จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 711-715
บทที่ 711 : การแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (6)
ไป๋หยานยืนนิ่งราวกับไม้ไผ่ยืนต้นไม่ขยับแม้แต่น้อย
ในสายตาของคนบางคนพวกเขาอาจคิดว่า นางคงตกใจกับแรงกระตุ้นอันทรงพลังของมู่เหลง
ปากของมู่เหลงเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันพร้อมเสียงดังแคร้ง ดูราวกับกระบี่ของนางตัดลงบนหินแข็ง ๆ คมกระบี่จมลงแทบมิด
รอยยิ้มเยาะบนริมฝีปากของนางพลันแข็งค้างทันที
นัยน์ตาของนางเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อพบว่ากระบี่ของนางถูกยับยั้งไว้ได้ มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาปิดกั้นกระบี่ด้ามยาวของนางไว้
ข้อมือของหญิงผู้นั้นบางมากทั้งมือของนางก็ขาวราวกับหยก ทว่าไม่มีแม้แต่เลือดสักหยด นอกจากนี้ผิวหนังของนางยังไม่ระคายเคืองแม้แต่น้อย
ฝูงชนต่างตกตะลึง
สองพี่น้องสกุลจงต่างก็ตกตะลึงกระทั่งยืนเซ่อ
บนฝั่งแม่น้ำที่เงียบสงบได้ยินเพียงเสียงหัวเราะของซุนฮวนเท่านั้น ราวกับเขากำลังหัวเราะเยาะความหลงตนเองของมู่เหลง
หน้าผากของมู่เหลงเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ นางตวัดกระบี่อย่างไม่อยากเชื่อ นางจะไม่ปล่อยนางมารร้ายนี่อีกแล้ว ครานี้กระบี่ของนางตกลงบนไหล่ของไป๋หยาน เสียงดังฉัวะ เสื้อผ้าของไป๋หยานฉีกขาด
ไป๋หยานขมวดคิ้ว”การป้องกันสามารถใช้ได้กับร่างกายเท่านั้น หากแต่ไม่สามารถป้องกันเสื้อผ้าอาภรณ์ได้ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ … ”
คนอื่นๆ อาจประหลาดใจที่ร่างกายของนางแข็งราวกับเหล็กกล้า หากแต่นางกลับไม่พอใจเรื่องเสื้อผ้าขาด
พวกเขาตกใจมากกระทั่งใจสั่น ทั้งยังกล่าวคำใดไม่ออก
”ข้าให้เจ้าลงมือก่อนสามกระบวนท่าทว่าน่าเสียดายเจ้าทำให้เสื้อผ้าของข้าขาด … ” นัยน์ตาที่เย็นยะเยือกของไป๋หยานหันกลับมามองมู่เหลง “เช่นนั้นข้าจะไม่ให้โอกาสครั้งที่สามกับเจ้าแล้ว”
บูม!
ทันใดนั้นเองมือของไป๋หยานก็ฟาดลงบนศีรษะของมู่เหลง
ศีรษะของมู่เหลงระเบิดราวกับแตงโมเลือดนองเต็มพื้น
”ไม่!”
ครั้นเห็นศิษย์รักของนางตายต่อหน้าต่อตามู่เจินก็แทบจะกระอักเลือด นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความเคียดแค้น และความอาฆาตมาดร้าย “เจ้ากล้าสังหารลูกศิษย์ของข้า ข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้า…”
บูม!
มู่เจินรวบรวมพลังระดับซุ่นเจี่ยของนางไปที่กำปั้นจากนั้นก็ชกไปที่ไป๋หยาน หากแต่นางถูกกำปั้นของจงหนานกันไว้ทันที
”คิดจะทำร้ายลูกศิษย์ของข้าเจ้าคิดว่า ข้า …จงหนานตายไปแล้วงั้นหรือ ?”
ปัง…!
เมื่อหมัดทั้งสองปะทะกันมู่เจินถึงกับถอยหลังไปสองก้าว นางกำหมัดแน่น ยามจ้องมองจงหนาน แววตาของนางดุดันไม่ต่างจากกริชที่เคลือบด้วยยาพิษ
”จงหนาน!”
นางเอ่ยสองคำนี้ขณะที่ฟันขบกันแน่น
ถ้าเพียงแค่จงหนานคนเดียวก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางทว่ายังมีจงเป่ยอยู่ข้าง ๆ เขาอีกทั้งคน !
