จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 741-745
บทที่ 741 : ยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ (5)
บนเตียง…ร่างของจิ้งจอกตัวน้อยปกคลุมไปด้วยแสงสีเงินภายใต้แสงสีเงินร่างกายของเขาค่อย ๆ ยืดออกทีละน้อย ๆ ชั่วอึดใจต่อมา เจ้าก้อนซาลาเปาน้อย นุ่มเนียน น่าเอ็นดู ก็ปรากฏต่อสายตาของไป๋หยาน
”เฉินเอ๋อ!”
นางเม้มริมฝีปากของนางแน่นน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตา ร่างที่ตื่นเต้นของนางพลันสั่นเทา
”หม่ามี้…”
เสียงนุ่มๆ ทำให้น้ำตาของไป๋หยานหล่นลงมาอีก นางเดินไปที่หัวเตียงรีบกอดซาลาเปาน้อยบนเตียงแน่น
”เฉินเอ๋อเด็กดีในที่สุด เจ้าก็หายดีแล้ว … ”
ซาลาเปาน้อยลืมตาแววตาของเขายังคงสับสน ต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่นัยน์ตากลมโตคู่นั้นจะรู้กระจ่าง
เขารู้สึกว่าน้ำตาของไป๋หยานหล่นลงมาบนไหล่ของเขาร่างของเขาแข็งทื่อขึ้นทันที เขายกมือขึ้น ใช้นิ้วสั้น ๆ เช็ดน้ำตา พลางเอ่ยกล่าวเบา ๆ ว่า “หม่ามี้ อย่าร้องไห้ เฉินเอ๋อจะเป็นลูกของหม่ามี้เสมอ และจะไม่มีวันทิ้งหม่ามี้ไปไหน … ”
“แม่ขอโทษ…เฉินเอ๋อแม่ขอโทษ … ”
น้ำเสียงของไป๋หยานนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและปวดร้าวหากมิใช่เพราะนางไร้สามารถ บุตรชายของนางก็คงจะไม่ต้องเจ็บปวดมากถึงเพียงนี้
เหตุที่นางไม่ให้อภัยตี้คังก็คือชายผู้นั้นปกปิดเรื่องราวต่าง ๆ มากมายมิให้นางรู้ และอีกเรื่องก็คือ แม้ว่าผู้ที่ออกคำสั่งจะไม่ใช่เขา หากแต่การบาดเจ็บของเฉินเอ๋อก็ยังคงเกี่ยวข้องกับเขาอยู่ดี !
เช่นนั้นเรื่องนี้ต้องให้เขาได้ลิ้มรสบทเรียนเสียบ้าง!
”หม่ามี้… ” ไป๋เสี่ยวเฉินเม้มริมฝีปาก พลางกล่าวอึกอัก “ป๊ะป๋าวายร้ายบอกข้าว่า เขาไม่ได้ทำเรื่องนั้น มีคนปลอมเป็นเขา เขาออกจากวังเพื่อปฏิบัติภารกิจบางอย่าง เขาสั่งให้วิหคเพลิงกลับมาบอกหม่ามี้แล้ว หากแต่ผู้ใดจะรู้ว่าวิหคเพลิงงี่เง่านั่นกลับใช้การไม่ได้”
ใบหน้าของไป๋หยานเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อยทว่าไป๋เสี่ยวเฉินก็ไม่ทันสังเกตเห็น การเปลี่ยนแปลงของนาง เขาเอ่ยถามต่อว่า “หม่ามี้ อยากพบป๊ะป๋ามั้ย ?”
ในขณะนี้ไป๋เสี่ยวเฉินดูเหมือนจะไม่รู้ตัวว่าตี้คังได้ติดตามเขามาอย่างลับ ๆ เช่นนั้น คำพูดของเขา ก็เหมือนขายตัวเอง
ไป๋หยานยิ้มรอยยิ้มนั้นเย็นชาอีกทั้งมืดมน
ไป๋เสี่ยวเฉินอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น”หม่ามี้ ยิ้มน่ากลัวจัง … ”
”ลูกรักแม่ขอถามเจ้าหน่อย” ไป๋หยานเอ่ยถามอย่างใจเย็น “หลังจากที่เจ้าออกจากบ้านสกุลจงแล้ว เจ้าไปอยู่กับชายคนนั้นมาใช่หรือไม่ ?
