จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 626-630
บทที่ 626 : จากลา (7)
แม้ว่าไป๋หยานและตี้คังจะทำพันธะสัญญากัน แต่นั่นก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดเช่นเดียวกับการทำสัญญากับสัตว์อสูร
ตี้คังสามารถตามหาสัญญาไป๋หยานได้หากแต่ไป๋หยานทำไม่ได้ ทว่าหากไป๋หยานตาย ตี้คังก็จะตายเช่นกัน
ทันใดนั้นไป๋หยานก็ตื่นเต้น “เสี่ยวมี่ ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อย ข้าเคยทำสัญญากับตี้คัง เช่นนั้นหากข้าตายเขาก็จะตายด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้นก็แล้วเหตุใด…?”
เสี่ยวมี่ขมวดคิ้วอย่างเศร้าๆ “นายหญิงต้องการจะฟังความจริงจริง ๆ หรือ?”
”บอกความจริงกับข้า”ไป๋หยาน…ในเวลานี้ไม่ต่างจากคนที่พยายามคว้าฟางเส้นสุดท้าย ในดวงตาของนางโชนประกายแสง
”แท้ที่จริงสัตว์อสูรที่ทรงพลังมาก ๆ จะสามารถต้านทานอันตรายของพลังสัญญาได้ เว้นแต่ว่าเขาจะต้องการตายตาม การลดทอนผลของสัญญาจะสามารถลดลงได้มากกว่าครึ่งหนึ่ง กล่าวก็คือ ความแข็งแกร่งของเขาจะถูกทำลายแต่จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต… ”
หัวใจของไป๋หยานยิ่งหดหู่
นางหลับตาลงช้าๆ หลังจากนั้นนางก็เอ่ยว่า “ข้าเข้าใจแล้ว … ”
นับเป็นครั้งแรกที่นางยอมปล่อยหัวใจของตัวเองทว่ากลับต้องพบจุดจบที่เลวร้าย
ไร้สาระสิ้นดี!
”หม่ามี้..”
ในเวลานั้นไป๋เสี่ยวเฉินก็ผลักประตูเข้ามา เขารีบวิ่งเข้าหาอ้อมแขนของไป๋หยาน ร่างเล็ก ๆ ของเขานุ่มนิ่ม ทั้งหอมกลิ่นน้ำนม
การได้กอดเจ้าซาลาเปาน้อยไว้ในอ้อมแขนทำให้ไป๋หยานรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย “เฉินเอ๋อ อยากไปจากแดนอสูรนี่กับแม่หรือไม่ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินนิ่งอึ้งเขามองหน้าซีด ๆ ของไป๋หยาน ด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็ทำปากยื่นเอ่ยกล่าวว่า “หม่ามี้ จะไปแล้วเหรอ ?”
”แม่คิดถึงท่านน้าของเจ้าจึงอยากออกจากแดนอสูรไปพบเขา … ”
”แล้วป๊ะป๋าวายร้ายล่ะ”ไป๋เสี่ยวเฉินรู้สึกลำบากใจ
อุตส่าห์เกลี้ยกล่อมหม่ามี้จนมาถึงแดนอสูรได้สำเร็จถึงตอนนี้นางกำลังจะจากไปแล้ว ป๊ะป๋าวายร้ายมัวทำอะไรอยู่นะ ?
ร่างของไป๋หยานสั่นสะท้านเล็กน้อยนางกอดร่างเล็ก ๆ ของเจ้าซาลาเปาน้อยแน่น “เฉินเอ๋อ แม่อยากกลับบ้าน พวกเรากลับบ้านกันดีกว่าไหม ?”
นางไม่สามารถทอดทิ้งเฉินเอ๋อไว้ในแดนอสูรได้
เขาไม่อาจพรากเราแม่ลูกได้!
“ป๊ะป๋าวายร้ายรังแกหม่ามี้ใช่ไหม?”ใบหน้าสีชมพูของเจ้าซาลาเปาน้อยเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “เฉินเอ๋อจะไปหาป๊ะป๋าวายร้าย เฉินเอ๋อจะจัดการเขา !”
