จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 671-675
บทที่ 671 : นางเป็นคนดีจริง ๆ (7)
”ชิงอี้ตอนนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ดูแลตัวเองให้ดี ข้าจะมาหาเจ้าหลังจากปรุงยาเสร็จ”
”ให้มังกรทองและมังกรเงินติดตามท่านไปเถอะ”ชิงอี้กล่าวหลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง
“ไม่ต้องพวกมันควรอยู่ปกป้องเจ้าที่นี่จะดีกว่า ข้าสามารถดูแลตนเองได้ไม่ต้องกังวล” ไป๋หยานกล่าวพร้อมกับอุ้มจิ้งจอกน้อยขึ้นมา “นี่ก็สายแล้ว ข้าควรจะกลับได้แล้ว”
ชิงอี้นิ่งงันสายตาของนางแลดูลังเล หากแต่นางก็เข้าใจว่า ไป๋หยานไม่อาจอยู่ในแม่น้ำหลงเฮอนี้ได้ตลอดไป
”เช่นนั้นก็ให้พวกมันพาท่านออกไป”นางเม้มริมฝีปากพลางกล่าว
ครานี้ไป๋หยานไม่ปฏิเสธ นางพยักหน้าน้อย ๆ “หากข้ามีเวลา ข้าจะมาเยี่ยมเจ้า”
”อ๊ะ!”
จิ้งจอกน้อยส่งเสียงครางขึ้นสองครั้งซึ่งหมายความว่า หากเขาเบื่อ ๆ เขาก็จะมาเล่นกับชิงอี้ด้วย
เจ้าทองเจ้าเงินยืนขนาบข้างไป๋หยานอย่างเคารพนบนอบ
สตรีผู้นี้กับจิ้งจอกน้อยไม่เพียงจะมาจากราชวงศ์อสูรเท่านั้นหากแต่ยังเป็นนายของพวกเขาด้วยพันธะสัญญา จากนี้ต่อไปพวกเขาจะต้องเคารพเชื่อฟังไป๋หยานด้วย
เมื่อได้มังกรทั้งสองนำทางไป๋หยานก็ไม่ต้องเสียเวลาคลำหาทาง นางไปถึงทางออกโดยไว และออกจากแม่น้ำหลงเฮออย่างเงียบ ๆ
หลังกลับออกมาได้ไป๋หยานก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ เลย ว่าการที่นางตกลงไปในแม่น้ำหลงเฮอนั้น ทำให้ตำหนักเซียนพยับหมอกถึงกับสั่นสะเทือน
*****
ณบ้านตระกูลหวน
หวนหยินเดินเข้าไปในบ้านตระกูลหวนด้วยท่าทางหงุดหงิดกระทั่งชนเข้ากับท่านพ่อของนาง นางมองเขา ก่อนจะเดินผ่านเขาไปอีกครั้งพร้อมกับก้มหัวลง
”ช้าก่อน!” หวนลี่ฝางขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางส่งเสียงเข้ม
หวนหยินหยุดนางหันมามองหวนลี่ฝาง “ท่านพ่อ ท่านมีสิ่งใดให้ข้ารับใช้งั้นหรือ ?”
”วันนี้เจ้าเป็นอะไรไป?
”ข้า… ” หวนหยินมองจ้องตาหวนลี่ฝาง “ข้าสามารถฝึกทักษะได้แล้ว”
ข้าสามารถฝึกทักษะได้แล้ว
ข่าวนี้ราวกับทุบศีรษะของหวนลี่ฝางเขาถึงกับยืนงงไปเลย นัยน์ตาทั้งคู่ของเขาจับจ้องมองบุตรสาว พลางเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “เจ้าสามารถฝึกฝนได้จริงกระนั้นหรือ ?”
ไม่จริงหากนางสามารถฝึกได้ ไยนางจึงมีทีท่าหดหู่ถึงเพียงนี้เล่า ?
ทันใดนั้นเองหวนหยินก็เบะปากน้ำตาร่วงริน”หากแต่สตรีที่รักษาข้าได้ นางกำลังตกอยู่ในอันตราย ท่านพ่อ ท่านช่วยส่งคนไปช่วยนางจะได้หรือไม่ ?”
