จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 766-770
บทที่ 766 : ไป๋หนิงนักโทษหนีคดี (6)
ตอนนี้… หลานเขาต้องการน้องสาวใช่หรือไม่ ?
”เด็กดี”เหวินหยุนเฟินลูบศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉินอย่างปวดร้าว ภายหลังจากเห็นรอยยิ้มของไป๋เสี่ยวเฉิน หัวใจของเขาพลันอ่อนยวบ “ตาจะให้ทุกอย่างที่หลานต้องการ ทว่าตาก็มีเรื่องจะขอบิดาของเจ้า … ”
ดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรบางอย่างออกเขาจึงหันไปมองตี้คัง
“ข้าพลัดพรากกับบุตรสาวนานหลายปีแล้วกว่าจะกลับมาพบกันได้ก็มิใช่ง่ายดาย ข้าไม่ต้องการให้นางออกเรือน และจากไปไกลเร็วนัก”
“แดนอสูรนั้นห่างไกลมากหากหยานเอ๋อแต่งงาน และกลับไปยังแดนอสูร ข้ากลัวว่าต่อไปกว่าเราจะได้พบกันอีก คงเป็นเรื่องยากมาก”
“เช่นนั้นข้าจึงหวังว่า… ” เหวินหยุนเฟิงหยุดชั่วคราว “เจ้าจะพำนักอยู่ที่ตำหนักเซียนพยับหมอกของเรา”
ตี้คังหรี่นัยน์ตาลงเล็กน้อยประกายแสงอันชาญฉลาดวาบผ่านนัยน์ตาของเขา
”ตกลงข้าสัญญาว่าจะมาอยู่ที่ตำหนักเซียนพยับหมอก เพียงทว่า แดนอสูรจะขาดราชามิได้ ทั้งเฉินเอ๋อก็ไม่เต็มใจที่จะครอบครองแดนอสูร เช่นนั้น … หลังจากที่หยานเอ๋อให้กำเนิดโอรสแก่ข้าอีกคน ข้าจะมอบแดนอสูร ให้เขา จากนั้นก็ออกมาอยู่กับหยานเอ๋อที่บ้านสกุลเหวิน”
เหวินหยุนเฟิงหงุดหงิดใจเด็กหนุ่มผู้นี้อาศัยเฉินเอ๋อคอยสนับสนุน เลยกล้าต่อรองเงื่อนไขกับเขางั้นรึ ?
ทว่า…
สิ่งที่เขากล่าวก็สมเหตุสมผลมิใช่น้อย
”หยานเอ๋อเช่นนั้นเจ้าก็พยายามให้มากขึ้นอีกนิด หลังจากให้กำเนิดบุตรสาวแล้ว เจ้าก็ต้องมีบุตรชายอีกสักคน แล้วข้าก็จะได้พบกับเจ้าบ่อย ๆ ”
”…”
ไป๋หยานนิ่งอึ้ง
นางรู้สึกว่าตี้คังวางแผนล้อมกรอบนาง…
“หยานเอ๋อท่านพ่อตาพูดถึงเพียงนี้แล้ว เช่นนั้นเรากลับไปทำลูกกันเถอะ”
ตี้คังอาศัยช่วงจังหวะเวลาที่ไป๋หยานยังไม่หายงงงวยอุ้มนางขึ้น แล้ววาบหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคนทันที
”เฉินเอ๋อ”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นก้าวไปข้างหน้านางกอดร่างเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มยินดี “อาหญิงคิดถึงเฉินเอ๋อมากเลย เราออกไปซื้อของกันดีไหรือไม่ ?”
“ไปซื้อของ? อาหญิงแน่ใจหรือว่าจะไม่สร้างปัญหาอีก ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบนนัยน์ตากลมโตพลางจ้องมองตี้เสี่ยวอวิ๋นด้วยความสงสัย
ท่านอาหญิงที่สวยแต่โง่นางนี้เอาแต่สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน
”เฉินเอ๋อ!” ตี้เสี่ยวอวิ๋นแก้มแดงด้วยความโกรธ พลันใบหน้าเล็ก ๆ ของนางก็แลดูหงุดหงิด “เจ้าหมายความว่าไง ? บิดาของเจ้าก็ชอบรังแกข้า แล้วเจ้ายังจะมารังแกข้าอีก ข้าทำอะไรก็ไม่เคยถูกเลยใช่หรือไม่ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินรู้สึกสงสัยเสียจริงๆ … อาหญิงสวยแต่โง่ของเขากับพี่สาวฉู่คอยสร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน แล้วก็ต้องให้หม่ามี้คอยล้างคอยเช็ดให้ตลอด คราวนี้ก็คงไม่ต่างกันใช่ไหม ?