ไป๋เสี่ยวเฉินคอหดพลางพยักหน้าน้อย ๆ “ข้าถูกป๊ะป๋าวายร้ายพาตัวไป”
ดูเหมือนหม่ามี้จะโกรธมากเช่นนั้นเพื่อปกป้องตนเอง ไป๋เสี่ยวเฉินเลยโยนบาปให้ตี้คัง
”เจ้านำตี้คังมาที่นี่งั้นหรือ?” ไป๋หยานเอ่ยถามต่อ
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตาอย่างงงงวย”เฉินเอ๋อ ไม่ได้นำป๊ะป๋าวายร้ายมา แต่ เฉินเอ๋อสัญญากับเขาว่า หากหม่ามี้ต้องการพบเขา เฉินเอ๋อจะพาหม่ามี้ไปพบเขา”
”เช่นนั้นแม่ก็เข้าใจแล้ว”
ไป๋หยานเดินช้าๆ ไปยังประตู นางเปิดประตูออกทันที เพียงชั่วครู่ ชายคนหนึ่งผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างนอกบ้าน พลันปรากฏต่อสายตาของไป๋เสี่ยวเฉิน ทำเขาอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
ป๊ะป๋าวายร้ายมาได้อย่างไร?
”ตี้คังเจ้าหลอกเฉินเอ๋อให้มาแก้ตัวแทนเจ้าใช่หรือไม่ ? ทั้งยังใช้เขาเพื่อตามมาหาข้าด้วย” รอยยิ้มของไป๋หยานเย็นยะเยือก
ตี้คังรู้สึกเพียงสายลมปะทะเสื้อของเขาแล้วชอนไชเข้าไปในร่างของเขาจนเย็นยะเยือก
”หยานเอ๋อฟังข้าก่อน !” ตี้คังรีบคว้าแขนเรียวงามของไป๋หยาน “ข้าเพียง … ”
”ไปกันเถอะ!”
ไป๋หยานจ้องเขาพลางกล่าวด้วยความโกรธ
”ข้าไม่ให้เจ้าไป!”
หากเขาปล่อยนางไปชั่วชีวิตนี้เขาจะไม่อาจพบนางได้อีก
นัยน์ตาเรียวคมของตี้คังส่องประกายแสงสีแดงออกมาเขาดึงไป๋หยานเข้ามาในอ้อมแขนแล้วโน้มตัวลงจูบ จูบริมฝีปากที่เขาโหยหามานาน
***จบบทยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ (5)***
บทที่ 742 : ยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ (6)
เมื่อมองฉากนั้นจากระยะไกลกำปั้นที่เฟิงลี่เฉินไพล่ไว้ข้างหลังก็กำแน่น เขาแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้แล้ว ทว่าในที่สุดเขาก็อดกลั้นไว้ได้
เขาอยากจะหยุดคนทั้งสองหากแต่เขาจะมีสิทธิใดไปห้ามคนทั้งคู่เล่า ?
เขาทำได้เพียงเม้มริมฝีปากที่ปิดสนิทเพื่อกลั้นใจลมหายใจของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดราวกับถูกเข็มปักไปทั่วร่าง
”ไปให้พ้น!”
ไป๋หยานโกรธนางอ้าปากกัดริมฝีปากของตี้คังจนเลือดไหลรินลงไปในปากของเขา กลิ่นเลือดคลุ้ง
นอกจากนัยน์ตาที่หรี่ลงแล้วตี้คังก็ไม่มีการแสดงออกใดเลย เขายังคงกอดร่างของนางแน่น และไม่ยอมปล่อยริมฝีปากอาวรณ์ของตน
”อย่าบังคับข้า!” ไป๋หยานกระแทกกำปั้นใส่หน้าอกของตี้คังอย่างแรง
เพียงไม่ช้าร่างของตี้คังก็เซถอยกลับไปสองสามก้าว พลันรอยเลือดก็ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเขา
”ตี้คัง!”
ไป๋หยานตกใจหน้าเสียนางรีบวิ่งไปข้างหน้า ครั้นเห็นใบหน้าซีด ๆ ของตี้คัง นางก็โกรธจนบอกไม่ถูก “เมื่อครู่…ทำไมท่านไม่หลบ ?”
”ข้าทำให้เจ้าผิดหวังก็สมควรรับหมัดของเจ้าแล้วมิใช่รึ? ต่อให้เจ้าแทงข้าด้วยมีด ข้าก็จะไม่หลบ”
ตี้คังถือโอกาสจับมือของไป๋หยานริมฝีปากของเขายกโค้งเจ้าเล่ห์ “หยานเอ๋อ, ให้อภัยข้าเถอะนะ ได้หรือไม่ ?”
