จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 686-690
บทที่ 686 : ไม่อาจละเว้นชีวิตเจ้า (9)
จงหนานเงียบ…
เป็นเวลานานกว่าเขาจะกล่าวว่า “มู่เจินได้บุกทะลวงเข้าถึงระดับสูงของซุ่นเจี่ย ขณะที่เรายังคงอยู่เพียงระดับกลางของซุ่นเจี่ย”
ความแตกต่างระหว่างสองระดับนั้นหากเทียบเป็นถนนก็ห่างกันหลายพันลี้เลยทีเดียว
ตอนนี้ผู้อาวุโสของสภาอาวุโสล้วนผ่านเข้าสู่ระดับกลางของซุ่นเจี่ย ทว่ามีเพียงพวกเขาทั้งสองเท่านั้นที่ไม่สามารถก้าวสู่ระดับสูงขึ้นได้ !
ตอนนี้พวกเขาจึงอยู่ในสถานะที่ย่ำแย่ที่สุดในสภาอาวุโส!
”ที่ผ่านมาข้าพยายามไม่สนใจ!” จงเป่ยกัดฟันอย่างแรง “ข้าไม่อยากสนใจว่ามู่เจินจะขัดแย้งกับเราเพื่ออะไร แต่เราทนไม่ได้ หากจะต้องทำให้เจ้าตำหนักไม่สบายใจ คนในสภาอาวุโสเข้าข้างมู่เจินเสมอ หากเรามีปัญหากับนางอีกครั้ง เราจะถูกโดดเดี่ยว ! ทว่าตอนนี้ข้าทนไม่ไหวแล้ว หากนางไม่ตาย เราก็ต้องตาย !”
เห็นได้ชัดว่าเขาถูกกดขี่มานานกว่า 20 ปี ซึ่งนั่นทำให้เขาเกือบจะทนไม่ไหวแล้ว แม้ว่าเขาจะต้องแลกด้วยชีวิต เขาก็จะไม่ยอมให้หญิงผู้นี้ได้อยู่อย่างสบาย !
“ท่านอาจารย์”ไป๋หยานกล่าว “เมื่อครู่นี้ ข้าเก็บขวดนี่ได้ หากแต่ข้าก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร พวกท่านช่วยดูให้ข้าหน่อยจะได้หรือไม่ ?”
จงหนานและจงเป่ย มองไป๋หยานด้วยความประหลาดใจ พลางเอ่ยถามว่า “เจ้าพบอะไรงั้นรึ ?”
ไป๋หยานปกปิดประกายแสงในดวงตาของนางพลางหยิบขวดเคลือบออกจากแขนเสื้อของนาง แล้วส่งมอบให้กับชายชราทั้งสอง
”นี่มัน…”
ทันใดนั้นเองชายชราทั้งสองก็ตกใจพวกเขารับขวดเคลือบที่ไป๋หยานส่งให้ พลางเปิดฝาออกอย่างระมัดระวัง ทันทีที่ฝาขวดเปิด กลิ่นหอมก็ฟุ้งกระจายแตะจมูกของพวกเขา
มียาสามเม็ดอยู่ในขวดเคลือบในสายตาของชายชราทั้งสอง ไม่อาจจำแนกยาเม็ดทั้งสามนี่อยู่ครู่หนึ่ง
ทว่า…
พวกเขารู้สึกได้ถึงการไหลเวียนของพลังชี่แท้ในร่างแต่เดิมนั้นพลังชี่แท้ของพวกเขาไม่อาจรวบรวมขึ้นในร่างได้ ครานี้กลับสามารถซึมซับได้จากรูขุมขน
”นี่มัน…”
พวกเขามองหน้ากันด้วยอาการตื่นตกใจ
หากเดาไม่ผิดยาเม็ดเหล่านี้จะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขาได้
แต่เหตุใดยานี่ถึงมาอยู่ที่ไป๋หยานได้นอกจากนี้นางยังหยิบยาเม็ดพวกนี้ออกมาราวกับหยิบยารักษาสิว
”ลูกศิษย์เจ้าเจอยาเม็ดพวกนี้จริง ๆ หรือ ?” จงหนานเอ่ยถามอย่างเคร่งขรึม ขณะถือขวดเคลือบแน่น
แววตาของไป๋หยานแสดงความสงสัยเล็กน้อย“ข้าพบมันในถ้ำบนภูเขาด้านหลัง ข้าคิดว่ามันเป็นของที่ท่านอาจารย์ทั้งสองทำหล่นไว้ แล้วมันมีอะไรเกิดขึ้นหรือ ? ยาพวกนี้มีสิ่งใดผิดปกติงั้นรึ ?