”เฉินเอ๋อไปเถอะ ต่อให้มีปัญหาอะไร ตาจะจัดการทุกอย่างเอง”
เหวินหยุนเฟิงยิ้มแม้ว่าเขาไม่ชอบใจ ที่ตี้คังจะพาบุตรสาวของเขาไป หากแต่เขาก็เอ็นดูตี้เสี่ยวอวิ๋นมาก ดูเหมือนนางจะเป็นเด็กสาวที่ฉลาดเฉลียวในสายตาของเขา
“ท่านพ่อไม่ต้องกังวล ข้าแน่ใจว่าจะไม่ทำให้เกิดปัญหาใด ๆ” ตี้เสี่ยวอวิ๋นตบหน้าอกของตนให้สัญญา
ใบหน้าของเหวินหยุนเฟิงแข็งค้าง”เจ้าเรียกข้าว่ากระไรนะ ?”
“ท่านพ่อก็ท่านเป็นบิดาของพี่สะใภ้ข้า ก็ต้องนับป็นบิดาของข้าด้วย” นัยน์ตากลมโตอันงดงามของตี้เสี่ยวอวิ๋นเปล่งประกาย นางดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าตนเองพูดอะไรผิด
”…”
เหวินหยุนเฟิงหน้ากระตุกสองสามครั้ง
ใครไม่รู้คงคิดว่าเจ้าจะขโมยพี่สะใภ้มาจากพี่ชายของเจ้าเป็นแน่
โชคดีที่นางเรียกท่านพ่อตามไป๋หยานไม่ได้เรียกพ่อตาเช่นตี้คัง
หาไม่แล้วหากตี้คังรู้ เกรงว่าตี้เสี่ยวอวิ๋นคงไม่พ้นโดนตีเป็นแน่
”ท่านพ่อข้ากับเฉินเอ๋อไปได้หรือยัง ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นกระพริบตาปริบ ๆ นางเอ่ยถามเหวินหยุนเฟิง เมื่อเห็นเขาไม่พูดไม่จา
เหวินหยุนเฟิงยกมือขึ้นพลางกล่าวว่า “ไปกันเถอะ แต่อย่ากลับมาค่ำนักล่ะ … มันไม่ปลอดภัย ข้าจะส่งคนติดตามเจ้าไป”
“ไม่ปลอดภัย?”
ไป๋เสี่ยวเฉินเผลอหลุดปากที่ไม่ปลอดภัยน่าจะเป็นคนของตำหนักเซียนพยับหมอกมากกว่า …
***จบบทไป๋หนิงนักโทษหนีคดี (6)***
บทที่ 767 : หลงเอ๋ออยู่ที่ใด ? (1)
สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดกระทั่งหน้าต่างแกว่งไกวไปมา
ชายหนุ่มผลักประตูเปิดออกเขาอุ้มหญิงสาวในอาภรณ์แดงไว้ในอ้อมแขนพลางก้าวไปที่เตียงอย่างช้า ๆ วางร่างของนางไว้บนเตียงอย่างทะนุถนอม การเคลื่อนไหวของเขาอ่อนโยน เชื่องช้า และระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ราวกับนางเป็นทรัพย์สินอันล้ำค่า
สายลมภายนอกหน้าต่างพัดเข้ามากระทั่งอาภรร์สีแดงของหญิงสาวพลิ้วไหว ทำให้ความงามของนางยิ่งทวีขึ้น จนเขาแทบอดกลั้นไม่ไหว
“ตี้คัง… ”
ทันใดนั้นหญิงสาวพลันยกมือขึ้นจับมือใหญ่ที่อยู่ไม่สุขของชายหนุ่มไว้แน่นริมฝีปากของนางที่ยิ้มอย่างพึงใจก็ยิ่งงดงามกว่าดอกกุหลาบผลิบาน
”ที่จริงแล้วข้ามีบางอย่างปิดบังท่าน … ”
มือของชายหนุ่มหยุดชะงักเสื้อผ้าของคนทั้งสองเผยออกมากว่าครึ่งทำให้เกิดภาพเร้าอารมณ์ที่งดงามในห้อง ๆ นี้