หัวใจของไป๋หยานสั่นคลอนใบหน้าของนางแลดูสับสน นางก้มหัวลงเล็กน้อย ไม่รู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ในใจ
”หยานเอ๋อข้ารู้แล้วว่าครั้งนี้ข้าผิดจริง ๆ” ตี้คังกล่าว พร้อมกับจับมือนางแน่น “เจ้าเคยบอกข้าว่าเจ้าต้องการอาณาจักรสวรรค์ ข้าเลยออกไปโจมตีแดนสวรรค์ เหตุที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าก็เพราะ ข้าต้องการให้เจ้าประหลาดใจ ข้าไม่คาดคิดว่า นั่นจะทำให้เจ้าเข้าใจผิด หยานเอ๋อ…ข้ารับประกันได้เลยว่า วันหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่ปิดบังเจ้าอีก”
ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจเสียงของนางสั่นเล็กน้อย “ข้าเพียงล้อเล่น ข้าอยากให้ท่านกลับไปก็เท่านั้น”
นางไม่ได้ต้องการอาณาจักรสวรรค์จริงๆ สักหน่อย
”…”
หัวใจของตี้คังกลายเป็นโง่งมนี่เป็นเพียงเรื่องล้อเล่นกระนั้นหรือ ? หากแต่เขาจริงจังกับเรื่องนี้มากเลยนะ
”หยานเอ๋อข้าทำทุกอย่างที่เจ้าบอกเสมอ” ท่าทีของตี้คังแลดูจริงจังมาก นัยน์ตาเรียวคมของเขาก็จับจ้องเพียงหญิงสาวตรงหน้า
ไป๋หยานจิกริมฝีปากของนาง”ในเมื่อท่านเริ่มโจมตีอาณาจักรสวรรค์ไปแล้ว ข้าก็จะรับไว้แม้ไม่เต็มใจนักก็ตาม ข้าไม่ต้องการให้ท่านใช้พลังของท่านโจมตีอาณาจักรสวรรค์เพื่อข้า ข้าชอบที่จะใช้กำลังของข้าเพื่อสิ่งที่ข้าต้องการ !”
แม้ไป๋หยานจะไม่กล่าวออกมาอย่างชัดเจนหากแต่ตี้คังก็เข้าใจความหมายของนาง
นางกำลังจะออกไปร่วมต่อสู้พร้อมกับเขา?
”หยานเอ๋อเจ้าหมายความว่าเจ้ายกโทษให้ข้าแล้วใช่หรือไม่ ?” ใบหน้าที่หล่อเหลาของตี้คังแลดูมีความสุขมากขึ้น นัยน์ตาเรียวคมจับจ้องมองไป๋หยานตลอดเวลา
ไป๋หยานเลิกคิ้วขึ้นพลางมองตี้คังที่ดูเหมือนจะหายดีแล้วอย่างสงสัย “เมื่อครู่นี้ ข้าไม่ได้ทำร้ายท่านหรอกหรือ ? เหตุใดตอนนี้ถึง … ”
ใบหน้าของตี้คังแข็งค้างเขากำลังคิดจะอธิบาย แต่ครั้นเห็นใบหน้าของไป๋หยานเคร่งขรึมลงอีกครั้ง เขาก็กล่าวด้วยความตกใจ “หยานเอ๋อ ที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริงนะ ขอเพียงเจ้าอภัยให้ข้า แม้ว่าเจ้าจะแทงข้าหลายครั้ง ข้าก็ยอม แต่เรื่องเมื่อครู่ เป็นเพราะเจ้าเพิ่งผ่านเข้าสู่ระดับซุ่นเจี่ย ถึงข้าจะไม่ทันเตรียมตัว ก็เป็นการยากที่เจ้าจะทำร้ายข้าได้ … ”
ไป๋หยานหน้าดำขึ้นเล็กน้อยใบหน้านางแลดูไม่ได้เลย ชายผู้นี้กำลังดูหมิ่นความแข็งแกร่งของนางว่าต่ำต้อยกระนั้นหรือ ?