”อะไรกัน?” หวนลี่ฝางโกรธ “สตรีที่รักษาเจ้านับเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลหวนของเรา ผู้ใดกันขวัญกล้าทำร้ายผู้มีพระคุณของเรา ? บอกข้าสิ ข้าจะสังหารมันทันที !”
”นางไม่เพียงแต่รักษาข้าจนหายหากแต่ยังช่วยชีวิตข้าอีกด้วย” หวนหยินผู้ซึ่งเศร้าใจมากกล่าวต่อ “ในตอนนั้นเรือมังกรถูกมังกรโจมตี ทั้งข้าก็ถูกมังกรตัวหนึ่งลากลงไปในแม่น้ำหลงเฮอ ไม่มีผู้ใดคิดจะยื่นมือช่วยข้า ชั่วขณะนั้นข้าคิดว่าข้าต้องตายแน่แล้ว ทว่าเป็นนาง นางช่วยชีวิตข้าไว้”
มังกรงั้นรึ?
นี่มัน…
นัยน์ตาของหวนลี่ฝางแลดูตกใจยิ่งกว่าเดิมเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของเผ่ามังกรในแม่น้ำหลงเฮอมาก่อน หากแต่เขาเองก็ไม่เคยเห็น เผ่ามังกรมีอยู่จริงกระนั้นหรือ ?
”หยินเอ๋อเจ้าไปพักผ่อนก่อน ข้าจะไปพบผู้อาวุโสของตระกูลหวนเรา และจะส่งคนลงไปค้นหาในแม่น้ำหลงเฮอ หากนางตาย อย่างน้อยเราก็ควรได้พบศพนาง !”
สตรีผู้นั้นยอมตกอยู่ในอันตรายเพื่อช่วยหยินเอ๋อ นอกจากนี้หยินเอ๋อผู้ซึ่งไม่สามารถฝึกฝนได้ ก็ยังได้นางช่วยรักษาจนหาย
เราไม่ควรเนรคุณบ้านตระกูลหวนควรต้องออกค้นหา และช่วยเหลือนางให้จงได้
”โอ้…”
อารมณ์ของหวนหยินยังไม่ดีนัก
ผ่านไปนานมากที่ไป๋หยานอยู่ในแม่น้ำหลงเฮอแม้ว่านางจะไม่ถูกมังกรกิน หากแต่นางก็คงต้องจมน้ำตาย เช่นนี้ข้าจะมีความสุขได้อย่างไร ?
ขณะเดียวกัน
ภายในคฤหาสน์เจ้าตำหนักเซียนพยับหมอกเหวินซุนฮวนก็รีบวิ่งเข้ามา “ท่านพ่อท่านแม่ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ! รีบออกมาเร็ว ๆ เข้าเถิด เราต้องรีบไปช่วยชีวิตคน !”
***จบบทนางเป็นคนดีจริง ๆ (7)***
บทที่ 672 : มู่เหลงจอมเสแสร้ง (1)
คฤหาสน์สกุลเหวินเจ้าตำหนักเซียนพยับหมอกที่เงียบสงบพลันวุ่นวายสับสน เพราะเสียงของเหวินซุนฮวน เหวินหวู่เหว่ยที่มีผมสีขาวทั้งหัว และจุนเทียนเยว่ต่างก็รีบวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของพวกเขาต่างตึงเครียด
”ซุนฮวนเกิดอะไรขึ้น ?” จุนเทียนเยว่พยายามควบคุมอารมณ์ของตน พลางมองหน้าซีด ๆ ของเหวินซุนฮวนด้วยสายตาห่วงใย
”ท่านแม่”เหวินซุนฮวนจับแขนของจุนเทียนเยว่แน่น เหงื่อไหลท่วมศีรษะทีท่าของเขาจดจ่อ “ออกไปช่วยข้าช่วยชีวิตคน เพื่อนคนหนึ่งที่ข้าเพิ่งพบถูกมังกรลากลงไปในแม่น้ำหลงเฮอ”
โว้ว!
หลังจากได้ยินเรื่องราวดังกล่าวผู้อาวุโสของตำหนักเซียนพยับหมอกต่างก็มารวมตัวกันที่นี่
มังกรงั้นรึ?
ในแม่น้ำหลงเฮอมีมังกรด้วยงั้นรึ?