”หืม?” เขาเลิกคิ้วขึ้น ริมฝีปากสีแดงของเขาแตะริมฝีปากของนางเบา ๆ เส้นผมสีเงินของเขาระลงมาเคลียแก้มนาง กระทั่งนางนิ่งงันเคลิบเคลิ้ม
บุรุษที่อยู่เบื้องหน้านางนี้ช่างน่าทึ่งจริงๆ นี่ขนาดนางรู้จักเขามานาน ก็ยังมิอาจเพิกเฉยต่อความหล่อเหลาของเขาได้
แม้แต่คำว่า หล่อเหลางดงาม ก็ยังไม่เหมาะสมที่จะใช้อธิบายความงามของชายผู้นี้ สำหรับตี้คังนั้น คำว่า หยกงาม ดูท่าจะคู่ควรกว่ามาก
”ท่านจำตอนที่ท่านบังคับข้าให้ทำพันธะสัญญาด้วยได้หรือไม่?” ไป๋หยานลดสายตาลง นางหวนนึกถึงภาพสนามรบนองเลือด หัวใจของนางพลันเจ็บปวดอย่างยิ่ง “ไม่ใช่เพียงตอนที่ท่านทำสัญญากับข้า แต่รวมถึงเสี่ยวมี่ และชิงอี้ ด้วย เมื่อข้าทำสัญญากับท่าน และพวกเขา ข้าจะเห็นสนามรบ … ”
”ในสนามรบนั้นทั้งเสี่ยวมี่และชิงอี้ ต่างก็สละชีวิตเพื่อปกป้องข้า ทั้งแดนอสูร และแดนสวรรค์ก็ยิ่งไม่อาจปรองดองกันได้ !”
ตี้คังเงียบบรรยากาศในห้องโดยรวมแปลกไปชั่วครู่หนึ่ง
ไป๋หยานจ้องมองใบหน้าที่งดงามของชายหนุ่มพลางกล่าวต่อว่า”เช่นนั้นเมื่อท่านต้องการมีสัมพันธ์กับข้า … แล้วข้าไม่อาจไปต่อได้ก็ด้วยเหตุผลนี้ ข้าเดาว่า บางทีฉากที่ข้าเห็นนั้นอาจจะเกิดขึ้นในชาติภพก่อนของข้า ? และบางทีหากข้าสามารล่วงรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในสนามรบนั่น ข้าก็อาจจะจำอดีตชาติได้ ”
ตี้คังหยุดมือที่เคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดนิ่งของเขาเขาดึงไป๋หยานเข้ามาในอ้อมแขน นิ้วเรียวงามลูบไล้เรือนผมดำขลับของนางเบา ๆ ที่สุดเขาก็ก้มลงแตะริมฝีปากของนางลูบไล้เบา ๆ
”ในความทรงจำของเจ้า… มีข้าอยู่ด้วยหรือไม่ ?”
ภายใต้นัยน์ตาเรียวคมของตี้คังไป๋หยานพยักหน้ารับน้อย ๆ “มี”
ตี้คังหัวเราะเบาๆ
เสียงหัวเราะนี้เปรียบเสมือนดอกไม้ที่กำลังผลิบานไปทั่วอาณาจักรสร้างความสดใสมีชีวิตชีวาให้แก่สิ่งมีชีวิตทั้งหลายทั้งปวง
ชายผู้นี้ไม่ชอบหัวเราะมากนักเว้นแต่อยู่ต่อหน้าไป๋หยาน เขาจะปลดปล่อยหัวใจตนเอง และเมื่ออยู่ต่อหน้านาง เขาก็จะมีรอยยิ้มที่น่าประทับใจ
”ข้าค่อยโล่งใจหน่อย”
ข้าหวังว่าไม่ว่าจะเป็นชีวิตในอดีตของเจ้า หรือจะเป็นชีวิตนี้ของเจ้า ก็จะต้องมีข้าอยู่ด้วยเสมอ
แค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว…
ไป๋หยานตกตะลึงชายผู้นี้กังวลแค่เรื่องนี้น่ะนะ ?
