จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 60
บทที่ 60 : สำวน้อยจอมวุ่น
“รับทราบ นายหญิง” ฮัวหลัวคานับรับอย่างนอบน้อม
“อ้อ…อีกเรื่องหนึ่ง … ” ไป๋หยานกล่าวต่อหลังจากหยุดพูดไป.
ครู่หนึ่ง “เจ้าจงจัดหายอดฝีมือดี ๆ สักจานวนหนึ่ง ให้พวกเขา
แทรกซึมเข้าไปในบ้านสกุลไป๋ เพื่อปกป้องน้องชายของข้า
หากผู้ใดกล้าแตะต้องน้องชายข้า สังหารได้เลยไม่ต้องถาม”
“แล้วถ้า… ผู้ที่ทาร้ายนายน้อยไป๋ คือไป๋เฉิงเซียงล่ะ ? ” ฮัว
หลัวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม
“ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็เหมือนกัน !”
แท้จริงก็คือ นางต้องการหาสาเหตุการตายของมารดาว่า
เกี่ยวข้องกับหยูหรงจริงหรือไม่ ? จากนั้นก็ทาให้คนตระกูลไป๋
ต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
ทว่า…
ทั้งหมดนี้ ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่าน้องชายของนางจะต้องไม่
เป็นอันตรายใด ๆ หาไม่แล้วนางก็จะไม่ใส่ใจเป้าหมายใด ๆ ที่
ได้ตั้งใจไว้ล่วงหน้า อีกทั้งนางจะเดินหน้าทาลายคนเหล่านั้น
ทันที !
“ผู้น้อยเข้าใจแล้ว” ฮัวหลัวคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น นางรับคา
ด้วยน้าเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพยาเกรง
นางเข้าใจแจ่มแจ้งว่า สิ่งที่นายหญิงของนางกล่าวมานั้น
หมายถึงว่านับจากนี้ไปทุกชีวิตในบ้านสกุลไป๋จะไม่มีวัน
ประสบกับวันดี ๆ อีกต่อไปแล้ว
“พี่ไป๋หยาน … ” หลานเสี่ยวหยุนมองพี่สาวของนางออกคาสั่ง
เหล่านั้นอย่างงงงัน นับเป็นครั้งแรกที่นางเห็นลักษณะความ
เป็นผู้นาของไป๋หยาน และนางก็คิดว่าไป๋หยานนั้นเท่มาก ๆ
แม้นจะเป็นสตรีก็ตาม
คอยดูสิว่า ผู้ใดจะกล้าเรียกพี่สาวของนางว่าเป็นขยะเปียกไร้
ประโยชน์อีก !
“เจ้ากาลังคิดอะไรอยู่ ?”
น้าเสียงไพเราะคมชัดดังขึ้นเบื้องหน้าปลุกนางกลับสู่ความ
เป็นจริง หลานเสี่ยวหยุนยิ้มอย่างมีความสุขพลางตอบว่า “ข้า
เพียงคิดว่าหากพี่เป็นบุรุษ ข้าจะแต่งงานกับพี่”
ไป๋หยานห่อปาก พร้อมกับพ่นลมออกมา “หากเป็นเช่นนั้น
ข้าก็ควรดีใจที่ท่านแม่ของข้าไม่ให้กาเนิดข้าเป็นผู้ชาย ?”