หากชายชราทั้งสองร่วมมือกันนางก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ !
ไป๋หยานเหลียวมองไปที่มู่เจินก่อนจะค่อย ๆ หันไปมองสองพี่น้องสกุลจง “ท่านอาจารย์ทั้งสอง ข้าล้างแค้นให้ท่านแล้ว”
ผู้อาวุโสทั้งสองกัดริมฝีปากด้วยความขมขื่นสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
การที่ไป๋หยานสังหารมู่เหลงนั่นเป็นเพราะครั้งหนึ่งมู่เจินสังหารลูกศิษย์ของพวกเขา นางจึงสังหารมู่เหลงศิษย์ของมู่เจินก่อน เพื่อทำร้ายจิตใจมู่เจิน
ชีวิตนี้มู่เจินยังไม่เคยแต่งงาน มู่เหลงเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของนาง ทั้งยังใช้แซ่เดียวกันกับนาง นั่นแสดงให้เห็นว่านางคาดหวังกับลูกศิษย์คนนี้มากเพียงใด
ตอนนี้ศิษย์ถูกสังหารต่อหน้าต่อตานางจะไม่เกลียดชังเต็มหัวใจได้อย่างไร ?
”หยานเอ๋อเจ้าเข้าถึงระดับซุ่นเจี่ยแล้วกระนั้นหรือ ?”
จงเป่ยเอ่ยถามเบาๆ
ครั้นนางยอมรับสารภาพกลิ่นอายของนางก็ถูกปลดปล่อยออกมา ชั่วขณะนั้นทุกคนต่างก็รับรู้ถึงพลังที่แท้จริงของนาง
เช่นนั้นผู้อาวุโสทั้งสองจึงเพิ่งทราบว่าศิษย์ของพวกเขาเข้าถึงระดับซุ่นเจี่ยแล้ว
”ขออภัยที่ก่อนหน้านี้ข้าโกหกพวกท่าน แล้วข้าจะให้คำอธิบายแก่พวกท่านในภายหลัง” ไป๋หยานขอโทษ
ผู้อาวุโสทั้งสองมีความจริงใจต่อนางแต่นาง เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง กลับหลอกผู้อาวุโสทั้งสอง
***จบบทการแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (6)***
บทที่ 712 : การแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (7)
”เราเชื่อว่าเจ้าต้องมีความจำเป็นบางอย่างและจะรอคำอธิบายจากเจ้า” จงเป่ยยิ้ม
กระแสอบอุ่นไหลผ่านเข้ามาในหัวใจของไป๋หยานนางหลอกลวงพวกเขา ทว่าท้ายที่สุดอาจารย์ก็ยังเชื่อใจนาง
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้อาวุโสทั้งสองแล้วจิตใจของผู้คนทั้งหมดกลับกระวนกระวาย
หญิงสาวผู้นี้อยู่ระดับซุ่นเจี่ยกระนั้นรึ ?
”หยานเอ๋อเจ้านี่ช่างบ้าบอจริง ๆ !” เหวินซุนฮวนกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “เมื่อสามปีกอ่น เจ้าอยู่เพียงระดับกลางของหวังเจี่ย แล้วนี่เจ้าเข้าถึงระดับสูงสุดของซุ่นเจี่ยได้อย่างไรด้วยเวลาเพียงแค่สามปี ?”
เดิมทีผู้คนต่างคิดกันว่าหญิงผู้นี้ต้องบำรุงรักษาร่างกายตนเองเป็นอย่างดี จึงทำให้นางยังเด็ก และงดงามถึงเพียงนี้ได้
เพราะคนที่มีพลังมากย่อมสามารถรักษารูปลักษณ์ของพวกเขาได้
สตรีในวัยยี่สิบกว่าๆ เช่นนางย่อมไม่มีวันเข้าถึงระดับซุ่นเจี่ยเป็นแน่
ทว่าตอนนี้…
เมื่อได้ยินถ้อยคำของซุนฮวนที่ราวกับสายฟ้าผ่าลงมาทำให้คนเหล่านั้นตกใจ
แท้จริงแล้วนางมิได้เป็นหญิงชราที่บำรุงรักษาตนเองเป็นอย่างดีหากแต่เป็นหญิงสาวจริง ๆ กระนั้นหรือ ?
ด้วยวัยเพียงยี่สิบกว่า- มาถึงขั้นนี้ไม่ใช่แค่อัจฉริยะ ทว่าเป็นบ้าบอสุด ๆ !
