จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 636-640
บทที่ 636 : กล้าใส่ร้ายราชินี (2)
ชิงเซียะตื่นตระหนกร่างของนางยังคงดิ้นรน แววตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
”ฝ่าบาทหม่อมฉันไม่ได้โกหก หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์อาจไม่เชื่อหม่อมฉัน แต่เพื่อฝ่าบาทแล้ว หม่อมฉันเต็มใจเสี่ยงเปิดเผยเรื่องของราชินี ฝ่าบาทลองคิดดูว่าหากหม่อมฉันไม่รู้มาจากราชินี หม่อมฉันจะรู้จักชื่อฉู่อี้เฟิงได้อย่างไร ? ”
ปัง!
ตี้คังฟาดร่างของนางลงกับพื้นแววตาอันโหดเหี้ยมของเขาเปล่งประกายกระหายเลือด
”ราชินีของข้าจะมีชายอื่นโดยที่ข้าไม่รู้ได้ยังไง? เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ใส่ร้ายนางเช่นนี้”
”ฝ่าบาท… ”
ชิงเซียะตื่นตะลึงนางเงยหน้าขึ้นร่างของนางสั่นเทา ใบหน้าของนางซีดขาวด้วยความตื่นตระหนก
เป็นไปได้อย่างไร?
โดยปกติแล้วเมื่อมีคนบอกผู้ชายในเรื่องแบบนี้ พวกเขาก็มักจะเชื่อทันทีโดยไม่มีข้อสงสัย ?
ยิ่งไปกว่านั้นการหาเหตุอ้างอิงการจากไปของราชินีได้ ก็ย่อมน่าที่จะกระตุ้นให้องค์ราชาเชื่อถือถ้อยคำของนาง !
ทว่าเหตุใด?
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?
ปัง!
ทันใดนั้นเองเท้าของตี้คังก็กระทืบลงบนร่างของชิงเซียะทำให้ชิงเซียะถึงกับกระอักเลือด ใบหน้าของนางยิ่งซีด นัยน์ตาของนางยิ่งโศกเศร้า
“ฝ่าบาท…หม่อมฉันไม่ได้โกหกจริงๆ เพคะในแดนอสูรนี้ หม่อมฉันเป็นคนเพียงผู้เดียวที่รักพระองค์มากที่สุด มีเพียงหม่อมฉันเท่านั้นที่มีคุณสมบัติจะยืนเคียงข้างพระองค์ ส่วนราชินี นางก็เป็นแค่หญิงสกปรกคนหนึ่งเท่านั้น ก็แล้วเหตุใด อ๊าาาาา”
ก่อนที่นางจะทันได้กล่าวจบเท้าของตี้คังก็กดลงอีกครั้งนางรู้สึกได้ว่าอวัยวะภายในของนางเกือบจะถูกทำลายจนสิ้น หน้าผากของนางเปียกชื้น นางไม่สามารถกล่าวคำใดได้อีก”
”จับตัวนางไว้ค่อยจัดการกับนางในภายหลัง !” แววตาของตี้คังเปล่งประกายเย็นชา เขาหันไปหาองครักษ์ของแดนอสูรพลางกล่าวว่า “รีบนำตัวแม่นางเซี่ยเข้ามา”
แม่นางเซี่ย
ทุกคนต่างตกตะลึงกับการจากไปของราชินีแล้วมีอะไรเกี่ยวข้องกับแม่นางเซี่ยกระนั้นหรือ ?
นัยน์ตาของตี้เสี่ยวอวิ๋นเต็มไปด้วยความโกรธหากนางรู้ว่าผู้ใดพรากพี่สะใภ้ของนางไป นางจะต้องฉีกมันผู้นั้นออกเป็นชิ้น ๆ เพื่อเป็นการแก้แค้น !
