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหยานเอ๋อที่จะประสบความสำเร็จเช่นนี้ พวกเราตระกูลหลานไม่เคยช่วยอะไรนางเลย ได้ยินมาว่าสำนักเซี่ยเยว่เป็นสำนักในสังกัดของสำนักเวชโอสถ เจ้าจะให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของหยานเอ๋อ และสำนักเวชโอสถมีข้อพิพาทกันงั้นหรือ ?”
”แต่ท่านพ่อ… ”
ตงรั่วหลานอยากจะกล่าวบางอย่างเพิ่มเติมทว่ากลับถูกท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานขัดจังหวะ
”ข้าไม่สามารถลากหยานเอ๋อมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ด้วยความแข็งแกร่งของนางในตอนนั้น ไม่ง่ายเลยที่นางจะมีวันนี้ ! ครั้งนี้ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง !”
ชั่วเวลานี้ร่างของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานแลดูจะแก่ลงเล็กน้อยแผ่นหลังของเขาก็ไม่ได้ตั้งตรงเฉกเช่นอดีต มันงุ้มลงเล็กน้อย
หลานเฉาหยันมองตามหลังของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานที่กำลังเดินไปที่ประตูพลันหัวใจของเขาก็เศร้าโศก
เรื่องที่เขาทำร้ายคุณชายของสำนักเซี่ยเยว่เขาไม่นึกเสียใจเลย ส่วนเรื่องที่เขาโดนปู่ดุเขาก็ไม่นึกเสียใจเช่นกัน
***จบบทตระกูลหลานที่ไม่อาจยั่วยุได้ (1)***
บทที่ 533 : ตระกูลหลานที่ไม่อาจยั่วยุได้ (2)
ทว่าเมื่อเขาพบว่าปู่ของเขาแก่ลงกว่าเดิมมากหัวใจของเขาก็สั่นสะท้าน
หัวใจของเขาอึดอัดมาก
”ท่านแม่…ข้าทำผิดไปใช่หรือไม่…?”หลานเฉาหยันก้มหัวลงพลางร่ำไห้
ตงรั่วหลานตกใจนางหลุบตาลงเล็กน้อย “หากเจ้ามีความแข็งแกร่งไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรก็ถูกต้องไปหมด ทว่าหากเจ้าไร้ซึ่งพลังอำนาจ เจ้าก็ต้องลากท่านปู่ลงมารับหน้าแทนเจ้าตลอด”
ความแข็งแกร่ง…
ทั้งหมดนี้สืบเนื่องมาจากความแข็งแกร่ง
หลานเฉาหยันกำหมัดแน่นยามนี้เขากระหายอยากได้พลังอำนาจ เพราะหากมีอำนาจเขาก็ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใด
*****
ณสำนักเซี่ยเยว่
ภายในสำนัก
ครั้นหลิวหยางเห็นบุตรชายของตนถูกหามเข้าประตูมาเขาก็ตะลึงงัน เขาโกรธเกรี้ยวขึ้นทันใด พลางร้องตะโกนออกไปว่า “ผู้ใด…มันผู้ใดกล้าทำร้ายบุตรชายของข้า ข้าจะขยี้มันให้แหลกราญ…”
”เรียนท่านเจ้าสำนัก”
ผู้คุ้มกันสองคนที่ติดตามหลิวซู่มาต่างก็รีบคุกเข่าลงเนื้อตัวสั่นเทา “เอ่อ … มันผู้นั้นก็คือคนจากตระกูลหลาน”
บ้านตระกูลหลาน…
หลิวหยางผู้ซึ่งแต่เดิมเต็มไปด้วยความโกรธพลันสงบลงอย่างกระทันหัน หลังจากได้ยินคำตอบ เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามว่า “บ้านตระกูลหลานไหนกันที่พวกเจ้าพูดถึง ?” เมื่อเร็ว ๆ นี้ คำว่า “บ้านหลาน” กลายเป็นบุคคลต้องห้ามที่ไม่อาจแตะต้องในดินแดนแห่งนี้
ผู้คนจำนวนมากไม่กล้าแม้จะเอ่ยถึงเช่นนั้นหลิวหยางจึงไวต่อคำว่า ‘ตระกูลหลาน’ มาก
”ท่านเจ้าสำนักผู้ที่ทำร้ายนายน้อยก็คือหลานเฉาหยันจากตระกูลหลานแห่งอาณาจักรหลิวฮั่ว”
สีหน้าของหลิวหยางเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาวจากนั้นเปลี่ยนจากขาวเป็นเขียว เขาบังคับตนเองให้ยืนนิ่ง เอ่ยถามต่อไปว่า “ตระกูลหลานของอาณาจักรหลิวฮั่ว ที่เจ้าพูดถึง มีแม่นางหลานเยี่ยที่เคยออกเรือนไปแล้วด้วยใช่หรือไม่ ?”