“มันยิ่งกว่าที่เจ้าคิดเสียอีก? ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่ามันเป็นยาอมฤตชนิดใด หากแต่ข้าก็รู้ว่ามันสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของจงเป่ยและข้าได้”
”อาจารย์ทั้งสองได้รับบาดเจ็บงั้นรึ?” ไป๋หยานลุกขึ้นจากพื้นทันทีด้วยท่าทางตกใจ และแววตาตึงเครียด “พวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง ? ผู้ใดกันที่ทำร้ายพวกท่าน ?”
การแสดงออกของนางแลดูไม่เหมือนการเสแสร้งทำให้สองพี่น้องสกุลจงพูดอะไรไม่ออกครู่ใหญ่
”หยานเอ๋ออาจเป็นผู้ช่วยชีวิตพวกเรา เช่นนั้นนางจึงเก็บยานี้มาได้ ?” จงเป่ยยังลังเล พลางบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงที่สับสนเล็กน้อย
นี่อาจเป็นโชคชะตาเพราะอาการบาดเจ็บของพวกเขานั้นถูกเก็บซ่อนเป็นอย่างดี พวกเขาต่างก็คิดว่าไป๋หยานได้พบกับยาวิเศษที่ใช้รักษาพวกเขาได้ เพราะความบังเอิญจริง ๆ
ในความเป็นจริงไป๋หยานเตรียมยานี้มาได้สองวันแล้ว และเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย นางจึงจงใจใส่ยาสามเม็ดลงในขวด เพราะหากใส่แค่สองเม็ดก็เท่ากับพวกเขาสองคน นางกลัวว่าอาจารย์ทั้งสองจะสงสัยนาง
”หยานเอ๋อเจ้าคงจะหวาดกลัวมาก เช่นนั้นวันนี้เจ้าจงไปพักผ่อนก่อนเถิด อาจารย์จะล้างแค้นให้เจ้าเอง !” นัยน์ตาเย็นชาของจงหนานเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
มู่เจิน…
นางสร้างปัญหาไม่หยุดหย่อนทั้งยังต้องการทำร้ายลูกศิษย์ของเขาอีก นี่นางกำลังรนหาที่ตายชัด ๆ !
เมื่อใดที่เขาฟื้นจากอาการบาดเจ็บนางจะต้องชดใช้ เลือดต้องล้างด้วยเลือด !
***จบบทไม่อาจละเว้นชีวิตเจ้า (9)***
บทที่ 687 : ไม่อาจละเว้นชีวิตเจ้า (10)
ก่อนที่ผู้อาวุโสทั้งสองจะจากไปพวกเขาก็นำร่างของมู่เหลาไปโยนทิ้งข้างทาง
มู่เหลาอยากจะร้องไห้ทั้งที่ไม่มีน้ำตาแม้ว่าวิญญาณของเขาจะถูกกักขังอยู่ในร่าง หากแต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกนั้นเขารับรู้ได้อย่างชัดเจน
เขาคิดว่าไป๋หยานเป็นเพียงนางปีศาจหากแต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทักษะทางด้านการแสดงของนางนั้นได้มาถึงจุดที่ได้เรียกว่าสมบูรณ์แบบ ! โดยเฉพาะการเสแสร้งเรื่องยาของนาง !
เมื่อคิดได้ว่าไป๋หยานสามารถนำยาอายุวัฒนะมาช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของคนทั้งสองได้เขาก็ประจักษ์ชัดว่าอีกไม่นานชีวิตของมู่เจินจะต้องตกต่ำอย่างแน่นอน !
