จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 576-580
บทที่ 576 : นางเป็นแขกสำคัญของภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ (8)
ร่างของไป๋หยานแข็งทื่อนางจ้องมองเจ้าซาลาเปาน้อย พลางหัวเราะเบา ๆ “นี่เจ้าใส่ใจถ้อยคำของจุนหรู่ชิงด้วยงั้นหรือ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตรง ๆ
“เด็กโง่”ไป๋หยานลูบศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉิน แววตาของนางทอประกายอ่อนโยน “ไยเจ้าจึงเชื่อถ้อยคำผู้อื่นง่ายดายเช่นนั้นล่ะ ? กลายเป็นคนใส่ใจถ้อยคำคนอื่นง่าย ๆ ได้เยี่ยงไร ?”
ครั้นได้ยินคำกล่าวของไป๋หยานไป๋เสี่ยวเฉินก็ค่อย ๆ กลั้นลมหายใจ พลันรอยยิ้มสดใสก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสีชมพูของเขา
”หม่ามี้สามารถมั่นใจได้เลยว่า ป๊ะป๋าวายร้ายรักหม่ามี้จริง ๆ เพราะในใจของเขาไม่เคยมีข้า หากเสียหม่ามี้ไป สำหรับเขาก็ไม่ต่างจากการเสียโลกทั้งใบ”
ไป๋หยานมองไป๋เสี่ยวเฉินนางมักจะรู้สึกว่า … ที่ไป๋เสี่ยวเฉินพูดเช่นนี้เป็นเพราะความผิดหวัง
”ก่อนนี้เจ้าเคยเกลียดเขามิใช่หรือ? เหตุใดตอนนี้เจ้าถึงเอาแต่พูดถึงเขาตลอดเวลาเลยล่ะ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินเงยศีรษะขึ้น”เฉินเอ๋อไม่ได้ชอบป๊ะป๋าวายร้าย เขาไม่เพียงรังแกเฉินเอ๋อ แต่ยังกัดหม่ามี้อีกด้วย เฉินเอ๋อไม่ต้องการให้เขาทำรุนแรงกับหม่ามี้”
ในความคิดของไป๋เสี่ยวเฉินเขายังคงจดจำเรื่องที่ตี้คังกัดไป๋หยานได้ และด้วยเหตุนี้ ความประทับใจของเขาที่มีต่อตี้คังจึงแย่มาก ๆ
“แต่…”ไป๋เสี่ยวเฉินเผยรอยยิ้ม “ป๊ะป๋าวายร้ายสามารถปกป้องหม่ามี้ได้ และเขาจะไม่ปล่อยให้คนอื่นกลั่นแกล้งหม่ามี้ ตราบใดที่หม่ามี้มีความสุข … ก็ไม่สำคัญหรอกว่าใครจะเป็นพ่อของเฉินเอ๋อ”
หัวใจของไป๋หยานพลันอบอุ่นรอยยิ้มของนางอ่อนโยนขึ้นอีกเล็กน้อย “ข้ามีบุตรชายเช่นเจ้า นับเป็นความสุขยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ไปกันเถอะ ครั้งนี้ข้าต้องปรับแก้ยาเม็ดปรับระดับพลังให้จงได้ ! … ”
”อืม…”
ไป๋เสี่ยวเฉินเดินตามไป๋หยานอย่างเงียบๆ แม้ว่าเขาจะต้องการบิดา ทว่ามารดาก็ยังคงเป็นความสุขที่สุดของเขาเสมอ …
*****
เผ่าอสรพิษ
ภายในห้องชายชราผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขาซีด ร่างกายที่อ่อนแอของเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ มีเพียงลมหายใจที่อ่อนแอเท่านั้นที่พิสูจน์ว่าเขายังมีชีวิตอยู่
จู่ๆ …
ประตูห้องพลันถูกเปิดออกชายวัยกลางคนเดินผ่านประตูเข้ามา เขาป้องกำปั้นพลางโค้งคำนับด้วยความเคารพ “ท่านบรรพบุรุษ ได้ข่าวชิงเซียะบ้างหรือไม่ เมื่อไหร่นางจะกลับมาเสียที ?”
ริมฝีปากของบรรพบุรุษเฒ่าสั่นระริกเขาหลับตาลงเล็กน้อย
”ข้าเกรงว่า… นางจะไม่อาจกลับมา”
ชายวัยกลางคนตกใจมาก”หมายความอย่างไร ความผิดที่ชิงหลวนก่อ นั่นก็เป็นปัญหาของนาง ทั้งนางก็ถูกองค์ราชาจัดการไปแล้ว หรือว่าองค์ราชาต้องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เผ่าอสรพิษจริง ๆ ?”