”หยานเอ๋อข้าไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อนหน้าของเจ้า ตราบใดที่มีข้าร่วมอยู่ด้วยในชีวิตนั้นก็เพียงพอแล้ว” ตี้คังเอนตัวลงจูบลงริมฝีปากของนางเบา ๆ ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างสุขใจ “ส่วนแดนสวรรค์นั่น … ไม่ช้าก็เร็วจะต้องตกเป็นของเรา”
ข้าจะครอบครองทุกโลกเพื่อเจ้าเพื่อความสงบสุขของชีวิตเจ้า
”ตี้คังข้าเพียงจะบอกว่า…ข้าหวังว่าจะได้ไปที่สนามรบนั่นอีกครั้ง ข้าต้องการรู้อะไรมากขึ้นกว่านี้”
ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นพลางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาหาใดเทียบของชายหนุ่ม นางเชิดริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย
”ก็ดี”
ครั้นกล่าวจบตี้คังก็เอนกายทาบทับลงบนร่างของหญิงสาว พลางก้มศีรษะกลงจูบริมฝีปากของนาง
***จบบทหลงเอ๋ออยู่ที่ใด ? (1)***
บทที่ 768 : หลงเอ๋ออยู่ที่ใด (2)
ขนตาของไป๋หยานสั่นระริกนางพริ้มตาลงช้า ๆ เพื่อดื่มด่ำกับความรู้สึก จิตใจของนางพลันว่างเปล่า …
*****
เช่นที่นางบอกกับตี้คังนางจะมาที่นี่ทุกครั้ง ก่อนที่พวกเขาจะถึงจุดสุดยอด
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ยอมเดินหน้าต่อ
เพราะก่อนหน้านี้นางพยายามหลีกเลี่ยงสนามรบแห่งนั้น เช่นนั้นนางจึงปฏิเสธตี้คัง ทว่าตอนนี้นางอยากรู้ทุกสิ่งทุกอย่างทุกเรื่อง ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะเข้าไปที่นั่นอีกครั้ง …
แต่ครานี้สถานที่ที่นางเห็นแลดูแตกต่างจากอดีตเล็กน้อย
สนามรบในอดีตถูกปกคลุมไปด้วยแสงอาทิตย์อัสดงเลือดกระจายไปทั่ว ทั่วทั้งสนามรบนองไปด้วยเลือด แลดูน่าสยดสยอง
ทว่าในขณะนี้ท้องฟ้ากลับถูกระบายไปด้วยหมึกสีน้ำเงิน และโปร่งแสง
ไม่ไกลกันนักเด็กสาวคนหนึ่งกำลังนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้นหญ้า นางเอื้อมมือออกมาอุ้มสุนัขจิ้งจอกสีเงินที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นจากพื้นหญ้า สุนัขจิ้งจอกสีเงินเปื้อนเลือด แม้ว่ามันจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่าท่าทางของมันก็ยังคงหยิ่งยโส สายตาข่มขู่จ้องมองมาที่เด็กหญิงผู้ซึ่งกำลังลากมันออกมาจากพื้นหญ้าอย่างเย็นชา
”จิ้งจอกน้อยข้าต้องการจะช่วยชีวิตเจ้า เจ้ายังกล้าที่จะจ้องข้าเช่นนี้อีกกระนั้นหรือ ? ไม่เชื่อใจข้าหรือไง ?”
เด็กหญิงคนนั้นอายุประมาณสิบสองหรือสิบสามปีนางยังแลดูเด็กไม่ประสีประสา นางไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ เช่นนั้นหลังจากเห็นการแสดงออกที่ดุร้ายของสุนัขจิ้งจอกสีเงิน นางพลันเบิกตากว้าง เอ่ยกล่าวออกมาด้วยความโกรธ
จิ้งจอกเงินขู่ฟ่ออย่างหยิ่งผยองทั้งไม่สนใจเด็กหญิงตัวน้อย แววตาของมันมืดมน และเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
ตายเสียยังดีกว่าจะยอมรับความช่วยเหลือจากคนของแดนสวรรค์!