*****
ครั้นเห็นคนชราทั้งสองจากไปแล้วไป๋หยานก็ปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าของนางพลางบ่นว่า “ไม่รู้ว่าเฉินเอ๋อหายไปที่ใด ข้าต้องไปตามหาเขาแล้ว”
คิดได้เช่นนั้นไป๋หยานก็บ่ายหน้าเดินไปทางด้านหลังของภูเขา
ณบ้านสกุลเหอ
เหอซุ่ยซุ่ยยืนอยู่หน้ากระจกมองภาพสะท้อนของนางขึ้น ๆ ลง ๆ พร้อมรอยยิ้มที่พึงใจบนริมฝีปาก
”แม่นางมู่เหลงอยากจะส่งข้าไปที่แม่น้ำหลงเฮอ ทว่าตอนนี้มีคนมากมายในแม่น้ำหลงเฮอ เลยไม่สะดวกที่จะลอบนำข้าไปอย่างลับ ๆ อย่างไรก็ตามนางกล่าวว่า เมื่อจำนวนคนน้อยลง ข้าต้องลงไปในแม่น้ำหลงเฮออย่างเงียบ ๆ จากนั้นคนเหล่านั้นก็จะมาค้นหา และช่วยเหลือข้า … ”
ทุกวันนี้ที่แม่น้ำหลงเฮอเต็มไปด้วยผู้คนเช่นนั้นจึงเป็นการยากมากสำหรับนางที่จะลอบเข้าไปที่นั่น ทว่าหลังจากการค้นหาที่ยาวนานเช่นนี้ คนเหล่านั้นก็ยังไม่สามารถพบตัวหญิงผู้นั้น นางคิดว่าบางคนอาจจะเลิกล้มในไม่ช้า
”นั่นผู้ใด?”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคลื่อนไหวมาจากด้านนอกประตูเหอซุ่ยซุ่ยตกใจถึงกับหน้าเสีย นางหันกลับมาเห็นจิ้งจอกน้อย ยืนอยู่ที่ประตู
แสงอาทิตย์สาดส่องมาจากท้องฟ้าประกายระยิบระยับทาบทับลงบนเส้นขนสีเงินของจิ้งจอกน้อย ทำให้เขาแลดูสวยงามและน่ารักยิ่งขึ้น กระทั่งเหอซุ่ยซุ่ยถูกแทงเข้าที่หัวใจ
แม้ว่าจิ้งจอกน้อยจะเคยทำร้ายนางมาก่อนทว่า…
เพื่อให้นางดูดีมีราศีนางก็จะไว้ชีวิตของมัน หากมันเต็มใจที่จะเป็นสัตว์เลี้ยงของนาง
“จิ้งจอกน้อยก่อนที่ข้าจะหาเจ้าพบ เจ้าก็ส่งตัวเองมาถึงประตูห้องข้าเลยหรือ ? เหอซุ่ยซุ่ยจิกปากของนางพลางยิ้ม เกิดประกายแสงวาบวับในดวงตาของนาง
นางเดินช้าๆ เข้าหาจิ้งจอกน้อย พร้อมกับรอยยิ้มที่น่ากลัวบนใบหน้า
“อย่างไรเสียข้าเองก็เป็นคนใจดี ทั้งทนไม่ได้ที่จะทำลายชีวิตของเจ้า เพียงเจ้ายอมเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าเท่านั้น”
ได้จิ้งจอกน้อยที่สวยงามน่ารักอย่างนี้มาเป็นสัตว์เลี้ยง คงจะน่าภาคภูมิใจมาก ยามที่นำมันออกเผยตัวต่อหน้าสาธารณชน
แต่ขณะที่มือของเหอซุ่ยซุ่ยกำลังจะแตะตัวจิ้งจอกน้อยจิ้งจอกน้อยก็อ้าปากงับนางเบา ๆ
”อ๊า!”
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังออกมาเหอซุ่ยซุ่ยรีบจับนิ้วของตน พลางกล่าวด้วยความโกรธ “จิ้งจอกบ้านี่ ไม่รู้จักดีชั่ว ! ข้าขอบอกเจ้าเลยนะว่า ข้านี่แหละผู้มีพระคุณของหวนหยินแห่งตระกูลหวน ทั้งเจ้าตำหนักน้อยรองของตำหนักเซียนพยับหมอกก็กำลังตามหาข้า ด้วยว่าชื่นชมข้าเป็นอย่างมาก เจ้ากล้าล่วงเกินข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ?”