”เหอเหอ ” บรรพบุรุษหัวเราะเยาะซ้ำแล้วซ้ำเล่า “กรณีนี้ แท้จริงองค์ราชาประสงค์จัดการชิงหลวนผู้เดียว หากทว่าโชคไม่ดีที่ข้าถูกนางใช้คาถาอัญเชิญกระทั่งไปล่วงเกินราชินีเข้า ด้วยนิสัยขององค์ราชาจะปล่อยเผ่าอสรพิษของพวกเราไว้ได้อย่างไร ? นี่ก็คงจะเหลือเวลาไม่มากแล้วล่ะ”
“ทว่าองค์ราชาก็เสด็จคืนแดนอสูรได้สองสามวันแล้วยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ข้าเกรงว่า บางทีท่านอาจจะคิดมากเกินไป”
ชายวัยกลางคนเยาะเย้ยเผ่าอสรพิษก็เป็นเผ่าใหญ่เช่นกัน องค์ราชาจะกำจัดเผ่าอสรพิษทั้งหมด เพียงเพื่อสตรีผู้เดียวได้อย่างไร ?
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเคยได้ยินมาว่าองค์ราชาประสงค์จะโจมตีแดนสวรรค์ เมื่อเป็นเช่นนั้น ยามนี้พลังของเผ่าอสรพิษก็ย่อมมีความสำคัญ
บรรพบุรุษเผ่าอสรพิษสั่นศีรษะ”ชิงเฟิง…เหตุที่องค์ราชาไม่ได้เสด็จมาเยือนเผ่าอสรพิษภายในสองสามวันที่ผ่านมานี้ ก็เพราะพระองค์เพิ่งเสด็จกลับคืนสู่อาณาจักรอสูร ทั้งพระองค์ยังมีเรื่องสำคัญมากมายที่จะต้องสะสาง”
หลังจากกล่าวเช่นนี้แล้วบรรพบุรุษเผ่าอสรพิษก็ข่มตาปิดลง ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง พลางกล่าวอย่างขมขื่น
”อย่างไรก็ตามด้วยความแข็งแกร่งขององค์ราชา ครั้งนั้นพระองค์สามารถสังหารข้าได้ง่าย ๆ เพียงพลิกฝ่ามือ ทว่าพระองค์กลับไม่ลงมือ มันเกิดจากเหตุใด ? ไยต้องรอให้กลับคืนสู่แดนอสูรก่อนจึงจะกำจัดข้า !”
***จบบทนางเป็นแขกสำคัญของภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ (8)***
บทที่ 577 : นางเป็นแขกสำคัญของภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ (9)
ความทะเยอทะยานใฝ่ฝันจะเป็นราชินีจนไม่ประมาณตนของชิงหลวนเขาเองก็ไม่เห็นด้วยนัก อย่าว่าแต่เรื่องที่ไปข่มขู่องค์ชายเลย
โชคดีที่ยังมีชิงเซียะอยู่ในเผ่าอสรพิษด้วย
ตราบใดที่ชิงเซียะสามารถหลบหนีภัยร้ายแรงครั้งนี้ได้ตำแหน่งราชินีอสูรในวันหน้าจะต้องตกเป็นของนางอย่างแน่นอน !
ชิงเฟิงต้องการจะตอบโต้คำกล่าวของท่านบรรพบุรุษทว่าทันใดนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
”หัวหน้าเผ่าอสรพิษโชคร้ายมาเยือนเจ้าแล้ว ! ข้ามาถึงที่นี่แล้ว ! ไสหัวของเจ้าออกมาพบหน้าข้าเดี๋ยวนี้ !”
อะไรกัน?
ชิงเฟิงตัวสั่นเป็นไปตามคำกล่าวของท่านบรรพบุรุษจริง ๆ งั้นหรือ ? องค์ราชาไม่ยอมละเว้นเผ่าอสรพิษจริง ๆ ใช่หรือไม่ ?