”เฉินเอ๋อ!” ไป๋หยานยกมือขึ้นคว้ามือของบุตรชายแน่น “อย่าไป”
ครั้นมองเห็นใบหน้าซีดขาวของไป๋หยานเจ้าซาลาเปาน้อยก็ยิ่งเศร้า “ป๊ะป๋าวายร้ายรังแกหม่ามี้ เฉินเอ๋อไม่ต้องการเขาแล้ว ดังนั้นเราออกจากแดนอสูร กลับบ้านไปหาท่านน้ากัน”
”นายหญิง”เสี่ยวมี่กล่าวอย่างลังเล “แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าจะออกจากแดนอสูรนี่ได้อย่างไร ?”
ไป๋หยานเม้มปาก”ข้าไม่รู้ แต่ตี้เสี่ยวอวิ๋นรู้”
ในวันนั้นนางฝ่าผนึกไปยังแดนมนุษย์ได้ เช่นนั้นนางต้องรู้วิธีออก
เสี่ยวมี่เบ้ปากแม้ว่าตี้เสี่ยวอวิ๋นจะรู้ดี ทว่านางก็คงไม่บอกท่านหรอก หาไม่แล้ว นางจะอธิบายกับพี่ชายของนางเช่นไร ?
”ข้ามีวิธีทำให้นางบอกข้า”
ไป๋หยานอุ้มเสี่ยวมี่ขึ้นมาจากเตียงแล้วจับมือเจ้าซาลาเปาน้อยพลางกล่าวว่า “เราไปหาตี้เสี่ยวอวิ๋นกันเถอะ”
ชั่วขณะนี้ตี้เสี่ยวอวิ๋นดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยว่า ไป๋หยานวางแผนอะไรไว้ในหัว ทันทีที่นางมองเห็นอาหารอร่อย ๆ บนโต๊ะ หยาดน้ำตาของนางก็แทบจะร่วงเผาะ
“พี่สะใภ้ท่านใจดีกับข้าจังเลย ท่านทำอาหารอร่อย ๆ มากมายให้ข้า ข้ารักพี่จริง ๆ”
ไป๋หยานมองตี้เสี่ยวอวิ๋นพร้อมส่งยิ้มให้รอยยิ้มของนางแลดูฝืน ๆ อาจเป็นเพราะนางอยากจะไปจากแดนอสูร ทั้งในใจก็รู้สึกเบื่อหน่าย
“ตี้เสี่ยวอวิ๋นข้าสงสัยมาตลอดว่า เจ้าออกจากแดนอสูรนี่ได้อย่างไร ? ในเมื่อมันถูกผนึก”
***จบบทจากลา (7)***
บทที่ 627 จากลา (8)
ตี้เสี่ยวอวิ๋นตักน้ำเชื่อมหนึ่งช้อนใส่ซุปรังนกพลางเอ่ยกล่าวอย่างมีความสุขว่า “ท่านราชครูบอกข้าว่าทุก ๆ สองสามปีผนึกของแดนอสูรจะปริออกจนเกิดช่องว่าง และเมื่อถึงเวลานั้น ก็จะสามารถอาศัยช่องว่างนั้นออกจากแดนอสูรได้”
”โอ้! เช่นนั้นสัตว์อสูรที่อยู่ในแดนอสูรทั้งหมดก็มีโอกาสที่จะออกจากแดนอสูรนี่ได้ล่ะสิ” ไป๋หยานเลิกคิ้วน้อย ๆ
”ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถออกไปได้ผนึกนั่นมียอดฝีมือคอยอารักขา ท่านจะสามารถออกไปได้ก็ต่อเมื่อมีตราของเสด็จพี่ข้า หรือไม่ก็ของท่านราชครู แต่ว่าพี่สะใภ้เป็นราชินีของแดนอสูร ผู้ใดบ้างจะกล้าไม่เชื่อฟังพี่”
เห็นได้ชัดว่าตี้เสี่ยวอวิ๋นไม่ทราบถึงความคิดของไป๋หยาน เช่นนั้นนางเลยบอกกล่าวทุกสิ่งที่นางรู้
นางเงยหน้าขึ้นมองพลางกระพริบตาอย่างสงสัย “พี่สะใภ้ ไยท่านจึงถามข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ?”