”หากข้าไม่ได้ทำร้ายท่านเหตุใดท่านจึงแสร้งทำเป็นบาดเจ็บ ? ทั้งยังกระอักเลือด”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของตี้คังก็ยุ่งย่นเล็กน้อยเลือดของเขาเมื่อครู่เป็นเพราะถูกนางกัดมิใช่หรือ ?
หากเขาไม่แสร้งบาดเจ็บนางก็คงจะขับไล่เขาอีก
***จบบทยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ (6)***
บทที่ 743 : กระตุกหนวดพ่อตาเช่นนี้ไม่ดีแน่ (1)
”ตี้คัง!”
ครั้นเห็นสีหน้าของตี้คังไป๋หยานก็รู้ว่านางถูกหลอกอีกแล้ว นัยน์ตาของนางหรี่ลงเล็กน้อย รอยยิ้มเผยออยู่บนริมฝีปากของนาง
ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับเย็นยะเยือกเฉกเช่นลมหนาวที่พัดผ่านร่างของตี้คัง
”ท่านกล้าโกหกข้ากระนั้นหรือ?”
นางเดินเข้าไปหาตี้คังทีละก้าวหากแต่รอยยิ้มของนางช่างน่าขนลุก
”หยานเอ๋อฟังข้าอธิบายก่อน … ” ตี้คังตื่นตระหนก เขาต้องการจับมือของไป๋หยาน ทว่านางก็ยกมือขึ้นกั้น
นางยิ้มพร้อมกับกล่าวพึมพำโดยไม่มีท่าทีโกรธแต่อย่างใด นั่นเป็นเหตุที่ว่า ไยหัวใจของตี้คังจึงสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ
”เฉินเอ๋อลูกรักไปเราไปหาท่านตาของเจ้ากัน ท่านตากำลังรอเราอยู่”
ทันทีที่ไป๋เสี่ยวเฉินก้าวออกจากธรณีประตูเขาก็ได้ยินคำกล่าวของไป๋หยาน เขาเหลือบมองตี้คังด้วยสายตาสิ้นหวัง ขณะเดินตามหลังแม่ไปที่เชิงเขาด้านหลัง
เมื่อเห็นไป๋หยานกำลังจากไปตี้คังก็พยายามติดตามนาง ทว่าทันใดนั้นเขาก็ชะงัก พลางหันหลังกลับไปมองชายที่อยู่ด้านหลังเขา พร้อมกับเผยรอยยิ้มภาคภูมิใจ
”ต่อไปรอถึงงานไหว้พระจันทร์ของบุตรสาวข้า ข้าจะเชิญเจ้ามาร่วมงานด้วย”
ถ้อยคำของเขาไม่ต่างจากการประกาศสงครามแต่ก็ไม่ได้ทำให้การแสดงออกของเฟิงลี่เฉินเปลี่ยนไปมากนัก เขายังแสดงทีท่าสบาย ๆ ภายใต้สายลมบางเบา เสื้อคลุมสีขาวปลิวไสวคล้ายเซียนผู้อมตะ
”หวังว่าเจ้าคงจะมีวันนั้นจริง ๆ”
ถ้อยคำเยาะเย้ยนั้นตี้คังไม่หันกลับไปมองแม้แต่น้อย แสงสีม่วงพุ่งออกไปราวกับดาบลอยออกไปนอกภูเขา ลับหายไปจากภูเขาที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆ
เมื่อมองตามทิศทางการจากไปของสมาชิกทั้งสามคนในครอบครัวนี้เฟิงลี่เฉินก็ได้แต่นิ่งงัน มือของเขากอดอกแน่น ริมฝีปากของเขาปรากฏรอยยิ้มขมขื่น
”ราชาเทพสวรรค์”
หญิงสาวในชุดสีเขียวยืนอยู่ด้านหลังของเฟิงลี่เฉินนางคุกเข่าลงอย่างนอบน้อมพลางกล่าวว่า “หม่อมฉันได้รับคำสั่งให้มาถามพระองค์ว่า พระองค์จะเสด็จกลับอาณาจักรสวรรค์เมื่อใดเพคะ ?”
ใบหน้าของเฟิงลี่เฉินเย็นชาขึ้นเล็กน้อยเขามองหญิงสาวในชุดเขียวที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นชา แววตาของเขาล้ำลึกและมืดมน
”ดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้ใดฟังข้าเลยสินะ?”
สตรีในชุดเขียวสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากนางไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มอีกเลย เขาดูเหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่ทำให้นางไม่อาจเงยหัวขึ้นได้
”หม่อมฉันมิกล้า?”
