จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 91-95
บทที่ 91 : ไม่ควรยุ่งกับชายที่เป็นโรครักสะอาด !
เป็นฮูหยินของชายยากจนก็ยังดีกว่าเป็นอนุของคนร่ำรวย!
หลานสาวของเขาเขายินดีให้แต่งงานกับคนจากบ้านที่มีฐานะธรรมดา ทว่าจะไม่ยอมให้เป็นพระสนมของเชื้อพระวงศ์เด็ดขาด !
และตราบใดที่ไป๋หยานไม่เต็มใจเขาก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายคนตระกูลหลานของเขาได้
”ตาเฒ่าเอ๊ย! ไยเจ้าถึงต้องทำดุดันต่อหน้าหยานเอ๋อ หลานสาวผู้เป็นที่รักยิ่งของข้าด้วย” หลานฮูหยินผู้เฒ่าหน้ายุ่ง ทั้งยังตำหนิสามีที่ใช้น้ำเสียงเช่นนั้น
”ท่านยาย”ไป๋หยานหัวเราะคิกคัก เมื่อเห็นสายตาตำหนิที่ท่านยายของนางใช้กับสามีตนเองแล้ว นางก็เลิกคิ้ว แล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ท่านตากล่าวถูกแล้ว ไป๋หยาน จะไม่ยอมเป็นอนุของผู้ใด ไม่เพียงเท่านั้น หลานจะไม่มีวันใช้สามีร่วมกับหญิงอื่นด้วย หากไม่สามารถหาคู่ครองแบบผัวเดียวเมียเดียวได้ ตลอดชีวิตนี้หลานก็จะไม่แต่งงาน จะอยู่ปรนนิบัติท่านตาท่านยายไปชั่วชีวิต”
คำกล่าวของไป๋หยานถูกใจท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานยิ่งนักชายชราอดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่น “ต้องอย่างนี้สิ หลานสาวของข้า หลานสาวของตระกูลหลาน ! หากมารดาของเจ้ามีความคิดเช่นเจ้า เรื่องเหล่านั้นก็คงจะไม่เกิดขึ้นกับ … ”
ไป๋หยานขยี้จมูกเล็กน้อย”ท่านแม่เขลาจนเกินไป นางไม่เพียงแต่แต่งให้คนชั่ว นางยังยอมมอบยาเม็ดจิตวิญญาณให้เขาโดยไม่ยั้งคิดเลยด้วยซ้ำ”
สีหน้าของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานเปลี่ยนไปทันทีเขามองเด็กสาวอย่างโกรธเคือง “อย่างไรเสีย นางก็เป็นมารดาของเจ้า ! แม้ว่านางจะทำผิดพลาดมากมายเพียงไร เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ตำหนิว่านางโง่ ? ”
แม้ชายชราจะไม่เคยเอ่ยปากให้อภัยบุตรสาวของตนแม้กาลเวลาจะล่วงผ่านมาหลายปี ทว่าอย่างไรเสียพ่อลูกก็ตัดกันไม่ขาด เขาเพียงเศร้าใจ หากแต่ไม่เคยโกรธเคืองหลานเยี่ยเลย …
ยิ่งไปกว่านั้นครั้นเวลาล่วงเลยผ่านนานหลายปี ความรู้สึกไม่พอใจที่เคยมีแต่ต้นก็มลายหายไปสิ้น
ครั้นไป๋หยานเห็นท่านตาของนางโกรธนางก็ลอบอมยิ้ม
ชายชราผู้นี้เป็นคนปากแข็งใจอ่อนนางสามารถสัมผัสได้ถึงความจริงใจในน้ำเสียงของเขา
”ไป๋หยาน!” ครั้นเห็นว่าคนเหล่านี้ไม่ให้ความสนใจนาง ไป๋จื่อก็โกรธจนกระทืบเท้าเร่า ๆ “เจ้ากล้าฝ่าฝืนพระเสาวนีย์ของฮองเฮากระนั้นหรือ ? พระองค์ทรงมีพระเมตตาให้เจ้าได้เป็นพระสนม ก็นับว่าเป็นเกียรติมากแล้ว ไฉนเจ้ายังกล้าพูดเรื่องผัวเดียวเมียเดียวอีก ? ช่างหน้าไม่อาย !”