ทุกคนหันมองหน้ากันโดยไม่กล่าวคำใดอยู่ครู่หนึ่งหากเพื่อนของซุนฮวนถูกมังกรลากตัวไป ก็คงจะไม่มีผู้ใดช่วยนางได้แล้ว
”ช้าก่อนซุนฮวน” จุนเทียนเยว่ตั้งสติพลางกล่าว ใบหน้าของนางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “บอกแม่ทีสิว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเหวินซุนฮวนก็พยักหน้าเล็กน้อยเขาเล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเรือมังกร รวมถึงเรื่องที่ไป๋หยานรักษาหวนหยิน ตลอดถึงเรื่องที่นางตกอยู่ในอันตราย เนื่องจากไปช่วยชีวิตหวนหยิน และสตรีอีกคน
เขาจึงไม่อาจเพิกเฉยดูนางสละชีวิตไปง่าย ๆ เช่นนี้
จุนเทียนเยว่และเหวินหวู่เหว่ยฟังเรื่องราวจากเหวินซุนฮวนเงียบ ๆ หลังจากนั้น ชั่วขณะหนึ่งทั้งคู่ก็หันมองหน้ากัน แววตาของพวกเขาดูเหมือนจะตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
”เจ้าหมายความว่าหญิงผู้นั้นรักษาหวนหยินได้เช่นนั้นหรือ?” เหวินหวู่เหว่ยเอ่ยถามหลังจากตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง
เขาแจ่มแจ้งดีเกี่ยวกับสภาพร่างกายของหวนหยินว่านางไม่มีทางรักษาได้หากแต่เหวินซุนฮวนกลับบอกเขาว่าหญิงสาวผู้นั้นรักษาหวนหยินกระทั่งหายได้
”ท่านพ่อท่านต้องช่วยนางนะ”
ในขณะที่เหวินซุนฮวนกล่าวออกมานั้นริมฝีปากของเขาซีดนัยน์ตาของเขาแลดูเจ็บปวดอย่างมาก
แม้กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่า เหตุใดเขาถึงได้รู้สึกเจ็บปวดใจเหลือเกินที่เห็นหญิงผู้นั้นตกลงสู่ก้นแม่น้ำ
ทั้งที่เขากับนางก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
”อืม”จุนเทียนเยว่กล่าว มีประกายแสงจ้าในแววตาของนาง “ข้าจะช่วยเจ้าค้นแม่น้ำหลงเฮอ บางทีนางอาจจะยังมีชีวิตอยู่”
เมื่อจุนเทียนเยว่รับปากที่สุดใบหน้าของเหวินซุนฮวนก็ยิ้มแย้มได้ “ขอบคุณท่านแม่ หากท่านสามารถช่วยชีวิตนางได้ ต่อไปข้าจะยอมเชื่อฟังท่าน ทั้งจะไม่ทำให้ท่านต้องโมโหอีกเลย”
จุนเทียนเยว่ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อเปรียบเทียบกับบุตรชายคนโตของนางแล้ว บุตรชายคนสุดท้องเป็นเด็กดื้อด้าน ทั้งชอบข่มเหงผู้อื่นอยู่เสมอ เขาไม่เคยได้รับการสั่งสอนที่ดีตั้งแต่วัยเด็ก ทว่าที่สุดแล้ว เขาก็สามารถเข้าใจโลกได้เสียที
หากแต่นางก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าหญิงผู้นั้นจะยังมีชีวิตอยู่จริงๆ
“เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะหากมีสิ่งใดคืบหน้า ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ ” จุนเทียนเยว่ยิ้มพลางกล่าว
เหวินซุนฮวนพยักหน้ารับเขามองจุนเทียนเยว่ ก่อนจะหันหลังเดินไปยังลานบ้าน
”ฮูหยิน”
ผู้อาวุโสมีท่าทีไม่พอใจอีกทั้งโกรธเคือง “ตอนนี้บุตรชายคนโตของท่านป่วยหนัก เรายังไม่มีเวลาเสาะหาหมอเก่ง ๆ มารักษาเขา ทว่าตอนนี้ท่านต้องการออกค้นหา เพียงเพื่อช่วยเหลือสตรีแปลกหน้าคนหนึ่งอีกงั้นหรือ ?”