ผู้คุ้มกันเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจเจ้าสำนักรู้จักตระกูลหลานด้วยงั้นหรือ ?
”ใช่… บุตรสาวจากบ้านตระกูลหลานคนหนึ่งมีชื่อว่าหลานเยี่ย ท่านเจ้าสำนัก ในเมื่อหลานเฉาหยันทำร้ายนายน้อย กระทั่งได้รับบาดเจ็บ เช่นนั้นบัญชีครั้งนี้ … ”
”สารเลวเอ๊ย!”
หลิวหยางกำหมัดแน่นก่อนจะชกหน้าผู้คุ้มกัน
ผู้คุ้มกันกุมแก้มที่บวมเป่งของตัวเองพลางมองหลิวหยางที่กำลังโกรธด้วยตัวสั่นเทาขณะกล่าวว่า “เจ้า … เจ้าสำนัก … ”
”ปล่อยไอ้เด็กเวรนี่ไว้ที่นี่แหละให้มันนอนกลิ้งเกลือกตายอยู่บนพื้นนี่ เรื่องนี้เป็นความผิดของมันก็ให้มันแก้ไขเอง ไม่ต้องลากพวกเราสำนักเซี่ยเยว่ลงโคลนไปด้วยหรอก”
หลิวหยางเตะขาของหลิวซู่ไม่หยุดใบหน้าของเขาเขียวคล้ำด้วยความโกรธ
ไอ้เด็กชั่วนี่ไม่ทำอะไรเอาแต่เดินเฉิดฉายเป็นคุณชายไปวันๆ จู่ ๆ เหตุใดถึงไปยั่วยุตระกูลหลานเข้าได้ ?
ตระกูลหลาน!
เจ้าสำนักเวชโอสถได้ประกาศแล้วว่าหากได้พบท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน จะต้องให้ความเคารพนับถือเทียบเท่ากับเขา
แต่ไอ้เด็กเวรนี่ก็ยังไปกระตุ้นคนตระกูลหลานอีก!
หลิวซู่ฟื้นลืมตายังไม่ทันมีเวลาคิดอะไร หมัดของบิดาก็อัดเข้าใส่ไม่ต่างกับพายุ กระทั่งเขาต้องร้องเรียกหาแม่
”ท่านพ่อนี่ท่านกำลังทำอะไร เลิกตีข้าทีเถิด ข้าเป็นบุตรชายของท่านนะ เป็นบุตรชายสุดที่รักของท่านไง !”
”ข้าอยากจะให้เจ้าจะไม่ใช่บุตรชายแท้ๆ ของข้า !” หลิวหยางตัวสั่นเทาเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไหนเจ้าบอกข้ามาทีสิว่า เหตุใดเจ้าจึงไปกระตุ้นหลานเฉาหยัน เหตุใดเจ้าต้องสร้างปัญหากับคนตระกูลหลาน !”
