จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 776-780
บทที่ 776 : ผู้นำเผ่ามังกรแห่งแดนอสูร (2)
”ส่วนเรื่องรูปร่างหน้าตาของนางเป็นเช่นไรนั้นข้าอธิบายไม่ถูก” เด็กสาวขมวดคิ้วอย่างทุกข์ใจ “ข้ารู้เพียงว่า นางงดงาม ทั้งนางยังมีสุนัขจิ้งจอก และสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นก็สวยมาก เจ้าสามารถช่วยข้าตามหาพวกเขาได้หรือไม่ ?”
หน้าตาเป็นอย่างก็ไม่รู้?
แววตาของเล่งชิงชางสั่นไหวสองสามครั้งก่อนจะหัวเราะพลางกล่าวว่า “บังเอิญจริง ๆ ที่สำนักมังกรฟ้าของเรามีศิษย์ชื่อไป๋หยาน ซ้ำนางยังอุ้มสุนัขจิ้งจอกด้วย ข้าไม่รู้ว่าจะเป็นผู้ที่เจ้ากำลังตามหาหรือไม่ ?”
“จริงๆ หรือ ?”
แววตาของเด็กหญิงตัวน้อยสว่างไสวขึ้นทันทีราวกับดวงดาวที่เปล่งประกายส่องแสงแพรวพราวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
”แม่หนูน้อย”เซี่ยเปาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาเอ่ยปากเหน็บแนมว่า “หญิงผู้นี้แผนสูงมาก ถ้อยคำของนางเชื่อถือไม่ได้เลย หากเจ้าติดตามนางไปที่สำนักมังกรฟ้า ข้าเกรงว่าชั่วชีวิตนี้ เจ้าจะไม่มีวันได้กลับออกมาอีก”
เด็กหญิงตัวน้อยมองเซี่ยเปาผู้ซึ่งอวบอ้วนก่อนจะหันไปมองเล่งชิงชางผู้ซึ่งมีท่าทีเย็นชาทว่างดงาม ที่สุดนางจึงเลือกที่จะเชื่อหญิงผู้นี้โดยไม่รู้ตัว
”ข้าจะไปที่สำนักมังกรฟ้ากับเจ้าก็ได้แต่เจ้าต้องให้ข้าได้พบไป๋หยาน บอกนางว่าน้องสาวตัวน้อยยังรอนาง รอความช่วยเหลือจากนาง”
ครั้นเห็นว่าเด็กหญิงตัวน้อยลุกขึ้นยืนจากพื้นเล่งชิงชางก็ค่อย ๆ ถอนหายใจอย่างโล่งอก มังกรตัวนี้ยังเด็กนัก แม้ว่าตอนแรกนางจะดูระแวดระวังภัยในตัวมนุษย์ แต่แท้จริงแล้ว เพียงพูดไปไม่กี่ประโยค เล่งชิงชางก็สามารถสลายกำแพงใจของนางลงได้
หลังจากเข้าสำนักมังกรฟ้าแล้วคิดหรือว่านางจะมีอิสระได้อีก ? ตลอดชีวิตนี้เจ้าจะต้องจงรักภักดีต่อสำนักมังกรฟ้าของเรา …
”ช้าก่อน!”
ทันทีที่เห็นว่าเล่งชิงชางกำลังจะพาเด็กหญิงไปเซี่ยเปาและมู่ชิงก็หันมองหน้ากัน ก่อนจะโจมตีเล่งชิงชางอย่างรวดเร็ว
ลมฟ้าคะนองราวพายุพวยพุ่งขึ้นจากพื้นดินสู่ยอดเขาพื้นดินเต็มไปด้วยฝุ่นผง
”รนหาที่ตาย!”
เล่งชิงชางขมวดคิ้วนางรีบหันไปเผชิญหน้ากับการโจมตีของคนทั้งสอง ทว่าหลังจากนั้น นางเพียงคนเดียว ต้องรับมือกับยอดฝีมือถึงสองคน เช่นนั้นภายใต้การโจมตีของทั้งคู่ นางจึงถูกบังคับให้ถอยหลังกลับไปสองสามก้าว ก่อนที่จะยืนงงงวยกับภาวะวิกฤติตรงหน้า
ฉัวะฉัวะ ฉัวะ !