ใบหน้าของจุนเทียนเยว่ขรึมลงเล็กน้อย”นี่เป็นการตัดสินใจของข้า ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้วิพากษ์วิจารณ์”
”เจ้าตำหนัก!” ผู้อาวุโสหันไปมองเหวินหวู่เหว่ยอีกครั้ง
เหวินหวู่เหว่ยกระแอมสองครั้ง”ทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่งของฮูหยิน”
ถึงตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงอ้าปากค้างไม่อาจทำสิ่งใดได้แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสจะไม่เชื่อฟังคนทั้งสองแล้วก็ตาม หากแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรเกินเลย พวกเขาได้แต่กำหมัด ก่อนจะล่าถอยจากไป
ภายหลังจากที่ทุกคนจากไปแล้วเหวินหวู่เหว่ยก็หันกลับมามองจุนเทียนเยว่พลางกล่าวว่า “เป็นเพราะเจ้าได้ยินเรื่องที่ซุนฮวนบอกว่าแม่นางน้อยผู้นั้นสามารถรักษาหวนหยินจนหายขาดได้ เช่นนั้นเจ้าจึงต้องการใช้โอกาสนี้ เพื่อลูกของเราใช่หรือไม่ ?”
***จบบทมู่เหลงจอมเสแสร้ง (1)***
บทที่ 673 : มู่เหลงจอมเสแสร้ง (2)
จุนเทียนเยว่พยักหน้าเล็กน้อย”ใช่…นางสามารถรักษาหวนหยินได้ แสดงว่าความสามารถของนางไม่ธรรมดาเลย เช่นนั้นข้าจึงวางแผนที่จะเชิญนางมารักษาหยุนเฟิง”
“ทว่านางถูกมังกรลากลงไปในแม่น้ำหลงเฮอแล้วข้าเกรงว่านางอาจจะเจอเรื่องร้ายมากกว่าดี”
เหวินหวู่เหว่ยถอนหายใจอย่างหมดหวังและขมขื่น
“ตอนนี้ยังไม่พบศพนางบางทีนางอาจจะยังไม่ตายก็เป็นได้”
ยามนี้ของเพียงยังพอมีหวังแม้จะเล็กน้อยจุนเทียนเยว่ก็จะไม่ยอมแพ้
นางไม่ต้องการให้เหวินหยุนเฟิงต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้
*****
ตำหนักเซียนพยับหมอกสับสนวุ่นวายไปหมดกองกำลังหลายกองเริ่มออกค้นหาในแม่น้ำหลงเฮอ ทำให้บริเวณโดยรอบแม่น้ำหลงเฮอมีการปกป้องคุ้มกันอย่างแน่นหนา
หลังจากไป๋หยานออกมาจากแม่น้ำหลงเฮอนางก็กลับไปยังที่พำนักของผู้อาวุโสตำหนักเซียนพยับหมอกทั้งสอง โชคดีที่สองพี่น้องสกุลจงยังไม่กลับมา เช่นนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่านางแอบออกมา
กระทั่งตกดึกผู้อาวุโสทั้งสองถึงได้กลับมายังที่พัก ใบหน้าของพวกเขาแลดูไม่ได้เลย อาจเป็นเพราะมีหลายสิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้พวกเขาไม่อาจกลับบ้านได้ไวนัก
”ท่านอาจารย์ทั้งสองมีเรื่องใดเกิดขึ้นในวันนี้”
ไป๋หยานเดินออกจากห้องพร้อมด้วยจิ้งจอกน้อยในอ้อมแขนนางเห็นชายทั้งสองมีสีหน้าเย็นชา นางจึงอดมิได้ที่จะเลิกคิ้วพลางเอ่ยถาม
ครั้นชายทั้งสองเห็นการปรากฏตัวของไป๋หยานความทุกข์บนใบหน้าของพวกเขาพลันมลายหายไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาเปลี่ยนสีหน้ามาเป็นยิ้มแย้มทันที
“ที่จริงแล้วก็มิใช่เรื่องใหญ่โตอันใดเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าเพียงแค่พยายามฝึกอย่างเต็มความสามารถก็พอ” จงหนานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ว่าแต่ วันนี้เจ้าฝึกไปถึงไหนแล้วล่ะ จงเป่ยและข้าจะทดสอบเจ้าแล้ว”
“ข้าเดาว่าน่าจะกำลังทะลวงไปอีกขั้นแล้ว”ไป๋หยานกล่าวพลางถอนใจ
ทันใดนั้นสายตาของชายทั้งสองก็พลันสดใสความสามารถของหญิงสาวนั้นเยี่ยมมาก ๆ นางก้าวหน้าไปได้เร็วถึงเพียงนี้จริงหรือ ?