*****
ไม่ไกลกันนักไป๋หยานมองดูปฏิกิริยาระหว่างสุนัขจิ้งจอกสีเงินกับเด็กหญิงคนนั้นอย่างเงียบ ๆ หากนางเดาไม่ผิด จิ้งจอกสีเงินตัวนี้น่าที่จะเป็นตี้คัง
และนี่คือฉากที่พวกเขาได้พบกันเป็นครั้งแรก
ไป๋หยานไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงเข้าใจความรู้สึกของตี้คังได้? คนอย่างเขา ซึ่งเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ย่อมยอมตาย ดีกว่าที่จะให้คนในอาณาจักรสวรรค์ช่วยอย่างแน่นอน
ทว่าดูเหมือนเด็กสาวจะไม่สนใจอาการต่อต้านของจิ้งจอกสีเงิน นางหยิบยาอายุวัฒนะออกมาจากเสื้อของนาง จากนั้นก็ยื่นส่งให้สุนัขจิ้งจอกสีเงิน
“เจ้ากินยาเม็ดนี้แล้วเจ้าก็จะหายจากอาการบาดเจ็บหลังจากที่เจ้าหายแล้ว ก็รีบไปออกจากที่นี่เสียโดยไว อย่าให้คนอื่นหาเจ้าพบ”
จิ้งจอกเงินมองยาอายุวัฒนะที่เด็กผู้หญิงวางไว้ข้างหน้านางโดยไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใด ๆ ขณะเดียวกันก็ขมวดคิ้วดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
”ไป๋เอ๋อ”
ช่วงเวลานั้นเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น เด็กหญิงแลดูว้าวุ่นเล็กน้อย นางโยนสุนัขจิ้งจอกเข้าไปในโพรงข้าง ๆ ทันที จากนั้นนางก็โยนยาอายุวัฒนะตามเข้าไปด้วย
หลังจากที่นางโยนสุนัขจิ้งจอกไปแล้วนางก็เงยหน้าขึ้นมองชายผู้ซึ่งเดินมาเบื้องหน้า
ทว่า……
เมื่อเสียงอ่อนโยนของชายผู้นั้นดังขึ้นความรู้สึกคุ้นเคยพลันปรากฏขึ้นในใจของไป๋หยาน ราวกับว่านางเคยได้ยินเสียงนั้นจากที่ไหนสักแห่งมาก่อน
น่าเสียดายที่ชายผู้นั้นหันหลังให้กับนางอยู่เสมอกระทั่งนางไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
เมื่อนางกลับมารู้ตัวนางก็เห็นชายหนุ่มและเด็กหญิงเดินจากไปแล้ว ครั้นเห็นเช่นนั้น ไป๋หยานก็รีบไล่ตามไป นางตั้งใจจะเดินไปดักหน้าเพื่อดูว่าชายคนนั้นเป็นใคร …
เนื่องจากชายและเด็กหญิงเดินช้ามากไป๋หยานจึงอยู่ห่างกับคนทั้งสองเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น นางรู้สึกสุขใจ อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น นางก็จะได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้นแล้ว …
ไม่รู้ว่าชายคนนั้นรู้สึกอะไรหรือไม่? จู่ ๆ เขาก็เบือนหน้ามาเล็กน้อย เสี้ยวหน้าที่สมบูรณ์แบบเกือบจะปรากฏต่อสายตาของไป๋หยานแล้ว
ทว่าทันใดนั้นเองความรู้สึกเจ็บแปลบพลันเกิดขึ้นบนร่างของไป๋หยานนางหลุดออกจากความทรงจำนั้นทันที …
***จบบทหลงเอ๋ออยู่ที่ใด (2)***
บทที่ 769 : หลงเอ๋ออยู่ที่ใด (3)
ครั้นไป๋หยานลืมตาขึ้นอีกครั้งนางก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลางดงามของตี้คังพร้อมกับร่างที่เปลือยเปล่า
นางตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลบ นางก้มศีรษะลงมองอย่างงุนงง ภายหลังจากที่เห็นว่าตี้คังกำลังทำสิ่งใด นางก็เกิดความโกรธ นางเตะหว่างขาเขาอย่างไม่ปรานี พร้อมกับตะโกนไล่ “ออกไป !”