ไป๋หยานปรายตามองไป๋จื่อก่อนจะทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย “ท่านตาข้าออกปากไล่เจ้าแล้วมิใช่หรือ ? ก็แล้วเหตุใดเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่อีกเล่า ?”
”เจ้า… ” ไป๋จื่อกัดริมฝีปากแน่น “ข้าไม่ไป เจ้าจะทำอะไรข้าได้ ?”
”ฮึ!”
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานทำเสียงฮึดฮัดจากนั้นก็แผ่กลิ่นอายออกมากดดันเด็กสาว
ไป๋จื่อหน้าซีดนางเผลอกัดริมฝีปากของตนจนเลือดออก “ตาแก่เลอะเลือน เจ้ากล้ารังแกข้า พวกคนสกุลหลาน พวกเจ้าช่างไร้ยางอาย !”
ตูม!
ทันทีที่ชายชราวาดมือเป็นแนวโค้งกลิ่นอายของเขาก็ก่อตัวเป็นรูปดาบขนาดใหญ่ พร้อมกันนั้นขุมพลังก็พุ่งตรงเข้าใส่เด็กสาว ไป๋จื่อปลิวออกนอกประตูทันที
พร้อมเสียงดังปังไป๋จื่อพลัดตกจากบันไดหน้าบ้าน ร่างของนางทรุดลงเบื้องหน้ารองเท้าคู่หนึ่ง
ในขณะที่ไป๋จื่อกำลังพยายามลุกขึ้นจากพื้นถนนที่สกปรกนั้นนางก็พบกับใบหน้าหล่อเหลาแลดูน่าหลงใหล
บุรุษผู้นั้นยังคงสมบูรณ์แบบไร้ตำหนิราวกับเทพเจ้า ทั้งเย่อหยิ่งทั้งคุกคาม
ไป๋จื่อยังคงจ้องมองใบหน้านั้นราวกับคนโง่งมนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะกล่าวคำใด
เท่าที่นางพอจะคิดได้ก็คือ อีกไม่นานนางก็จะได้เป็นชายาของบุรุษที่แสนวิเศษผู้นี้ นั่นทำให้หัวใจของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
”ท่านอ๋อง…”
องครักษ์ผู้ติดตามอ๋องคังเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนับแต่ตอนที่ไป๋จื่อลอยออกมาจากประตู กระทั่งตกบันได ยามนี้ศีรษะของนางเกือบจะสัมผัสกับรองเท้าของอ๋องคัง องครักษ์รีบก้าวขึ้นมาข้างหน้าพร้อมกับเอ่ยถามด้วยเสียงสั่น ๆ เต็มไปด้วยความระมัดระวังว่า “แล้ว …เราจะเข้าไปพบแม่นางหยานข้างในกันหรือไม่ ? พ่ะย่ะค่ะ”
ตี้คังย่นหัวคิ้วเขาไม่ได้สนใจตอบคำถาม ทว่ากลับค่อย ๆ ลดสายตาลงช้า ๆ กระทั่งไปหยุดอยู่ที่ปลายเท้า
***จบบทไม่ควรยุ่งกับชายที่เป็นโรครักสะอาด !***
บทที่ 92 : ไป๋จื่อกลายเป็นตัวตลก
สายลมโดยรอบพัดเย็นขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ยังเป็นช่วงเวลาบ่าย กระทั่งทำให้องครักษ์ถึงกับตัวสั่นเทา
”ท่านอ๋อง!”