เวลาต่อมาองครักษ์ก็เดินกลับเข้ามา ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยอายกดดัน องค์รักษ์ผู้นั้นกลับมาพร้อมสาวสวยผู้หนึ่ง
เห็นได้ชัดว่านางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ครั้นนางเห็นตี้คังผู้ซึ่งยามนี้มีสีหน้ามืดมน นางก็คุกเข่าลงด้วยความตกใจ พลางกล่าวเนื้อตัวสั่นสะท้าน “หม่อมฉันธิดาของเสนาบดี คารวะองค์ราชา”
“เจ้าได้แจ้งราชินีเรื่องที่ฮัวหยูไหว้วานเจ้าก่อนหน้านี้หรือไม่?” ตี้คังกำหมัดแน่น แววตาของเขาเต็มไปด้วยประกายแสงสีเลือด
”อ๊ะ! ?” เด็กสาวมองเขาอย่างงงัน “หม่อมฉันไม่เคยพบท่านนายพลฮัวหยูเลยเพคะ”
ว่าไงนะ?
สีหน้าของฮัวหยูเปลี่ยนไปอย่างมากเขารีบเข้าไปยืนข้างกายหญิงสาวอย่างรวดเร็ว พลางสูดกลิ่นอายของนางอย่างหมดหวัง
ใบหน้าของฮัวหยูค่อยๆ เปลี่ยนเป็นซีดขาว เขามองตี้คังด้วยความสยดสยอง น้ำเสียงของเขาสั่นสะท้าน “องค์ราชา หญิงผู้นี้มีกลิ่นอายของคนตระกูลเซี่ยเช่นเดียวกับหญิงที่กระหม่อมพบในครั้งก่อน หากแต่ดูเหมือนว่ากลิ่นอายจะแตกต่างกันเล็กน้อย”
เขากลัวจนน้ำตาเล็ด
ครั้งแรกที่เขาเห็นแม่นางเซี่ยเขาก็อยู่ไกลเกินกว่าจะจำกลิ่นของอีกฝ่ายได้ หากเขาจำได้ เขาก็คงจะไม่เชื่อตัวปลอมเป็นแน่
ครั้นเห็นเจตนาสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างของตี้คังฮัวหยูก็รีบคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว พลางอ้อนวอนว่า “ฝ่าบาท ครั้งนี้เป็นความผิดของกระหม่อม กระหม่อมปฏิบัติหน้าที่ที่พระองค์ทรงมอบหมายมาไม่สำเร็จ โปรดลงโทษประหารชีวิตกระหม่อมด้วย”
”เสด็จพี่!” ทันใดนั้นเองตี้เสี่ยวอวิ๋นก็กระโดดออกมา นางกำหมัดแน่น “ข้านึกขึ้นได้ว่าพี่สะใภ้มีบางอย่างผิดปกติ เมื่อหลายวันก่อน นางพยายามจะไปหาพี่ ทว่าเมื่อนางกลับมาแล้ว นางกลับถามคำถามแปลก ๆ กับข้า”
ในที่สุดสายตาของตี้คังก็เปลี่ยนจากฮัวหยูไปจ้องหน้าตี้เสี่ยวอวิ๋น
”พี่สะใภ้ถามข้าว่าผู้อาวุโสรองซื่อสัตย์หรือไม่?”
***จบบทกล้าใส่ร้ายราชินี (2)***
บทที่ 637 : กล้าใส่ร้ายราชินี (3)
หลังจากตี้เสี่ยวอวิ๋นกล่าวจบฝูงชนทั้งหมดก็เงียบ
เหตุใดราชินีถึงถามว่าผู้อาวุโสรองภักดีหรือไม่?
นางไม่ได้ถามถึงผู้อาวุโสคนอื่นหากแต่กลับถามถึงผู้อาวุโสรองกระนั้นรึ ?
การที่ราชินีจากไปไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรือว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสรอง ?
แววตาของตี้คังเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อยขณะกล่าวว่า “เรียกตัวผู้อาวุโสรองมาพบข้า !”
*****
ในสภาผู้อาวุโส
ผู้อาวุโสรองรู้สึกสับสนลังเลเรื่อยมานับแต่วันนั้นเขาขมวดคิ้วแน่น นับแต่วันนั้นเขาก็กระสับกระส่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ
”บอกข้าสิอาวุโสรอง ว่ามีอะไรในใจเจ้า ?”
ผู้อาวุโสใหญ่มองผู้อาวุโสรองพลางขมวดคิ้ว ขณะเอ่ยถามเบา ๆ
พวกเขาทำงานร่วมกันมานานหลายปีเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า ชายชรามีบางสิ่งบางอย่างในใจ
ผู้อาวุโสรองถอนหายใจ พลางกล่าวว่า “เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงองค์ราชินี”
”ราชินี?” ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้ว “มีเรื่องใดเกี่ยวพันกับราชินีงั้นรึ ?”