ทว่าชั่วเวลานี้มีคนหลายคนเหาะมาขวางเซี่ยเปาและมู่ชิงไว้
เล่งชิงชางเช็ดเลือดออกจากมุมปากของตนพลางเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสทั้งหลาย ข้าจะพาเด็กน้อยคนนี้ไปก่อน ส่วนคนของสำนักเฟยเยี่ย และสำนักเซี่ยเทียน พวกท่านช่วยจัดการแทนด้วย … ”
ทันทีที่กล่าวจบเล่งชิงชางก็ยกมือขึ้นคว้าชายเสื้อของเด็กหญิง จากนั้นก็กระโดดขึ้นสู่ท้องฟ้า เพียงพริบตาก็หายตัวไปจากยอดเขา …
*****
กว่าครอบครัวของไป๋หยานจะมาถึงเล่งชิงชางก็จากไปนานแล้ว เพราะทางขึ้นเขามีสองสาย เช่นนั้นพวกเขาจึงไม่พบเล่งชิงชาง
ยามนี้สำนักมังกรฟ้ายังไม่รู้ตัวเลยว่า การกระทำของเล่งชิงชาง จะนำภัยพิบัติมาสู่สำนักมังกรฟ้าชนิดที่เรียกได้ว่าพินาศย่อยยับกันเลยทีเดียว !
บนยอดเขาผู้อาวุโสหลายคนได้รับคำสั่งให้ขัดขวางคนของอีกสองสำนักในขณะที่ทั้งสองฝ่ายยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่นั้น เสียงหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลังดังสะท้อนก้องไปบนภูเขาที่ว่างเปล่าแห่งนี้ ส่งผลให้การต่อสู้หยุดชะงักลง
”ตี้คัง…ดูเหมือนว่าเราจะมาช้าไปหน่อยนะ หลงเอ๋อคงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วล่ะ ?”
ภายใต้เมฆสีขาวสตรีผู้นั้นยืนอยู่บอากาศว่างเปล่าเคียงข้างกับบุรุษหนุ่มหล่อเหลาผู้ซึ่งมีเรือนผมสีเงินยวง พลันนางก็ร่อนลงบนพื้นดิน ยามนี้อาภรณ์สีแดงของนางกำลังสะบัดไหวแผ่วพริ้ว นางจ้องมองการต่อสู้เบื้องล่างด้วยสายตาเย็นชา
”หยานเอ๋อ…เจ้ากับเฉินเอ๋อรอข้าอยู่ที่นี่นะ”เสียงทุ้มลึกของตี้คังดังขึ้นข้าง ใบหูของไป๋หยาน
ไป๋หยานตกตะลึงหลังจากรู้สึกตัว ชายผู้นั้นก็คลายวงแขนที่โอบรอบเอวของนาง พลางกวาดสายตามองผู้คนที่อยู่เบื้องล่างไม่ต่างกับมองมดปลวก ก่อนจะเอ่ยถาม “เมื่อครู่นี้ เจ้าเห็นมังกรบาดเจ็บที่นี่บ้างหรือไม่ ?”
***จบบทผู้นำเผ่ามังกรแห่งแดนอสูร (2)***
บทที่ 777 : ผู้นำเผ่ามังกรแห่งแดนอสูร (3)
หลังจากได้ยินถ้อยคำของตี้คังคู่ต่อสู้ทั้งสองก็นิ่งเงียบเพียงครู่ ก่อนจะเอ่ยปากเหน็บแนม
“มีคนต้องการจะฉกเด็กหญิงมังกรเพิ่มอีกคนแล้วสิ?” มู่ชิงเยาะ “น่าเสียดายที่เด็กหญิงมังกรถูกเล่งชิงชางพาไปสำนักมังกรฟ้าแล้ว ไม่รู้เป็นหรือตาย พวกเจ้าอย่าได้เสียเวลาเลย”
บูม!
ชั่วขณะนั้นสายตาของไป๋หยานก็พลันเย็นชาแรงกดดันแผ่กระจายออกมาเรื่อย ๆ เสียงของนางสั่นสะท้านราวสายลมพัด น่าขนลุกมาก
”เจ้าหมายถึงพวกสำนักมังกรฟ้างั้นหรือ ?”
”ฉลาดไม่เลว!”
นัยน์ตาของมู่ชิงสว่างไสวขึ้นเล็กน้อยเขากัดฟันกล่าวว่า “หากเจ้าต้องการพบตัวเล่งชิงชาง ! ก็รีบไปเถิด ! เพราะหากไปถึงช้า เจ้าอาจได้เพียงร่างของมังกรน้อยกลับมา
สิ่งที่เขาพูดนั้นเกินจริงไปหน่อยเพราะแท้จริงแล้วเล่งชิงชางต้องการเพียงปราบมังกรน้อย เพื่อทำให้มังกรน้อยยอมสิโรราบ นางไม่มีวันฆ่ามังกรน้อยหรอก
ทว่า…
ในเมื่อเขาไม่ได้เด็กหญิงมังกรเขาก็จะไม่มีวันให้เล่งชิงชางได้เช่นกัน !