ไป๋จื่อลุกขึ้นจากพื้นพลางตบกระโปรงของตนเองเพื่อปัดสิ่งสกปรกออก นางยืนบิดมุมเสื้อของตนอย่างเขินอาย “เมื่อครู่ ข้าไม่ทันเห็นท่านอ๋อง ต้องขออภัยที่ข้าหยาบคาย โปรดอภัยให้ข้าด้วย ”
อาจเป็นเพราะน้ำเสียงที่มีเสน่ห์อีกทั้งเขินอายนั้น ในที่สุดตี้คังก็หันไปมองเด็กสาว
”เจ้าเป็นใคร?”
เสียงของชายหนุ่มฟังคล้ายข่มขู่คุกคามทั้งยังเจือความเย็นเยือกเล็กน้อย นั่นทำให้ไป๋จื่อนิ่งงันคล้ายคนโง่งม
“ท่านท่านอ๋อง …เรา – เราเคยพบกันในงานเลี้ยงคืนก่อนนั้น และข้าก็คือคู่หมั้นของท่าน”
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นใคร?
คราแรกเขามีท่าทีเย็นชาทว่าหลังจากได้ยินคำตอบ แววตาของเขาก็แสดงความรู้สึกประหลาดใจออกมาแทน
”หยานหยานน้อยนี่เจ้าเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตามาใหม่หรือไร ?” ริมฝีปากแดง ๆ ของตี้คังยกโค้งราวยิ้มเยาะ “ทว่าน่าเสียดาย ที่ข้ายังคงชอบรูปลักษณ์เดิมของเจ้ามากกว่า … โฉมหน้าใหม่นี้ เกรงว่าจะทำให้ข้าหวาดกลัวกระทั่งไร้สมรรถภาพ”
แค่กแค่ก !
องครักษ์ที่มาพร้อมกับเขาแทบจะระงับความขบขันเมื่อได้ยินคำกล่าวของอ๋องคังมิได้ พวกเขากลั้นหัวเราะจนสำลัก หากพวกเขาไม่รู้จักนิสัยของอ๋องคังเป็นอย่างดี ในวันนี้พวกเขาก็คงจะถูกทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเจ้านายหลอกให้หลงเชื่อไปแล้ว
ฟุ่…แม่นางไป๋จื่อผู้นี้จะอย่างไรเสีย นางก็งดงามไม่ต่างจากบุปผางาม หากคาดไม่ถึงท่านอ๋องกลับมองว่ารูปลักษณ์ของนางนั้นน่าหวาดกลัวจนทำให้หมดสมรรถภาพได้ !
”ท่านอ๋อง… ” ไป๋จื่อเม้มริมฝีปากแน่น พลันหยาดน้ำก็เริ่มเอ่อคลอในดวงตา “ท่านจำคนผิดแล้ว ข้ามิใช่ไป๋หยาน ข้าคือไป๋จื่อ”
ไป๋หยานนางแพศยานั่นอีกแล้ว
ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดท่านอ๋องถึงได้ชื่นชอบนางแพศยานั่นนักข้าไม่อยากจะเชื่อเลย !
ทว่านั่นก็ไม่สำคัญในเมื่อฮองเฮาทรงให้การสนับสนุนข้า ข้าไม่คิดว่าท่านอ๋องจะกล้าอภิเษกกับนาง
ตี้คังมีสีหน้าเครียดขึ้นทันทีนัยน์ตาเรียวคมจ้องมองไป๋จื่อผู้เศร้าโศกอย่างเย็นชา ประกายแสงประหลาดฉายวาบจากส่วนลึกของดวงตา
“เจ้ามิใช่หยานเอ๋อน้อย?” ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นอย่างมุ่งร้ายแลดูน่าสยดสยอง “เช่นนั้นเจ้ากล้าดีอย่างไร จึงสวมรอยเป็นคู่หมั้นของข้า พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ที่สวมรอยเป็นราชนิกูลต้องโทษสถานใด ?
”ทูลท่านอ๋อง”องครักษ์ผู้หนึ่งกล่าวตอบอย่างนอบน้อม “โทษหนักสุดคือประหารชีวิต อย่างเบาก็คือถูกคุมขังในคุก !”