“ท่านเจ้าตำหนัก!” มู่เจินหันไปหาเหวินหวู่เหว่ย พลางกล่าวว่า “เหลงเอ๋อ เป็นศิษย์ของข้า นางไม่พอใจข้า นางจึงสังหารศิษย์ของข้า ทำเช่นนี้มากเกินไปใช่หรือไม่ ?”
เหวินหวู่เหว่ยขมวดคิ้ว”ก่อนที่พวกนางจะต่อสู้กัน ก็ได้ตกลงกันแล้วว่า แม้ตายก็ไม่ถือสา ข้าเองก็ไม่อาจยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้”
อะไรคือไม่อาจยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้? เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวผู้นี้แข็งแกร่งกว่า อีกทั้งยังมีแผนการที่จะสังหารเหลงเอ๋ออยู่แล้ว ?
มู่เจินโกรธมากทว่าตอนนี้นางไม่สามารถแม้แต่จะปกป้องตนเอง เช่นนั้นนางจึงไม่กล้ากล่าวคำเหล่านี้ออกไป
”มู่เจินเจ้าควรอธิษฐานว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับเจ้า หาไม่ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปเป็นแน่ !” แววตาของจุนเทียนเยว่เปล่งประกายเย็นชา
ดูเหมือนว่าสภาผู้อาวุโสในตำหนักเซียนพยับหมอกควรต้องถูกชำระล้างสักทีเศษสวะอย่างมู่เจินก็ควรถูกขจัดทิ้งได้แล้ว
ใจของมู่เจินสั่นไหวนางก้มศีรษะลง พยายามระงับความเกลียดชัง พลางกล่าวว่า “ค่ะ ฮูหยิน”
”เจ้ากลับไปที่สภาผู้อาวุโสก่อนหากไม่มีคำสั่งของข้า เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านสกุลมู่ !”
ถ้อยคำของจุนเทียนเยว่ทำให้มู่เจินตัวสั่นอีกครั้ง
ฮูหยินสั่งกักบริเวณนางไว้ในบ้าน ?
เมื่อถูกกักบริเวณอยู่แต่ในบ้านนางจะไม่มีโอกาสโต้แย้งใด ๆ !
”ยังไม่ไปอีกหรือ?” แววตาที่ดุดันของจุนเทียนเยว่กวาดไปมองนาง พลางตวาดออกมา
มู่เจินสูดลมหายใจเข้าลึกนางไม่กล้ารีรออีกต่อไป นางรีบผละออกไปอย่างร้อนรนพร้อมด้วยกลุ่มคนของบ้านสกุลมู่
แววตาของไป๋หยานเย็นชานางขยิบตาให้ชิงอี้ผู้ซึ่งอยู่ข้างหลัง
ชิงอี้รู้ทันทีนางพยายามติดตามมู่เจิน ทว่าเพียงก้าวออกไปได้ไม่กี่ก้าว นางก็ถูกจงหนานขวางไว้
”อาจารย์?” ไป๋หยานไม่เข้าใจ
”ช้าก่อนข้ามีบางเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ หลังจากที่ข้ารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นค่อยสังหารนางก็ยังไม่สายเกินไป !” จงหนานกำหมัด
มีบางสิ่งที่เขาต้องรู้ให้ได้
ก่อนหน้านี้เขาไม่มีพลังทว่าตอนนี้เขามีพลังแล้ว เขาจะไม่ยอมปล่อยให้มู่เจินลอยนวลได้อีกต่อไป !
ไป๋หยานต้องการที่จะเอ่ยถามว่าเรื่องใดหากแต่นางฉุกคิดได้ว่าที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ไว้ค่อยพูดคุยกันหลังจากกลับไปที่บ้านสกุลจงก็ได้
”แม่นางไป๋”
จุนเทียนเยว่ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ พลางจับมือของไป๋หยาน ใบหน้าของนางมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน “ข้าขอถามถึงครอบครัวของเจ้าหน่อยจะได้หรือไม่ ?”
ไป๋หยานขมวดคิ้วนางไม่เข้าใจความหมายในคำถามของจุนเทียนเยว่ หากแต่นางก็ยังตอบว่า “ข้ามีญาติหลายคน ท่านตา ท่านลุง ลูกพี่ลูกน้อง อีกทั้งน้องชายของข้า”
”โอ้! เช่นนั้นบิดามารดาของเจ้าล่ะ?”