”แค่ก”จงเป่ยกระแอมแล้วยิ้ม พลางตบไหล่ไป๋หยาน “แม่นางน้อย ข้าดูเจ้าไม่ผิดเลย หลายปีที่ผ่านมานี้ ในตำหนักเซียนพยับหมอก เว้นแต่เหวินหยุนเฟิงแล้ว แม่นางเป็นผู้ที่มีความสามารถมากที่สุดเท่าที่ข้าพบมา เจ้าต้องเข้าสู่ระดับหวังเจี่ยตอนต้นได้โดยที่ยังมีอายุไม่ถึง 30 ปีเป็นแน่ เพราะเจ้ามีความสามารถที่ยอดเยี่ยมมาก”
จากนั้นเขาก็หยุดไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อว่า “โชคไม่ดีที่เจ้าเริ่มต้นช้า หากแต่จากความรวดเร็วในการฝึกยามนี้ของเจ้า เจ้าน่าที่จะสามารถผ่านระดับหวังเจี่ยขั้นปลายได้ ไม่น่าเกินอายุ 34 ปี”
เมื่อได้ยินเช่นนี้จิ้งจอกน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของไป๋หยานพลันเชิดหน้าที่เต็มไปด้วยขนยาวของเขา พลางก้มลงมองจงเป่ยที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขา
หม่ามี้ของข้าแตะขั้นซุ่นเจี่ยแล้วเหอะ? หวังเจี่ยที่เจ้าพูดคืออะไร ?
นั่นหม่ามี้ข้าผ่านมาตั้งสามปีแล้ว
จงเป่ยกระพริบตาอย่างประหลาดใจเขาไม่รู้ว่าเขาเห็นไปเองหรือไม่ ? หากแต่เขารู้สึกว่าจิ้งจอกน้อยดูเหมือนจะกำลังดูแคลนเขา
”ลูกศิษย์”จงหนานนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ เขาขมวดคิ้ว “ข้าว่า ช่วงนี้ เจ้าไม่ควรออกไปไหนจะดีกว่า”
”เหตุใด?”
”ข้าเพิ่งได้ยินมาว่าแม่น้ำหลงเฮอซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก มีมังกรสองตัว ข้าเกรงว่าพวกมันเจตนาจะออกมาทำร้ายผู้คน แต่หากเจ้าประสงค์ที่จะออกไปข้างนอกจริง ๆ ก็เอาคนของเราไปเป็นเพื่อนสักหลายคนหน่อย เพื่อความปลอดภัย”
น้ำเสียงของจงหนานจริงจังมากนานหลายปีแล้วที่เขาไม่ได้รับศิษย์ที่น่าพอใจเช่นนี้ หากนางได้รับบาดเจ็บจากมังกร เขาคงจะเสียใจ และเสียดายเป็นที่สุด
ไป๋หยานลูบอุ้งเท้าจิ้งจอกน้อยนางยกยิ้ม “ข้าเข้าใจแล้ว”
ดูเหมือนว่าเจ้าทองและเจ้าเงินจะสร้างความวุ่นวายไว้มาก นางต้องกล่าวเตือนชิงอี้ ท้ายที่สุดแล้วตำหนักเซียนพยับหมอกก็ซ่อนเขี้ยวเล็บไว้พอตัว ส่วนชิงอี้เองก็บาดเจ็บสาหัส ชิงอี้อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนเหล่านี้
***จบบทมู่เหลงจอมเสแสร้ง (2)***
บทที่ 674 : มู่เหลงจอมเสแสร้ง (3)
”เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว”
จงหนานโล่งอกถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่กล้าวางใจ
ดูเหมือนว่าจากนี้ไปคงจะต้องส่งคนติดตามปกป้องแม่นางน้อยลับ ๆ เพื่อไม่ให้นางได้รับอันตรายใด ๆ
*****
ณบ้านสกุลมู่
มู่เหลงกำมือที่เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นแน่นนางเดินไปเดินมาไม่หยุด ชั่วขณะนั้นเองนางก็เห็นมู่เจินเดินผ่านประตูเข้ามา พลันนัยน์ตาที่สวยงามของนางก็สว่างไสวขึ้น “ท่านอาจารย์”
หลังจากเห็นศิษย์โปรดของนางใบหน้าของมู่เจินก็ดีขึ้นเล็กน้อย นางเดินเข้ามาในห้องโถงพร้อมกับยิ้มพลางเอ่ยถามว่า “เหลงเอ๋อ เจ้ารออาจารย์อยู่หรือ ?”