แอบอ้างเป็นราชนิกูล
ไป๋จื่อเบิกนัยน์ตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อริมฝีปากของนางสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว “ไม่ ข้ามิได้สวมรอย ! ข้ามีราชโองการของฮองเฮา ฮองเฮามีพระเสาวนีย์ให้ข้าเป็นชายาของท่าน ท่านไม่สามารถฝ่าฝืนพระเสาวนีย์ของพระนาง
ได้ !”
”ฮองเฮากระนั้นรึ?” รอยยิ้มของตี้คังนั้นแลดูเย็นชา อีกทั้งโหดร้าย “ฮองเฮาถูกเนรเทศไปอยู่ตำหนักเย็นแล้ว ราชโองการของนางยังมีความหมายใดอีกงั้นรึ ?”
บูม!
ไป๋จื่อรู้สึกราวศีรษะระเบิดใบหน้าของนางซีดขาวไร้ซึ่งสีเลือด
นางซวนเซแทบจะล้มทว่าท้ายสุดนางก็พยายามยึดต้นไม้ที่ใกล้ที่สุด อาศัยต้นไม้ช่วยให้นางทรงตรงอยู่ได้
”ไม่… ข้าไม่เชื่อ ! จู่ ๆ ฮองเฮาจะถูกเนรเทศไปตำหนักเย็นได้อย่างไร ? ท่านโกหกข้า !”
ครั้นกล่าวจบประโยคหัวใจของนางก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ หยาดน้ำใส ๆ พลันรินไหลราวกับหยาดฝน
นางไม่มีทางเชื่อยามนี้นางก็ไม่ต่างกับคนที่ปีนขึ้นถึงยอดเขาจากนั้นก็พลัดร่วงตกลงมา หากเรื่องนี้เป็นจริงแล้ว เช่นนั้นการแต่งงานของนางล่ะ ?
”ส่งนางไปที่กรมราชทัณฑ์”ตี้คังเชิดหน้า ทั้งเย็นชา ทั้งไร้ปรานี “จากนั้นก็ประจานให้ทั่วโลกได้รู้ว่าไป๋จื่อสวมรอยเป็นคู่หมั้นของข้า ! แท้จริงข้าตั้งใจจะให้ประหารพวกนางเก้าชั่วโครตด้วยซ้ำ ! แต่เห็นแก่หยานเอ๋อน้อย ข้าจะปล่อยบ้านสกุลไป๋ไปสักครั้ง หากยังมีครั้งต่อไป สมาชิกในบ้านสกุลไป๋จะไม่เหลือรอดแม้สักคน ! ”
ไป๋จื่อไม่อาจทรงตัวได้อีกต่อไปหลังจากได้ยินถ้อยคำดังกล่าว ร่างของนางก็ซวนเซแล้วทรุดลงไปนั่งกับพื้น นางกัดริมฝีปากของตน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความแค้นเคือง
***จบบทไป๋จื่อกลายเป็นตัวตลก***
บทที่ 93 : ก็ท่านโหดเหี้ยมกว่านี่
”พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” ถึงแม้ว่าทหารองครักษ์จะเห็นอกเห็นใจไป๋จื่อ ทว่าพวกเขาต่างก็รู้ดี หากนางเข้าไปในกรมราชทัณฑ์นั่นแล้ว นางก็คงไม่ลำบากนัก และคงจะได้ออกมาจากที่นั่นโดยไม่มีสิ่งใดระคายผิวของนางเลยด้วยซ้ำ
ชั่วขณะนั้นกลุ่มคนซึ่งเดินผ่านไปมาหน้าบ้านสกุลหลานต่างก็เข้ามามุงดูกัน
เมื่อไม่นานมานี้ไป๋จื่อโพนทะนาไปทั่วทั้งเมืองอย่างยินดีปรีดาว่านางจะได้อภิเษกเป็นชายาอ๋องคัง มาตอนนี้นางสูญสิ้นทุกสิ่ง นอกจากนี้ยังกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าทุกคน จะมีสิ่งใดเลวร้ายมากไปกว่านี้อีกเล่า !
