จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 746-750
บทที่ 746 : กระตุกหนวดพ่อตาเช่นนี้ไม่ดีแน่ (4)
ทว่าชายตัวตัวเหมือนเจ้าโลกคนดังกล่าวเมื่อเผชิญกับการกระทำของเหวินหยุนเฟิง กลับไม่แม้แต่จะป้องกันตัวใด ๆ ได้แต่หลบหลีกไปเรื่อย ๆ
ฉิวชู่หรงรู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นบนหน้าผากของตนเขาหวนคิดถึงการต่อสู้กับตี้คัง ในวันนั้น พวกเขาทั้งสามร่วมมือกัน หากแต่ก็สามารถยับยั้งตี้คังได้เพียงชั่วครู่
แน่นอนว่าเป็นเพราะชายผู้นั้นกลัวว่าจะทำร้ายพวกเขาหาไม่เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่อาจยับยั้งชายผู้นั้นได้
“ท่านพ่อตาเป็นความผิดของข้าจริง ๆ ในตอนนั้น เป็นข้าที่ผิดพลาดเอง ไม่ได้สังหารนังหญิงคิดชั่วเหล่านั้นให้หมด และก็เป็นลูกน้องของข้าเองที่ทำผิดพลาดด้วยเช่นกัน”
หากมิใช่ความโง่เขลาของวิหคเพลิงมีหรือจะสร้างความร้าวฉานถึงเพียงนี้ได้ รอให้หยานเอ๋อตามเขากลับไปสู่แดนอสูรก่อนเถิด เขาจะให้หยานเอ๋อ จัดการกับเจ้าโง่คนนั้นซะ !
”ตี้คังตกลงแล้วเรื่องมันเป็นมายังไงกัน ?” ไป๋ฉางเฟิ่งขมวดคิ้วน้อย ๆ
หากเฉินเอ๋อได้รับบาดเจ็บจากตี้คังเช่นที่ฉิวชู่หรงกล่าวไป๋หยานย่อมไม่ปล่อยให้เหวินหยุนเฟิงยับยั้งเขา ทว่าจะต่อสู้กับเขาทันที
เช่นนั้นย่อมต้องมีความเข้าใจผิดบางอย่าง
ครั้นได้ยินถ้อยคำของไป๋ฉางเฟิ่งเหวินหยุนเฟิงก็หยุด หากแต่ก็ยังขมวดคิ้วมุ่น “เพื่อเห็นแก่ท่านเจ้าสำนักไป๋ ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้อธิบาย”
กว่าจะได้พบบุตรสาวของเขาก็มิใช่เรื่องง่ายนางเป็นที่รักสุดดวงใจของเขา ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ทำร้ายนางอีก
ตี้คังเบ้ปากเล็กน้อยใบหน้าหล่อเหลาของเขาปกคลุมไปด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น เมื่อต้องเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดโดยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน
แน่นอนเขาเล่าทุกอย่างเว้นแต่เรื่องที่เขามาจากแดนอสูร เพราะหากเขาให้พ่อตารู้ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ เขาเกรงว่าเขาจะถูกตะเพิดออกไปทันที
”หญิงผู้ที่ชื่อชิงเซียะนั่นอยู่ที่ใด?” ใบหน้าของจุนเทียนเยว่เปลี่ยนเป็นซีดขาว ร่างของนางสั่นเทา หากชิงเซียะอยู่ต่อหน้านางในตอนนี้ นางต้องลุกขึ้นฉีกหญิงผู้นั้นออกเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน !
ให้สาสมกับที่นางใช้ใครบางคนปลอมเป็นหลานเขยของนางทั้งยังส่งคนไปฆ่าหยานเอ๋อ และทำร้ายเฉินเอ๋อในนามของเขา
หญิงที่น่าเกลียดชังผู้นี้สมควรตายจริงๆ !
ใบหน้าของเหวินหยุนเฟิงยิ่งแย่ลงไปอีกเขาเกือบจะสูญเสียบุตรสาวและหลานชายไปแล้ว ยิ่งนึกถึง หัวใจของเขาก็ยิ่งปวดร้าว ร่างของเขากระตุกสองสามครั้ง ขณะมองไปที่ตี้คัง
“นางตายไปแล้วทว่าข้าเก็บวิญญาณนางไว้ รอให้หยานเอ๋อกลับไปจัดการกับนาง” นัยน์ตาของตี้คังเปล่งประกายเย็นยะเยือก เมื่อเขามองเหวินหยุนเฟิง เขาก็ลบความเย็นชานั้นออกไปจากนัยน์ตาของเขา “ท่านพ่อตา โปรดให้โอกาสข้าอีกครั้ง ข้าจะไม่ยอมให้หยานเอ๋อต้องเจ็บอีกเป็นแน่”
ใบหน้าของเหวินหยุนเฟิงดีขึ้นเล็กน้อย”เจ้าจะรับประกันได้อย่างไร ?”