”มิกล้างั้นรึ?” เฟิงลี่เฉินทำน้ำเสียงเย็นชาลงอีก “หากมิกล้าจริง ๆ เหตุใดเจ้ายังเรียกข้าว่าราชาเทพสวรรค์อีกเล่า ? เมื่อในเวลานั้นข้าบอกแล้วว่า นับจากนี้ จะไม่มีราชาเทพสวรรค์ในแดนสวรรค์แล้ว และทุกคนต้องเรียกข้าว่าคุณชาย เวลานี้เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่า เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่ ?”
ร่างของหญิงสาวในชุดสีเขียวสั่นเล็กน้อยดูเหมือนนางไม่พอใจอย่างยิ่ง นางกัดริมฝีปากแน่น และไม่กล่าวคำใดอีก
”ไปให้พ้น!”
เฟิงลี่เฉินมีสีหน้าเคร่งเครียด”หากไม่มีคำสั่งข้า ต่อไปห้ามทุกคนมาที่โลกนี้อีก !”
”เจ้าค่ะ”
หญิงสาวในชุดเขียวระงับความหึงหวงในใจตนนางไม่เข้าใจเลยว่าหญิงผู้นั้นมีอะไรดี กระทั่งทำให้คุณชายติดตราตรึงใจอยู่กับนางมาหลายพันปีเช่นนี้
*****
ในยามนี้ไป๋ฉางเฟิ่งและคนอื่น ๆ ยังคงรอไป๋หยานอยู่ในคฤหาสน์ เหล่าชายชรากำลังสนทนากันถึงวิธีการตามหาไป๋หนิง แล้วพวกเขาก็เห็นไป๋หยานพร้อมด้วยเจ้าซาลาเปาน้อยเดินเข้ามาในลานบ้านแต่ไกล
เมื่อแลเห็นเด็กน้อยที่แสนน่ารักและอ่อนโยนหัวใจของจุนเทียนเยว่พลันอ่อนยวบ นางก้าวไปข้างหน้าด้วยแววตาที่เปล่งประกายความรักความเอ็นดู
”เด็กคนนี้ก็คือเฉินเอ๋อกระนั้นหรือ ?”
”เขาคือบุตรชายของข้า…เฉินเอ๋อ”ไป๋หยานเชิดริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับยิ้ม นางหันไปมองเด็กชายตัวน้อยที่อยู่ข้างกาย พลางแตะศีรษะเล็ก ๆ ของเขาเอ่ยกล่าวว่า “เหตุใดเจ้ายังไม่เรียกท่านย่าอีก ?”
***จบบทกระตุกหนวดพ่อตาเช่นนี้ไม่ดีแน่ (1)***
บทที่ 744 : กระตุกหนวดพ่อตาเช่นนี้ไม่ดีแน่ (2)
ระหว่างทางมาที่นี่ไป๋หยานเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ไป๋เสี่ยวเฉินฟังหมดแล้ว โชคดีที่เด็กน้อยมีความสามารถในการรับรู้ดีเยี่ยม เมื่อเขาได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เขาก็กระพริบนัยน์ตากลมโต พลางเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า
”ท่านย่าท่านแลดูอ่อนเยาว์มาก จนเฉินเอ๋อคิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะเป็นท่านย่าของเฉินเอ๋อ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของจุนเทียนเยว่เบ่งบานราวดอกไม้”เด็กน้อย เจ้าช่างปากหวานจริง ๆ ช่างน่ารักจริง ๆ เลย แต่ย่าเพิ่งได้ยินมาว่าท่านพ่อของเจ้าทำร้ายเจ้าใช่หรือไม่ ? ไม่ต้องกังวลในตำหนักเซียนพยับหมอกนี้ จะไม่มีผู้ใดทำร้ายเจ้าได้อีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งบิดาของเจ้า”
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตาปริบๆ ป๊ะป๋าวายร้ายเคยล่วงเกินท่านย่ามาก่อนที่เขาจะได้พบนางหรือไม่นะ ?