อาวุโสรองยิ้มอย่างขมขื่นวันนี้เขารู้สึกหวาดกลัวมากจริง ๆ เขาอยากหาผู้ใดสักคนที่จะระบาย
”เมื่อหลายวันก่อนองค์ราชามีรับสั่งให้ข้าคอยติดตามราชินีอย่างลับ ๆ ”
ผุู้อาวุโสใหญ่จิบชาพลางกล่าวเบา ๆ “ก็เป็นเรื่องปกติ องค์ราชาสนใจทุกเรื่องของราชินีเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าพระองค์ย่อมไม่ไว้ใจในความปลอดภัยของพระนาง”
“ผู้อาวุโสใหญ่ท่านเดาผิดแล้ว องค์ราชามีรับสั่งกับข้าว่า ที่พระองค์อภิเษกสมรสกับราชินี ก็เพียงเพราะเห็นแก่แดนอสูรและองค์ชายน้อย ทั้งพระองค์ก็หลอกลวงราชินี เพื่อให้นางเต็มใจที่จะอภิเษกสมรสด้วย ซ้ำยังรับสั่งด้วยว่าราชินีเป็นเพียงหญิงมนุษย์ธรรมดา ๆ มันคุ้มค่าแล้วที่จะเสียสละหญิงผู้หนึ่งเพื่อความสงบสุขของแดนอสูร ”
เพล้ง!
ถ้วยน้ำชาในมือของผู้อาวุโสใหญ่ถูกบดขยี้ลมหายใจของเขาพลุ่งพล่าน นัยน์ตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ผู้อาวุโสรอง
”เจ้าแน่ใจหรือว่านั่นคือองค์ราชาของพวกเรา?”
“ข้าย่อมมั่นใจข้าแน่ใจ ทั้งหน้าตา ทั้งกลิ่นอาย ก็เหมือนกัน หากจะปลอมตัว ทว่ากลิ่นอายนั่นคืออะไร ?”
”ไม่มีทางเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน !” ผู้อาวุโสใหญ่ลุกขึ้นยืนทันที เขากำหมัดแน่น “แปลกมาก องค์ราชาไม่มีทางออกคำสั่งเช่นนั้นกับเจ้า เพื่อราชินีแล้ว พระองค์ยอมสละได้แม้กระทั่งแดนอสูร หากแต่เจ้ากลับบอกว่า พระองค์ขอให้เจ้าเฝ้าดูราชินีกระนั้นรึ ?”
ผู้อาวุโสรองเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจพลางเอ่ยถามว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านมั่นใจได้อย่างไรว่าองค์ราชาจะหลงใหลองค์ราชินีถึงเพียงนั้น ? เพราะในโลกนี้ไม่มีผู้ใดมีกลิ่นอายเหมือนกันแน่”
”ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหากแต่ข้ารู้ว่าองค์ราชาจะไม่มีวันทำเช่นนั้นเป็นแน่ !”
แม้ว่าครั้งนั้นเขาจะยังเด็กมากหากแต่ตำนานมากมายเกี่ยวกับคนทั่วไป ก็ล้วนเป็นสิ่งที่คนทั่วไปชื่นชมตลอดมา
หากเรื่องที่อาวุโสรองกล่าวมาเป็นความจริงความเชื่อของเขาที่มีมาเป็นเวลานานหลายปีก็ต้องถึงคราวล่มสลาย
“ไม่ข้าต้องไปเฝ้าองค์ราชา ข้าอยากรู้เรื่องจริงทั้งหมด ! ข้าจะไปฟังพระองค์รับสั่งกับข้าด้วยตนเอง ! ‘ผู้อาวุโสใหญ่แลดูตื่นเต้นมาก ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดง นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ในใจของเขาไม่เชื่อถ้อยคำของผู้อาวุโสรอง
เว้นแต่องค์ราชาจะมีรับสั่งกับเขาด้วยองค์เอง!