”ตี้คังไปกันเถิด !”
แววตาของไป๋หยานแลดูเย็นชาเล็กน้อยหากหลงเอ๋อได้รับอันตรายใด ๆ นางจะไม่มีวันอภัยให้คนที่ทำร้ายเด็กหญิง !
”ช้าก่อน!”
ครั้นผู้อาวุโสแห่งสำนักมังกรฟ้าแลเห็นไป๋หยานและตี้คังตั้งใจจะไล่ตามเล่งชิงชาง ใบหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนไปทันที พวกเขารีบมาปรากฏตัวต่อหน้านาง
”ออกไป!”
แววตาของตี้คังแลดูเย็นชาเขายกมือขึ้นจุดเปลวอัคคี ไฟลุกไหม้ท่วมท้องฟ้าและผืนดิน เพียงไม่นานผู้อาวุโสเหล่านั้นกับคนของเขาก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน …
ทั้งสำนักเฟยเยี่ยและสำนักเซี่ยเทียนต่างก็ตกตะลึง
เหตุที่พวกเขากล่าวเช่นนั้นกับตี้คังก็เพียงต้องการที่จะเกลี้ยกล่อมให้คนทั้งสองไล่ตามนางไป เพื่อที่ว่าบรรดาผู้อาวุโสของสำนักมังกรฟ้าจะได้ไม่ใส่ใจพวกเขาอีก
และเมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็จะอาศัยโอกาสนี้จัดการคนของสำนักมังกรฟ้าให้พ้นทาง แล้วพวกเขาก็จะได้มีโอกาสออกไปจากที่นี่
หากแต่ผู้ใดจะรู้ว่า… แม้สิ่งต่าง ๆ กำลังดำเนินไปในทิศทางที่พวกเขาคาดหวัง ทว่าผู้อาวุโสสำนักมังกรฟ้าเหล่านี้กลับไม่สามารถต้านทานชายผู้นั้นได้เลยแม้แต่น้อย
เช่นนั้นการที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับชายผู้นี้แท้จริงแล้วพวกเขาจะมีโอกาสเอาชนะได้กระนั้นหรือ ?
ชั่วขณะนั้นทุกคนต่างเงียบกริบไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวคำ เพื่อยับยั้งคนทั้งสามไม่ให้จากไป กระทั่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าครอบครัวทั้งสามคนจากไปเมื่อไหร่ ?…
*****
ยามนี้เหนือยอดเขาเม่ยซานตี้คังมือหนึ่งจับไป๋เสี่ยวเฉิน อีกมือหนึ่งโอบกอดไป๋หยานไว้ในอ้อมแขน พุ่งตัวลงจากยอดเขาราวกับสายฟ้า
เขารวดเร็วมากเกรงว่า แม้เมฆสีขาวบนท้องฟ้าก็ยังมิอาจตามเขาได้ทัน …
ถึงกระนั้นเมื่อพวกเขาลงมาถึงเชิงเขาพวกเขากลับไม่เห็นผู้ใดเลย
”เฉินเอ๋อให้เจ้าทองถามท่านปู่ของเจ้าหน่อยเถิดว่า สำนักมังกรฟ้าตั้งอยู่ที่ใด ?” ไป๋หยานขมวดคิ้วเล็กน้อย มีเจตนาสังหารแฝงอยู่ในน้ำเสียงของนาง
”ได้”
ไป๋เสี่ยวเฉินรับคำอย่างว่าง่ายเขาหยิบหินสื่อสารที่เจ้าทองมอบให้ไว้ใช้ติดต่อกันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากเอ่ยถามไปสองสามคำเขาก็ผละจากการสื่อสาร และหันมองไป๋หยานด้วยแววตาที่ไร้เดียงสา
”หม่ามี้ท่านปู่บอกว่า เพียงเราเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ เราก็จะเจอสำนักมังกรฟ้า”
”เช่นนั้นเราก็ไปกันเถิด!”