ไป๋จื่อได้แต่มองตามหลังตี้คังผู้ซึ่งเดินเข้าบ้านสกุลหลานอย่างงุนงงน้ำตาของนางไหลพราก ชั่วขณะนั้นองครักษ์สองคนก็เดินเข้ามา พวกเขานำตัวไป๋จื่อที่ยังคงร้องไห้อย่างเงียบ ๆ ไปส่งที่กรมราชทัณฑ์
*****
ณลานด้านในของบ้านสกุลหลาน
ไป๋หยานมองชายหนุ่มที่กำลังสาวเท้าก้าวยาวๆ เข้ามาหา ริมฝีปากของนางยกขึ้น รอยยิ้มของนางแลดูลึกลับ “ข้ารู้ว่าท่านไม่มีทางทำตามพระเสาวนีย์ของฮองเฮาเป็นแน่”
บุรุษผู้นี้มิใช่ธรรมดาเขาเปี่ยมพลัง หยิ่งยโส ทั้งยังดูถูกมนุษย์ทุกผู้
“เช่นนั้นหยานเอ๋อจะขอบคุณข้าเยี่ยงไร?” เสียงของตี้คังนั้นลุ่มลึกราวกับมีเวทมนตร์ ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถดึงดูดใจผู้อื่นได้อย่างล้ำลึก
ไป๋หยานเลิกคิ้ว”ท่านทำอะไร แล้วเกี่ยวอันใดกับข้าเล่า ?”
นัยน์ตาเรียวคมของตี้คังดูเหมือนพยายามควบคุมอารมณ์พร้อมกันนั้นเขาก็หัวเราะอย่างสะใจเบา ๆ “ฮองเฮามีพระเสาวนีย์ให้เจ้าเป็นพระสนมของข้า”
”ข้ารู้”ไป๋หยานยักไหล่ “ขันทีได้มอบราชโองการให้ข้าแล้ว เช่นนั้นข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร ?”
นั่นสินะ…
ทันทีที่ตี้คังได้ยินถ้อยคำดังกล่าวนัยน์ตาที่กระหายเลือดของเขาพลันเลื่อนไปที่ขันทีน้อยผู้ซึ่งตัวสั่นอยู่ ณ มุม ๆ หนึ่งของลานบ้าน
“คนผู้นี้หรือที่มามอบราชโองการให้เจ้า?”
ใบหน้าของขันทีน้อยเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเขาได้ยินทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกเมื่อครู่ แน่นอนว่าเขาย่อมได้ยินเรื่องที่อ๋องคังกล่าวว่าฮองเฮาถูกเนรเทศ
”ลากเขาออกไป”หลังจากเห็นไป๋หยานพยักหน้ารับ ตี้คังก็สั่งการด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ “โยนเขาไปให้หนานกงหยวนจัดการ”
”พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
องครักษ์ป้องมือคำนับก่อนจะวิ่งไปข้าง ๆ ขันทีน้อยผู้ซึ่งยามนี้นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แล้วองครักษ์ก็กระชากตัวขันทีน้อยออกจากประตูทันที
”ข้าช่วยเจ้าจัดการเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว”สายตาของตี้คังกลับไปจดจ่อที่ไป๋หยาน “สำหรับคนเยี่ยงนั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดดีด้วยให้เสียเวลา แค่โยนพวกเขาออกไปให้พ้นทาง หากพวกเขายังคงสร้างปัญหาอีก เจ้าก็ฆ่าพวกเขาซะ”
“ข้าจะให้การสนับสนุนเจ้าทุกอย่างเจ้าไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวผู้ใดทั้งสิ้น”