“ไม่มีอะไรหรอกก็เพียงอยากรู้ เจ้ากินต่อไปเถอะ ข้าจะกลับไปพักผ่อน”
ไป๋หยานบิดร่างอย่างเกียจคร้านพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปข้างนอกอย่างช้า ๆ
ตี้เสี่ยวอวิ๋นมองตามร่างที่ก้าวจากไปจนลับตานางรู้สึกว่าไป๋หยานผิดปกติ
*****
ครั้นออกจากห้องมาได้ไม่ไกลนักไป๋หยานก็เห็นหลงเอ๋อนั่งเหม่ออยู่ริมลำธาร
ทันทีที่หลงเอ๋อเห็นไป๋หยานเดินออกมานางก็ลุกขึ้นยืนทันที นางวิ่งไปยืนข้างกายไป๋หยานอย่างรวดเร็วด้วยเท้าทั้งสอง พลางเรียกขานอย่างฉลาดเฉลียวว่า “ราชินี”
“หลงเอ๋อเจ้าต้องการไปกับข้าหรือไม่ ?” ไป๋หยานลูบศีรษะหลงเอ๋อพลางเอ่ยถาม
”ไม่ว่าราชินีจะไปที่ใดหลงเอ๋อก็จะไปด้วย”
ใบหน้าของหลงเอ๋อยิ้มแย้มแจ่มใสนัยน์ตาไร้เดียงสาคู่นั้นเป็นประกายแวววาว นางจ้องมองไป๋หยานตาไม่กะพริบ
”เช่นนั้นเราก็ไปกันเถอะ”
ไป๋หยานจับมือหลงเอ๋อพลางเดินไปข้างหน้าช้า ๆ
ผนึกแดนอสูรอยู่ติดกับแท่นบูชานั่นเป็นข้อมูลที่นางสอบถามมาได้ก่อนหน้านี้
ด้วยฐานะราชินีนางจึงได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีผู้ใดกล้าขวางนาง
”โชคดีที่ท่านราชครูกำลังเข้าสันโดษหาไม่แล้ว หากเขาอยู่ เราก็คงไม่อาจจากไปได้อย่างง่ายดาย”
ใบหน้าของไป๋หยานเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยวนางเดินช้า ๆ ไปยังสถานที่ที่ซึ่งมีผนึก แล้วนางก็เห็นรอยปริบนตราประทับ นัยน์ตาของนางหรี่ลงเล็กน้อย
”นายหญิง…”
เสี่ยวมี่กระโดดลงจากแขนของไป๋หยานดวงตาของมันเต็มไปด้วยความงงงวย “รอยปริยังปรากฏอยู่งั้นรึ ? เราโชคดีถึงเพียงนี้เชียว ?”
ไป๋หยานขมวดคิ้ว”ข้าเองก็ไม่รู้ว่านั่นจะใช่รอยปริที่ว่าหรือไม่ ?”
ในความเป็นจริงนางเองเพียงลองมาดูว่ามันจะมีรอยปริหรือไม่ ? เพราะหากไม่มีรอยปรินางก็จะพยายามหาโอกาสอื่น
นางก็ไม่ได้คาดหวังว่านางจะโชคดีนัก
ยามนี้ยอดฝีมือสองคนหันมองหน้ากัน พวกเขาหันไปมองหญิงสาว ก่อนจะคุกเข่าลงอย่างช้า ๆ
”คารวะองค์ราชินี”
พวกเขาคุกเข่าลงด้วยความเคารพและหนึ่งในนั้นก็เอ่ยถามว่า “ราชินี พระองค์ทรงมีพระประสงค์จะไปเยือนแดนมนุษย์กระนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ?”
ไป๋หยานพยักหน้าอย่างเรียบๆ “ใช่ ข้าจะกลับบ้านเกิดของข้า”
“องค์ราชาทรงรู้เรื่องนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ชายผู้นั้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก พลางเอ่ยถามอย่างอ่อนแรง
”เขารู้แล้ว”ไป๋หยานโกหกตาใส “ทำไม เจ้าสงสัยข้างั้นหรือ ?”