”จากนี้ไปข้าจะสังหารหญิงทุกคนที่ข้ารู้ว่านางคิดชั่วต่อข้าก่อนที่นางจะทันได้ลงมือ ข้าจะไม่ให้โอกาสพวกนางไม่ว่านางคิดจะทำผิดหรือไม่ก็ตาม !”
เขาไม่ต้องการที่จะเจ็บปวดอีก
เขาไม่ต้องการสูญเสียนางอีกครั้ง!
มีแต่วิธีนี้เท่านั้นแม้ว่าเขาจะทำลายโลก ถูกคนทั้งโลกสาปแช่ง เขาก็จะไม่เสียใจ !
”อืม!” “ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถทำในสิ่งที่เจ้าพูดได้ ! หากแต่บุตรสาวของข้าก็ยังไม่ต้องการเห็นหน้าเจ้า เช่นนั้นในวันนี้เจ้าก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้รบกวนนาง !”
แววตาของตี้คังเปล่งประกาย”ท่านพ่อตายอมให้ข้าอยู่ที่นี่ต่อแล้วใช่หรือไม่ ?”
“แม้ข้าจะไม่เห็นด้วยทว่าหากเจ้าอยากจะอยู่ ข้าจะทำสิ่งใดได้ !” เหวินหยุนเฟิงกวาดสายตาไปมองตี้คัง เขาโยนไม้กวาดลงบนพื้น ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ทิ้งประโยคสุดท้ายจากนั้นก็เดินหายไปในสายลมบางเบา
ยิ่งมองตี้คังนานเท่าใดเขาก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น บุรุษผู้นี้หล่อเหลามาก ชายผู้นี้เหมาะสมกับบุตรสาวที่งดงามของเขาราวกับกิ่งทองใบหยก
“พ่อตาของเจ้าน่ะปากแข็งทว่าใจอ่อน นอกจากนี้เขายังโกรธเจ้ามาก เพราะเจ้ามีส่วนทำให้เฉินเอ๋อบาดเจ็บ หากแต่อีกไม่นานทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น” จุนเทียนเยว่กล่าวเหมือนเข้าข้างตี้คัง “ท่านยังไม่ไปเตรียมห้องให้ตี้คังหลานเขยของข้าอีกหรือ ? ข้าคิดว่าห้องที่ถัดจากห้องของหยานเอ๋อก็ดีนะ ให้เขาพักที่นั่นก่อนก็แล้วกัน”
***จบบทกระตุกหนวดพ่อตาเช่นนี้ไม่ดีแน่ (4)***
บทที่ 747 : กระตุกหนวดพ่อตาเช่นนี้ไม่ดีแน่ (5)
ไป๋ฉางเฟิ่งกระแอมไอสองครั้งแววตาของเขาเหมือนประหลาดใจ
เจ้าจะช่วยตี้คังกระนั้นรึ?