”แท้จริงแล้วท่านไม่คิดบ้างหรือว่าการได้ชมตัวตลกเหล่านั้นเต้นแร้งเต้นกาแสดงความโง่งมของตนเองไปเรื่อย ๆ จะเป็นการให้ความบันเทิงได้มากกว่า ?” ไป๋หยานยิ้มทั้งริมฝีปากและดวงตา “หาไม่แล้ว…ชีวิตก็คงจะน่าเบื่อเกินไป”
นางชอบมองศัตรูขึ้นสู่จุดสูงสุดจากนั้นร่วงตกลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
อย่างไรก็ตาม…
นัยน์ตาที่อันตรายของเขาจ้องมองหญิงสาว”ข้าไม่เห็นว่ามันจะสนุกที่ตรง
ไหน การได้เห็นพวกเขากระโดดโหยงเหยงไปมาอยู่ตรงหน้า หากเทียบกับรสนิยมแบบผิด ๆ ของเจ้าแล้ว ข้ากลับชื่นชอบที่จะโยนพวกเขาเข้าสู่กองไฟที่ลุกโพลงมากกว่า ”
ใบหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นดำคล้ำทันที
รสนิยมแบบผิดๆ งั้นรึ ?
ท่านว่าใครมีรสนิยมแบบผิดๆ ?
อย่างกับรสนิยมท่านดีนักนี่ดูสิว่าท่านน่ะโหดเหี้ยมแค่ไหน !
ไป๋หยานกัดฟันพูด
ตี้คังเลิกคิ้วเขาดึงร่างของไป๋หยานเข้าสู่อ้อมแขนอย่างรวดเร็ว”ข้ายังมีบางเรื่องที่ต้องสนทนากับหยานเอ๋อ พวกท่านคิดจะยืนดูเช่นนี้อีกนานหรือไม่ ?”
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานมองตี้คังพร้อมกับยิ้มน้อยๆ หลังจากได้ยินถ้อยคำถามนั้น
”เชิญตามสบายข้าไม่รบกวนท่านแล้ว” ครั้นชายชรากล่าวจบ เขาก็เหลือบไปมองหลานเสี่ยวหยุน “นี่เจ้ายังมัวมองอะไรอยู่ ? ยังไม่รีบตามปู่มาอีก ? อย่ารบกวนพี่สาวเจ้า ! ”
หากเทียบกับเชื้อพระวงศ์พวกนั้นอ๋องคังผู้นี้ก็นับเป็นคนมีหลักการกว่ามาก ดีแล้วที่หยานเอ๋อมิได้อภิเษกเป็นพระชายาองค์รัชทายาท บุรุษผู้นี้ต่างหากที่คู่ควรกับหลานของข้า !
***จบบทก็ท่านโหดเหี้ยมกว่านี่***
บทที่ 94 : การมีตัวตนของไป๋เสี่ยวเฉินกำลังจะถูกเปิดเผย ?
หลานเสี่ยวหยุนรู้สึกไม่สบายใจเลยหากแต่นางก็ไม่อาจทักท้วงนางทำได้เพียงเดินตามหลังท่านปู่ของนางไปเงียบ ๆ
นางเหลียวกลับมามองคนทั้งคู่ทุกๆ สามก้าว กระทั่งไป๋หยานหันมาสบตานาง นางก็ส่งสายตาให้กำลังใจ บ่งบอกเป็นนัย… หวังว่าไป๋หยานจะจัดการกับอ๋องคังได้ ….
”ท่าน… ” ไป๋หยานหันหลังกลับ พลันริมฝีปากเย็น ๆ ก็กดทับริมฝีปากของนาง ปิดกั้นถ้อยคำทั้งหมดของนางลง
มือใหญ่ของตี้คังโอบรอบเอวไป๋หยานแน่นร่างของทั้งสองแนบชิดกัน ภายใต้ม่านดอกไม้ที่ร่วงหล่น ก่อเกิดภาพงดงามไร้ที่ติ
เนิ่นนาน…กว่าตี้คังจะปล่อยร่างหญิงสาวในอ้อมแขน ริมฝีปากแดงของเขาเผยรอยยิ้มเป็นต่อ “เจ้ายังติดหนี้ข้าอีกเจ็ดจูบ”
“ตี้คัง!” ไป๋หยานรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “ท่านทำบ้าอะไรเนี่ย ?”