ผู้อาวุโสรองรีบห้ามทันที”องค์ราชาขอให้ข้าเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไม่ให้เปิดเผยกับผู้ใด หากท่านไปเข้าเฝ้าองค์ราชา พระองค์ต้องสังหารข้าเป็นแน่”
“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องถามฝ่าบาท !” สมองของผู้อาวุโสใหญ่เปลี่ยนเป็นว่างเปล่า เขาไม่ฟังคำทัดทานของผู้อาวุโสรองเลย เขารีบก้าวไปที่ประตู
ทันทีที่เขาก้าวถึงประตูองครักษ์สองคนก็ปรากฏตัวขึ้นพลางหยุดเขาไว้
“องค์ราชามีรับสั่งให้ผู้อาวุโสรองเข้าเฝ้า”
อารมณ์ของอาวุโสใหญ่ยังไม่สงบ”ข้าจะไปเฝ้าองค์ราชา ข้าจะไปเฝ้าองค์ราชาพร้อมกับเขา !”
***จบบทกล้าใส่ร้ายราชินี (3)***
บทที่ 638 : ราชครูยังโดนตี (1)
องครักษ์คำนับผู้อาวุโสทั้งสองและแสดงท่าทางเชื้อเชิญ “เชิญท่านผู้อาวุโสทั้งสอง”
ผู้อาวุโสสะบัดเสื้อคลุมและเดินตามองครักษ์ไปยังลานบ้าน
สีหน้าของผู้อาวุโสรองยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ หากเขารู้ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ เขาจะไม่มีวันพูดให้ผู้ใดฟังเลย
ทว่าตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ออกแล้ว เขาได้แต่รีบไล่ตามผู้อาวุโสใหญ่ไปให้ทัน
*****
ครั้นผู้อาวุโสรองเดินเข้าไปในวังไป๋เยว่เขาก็พบว่าทุกคนที่ยืนอยู่ภายในวังต่างก็มองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด โดยเฉพาะตี้เสี่ยวอวิ๋น แววตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธ ราวกับจะฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ !
ผู้อาวุโสรองยืนอึ้งราวกับพระพุทธรูปเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
”องค์ราชา!”
ผู้อาวุโสใหญ่ตื่นเต้นมากเขาผลักผู้อาวุโสรองที่ยืนขวางหน้าเขา แต่ก่อนที่เขาจะทันได้กล่าวคำใด ชายผู้นั้นก็ยกมือขึ้นห้ามเขาไว้
จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็พบว่าบรรยากาศรอบข้างแลดูแปลกๆ เขาจึงกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ
”ราชินีอยู่ที่ใด?” ตี้คังมองผู้อาวุโสทั้งสองอย่างเย็นชา แววตาของเขาโหดร้าย และกระหายเลือด น้ำเสียงของเขาฟังดูมืดหม่น “ข้าให้โอกาสเจ้า เพียงครั้งเดียวเท่านั้น !”
“…..” ผู้อาวุโสรองเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง
องค์ราชาไม่ได้สั่งให้เขาเก็บเรื่องของราชินีเป็นความลับหรอกหรือ? เหตุใดฝ่าบาทจึงได้ถามเรื่องนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย ?
นี่เขาควรพูดดีหรือไม่นะ?
”ฮัวหยู”ตี้คังกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ลากมันออกมาแล้วตีให้ตาย !”
ฮัวหยูตัวสั่นประกายตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
หากผู้อาวุโสรองต้องตายรายต่อไปก็อาจเป็นเขาก็ได้
เนื่องเพราะเรื่องเกิดจากการที่เขาไม่ได้นำข่าวมาแจ้งด้วยตนเองเช่นนั้นราชินีจึงจากไป ดังนั้นไม่ว่าองค์ราชาจะลงโทษอย่างไร เขาก็เต็มใจพร้อมยอมรับมัน
”องค์ราชา!”
ครั้นเห็นฮัวหยูเดินเข้ามาหาผู้อาวุโสรองก็ตื่นตระหนก เขารีบพูดออกมาว่า “ก็ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาให้ข้าพระองค์ลอบเฝ้าดูองค์ราชินีไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ ข้าพระองค์ก็กระทำตามรับสั่งของฝ่าบาท เมื่อคืนนี้ กระหม่อมส่งคนไปเฝ้าราชินี ทว่าตอนนี้พระนางหายตัวไปที่ใด ข้าพระองค์ก็สุดรู้ … ”
ปัง!