แน่นอนว่าจุนเทียนเยว่เป็นเพียงคนเดียวที่กล้าให้ความช่วยเหลือตี้คังเพราะไป๋หยานจะไม่โกรธนาง ทั้งไป๋หยานจะไม่กล้าทำอะไรนางด้วย
”ท่านเจ้าตำหนัก”จงหนานกล่าวพร้อมกับแววตาที่ดูราวกับนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ “หยานเอ๋อ ขอให้ข้าตามหาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้นาง หากท่านช่วยนางหาเด็กคนนี้ได้ บางทีหยานเอ๋ออาจจะยกโทษให้ท่านที่พรากคู่สร้างคู่สมออกจากกัน”
สายตาของเหวินหวู่เหว่ยพลันสดใส”จริงหรือ ? เช่นนั้นเจ้าก็มอบรูปของเด็กผู้หญิงคนนั้นให้กับข้า แล้วข้าจะส่งคนไปตามหาเอง”
จงหนานโล่งอกที่ข้อเสนอของเขาได้รับการยอมรับ แท้จริงเขาเองก็พอมีเบาะแสอยู่ในมือบ้างแล้ว ทว่าตอนนี้เขาอยากมอบความดีความชอบนี้ให้กับท่านเจ้าตำหนัก เพื่อที่ว่าเจ้าตำหนักจะสามารถแก้ปมปัญหา และสามารถทำให้ไป๋หยานอภัยให้เขาได้
*****
ครั้นไป๋หยานออกจากลานบ้านบริเวณนั้นนางก็เดินตามสาวใช้ของนางไปยังห้องที่จุนเทียนเยว่เตรียมไว้ให้ สายตาของนางกวาดโดยรอบ ๆ ช้า ๆ พลันนางก็เห็นสมุด และแท่นหมึกวางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นนางก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างแช่มช้า
นางฉีกกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่งแตะพู่กันกับหมึก เขียนรายนามสมุนไพรบางอย่างลงไป ก่อนจะส่งให้สาวใช้
”นำไปให้ท่านพ่อของข้าบอกให้เขานำสมุนไพรเหล่านี้มาให้ข้า”
ชิงอี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสมานานหลายปีตอนนี้นางมีตำหนักเซียนพยับหมอกคอยให้การสนับสนุน เช่นนั้นนางจึงสามารถใช้อำนาจของตำหนักเซียนพยับหมอกรวบรวมสมุนไพรให้นางได้
เมื่อได้กินยาอาการบาดเจ็บของชิงอี้ก็จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ และเมื่อนั้นนางก็จะมีไพ่อีกใบในกำมือ
”เจ้าค่ะคุณหนู”
หญิงสาวผู้นั้นคำนับอย่างนอบน้อมนางรับกระดาษสีขาวที่ไป๋หยานส่งมาให้ ก่อนจะเดินไปที่ประตู จากนั้นก็ปิดประตูลง
”หม่ามี้”
ไป๋เสี่ยวเฉินวิ่งมายืนข้างไป๋หยานพลางปีนขึ้นไปนั่งบนตักนาง เขาถูไถศีรษะเล็ก ๆ ของเขากับหน้าอกของนาง พลางยิ้มอย่างไร้เดียงสาด้วยความรักสุดซึ้ง
”คืนนี้เฉินเอ๋อ อยากนอนกับหม่ามี้”
มือเล็กๆ ของเขากอดร่างของไป๋หยานแน่น พร้อมกับหลับตาลงอย่างสงบ
อ้อมแขนของแม่อบอุ่นเกินกว่าที่เขาจะยอมจากนางไปตลอดชีวิต
”เฉินเอ๋อแม่เกรงว่า เราจะต้องพำนักในตำหนักเซียนพยับหมอกนี่จนกว่าจะหาหลงเอ๋อพบ หลังจากเราพบนางแล้ว เราจึงจะไปจากที่นี่”
ไป๋หยานลูบศีรษะเล็กๆ ของเจ้าตัวน้อยด้วยสายตาอ่อนโยน
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าอย่างชาญฉลาด”เฉินเอ๋อเชื่อฟังหม่ามี้ แต่หม่ามี้ไม่สนใจป๊ะป๋าจริง ๆ หรือ?”
คำพูดนี้แทงใจนางร่างของไป๋หยานแข็งขึ้นเล็กน้อย มือของนางโอบกอดร่างเล็ก ๆ ในอ้อมอกแน่น
“เจ้าไม่โกรธเขาหรือ? ที่เขาหลอกใช้เจ้า”
ไป๋เสี่ยวเฉินส่ายหน้า”เฉินเอ๋อก็รู้สึกเศร้านะ ที่ป๊ะป๋าหลอกใช้เฉินเอ๋อ แต่ป๊ะป๋ารักหม่ามี้มากจนเฉินเอ๋อโกรธไม่ลง”
”แล้ว…” ไป๋เสี่ยวเฉินก้มศีรษะลง “ก่อนหน้านี้ป๊ะป๋าวายร้ายก็ได้รับบาดเจ็บมาด้วย”
ไป๋หยานลูบไล้นิ้วมือของไป๋เสี่ยวเฉินพลางเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเขาถึงได้รับบาดเจ็บ ? คนในตำหนักเซียนพยับหมอกนี่ทำร้ายเขางั้นหรือ ?”
”ป๊ะป๋าวายร้ายได้รับบาดเจ็บ เพราะเขาพยายามช่วยเฉินเอ๋อกำราบพลังที่ครอบงำเฉินเอ๋อ นั่นทำให้เขาทรมานมากจากอาการบาดเจ็บภายใน”
ไป๋เสี่ยวเฉินเงยหน้าขึ้นนัยน์ตาของเขามีน้ำตาเอ่อคลอ นิ้วเล็ก ๆ ของเขาจับแขนเสื้อของไป๋หยานไว้แน่น “เมื่อก่อน เฉินเอ๋อเกลียดเขามาก เพราะเขารังแกหม่ามี้ ทั้งเขาก็เกลียดเฉินเอ๋อด้วยเช่นกัน แต่ป๊ะป๋าวายร้ายยอมทุกข์ทรมานต่าง ๆ นา ๆ เพื่อหม่ามี้ หม่ามี้จะอภัยให้ป๊ะป๋าได้มั้ย ?”