”ไม่กระหม่อมมิกล้า… ”
ชายทั้งสองหันมองหน้ากันก่อนจะถอยร่นออกมา
ครั้งหนึ่ง…องค์ราชาเคยประกาศิตรับสั่งของราชินีแห่งแดนอสูรนั้นต้องมาเป็นอันดับแรก เช่นนั้นพวกเขาจะกล้าทำกระไรได้ พวกเขาจึงไม่กล้าขวางนาง
”ไปกันเถอะ”
ไป๋หยานอุ้มไป๋เสี่ยวเฉินไว้ในอ้อมแขนข้างหนึ่งส่วนมืออีกข้างก็จับจูงหลงเอ๋อ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ
***จบบทจากลา (8)***
บทที่ 628 : จากลา (9)
เสี่ยวมี่กำลังเดินตามหลังไปมันพยายามจะเดินเข้าไปในรอยปรินั้น ทว่าจู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกดังมา “สามีข้า ว่าที่สามีข้า รอข้าด้วย”
เสียงนี้ทำให้มันตะลึงมันหันขวับกลับมามองหวงเสี่ยวหยิงอย่างรวดเร็ว
มันกลัวจนตัวสั่นมันรีบวิ่งเข้าไปในรอยปริโดยไม่แม้จะหันกลับไปมองอีกครั้ง
”แม่นางหวง?” ครั้นยอดฝีมือสองคนเห็นหวงเสี่ยวหยิงโผล่มา เขาก็รีบออกหน้าขวางนางอย่างรวดเร็ว เด็กสาวยกมือขึ้นเท้าสะเอว นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“นั่นคือสามีของข้าข้าจะไปกับเขา มีปัญหาที่ใดหรือ ? เจ้ากล้าขวางข้า หากข้าได้แต่งงานกับเขา ข้าจะให้เขาสอนบทเรียนเจ้าอย่างสาสม”
ยอดฝีมือทั้งสองปาดเหงื่อบนหน้าผากของตน
เสือขาวตัวน้อยเป็นคนสนิทข้างกายราชินีหากนางได้แต่งงานกับเสือขาวนั่น ย่อมแสดงว่านางก็ต้องเป็นคนของราชินีด้วย
และพวกเขาก็ไม่อยากวุ่นวายกับเรื่องสามีภรรยา
”แม่นางหวงเชิญ”
ยอดฝีมือผายมือเชื้อเชิญหน้าผากของพวกเขามีเหงื่อไหลซึม
”ดีที่เจ้ายังรู้อะไรควรอะไรไม่ควร”
หวงเสี่ยวหยิงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสก่อนจะรีบสาวเท้าก้าวตามเข้าไป
ครั้นออกจากรอยปริได้ก็ยังมีโลกอีกใบที่รออยู่
ปกติเห็นแต่ดวงจันทร์สีเลือดของแดนอสูรครั้นได้มาเห็นท้องฟ้าสีฟ้าสดใสของแดนมนุษย์ ไป๋หยานกลับรู้สึกไม่ชิน
”เฉินเอ๋อพวกเรากลับมากันแล้ว”
นางกอดเฉินเอ๋อแน่นพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ทว่าแววตาของนางก็ยังดูไม่ดีเท่าใดนัก
ขณะที่นางต้องการจะกล่าวต่อก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากเสี่ยวมี่
”อ๊า!!!”
ไป๋หยานตกตะลึงนางรีบหันกลับไปมอง พลันก็เห็นหวงเสี่ยวหยิงล้มทับบนตัวเสี่ยวมี่ ภายใต้ร่างของหวงเสี่ยวหยิง เสี่ยวมี่แทบหายใจไม่ออก
”สามีข้าเจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ?” หวงเสี่ยวหยิงรีบลุกขึ้น พลางกล่าวขอโทษ
เสี่ยวมี่จ้องมองหวงเสี่ยวหยิงอย่างโกรธเคือง”เจ้าตามมาได้อย่างไร ?”
”ก็ข้าบอกแล้วไงว่าเจ้าเป็นว่าที่สามีของข้า เจ้าไม่อาจทิ้งข้าไว้ลำพัง”
หวงเสี่ยวหยิงยิ้มขณะกอดเสี่ยวมี่นางอุ้มมันไว้แนบอก พลางลูบมันอย่างแรงสองสามครั้ง
เสี่ยวมี่ตัวสั่นด้วยความโกรธ”หญิงป่าเถื่อนนี่ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ อย่าให้ข้าต้องใช้ปากข้า !”