”ใช่แล้ว”มู่เหลงยื่นปากเรียวงามของนาง พลางกำมือแน่น “ท่านอาจารย์ที่ให้ข้าพยายามทำตัวสนิทสนมกับเหวินซุนฮวนนั้น ข้าเกรงว่าข้าอาจจะทำล้มเหลว … ”
นางอาจไม่ชอบเหวินซุนฮวนทว่านางก็ไม่เคยปฏิเสธเขา เพราะนอกจากจะเป็นการส่งเสริมฐานะของนางแล้ว ก็ยังเป็นเพราะนี่คือคำสั่งจากมู่เจินด้วย
นางมิคิดว่าทุกอย่างจะลงเอยเช่นนี้วันนี้เป็นเพราะหญิงผู้นั้นทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างวุ่นวายไปหมด ทั้งยังทำให้ชื่อเสียงในตำหนักเซียนพยับหมอกของนางต้องตกต่ำลงด้วยเช่นกัน !
“เช่นนั้นเล่าให้ข้าฟังหน่อยเถิดว่ามันเกิดเรื่องใดขึ้น?” สีหน้าของมู่เจินเคร่งเครียด ทั้งเย็นชาเล็กน้อย
เมื่อได้ยินถ้อยคำดังกล่าวมู่เหลงก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนเรือมังกรทุกเหตุการณ์ตามลำดับ มู่เจินพอจะรับรู้เรื่องราวที่มู่เหลงเล่ามาบ้าง หากแต่นางไม่คาดหวังว่าศิษย์ของนางจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่เช่นนี้
”เหลงเอ๋อเจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าทำผิด ?” มู่เจินถอนหายใจ “ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ควรโอ้อวดตน หากว่าเจ้าไม่อาจจะช่วยชีวิตคนพวกนั้นได้ ที่ทุกคนไม่พอใจเจ้าก็เป็นเพราะเรื่องนี้”
มู่เหลงคุกเข่าลงบนพื้น“ท่านอาจารย์ ศิษย์ผิดไปแล้ว ท่านสามารถช่วยศิษย์ได้หรือไม่ ?”
มู่เจินเงียบหลังจากนั้นไม่นาน นางก็กล่าวขึ้นว่า “เจ้าไปที่บ้านสกุลหวน และขอโทษหวนหยินเสีย เพราะอย่างไรหวนหยินก็เป็นหลานสาวของจุนเทียนเยว่ ถึงแม้ว่าจุนเทียนเยว่ และเจ้าของบ้านหวนจะเป็นเพียงพี่น้องกัน หากแต่นางก็รักและเอ็นดูหวนหยินนับแต่หวนหยินยังเยาว์”
”นอกจากนี้… ” แววตาของมู่เจินเริ่มดุร้าย “เจ้าต้องแต่งงานกับเหวินซุนฮวน !”
มู่เหลงตัวสั่นนางก้มศีรษะลง “ข้ารู้ดี … ”
นางไม่เต็มใจที่จะแต่งงานให้กับบุรุษที่มีความสามารถด้อยกว่านาง
แม้ว่าตอนนี้เหวินซุนฮวนจะแข็งแกร่งกว่านางแต่หากนางมีอายุเท่าเหวินซุนฮวน นางจะต้องล้ำหน้าเขาอย่างแน่นอน
สิ่งที่นางต้องการค้นหาก็คือบุรุษที่เหนือกว่านางในทุกด้าน
”ถ้าเข้าใจแล้วเจ้าก็ไปจัดการเถอะ”
มู่เจินถอนหายใจขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
”ค่ะท่านอาจารย์” มู่เหลงหลบตาระงับความรู้สึกไม่พอใจ ก่อนจะถอยกลับอย่างนอบน้อม
นับจากที่นางถูกอาจารย์รับมานางก็รู้ว่าชะตากรรมของนางมิได้เป็นของนางอีกต่อไป
มู่เหลงเดินออกจากห้องโถงไปยังที่พำนักเมื่อนางเข้าไปในบ้านพักศิษย์ ผู้คุ้มกันก็เดินมาหาอย่างรวดเร็ว เขากล่าวด้วยความเคารพนับถือพร้อมโน้มกายคารวะ “คุณหนู สิ่งที่ท่านให้ข้าน้อยไปตรวจสอบนั้นพบความจริงแล้ว”
”กระนั้นรึ?” มู่เหลงเลิกคิ้วขึ้นอย่างดูถูก “หญิงใดกันที่ขโมยบัตรเชิญของข้าไป ?”