ไป๋หยานดีดหน้าผากของไป๋เสี่ยวเฉินพลางยิ้มมุมปาก”ไม่ต้องกังวลเรื่องแม่กับพ่อของเจ้า เจ้าควรจะสนใจเรื่องของตัวเองมากกว่า”
แม้ว่านางจะกล่าวเช่นนั้นหากแต่ไป๋เสี่ยวเฉินก็เห็นรอยยิ้มของไป๋หยาน นั่นก็ทำให้เขาโล่งใจ
***จบบทกระตุกหนวดพ่อตาเช่นนี้ไม่ดีแน่ (5)***
บทที่ 748 : กระตุกหนวดพ่อตาเช่นนี้ไม่ดีแน่ (6)
เช่นนั้นแม้ว่าหม่ามี้จะไม่ได้พูดอะไร เขาก็รู้ว่านางให้อภัยป๊ะป๋าแล้ว
”เฉินเอ๋อรักหม่ามี้ที่สุดถ้าป๊ะป๋าวายร้ายรังแกหม่ามี้อีก เฉินเอ๋อจะฆ่าเขาเอง” ไป๋เสี่ยวเฉินแยกเขี้ยว พร้อมกับกางอุ้งมือแสดงสีหน้าดุร้าย
ไป๋หยานอยากจะหัวเราะนางโอบกอดร่างที่อ่อนนุ่มของไป๋เสี่ยวเฉิน ในยามนี้ นางเข้าใจแล้วว่าจุดอ่อนของนางก็คือ ความแข็งแกร่ง
แม้ว่านางจะสามารถครองแผ่นดินนี้ได้แล้วอย่างไรล่ะ ในเมื่อยังมีแดนอสูรและแดนสวรรค์อยู่อีก
หากนางไม่ต้องการที่จะสูญเสียเฉินเอ๋อไปอีกเพื่อเฉินเอ๋อแล้ว นางต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของนางขึ้นอีก เพื่อปกป้องความปลอดภัยของเขา !
“ต่อไปแม่จะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องเผชิญกับอันตรายใดๆ อีกแล้ว !” หัวใจของไป๋หยานตึงเครียด นางสูดลมหายใจเข้าลึก แขนของนางสั่นเล็กน้อยทว่าน้ำเสียงของนางหนักแน่นยิ่ง
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบนัยน์ตากลมโตพลางยิ้มอย่างสดใส “เฉินเอ๋อเป็นผู้ชาย ไม่ควรได้รับการปกป้องจากหม่ามี้ เฉินเอ๋อต่างหากที่ต้องปกป้องหม่ามี้… ”
ไป๋หยานยิ้มอย่างพึงพอใจขณะที่นางต้องการจะกล่าวต่อนั้น สาวใช้ที่เพิ่งออกไปก็วิ่งกลับเข้ามาอีกครั้ง
ครั้นไป๋หยานเห็นนางไป๋หยานก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามว่า “เกิดเรื่องใดขึ้นกระนั้นรึ ?”
“คุณหนูเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว” หญิงสาวผู้นั้นร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว” ก่อนที่มู่เจินจะมาสร้างปัญหาที่ตำหนักเซียนพยับหมอก นางได้แจ้งให้เทพธิดาแห่งแดนสวรรค์ทราบ ตอนนี้เทพธิดาก็รู้แล้วว่าเจ้าตำหนักน้อยมีบุตรสาว ทั้งบุตรสาวก็ยังมีชีวิตอยู่ นางสั่งให้เจ้าตำหนักพาคุณหนูไปที่นั่น ข้าน้อยได้รับคำสั่งจากเจ้าตำหนักให้แจ้งคุณหนูให้รีบออกจากตำหนักเซียนพยับหมอกเพื่อหลบซ่อนตัว”
แม้ว่าจุนเทียนเยว่จะเคยกล่าวก่อนหน้านี้แล้วว่าร่างจริงของเทพธิดายังไม่สามารถมาที่นี่ได้ ทั้งก็ไม่มีทางจะทำอะไรคนของตำหนักเซียนพยับหมอกได้ แต่หากนางมาที่นี่จริง ๆ ล่ะ
เพื่อความปลอดภัยของไป๋หยานพวกเขาต้องให้นางหลบออกไปซ่อนตัวก่อน
”เทพธิดากระนั้นหรือ?” ไป๋หยานลูบคาง “เป็นเทพธิดาองค์นี้ใช่หรือไม่ที่หลงใหลท่านพ่อของข้า ทั้งยังเป็นคนทำให้ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าต้องพรากจากกัน เช่นนั้นข้าจะไปพบเทพธิดาคนนั้นเอง”
สาวใช้รีบกล่าวว่า”คุณหนู เจ้าตำหนักขอให้ท่านไม่แสดงตัว เทพธิดาองค์นั้นทรงพลังมาก ทั้งข้าก็ได้ยินมาว่าเทพธิดาองค์นั้นเป็นสตรีที่ราชาเทพสวรรค์ และราชาอสูรต่างก็หลงใหล ขอเพียงนางเอ่ยกล่าวสักคำ ถึงแม้ว่านางจะมาไม่ได้ก็จะมีคนมาช่วยนางสังหารผู้คนทั้งโลกนี้ !”
สำหรับผู้ที่อยู่ในแดนมนุษย์เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เชื่อฟังเทพจากสวรรค์ ส่วนแดนอสูรก็เป็นเพียงสถานที่ในตำนาน
ด้วยฐานะหนึ่งในสามสำนักใหญ่ ตำหนักเซียนพยับหมอกย่อมเคารพบูชาแดนสวรรค์เป็นธรรมดา ! เพราะจุดประสงค์ของการฝึกฝนของพวกเขา ก็คือการก้าวไปสู่การเป็นเทพเจ้า !
เทพเจ้านั้นช่างสูงส่งและแน่นอนว่าเป็นความยึดมั่นในใจของพวกเขา !
*****
ด้านนอกประตูใบหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นสีดำไปชั่วขณะ เขาต้องการที่จะมาพบไป๋หยานเพื่อสารภาพผิด ผู้ใดจะรู้ว่าเขาต้องมาได้ยินคำพูดเหล่านี้
ชั่วชีวิตนี้เขาต้องการเพียงหยานเอ๋อเท่านั้น นอกจากนางแล้ว เขาเคยไปตามตื๊อหญิงอื่นเมื่อไหร่กัน ?
นอกจากนี้หากหยานเอ๋อเข้าใจเขาผิดอีกล่ะ ?
ทันใดนั้นหัวใจของตี้คังพลันร้อนรน เขารีบเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วเขาคว้าจับแขนของไป๋หยานแน่น น้ำเสียงของเขาเคร่งเครียด “หยานเอ๋อ ฟังข้าอธิบายก่อน ข้าไม่รู้จักเทพธิดานั่นเลย เจ้าเป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่ข้าตามตื๊อ ! ไม่มีคนอื่น !”
สายตาของไป๋หยานขยับไปมองตี้คังนางจับมือเขาไว้แน่น มุมปากของนางเผยอขึ้นเล็กน้อย “ข้ารู้… ”
”…”
นางรู้กระนั้นรึ?
ที่สุดหัวใจของตี้คังที่หล่นไปอยู่ปลายเท้าก็กลับขึ้นมาอยู่บนอกจากนั้นเขาก็รู้สึกโกรธแค้นรุนแรง นัยน์ตาเรียวคมของเขาพลันมืดหม่นและน่ากลัว
นอกจากบุตรสาวของเผ่าอสรพิษแล้วยังมีหญิงอีกคนที่พยายามใส่ความเขากระนั้นหรือ ?
***จบบทกระตุกหนวดพ่อตาเช่นนี้ไม่ดีแน่ (6)***
บทที่ 749 : เทพธิดาผู้สูงส่ง (1)
รอบแท่นบูชาผู้คนกลุ่มหนึ่งคุกเข่านั่งเรียงกันเป็นแถวอย่างนอบน้อม เพื่อเข้าเฝ้าเทพธิดา
บนแท่นบูชาเทพธิดาผู้สูงส่งมองไปที่คนสองคนผู้ซึ่งไม่ได้คุกเข่านางขมวดคิ้วที่เรียวงามราวใบหลิว เอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “เจ้าทำเช่นนี้หมายความเช่นไร ? เหตุใดเจ้ากับภรรยาของเจ้าถึงไม่คุกเข่าเมื่อเห็นเทพธิดาเช่นข้า ?”