*****
ช่วงเวลาเดียวกันภายในคฤหาสน์ของบ้านสกุลเหวินเหวินหยุนเฟิงวางสายจากหินสื่อสาร ก่อนจะโยนก้อนหินไปให้เจ้าทองพลางขมวดคิ้วเอ่ยกล่าวว่า “สำนักมังกรฟ้า เหตุใดหยานเอ๋อจึงได้ถามถึงสำนักมังกรฟ้า ? หรือว่าสำนักมังกรฟ้าจะไปยั่วยุให้นางโกรธ … ? ”
เหตุเพราะไป๋หยานรีบตามหาหลงเอ๋อเช่นนั้นไป๋เสี่ยวเฉินจึงไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย เหวินหยุนเฟิงจึงไม่ทราบในสิ่งที่สำนักมังกรฟ้ากำลังทำ
”หยุนเฟิงสำนักมังกรฟ้าทำอะไรกระนั้นรึ ?”
ยามนี้เสียงของเหวินหวู่เหว่ยดังมาจากด้านหลังนั่นยิ่งทำให้อารมณ์ของเหวินหยุนเฟิงซับซ้อนมากขึ้น
***จบบทผู้นำเผ่ามังกรแห่งแดนอสูร (3)***
บทที่ 778 : ผู้นำเผ่ามังกรแห่งแดนอสูร (4)
สำหรับเวินหวู่เหว่ยผู้ซึ่งเป็นบิดาของเขาคนนี้เหวินหยุนเฟิงยังรู้สึกไม่พอใจบิดาของตนเองเท่าใดนัก หากมิใช่เป็นเพราะบิดา ตัวเขาก็คงไม่ต้องสูญเสียหนิงเอ๋อ ทว่า … เมื่อเขาหันหน้าไปมองเหวินหวู่เหว่ย เขาก็เห็นรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของชายชรา นั่นทำให้เขาถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว
“สำนักมังกรฟ้าทำให้หยานเอ๋อไม่พอใจ”
“เจ้าว่าไงนะ?”
เหวินหวู่เหว่ยโกรธน้ำเสียงของเขาแสดงความโกรธอย่างที่มิอาจปกปิดได้ “สำนักมังกรฟ้า กล้าทำให้หยานเอ๋อไม่พอใจ พวกเขาไม่รู้หรือไรว่าหยานเอ๋อเป็นหลานสาวสุดที่รักของข้า ผู้ใดกล้าทำให้นางขุ่นเคือง ข้าจำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ เจ้าสำนักมังกรฟ้าบุกทะลวงเข้าสู่ระดับซุ่นเจี่ยได้สำเร็จ เช่นนั้นเขาจึงได้เข้าร่วมกับสภาผู้อาวุโสของตำหนักเซียนพยับหมอก ดังนั้นเจ้าจงนำชายผู้นั้นกลับไปที่สำนักมังกรฟ้าเดี๋ยวนี้เลย !”
เหวินหยุนเฟิงตกตะลึงแท้จริงแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของไป๋หยานและตี้คัง ย่อมไม่มีผู้ใดทำร้ายพวกเขาได้
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะอนุญาตให้ผู้อื่นรังแกนางได้
”ข้าจะพาเขาไปตอนนี้เลย”
เหวินหวู่เหว่ยพยักหน้า”ข้าต้องการให้ทุกคนในตำหนักเซียนพยับหมอกรับรู้ว่าไป๋หยานเป็นหลานสาวของข้า ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถทำให้นางขุ่นเคืองได้โดยเฉพาะ สำนักมังกรฟ้า … ”
ทันทีที่เขากล่าวจบประโยคและกำลังจะกล่าวต่ออีกสักสองสามคำ ชั่วขณะนั้นก็มีเสียงที่เปี่ยมเสน่ห์ดังขึ้นทำให้เขาหยุดชะงักไม่กล่าวคำใดต่อ …
ท่านปู่นี่ท่านกำลังพูดถึงสำนักมังกรฟ้าใช่หรือไม่ ? ”
ในมือของตี้เสี่ยวอวิ๋นมีขนมถังหูลู่ปากของนางเคลือบด้วยคราบน้ำหวานสีแดง นัยน์ตากลมโตอันงดงามของนางส่องประกายแวววาว ขณะเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