”เจ้าออกไปเถอะ”
บรรพบุรุษเผ่าอสรพิษยิ้มอย่างขมขื่น”สถานการณ์เช่นนี้ ข้าเกรงว่า ข้าคงไม่อาจต้านทานไหว เช่นนั้นจากนี้ไปคงต้องไหว้วานเจ้าออกไปรับมือเขาแล้ว”
ชิงเฟิงพยายามปกปิดความหวาดกลัวในแววตาพลางก้มศีรษะ “ขอรับ ท่านบรรพบุรุษ”
เขาหันกายช้าๆ เดินโซเซไปที่ประตู เพียงพริบตาเขาก็หายลับไปจากสายตาของบรรพบุรุษ
บรรพบุรุษเผ่าอสรพิษหลับตาลงอีกครั้งเขารู้แล้วว่าครานี้เผ่าอสรพิษคงต้องถูกกวาดล้างจนสิ้นซากเป็นแน่ …
*****
ห้องโถงรับรองของเผ่าอสรพิษ
ชิงเฟิงก้าวเข้ามาในห้องโถงเขาพบกับชายหนุ่มผู้สง่างามไร้ใครเทียบ
ชายหนุ่มสวมอาภรณ์สีม่วงเสื้อด้านบนเปิดออกครึ่งหนึ่ง ยามนี้เขากำลังเอนกายอย่างเกียจคร้านบนที่นั่ง นัยน์ตาเรียวคมเหลือบมองชิงเฟิงผู้ซึ่งเพิ่งเดินผ่านประตูเข้ามา
นัยน์ตาของบุรุษผู้ทรงอำนาจหยิ่งผยองสายตาที่กวาดมองเหยียดสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลก
”องค์ราชา”
ชิงเฟิงก้าวเท้าไปข้างหน้าเรื่อยๆ ขณะเดียวกันร่างของเขาก็สั่นเทา แม้ว่าเขาจะมีคำพูดเป็นร้อยเป็นพันคำ หากแต่เมื่อเขาเห็นบุรุษผู้นี้ เขาก็กล่าวคำใดไม่ออก
”เผ่าอสรพิษของเจ้าช่างกล้าหาญชาญชัยเสียจริงกล้าแตะต้องแม้กระทั่งภรรยาและลูกของราชาอย่างข้า”
บุรุษผู้นั้นยืนขึ้นอย่างช้าๆ ปรากฏแนวโค้งมืดมนบนมุมปากของเขา พลันนัยน์ตาเรียวคมที่แลดูกระหายเลือดก็ส่องประกายโชนแสงอำมหิต
”หรือว่าชีวิตที่สงบสุขในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้เผ่าอสรพิษหลงลืมฐานะของตนจนสิ้น”
เผ่าอสรพิษนั้นแต่เดิมก็เป็นเพียงชนชั้นทาสของแดนอสูรสถานะของเผ่าอสรพิษนั้นต่ำต้อยที่สุด กระทั่งคนในเผ่าอื่น ๆ ยังเหยียบย่ำคนเผ่าอสรพิษเสมอ
หากแต่เป็นเพราะเผ่าอสรพิษเป็นผู้พบตี้เสี่ยวอวิ๋นในสภาพหมดสตินั่นเพียงพอที่จะทำให้เผ่าอสรพิษยืดอกเชิดหน้า มีฐานะสูงส่งขึ้นในแดนอสูร …
”องค์ราชา…เรื่องนี้เป็นความผิดของชิงหลวนแต่เพียงผู้เดียวและนางก็ได้ชดใช้ไปแล้ว !” เสียงของชิงเฟิงสั่นไหว แววตาของเขาแลดูเว้าวอน “โปรดปล่อยเผ่าอสรพิษของกระหม่อมไปเถิด กระหม่อมสัญญาว่าจะไม่มีผู้ใดในเผ่าอสรพิษนี้กล้าล่วงเกินองค์ราชินีอีก”
ตี้คังกล่าวเยาะ”ชิงหลวนอาจจะมีความกล้าเกินตัว หากแต่เผ่าอสรพิษเองก็เฝ้ารอคอยให้นางได้ตำแหน่งราชินีมิใช่รึ เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจึงมิอาจให้อภัยได้”
ชิงเฟิงตัวแข็งทื่อ
บุรุษมีเมียสามรับนางบำเรอสี่นับเป็นเรื่องธรรมดาในแดนอสูรนี้ก็มีสัตว์อสูรบางคนที่มีภรรยาหลายคน ทว่าเหตุใดราชาถึงได้ทำตัวแปลกแยกเช่นนี้ ?
เพื่อสตรีแล้วเขาไม่ลังเลเลยที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เผ่าอสรพิษทั้งเผ่า !
”มานี่สิ!”