”ข้าไม่รู้ว่าบิดาของข้าเป็นใครส่วนมารดาของข้าก็หายตัวไปได้หลายปีแล้ว”
จุนเทียนเยว่มองเหวินหวู่เหว่ย
นางไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นบิดาของนางทั้งมารดาของนางก็หายตัวไปกระนั้นรึ ?
นับแต่แรกเห็นนางก็รู้สึกเอ็นดูเด็กสาวผู้นี้ โดยเฉพาะนัยน์ตาที่คล้ายกับหยุนเฟิงบุตรชายของนางเป็นอย่างมาก เช่นนั้นพวกเขาจึงครุ่นคิดบางอย่างมากขึ้น
”แม่นางไป๋ข้าได้ยินมาว่า เจ้าช่วยรักษาหวนหยินจนหาย ข้าจึงสงสัยว่า เจ้าจะสามารถวินิจฉัยอาการของหยุนเฟิงได้หรือไม่ ?”
***จบบทการแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (7)***
บทที่ 713 : การแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (8)
”เยว่เอ๋อ”เหวินหวู่เหว่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งพลางกล่าวว่า “เมื่อวันก่อนข้าส่งจดหมายอีกฉบับไปให้ไป๋ฉางเฟิ่ง ขอให้เขาช่วยข้าคิดวิธีช่วยหยุนเฟิง เขาสัญญาว่าจะมาที่นี่ เพื่อวินิจฉัยโรคให้หยุนเฟิงด้วยตนเอง เขาคงจะมาถึงในเร็ววันนี้ … ”
ไม่ใช่เหวินหวู่เหว่ยไม่เชื่อในความสามารถของไป๋หยานทว่าไป๋หยานยังเด็กเกินไป เขานึกไม่ออกว่าเด็กสาวผู้นี้จะสามารถเอาชนะการปรุงยาของไป๋ฉางเฟิ่งได้อย่างไร ?
ไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาเพิ่งบอกอาการเจ็บป่วยของเหวินหยุนเฟิงไป๋ฉางเฟิ่งทิ้งคำพูดไว้ให้เขาเพียงประโยคเดียวว่า โรคหัวใจของเหวินหยุนเฟิงต้องปรุงยาตัวใหม่
แต่หากไม่มียารักษาโรคหัวใจเราก็จำต้องใช้วิธีการอื่น
”ท่านไปหาไป๋ฉางเฟิ่งอีกแล้วกระนั้นรึ? แล้วเขาสัญญาว่าจะมาที่นี่กระนั้นรึ ?”
จุนเทียนเยว่ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
เหวินหวู่เหว่ยยิ้มอย่างขมขื่น”เพราะอาการเจ็บป่วยของหยุนเฟิง เมื่อหลายปีก่อนข้าเองก็ไม่มีกำลังมากพอ เช่นนั้นข้าจึงไปพบไป๋ฉางเฟิ่ง แม้ว่าเราจะต่อสู้กับสำนักเวชโอสถมานานหลายปี ครั้งก่อนเขาปฏิเสธข้า แต่ครานี้ข้าไปขอความช่วยเหลือจากไป๋ฉางเฟิ่ง ทั้งเขาก็มิได้ปฏิเสธข้า คิดว่าอาจเป็นเพราะเขาพบตัวหลานสาวของเขาแล้ว เขาจึงอารมณ์ดีขึ้น”
”อย่างไรก็ตามก็ให้แม่นางไป๋ดูอาการก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
ตอนนี้ไป๋หยานกำลังลูบคางพลางครุ่นคิด
ท่านตาจะมาที่นี่งั้นหรือ?
นางจะต้องพบเมล็ดองุ่นเลือดก่อนที่ท่านตาจะมาถึง หาไม่หากท่านตาไม่เห็นเฉินเอ๋อล่ะก็
”ข้าจะรักษาโรคของเจ้าตำหนักน้อยให้ก็ได้”ไป๋หยานกระพริบตา “ทว่าข้าขอบางสิ่งเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน หากข้าสามารถรักษาเขาได้ ข้าต้องการเมล็ดองุ่นเลือด”
เดิมทีนางต้องการขโมยเมล็ดองุ่นเลือดจากตำหนักเซียนพยับหมอกทว่าตอนนี้ตำหนักเซียนพยับหมอกต้องการให้นางรักษาเจ้าตำหนักน้อย นางจะไม่ยอมเสียโอกาสนี้
”ดี”
จุนเทียนเยว่มีความสุขมากนางจับมือของไป๋หยานพลางกล่าวว่า “ไม่ว่าเจ้าจะรักษาหยุนเฟิงได้หรือไม่ ? ข้าก็ต้องขอขอบใจเจ้า”
เมื่อเทียบกับความสุขของจุนเทียนเยว่แล้วคนอื่นกลับได้แต่หันมองหน้ากัน
เมล็ดองุ่นเลือดนั้นสำคัญมากสำหรับตำหนักเซียนพยับหมอกทว่าฮูหยินท่านเจ้าตำหนักกลับใช้มันเป็นของแลกเปลี่ยนกระนั้นหรือ ? นี่ท่านเจ้าตำหนักยอมเห็นด้วยหรือไม่ ?