หลิวซู่ตกตะลึงเขามองหลิวหยางด้วยความประหลาดใจ “ท่านพ่อ เพียงตระกูลหลาน ตระกูลเล็ก ๆ ท่านก็ไม่กล้าจัดการงั้นหรือ ข้ารู้ว่าท่านอาจเป็นกังวลเกี่ยวกับแม่นางไป๋หยาน ทว่าไป๋หยานเป็นหลานสาวของตระกูลหลานเสียที่ไหน ? นางไม่ได้เกิดจากท้องหลานเยี่ย ทั้งสำนักเซี่ยเยว่ของเราก็อยู่ในสังกัดของสำนักเวชโอสถอีกด้วย … ”
”เจ้า… ” หลิวหยางขี้เกียจเกินกว่าที่จะคุยกับคนงี่เง่าคนนี้ เขายังคงเหวี่ยงแขนของเขาตุ้บตั้บอย่างเดือดดาล “ข้าต้องรีบไปขอโทษตระกูลหลาน ช้าไม่ได้แล้ว และข้าขอบอกเจ้าไว้เลยว่า หากเจ้าทำให้สำนักเซี่ยเยว่ของเราต้องเดือดร้อนจากการกระทำของเจ้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปเป็นเด็ดขาด ! ”
***จบบทตระกูลหลานที่ไม่อาจยั่วยุได้ (2)***
บทที่ 534 : ตระกูลหลานที่ไม่อาจยั่วยุได้ (3)
ในเวลาเดียวกัน
ณวังหลวงของอาณาจักรเฟิงฉี
ภายในวังหลวงอันหรูหราสตรีในอาภรณ์สีแดงเอนกายอยู่บนบัลลังก์มังกรอย่างเกียจคร้านนางบรรจงเทสุราในเหยือกลงไปในปากอย่างช้า ๆ
ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏขึ้นในหัวใจของนางร่างของนางสั่นเทา รอยยิ้มอันขมขื่นประดับอยู่ที่มุมปากของนาง
”หลานเฉาหลิงจักรพรรดินีองค์นี้มีสิ่งใดไม่น่าพึงใจกระนั้นรึ ? ไยเจ้าจึงปฏิเสธข้าอยู่ร่ำไป ? ข้าไม่ดีพอหรือไม่สวยพอกันแน่ ?”
หากนางไม่ดีพอนางก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
แต่ชายผู้นั้นกลับไม่ให้โอกาสนางเลย…
”ฝ่าบาท”
ขันทีรีบเข้ามาน้อมกายถวายรายงาน”ท่านผู้อาวุโสขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
”เขามาทำอะไรที่นี่?” เฟิงหลวนขมวดคิ้วเย้ยหยัน “เดิมที เขาไม่เคยเห็นด้วยกับการที่ข้าคอยตามตื๊อหลานเฉาหลิง เช่นนั้นตอนนี้เขามาหาข้าด้วยเหตุใด ? ไล่เขาไปซะ ข้าไม่อยากพบหน้าเขา !”
อย่างไรก็ตามทันทีที่นางกล่าวจบ ชายชราเสื้อคลุมสีขาวก็ก้าวผ่านประตูเข้ามา เขาก้าวช้า ๆ ไปหยุดเบื้องหน้าเฟิงหลวน จากนั้นก็ยกมือขึ้นป้องกำปั้น “ฝ่าบาท”
”อ้อ”เฟิงหลวนยิ้มอย่างเย็นชา นางเหยียดริมฝีปากอย่างเหยียดหยาม “ว่าไงนะ เจ้ายังเรียกข้าว่าฝ่าบาทอีกงั้นรึ ? ข้า…ผู้ที่ไม่อาจแม้แต่จะเลือกการแต่งงานของตนเองได้ ในฐานะจักรพรรดินีข้าสามารถทำอะไรได้บ้าง ? ข้าเพียงต้องการตามตื๊อเฉาหลิงไปทั่วทุกที่ หากเขาไม่ยอมรับข้า ข้าก็จะตามตื๊อจนกว่าเขาจะยอมรับ ตรงกันข้ามหากข้าถูกจองจำในวังชั่วชีวิต ข้าก็จะไม่มีโอกาสทำเช่นนั้นได้เลย”
แม้แต่คนที่นางรักยังไม่รักนางแล้วตำแหน่งจักรพรรดินีนี้ของนางจะมีประโยชน์ใด ? จะเป็นการดีกว่าหากจะปล่อยนางให้เป็นอิสระ เพื่อที่นางจะได้ไล่ติดตามไขว่คว้าความรักของนาง
”ฝ่าบาทที่กระหม่อมมาเข้าเฝ้าพระองค์ในยามนี้ เพียงเพราะต้องการไถ่ถามอะไรบางอย่าง…” ชายชรายิ้ม เขาไม่ได้โมโหกับคำพูดของเฟิงหลวน “พระองค์ชอบหลานเฉาหลิงจริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ ?”