”แม่นางตี้นี่เจ้าก็รู้จักสำนักมังกรฟ้าด้วยกระนั้นหรือ ?” เหวินหวู่เหว่ยเอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
”ข้าไม่รู้จักสำนักมังกรฟ้าหรอก”ตี้เสี่ยวอวิ๋นส่ายศีรษะ “ทว่าข้ารู้จักหัวหน้าเผ่ามังกรคนปัจจุบันในดินแดนอสูร เขามีชื่อว่าหลงเทียน ครั้งหนึ่งเขาเคยตั้งสำนักที่มีชื่อว่า สำนักมังกรฟ้า หากแต่ข้าไม่รู้ว่ามันจะเป็นสำนักมังกรฟ้าที่พวกท่านพูดถึงกันหรือไม่ ? …”
เนื่องจากบิดาของหลงเอ๋อถูกปลดออกจากตำแหน่งหัวหน้าเผ่ามังกรแล้วเช่นนั้นหลงเทียนจึงขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าเผ่าแทนตี้เสี่ยวอวิ๋นเคยพบหลงเทียนหลายต่อหลายครั้ง ทั้งยังเคยได้ยินเขาเล่าถึงอดีตที่ผ่านมารวมถึงเรื่องของสำนักมังกรฟ้าด้วย
เหวินหวู่เหว่ยตกตะลึง”เจ้าหมายถึงสำนักมังกรฟ้านั้นก่อตั้งโดยจ้าวมังกรฟ้าที่มีชื่อว่าหลงเทียน ทว่าสิ่งที่ข้าได้ยินมาก็คือเจ้าสำนักคนแรกของสำนักมังกรฟ้าปราบมังกรได้สำเร็จ จากนั้นก็เก็บมังกรไว้เป็นทาสรับใช้ตน ”
นัยน์ตาของตี้เสี่ยวอวิ๋นเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจขนมหวานในมือของนางเกือบจะร่วงหล่นด้วยความตกใจ
“เผ่ามังกรเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในตนพวกเขาจะเต็มใจยอมเป็นทาสผู้ใดได้อย่างไร ? เอาล่ะ หัวหน้าสำนักมังกรฟ้ายังไม่เคยพบกับพี่สะใภ้ของข้า ครานี้เขาวางแผนที่จะมากับเรา เพื่อรับพี่สะใภ้กลับแดนอสูร นี่ก็ออกเดินทางมาหลายวันแล้ว …คงเกือบจะมาถึงแล้วล่ะ”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นกลืนถังหูลู่ลงไปอีกสองลูกก่อนจะเช็ดปากพลางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เมื่อเขามาถึงข้าจะให้เขาไปที่สำนักมังกรฟ้า เพื่อไปพบกับพี่สะใภ้”
”…”
เหวินหวู่เหว่ยกับเหวินหยุนเฟิงต่างก็หันมองสบตากันเป็นไปไม่ได้ ? หรือว่าประวัติศาสตร์ของสำนักมังกรฟ้าจะเป็นเรื่องหลอกลวง ?
ชั่วขณะนั้นเสียงมังกรพลันแผดดังลั่นบนอากาศว่างเปล่า ทำให้ทุกคนในตำหนักเซียนพยับหมอกตะลึงงันไปกับพลังหนักแน่นที่ปรากฏออกมาจากอากาศว่างเปล่า และก่อกวนจนเกิดคลื่นบนท้องฟ้าอยู่เป็นเวลานานโดยไม่กระจายหายไป
ไม่ต้องกล่าวถึงตำหนักเซียนพยับหมอกแม้แต่สำนักมังกรฟ้าซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ก็ยังถึงกับสั่นสะเทือนด้วยเสียงคำรามของมังกร เหล่าผู้อาวุโสรีบออกมาดู พวกเขาพยายามมองไปในทิศทางที่มังกรคำราม
เสียงคำรามนี้น่าสะพรึงกลัวเสียเหลือเกินทำเอาผู้ฟังต่างก็ตัวสั่นงันงก
***จบบทผู้นำเผ่ามังกรแห่งแดนอสูร (4)***
บทที่ 779 : ผู้นำเผ่ามังกรแห่งแดนอสูร (5)
”เชิญผู้อาวุโสทั้งหมดมาพบข้า”
เล่งชิงชางรีบเดินเข้าไปในสำนักมังกรฟ้าจากนั้นนางก็ออกคำสั่งด้วยเสียงอันดังมาก