กำปั้นของตี้คังทุบลงบนโต๊ะพร้อมกับสีหน้าเคร่งขรึม”เจ้าพูดต่อไปสิ !”
ผู้อาวุโสรองกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก”องค์ราชา พระองค์ทรงลืมไปแล้วหรือว่า เมื่อประมาณยี่สิบวันก่อนหน้านี้ พระองค์เรียกกระหม่อมมาพบตอนดึก ทั้งขอให้กระหม่อมส่งคนไปเฝ้าดูราชินี”
ยี่สิบวันที่ผ่านมา?
ใบหน้าของฮัวหยูเปลี่ยนเป็นซีดขาวเขามองหน้าตี้คังซึ่งถูกปกคลุมด้วยความโกรธ
ยี่สิบวันที่ผ่านมาองค์ราชากำลังต่อสู้ในสถานที่ซึ่งถูกผนึก ไม่มีทางมาปรากฏตัวในวังนี่ได้ !
แล้วผู้ใดคือคนที่เรียกผู้อาวุโสรองออกมา?
“และเป็นองค์ราชาเช่นกันที่บอกข้าพระองค์ว่าฝ่าบาทไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อราชินีเลย ทั้งพระนางเองก็ไม่ใช่สตรีที่ดีพร้อมตามครรลองครองธรรม นางเล่นชู้กับชายอื่นในแดนมนุษย์ นางไม่ซื่อสัตย์มานานแล้ว พระองค์ยังบอกด้วยว่า เหตุที่พระองค์สัญญาว่าจะให้องค์ราชินีเป็นอันดับหนึ่งในแดนอสูรก็เพื่อให้ราชินีอภิเษกกับพระองค์ด้วยความเต็มใจ … ”
อาวุโสรองก้มศีรษะลงต่ำขณะนี้ เขาเริ่มสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ แต่เมื่อเขาเปิดปากพูดไปแล้ว ย่อมไม่อาจกลับคำได้ เช่นนั้นเขาจึงกล่าวต่อ
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งท้ายสุดพระองค์ยังรับสั่งด้วยว่าแดนอสูรมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพระองค์ แค่เสียสละสตรีผู้หนึ่งจะเป็นไรไป ? หากราชินีกล้าออกจากแดนอสูร พระองค์จะทำให้นางไม่ได้เห็นหน้าองค์ชายน้อยอีกตลอดชีวิตนี้”
บูม!
ตี้คังกำหมัดแน่นแรงกดดันมหาศาลของเขาแพร่กระจายออกไป ทำให้คนทั้งวังไป๋เยว่อึดอัดราวอยู่ในนรก
ใบหน้าของเขาน่ากลัวดูเหมือนว่าความโกรธของเขาจะทวีความรุนแรงยิ่งกว่าพายุ ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร แรงกดดันอันหนักหน่วงกดศีรษะของทุกคนให้ก้มต่ำลง ทุกคนไม่มีความกล้าพอที่จะมองตี้คังอีก
กำปั้นของชายหนุ่มกำแน่นเขาก้าวเข้าหาผู้อาวุโสรองทีละก้าว ๆ
***จบบทราชครูยังโดนตี (1)***
บทที่ 639 : ราชครูยังโดนตี (2)
ทุกๆ ย่างก้าวของเขา ทำให้ผู้อาวุโสรองรู้สึกราวกับว่ามีภูเขาลูกใหญ่กดลงมากลางอกของตน เขาอึดอัดเกินกว่าจะหายใจได้
“ข้าเคยเรียกเจ้าเมื่อไหร่กัน? ข้าเคยสั่งให้เจ้าทำเช่นนั้นเมื่อไร ?”
ผู้อาวุโสรองแทบทรุดพลันเสียงอันเคร่งเครียดของชายหนุ่มก็ดังขึ้นเหนือศีรษะ ทำให้เขาสั่นสะเทือนไปทั่วร่าง ใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
”องค์ราชาคนผู้นั้นเป็นพระองค์จริง ๆ ที่เรียกกระหม่อมไป ข้าพระองค์ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดฝ่าบาทถึงได้มีรับสั่งเช่นนั้น หรือว่า… ”
ผีหลอก…?