”สามีข้า”หวงเสี่ยวหยิงก้มหน้าลงอย่างเอียงอาย “ข้ารอเจ้าทำเช่นนั้นกับข้าอยู่ …มาสิ ”
ถึงตอนนี้พวกเขาต่างก็ชะงัก
เพราะจู่ๆ ก็มีผู้คนจำนวนมากมาห้อมล้อมพวกเขาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
ไป๋หยานหรี่ตาลงเล็กน้อยนางดึงไป๋เสี่ยวเฉินไปไว้ด้านหลังอย่างรวดเร็ว พลางมองผู้คนโดยรอบ ด้วยสายตาตื่นตัว
”ข้าจำได้ว่าข้าอนุญาตเพียงคนของข้าให้ติดตามมาเท่านั้น เหตุใดพวกเจ้าถึงมาที่นี่ได้ ?”
กลุ่มคนเหล่านี้เป็นอัศวินเงาของแดนอสูรตี้คังเคยพานางไปพบกลุ่มคนเหล่านี้ เช่นนั้นนางจึงจำกลิ่นอายของคนเหล่านี้ไว้ในใจ
ทว่า…
ก่อนที่ผู้อาวุโสรองจะทันส่งคนมาติดตามนางนางก็ได้จัดการแก้ไขปัญหาจนหมดสิ้นก่อนหน้านี้แล้ว เหตุใดคนเหล่านี้ถึงยังรู้เรื่องของนางอีก
และเพื่อไม่ให้ตี้คังรู้ข่าวการจากไปของนางนางก็ได้ควบคุมพลังของพันธะสัญญาไว้ชั่วคราวด้วยการใช้ยาเม็ดจิตวิญญาณ ซึ่งสามารถทำได้เพียงชั่วคราว ทั้งยังสามารถทำได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับนางที่จะหาทางหนี
ทว่าไม่คาดคิดที่สุดนางก็ถูกค้นพบ
”หม่ามี้คนพวกนี้เป็นคนของป๊ะป๋าวายร้ายงั้นหรือ? พวกนี้ไม่ใช่กายหยาบใช่มั้ย ?” ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตา “หม่ามี้ หากพวกเขาเป็นสัตว์อสูรธรรมดา ๆ ข้าก็สามารถยับยั้งพวกเขาได้ แต่หากมันเป็นเพียงกายละเอียดที่แยกมาจากกายเนื้อกลิ่นอายเลือดของข้าก็ไม่มีประโยชน์ … ”
เช่นเดียวกับบรรพบุรุษของเผ่าอสรพิษเขาไม่ได้มาที่แดนมนุษย์แม้เขาจะมาด้วยรูปลักษณ์เดิม ทว่ากลับไม่มีวิญญาณและกายเนื้อ
***จบบทจากลา (9)***
บทที่ 629 : จากลา (10)
เมื่อไม่มีวิญญาณก็ย่อมไม่มีความกลัวเช่นนั้นแรงกดดันจากกลิ่นอายเลือดจึงไม่ส่งผลกับพวกเขา
สีหน้าของไป๋หยานเคร่งเครียดนางมองกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหน้านางอย่างเยือกเย็น ปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันบนริมฝีปากนาง “พวกเจ้าตามมาด้วยจุดประสงค์ใด ?
”ปฏิบัติตามรับสั่งองค์ราชา…สังหารราชินี!”
สังหารราชินี!
สองคำนี้ราวกับสายฟ้าฟาดไป๋เสี่ยวเฉินซึ่งได้รับการปกป้องโดยไป๋หยาน ตัวแข็งทื่อ ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซีดขาว เขาส่ายศีรษะอย่างงงวย
“เป็นไปไม่ได้ไร้สาระ ป๊ะป๋าวายร้ายนั่นรักหม่ามี้มาก สำหรับป๊ะป๋าแล้ว หม่ามี้เป็นคนสำคัญที่สุด ข้าก็แค่ของแถม เขาจะสั่งฆ่าหม่ามี้ได้อย่างไร ?”