อีกนิดเดียวนิดเดียวเท่านั้น ก็จะได้เห็นแล้วว่าชายผู้นั้นเป็นใคร ! แต่ทั้งหมดนี้กลับถูกตี้คังทำลายเสียได้
”หยานเอ๋อ”ตี้คังหน้าเขียว เขากุมส่วนล่างที่เจ็บปวด กระทั่งเหงื่อเย็นผุดออกมาปกคลุมหน้าผาก “เจ้าต้องการให้ข้าเป็นหมันหรือไร ?”
”ออกไปให้ไกลๆ ข้าเลย !” ใบหน้าของไป๋หยานเต็มไปด้วยความโกรธ
นางเพิ่งขอให้ตี้คังช่วยนางเข้าไปดูชาติภพก่อนของนางทว่านางไม่คิดเลยว่าชายผู้นี้จะ …
”หยานเอ๋อ”
ครั้นตี้คังเห็นว่าไป๋หยานน่าที่จะไม่ได้ล้อเขาเล่นเขาพลันตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เขาจับมือของไป๋หยาน แววตาของเขาไร้เดียงสา …”
”ตี้คังท่านจะช้าลงหน่อยไม่ได้หรือไร ? เมื่อครู่อีกเพียงนิดเดียวข้าก็จะได้รู้แล้วว่าชายผู้นั้นเป็นใคร อีกเพียงนิดเท่านั้น !”
ในความเป็นจริงทันทีที่ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ไป๋หยานก็รู้แล้วว่าชายคนนี้เป็นคนเดียวกันกับที่เป็นศัตรูของตี้คัง ซึ่งนางได้เห็นเมื่อตอนเข้าสู่สนามรบนั้นเป็นครั้งแรก ! เช่นนั้นการตายของมังกรเขียวและพยัคฆ์ขาวก็ต้องเกี่ยวข้องกับชายผู้นั้นด้วย
น่าเสียดายครั้งแรกที่นางเห็นเขาในสนามรบ ใบหน้าของชายผู้นั้นกลับถูกปกคลุมไปด้วยหมอกมัว ทำให้นางไม่อาจรู้ได้ว่าชายผู้นั้นเป็นใคร ?
และ…ชายผู้นั้นทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยทั้งดูเหมือนจะเคยเห็นเขาที่ไหนซักแห่ง เช่นนั้นนางจึงกระตือรือร้นที่จะรู้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาเป็นเช่นไร ?
ทว่า…ขณะที่นางกำลังจะได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของชายผู้นั้น ความหวังของนางพลันถูกตี้คังทำลายลง ! เช่นนี้จะไม่ให้นางโกรธได้เยี่ยงไร ?
”หยานเอ๋อข้ารู้ ข้าผิดไปแล้ว … ” ตี้คังจับมือของไป๋หยานด้วยท่าทางน่าสงสาร แววตาของเขาแลดูไร้เดียงสา
”ออกไปเลย!”
ไป๋หยานหายใจเข้าลึกพลางชี้ไปที่ประตู
”หยานเอ๋อ…”
”ออกไป…ไว้ข้ายกโทษให้ท่านแล้วท่านค่อยเข้ามาใหม่” ไป๋หยานจ้องมองตี้คังด้วยความโมโห
”หากหยานเอ๋อโกรธก็แค่ตีข้าสักสองสามที เหตุใดต้องทำร้ายข้าเช่นนี้ด้วยเล่า ?”