สีหน้าของเหวินหวู่เหว่ยแลดูละอายใจแต่เมื่อเขาคิดถึงจุนเทียนเยว่ที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง ท่าทีของเขาก็ค่อย ๆ แลดูภาคภูมิขึ้น เขาเอ่ยถามออกไปว่า “เทพธิดา เหตุใดท่านถึงมาที่ตำหนักเซียนพยับหมอกของเราในเวลานี้ล่ะ ?”
”ฮึ่ม!” “เหตุใดข้าจึงมาที่นี่กระนั้นหรือ ? เจ้าไม่รู้จริง ๆ กระนั้นหรือ ? ในครั้งนั้นเจ้าบอกกับข้าอย่างชัดเจนว่า ที่ไม่สามารถส่งมอบเหวินหยุนเฟิงให้ข้าได้นั่นเป็นเพราะเขาป่วยหนัก เช่นนั้นเหตุใดเขาถึงได้ไปนอนกับนังแพศยาคนไหนไม่รู้ กระทั่งมีลูกนอกสมรสได้ล่ะ ?
แววตาของจุนเทียนเยว่เปล่งประกายเย็นชา”เรื่องระหว่างหยุนเฟิงและไป๋หนิง เป็นความยินยอมของข้า หยานเอ๋อเป็นคุณหนูใหญ่ของตำหนักเซียนพยับหมอกของข้า การแต่งงานขึ้นอยู่กับบิดามารดา ท่านจะกล่าวหาว่านางเป็นลูกนอกสมรสได้อย่างไร ?”
ไป๋หนิงกระนั้นรึ?
คิ้วของเทพธิดายับย่นนางรู้สึกคุ้นกับชื่อนี้ หากแต่กลับจำไม่ได้ว่านางเคยได้ยินที่ใด ?
เนื่องจากนางไม่ใช่คนคิดมากเช่นนั้นนางจึงหยุดคิดเรื่องนี้ นางกล่าวเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า “ข้ากำลังพูดกับเจ้าตำหนัก ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าพูดกับข้า เจ้าตำหนัก เจ้าควรอบรมภรรยาของเจ้า นิสัยยโสโอหังเช่นนี้ ในแดนสวรรค์ของเรามีหนทางเดียวเท่านั้นคือตาย !”
ใบหน้าของเหวินหวู่เหว่ยเปลี่ยนไปไม่ว่าเทพธิดาจะทำให้เขาอับอายขายหน้าเพียงใดเขาก็สามารถทนได้ ทว่าเขาจะทนไม่ได้ หากมีใครมาดูถูกจุนเทียนเยว่
“ไม่ว่าภรรยาของข้าจะยโสโอหังเพียงใดหากแต่นางก็ไม่โอหังดั่งเช่นท่าน ตกลงท่านมีเมตตาต่อเรา หรือมาสร้างปัญหาให้พวกเรากันแน่ ? ข้าขอบอกท่านเลยว่า หยานเอ๋อเป็นหลานสาวของข้า และไป๋หนิงก็เป็นสะใภ้ของข้าด้วย จากนี้ไปข้าจะไม่นับถือท่านอีกแล้ว !”
จุนเทียนเยว่แปลกใจที่ได้เห็นและได้ยินเหวินหวู่เหว่ยกล่าวเช่นนั้น บางทีอาจเป็นเพราะนางคิดไม่ถึงว่า เวลานี้เหวินหวู่เหว่ยจะเลือกยืนเคียงข้างนาง
ถ้อยคำของเขาทำให้เทพธิดาโกรธมากขึ้น
”โอหัง!” เทพธิดาโกรธสายตาเย็นยะเยือกของนางกวาดไปมองเหวินหวู่เหว่ย พลันนัยน์ตาของนางก็หรี่ลงเล็กน้อยด้วยความโมโห “เหวินหวู่เหว่ย จุดประสงค์ที่คนในสำนักของเจ้าพยายามฝึกฝนไม่ใช่เพื่อไปสู่แดนสวรรค์กระนั้นหรือ ? ข้ามีหลายพันวิธีที่จะทำให้เจ้าเข้าสู่แดนสวรค์ !”
ใบหน้าชราภาพของเหวินหวู่เหว่ยเปลี่ยนเป็นขาวเล็กน้อยหากแต่เขาก็รู้ว่า ถ้าเขาต้องการที่จะปกป้องครอบครัว เขาต้องเลิกสนใจเทพธิดา !