สามคำสุดท้ายไม่ว่าเขาจะกล้าหาญเพียงใด ทว่าผู้อาวุโสรองก็ไม่กล้าพูด
”เสด็จพี่ข้านึกออกแล้ว !” แววตาของตี้เสี่ยวอวิ๋นฉายประกายวาบ “ยี่สิบวันที่ผ่านมานี้ เรื่องที่พี่สะใภ้ถามข้า ไม่ได้มีแต่เรื่องของผู้อาวุโสรองแต่ยังมีเรื่องวิธีใดบ้างที่สามารถปลอมแปลงกลิ่นอายของบุคคลในแดนอสูรได้ ? หากแต่เป็นไปไม่ได้หรอก ข้าเองก็บอกพี่สะใภ้ไปเช่นนั้น ว่าไม่มีทาง หรือว่าพี่สะใภ้จะได้ยิน … ”
คำพูดนี้ทำให้สายตาเย็นชาที่แหลมคมคู่นั้นกวาดไปทางตี้เสี่ยวอวิ๋นตี้เสี่ยวอวิ๋นปิดปากของนางลงทันที นางมองตี้คังตัวสั่นเทา
นางพูดผิดงั้นหรือ?
”ไม่เลยนั่นไม่ใช่องค์ราชา !” เสียงของฮัวหยูฟังดูเป็นกังวล “องค์ราชาออกจากพระราชวังเป็นเวลาได้หนึ่งเดือนยี่สิบวันแล้ว พระองค์ไม่มีทางมาปรากฏตัวในวังนี้ได้ ! ทั้งหมดเป็นความผิดของกระหม่อม องค์ราชาให้กระหม่อมกลับมาส่งข้อความให้องค์ราชินี ทว่ากระหม่อมไม่ได้ส่งข้อความให้กับราชินีด้วยตนเอง นับเป็นความผิดของกระหม่อมทั้งหมด !”
อาวุโสรองตกใจมากความหวาดกลัวในใจของเขายิ่งหนักหนาขึ้นกว่าเดิม ร่างที่แก่ชราอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
ยามนี้เขารู้แล้วว่า เขาโง่ทั้งทำเรื่องผิดพลาดเช่นไร !
”ผู้อาวุโสใหญ่ส่งคนออกไปตามหาเดี๋ยวนี้เลย ผู้ใดกันที่กล้าปลอมแปลงเป็นข้า ! เขาปลอมแปลงกลิ่นอายของข้าได้อย่างไร ?
มือของตี้คังกุมหน้าอกแน่นหัวใจของเขาราวถูกแทงอย่างแรงจนเลือดไหลริน
หากหยานเอ๋อได้ยินเช่นนั้นจริงๆ ตอนนั้นหัวใจของนางจะแหลกสลายเพียงใด ?
เมื่อเขาจินตนาการถึงท่าทีของไป๋หยานที่สิ้นหวังและเจ็บปวดหัวใจของเขาพลันรวดร้าวอย่างรุนแรง และเมื่อสูดลมหายใจเย็น ๆ ก็ทำให้เขายิ่งเจ็บปวดมากขึ้น
”ฝ่าบาทกระหม่อมคิดบางอย่างออกแล้ว” ใบหน้าชราของผู้อาวุโสรองซีดเผือด “ในเวลานั้น พระองค์…ไม่สิ… ตัวปลอมในเวลานั้น บอกกระหม่อมว่ามีชายผู้หนึ่งที่ชื่อฉู่อี้เฟิงในแดนมนุษย์เป็นบิดาบุญธรรมขององค์ชายน้อย หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับคนที่แดนมนุษย์ผู้นั้น ?”
ไม่ว่าคนๆ นั้นจะมีความสัมพันธ์กับคนจากแดนมนุษย์นั่นหรือไม่ก็ตาม ทว่าตอนนี้ที่นี่ก็มีอีกคนที่รู้จักฉู่อี้เฟิง !
ตี้เสี่ยวอวิ๋นโกรธมากนางรีบก้าวเข้าหาชิงเซียะ นางคว้าสาบเสื้อของชิงเซียะด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ “นังผู้หญิงสารเลว เจ้าแกล้งปลอมเป็นเสด็จพี่ของข้าใช่หรือไม่ ? เจ้าตอบข้ามาตรง ๆ เสียดี ๆ หาไม่แล้วข้าจะใช้วิธีของข้า ที่จะทำให้การมีชีวิตของเจ้าเลวร้ายยิ่งเสียกว่าความตาย !”