ตี้คังกล่าวด้วยท่าทางไร้อารมณ์อีกทั้งเย็นชา
ผู้นำเผ่าอสรพิษค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาตี้คังอย่างช้า ๆ เขาโน้มตัวลง พลางกล่าวอย่างเคารพ “องค์ราชา เชิญรับสั่งได้”
”เผ่าอสรพิษกล้าคิดสังหารราชินีและองค์ชาย ! การกระทำเช่นนี้ข้าไม่อาจปล่อยไว้ได้ ! ให้ขุดรากถอนโคนเผ่าอสรพิษให้สิ้นไม่ให้เหลือแม้สักผู้เดียว !”
ไม่ให้เหลือแม้สักผู้เดียว!
น้ำเสียงของชายหนุ่มช่างโหดเหี้ยมทั้งนัยน์ตาของเขาก็เฉยเมยราวกับเผ่าอสรพิษไม่เคยมีตัวตนในสายตาของเขาเลย
เพราะครานี้…
พฤติกรรมของเผ่าอสรพิษได้ทะลุขีดความอดทนของเขาแล้ว
เขาจะไม่มีวันยอมให้ผู้ใดทำร้ายภรรยาและลูกๆ ของเขา !
เช่นนั้นเขาจึงต้องกำจัดคนเหล่านี้ให้สิ้น !
”องค์ราชา!”
ชิงเฟิงกลัวมากกระทั่งเข่าทรุด เขากล่าวว่า “ขอทรงทบทวนอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ ! ในเมื่อพระองค์ประสงค์โจมตีแดนสวรรค์ เช่นนั้นยามนี้ย่อมต้องใช้กำลังคนเป็นจำนวนมาก เผ่าอสรพิษของเรายังมีประโยชน์อีกมาก ได้โปรดพระราชทานอภัยให้พวกกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
***จบบทนางเป็นแขกสำคัญของภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ (9)***
บทที่ 578 : นางเป็นแขกสำคัญของภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ (10)
ตี้คังลดสายตาลงมองชายวัยกลางคนผู้ซึ่งคุกเข่าเบื้องหน้าพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะโจมตีแดนสวรรค์”
ชิงเฟิงสะดุ้งเฮือกพร้อมกับเงยหน้าขึ้น เขามองใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่เหนือเขาอย่างใจจดจ่อ
มิใช่… มิใช่ว่าองค์ราชาไม่อาจอดทนอดกลั้นต่อพวกแดนสวรรค์ที่หน้าซื่อใจคดพวกนั้นหรอกรึ ? เช่นนั้นพระองค์จึงวางแผนที่จะโจมตีแดนสวรรค์
ริมฝีปากของตี้คังกระตุกรอยยิ้มที่ปรากฏน่าสยดสยอง ทำให้หัวใจของชิงเฟิงยิ่งหวาดหวั่นหนักกว่าเดิม
“ที่ข้าต้องการแดนสวรรค์ก็เพื่อราชินีราชาอย่างข้าพร้อมจะต่อสู้ทุกสิ่งก็เพียงเพื่อนาง” เสียงของบุรุษผู้นี้ยังคงทรงอำนาจ “ไหนเจ้าลองคิดดูสิว่าในเมื่อเผ่าอสรพิษอาจหาญแตะต้องนาง ข้าควรจะปล่อยพวกเจ้าไปหรือไม่ ?”
เพื่อนางเขายินดีที่จะโจมตีแดนสวรรค์
ยิ่งไปกว่านั้นเผ่าอสรพิษก็ยังหมายเอาชีวิตของนางด้วย !
ขณะนี้สมองของชิงเฟิงราวถูกระเบิดจนกลวงโบ๋
เพียงเพราะราชินีปรารถนาแดนสวรรค์องค์ราชาจึงยอมก่อสงคราม ทุกอย่างเป็นไปเพื่อนาง !
เหตุที่องค์ราชาโจมตีดินแดนแห่งเทพเจ้าก็เพียงเพื่อสตรีผู้เดียวกระนั้นหรือ ?
เป็นไปไม่ได้!
ชิงเฟิงเงยหน้าขึ้นด้วยทีท่าสยดสยองความหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วหัวใจ
ไม่! เขาต้องรีบแจ้งชิงเซียะ ให้นางหนีไป
ความรักขององค์ราชาที่มีต่อองค์ราชินีนั้นถึงจุดสูงสุดแล้ว! หากชิงเซียะยังยืนกรานจะทำเช่นที่นางคิดไว้ นางจะต้องตายรันทดอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง !
เมื่อถึงเวลานั้นเผ่าอสรพิษก็จะสิ้นเผ่าพันธุ์อย่างแน่นอน
”องค์ราชาข้าขอเวลาท่านอีกสักสองสามวัน แล้วข้าจะเข้าวัง เพื่อใช้ชีวิตของข้าชดใช้ความผิดทุกอย่างด้วยตนเอง”
ชิงเฟิงโขกศีรษะอย่างแรงเขาโขกกระทั่งหน้าผากของเขาบวมเป่ง พลันโลหิตก็ไหลหยดลงสู่พื้น
ตี้คังจ้องมองชิงเฟิงอย่างสงบ”ข้ากลับมาแดนอสูรได้สองสามวันแล้ว นับได้ว่าให้เวลาแก่เจ้าแล้ว เช่นนั้น … ครั้งนี้ข้าจะไม่ให้เวลาเจ้าอีกแม้แต่ชั่วยามเดียว”
ชิงเฟิงตัวสั่นเขาหลับตาลงพร้อมความสิ้นหวัง
จบสิ้นแล้ว!
เขาต้องการหาโอกาสที่จะแจ้งให้ชิงเซียะทราบเพื่อให้นางเลิกคิดแก้แค้น ผู้ใดจะรู้องค์ราชาไม่แม้แต่จะให้โอกาสเขาเลย
ครังนี้เผ่าอสรพิษคงต้องหายไปจากแดนอสูรอย่างถาวร
”ลงมือได้”
ริมฝีปากบางๆ ของชายหนุ่มเผยอเล็กน้อย เจตนาสังหารปรากฏในดวงตาเรียวคม อากาศภายในห้องโถงอึดอัดมากขึ้น
”พ่ะย่ะค่ะ”
ทหารองครักษ์แห่งแดนอสูรเข้ามาโอบล้อมชิงเฟิงทันที
ยามนี้เผ่าอสรพิษทั้งเผ่าถูกกลุ่มคนจำนวนมากโอบล้อม…
ต่อให้มีปีกก็หนีไม่พ้น
ปากของชิงเฟิงเต็มไปด้วยความขมขื่นเขาไม่เคยคิดเลยว่า องค์ราชาจะไม่เห็นอกเห็นใจเขาเลย ราวกับว่าพระองค์จำความดีที่พวกเขาค้นพบองค์หญิงมิได้เลย
”ฝ่าบาท!”
เสียงดังมาจากภายนอกห้องโถงไม่นานองครักษ์ผู้หนึ่งก็รีบเดินเข้ามาในห้อง น้ำเสียงของเขาฟังดูเป็นกังวล “กราบทูลฝ่าบาท องค์ราชินีเสด็จไปที่ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์”
ตี้คังขมวดคิ้วเอ่ยตอบแผ่วเบา”อืม”
ผู้ที่อยู่ในภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์นั่นไม่มีทางทำร้ายนางหรอก
”ทว่า… ” องครักษ์มองตี้คังอย่างระมัดระวัง “จุนหรู่ชิงอ้างว่า จุดประสงค์ในการมายังแดนอสูรของราชินีก็คือการมาขโมยสมบัติบนภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นนางจึงตามกลุ่มผู้อาวุโสให้ไปยังภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์”
สีหน้าของตี้คังเคร่งขรึมลงอย่างกระทันหันกลิ่นอายที่แผ่กระจายออกจากร่าง ทำให้องครักษ์ตกใจจนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไม่สามารถต้านทานแรงกดดันนี่ได้ กระทั่งต้องทรุดร่างลงคลานกับพื้นดิน ตัวสั่นงันงก
ในขณะที่เขากำลังจะอธิบายว่าจุนหรู่ชิงถูกวิหคอัคคีกำจัดไปแล้วร่างในอาภรณ์สีม่วงก็เลือนหายไปแล้วอย่างฉับพลัน ทั่วทั้งห้องโถงเหลือเพียงกลิ่นอายที่น่าหวาดกลัว
น่ากลัวเหลือเกิน!
ใบหน้าขององครักษ์ซีดขาวเขายังกล่าวไม่ทันจบเลย เหตุใดองค์ราชาถึงได้เสด็จจากไปแล้วล่ะ
หากองค์ราชาเข้าพระทัยผิดว่าผู้อาวุโสช่วยจุนหรู่ชิงเขามิต้องกลายเป็นคนบาปกระนั้นรึ !
***จบบทนางเป็นแขกสำคัญของภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ (10)***
บทที่ 579 : ความรู้สึก (1)
”อาวุโสใหญ่”
บนภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้อาวุโสกำลังเดินลงมาครั้นได้ยินเสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลัง อาวุโสใหญ่ก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พลางมองผู้อาวุโสที่เดินตามหลังมา
”มีอะไรอีกกระนั้นหรือ?”