แม้เขาจะไม่มีคุณสมบัติขึ้นสู่แดนสวรรค์เขาก็ไม่อาจกระทำความผิดพลาดซ้ำอีกได้
”เจ้าตำหนัก… ”
เมื่อได้ยินถ้อยคำของเทพธิดาหัวใจของบรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายพลันหวั่นไหว การแสดงออกของพวกเขาแลดูว้าวุ่นมาก “เทพธิดานั้นทรงพลังทั้งในแดนสวรรค์และแดนอสูร แม่แต้ราชาเทพสวรรค์ก็ยังให้การสนับสนุนนาง หากท่านต่อต้านนาง ข้าเกรงว่าคนของตำหนักเซียนพยับหมอกจะอยู่ไม่เป็นสุข”
ถ้อยคำเหล่านี้ทำให้เทพธิดารู้สึกสบายใจขึ้นมาก นางยิ้มมุมปากพลางมองผู้อาวุโสอย่างปลาบปลื้ม
”ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ทุกคนในตำหนักเซียนพยับหมอกแห่งนี้ที่โง่เง่าเหมือนจุนเทียนเยว่ยังมีคนฉลาดอยู่บ้าง ยามนี้ข้าไม่ต้องการสิ่งใดมาก เพียงส่งมอบเหวินหยุนเฟิงให้แก่ข้า และสังหารหญิงที่ชื่อไป๋หยานเสีย ข้าจะให้โอกาสแก่เจ้า จงซื่อสัตย์ต่อข้าตลอดไป !”
นางเชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจการแสดงออกของนางราวกับจะบอกว่า ข้ายินดีที่จะให้โอกาสเจ้า เจ้ายังไม่ขอบใจข้าอีกกระนั้นหรือ ?
***จบบทเทพธิดาผู้สูงส่ง (1)***
บทที่ 750 : เทพธิดาผู้สูงส่ง (2)
”เราไม่ต้องการเทพธิดาอีกแล้วออกไปจากที่นี่ซะ !”
เรือนร่างที่บอบบางของจุนเทียนเยว่สั่นสะท้านนางยื่นมือออกไปชี้หน้าของเทพธิดา แววตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธเคือง เพลิงโทสะของนางที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้คนอื่น ๆ แม้กระทั่งเทพธิดาต่างก็ตะลึงงัน
เทพธิดามองจุนเทียนเยว่ด้วยความประหลาดใจใบหน้าที่งดงามของนางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “เจ้าเป็นบ้าไปแล้วกระนั้นหรือ ?”
หญิงผู้นี้ต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ หาไม่นางจะกล้ากล่าวกับเทพธิดาอย่างข้าด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ได้อย่างไร ?
”เยว่เอ๋อ!” เหวินหวู่เหว่ยตกตะลึงกระทั่งหน้าถอดสี เขารีบคว้ามือของจุนเทียนเยว่เหงื่อออกไปทั่วศีรษะของเขา “สงบสติอารมณ์หน่อย เชื่อมั่นในตัวข้า ข้าไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายลูกของเรา และหยานเอ๋อเป็นแน่”
”ไปให้พ้น!”
จุนเทียนเยว่ยกมือขึ้นผลักเหวินหวู่เหว่ยอย่างโกรธเคืองนัยน์ตาสีแดงเลือดของนางเต็มไปด้วยประกายแสงดุดัน น้ำเสียงของนางราวกับคนบ้าคลั่ง
”นางพูดถูกข้าเป็นบ้าไปแล้ว แต่ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นบ้า ก็เพราะถูกเจ้าบังคับ ! เหวินหวู่เหว่ยหากเจ้าต้องการปกป้องหยุนเฟิงกับหยานเอ๋อจริง ๆก็ไล่หญิงผู้นี้ไป ข้าจะไม่ยอมให้นางทำอันตรายลูกและหลานของข้าอีก !”
นางไม่อาจสงบสติอารมณ์ของนางได้เช่นที่เคยนางโกรธเพราะคำพูดของเทพธิดา หากมิใช่เพราะคำสัญญาของเหวินหวู่เหว่ยที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ นางคงจะทุบเหวินหวู่เหว่ยไปแล้ว !
ไม่มีผู้ใดบังคับบุตรชายของนางและทำร้ายหลานสาวของนางได้ !
นางจะไม่ยอมให้โศกนาฏกรรมเช่นนั้นเกิดขึ้นอีก!
ครั้นได้ยินเช่นนี้เหวินหวู่เหว่ยก็ยิ้มอย่างขมขื่น เขาเบือนหน้าเล็กน้อยไปมองเทพธิดา “ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะไม่ทำร้ายหลานสาวของข้า หรือบังคับจิตใจบุตรชายของข้าอีก ได้โปรดกลับไปเถิด”
”เจ้าตำหนัก!”