มู่เหลงปลูกฝังแนวคิดเหล่านี้ให้เหอซุ่ยซุ่ยหากแต่ไม่ให้นางเปิดเผยตัวตนในเวลานี้ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเหอซุ่ยซุ่ยก็หลงคิดไปเองจริง ๆ ว่านางเป็นผู้มีพระคุณของหวนหยิน
ควรรู้ว่าฐานะของบ้านสกุลหวนในตำหนักเซียนพยับหมอกนั้นไม่ธรรมดาเลยเช่นนั้นการมีบุญคุณกับตระกูลหวนย่อมถือว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน
แม้หวนหยินจะเป็นคนไร้ค่าไม่อาจฝึกฝนแต่เป็นเพราะครอบครัวของนางยังคอยหนุนหลังนางเสมอ ! จะเอานางมาเปรียบเทียบกับตระกูลธรรมดา ๆ ได้อย่างไร ?
เมื่อจิ้งจอกน้อยได้ยินถ้อยคำดังกล่าวแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย
หวนหยินนางนี้หม่ามี้ของข้าเป็นคนช่วยไว้ไม่ใช่รึ ?
หม่ามี้ของข้าไม่ใช่ผู้มีพระคุณหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลายเป็นเจ้าที่อยู่ต่อหน้าข้าได้ล่ะ ?
ไม่รอให้จิ้งจอกน้อยทันได้ทำความเข้าใจเหอซุ่ยซุ่ยก็หยิบกระเป๋าที่อยู่ข้างกายนางขึ้นมา จากนั้นก็ครอบมันลงบนร่างเล็ก ๆ ของจิ้งจอกน้อย
จิ้งจอกน้อยว่องไวมากเขาหลบ พร้อมกันนั้นกรงเล็บของเขาก็ตวัดเข้าใส่เหอซุ่ยซุ่ยอย่างแรง วินาทีนั้นรอยเล็บเท้าของเขาก็ข่วนลงบนใบหน้าของนาง
***จบบทไม่อาจละเว้นชีวิตเจ้า (10)***
บทที่ 688 : ไม่อาจละเว้นชีวิตเจ้า (11)
”อ๊า!”
เหอซุ่ยซุ่ยอุทานออกมาอีกครั้งนัยน์ตาของนางโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเดิม นางรีบพุ่งเข้าหาจิ้งจอกน้อยด้วยความโมโห หากแต่จิ้งจอกน้อยนั้นว่องไวนัก นางไม่สามารถแม้แต่จะสัมผัสปลายเส้นขนของเขา อย่าว่าแต่จะจับตัวเขาได้เลย
ตรงกันข้ามร่างของนางยังกระแทกเข้ากับผนังห้องยามนั้นผมเผ้าของนางยุ่งเหยิง ทั้งใบหน้าดุร้ายของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธ
โต๊ะเก้าอี้ ม้านั่ง ข้าวของทั้งหมดในห้องกระจัดกระจายอยู่บนพื้น แม้แต่น้ำจากกาน้ำชาก็ยังรินไหลลงมาเปียกพื้น
ครั้นคนในตระกูลเหอได้ยินเสียงโครมครามในห้องพวกเขาต่างก็เดินมาที่ห้องของเหอซุ่ยซุ่ยทีละคน จิ้งจอกน้อยหูไวเขารีบขยับตัว ก่อนจะกระแทกร่างของเหอซุ่ยซุ่ยอย่างรวดเร็ว หลังจากโดนกระแทกนางก็ยืนโซเซ เขาก็รีบเผ่นหนีออกไปนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
*****
บนถนนที่แออัดจิ้งจอกน้อยรีบกลับไปยังบ้านสกุลจง
เขาออกมาครึ่งชั่วยามแล้วแม่ของข้าต้องเป็นห่วงแน่
ในขณะที่เขากำลังคิดว่าไป๋หยานจะโกรธเขาหรือไม่นะ? ถนนเบื้องหน้าพลันถูกขวางด้วยเท้าคู่หนึ่ง
จิ้งจอกน้อยขมวดคิ้วอย่างน่ารักพลางเงยหัวขึ้นเขามองคนที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยแววตาสงสัย ทว่าในเวลาต่อมาท่าทีของเขาก็แข็งค้าง ความโกรธแค้นพุ่งออกมาจากหัวใจดวงเล็ก ๆ ของเขา
เบื้องหน้าของเขาคือชายผู้ซึ่งหล่อเหลาเต็มไปด้วยเสน่ห์ในอาภรณ์สีม่วงและเรือนผมสีเงินยวงอันน่าทึ่ง