แต่ได้ยินท่านย่าพูดแบบนี้ป๊ะป๋าคงจะไม่อยากเข้ามาในสำนักนี้แล้วล่ะ
”แค่กๆ !” เหวินหวู่เหว่ยกระแอมไอสองครั้ง เขาส่งสายตาบอกจุนเทียนเยว่ให้แนะนำตัวเขา
จุนเทียนเยว่ไม่สนใจเขานางกลับบอกไป๋เสี่ยวเฉินว่า “ชายผู้นี้ไม่ใช่คนดีอย่าไปสนใจเขาเลย เดี๋ยวเขาจะขายเจ้าอีก”
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว”อืม”
ชั่วขณะนั้นใบหน้าของเหวินหวู่เหว่ยดำสนิท เขารู้ว่าเขาผิดไปแล้ว เหตุใดนางยังคิดว่าเขาจะยอมมอบคนในครอบครัวให้กับเทพธิดาอีกล่ะ ?
”หยานเอ๋อ… ”
แม้ว่าเหวินหยุนเฟิงจะโกรธแค้นชายสารเลวที่ล่อลวงบุตรสาวของเขาเป็นอย่างมากแต่ครั้นเขาแลเห็นเจ้าซาลาเปาน้อยที่น่ารักเสียเหลือเกิน เขาก็นึกเอ็นดูในใจ
แต่เขาก็กลัวว่าเขาจะทำให้เด็กน้อยตกใจ เช่นนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรไปชั่วขณะ เขาหันไปมองไป๋หยานด้วยสีหน้าตึงเครียด หากแต่ก็เต็มไปด้วยความคาดหวังในแววตา
”เฉินเอ๋อมานี่สิ”ไป๋หยานเรียกเฉินเอ๋อพร้อมรอยยิ้ม
ไป๋เสี่ยวเฉินเดินไปยืนข้างกายไป๋หยานพลันใบหน้าเล็ก ๆ แสนน่ารักอ่อนนุ่มก็เผยรอยยิ้มสดใส “หม่ามี้”
”นี่ท่านตาของเจ้าตาแท้ ๆ ของเจ้า” ไป๋หยานลูบศีรษะเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน “ไปหาท่านตาของเจ้าสิ”
นัยน์ตาของเจ้าซาลาเปาน้อยนั้นสว่างไสวเปล่งประกายน่าตื่นตาเสียยิ่งกว่าดวงดาว
ในยามนี้ดวงตาที่สดใสทั้งคู่กำลังจับจ้องมองเหวินหยุนเฟิง
”เฉินเอ๋อ… ” หัวใจของเหวินหยุนเฟิงเครียดเกร็ง เขามองเจ้าซาลาเปาน้อยเบื้องหน้าอย่างเป็นกังวล เขายกมือขึ้นหลายครั้ง เพื่อจับศีรษะของเด็กน้อย ทว่าในที่สุดก็วางลง
”ท่านตา”
ไป๋เสี่ยวเฉินร้องเรียกด้วยน้ำเสียงทารกที่ยังไม่สิ้นกลิ้นน้ำนมเขายกแขนสั้น ๆ ทั้งสองข้างขึ้นกอดเอวของเหวินหยุนเฟิง
แขนของเด็กน้อยนั้นสั้นมากกระทั่งไม่สามารถโอบรอบเอวเขาได้
”ท่านตาที่สุดเฉินเอ๋อก็มีท่านตาจริง ๆ แล้ว ไม่มีผู้ใดขายเฉินเอ๋อโดยอาศัยฐานะญาติผู้ใหญ่ได้อีกต่อไปแล้ว”
”ว่าไงนะ?” เหวินหยุนเฟิงรีบเอ่ยถามออกมาทันที “มีคนคิดจะขายเจ้าด้วยกระนั้นรึ ?”
”หลังจากแม่บุญธรรมของหม่ามี้ตายไปพ่อบุญธรรม และแม่เลี้ยงมักจะรังแกหม่ามี้ พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องการขายหม่ามี้ ทว่ายังต้องการขายเฉินเอ๋อให้กับหอบุปผาในฐานะที่พวกเขาเป็นญาติผู้ใหญ่ของเฉินเอ๋อ โชคดีที่ หอบุปผาเป็นของหม่ามี้ ดังนั้นคนใจร้ายพวกนั้นจึงทำไม่สำเร็จ ”
แววตาของไป๋เสี่ยวเฉินนั้นสว่างสดใสและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ความสดใสเหล่านั้นดูเหมือน เพื่อจะส่งผ่านความสะเทือนใจไปที่ผู้คนรอบข้างที่เคยทำร้ายเหวินหวู่เหว่ยไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่ก็ตามให้พวกเขาได้รับฟัง
แน่นอนเขาเจตนาทำเช่นนั้น !
