จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 62
บทที่ 62 : ไป๋เสี่ยวเฉินอย่ำทำเรื่องโง่ ๆ นะ
กลิ่นหอมจาง ๆ ที่กระจายออกมาจากขวด ทาให้ไป๋เซียวรู้สึก
สมองโล่งขึ้นทันที
ไป๋เซียวมองเด็กชายด้วยความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขา
พยายามเทสิ่งที่อยู่ในขวดเคลือบออกมาอย่างระมัดระวัง
พลันยาเม็ดสีเขียวมรกตก็กลิ้งออกมาจากขวด …
“นี่คือ…ขนมของเจ้ากระนั้นหรือ ?” ไป๋เซียวหน้าตาตื่น
เจ้าเด็กสองคนนี่คงไม่แกล้งหลอกข้า เพราะคิดว่าข้าโง่ใช่
หรือไม่ ?
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าหนักแน่น พลางชี้นิ้วไปที่เม็ดสีเขียว ๆ
นั่นอย่างไร้เดียงสา แลดูบริสุทธิ์สดใส “นี่คือขนมถั่วเคลือบ
น้าตาลที่ข้าชอบเป็นที่สุด ทั้งมันยังมีรสชาติแตกต่างกันไป …
”
ไป๋เซียวหายใจเข้าลึก เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะระงับความ
สับสนในใจ เขาคว้าไหล่ของเด็กชายอย่างแรง อีกทั้งใช้
น้าเสียงจริงจังที่สุดเท่าที่เขาสามารถทาได้ “เฉินเอ๋อ ข้าจะ
บอกเจ้าอย่างจริงจังว่านี่มิใช่ขนม หากแต่นี่คือยาเม็ดจิต
วิญญาณ ไม่ว่าเจ้าจะได้มันมาจากที่ใด ก็ไม่ควรปฏิบัติกับมัน
เหมือนมันเป็นขนมหวาน”
แม้ว่าเขาจะไม่เคยกินยาเม็ดจิตวิญญาณมาก่อน หากแต่เขาก็
เคยเห็นมาไม่น้อย เช่นนั้นเพียงเหลือบมองเขาก็จดจาได้ทันที
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใด บรรดาอาจารย์ตาของหลานเขา
จึงต่อสู้กัน เพื่อแย่งชิงสิ่งนี้ ก็ผู้ใดบ้างล่ะที่ไม่อยากได้ !
ไป๋เสี่ยวเฉินเกาหัว “แต่…ข้ามีขนมเหล่านี้มากมายจนข้ากินไม่
หมดแล้วนี่ หากท่านน้าชอบ ข้าก็จะมอบให้ท่าน”
หัวใจของไป๋เซียวเต้นตูมตาม
นี่เด็กน้อยมียาเม็ดจิตวิญญาณกี่เม็ด ?
มากมายถึงขนาดกินไม่หมดเลยกระนั้นหรือ ?
เยอะขนาดนั้นเลย !
“นายน้อย ท่านจาสรรพคุณของยาเม็ดเหล่านี้ได้บ้างหรือไม่
?” เสี่ยวมี่ทิ้งหางตาใส่ไป๋เสี่ยวเฉินทีหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมา
มองชายหนุ่ม “ยาเม็ดเหล่านี้มีหลากหลายชนิด ไว้รอให้นาย
หญิงกลับมาบอกสรรพคุณท่านก่อน ท่านค่อยกินมัน ทว่า
ตอนนี้รีบกินยาเม็ดสีเขียวนั่นก่อน ร่างกายของท่านจะได้ฟื้น
ตัวอย่างรวดเร็ว ”
ไป๋เซียวมองยาเม็ดในอุ้งมือ ก่อนจะพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ
เขาส่งยาเข้าปากของตน
ทันทีที่ยาเม็ดล่วงผ่านเข้าไปในปาก เม็ดยาก็ละลายกลายเป็น
ของเหลว คล้ายกระแสน้าใสจากแม่น้าค่อย ๆ รินไหลลด
อุณหภูมิร้อนระอุบนหน้าผากของเขา
“เฉินเอ๋อ ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว ตอนนี้เจ้ากับเสี่ยวมี่ควรรีบออกไป
จากที่นี่ ก่อนที่จะมีผู้ใดมาเห็นเข้า”
ยามนี้ไป๋เซียวรู้สึกว่าร่างกายของตนดีขึ้นมาก ใบหน้าของเขา
ผ่อนคลายลง เขามองออกไปนอกหน้าต่างจึงเห็นว่าท้องฟ้า
มืดมากแล้ว เช่นนั้นเขาจึงเร่งรัดให้พวกเด็ก ๆ กลับด้วยความ
เป็นห่วง
“ท่านน้า” ไป๋เสี่ยวเฉินเอ่ย ขณะกระพริบตากลมโตของเขา
“คนสกุลไป๋ไม่ยอมให้ท่านไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับหม่ามี้หรือ
?”
ไป๋เซียวสั่นศีรษะ เขารีบอธิบายว่า “เมื่อคืนนี้ ข้าไข้ขึ้นสูง หยู
หรงส่งคนมาดูอาการข้าครั้งหนึ่งในช่วงกลางวัน พอพวกเขา
เห็นว่าข้ามีไข้ เขาก็จากไป”
“พวกเขาไม่เรียกหมอมาตรวจอาการท่านหรือ ?” ไป๋เสี่ยว
เฉินมีสีหน้าย่นยู่ น้าเสียงวัยเยาว์ของเขาเต็มไปด้วยความ
โกรธ
ไป๋เซียวยิ้มอย่างขมขื่น “หากข้าไม่ป่วยถึงขนาดลุกไม่ขึ้นล่ะก็
คนอย่างหยูหรงมีหรือจะเรียกหมอมาดูอาการข้า ?”
“เสี่ยวมี่” ไป๋เสี่ยวเฉินโบกมือน้อย ๆ ด้วยความหงุดหงิด “ไป
กันเถอะ !”
“เฉินเอ๋อ !” ครั้นเห็นท่าทีของหลานชาย ไป๋เซียวก็รีบลุกขึ้น
ยืน “เจ้าจะไปที่ใด”
“แน่นอนว่า ข้าต้องไปก่อกวนพวกเขา !” ไป๋เสี่ยวเฉินเชิดหน้า
ใบหน้าที่บอบบาง อีกทั้งไร้เดียงสาเปล่งกลิ่นอายของราชา !
“อย่าทาเรื่องโง่ ๆ นะเฉินเอ๋อ” ไป๋เซียวรีบคว้ามือเล็ก ๆ ของ
หลานชาย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล เขารีบเอ่ย
ห้ามปราม “ท่านแม่ของเจ้ายังไม่อยากให้เจ้าแสดงตัว หาก
เจ้าทาอะไรลงไป ท่านแม่ของเจ้าจะต้องโกรธเจ้าเป็นแน่ ! ”