ไป๋หยาน…พี่สะใภ้ของข้ากว่าจะยอมกลับมาที่นี่พร้อมกับเสด็จพี่ได้! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าต้องมาผิดใจกันเพราะคนเฮงซวยพวกนี้ ! ไม่ว่าจะเป็นนางแพศยาชิงเซียะ หรือฮัวหยูและแม้แต่ผู้อาวุโสรองที่งี่เง่า ทั้งนางและเสด็จพี่จะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไป !
ชิงเซียะถูกตี้เสี่ยวอวิ๋นตวาดใส่นางก็กลัวจนตัวสั่น เพียงไม่ช้านางก็พบกับแววตาเคร่งขรึมและน่ากลัวของตี้คัง นางหลบตาและแสร้งทำเป็นวิงเวียน
เพี้ยะ!
ตี้เสี่ยวอวิ๋นตบหน้าของชิงเซียะพลางตวาดอย่างโกรธเคือง “อย่าเสแสร้งแกล้งตายต่อหน้าข้า ! หากเจ้าไม่บอกความจริงกับข้า ข้าจะเจาะร่างเจ้าให้พรุน จากนั้นก็ให้เจ้าดูสภาพตัวเองที่ไม่ต่างจากศพ
ครั้นนึกถึงสภาพชั่วร้ายที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นกล่าวแล้วชิงเซียะก็เลิกแสดงท่าทางวิงเวียนศีรษะ นางลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว พลางกล่าวเนื้อตัวสั่นเทา “หม่อมฉันเป็นผู้บริสุทธิ์ หม่อมฉันได้ยินชื่อนี้จากองค์ราชินีจริง ๆ เชื่อหม่อมฉันเถอะเพคะ องค์หญิง”
***จบบทราชครูยังโดนตี (2)***
บทที่ 640 : ราชครูยังโดนตี (3)
ถึงตอนนี้หญิงผู้นี้ก็ยังปากแข็ง
ตี้เสี่ยวอวิ๋นโกรธขึ้นมาอีกนางเหวี่ยงมือขึ้นตบหน้าหญิงสาวไปอีกสองครั้ง นัยน์ตาของชิงเซียะแลเห็นดวงดาวระยิบระยับ แก้มของนางแดงและบวมราวกับหัวหมู
”ถอยไป!”
ทันทีที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นเตะชิงเซียะอีกครั้งก็มีเสียงดังลั่นมาจากด้านหลัง
ร่างของชิงเซียะแข็งทื่อนางเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับมองยังชายหนุ่มที่เพิ่งตะโกนใส่ตี้เสี่ยวอวิ๋น
องค์ราชาห้ามองค์หญิงไม่ให้ฆ่านางงั้นหรือ? แสดงว่าองค์ราชาก็ไม่ได้ไร้เยื่อใยกับนางใช่หรือไม่ ?
”องค์ราชาหม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ อย่าตำหนิองค์หญิงเลย … ” ชิงเซียะพยายามลุกขึ้นยืน พร้อมกับเผยรอยยิ้มเอียงอาย
รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเขานั้นทั้งน่าเกลียดทั้งอำมหิต ทว่านางก็ยังไม่รู้ตัว นางคิดว่าจะสามารถพิชิตชายผู้ทรงอำนาจผู้นี้ได้ด้วยรอยยิ้ม
บูม!
ในขณะที่ชิงเซียะกำลังฝันหวานถึงอนาคตที่ดีกว่านางก็เห็นชายผู้นั้นยกมือขึ้นช้า ๆ
เพียงไม่ช้ากรงสายฟ้าก็ตกลงมาจากท้องฟ้า นางถูกขังอยู่ในกรงในทันทียังไม่ทันที่นางจะได้กรีดร้องด้วยซ้ำ
”อา!”