หลังจากได้ยินคำสั่งของนางก็มีคนไปรายงานบรรดาผู้อาวุโสทันที และเพียงไม่นานผู้อาวุโสหลายคนก็เข้ามาในห้องประชุม
เล่งชิงชางสะบัดแขนเสื้อต่อสายตาของทุกคนก่อนจะนั่งลงเบื้องหน้าพลางออกคำสั่งอย่างเฉยเมย “ตอนนี้ พวกท่านจงรีบออกไปตามหาสตรีที่สวยมาก ๆ มาหนึ่งคน พร้อมกับจับสุนัขจิ้งจอกอีกหนึ่งตัวมาด้วย !” ข้าต้องการให้หญิงผู้นั้นปลอมตัวเป็นหญิงที่มีชื่อว่า ไป๋หยาน ”
ผู้อาวุโสลอบมองเล่งชิงชางทว่าเล่งชิงชางมักจะใช้วิธีเผด็จการกับพวกเขาอยู่เสมอ พวกเขาไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งของนางได้
”ขอรับท่านเจ้าสำนัก”
ทุกคนล่าถอยจากไป
หลังจากที่ทุกคนจากไปแล้วริมฝีปากของเล่งชิงชางพลันเผยรอยยิ้ม แววตาของนางเย็นชาอย่างยิ่ง “สิ่งที่ข้าเล่งชิงชางต้องการ ข้าต้องได้ นอกจากนี้ ต้องทำให้เผ่ามังกรยอมจำนนต่อสำนักมังกรฟ้าของเราด้วย หากเจ้าสำนักมังกรฟ้าคนแรกยังอยู่ เขาก็ต้องเห็นด้วยกับวิธีการนี้ เขาก็ต้องอยากได้เผ่ามังกรมาอยู่ในอาณัติของสำนักเราใช่หรือไม่ ?”
เมื่อหวนคิดถึงปรมาจารย์เจ้าสำนักคนแรกของสำนักมังกรฟ้าแววตาของเล่งชิงชางก็ค่อย ๆ อ่อนลง
ในความคิดของทุกคนภายในสำนักมังกรฟ้าปรมาจารย์เจ้าสำนักคนนั้นเป็นวีรบุรุษเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉากที่เขาทำให้ราชามังกรยอมจำนนต่อเขา
ทว่าน่าเสียดายที่ปรมาจารย์เจ้าสำนัก… ไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
*****
สำนักมังกรฟ้าตั้งอยู่บนยอดเขาไม่ไกลจากเขาเม่ยซานนักด้วยความเร็วของไป๋หยานและตี้คังทั้งสามก็สามารถไปถึงได้อย่างรวดเร็ว
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่พวกเขาใช้เวลาในการค้นหาภูเขาลูกนี้อยู่นานหาไม่พวกเขาก็คงค้นพบสำนักมังกรฟ้าก่อนหน้านี้แล้ว
ณเชิงเขา ศิษย์สองคนต่างกำลังบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิดใจ
”ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกับท่านเจ้าสำนักเหตุใดจู่ ๆ ต้องหาคนไปแอบอ้างเป็นคนอื่น แล้วเราจะหาสิ่งที่นางต้องการได้จากที่ใด ?”
”หาผู้หญิงน่ะไม่ยากหากแต่ … ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อวานนี้สัตว์อสูรและสัตว์ประหลาดในตำหนักเซียนพยับหมอกต่างก็วิ่งไปที่คฤหาสน์ใหญ่ ยามนี้แม้แต่สุนัขจิ้งจอกธรรมดา ๆ สักตัวก็ยังหาได้ยากเย็น”
ทั้งสองถอนหายใจเบาๆ ขณะที่ทั้งคู่กำลังวางแผนที่จะตามหาสัตว์ประหลาดกันต่อนั้น จู่ ๆ ร่างที่งดงามน่าทึ่งพลันปรากฏในสายตาพวกเขา ทำให้นัยน์ตาของพวกเขาส่องประกายสดใสแวววาว
”พี่จางท่านคิดเช่นไรกับหญิงนางนี้ ? เจ้าสำนักออกคำสั่งมาว่ายิ่งสวยยิ่งดี ข้าคิดว่าหญิงผู้นี้สวยมาก เช่นนั้นให้นางนี่แหละปลอมตัว ท่านมีความคิดเห็นเช่นไร ?”