”นางก็คือบุตรสาวของเจ้าบ้านเหอมีนามว่า ซุ่ยซุ่ย หากแต่ซุ่ยซุ่ยบอกข้าว่านางไม่สามารถเข้าร่วมการสัมมนาเยาวชนได้ด้วยเหตุผลบางประการ เช่นนั้นนางจึงขายบัตรเชิญให้กับผู้อื่น”
”นางขายให้ผู้ใด?” ใบหน้าของมู่เหลงเย็นชา ขณะขึ้นเสียงถาม
”ผู้ที่ซุ่ยซุ่ยขายให้นั้นเป็นนายหน้าซึ่งลูกน้องของข้าพบเขาแล้วจากนั้นเขาก็ขายต่อให้สตรีผู้หนึ่ง กระนั้นลูกน้องของข้าก็ยังขอให้จิตรกรช่วยวาดรูปนางผ่านคำอธิบายของเขา นี่ภาพของนาง โปรดพิจารณา”
***จบบทมู่เหลงจอมเสแสร้ง (3)***
บทที่ 675 : มู่เหลงจอมเสแสร้ง (4)
ผู้คุ้มกันนำภาพในมือของตนส่งมอบให้มู่เหลงอย่างนอบน้อม
มู่เหลงยกมือของนางขึ้นรับก่อนจะค่อยๆ คลี่ภาพออกอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นเอง ภาพหญิงสาวสวยในชุดแดงก็ผ่านเข้ามาในสายตาของนาง
รูปลักษณ์ของหญิงผู้นี้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบงดงามหาหญิงใดเทียบ ขนาดมู่เหลงเป็นสตรีเช่นกัน ยังอดมิได้ที่จะตกตะลึงไม่อาจละสายตา
”นางเป็นสตรีที่ซื้อบัตรเชิญหรือนี่?” มู่เหลงกัดริมฝีปากพลางกล่าวว่า “ก่อนอื่น เจ้าต้องจัดการเจ้าคนที่ขายบัตรเชิญนั่น และจากนั้นเจ้าก็ไปบอกเหอซุ่ยซุ่ย ว่าหากนางยังอยากมีชีวิต ไม่ว่าผู้ใดถามนาง นางก็ต้องยอมรับว่านางเป็นคนช่วยหวนหยิน ! ”
นางหาหัวโขนใส่หัวเหอซุ่ยซุ่ยเพราะนางได้ยินมาว่าเหวินซุนฮวนพยายามตามหาหญิงนิรนามผู้นั้น เช่นนั้นเมื่อเหอซุ่ยซุ่ยยอมรับ ทั้งนายหน้าที่ขายบัตรเชิญก็ตายไปแล้ว ย่อมจะไม่มีผู้ใดรู้ว่าหญิงผู้นั้นมิใช่เหอซุ่ยซุ่ย
อย่างไรเสียในตอนนั้นหญิงแปลกหน้านั่นก็ปกปิดใบหน้าของนางเสียมิดชิด กระทั่งไม่มีผู้ใดสามารถเห็นโฉมหน้าของนางได้อย่างชัดเจน
ส่วนบุคลิกท่าทางย่อมสามารถเสแสร้งปั้นแต่งได้ !
”ขอรับคุณหนู”
ผู้คุ้มกันถูกสั่งให้ออกไป
หลังจากเห็นผู้คุ้มกันออกไปแล้วมู่เหลงก็สูดลมหายใจเข้าลึก นางกำลังจะเก็บรูป ทว่าประตูห้องพลันถูกผลักออก นางรีบซ่อนรูปภาพไว้ด้านหลัง พลางเงยหน้าขึ้นมอง เป็นมู่เจินที่ก้าวเข้ามาในห้อง
”ท่านอาจารย์มีสิ่งใดให้ข้ารับใช้กระนั้นหรือ ?”