ครั้นชายหนุ่มเห็นจิ้งจอกน้อยใบหน้าที่ทรุดโทรมของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นปิติ และประหลาดใจ
ทว่าทันใดนั้นเองท่าทางของไป๋เสี่ยวเฉินก็ทำร้ายจิตใจเขาอีกครั้ง
เพียงเห็นท่าทีของบุตรชายเขาก็ยังเจ็บปวดถึงเพียงนี้ แล้วภรรยาที่หายไปของเขาล่ะ
”มารดาของเจ้าอยู่ที่ใด?” น้ำเสียงของชายหนุ่มแหบแห้งลำคอของเขาแห้งผาก
ไม่มีรู้ว่าที่ผ่านมาเขาดำรงชีวิตยากลำบากเพียงใดเมื่อถูกครอบครัวทอดทิ้ง? หากเขาไม่มีความเชื่อคอยสนับสนุน เขาคงจะมาไม่ถึงที่นี่เป็นแน่
ทว่า…
ราชครูสามารถพยากรณ์ได้ว่าไป๋หยานมาที่ตำหนักเซียนพยับหมอกหากแต่ราชครูไม่สามารถระบุสถานที่ซึ่งนางพักอาศัยอยู่ได้
หากเขาไม่ได้พบกับไป๋เสี่ยวเฉินเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะได้พบพวกนางเมื่อใด ?
”พาข้าไปหานาง”
หัวใจของตี้คังนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่นท่าทางที่เคยภาคภูมิเสมอมาของเขาบัดนี้กลับเปลี่ยนแปลงไป ยามนี้เขาอดไม่ได้ที่จะลดเสียงลง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงวิงวอน
จิ้งจอกน้อยมองเขาอย่างดุดันในอกของจิ้งจอกน้อยอัดแน่นด้วยความโกรธ แต่ครั้นเขาหันหลังเพื่อที่จะหลบหนี ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นความเจ็บปวดในแววตาของตี้คัง
ความเจ็บปวดจากก้นบึ้งในใจที่ฉายชัดจากแววตาของชายผู้นี้ไม่ต่างกับเข็มที่เจาะเข้าไปในหัวใจของไป๋เสี่ยวเฉิน ทำให้อารมณ์ของเขาเศร้าหมอง
เพียงไม่ช้าไป๋เสี่ยวเฉินก็ส่ายหัวอย่างแรงเพื่อกำจัดอารมณ์ที่อ่อนไหวในใจของตน
เขาต้องไม่ใจอ่อนไม่ทรยศหม่ามี้ ทั้งจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายนางอีก
”เฉินเอ๋อ!” ชายผู้นั้นอุ้มจิ้งจอกน้อยขึ้นมาจากพื้น “พ่อสามารถให้คำอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้นะ … ”
จิ้งจอกน้อยปิดหูของตนด้วยอุ้งเท้าน้อยๆ
เขาจะไม่ฟังเขาไม่ฟัง ! วายร้ายคนนี้รังแกหม่ามี้ของเขา และต้องการจะสังหารนาง เขาจะไม่มีวันยกโทษให้ !
ครั้นจิ้งจอกน้อยเห็นว่าชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยตัวเขาเขาก็อ้าปาก และกัดตี้คังอย่างแรง เลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากหลังมือของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มเพียงขมวดคิ้วหากแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยจิ้งจอกน้อย เขารู้ว่า หากเขาพลาดโอกาสนี้ เขาก็จะไม่มีโอกาสได้พบนางอีก !
จิ้งจอกน้อยงงงวยเขาอ้าปากค้าง พลางจ้องมองชายที่จับตัวเขาไว้
ด้วยความแข็งแกร่งของป๊ะป๋าวายร้ายหากไม่ต้องการให้เขาทำร้าย ก็สามารถหลบเลี่ยงได้หลายพันวิธี หากแต่ทำไมไม่ทำ
ทำไมไม่หลบหรือป้องกันอะไรเลย ?
***จบบทไม่อาจละเว้นชีวิตเจ้า (11)***
บทที่ 689 : ตัวปลอม (1)
”มารดาของเจ้าอยู่ที่ใด?”