เฟิงหลวนยกริมฝีปากขึ้นพลางหัวเราะ”ข้ารู้จักเฉาหลิงมาแปดปีแล้ว และข้าก็รักเขามาตลอดแปดปีนั่น เพื่อเขาแล้ว ภายหลังจากที่ข้าได้ขึ้นเป็นจักรพรรดินีตั้งแต่อายุยังน้อย ข้าก็ไม่เคยได้รับสนมชาย ทว่าต่อให้ข้ารักเขาแล้วจะมีประโยชน์ใด ในเมื่อเขาไม่ได้รักข้าเลย …? ”
”เดิมทีข้าคิดว่าแม้เขาจะไม่ได้รักข้า หากแต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีความรู้สึกที่ดีต่อข้า เช่นนั้นเมื่อสองสามวันก่อนข้าจึงขู่เขาไปว่า หากเขายังไม่ยอมรับข้า จากนี้ไปข้าจะไม่มีวันเป็นเพื่อนกับเขาอีก”
”ข้าพูดถึงเพียงนั้นเขากลับหันหลังจากไปโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะเหลียวมองหน้าข้าด้วยซ้ำ … ”
นางหลุบตาลงแววตาของนางเปลี่ยนเป็นสิ้นหวัง ทั้งน่าสงสารและน่าสังเวช
“ข้าไม่ดีพองั้นหรือ? หากข้าไม่ดีพอข้าก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง ข้าสามารถเปลี่ยนแปลงได้จริง ๆ นะ และหากเขาไม่ต้องการแต่งงานเข้าอาณาจักรเฟิงฉีของเรา ข้าก็พร้อมที่จะสละทุกอย่างไปเป็นสะใภ้ตระกูลหลานเพียงแค่เขาพูดออกมาเท่านั้น”
เฟิงหลวนหยิบเหยือกขึ้นดื่มเหล้าร้อน ๆ วิ่งผ่านลำคอของนาง ราวกับจะหวังให้ความเจ็บปวดภายในหยุดนิ่งเป็นอัมพาต
”ฝ่าบาทหากพระองค์มีพระประสงค์ที่จะติดตามเขา เช่นนั้นก็เสด็จเถิด กระหม่อมจะหาคนช่วยพระองค์เอง” ชายชรากระพริบตาน้อย ๆ ขณะกล่าวอย่างช้า ๆ
เพล้ง!