ครั้นกล่าวจบเขาก็รีบเร่งเดินตรงไปหาหญิงที่อยู่เบื้องหน้าหน้าโดยไม่รู้ตัว
“แม่นางคุณชาย กรุณารอสักครู่”
ยามนี้ไป๋หยานและตี้คังกำลังรีบเร่งไปยังยอดเขา ครั้นถูกชายสองคนหยุดไว้ นางก็ขมวดคิ้วน้อย ๆ
”แม่นางให้ข้าแนะนำตัวก่อนข้าเป็นศิษย์ของสำนักมังกรฟ้า” ชายหนุ่มที่อยู่ทางซ้ายมือเอ่ยขึ้นอย่างภูมิใจ
เหตุเพราะสมองของไป๋หยานกำลังเต็มไปด้วยเรื่องของหลงเอ๋อเช่นนั้นนางจึงไม่ใส่ใจชายทั้งสอง ทว่าถ้อยคำของชายหนุ่มทำให้นางผู้ซึ่งกำลังจะก้าวเท้าต่อพลันชะงัก
“สำนักมังกรฟ้ากระนั้นรึ?” นางเยาะ น้ำเสียงบ่งบอกถึงเจตนาสังหารที่แผ่ออกทีละน้อย
ชายหนุ่มไม่ตระหนักถึงเจตนาสังหารของนางเลยเขากล่าวต่อว่า “ใช่ ข้าเป็นศิษย์ของสำนักมังกรฟ้า ครั้งนี้ข้าลงเขามาก็ด้วยคำสั่งของท่านผู้อาวุโส เพื่อตามหาหญิงสาวหน้าตาดีไปปลอมตัวเป็นใครบางคน เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งเท่านั้น”
เหตุที่พวกเขาไม่หาคนในสำนักมังกรฟ้าก็เพราะเจ้าสำนักเป็นหญิงขี้อิจฉา นางไม่เคยอนุญาตให้ผู้ใดสวยกว่านาง เช่นนั้นในสำนักมังกรฟ้า ทั้งหมดจึงหาหญิงสาวสวย ๆ ไม่ได้เลย
ไป๋หยานขมวดคิ้วเล็กน้อย”เจ้าจะให้ข้าปลอมตัวเป็นผู้ใด ?”
”เป็นหญิงผู้หนึ่งที่มีชื่อว่าไป๋หยาน … ”
***จบบทผู้นำเผ่ามังกรแห่งแดนอสูร (5)***
บทที่ 780 : มารวมตัวกันที่นี่ (1)
ไป๋หยานยืนตัวแข็งงงงันไปชั่วครู่หนึ่งสีหน้าของนางแลดูแปลกไป
คนของสำนักมังกรฟ้า… ต้องการปลอมตัวเป็นนาง
“ป๊ะป๋าหม่ามี้” ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบนัยน์ตากลมโตของตน รอยยิ้มของเขาไร้เดียงสา “สำนักมังกรฟ้าคงมีเรื่องสนุก ๆ ให้ทำเยอะเลย เฉินเอ๋อ อยากไปสำนักมังกรฟ้ากับพี่ชายคนนี้แล้วสิ”
ไป๋หยานมองไป๋เสี่ยวเฉินจากนั้นนางก็เห็นแววฉลาดในดวงตาของเขา เท่านั้นนางก็เข้าใจได้ชัดเจน
แม้ว่าความเร็วของพวกเขาจะเร็วมากทว่าก็ต้องใช้เวลาในการค้นหาสำนักมังกรฟ้าเกือบทั้งวัน เช่นนั้น ไป๋หยานจึงรู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้ตี้คังสังหารพวกผู้อาวุโสของสำนักมังกรฟ้าที่พวกเขาได้พบก่อนหน้านี้ ยามนี้มีใครบางคนจะพานางไปที่สำนักโดยตรง นางจะไม่เห็นด้วยได้เยี่ยงไร ?
”สามีข้า…”
ไป๋หยานยิ้มพลางกอดแขนตี้คังแววตาของนางเปล่งประกายพร้อมรอยยิ้มสดใส “ข้าเคยได้ยินชื่อของสำนักมังกรฟ้ามานานแล้ว ไหง ๆ วันนี้ข้าก็มาถึงที่นี่แล้ว ข้าก็ควรจะไปให้ถึง เช่นนั้นให้ข้าลองไปกับเขาดูนะ ท่านจะว่าอย่างไร?”
หัวใจของตี้คังอ่อนยวบเมื่อได้ยินคำเรียกว่า “สามีข้า” เขาจะไม่ยอมนางได้อย่างไร ?
”ได้สิ”
เขาเชิดริมฝีปากขึ้นพลางยิ้มนัยน์ตาเรียวคมจ้องมองสตรีข้างกายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักลึกล้ำ
ศิษย์ทั้งสองของสำนักมังกรฟ้าเหลือบมองกันสายตาของพวกเขามีแววเย้ยหยัน หญิงผู้นั้นตาโต ทันทีที่นางได้ยินชื่อของสำนักมังกรฟ้า นั่นทำให้พวกเขาหลอกล่อนางได้สะดวกขึ้น
”แค่กๆ !”