หัวใจของไป๋เสี่ยวเฉินราวกับจะแหลกสลายน้ำตาของเขาไหลรินลงมาอาบใบหน้าขาวซีด นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
ร่างของหวงเสี่ยวหยิงอ่อนยวบก่อนจะทรุดลงกับพื้นนางจ้องมองผู้คนที่อยู่โดยรอบ “คนพวกนี้เป็นหน่วยราชการลับของพระราชวัง เว้นแต่องค์ราชาแล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถสั่งให้พวกเขาลงมือได้”
ไม่มีผู้ใดสั่งได้!
ทว่าแม้หวงเสี่ยวหยิงจะมั่นใจในตัวตนของคนเหล่านี้หากแต่นางก็ยังไม่อาจเชื่อว่าองค์ราชาต้องการทำร้ายราชินี
องค์ราชารักราชินีมาก
”ราชินี…องค์ชายน้อยคือองค์ชายแห่งอาณาจักรอสูรเราเราจะไม่ทำร้ายเขา ทว่าองค์ราชาไม่ต้องการให้พระองค์จากไป พระองค์มีเพียงสองทางเลือก หนึ่งคือการตามเรากลับไปยังแดนอสูร และสองคือตาย !”
แม้ว่าชิงเซียะจะสั่งชายผู้นั้นไม่ให้ปล่อยไป๋เสี่ยวเฉิน
ทว่า…
อย่างไรเสียเด็กผู้นี้ก็เป็นถึงองค์ชายแห่งแดนอสูร หากเขาทำตามคำสั่งของนาง ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ใดเกิดความสงสัยไม่ได้ เพื่อที่จะไม่ทำให้เกิดข้อกังขา เขาไม่เพียงแต่ไม่สั่งให้ฆ่าไป๋เสี่ยวเฉิน หากแต่ยังให้ทางเลือกไป๋หยานอีกด้วย
หากเขาก็คาดหวังว่าเมื่อไป๋หยานออกจากแดนอสูรแล้วนางจะไม่มีวันหวนกลับมา
ไป๋หยานยิ้มเรือนผมสีดำขลับของนางพลิ้วไสวเล็กน้อย สายตาของนางยังคงจับจ้องมองกลุ่มคนเบื้องหน้าอย่างเงียบ ๆ
“เขาว่าเช่นนั้นจริงหรือ? เขาลืมไปแล้วหรือว่า เรามีพันธะสัญญากัน หากข้าตาย เขาก็จะสูญเสียความแข็งแกร่งไปด้วย”
บรรดาอัศวินเงาต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจอยู่ชั่วขณะที่สุดพวกเขาก็ทำหน้านิ่งเช่นเดิม “ด้วยความแข็งแกร่งขององค์ราชา แม้ว่าจะต้องสูญเสียความแข็งแกร่งไปบ้าง พระองค์ก็จะสามารถฟื้นคืนพละกำลังได้ภายในไม่กี่วัน”
ไป๋หยานกำหมัดแน่น
ข้ารู้แล้ว
พลังของพันธะสัญญานี้สำหรับเขานั้น ไม่สำคัญเลย
ดังนั้นเขาจึงสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้!
”หม่ามี้เขาต้องการฆ่าหม่ามี้ ป๊ะป๋าวายร้ายต้องการที่จะฆ่าหม่ามี้ !” ยามนี้แสงสีแดงค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในแววตาของเฉินเอ๋ออย่างเห็นได้ชัด มันเปล่งประกายวาววับ “ทำไม ? ทำไม ? ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ !”
สีหน้าของไป๋หยานเคร่งเครียด”หวงเสี่ยวหยิง เสี่ยวมี่ พวกเจ้าดูแลเฉินเอ๋อให้ดี”
นางปลดมือของไป๋เสี่ยวเฉินออกเบาๆ พลางก้าวเท้าไปข้างหน้า จากนั้นก็จ้องมองกลุ่มคนเบื้องหน้า โดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ
”สำหรับแดนอสูรข้าต้องกลับไปแน่ ไม่ช้าก็เร็ว !