ผู้อาวุโสเงยหน้าขึ้นมองเหวินหวู่เหว่ยทั้งไม่แปลกใจเลยเมื่อเห็นว่าเขาไม่กล่าวคำใด
ในตำหนักเซียนพยับหมอกฮูหยินเป็นคนเพียงผู้เดียวที่สามารถพูดได้ทุกสิ่ง เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าตำหนักจะไม่เชื่อฟังภรรยาของตน เช่นนั้นเมล็ดองุ่นเลือดจะต้องเปลี่ยนเจ้าของแล้วใช่หรือไม่ ?
”เจ้าตำหนัก…ฮูหยิน !”
ทันใดนั้นเองเสียงก็ดังมาจากด้านหลังด้วยความร้อนรน”เจ้าตำหนักน้อย อาการทรุดลงอีกแล้ว ครั้งนี้ดูเหมือนจะรุนแรงมาก”
“ว่าไงนะ?”
ขาของจุนเทียนเยว่สั่นด้วยความหวาดกลัวกระทั่งเกือบจะเป็นลม นางรีบคว้าแขนของเหวินหวู่เหว่ย พลางกล่าวเสียงสั่น “รีบกลับกันเถอะ !”
”ไป!”
แววตาของเหวินหวู่เหว่ยเต็มไปด้วยความร้อนรนเขากลัวว่าจุนเทียนเยว่จะไม่สามารถพยุงร่างตนเองไว้ได้ เขาคว้าจับแขนของนางแน่น พร้อมกับเดินอย่างรวดเร็วไปยังทิศทางของคฤหาสน์เหวิน
”หยานเอ๋อไปดูกันเถอะ”
จงหนานเป็นกังวลแต่ครั้นเขามองไปที่ไป๋หยาน เขาก็สงบสติอารมณ์ลงได้เล็กน้อย
บางทีนางอาจจะสามารถรักษาเจ้าตำหนักน้อยได้
*****
ภายในตำหนักเซียนพยับหมอกคฤหาสน์คู่บารมี และสูงที่สุดคือคฤหาสน์หลักของเจ้าตำหนัก
ไป๋หยานรีบเข้าไปในคฤหาสน์นางได้ยินเสียงคร่ำครวญอันเจ็บปวดดังกึกก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้า เสียงนั้นบดขยี้หัวใจของไป๋หยาน
ใบหน้าของนางซีดขาวราวกับหัวใจของนางถูกบีบด้วยมือมือหนึ่ง มันเจ็บกระทั่งหายใจแทบไม่ออก
”หยานเอ๋อเกิดอะไรขึ้น ?” จงหนานเป็นคนแรกที่พบความผิดปกติของไป๋หยาน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
ไป๋หยานไม่ได้ยินคำพูดของจงหนานนางเซถลาไปข้างหน้า บางทีในตอนนี้ นางเองก็ไม่รู้ว่า เหตุใดเมื่อนางได้ยินเสียงร้องอันเจ็บปวด นางจึงมีอาการเช่นนี้
หัวใจของนางเจ็บปวดมาก
***จบบทการแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (8)**
บทที่ 714 : การแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (9)
”หยุนเฟิง!”
จุนเทียนเยว่เข้าไปในห้องอย่างเร่งรีบแต่หลังจากที่ได้เห็นสภาพของเหวินหยุนเฟิง นางก็ใจหาย และหวาดกลัวแทบจะเป็นลม
เหวินหวู่เหว่ยรีบคว้าร่างของจุนเทียนเยว่พร้อมกับขยิบตาให้คนที่อยู่ใกล้ ๆ “พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่ ?”