เหยือกหลุดจากมือของเฟิงหลวนแตกกระจายบนพื้น สุราซ่านกระเซ็น ส่งกลิ่นหอมฉุนไปทั่ววัง
”ท่านหมายความเช่นที่พูดจริงๆ กระนั้นหรือ ?” เฟิงหลวนประหลาดใจ กระทั่งต้องเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาของนางเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
”จริง”ชายชราพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าได้ยินมาว่าไป๋หยานเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีข้าวางแผนที่จะส่งเสริมพระองค์กับหลานเฉาหลิง โชคไม่ดีที่ภายหลังเรื่องราวกลับถูกเปิดเผยว่าไป๋หยานไม่ใช่บุตรสาวของหลานเยี่ย ก่อนที่จะกลับมายังอาณาจักรเฟิงฉี ข้าเองก็ไม่ได้ข่าวเรื่องของตระกูลหลาน ทำให้ข้าไม่รู้ว่ายามนี้ความสัมพันธ์ระหว่างไป๋หยานกับบ้านตระกูลหลานเป็นเช่นไร ? ดังนั้นข้าจึงพิจารณาเรื่องที่จะส่งเสริมพวกท่านอีกครั้ง”
***จบบทตระกูลหลานที่ไม่อาจยั่วยุได้ (3)***
บทที่ 535 : ตระกูลหลานที่ไม่อาจยั่วยุได้ (4)
ไป๋หยานขาดการติดต่อกับตระกูลหลานเนิ่นนานนางเพิ่งมาสนิทสนมกับบ้านสกุลหลาน หลังจากกลับมาอีกครั้งพร้อมบุตรชาย
ด้วยเหตุนี้คนทั่วไปจึงไม่สามารถเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย ทุกคนจึงทำได้เพียงรอดู
”ทว่า… ” ชายชรากล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ กระหม่อมได้ยินข่าวว่า..”
”ข่าวอะไร?
นางอยากรู้ว่าข่าวใดที่ทำให้ผู้อาวุโสเปลี่ยนความคิด
”กระหม่อมได้ยินมาว่ามารดาผู้ให้กำเนิดไป๋หยานก็คือคุณหนูไป๋หนิง ที่หายตัวไปของสำนักเวชโอสถ เช่นนั้นไป๋ฉางเฟิ่ง เจ้าสำนักเวชโอสถจึงรู้สึกขอบคุณบ้านตระกูลหลานมาก ทั้งยังออกคำสั่งให้ทุกคนในดินแดนนี้ หากพบเจอท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานก็ให้ปฏิบัติต่อท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานเสมือนกับที่ปฏิบัติต่อเขา !”
คำบอกเล่าของชายชราทำให้ร่างของเฟิงหลวนสั่นสะท้านนางพริ้มตาที่งดงามของนางลงเล็กน้อย “ข้ารู้แล้ว … ”
”ฝ่าบาทพระองค์ ?” ชายชราขมวดคิ้วน้อย ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เข้าใจปฏิกิริยาของเฟิงหลวน
เพียงครู่เฟิงหลวนก็ลืมตาขึ้น นางกวาดตาอย่างเย้ยหยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เดิมทีเขาเป็นเพียงนายน้อยของตระกูลหลาน ท่านจึงห้ามข้าไม่ให้เข้าใกล้เขา ทว่าตอนนี้ตระกูลหลานได้รับการสนับสนุนจากสำนักเวชโอสถ เช่นนั้นท่านจึงจะให้ข้าไปหาเขา ? ไร้ยางอายสิ้นดี ข้าไม่ต้องการทำสิ่งไร้ยางอายเยี่ยงนี้ ! ”
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไป”ฝ่าบาท นี่เป็นโอกาสที่หายากมากนะพ่ะย่ะค่ะ !”
”พอทีเถอะ! เวลานี้ข้าไม่ต้องการพบผู้ใด หากท่านยังต้องการให้ข้าอยู่ในอาณาจักรเฟิงฉี ก็อย่าได้มารบกวนข้าอีก !”