สายลมพัดพริ้วอาภรณ์สีแดงปลิวไสว นางช่างงดงามไร้ที่ติ
”ราชินีองค์ราชายังคงรู้สึกดีต่อพระองค์ หากพระองค์กลับแดนอสูร เรื่องทั้งหมดก็จะไม่ยุ่งยาก … ” อัศวินเงาขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาไม่ต้องการต่อสู้กับราชินีหากแต่รับสั่งขององค์ราชาไม่ปฏิบัติไม่ได้
”นายหญิง…” เสี่ยวมี่มองไป๋หยานด้วยความเป็นกังวล หัวใจของมันราวถูกทิ่มแทงอย่างแรง กระทั่งมันแทบทนไม่ได้
หวงเสี่ยวหยิงส่ายศีรษะนางเองก็เครียดจนหัวแทบระเบิดอยู่แล้ว
”สามีข้าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ข้าไม่เข้าใจว่าไยองค์ราชาต้องการทำร้ายราชินี”
“ฮ่าฮ่า” เสี่ยวมี่หัวเราะเยาะ “ข้ากับนายหญิงพบความผิดปกติบางอย่างโดยบังเอิญ นายหญิงจึงต้องการออกจากแดนอสูร เดิมทีนายหญิงยังรอคอยคำอธิบายจากชายผู้นั้น นางรอคอยอยู่นานหลายวัน กว่าจะตัดสินใจจากมา หากแต่ไม่คาดคิดว่าเขากลับสั่งอัศวินเงามาติดตามนาง ! ทั้งยังมีคำสั่งให้ฆ่านายหญิงอีก”
“หากมิใช่เป็นเพราะองค์หญิงได้บอกถึงสถานที่ซึ่งองค์ราชาชอบเสด็จไปกระทั่งเราติดตามไปจนได้พบเขา เราก็คงไม่ได้ยินเรื่องนั้น”
นัยน์ตาของเสี่ยวมี่แสดงความเจ็บปวดการกระทำของตี้คังทำให้เขาผิดหวังมากจริง ๆ
***จบบทจากลา (10)***
บทที่ 630 : ไป๋เสี่ยวเฉินคลั่ง (1)
ในช่วงวิกฤต
ไป๋หยานผู้ซึ่งอยู่ในอาภรณ์สีแดงที่กำลังปลิวไสวนัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความยโส ประกายสีของนัยน์ตานางวิบวับกว่าที่เคยเป็นมา
หัวใจของนางเจ็บจนชาแม้จะไร้ซึ่งการแสดงออกทางสีหน้า ทว่านัยน์ตาดำสนิทคู่นั้นก็เย็นชามาก กระทั่งแทบจะแช่แข็งทุกอย่างได้ทันที
”ราชินีพวกข้าไม่เกรงใจแล้วนะ”
อัศวินเงาทั้งหมดต่างชักอาวุธของพวกเขาขึ้นมาพวกเขาตรงเข้าโอบล้อมสตรีที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา
*****
ไป๋เสี่ยวเฉินผู้ซึ่งได้รับการปกป้องในอ้อมแขนของหวงเสี่ยวหยิงมองสตรีในชุดแดงเลือดนกที่เป็นดังชีวิตจิตใจของเขา ดวงตาที่เคยแจ่มใสของเขาเปลี่ยนเป็นไร้ชีวิตชีวา
”องค์ชายน้อย”
หวงเสี่ยวหยิงตกใจกับสถานการณ์ยามนี้ของไป๋เสี่ยวเฉินนางกอดร่างเล็ก ๆ ของเขาแน่น นางพบว่าร่างของเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งแข็งทื่อ ทั้งเย็นเฉียบ
”องค์ชายน้อยทรงเป็นอะไรไป ?” นางหันไปหาเสี่ยวมี่ด้วยความวิตกกังวล หยาดน้ำตาไหลรินด้วยความหวาดกลัว
ท่าทางเช่นนี้ขององค์ชายน้อยนางไม่เคยเห็นมาก่อน
นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินพร่าเลือนหากสังเกตให้ดีจะพบประกายแสงแผ่กระจายออกมาจากมุมหนึ่งของลูกนัยน์ตากระทั่งปิดบังนัยน์ตาทั้งคู่ของเขา
”เขาต้องการสังหารหม่ามี้ของข้าเขาต้องการสังหารหม่ามี้ … ”
ทำไม?