ตี้คังจับมือของไป๋หยานหวังจะให้ทุบร่างของเขาทว่ากำปั้นของนางถูกดึงกลับก่อนที่จะทันแตะต้องตี้คัง
ครั้นเห็นว่านางไม่เต็มใจที่จะตีเขารอยยิ้มของตี้คังพลันสดใส และสวยงาม “หยานเอ๋อ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจที่จะ … ”
”อย่าทำเช่นนั้น”ไป๋หยานดึงมือออกมาพลางกล่าวว่า “ท่านออกไปก่อน ข้าขอเวลาสงบสติอารมณ์สักครู่”
ตี้คังมองหน้านางพลางลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้า ๆ “ตกลง”
หลังจากกล่าวจบเขาก็หันหลังเดินไปทางประตู แต่ครั้นเขาเดินไปถึงประตูเสียงฝีเท้าของเขาพลันหยุดชะงัก
“ข้าจะรอเจ้าอยู่หน้าประตู”
ไป๋หยานโกรธจนแทบจะหัวเราะชายผู้นี้ … ช่างร้ายกาจนัก ทว่า… นางก็ชอบเขาที่เป็นเช่นนี้
ใช่แล้วก่อนที่นางจะออกจากแดนอสูร นางก็รู้ตัวว่าตกหลุมรักชายผู้นี้แล้ว หาไม่ คงจะเป็นไปไม่ได้ที่นางจะเสียความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เพราะความโกรธและความเศร้า …
โชคดีที่ชายผู้ซึ่งนางตกหลุมรัก ดูแลนางเสมือนหนึ่งสมบัติล้ำค่า ทั้งรักนางยิ่งชีวิต
เช่นนั้นนางจะไม่ทำผิดพลาดเช่นเดียวกับมารดาของนางในชีวิตก่อนหน้านี้ทั้งนางจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจเลือกด้วยตนเองในครั้งนี้ …
*****
ตี้เสี่ยวอวิ๋นกับไป๋เสี่ยวเฉินออกไปเที่ยวทั้งวันกว่าทั้งคู่จะกลับมา ก็เป็นเวลามืดแล้ว
***จบบทหลงเอ๋ออยู่ที่ใด (3)***
บทที่ 770 : หลงเอ๋ออยู่ที่ใด (4)
ผู้คุ้มกันที่เหวินหยุนเฟิงส่งตามไปปกป้องคนทั้งสองตัวสั่นเทาเขาไม่รู้ว่าจะรายงานการกระทำของอาหลานในวันนี้กับเจ้าตำหนักน้อยอย่างไรดี ?
ขณะที่กำลังลังเลอยู่นั้นหยุนเฟิงก็เดินมาหาเขา พลางถามออกมาตรง ๆ ว่า “วันนี้มีผู้ใดมาสร้างปัญหาให้เฉินเอ๋อ และน้องสาวของตี้คังหรือไม่ ?”
ครั้นผู้คุ้มกันได้ยินสิ่งนี้เขาก็สัมผัสได้ถึงเหงื่อเย็น ๆ ถามว่าผู้ใดสร้างปัญหาให้แม่นางตี้กระนั้นรึ ? ถามว่านางไปหาเรื่องผู้ใดมาบ้างจะดีกว่าหรือไม่ ?
”เกิดเรื่องใดขึ้น?” เมื่อเห็นอาการนิ่งเงียบของผู้คุ้มกัน หัวใจของเหวินหยุนเฟิงพลันเคร่งเครียดขึ้นอย่างกระทันหัน “มีคนรังแกพวกเขากระนั้นหรือ ?”
”ท่านเจ้าตำหนักน้อยวันนี้แม่นางตี้ทำร้ายนายน้อยคนโตของตระกูลหลินจนพิการ” ผู้คุ้มกันจิกมุมปากของตน
เขาตัวสั่นเมื่อหวนคิดถึงฉากสยองนั่นเหวินหยุนเฟิงขมวดคิ้ว “มันเกิดเรื่องใดขึ้น ?”
”คือนายน้อยตระกูลหลินลวนลามแม่นางตี้ แม่นางตี้โกรธมาก นางตบหน้าเขา แล้วตวาดใส่ จากนั้นนายน้อยตระกูลหลินก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกเลย … ”
”โหดถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”
เหวินหยุนเฟิงตกตะลึงตี้เสี่ยวอวิ๋นแลดูแตกต่างจากพี่ชายของนาง นางดูน่ารักน่าเอ็นดู สตรีเช่นนี้น่าจะเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน ผู้ใดจะรู้ว่านางจะลงมือหนักถึงเพียงนั้น ทำร้ายคนจนพิการเลยกระนั้นรึ ?