เสียงของชายหนุ่มแหบแห้งทั้งนัยน์ตาเรียวคมของเขาก็ไม่แวววาวเช่นในอดีต
หัวใจของจิ้งจอกน้อยอ่อนยวบโดยไม่รู้ตัวหากแต่เมื่อเขาหวนนึกถึงสิ่งที่ตี้คังทำกับแม่ของเขาแล้ว หัวใจของเขาก็แข็งกระด้างราวกับเหล็กขึ้นมาอีกครั้ง
เขาฮึดฮัดพลางหันหัวไปทางด้านอื่น ไม่สนใจความเจ็บปวดในแววตาของชายหนุ่ม
”เฉินเอ๋อคน ๆ นั้นไม่ใช่ข้า”
จริงๆ หรือ ?
จิ้งจอกน้อยจ้องมองตี้คังด้วยสายตาไม่เชื่อเขาไม่รู้ว่าจะเชื่อคำพูดของตี้คังดีหรือไม่ ?
หากเขามาที่นี่เพื่อสังหารแม่ของข้าล่ะ ?
นัยน์ตาของจิ้งจอกน้อยกระพริบสองสามครั้งในสายตาของจิ้งจอกน้อยมีประกายแสงฉลาดแกมโกง ทว่าตอนนี้ตี้คังคิดถึงแต่ไป๋หยาน เขาจึงไม่เห็นความเจ้าเล่ห์ในดวงตาของจิ้งจอกน้อย
จิ้งจอกน้อยพยักหน้าด้วยสายตาอ้อนวอนต่อตี้คัง
”เจ้าเชื่อข้าหรือ?”
มือของตี้คังสั่นไหวเขาประหลาดใจมาก กระทั่งไม่อยากจะเชื่อไปครู่หนึ่ง
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขามีชีวิตอยู่ได้อย่างไรโดยไร้นาง?
ไม่มีผู้ใดเข้าใจหรอกว่านางเปรียบได้กับโลกทั้งใบสำหรับเขา
จิ้งจอกน้อยคิดแผนการในหัวเล็กๆ ของตน พลางกระโดดออกจากอ้อมแขนของตี้คัง และเดินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับบ้านของผู้อาวุโสจง
ตี้คังอาจจะระแวงทุกคนหากแต่เขาจะไม่สงสัยในตัวบุตรชายของตน เช่นนั้นเขาจึงเดินตามจิ้งจอกน้อยอย่างปิติยินดี
*****
ณบ้านสกุลจง
เวลาค่ำในภูเขาด้านตะวันตกไป๋หยานตามหาไปทั่วตำหนักเซียนพยับหมอก หากแต่ก็ยังไม่พบร่องรอยของไป๋เสี่ยวเฉิน นางไตร่ตรองนิดหน่อยก่อนประกายแสงจะส่องสว่างในดวงตาของนาง “ไม่น่าคิดมาเลยเรา ! เฉินเอ๋อต้องไปบ้านสกุลเหอ เพื่อตามหาพวกนางเป็นแน่ ข้าต้องไปดูที่แม่น้ำหลงเฮอสักหน่อย”
นี่ก็ดึกเกินกว่าที่นางจะไปกล่าวคำอำลาผู้อาวุโสทั้งสองเช่นนั้นนางจึงรีบออกไปที่แม่น้ำหลงเฮอทันที
นับแต่นางออกจากแม่น้ำหลงเฮอในวันนั้นไป๋หยานก็ไม่เคยไปที่แม่น้ำ แม่น้ำหลงเฮออีกเลย ยามนี้นางเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังค้นหาอบางอย่างในแม่น้ำหลงเฮอ นางจึงย่นคิ้วเล็กน้อย
นางหันหน้าไปมองฝูงชนที่อยู่โดยรอบพลางเอ่ยถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นที่นี่ ?”
”เจ้ายังไม่รู้อีกงั้นหรือ?” คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นางเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง หลังจากได้ยินคำถามของนาง เขาก็มองหน้านางอย่างประหลาดใจ “เจ้าไม่ได้มาจากตำหนักเซียนพยับหมอกหรอกหรือ ? เจ้าไม่รู้รึว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ?”
ไป๋หยานรู้สึกละอายเล็กน้อย”ข้าไม่ได้ออกจากบ้านนานมากแล้ว เลยไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ?”