หากมิใช่เพราะคนเหล่านี้ท่านยายก็จะไม่หายตัวไป แม่ของเขาก็จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน และท่านตาก็คงไม่ต้องถูกกักขังอยู่นานหลายปี
ด้วยความรักของไป๋เสี่ยวเฉินที่มีต่อไป๋หยานเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่โกรธแทนนาง !
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นสีหน้าซีด ๆ ของเหวินหยุนเฟิง ไป๋เสี่ยวเฉินก็รู้สึกเสียใจ
ท่านตาช่างไร้เดียงสาเขาไม่รู้อะไรเลย เพราะป่วยมานานหลายปี หากเขาต้องป่วยอีกครั้ง ก็ต้องถือว่าเป็นความผิดของเขาแล้ว
”เหวินหวู่เหว่ย!”จุนเทียนเยว่ตวาดออกมาด้วยความโกรธ พลางชี้นิ้วสั่น ๆไปที่เหวินหวู่เหว่ย “ทั้งหมดเป็นเพราะท่าน ทุกอย่างต้องตำหนิท่าน เหตุใดท่านไม่เชื่อข้า เทพธิดานั่นคืออะไร ? ต่อให้นางแข็งแกร่งเพียงใด นางก็แค่แยกกายทิพย์ของนางมาบนโลกนี้ นั่นก็พิสูจน์ได้แล้วว่านางไม่สามารถมาที่นี่ได้ด้วยตนเอง ! แต่ท่านก็ยัง… ”
***จบบทกระตุกหนวดพ่อตาเช่นนี้ไม่ดีแน่ (2)***
บทที่ 745 : กระตุกหนวดพ่อตาเช่นนี้ไม่ดีแน่ (3)
ความขมขื่นปรากฏที่มุมปากของเขาก่อนนั้นบรรดาผู้อาวุโสส่วนใหญ่ในตำหนักเซียนพยับหมอกข่มขู่เขา กระทั่งเขาไม่มีทางเลือก นอกจากยอมตามคนเหล่านั้น
อย่างไรก็ตามเขาก็ทำผิดไปแล้ว
นัยน์ตาของจุนเทียนเยว่เปลี่ยนเป็นสีแดงน้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความโกรธ “ข้าขอบอกเจ้า ครานี้หากเจ้าไม่ต้องการให้ครอบครัวของเราแตกแยก ! เจ้าก็ไม่ต้องฟังคนบ้า ๆ พวกนี้อีก หาไม่ ข้าก็จะไม่อยู่กับเจ้าแล้ว !”
“ครั้งนี้ข้าจะไม่ทำพลาดอีก”เหวินหวู่เหว่ยถอนหายใจ
”ข้าก็หวังเช่นนั้น!”
ทันใดนั้นเองจุนเทียนเยว่ก็คิดถึงสิ่งที่สองแม่ลูกไป๋หยานกับไป๋เสี่ยวเฉินต้องทุกข์ทรมานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หัวใจของนางพลันสั่นไหว เพราะพวกเขาทั้งสองสมควรจะได้รับการปฏิบัติ และยกย่องอย่างสมฐานะในตำหนักเซียนพยับหมอกแห่งนี้
หากตระกูลไป๋ยังไม่ถูกทำลายนางจะให้คนพวกนั้นต้องเสียใจไปตลอดชีวิต !
*****
ทันใดนั้นเองกลิ่นอายที่คุ้นเคยพลันลอยมาจากด้านหลัง ไป๋หยานขมวดคิ้ว นัยน์ตาของนางเคร่งขรึมลง นางหันหนีไปอีกด้านอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามมือของเขาก็คว้าแขนนาง พลางรั้งนางเข้าสู่อ้อมกอดแนบแน่น
กลิ่นอายชายผู้ที่ข่มทุกคนอยู่เสมอทว่ากลับเจือความอ่อนโยนที่ไม่อาจบรรยายได้
”หยานเอ๋อเจ้ายังโกรธข้าอยู่หรือ ?”