ท่ามกลางฝูงชนชายชราในเสื้อคลุมสีเขียวขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาแสดงออกชัดว่าไม่พึงพอใจ “ท่านรู้หรือไม่ว่าการตัดสินใจของท่านหมายถึงอะไร ? ท่านไม่สนใจตำหนักเซียนพยับหมอกของเราแล้วกระนั้นหรือ ?”
ถ้อยคำของชายชราไม่ได้ทำให้เหวินหวู่เหว่ยมีปฏิกิริยาใดๆ แต่กับจุนเทียนเยว่ผู้ซึ่งถูกเหวินหวู่เหว่ยกอดไว้แน่นกลับเต็มไปด้วยความโกรธเคือง นัยน์ตาที่โกรธแค้นของนางหันไปจับจ้องมองคนที่พูด
นางจำได้ว่าในครั้งนั้นเป็นชายชราผู้นี้ที่ช่วยมู่เจินโต้เถียงอย่างรุนแรง ทั้งยังบังคับให้เหวินหวู่เหว่ยมอบเหวินหยุนเฟิงให้กับเทพธิดา
แค้นครั้งเก่ากับความขุ่นเคืองครั้งใหม่ทำให้หัวใจของจุนเทียนเยว่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองนางยกมือของนางขึ้นผลักเหวินหวู่เหว่ยออกอีกครั้ง
”วันนี้ข้าจะสังหารเจ้าไอ้คนที่ต้องการทำให้ครอบครัวของข้าแตกแยก ข้าจะสังหารพวกเจ้าเอง !”
นัยน์ตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงกำปั้นที่โกรธเกรี้ยวของนางทุบลงบนร่างของชายชราในเสื้อคลุมสีเขียว การโจมตีของนางดุร้ายมาก ราวกับว่านางต้องการฉีกผู้เฒ่าคนนั้นออกเป็นชิ้น ๆ
ผู้อาวุโสที่เหลือต่างก็ตกใจพวกเขาต้องการที่จะหยุดจุนเทียนเยว่ หากแต่พวกเขาก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวใด ๆ ภายใต้สายตาของเหวินหวู่เหว่ย พวกเขาทำได้เพียงมองชายชราเสื้อคลุมสีเขียวที่กำลังกระอักเลือดภายใต้กำปั้นของจุนเทียนเยว่
จงหนานหัวเราะอย่างเย็นชา”ฮ่า ๆ ๆ เฟยเฟยหยาง หยานเอ๋อไม่เพียงแต่เป็นคนของตำหนักเซียนพยับหมอกของเราเท่านั้น ทว่านางยังเป็นหลานสาวของเจ้าสำนักเวชโอสถ ทั้งยังเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วย คิดจะต่อกรกับนาง เจ้าก้มหัวดูเงาตัวเองก่อนเถิด”
อั้ก!
ชายชราในเสื้อคลุมสีเขียวอาเจียนเป็นเลือดใบหน้าชราของเขาซีดขาว เขาเอ่ยกล่าวด้วยอาการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ต่อให้นางมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งแล้วอย่างไร ? นางไม่สามารถเทียบกับเทพธิดาได้หรอก อย่าลืมสิว่าเทพธิดามิใช่เพียงผู้ที่อยู่ในแดนสวรรค์ ทว่านางยังมีฐานะสูงส่งมากในแดนสวรรค์อีกด้วย ท่านลองตรองดูเถิดว่าจะทำเพื่อตนเอง หรือเพื่อตำหนักเซียนพยับหมอก !
ถูกต้องแล้วเขาทำทุกอย่างก็เพื่อตำหนักเซียนพยับหมอก คนพวกนั้นต่างหากที่ตัดสินใจผิด
”เยว่เอ๋อ”
ครั้นเหวินหวู่เหว่ยเห็นว่าจุนเทียนเยว่กำลังจะลงมือซ้ำเขาก็รีบยกมือขึ้นกอดนางไว้ คิ้วของเขายับย่น เขาจ้องมองเฟยเฟยหยางผู้ถูกทุบตี พลางกล่าวอย่างเยือกเย็น “เฟยเฟยหยาง เจ้าแทรกแซงการตัดสินใจของเจ้าตำหนักเซียนพยับหมอก ข้าไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้แล้ว นับจากนี้ไป เจ้าไม่ใช่คนของตำหนักเซียนพยับหมอกอีกต่อไป”
***จบบทเทพธิดาผู้สูงส่ง (2)***