ผู้อาวุโสทั้งหมดที่ติดตามเขามาถึงกับตกตะลึงพวกเขารีบมาข้างหน้าแล้วคว้าแขนของเหวินหยุนเฟิง พลางลากเหวินหยุนเฟิงไปที่เตียง
ทว่าในเวลานั้นเหวินหยุนเฟิงไม่รู้เอาพลังมาจากที่ใดผลักผู้อาวุโสเหล่านั้นออก ยามนี้เขาไม่ต่างจากสัตว์ร้าย เส้นผมชี้ฟู นัยน์ตาของเขาแดงก่ำ เขาร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด นอกจากนี้ยังมีเสียงขู่เตือนจากลำคอของเขา
”พยุงฮูหยินไว้ข้าจะจัดการเอง !”
นัยน์ตาของเหวินหวู่เหว่ยเปล่งประกายเขามอบจุนเทียนเยว่ให้ผู้อื่นดูแล ส่วนตนเองก็วางแผนที่จะกำราบเหวินหยุนเฟิง
”หยุดนะ!”
จุนเทียนเยว่โกรธนางผละจากผู้อาวุโสทั้งสอง พลางกล่าวด้วยความโกรธ “เจ้ากล้าลงมือกับบุตรชายของข้า ข้าก็จะสู้ตายกับเจ้า”
”เย่วเอ๋อทว่าหยุนเฟิงถูกครอบงำ หากเราไม่หยุดเขา เขา … ” เป็นการยากที่จะคาดเดาได้ว่าเขาจะทำสิ่งใดต่อไป
ในยามปกติจุนเทียนเยว่จะสงบมาก แต่หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเหวินหยุนเฟิง นางจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้
”ข้าไม่สนข้ารู้เพียงว่าไม่มีผู้ใดมีสิทธิทำร้ายบุตรชายของข้า !” นัยน์ตาของจุนเทียนเยว่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง นางจ้องมองผู้คนรอบห้อง “ในครานั้น หากมิใช่เจ้าที่ห้ามหยุนเฟิงไม่ให้อยู่กับสตรีที่เขารัก เขาก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้ เจ้าทำร้ายบุตรชายของข้ามาหลายปีแล้วยังไม่พออีกกระนั้นหรือ ตอนนี้เจ้ายังคิดจะทำร้ายเขาเพิ่มอีกงั้นหรือ ? ”
”เยว่เอ๋อฟังข้าอธิบายก่อน !”
เหวินหวู่เหว่ยคว้ามือของจุนเทียนเยว่เขาพบว่าร่างของนางสั่นเทาด้วยความโกรธ เพลิงโทสะในดวงตาของนางก็เพียงพอที่จะแผดเผาโลกทั้งใบ
”ปล่อยข้า!” จุนเทียนเยว่ปัดมืออย่างไม่แยแส “หยุนเฟิงอยากอยู่กับผู้ใด อยากแต่งงานกับผู้ใด ไยเจ้าต้องขัดขวางเขา พระเจ้า !… ไยจึงขโมยบุตรชายของข้า !”
นางหัวเราะอย่างขมขื่นเมื่อได้ยินถ้อยคำของเหวินหวู่เหว่ย
เขาฟังความเห็นของจุนเทียนเยว่มาทั้งชีวิตเว้นแต่เรื่องการสมรสของเหวินหยุนเฟิงเท่านั้น ที่เขาไม่ฟังความเห็นของจุนเทียนเยว่
หาไม่แล้วชีวิตของหยุนเฟิงคงจะไม่ถูกทำลายเช่นนี้
ตอนนี้ต่อให้เขารู้สึกเสียใจก็ไม่ได้ช่วยอะไรเหวินหยุนเฟิงผู้ซึ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาในครานั้นไม่มีวันกลับคืนมา !
จุนเทียนเยว่จ้องมองเหวินหยุนเฟิงพลางกล่าวว่า”หยุนเฟิง…ข้าเป็นแม่ของเจ้า เจ้าจำแม่ไม่ได้หรือ ? หากเจ้าจำทุกอย่างได้ แม่จะรับผิดชอบเจ้าเอง เจ้าสามารถแต่งงานกับผู้ใดก็ได้ตามแต่ใจเจ้าปรารถนา ไม่มีผู้ใดสามารถขัดขวางเจ้าได้อีก”
”กรรรร!”