“จูบไง…”
ชายหนุ่มตอบแบบไร้ยางอายเขาตั้งใจลดเสียงให้เบาลงอย่างมีเสน่ห์ “หากข้าพบว่าเจ้าแอบซุกซ่อนตัวบุตรชายของข้า เจ้าจะต้องชดเชยบุตรชายให้ข้าอีกสิบคน !”
บุตรชายสิบคน?
ชายผู้นี้คิดว่านางเป็นแม่พันธุ์หรือไร?
ไป๋หยานยิ้มเยาะ”พิจารณาจากความสามารถของท่านแล้ว จะหาสตรีสักกี่นางก็ได้ที่พร้อมเต็มใจให้กำเนิดบุตรชายแก่ท่าน ก็แล้วเหตุใดท่านถึงยืนกรานที่จะตามตื๊อข้า ?”
“จนถึงตอนนี้ก็มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ข้าไม่รู้สึกรังเกียจหรือขยะแขยง”
นางเป็นสตรีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้ร่างกายของเขาเกิดการตอบสนองได้
นัยน์ตาของไป๋หยานฉายประกายเย็นยะเยือกเหตุที่ชายผู้นี้ตามตอแยข้า เพียงเพราะเขาไม่รังเกียจข้ากระนั้นหรือ ?
“มีสตรีมากมายในโลกนี้ท่านเพียงพบปะสนทนากับสตรีเพียงไม่กี่คน ท่านจะแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าเป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่ท่านไม่รังเกียจ ? จะเกิดอะไรขึ้น หากว่าในกาลข้างหน้าท่านได้เจอะเจอกับสตรีอีกคนที่ท่านก็ไม่รังเกียจเช่นกัน ?” ไป๋หยานยิ้มเยาะ “หากคิดว่าข้าจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเอาใจท่านแล้วล่ะก็ เสียใจด้วย คนอย่างไป๋หยานไม่มีวันยอมแบ่งปันผู้ชายให้กับหญิงใด !”
หลังจากกล่าวจบประโยคไป๋หยานก็ไม่มองชายหนุ่มอีกต่อไป นางหันหลังกลับ แล้วเดินไปทางลานด้านหลังบ้านสกุลหลาน
ตี้คังมองตามร่างของไป๋หยานที่กำลังเดินจากไปพร้อมกับขมวดคิ้วจนเป็นปม “นี่…ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ ?”
สตรีผู้นี้จู่ ๆ ก็อารมณ์ไม่ดีขึ้นมา ….
เขาบอกเมื่อไหร่กันว่าจะให้นางแบ่งปันสามีกับคนอื่น?