ท่านอาจารย์บอกให้นางอยู่ห่างจากแม่น้ำหลงเฮอไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกมังกรทำร้าย
หากแต่อาจารย์ไม่ได้บอกว่าแม่น้ำหลงเฮอยามนี้มีผู้คนมารวมตัวกันมากมาย
หรือว่าจะมีคนพบชิงอี้
ในขณะที่ไป๋หยานกำลังครุ่นคิดชายหนุ่มผู้ซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งก็กล่าวขึ้นว่า “มีคนบอกว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีสตรีที่มากความสามารถผู้หนึ่งบนเรือมังกร หญิงผู้นี้ไม่เพียงแต่จะรักษาแม่นางหวนหยินได้เท่านั้น หากแต่นางยังช่วยชีวิตแม่นางหวนหยิน และแม่นางน้อยอีกคนหนึ่งไว้ด้วย นางเสี่ยงชีวิตลงไปในแม่น้ำหลงเฮอ เช่นนั้นเหล่ายอดฝีมือในตำหนักเซียนพยับหมอกจึงออกตามหานาง”
ไป๋หยานนิ่งงันไปครู่หนึ่งการกระทำของนางในวันนั้น ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีเช่นนั้นเลยหรือ ? จนถึงตอนนี้ นางก็ยังไม่รู้ตัวเลย ?
”พวกเจ้าถอยออกไป!”
ทันใดนั้นเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดีก็ดังมาจากทางด้านหน้า ดึงดูดสายตาของทุกคนทันที
ภาพที่ปรากฏก็คือสาวใช้สองคนกำลังพยุงร่างหญิงผู้หนึ่งขึ้นมาจากแม่น้ำหลงเฮอใบหน้าของนางถูกคลุมด้วยผืนผ้า ถึงกระนั้น ก็ยังเห็นคราบเลือดแห้งกรังบนใบหน้า เสื้อผ้าและกระโปรงของนางเปียกแนบลำตัว
คิ้วของไป๋หยานย่นอย่างฉับพลันนางเคยสั่งเจ้าทองเจ้าเงินไว้แล้วว่า อย่าได้ลากคนลงไปในแม่น้ำอีก ก็แล้วเหตุใดถึงมีคนตกลงไปในแม่น้ำหลงเฮอได้เล่า ?
***จบบทตัวปลอม (1)***
บทที่ 690 : ตัวปลอม (2)
ทว่า…
ครั้นไป๋หยานเห็นร่างของหญิงผู้นั้นนางถึงกับตกตะลึง
นาไม่อาจเห็นใบหน้าของหญิงผู้นั้นได้ชัดเจนหากแต่เรือนร่างนี้ไยถึงได้คล้ายกับนางมาก แม้แต่เสื้อผ้า รวมถึงผ้าคลุมหน้าก็เหมือนกับนางในวันนั้น
ในขณะที่ไป๋หยานกำลังงงก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังนาง
”หลีกทางแม่นางมู่เหลงกำลังมาแล้ว”
มู่เหลงงั้นหรือ?
สองคำนี้ทำให้ใบหน้าของไป๋หยานเคร่งขรึมลง
บอกตามตรงแม้ว่าตอนที่อยู่บนเรือมังกรในวันนั้น นางอาจจะไม่เห็นด้วยกับมู่เหลง หากแต่ไป๋หยานก็ไม่ได้ใส่ใจนางนัก
ทว่ามู่เหลงผู้นี้เป็นลูกศิษย์ของมู่เจิน!
นั่นย่อมหมายความว่ามู่เหลงเป็นศัตรูของนาง!
มู่เหลงเดินช้าๆ ไปที่ริมฝั่งแม่น้ำ นางชำเลืองมองสตรีที่หมดสติ พลางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “ใช่แล้ว หญิงผู้นี้เป็นผู้ที่ช่วยหวนหยินในวันนั้น ข้าจำนางได้”
เฮ้อ!
ทุกคนต่างก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งที่สุดภารกิจช่วยชีวิตคนก็จบลงเสียที
ไม่คาดคิดว่าหญิงผู้นี้จะยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ทั้งที่จมอยู่ในแม่น้ำตั้งหลายวัน ?
เมื่อเปรียบเทียบกับอารมณ์ที่ผ่อนคลายลงของคนอื่นๆ แล้ว หัวใจของไป๋หยาน กลับจับพิรุธบางอย่างได้ และความคิดนี้ก็วนเวียนอยู่ในใจของนาง
หาก…
เพียงแค่เรื่องหญิงสาวที่อยู่ในน้ำผู้นั้นนางคงจะคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ
แต่หากเกี่ยวกับมู่เหลงก็อาจจะเป็นแผนการของนางใช่หรือไม่ ?