หลังกล่าวจบเฟิงหลวนก็หลับตาลงอีกครั้ง นางไม่สนใจชายชราที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอีกต่อไป
ชายชราต้องการที่จะโน้มน้าวใจนางหากแต่เขาก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ก่อนจะเดินออกจากประตูไป
ภายหลังเสียงฝีเท้าของเขาหายไปเฟิงหลวนก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ นางหยิบเหยือกสุราบนพื้นที่เหลืออยู่ขึ้นมา พลางหัวเราะให้กับตนเอง
”เฉาหลิงวันหน้า … บางทีเราอาจจะเป็นเหมือนคนแปลกหน้าต่อกันเท่านั้น”
เดิมทีทุกคนต่างก็บอกว่าหลานเฉาหลิงไม่ดีพอสำหรับนางหากแต่นางก็ยังต้องการตามตื๊อเขา
ทว่าตอนนี้กลับตาลปัตรเป็น… นางไม่คู่ควรกับเขาเสียแล้ว
ก่อนหน้านี้ผู้คนของอาณาจักรเฟิงฉีต่างก็ต่อต้านเรื่องนี้อย่างรุนแรงมาตอนนี้ครั้นตระกูลหลานมีอำนาจในกำมือ นางจะหาประโยชน์จากพวกเขาได้อย่างไร ?
เรื่องไร้ยางอายเช่นนี้นางไม่สามารถทำได้
เอาล่ะปล่อยให้ทุกอย่างกลายเป็นอดีตไป ในเมื่อหลานเฉาหลิงไม่ชอบนาง ไยนางต้องดิ้นรนเพื่อเขา
ก้าวต่อไปข้างหน้าเพียงมีเขาอยู่ในใจของข้าก็นับว่าพอแล้ว …
*****
ณลานบ้านสกุลหลาน
หลานเฉาหลิงหันหลังให้ลานบ้านสายตาเย็นชาของเขาจ้องมองท้องฟ้าสีคราม ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาฉาบไปด้วยความเฉยเมย
”พี่ใหญ่”
ไม่รู้ว่าหลานเฉาหยันปรากฏตัวขึ้นด้านหลังหลานเฉาหลิงตั้งแต่เมื่อใดเขากล่าวต่อว่า “พี่กำลังคิดถึงจักรพรรดินีเฟิงหลวนใช่หรือไม่ ? ข้าคิดว่าสิ่งที่นางกล่าวนั้นก็ด้วยเพราะหงุดหงิด นางเป็นสหายของพี่เนิ่นนานหลายปี เป็นไปไม่ได้ที่จะตัดขาดเยื่อใย … ”
หลานเฉาหลิงถอนสายตาหันกลับมามองหลานเฉาหยัน”เจ้าทำร้ายนายน้อยสำนักเซี่ยเยว่ ท่านปู่จะช่วยจัดการเรื่องนี้อย่างไรงั้นรึ ?”
”ข้าไม่อยากให้ท่านปู่ออกหน้าช่วยข้าเรื่องนี้ข้าจะจัดการด้วยตนเอง” หลานเฉาหยันยิ้มเยาะ “เรื่องนี้ควรที่ข้าต้องรับผิดชอบ ข้าจะไปหาพวกเขาเอง”
ท่านปู่ก็แก่มากแล้วเขาจะปล่อยให้ท่านรับเรื่องหนัก ๆ ต่อไปได้อย่างไร ?
นอกจากนี้เขาเป็นผู้ก่อเขาก็ต้องรับผิดชอบ !
”อย่ากังวลเลย”หลานเฉาหลิงตบไหล่หลานเฉาหยัน “ข้าไม่มีวันเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ ตราบใดที่ตระกูลหลานยังอยู่จะไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ทำร้ายเจ้า”
”ทว่าพี่ชาย… ”
หลานเฉาหยันต้องการที่จะกล่าวต่อหากกลับถูกเสียงของหลานเฉาหลิงขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน
”เจ้าเป็นน้องชายของข้าและเจ้าก็ไม่ได้ทำผิด เมื่อเจ้ามีปัญหา ข้าควรยืดอกรับผิดชอบในเรื่องนี้ ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะที่เป็นบุตรชายของบ้านสกุลหลาน เจ้าต้องไม่ขลาดอาย ! เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ! เราไม่มีวันยอมไม่ว่าจะเป็นสำนักใด หากคิดจะเข้ามาทำเรื่องชั่วช้าในอาณาจักรหลิวฮั่วของเรา !”
***จบบทตระกูลหลานที่ไม่อาจยั่วยุได้ (4)***