”ทันทีที่คนในตระกูลหลินรู้ว่านายน้อยคนโตของตระกูลถูกแม่นางตี้ทำร้ายพวกเขาก็ส่งยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนมาสู้กับแม่นางตี้ ! ผลที่ได้ก็คือ แม่นางตี้จัดการคนตระกูลหลินทั้งหมด ชนิดถอนรากถอนโคน คือถอนรากถอนโคนจริง ๆ ชนิดที่ตอนนี้ยังมีรูขนาดใหญ่บนพื้นบ้านตระกูลหลินอยู่เลย”
ผู้คุ้มกันกลัวกระทั่งแทบจะร้องไห้คนอย่างตี้เสี่ยวอวิ๋นเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนที่จะยั่วยุได้ ไยเขาจะต้องตามปกป้องนางด้วย ? เหตุใดเจ้าตำหนักน้อยต้องส่งเขาไปคุ้มครองนางด้วย
“ยิ่งไปกว่านั้นแม่นางตี้ยังสร้างปัญหาต่อ หลังจากจัดการตระกูลหลินราบคาบแล้ว นางก็ทิ้งคำพูดประโยคหนึ่งว่า “พี่สะใภ้ข้าคือไป๋หยาน หากผู้ใดกล้ามีปัญหากับข้าอีก ข้าจะให้พี่สะใภ้มาแก้แค้นแทน” ตอนนี้ทั่วทั้งตำหนักเซียนพยับหมอกกำลังตกอยู่ในความโกลาหล ผู้คนต่างก็วิ่งหนีทันทีที่พวกเขาเห็นแม่นางตี้ เพราะกลัวว่าแม่นางตี้จะมาฟ้องเจ้าตำหนัก แล้วเจ้าตำหนักจะโกรธพวกเขา และสั่งลงโทษพวกเขาเพราะแม่นางตี้… ”
เหวินหยุนเฟิงถอนหายใจเฮือกใหญ่เขายกมือขึ้นกุมหัวใจตนเอง ก่อนจะค่อย ๆ นั่งลง “ข้าขอทำใจก่อน ชื่อเสียงของบ้านสกุลเหวินของเราถูกทำลายสิ้นแล้ว”
ที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นลงมือกับตระกูลหลินก็พอเข้าใจได้เพราะคนตระกูลหลินรบกวนนางก่อน ทว่าประโยคสุดท้ายที่นางทิ้งไว้นี่สิ !
ไม่เท่ากับสร้างปัญหาให้แก่บ้านสกุลเหวินหรอกหรือ?
เมื่อผู้คุ้มกันเห็นท่าทางที่ตระหนกตกใจของเหวินหยุนเฟิงแล้วเขาก็ไม่ได้กล่าวคำใดอีก นอกจากกล่าวว่า “เจ้าตำหนักน้อย ข้าไม่คิดว่า แม่นางตี้จะต้องการการคุ้มกันใด ๆ เลย … ”
”เจ้าไม่ต้องไปคุ้มกันพวกเขาอีกแล้ว”เหวินหยุนเฟิงกล่าวพร้อมรอยยิ้มบิดเบี้ยวพลางส่ายศีรษะ “ไม่มีผู้ใดในตำหนักเซียนพยับหมอกที่สามารถทำร้ายแม่นางตี้ได้ หากเจ้ายังขืนติดตามนางต่อ นางต่างหากที่ต้องปกป้องเจ้า ลืมมันไปเถอะ เจ้าออกไปได้”
เหวินหยุนเฟิงหยุดพูด…
ผู้คุ้มกันรับคำสั่งก่อนจะผละถอยไป เขารู้สึกโล่งใจ แต่ครั้นเขาก้าวถึงประตู เขาก็ได้ยินเสียงเหวินหยุนเฟิงเอ่ยถามต่อว่า “เจ้าอยู่ที่นี่ เช่นนั้นแม่นางตี้กับเฉินเอ๋อล่ะอยู่ที่ใด ?”
”พวกเขาไปที่ลานบ้านของคุณหนูกับท่านเขยต้องไปห้ามพวกเขาหรือไม่ขอรับ ?” ผู้คุ้มกันเอ่ยถาม พลางป้องกำปั้นของเขา
เพราะเหวินหยุนเฟิงต้องการให้ไป๋หยานกับตี้คังมีลูกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เขาจึงออกคำสั่งว่าไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ก้าวไปที่ลานบ้านของทั้งคู่ !
หวนหยินพยายามมาหาไป๋หยานหลายครั้งแล้วทว่าคนของเหวินหยุนเฟิงห้ามไว้
***จบบทหลงเอ๋ออยู่ที่ใด (4)***