ครั้นได้ยินเช่นนั้นหยุนเฟิงก็คำรามราวสัตว์ป่า แววตาของเขาเต็มไปด้วยเลือดบ้า เขาพุ่งตัวเข้าหาจุนเทียนเยว่ทันที
”เยว่เอ๋อระวัง !”
เหวินหวู่เหว่ยตกตะลึงเขายกมือขึ้นพยายามคว้าตัวจุนเทียนเยว่ไว้แน่น ทว่าจุนเทียนเยว่ยังคงยืนนิ่ง
นางไม่แม้แต่จะกระพริบตานางจ้องมองเหวินหยุนเฟิงด้วยความเจ็บปวดพลางอธิษฐานในใจ
ตราบใดที่หยุนเฟิงสามารถหายได้ต่อให้สละชีวิตของนาง นางก็ยินดี !
ในขณะที่เห็นว่าเหวินหยุนเฟิงเกือบจะถึงด้านหน้าของจุนเทียนเยว่นั้นจู่ ๆ ไฟสีเงินก็พุ่งมาจากด้านนอกของบ้าน และตกลงสู่ร่างของเหวินหยุนเฟิงอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นร่างของเหวินหยุนเฟิงพลันแข็งค้าง มือของเขาอยู่ห่างจากจุนเทียนเยว่เพียงหนึ่งก้าว พลันเขาก็ล้มลงกับพื้น
”เหวินหยุนเฟิง!”
ครั้นเห็นสภาพของเหวินหยุนเฟิงเช่นนี้ที่สุด จุนเทียนเยว่ก็ไม่อาจพยุงร่างของตนไว้ได้ นางล้มลงสู่อ้อมแขนของเหวินหวุู่เหว่ยทันที
เหวินหวู่เหว่ยพยุงร่างของจุนเทียนเยว่อย่างขมขื่นเขามองไป๋หยานผู้ซึ่งเดินผ่านประตูเข้ามา พลางเอ่ยปาก “ขอบใจ”
***จบบทการแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (9)***
บทที่ 715 : การแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (10)
”ออกไป!”
ไป๋หยานสูดลมหายใจเข้าลึกนางสะกดหัวใจที่สั่นเทาพลางกล่าวว่า “ออกไปจากที่นี่ !”
เหวินหวู่เหว่ยรู้สึกประหลาดใจอยู่เพียงครู่ก่อนจะพยักหน้า “ได้ หากเจ้ามีปัญหาใดก็ตะโกนออกไป ข้าจะส่งคนเข้ามารับใช้เจ้า”
ครั้นกล่าวจบเหวินหวู่เว่ยก็พยุงร่างของจุนเทียนเยว่ไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็เดินออกไป ในขณะที่เขากำลังจะก้าวออกจากประตูนั้น เขาก็ได้ยินเสียงดังมาว่า
”ช้าก่อน!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเหวินหวู่เหว่ยพลันชะงักฝีเท้า เขาหันกลับไปมองไป๋หยาน “เจ้าต้องการสิ่งใด ?”
”ข้าต้องการสมุนไพรบางชนิดและข้าจะต้องได้สมุนไพรทั้งหมดภายในครึ่งชั่วยาม !”
”บอกชื่อสมุนไพรที่เจ้าต้องการมาแล้วข้าจะให้คนไปหามาให้”
เหวินหวู่เหว่ยพยักหน้าเล็กน้อยในเมื่อเยว่เอ๋อเชื่อใจนาง เขาก็จะเชื่อใจนางเช่นกัน
*****
ภายในบ้านสกุลมู่
มู่เจินนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้จันทน์แววตาของนางเต็มไปด้วยความไม่พึงพอใจอีกทั้งขุ่นเคือง
”ท่านอาวุโส”
ร่างๆ หนึ่งก้าวผ่านประตูเข้ามา จากนั้นก็คุกเข่าลงตรงหน้ามู่เจินด้วยความเคารพ
”ข้าขอถามเจ้า!” สายตาของมู่เจินจ้องมองเขาอย่างเย็นยะเยือก พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในวันนั้น ข้าสั่งให้เจ้าสังหารหญิงผู้นั้น เจ้าเห็นนางตายจริง ๆ หรือไม่? เจ้าต้องตอบตามความจริง !”
นางยังไม่ลืมถ้อยคำของเจ้าตำหนักที่ว่านัยน์ตาของไป๋หยานนั้นคล้ายกับเหวินหยุนเฟิงมาก !
ทั้งนางก็ดูเหมือนหญิงสารเลวนั่นด้วย
มู่เจินไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญถึงเพียงนี้!