”ปล่อยข้า! หากท่านไม่ปล่อย ข้าจะไม่ให้อภัยท่านตลอดชีวิต”
บางทีอาจเป็นเพราะกลัวไป๋หยานโกรธมากขึ้นครานี้ตี้คังจึงไม่ดื้อดึง เขาปล่อยมืออย่างว่าง่าย
”หยานเอ๋อนี่คือ … ” คิ้วของเหวินหยุนเฟิงยับย่นเล็กน้อย ทว่าสายตาที่พินิจพิจารณาของเขาก็จับจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่ม
เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบบุรุษผู้ซึ่งแลดูภูมิฐานสง่างามเช่นนี้แต่นั่นก็ดีกว่าคำพูดมากมายที่จะนำมาใช้อธิบายภาพลักษณ์ของตี้คัง
แค่เพียง…
ชายผู้นี้แลดูอันตรายมากเขาเปรียบเสมือนผู้ที่หลุดมาจากนรกอเวจี พร้อมด้วยไอเย็นยะเยือก ที่แผ่คุกคามออกมาจากทั่วร่างของเขา
”คนที่ข้าไม่อยากพบ!” ไป๋หยานจับมือของไป๋เสี่ยวเฉินพลางเหยียดริมฝีปากยิ้ม “ท่านพ่อ เฉินเอ๋อกับข้าเหนื่อยมากแล้ว อยากไปพักผ่อนก่อน ช่วยหยุดเขาให้ข้าหนอย ข้าไม่อยากเห็นหน้าเขา”
ผู้ใดใช้ให้คนสารเลวนี่แสร้งทำเป็นบาดเจ็บหลอกลวงนางล่ะ!
ท่านพ่อ?
แต่เดิมตี้คังต้องการจะง้อนางให้สำเร็จแต่ครั้นเขาได้ยินไป๋หยานเรียกขานชายผู้นั้น เขาก็ถอนพลังกดดันอันแข็งแกร่งทั้งหมดออก พลางยิ้มอย่างงดงาม
”ท่านพ่อตาข้าเป็นสามีของหยานเอ๋อ ทั้งเป็นบิดาของเฉินเอ๋อ”
ใบหน้าของเหวินหยุนเฟิงเย็นชาเขาหยิบไม้กวาดขึ้นแล้วโบกใส่ตี้คัง
ตี้คังตกใจกระทั่งไม่มีเวลาหลบ แต่ด้วยพละกำลังที่เขามี หากเขาต้องการที่จะต่อต้านเหวินหยุนเฟิง เหวินหยุนเฟิงย่อมไม่สามารถทำร้ายเขาได้
ทว่า…
ชายผู้นี้เป็นพ่อตาของเขา! บิดาของหยานเอ๋อ !
เช่นนั้นตี้คังที่ยกมือขึ้นจึงปล่อยมือตนเองลง
”พ่อตาเรามีเรื่องเข้าใจผิดกัน”
”เรื่องเข้าใจผิดกระนั้นรึ?” เหวินหยุนเฟิงเย้ยหยัน “หากเป็นเรื่องเข้าใจผิด เหตุใดบุตรสาวของข้าถึงไม่อยากเห็นหน้าเจ้า ? หากมิใช่เพราะเจ้า เฉินเอ๋อจะได้รับบาดเจ็บกระนั้นหรือ ? อย่ามาเรียกข้าว่าพ่อตา ข้าไม่มีลูกเขยเช่นเจ้า”
ตี้คังยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อได้ยินถ้อยคำของเหวินหยุนเฟิง เหวินหยุนเฟิงไม่ได้พูดว่าเฉินเอ๋อได้รับบาดเจ็บจากเขา หากแต่เป็นเพราะเขา
เขาจึงไม่อาจปฏิเสธได้
หากมิใช่เพราะเขาก็คงจะไม่มีแม่สาวเผ่าอสรพิษ หากไม่มีหญิงเผ่าอสรพิษนางนั้น เฉินเอ๋อก็คงไม่ได้รับบาดเจ็บ
ไป๋ฉางเฟิ่งและฉิวชู่หรงต่างก็รู้จักตัวตนของตี้คังดียามนี้พวกเขากลับมาเห็นเหวินหยุนเฟิงใช้ไม้กวาดขับไล่ตี้คัง พวกเขาก็แปลกใจมาก หากแต่พวกเขาก็ไม่สามารถกล่าวคำใดได้
ความกระหายเลือดและความโหดร้ายของตี้คัง ทั่วทั้งโลกนี้ต่างรู้กันดี มีเพียงตำหนักเซียนพยับหมอกที่ปิดหูปิดตาแห่งนี้เท่านั้นที่ไม่รู้เรื่องใดเลย
***จบบทกระตุกหนวดพ่อตาเช่นนี้ไม่ดีแน่ (3)***