ศิษย์ที่แต่งกายด้วยชุดคลุมสีเขียวทางขวามือไอเบาๆ พลางเอ่ยเตือนด้วยความรอบคอบ “หากภายหลังมีคนเอ่ยถามเจ้า จงจำไว้อย่าได้บอกว่าข้าพบเจ้าที่เชิงเขา ให้เจ้า… บอกไปว่า เจ้าเป็นลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ของข้า เข้าใจหรือไม่ ?”
แววตาของตี้คังเต็มไปด้วยอาการหมั่นไส้ทว่าไป๋หยานที่อยู่ข้างกายเขาพลันรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่น่าขนลุก กระทั่งต้องรีบยกมือขึ้นรั้งเขาไว้
”ข้ารู้แล้ว”
มีคนนำทางเหตุใดนางจะต้องเสียเวลาหาหนทางด้วยตนเองอีกเล่า ? ไว้พบหลงเอ๋อก่อน ค่อยชำระบัญชีกับคนสำนักมังกรฟ้าทีหลังก็ได้นี่ …
ณสำนักมังกรฟ้า อาจเป็นเพราะคำสั่งของเล่งชิงชาง ทำให้ยามนี้ทั่วทั้งสำนักเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
ในขณะนี้ภายในห้องโถงใหญ่ หญิงสาวในอาภรณ์สีน้ำเงินนั่งนิ่งสงบ ใบหน้าของนางมิได้สวยโดดเด่น หากแต่ก็ยังดีกว่าสาวกหญิงที่รับใช้อยู่ข้าง ๆ
”เด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นยังสร้างปัญหาใดอีกกระนั้นหรือ?”
เล่งชิงชางขมวดคิ้วเล็กน้อยแววตาของนางแลดูเย็นชา
“เรียน…เจ้าสำนักเด็กหญิงมังกรกำลังโวยวายอยากจะพบกับหญิงที่ชื่อไป๋หยาน ทว่าคนของเราเพิ่งจะออกไปตามหา อาจต้องใช้เวลาพอสมควรในการตามหาหญิงมาแอบอ้างเป็นนาง” ศิษย์คนหนึ่งที่ยืนอยู่อีกด้านกล่าวรายงานอย่างนอบน้อม
“อืม”เล่งชิงชางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อย่ากังวลกับนางเลย ปล่อยให้นางโวยวายไปก่อนเถิด ไว้มีโอกาสค่อยให้นางชดใช้เรื่องนี้ในภายหน้า”
ทันใดนั้นเองก็มีคนรีบเดินเข้ามาในห้องโถงจากนั้นก็ป้องกำปั้นของตน “เจ้า
สำนัก ศิษย์จางเฟิงขอเข้าพบ เขาบอกว่า เขาพบหญิงผู้หนึ่งซึ่งตรงตามข้อกำหนดของท่านเจ้าสำนักแล้ว”
แววตาของเล่งชิงชางพลันส่องประกายวาบขึ้นทันที”ให้เขาเข้ามา”
”ขอรับ”
ผู้คุ้มกันถอยกลับไปเพียงอึดใจหลังจากนั้น ศิษย์คนหนึ่งซึ่งสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินก็ก้าวเข้ามา
เล่งชิงชางมองตามสายตาของจางเฟิงครั้นได้เห็นผู้ซึ่งเดินตามเข้ามาในภายหลัง ลมหายใจของนางก็พลันอึดอัด มือของนางจับที่ท้าวแขนเก้าอี้แรงขึ้นเล็กน้อย สายตาของนางหรี่ลง เมื่อมองรูปลักษณ์ที่งดงามเบื้องหน้า
ใบหน้าของสาวกหญิงในสำนักมังกรฟ้านั้นธรรมดามากๆ เป็นเพราะเล่งชิงชางไม่ต้องการให้ผู้ใดเกินหน้าเกินตานาง ! วันนี้เมื่อได้เห็นสตรีที่งดงามจนน่าทึ่งเช่นนี้ หัวใจของนางจึงอดไม่ได้ที่จะริษยา
สายตาของเล่งชิงชางกวาดไปมองไป๋เสี่ยวเฉินก่อนจะเลยไปจ้องมองตี้คัง พลันนางก็ชะงักไปชั่วครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเองประกายแสงตื่นตะลึงก็พุ่งออกมาจากดวงตาของนาง
***จบบทมารวมตัวกันที่นี่ (1)***