“พี่ไป๋หยาน เกินไปแล้วนะ !” หลานเสี่ยวหยุนกระทืบเท้าอ
ย่างไม่สบอารมณ์ ดูเหมือนนางจะรู้สึกเจ็บปวดกับถ้อยคา
ดังกล่าว แล้วนางก็วิ่งเข้าไปคล้องแขนไป๋หยาน “ข้าไม่สน ข้า
จะเกาะติดพี่นับแต่นี้เป็นต้นไป ต่อให้พี่พบเจอสิ่งใดในภาย
หน้า พี่ก็ห้ามทิ้งข้า”
ไป๋หยานส่งเสียงอืม…ในลาคอราวกับยอมรับคาขอของเด็ก
สาว นางไม่คิดอะไรมาก เพราะตลอดชีวิตของนางก็มี
น้องชาย นางจึงคิดว่าไม่เลวเลยที่จะได้สัมผัสกับความผูกพัน
ของน้องสาวที่น่ารักเช่นนี้ด้วย …
ครั้นนึกถึงไป๋เซียว หัวใจของนางพลันหดหู่ลงอีกครั้ง
งานเลี้ยงอาหารค่าจบลงนานแล้ว ทั้งนางยังไม่ทราบ
สถานการณ์ยามนี้ของน้องชายเลย สิ่งนี้ทาให้นางรู้สึกเป็น
กังวล
โชคดีที่นางเตรียมการณ์ไว้ล่วงหน้า นางให้เสี่ยวมี่คอยจับตาดู
เด็กหนุ่มไว้ อย่างน้อยที่สุดนางก็แน่ใจได้ว่า เขาจะไม่ตกอยู่ใน
อันตรายถึงชีวิต
“หยุนเอ๋อ พวกเราไปเที่ยวบ้านสกุลไป๋กันเถอะ” ที่สุดนางก็
ปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น
“ตกลง” สายตาของหลานเสี่ยวหยุนหันกลับไปมองไป๋จื่อที่
ยังคงหมดสติอยู่บนพื้น “เราต้องพานางไปด้วยหรือไม่ ?”
ใบหน้าที่งดงามของไป๋หยาน เผยรอยยิ้มชั่วร้าย “ก็เราเพียง
เดินผ่านมา แล้วบังเอิญพบหญิงสาวกาลังหมดสติ เช่นนั้นเรา
จึงส่งนางกลับบ้าน เพราะพวกเราเป็นคนดี อีกทั้งมีน้าใจ เจ้า
เห็นด้วยหรือไม่ ? ”
หลานเสี่ยวหยุนเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ นางไม่เคยคิด
ว่าลูกพี่ลูกน้องของนางจะเป็นเช่นนี้
ไร้ยางอายมาก !
“หยุนเอ๋อ” หลังจากเดินมาไม่กี่ก้าว ไป๋หยานก็หยุดลงอีกครั้ง
ดูเหมือนนางจะคิดอะไรบางอย่างออก “ตอนนี้ อย่าเพิ่งบอก
ผู้ใดเกี่ยวกับเรื่องของข้ากับหอบุปผา”
“ทาไมล่ะ ?” เด็กสาวไม่เข้าใจอย่างเห็นได้ชัด นางย่นคิ้วพลาง
เอ่ยถามว่า “กระทั่งท่านปู่ท่านย่าก็ห้ามบอกหรือ ?”
“ใช่แล้ว นี่ยังมิใช่เวลาเหมาะสมที่พี่จะแสดงตัวตนแท้จริง เมื่อ
พี่พร้อม พี่จะบอกท่านตาท่านยายเอง”
ไป๋หยานหรี่ตา ความแค้นระหว่างนางกับบ้านสกุลไป๋จะต้อง
ชาระ ทว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
หลานเสี่ยวหยุนพยักหน้ารับ “แม้ข้าจะมิรู้ว่า ด้วยเหตุใดพี่ถึง
ให้รอก่อน หากแต่ถ้าเป็นการตัดสินใจของพี่ ข้าก็เชื่อว่าย่อม
ถูกต้อง”
ครั้นนางกล่าวจบ ไป๋หยานก็เดินนาไปไกลแล้ว หลานเสี่ยว
หยุนไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นางจึงรีบวิ่งไปยกขาของไป๋จื่อ
จากนั้นนางก็เดินพร้อมกับลากร่างของไป๋จื่อไถลไปกับพื้น
ตามหลังไป๋หยานไป
ตุบ ! ตุบ !
เนื่องจากหัวของไปจื่อชนโน่นชนนี่บนท้องถนนทาให้นาง
ได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ในที่สุดไป๋จื่อก็เริ่มรู้สึกตัว
ทว่าโชคไม่ดี ในขณะที่นางกาลังจะตะโกนด่าผู้ที่ทาร้ายนาง
บาดเจ็บออกมา หัวของนางก็กระแทกเข้ากับแง่หิน แล้วนาง
ก็สลบไปอีกครั้ง ….