ไป๋เสี่ยวเฉินพึมพำอยู่ในลำคอพลันนัยน์ตาของเขาก็ยิ่งพร่ามัวมากขึ้น ราวกับว่าเขาได้สูญเสียจิตวิญญาณของตนไปแล้ว เขาจ้องมองไป๋หยานผู้ซึ่งยามนี้กำลังต่อสู้กับคนเหล่านั้น
ทันใดนั้นเอง
ดาบเล่มหนึ่งก็แทงเข้าที่เอวของไป๋หยานกระทั่งโลหิตสาดกระเซ็น ภาพดังกล่าวย้อมนัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินจนเป็นสีแดง
ปัง!
ชั่วขณะนั้นสรรพเสียงทั้งหมดดูเหมือนจะหายไปจากบริเวณโดยรอบ กระทั่งไป๋เสี่ยวเฉินที่นิ่งสงบยังสามารถได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตนเอง
เสียงที่แข็งแกร่งและทรงพลังสะท้อนอยู่ในหูเขา
”อ๊า!!!”
เขากุมศีรษะเล็กๆ ของตนเองแน่น เสียงคำรามอันน่าสลดใจก้องสะท้อนดังไปถึงชั้นฟ้า เสียงของเขาไม่อ่อนหวานนุ่มนวลเฉกเช่นเคย กระทั่งนกทุกตัวที่บินอยู่บนท้องฟ้าต่างก็ร่วงหล่นลงมาตายสนิท
คนเหล่านี้ช่างชั่วช้านัก!
ทุกคนในแดนอสูรล้วนชั่วช้า !
ทุกคนที่ทำร้ายมารดาของเขาสมควรตาย !
ไป๋เสี่ยวเฉินค่อยๆ วางมือที่กุมศีรษะของตนลง นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงราวสัตว์ป่า ขณะกำลังจ้องมองอัศวินเงาจากแดนอสูร
ในหูของเขาไม่อาจได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นของหวงเสี่ยวหยิงหรือแม้แต่เสี่ยวมี่ที่อยู่ข้างหลังเขา ทั้งเขาไม่สามารถเห็นดวงตาที่ตื่นตะลึงของคนอื่น ๆ ได้ จิตใจของเขาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
*****
”เฉินเอ๋อ!”
ไป๋หยานหยัดกายลุกขึ้นจากพื้นดินใบหน้าของนางซีดเล็กน้อย ขณะที่นัยน์ตาของนางยังคงจับจ้องมองไป๋เสี่ยวเฉิน
เจ้าซาลาเปาน้อยที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้ดูผิดแปลกไปราวกับว่าเขาได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
แทบจะกล่าวได้ว่าเขาไม่ใช่ไป๋เสี่ยวเฉินที่นางเคยรู้จักไยเขาจึงผิดแปลกไปได้เช่นนี้ ?
ไป๋เสี่ยวเฉินหยุดพลางจ้องมองกลุ่มอัศวินเงาด้วยนัยน์ตาสีแดงที่โหดเหี้ยมดุดัน ใบหน้าของเขายังคงแลดูอ่อนเยาว์น่าเอ็นดู
”เจ้ากล้าทำร้ายแม่ข้าสมควรตาย !”
บูม!
แรงกดดันอันทรงพลังท่วมท้นทำให้พวกอัศวินเงาต้องเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดกลัว พวกเขาต่างก็จ้องมองใบหน้าสีชมพูนั่น
ไม่…
เป็นไปไม่ได้!
องค์ชายน้อยที่ทั้งสง่างามทั้งน่ารักจะสามารถทำให้จิตวิญญาณของพวกเขาหวั่นไหวโดยที่กายเนื้อของพวกเขายังไม่รวมกับร่างเงาได้อย่างไร ?
มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
ดูเหมือนว่ามีแต่องค์ราชาเท่านั้นที่มีพลังเช่นนี้!
”เฉินเอ๋อ!”
หลังจากไป๋หยานกลืนกินยาโลหิตของนางก็หยุดไหล นางเดินเข้าไปหาไป๋เสี่ยวเฉิน
***จบบทไป๋เสี่ยวเฉินคลั่ง (1)***