เสียงฟ้าร้องพร้อมสายฟ้าผ่าฟาดอยู่ภายในกรงที่ขังนางไว้ทันที ความเจ็บปวดแทรกซึมไปทั่วหัวใจของนาง กระทั่งนางน้ำตาไหลพราก
”ปล่อยหม่อมฉันเถิด!” ชิงเซียะเบิ่งตาด้วยความหวาดกลัว นางรีบเข้าไปเกาะราวกรง
ทันใดนั้นเองกระแสไฟฟ้าพลันพุ่งทะยานขึ้น ปวดแปลบรุนแรงกระทั่งนางต้องปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว
สายฟ้าผ่าลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่มีทางหลบหนี ภายในกรง ชิงเซียะร้อนเร่าแม้แต่ลมหายใจก็ราวจะถูกเผาไหม้ เพียงแต่นางยังไม่อาจตายภายใต้ฟ้าร้องฟ้าผ่าเช่นนี้
”อย่าให้ข้าต้องถามเจ้าอีกเป็นครั้งที่สองผู้ใดกันที่ปลอมแปลงเป็นข้า”
”เอ่อ…” นัยน์ตาของชิงเซียะเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก แต่ครั้นนางอยากเรียกชายผู้นั้นออกมา ด้านนอกประตูก็มีเสียงที่เฉยชาดังขึ้น
”ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นในวังไป๋เยว่ แต่พอจะมีผู้ใดบอกข้าได้หรือไม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ?”
ผู้ปรากฏกายคือชายในชุดสีนวลจันทร์เขาแย้มยิ้มราวกับเซียนหนุ่มผู้อ่อนโยนดั่งสายลม เฉกเช่นคนในจินตนาการที่ไม่มีตัวตนในโลก
ครั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นหันหน้าไปมองนางก็เห็นชายผู้นั้นเดินผ่านประตูวังเข้ามา นางร้องไห้อย่างเศร้าใจ “ท่านราชครู พี่สะใภ้กับหลานชายของข้าหายไป ฮืออออออออ… ”
ราชครูขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาก้าวช้า ๆ เข้าไปหาตี้คัง พลางป้องกำปั้นของตน “องค์ราชา กระหม่อมเข้าฌานเสียนานหลายวัน เพิ่งได้ออกจากสมาธิไม่นานมานี้เอง กระหม่อมไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ พระองค์ช่วยบอกกระหม่อมหน่อยจะได้หรือไม่ ? กระหม่อมอาจช่วยตามหาองค์ราชินีได้ ”
ภายในพระราชวังแห่งราชอาณาจักรอสูรนี้ราชครูเป็นผู้เดียวที่ตี้คังเคารพ เช่นนั้นยามเมื่อเขาจ้องมองราชครู สายตาที่กระหายเลือด และโหดร้ายของเขาก็พลันสงบลง
“ก่อนจะพูดเรื่องนั้นข้าอยากถามคำถามราชครู ราชครูรู้หรือไม่ว่าในโลกนี้มีวิธีการปลอมแปลงกลิ่นอายผู้อื่นหรือไม่ ? และเราจะหาคนปลอมแปลงผู้นั้นได้อย่างไร ?
ราชครูหัวเราะ”ดูเหมือนว่าพระองค์จะพบแล้วว่า เมื่อหลายร้อยปีก่อนกระหม่อมใช้วิธีพิเศษบางอย่างในการปลอมแปลงตัวปลอมสำหรับพระองค์ ตัวปลอมผู้นี้มีไว้ใช้เพื่อต่อสู้กับผู้มีอำนาจในแดนสวรรค์ นอกจากกระหม่อมแล้ว แม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถรู้ว่าผู้ใดคือตัวจริง ผู้ใดคือตัวปลอม ว่าแต่พระองค์รู้ได้อย่างไรว่ามีตัวปลอม … ”
ก่อนที่เขาจะทันกล่าวจบกำปั้นก็พุ่งฝ่าอากาศกระแทกเข้าที่ใบหน้าของเขาดังสนั่น
ด้วยหมัดนี้ส่งผลให้ราชครูยืนตะลึงนิ่งงันเขาเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นสีหน้าโกรธเกรี้ยวของชายหนุ่ม
”เป็นเจ้านั่นเอง!” ตี้คังกำหมัดแน่น พลางหัวเราะเสียงแหลมลั่น เขามองราชครูราวกับกำลังมองศัตรูที่สังหารบิดาของตนเอง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
***จบบบทราชครูยังโดนตี (3)***