“อาวุโสใหญ่”ชายชรากล่าวอย่างลังเล “ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่า อย่างไรเสียวิหคอัคคีก็ไม่มีวันเป็นอันตรายต่อราชินี ?”
อาวุโสใหญ่มองกลุ่มคนที่มาพร้อมกับเขาพลันเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ “ในเรื่องนี้ข้าเองก็ยังไม่ชัดเจนนัก สมัยนั้นข้ายังเยาว์ ทั้งยังมิใช่ผู้อาวุโสของแดนอสูร มีเพียงท่านราชครูเท่านั้นที่รู้ทุกเรื่อง”
ครั้นได้ยินอาวุโสใหญ่กล่าวเช่นนี้พวกเขาต่างก็หันมองหน้ากัน จากนั้นก็ไม่กล่าวคำใดอีก
พวกเขามุ่งหน้าลงเขาต่อไปทว่าจู่ ๆ สายลมแรงกลับพัดมาอย่างเฉียบพลัน ร่างของผู้อาวุโสทั้งหมดแข็งทื่อ พวกเขารู้สึกสยดสยองเต็มหัวใจ
”ที่เพิ่งผ่านไปคือองค์ราชาใช่หรือไม่ ?”
”เหมือนว่าจะใช่”
ผู้อาวุโสกลืนน้ำลายพลางกล่าวว่า “ข้ามักรู้สึกว่า ทุกคราที่องค์ราชาปรากฏตัวอย่างดุดันเช่นนี้ ต้องมีใครสักคนที่โชคร้าย… ”
*****
ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ภายใต้รัศมีสีขาวนวลปรากฏเปลวเพลิงสีแดงสดลุกโชนอย่างต่อเนื่อง
ภายในกองเพลิงเสียงกรีดร้องของจุนหรู่ชิงฟังดูแหบห้าวยามนี้นางแทบจะสิ้นแรงกำลังที่จะร้องไห้ ท้ายสุดเสียงก็ค่อย ๆ เลือนหายไป
ทันใดนั้นเองสายลมแรงพลันพัดผ่านมา เปลวเพลิงโยกไหวไปในทิศทางเดียว ทว่าภายใต้กระแสลมแรงนั้น เปลวเพลิงสีแดงสดกลับแดงฉานยิ่งกว่า
จุนหรู่ชิงผู้ซึ่งกำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรงพลันเบิกตากว้าง ยามนี้ใบหน้าของนางน่าสังเวชยิ่งกว่าเดิม
ไม่เพียงแค่นั้น
ทันทีที่สายลมแรงซึ่งพัดมาจากระยะไกลตรงเข้าปะทะนางนั้นจุนหรู่ชิงถึงกับสะดุ้งตกใจ นางเงยหน้าขึ้นมองบุรุษที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ด้วยความประหลาดใจ
เรือนผมสีเงินปลิวไสวอาภรณ์สีม่วงสบัดพลิ้ว
นัยน์ตาของชายหนุ่มหยิ่งผยองขณะเหลือบมองสตรีที่อยู่ท่ามกลางกองเพลิง
เขามองนางไม่ต่างจากมองคนที่ตายไปแล้วทั้งโหดเหี้ยมทั้งอำมหิต
”องค์ราชา…”
ริมฝีปากของจุนหรู่ชิงสั่นเทานางคาดไม่ถึงว่าองค์ราชาจะเสด็จมาพบนางก่อนที่นางจะหมดลมหายใจ
ฝ่ามือของตี้คังยื่นเข้าไปในกองเพลิงอย่างช้าๆ มือของเขาสามารถผ่านเปลวเพลิงได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่าฝ่ามือเปล่า ๆ นั้นมีแรงดูด
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากสนทนากับจุนหรู่ชิงผู้ซึ่งกำลังถูกเปลวเพลิงแผดเผาหญิงผู้นั้นจึงถูกดึงออกมาด้วยพลังที่มองไม่เห็น
นัยน์ตาสีเทาหม่นเศร้าของจุนหรู่ชิงส่องประกายตื่นเต้นเปี่ยมสุขนางเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่สนใจประกายแสงกระหายเลือดในดวงตาของเขา ริมฝีปากของนางสั่นเล็กน้อย “องค์ราชา หม่อมฉันทราบว่าพระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งหม่อมฉัน”
นางเป็นบุตรสาวบุญธรรมที่แสนดีของอาวุโสใหญ่ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในวังหลวงนานหลายปีองค์ราชาจะไม่เมตตานางได้อย่างไร ?