ไป๋หยานหรี่ตาลงช้าๆ ประกายแสงเย็น ๆ ส่องมาจากดวงตาของนาง
ตามปกติแล้วนางจะไม่สนใจเรื่องของผู้อื่น หากแต่มู่เหลงเป็นลูกศิษย์ของมู่เจิน นางจะไม่ยอมให้มู่เจินได้ทำในสิ่งที่ต้องการเป็นแน่ !
”แค่ก!”
สตรีที่ได้รับการช่วยเหลือกระแอมไอออกมาสองครั้งนางสำลักน้ำจากแม่น้ำออกมาหนึ่งคำ ก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างสับสน “ที่นี่ที่ไหน ข้ายังมีชีวิตอยู่หรือ ?”
“เจ้าไม่ต้องกลัวพวกเราช่วยเจ้าไว้” มู่เหลงเอ่ยถามด้วยเสียงเบา ๆ “เล่าให้เราฟังหน่อยสิว่า เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าในแม่น้ำหลงเฮอนี่”
ร่างของหญิงผู้นั้นสั่นเทานางลดศีรษะลงด้วยความหวาดกลัว เหมือนพยายามลำดับเหตุการณ์ ก่อนจะเอ่ยกล่าวออกมา
”ข้าถูกมังกรสองตัวลากเข้าไปในวังแห่งหนึ่งพวกมันขังข้าไว้ ทั้งยังไม่ให้ข้ากินอาหาร ข้าเหนื่อยมาก ที่สุดข้าก็หนีออกมาได้ หากแต่ข้าไม่คิดว่า ทันทีที่ข้าออกจากวัง น้ำก็ไหลหลากเข้ามาท่วมตัวข้าอย่างรวดเร็ว ข้าคิดว่า ในครานี้ข้าคงต้องตายแน่แล้ว … ”
มู่เหลงขยิบตาให้ผู้คุ้มกันที่อยู่อีกด้าน”แม่นางผู้นี้คงกำลังหวาดกลัวอยู่เป็นแน่ เจ้า…พานางไปส่งที่บ้านสกุลมู่ของข้า และให้สาวใช้สองคนคอยรับใช้นาง”
หลังจากกล่าวเช่นนั้นแล้วมู่เหลงก็ลุกขึ้นพลางกล่าวต่อว่า “ทว่าข้าต้องไปรายงานเรื่องนี้ต่อท่านเจ้าตำหนัก”
”ขอรับคุณหนูมู่เหลง”
ผู้คุ้มกันตอบรับด้วยความเคารพ
นับแต่ต้นจนจบไป๋หยานไม่ได้เดินออกมาจากฝูงชน นางมองตามทิศทางที่มู่เหลงเดินจากไป พลันปากของนางก็ยกโค้ง
สวรรค์มีทางกลับไม่ไปนรกไร้ทางกลับมุดเข้ามา เจ้าอยากทำชั่ว ก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ !
ในเมื่อมู่เหลงรนหาที่ตายนางก็จะไม่ยอมละโอกาสนี้ !
*****
ทันทีที่เข้าสู่บ้านสกุลมู่เหอซุ่ยซุ่ยก็อยู่ไม่เป็นสุข นางชื่นชมความหรูหรางดงามของบ้านสกุลมู่ นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความอิจฉา
โดยเฉพาะภูเขาหลังคฤหาสน์สกุลมู่ยิ่งทำให้นางแทบตาบอดด้วยความอิจฉาแต่แล้วรอยยิ้มก็พลันปรากฏบนใบหน้าของหน้า เมื่อคิดได้ว่าวันหน้านางเองก็จะมีเฉกเช่นนี้ได้
”แม่นางเหอ”
สาวใช้รีบเข้ามาบอกนางว่า”แม่นางหวนหยินมาถึงแล้ว”
ทันใดนั้นนัยน์ตาของเหอซุ่ยซุ่ยก็สว่างไสวขึ้นนางรีบพูด “ให้นางเข้ามา”
”เจ้าค่ะแม่นางเหอ”
สาวใช้ถอยกลับไปภายในเวลาไม่นาน นางก็พาเด็กสาวสวยเข้ามา
***จบบทตัวปลอม (2)***