มู่เจินขมวดคิ้ว”สิ่งใดอยู่ข้างหลังเจ้า ?”
”ข้า… ” แววตาของมู่เหลงค่อนข้างสั่นไหวเล็กน้อย
มิใช่ว่านางไม่เชื่อใจมู่เจินหากแต่เรื่องบางเรื่องยิ่งรู้น้อยก็ยิ่งดี
ทว่าก่อนที่นางจะทันได้ซุกซ่อนภาพมู่เจินก็พบเข้าเสียก่อน
ครั้นมู่เจินเห็นว่ามู่เหลงไม่มีการตอบสนองแววตาของนางพลันเปล่งประกาย นางโน้มตัวเข้าหา เพียงโบกมือ นางก็คว้าภาพวาดด้านหลังของมู่เหลงไว้ได้
”อาจารย์!” มู่เหลงหน้าเสียด้วยความหวาดกลัวนางมองมู่เจินผู้ซึ่งกำลังคลี่ม้วนภาพออก ด้วยสีหน้าซีด ๆ
ชั่วขณะนั้นเองสตรีในภาพวาดพลันปรากฏชัดเจนต่อสายตาของมู่เจินทันใดนั้นเองดวงตาของนางก็หรี่ลง ใบหน้าของนางก็ซีดเผือด
เหลงเอ๋อ…เจ้าไปได้ภาพนี้มาจากที่ใด? ริมฝีปากของมู่เจินขาวซีด มือของนางสั่นระริกกระทั่งแทบจะจับภาพนั้นไว้ไม่อยู่ ทั้งเกือบจะปล่อยภาพตกลงพื้นหลายต่อหลายครั้ง
เห็นได้ชัดว่ามู่เหลงไม่ทราบว่ามีสิ่งใดกระตุ้นมู่เจินจนเป็นเช่นนั้นหากแต่เมื่อนางคิดดีแล้ว นางจึงเล่าสิ่งที่ผู้คุ้มกันเพิ่งรายงานให้อาจารย์นางฟังอย่างละเอียด
”เจ้าหมายความว่าสตรีในภาพนี้คือสตรีผู้นั้นงั้นหรือ?” แววตาของมู่เจินเปล่งประกายขณะเอ่ยถาม
”เรียนท่านอาจารย์เป็นนางอย่างแน่นอน”
”ดี! อย่าให้ผู้ใดได้เห็นภาพนี้อีก !”
มู่เจินมอบภาพคืนกลับไปให้มู่เหลงจากนั้นนางก็โล่งใจขึ้น
หญิงผู้นั้นตายไปแล้วนางไม่อาจกลับมามีชีวิตได้ ! เช่นนั้นนางย่อมไม่สามารถเข้ามาในตำหนักเซียนพยับหมอกได้เป็นแน่ !
เมื่อนางคิดถึงเรื่องนี้มู่เจินก็อารมณ์ดีขึ้น ริมฝีปากของนางยกเป็นรอยยิ้ม “เมื่อหญิงผู้นี้เป็นคนช่วยหวนหยิน เช่นนั้นเราต้องไม่ปล่อยให้นางมีชีวิตรอด หลังจากหานางพบ เจ้าก็จัดการให้นางไปสู่ที่ชอบ ๆ ได้ตามใจเจ้า ส่วนเรื่องหวนหยินนั้น เจ้าก็ทำทุกอย่างตามความเหมาะสม… ”
”ข้าเข้าใจแล้วค่ะท่านอาจารย์”
แม้ว่ามู่เหลงจะไม่ทราบสถานการณ์ทั้งหมดหากแต่นางก็เข้าใจดีว่า ไม่ว่ามังกรจะกินหญิงผู้นั้นหรือไม่ก็ตาม หญิงผู้นั้นก็จะต้องจบชีวิต
”อย่างไรก็ตาม… ” แววตาของมู่เจินพลันเปล่งประกายวาบ “แผนการที่เจ้าใช้จะต้องรอบคอบแยบยล เพราะซุนฮวนหาใช่คนโง่ไม่ โดยเฉพาะเรื่องเพศตรงข้ามด้วยแล้ว เขาฉลาดยิ่งกว่าผู้ใดในตำหนักเซียนพยับหมอก”
***จบบทมู่เหลงจอมเสแสร้ง (4)***