เมื่อครู่นี้องค์ราชาก็เป็นผู้ดึงนางออกจากห้วงเหวแห่งความสิ้นหวังด้วยพระหัตถ์มิใช่หรือ ?
”จุนหรู่ชิงใช่หรือไม่?” น้ำเสียงของชายหนุ่มลุ่มลึก อีกทั้งแหบห้าว เต็มไปด้วยกลิ่นอายโลหิต
จุนหรู่ชิงจ้องมองใบหน้าที่ทำให้นางโหยหาอยู่ตลอดเวลานางยิ้มรับ “ฝ่าบาท…นับแต่วินาทีแรกที่หม่อมฉันเห็นพระองค์ หม่อมฉันก็ตัดสินใจแล้วว่า ช่วงชีวิตนี้หม่อมฉันจะต้องแต่งงานกับพระองค์ให้ได้ ! บัดนี้พระองค์ทรงช่วยชีวิตหม่อมฉัน หม่อมฉันขอมอบกายถวายชีวิตเป็นทาสของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว”
ฟิ้ว!
ลำแสงสองสายพุ่งออกมาจากมือของชายหนุ่มมันพุ่งตรงเข้าสู่ดวงตาของจุนหรู่ชิง นางร้องไห้ออกมาอย่างเศร้าโศก…ปวดร้าวไปทั้งหัวใจ
โลหิตสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากดวงตาทั้งคู่ของนางเพียงระยะเวลาไม่นานโลหิตก็ชุ่มโชกไปทั้งใบหน้า และดูสยดสยองน่าสะพรึงกลัว
”เหตุใด?”
ริมฝีปากของนางสั่นระริกนางก้าวถอยหนี กระทั่งมือของนางคว้ากดลงบนต้นไม้แก่ ๆ ยามนี้ใบหน้าของนางแลดูน่าหดหู่
***จบบทความรู้สึก (1)***
บทที่ 580 : ความรู้สึก (2)
“เจ้าคิดว่าที่ข้าดึงเจ้าออกจากเปลวเพลิงของวิหคอัคคีก็เพื่อช่วยเจ้างั้นรึ?” ตี้คังยิ้มเยาะ เขาจิกปากกล่าวต่อว่า “เจ้าทำให้ภรรยาของข้าเสื่อมเสีย ต่อให้สับเจ้าเป็นพัน ๆ ชิ้น ก็ยังไม่สาแก่ใจข้า ! เจ้าคิดได้อย่างไรว่า ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้า ?”
เมื่อเปรียบเทียบกับความเจ็บปวดบนร่างแล้วความปวดร้าวในใจของจุนหรู่ชิงนั้นรุนแรงยิ่งกว่า
นางไม่เคยรู้เลยว่าหลังจากตกหลุมรักบุรุษผู้นี้แล้ว นางก็ตกอยู่ในฐานะนักโทษชั่วนิรันดร์ !
”องค์ราชา”จุนหรู่ชิงกล่าวพร้อมรอยยิ้มเศร้า “นางสำคัญกับพระองค์ถึงเพียงนั้นจริง ๆ หรือ ? ไยพระองค์ถึงเลือกหญิงมนุษย์ผู้นั้น ? ถึงขนาดปล่อยให้สามพระตำหนักหกหมู่เรือนต้องว่างเปล่า !” ( ‘สามพระตำหนักหกหมู่เรือน 72 พระสนม’ เป็นการอธิบายเรื่องสนมนางในว่ามีจำนวนอาคาร และหมู่พระสนมมากมาย)
นัยน์ตาของนางแดงก่ำอีกทั้งมืดมน ทว่าด้วยแรงกดดันอันน่ากลัวของชายหนุ่ม ทำให้นางยังคงต้องเผชิญหน้ากับเขา
หากตี้คังอภิเษกสมรสกับหญิงใดก็ตามในแดนอสูรนี้นางก็คงจะไม่รู้สึกไม่พึงพอใจมากถึงเพียงนี้หรอก
เหตุใดหญิงมนุษย์ผู้นั้นถึงชิงองค์ราชาของเราไปได้?
เสียงเบาๆ ของตี้คังยังแฝงกลิ่นอายกระหายเลือด “เพราะนางเปรียบดั่งชีวิตของข้า เมื่อชีวิตของข้าถูกคุกคาม ข้าก็ทำได้เพียงกำจัดทุกคนที่คุกคามนาง”
เพราะนางคือชีวิตขององค์ราชา!