”ผู้อาวุโส”ชายที่คุกเข่าเบื้องหน้านางเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง “ในวันนั้นเราทำร้ายนางจนได้รับบาดเจ็บสาหัส นางไม่มีทางรอดชีวิตได้แน่”
นัยน์ตาของมู่เจินเคร่งเครียดลงอีกครั้ง”ในขณะที่เจ้าไล่ล่านางนั้น นางกำลังตั้งครรภ์ใช่หรือไม่ ?”
ร่างของชายผู้นั้นสั่นสะท้านที่สุดเรื่องนี้ก็ถูกเปิดเผยแล้วกระนั้นหรือ ?
”เรียนท่านอาวุโสในวันนั้น หญิงผู้นั้นตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว หากแต่นางได้รับบาดเจ็บสาหัส เช่นนั้นเด็กในครรภ์ก็ไม่อาจมีชีวิตรอดได้แน่”
แม้ว่าเด็กจะรอดทว่าก็ไม่มีทางมีชีวิตอยู่ได้จนเติบใหญ่เป็นแน่
”เหตุใดเจ้าไม่รายงานเรื่องนี้ให้เร็วกว่านี้”มู่เจินใช้กำปั้นทุบโต๊ะด้วยความโกรธ โต๊ะแตกออกเป็นสองเสี่ยงในทันที พลันน้ำชาก็ไหลนองพื้น
”อย่างไรเสียเด็กนั่นก็ต้องตายข้าจึง … ”
ปัง!
มู่เจินเตะร่างของชายที่อยู่บนพื้นพลางมองอย่างดุดัน”เจ้ากล้าปิดบังข้า เช่นนั้นก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่ !”
หลายวันที่ผ่านมาเนื่องจากเหวินหวู่เหว่ยเอ่ยถามนางเกี่ยวกับที่อยู่ของหญิงผู้นั้น นางจึงได้สังหารคนของบ้านสกุลมู่ที่เคยไล่ล่าหญิงผู้นั้นในวันนั้นจนสิ้น จะเหลือก็เพียงชายผู้นี้ เขาเพิ่งกลับจากการทำภารกิจ จึงมีชีวิตรอดมาได้จนทุกวันนี้
น่าเสียดายที่เขารู้มากเกินไปนางจึงไม่อาจปล่อยเขาไว้ได้
ภายใต้สายตาหวาดกลัวของชายผู้นี้ดาบของมู่เจินก็แทงเข้าที่หน้าอกของเขา นางปรบมือเรียกคนเข้ามา พลางกล่าวอย่างใจเย็น “โยนมันลงหลุมจากนั้นก็ฝังซะ”
”ขอรับ…ท่านอาวุโส”
มีร่างของผู้ชราปรากฏกายออกมาอย่างช้าๆ เขามองชายผู้จมกองเลือดอย่างไม่แยแส ก่อนจะยกร่างของชายผู้จมกองเลือดขึ้น จากนั้นก็เดินไปที่ประตู
ชั่วขณะนี้ชายชราดูเหมือนจะไม่รับรู้สิ่งใดเพราะหลังจากที่เขาออกไป ก็มีร่าง ๆ หนึ่งลอบตามเขาไปด้วย และหลังจากที่เขาทิ้งศพในมือของเขาลงไปในหลุม คนผู้นั้นก็ปรากฏตัวออกมายกศพขึ้น และพาหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทั้งหมดนี้มู่เจินเองก็คิดไม่ถึง ใจของนางเต็มไปด้วยความโทสะ และความเกลียดชังไป๋หยานอย่างล้ำลึก
”ข้าไม่คาดคิดว่านางแพศยานั่นจะมีลูกกับเจ้าตำหนักน้อย นางเป็นเพียงหญิงชั้นต่ำ นางจะมีลูกกับเจ้าตำหนักน้อยได้อย่างไร ?” มู่เจินขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางกล่าวว่า “โดยเฉพาะนังผู้หญิงแซ่ไป๋นั่น ไม่แปลกใจเลยที่ข้ารู้สึกไม่ชอบหน้านาง หากนางเป็นบุตรสาวของนางแพศยานั่น นางก็ต้องแพศยาไม่ต่างกับมารดาของนาง พวกนางไม่มีทักษะอื่นใด นอกไปเสียจากการล่อลวงผู้ชาย !”
***จบบทการแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (10)***