ฮ่าฮ่าฮ่า!
จุนหรู่ชิงหัวเราะลั่นนางหัวเราะแล้วหัวเราะอีกไม่หยุด ร่างของนางสั่นสะท้าน โลหิตสองสายไหลอาบใบหน้าซีด ๆ ของนาง
”แท้จริงแล้วหม่อมฉันไม่เคยปรารถนาตำแหน่งราชินี หม่อมฉันปรารถนาเพียงได้รับใช้ฝ่าบาทเท่านั้น ไยพระองค์ถึงไม่สนใจหม่อมฉัน”
ตี้คังค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาจุนหรู่ชิง
ภายใต้แรงกดดันอันแรงกล้าศรีษะของนางค้อมต่ำลงราวกับว่ามันหนักมาก มากกระทั่งไม่สามารถโงหัวขึ้นมาได้
”เจ้าอยากรู้ใช่หรือไม่? เช่นนั้นข้าบอกเจ้าก็ได้” ตี้คังเอ่ย รอยยิ้มของเขาแลดูน่ากลัว ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเย็นชา “อันดับแรก ข้าให้สัญญากับนางไว้ว่าตลอดชีวิตนี้ นางจะเป็นคู่ชีวิตเพียงคนเดียวของข้า ! ข้าจะไม่มีสตรีอื่นนอกจากนาง ! ”
เดิมทีความเจ็บปวดบนร่างทำให้จุนหรู่ชิงแทบจะขาดใจอยู่แล้ว ทว่าบัดนี้ถ้อยคำของตี้คังราวกับจะฉีกกระชากหัวใจของนาง กระทั่งมันขาดวิ่น นางอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวด
”คู่ชีวิต?”
อา…
ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่สามารถใช้ชีวิตคู่‘ผัวเดียวเมียเดียว’ ได้ตลอดชีวิต ? ทว่าองค์ราชาของนางให้สัญญากับหญิงผู้นั้นอย่างง่ายดาย !
สิ่งที่ทำให้นางเสียใจมากที่สุดก็คือหญิงผู้นั้นหาใช่นางไม่!
ไม่มีความเสียใจใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้บัดนี้หัวใจของนางตายด้านไปแล้ว
จุนหรู่ชิงกำหมัดแน่นหากนางไม่รู้คำตอบคงจะดีเสียกว่า จะได้ไม่ต้องทนแบกรับความเจ็บปวดเช่นนี้
”สิ่งที่อยากให้ข้าพูดข้าก็พูดไปหมดแล้ว” ฝีเท้าของตี้คังหยุดลงเบื้องหน้าจุนหรู่ชิง เขาก้มมองสตรีที่นั่งอยู่บนพื้น พลางยกมือขึ้น วิญญาณโปร่งใสถูกดึงเข้าสู่ฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็ว
เขาดึงวิญญาณของจุนหรู่ชิงออกมาอย่างโหดร้ายไร้ปรานีไม่มีเวลาให้นางได้เตรียมตัวเลยด้วยซ้ำ
ทว่าหลังจากดึงวิญญาณของจุนหรู่ชิงออกมาเขาก็โยนวิญญาณของนางกลับเข้าไปในเปลวเพลิงของวิหคอัคคี น้ำเสียงของเขาโหดเหี้ยมอำมหิต
”วิหคอัคคีใจดีเกินไปหากยังมีกายเนื้อ พลังแห่งเปลวอัคคีก็จะถูกลดทอนลงครึ่งหนึ่ง แต่หากแผดเผาจิตวิญญาณของเจ้าโดยตรง เจ้าก็จะเจ็บปวดมากขึ้นอีกหลายเท่า”
”หนึ่งเดือนยังน้อยเกินไปสำหรับการกระทำของเจ้าเช่นนั้นแล้ว เอาเป็นว่าหากสวรรค์ และโลกยังไม่ถูกทำลาย วิญญาณของเจ้าก็จะไม่ถูกทำลายเช่นกัน ! เจ้าควรขอบใจข้าที่มอบชีวิตอันเป็นนิรันดร์ให้เจ้า”
ภายในกองเพลิงของวิหคอัคคีเจ้าจะได้รับความทุกข์ทรมานตราบนานเท่านาน
*****
ไม่ไกลกันนักภายในถ้ำไป๋หยานหลับตานั่งขัดสมาธิ เบื้องหน้าของนางคือเตาไฟแดงฉาน