องครักษ์ที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหนึ่งได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้ากล่าวคำใด
ทั้งที่เขาก็อยากจะบอกท่านอ๋องของเขาเสียเหลือเกินว่าที่สตรีผู้นั้นเดินจากไปก็ไม่แปลกหรอก ก็ท่านบอกเองว่าจะแต่งงานกับนางเพียงเพราะท่านไม่รังเกียวจนางมิใช่รึ ? ไม่มีสตรีใดหรอกที่ชอบฟังถ้อยคำเช่นนี้
“ท่านอ๋อง… ”
ทันใดนั้นเองชายชุดดำคนหนึ่งก็ร่อนลงมาจากท้องฟ้า เขาแสดงความเคารพตี้คัง ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าน้อยเพิ่งจะสืบพบว่าคุณหนูไป๋มีความสัมพันธ์ชิดใกล้กับฮัวหลัวมาม่าซังหอบุปผา ว่ากันว่าคุณหนูไป๋เคยช่วยชีวิตของฮัวหลัวไว้เมื่อหลาย
ปีก่อน นับแต่นั้นมาฮัวหลัวก็จงรักภักดีต่อคุณหนูไป๋มาโดยตลอด”
เขาต้องใช้ความอดทนอย่างมากเพื่อให้ได้ข่าวสารนี้เพราะมีเพียงผู้ที่สนิทชิดเชื้อกับฮัวหลัวเท่านั้นที่จะรู้ความจริงในเรื่องนี้
”และ… ” ชายชุดดำยังคงกล่าวรายงานต่อไป “จากการตรวจสอบของข้าน้อย พบว่าเมื่อไม่นานมานี้ ฮัวหลัวเพิ่งจะซื้อที่ดินในเมืองนี้”
สายตาของตี้คังสว่างวาบด้วยความยินดี”ไป๋หยาน ครานี้ข้าจะดูสิว่า เจ้ายังจะปากแข็งไปได้สักกี่น้ำ … ”
*****
ทางทิศตะวันออกของเมืองบนถนนที่คึกคักเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ไป๋เฉิงเซียงกำลังยืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังเก่า สายตาของเขาจับจ้องบานประตูอย่างชั่งใจ
ครู่หนึ่งยามก็เดินออกมาจากข้างใน “โปรดกลับไปเถอะ ท่านเจ้าบ้านไป๋ นายน้อยของข้าไม่ประสงค์จะพบท่าน”
สีหน้าของไป๋เฉิงเซียงแลดูผิดหวังเล็กน้อย
”เอ่อ…เช่นนั้นข้าขอถามเจ้าหน่อยได้หรือไม่ว่านายน้อยของเจ้าคือบุตรชายของฮัวหลัวใช่หรือไม่ ?”
ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เขารู้มาว่าหอบุปผาได้ซื้อคฤหาสน์หลังนี้ไว้ และจากข้อมูลที่ได้มา ผู้ที่ซื้อคฤหาสน์หลังนี้ ก็คือหนึ่งใน “ผู้คุ้มกัน” ของฮัวหลัวโดยตรง ในเมื่อฮัวหลัวเป็นมาม่าซังของหอบุปผา เช่นนั้นก็ไม่ต้องคิดว่าผู้ใดควรจะอาศัยในบ้านหลังนี้
***จบบทการมีตัวตนของไป๋เสี่ยวเฉินกำลังจะถูกเปิดเผย ?***
บทที่ 95 : ไป๋เสี่ยวเฉินผู้น่าสงสาร
น่าเสียดายที่เขาเพียรพยายามมาเยี่ยมเยียนที่นี่หลายวันแล้วแต่ก็ไม่เคยได้พบหน้าผู้ที่อยู่ด้านในเลย นี่หากมิใช่เพราะเขาเป็นคนมีความพยายามสูงแล้วล่ะก็ เขาก็คงล้มเลิกความตั้งใจไปนานแล้ว
”ขออภัยข้าไม่อาจพูดอะไรได้ โปรดกลับไปเถอะ”
ยามยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเฉยเมย
นี่หากเป็นปกติแล้วเมื่อเจอคนที่ต่ำต้อยกว่าตน ไป๋เฉิงเซียงเป็นต้องวางอำนาจใส่อย่างแน่นอน ทว่าตอนนี้ เมื่อต้องอยู่หน้าคฤหาสน์ของหอบุปผา ต่อให้เป็นแค่ยาม เขาก็ไม่กล้าบุ่มบ่าม เขาทำได้เพียงระงับความไม่พอใจแล้วหันหลังเดินกลับ
ในลานของคฤหาสน์
เสียงคำรามดังขึ้นทำให้เสือน้อยเสี่ยวมี่ที่แอบอยู่บนต้นไม้สะดุ้งตกใจ กระทั่งเกือบจะทำเนื้อแห้งในอุ้งเท้าตกจากต้นไม้
”เสี่ยวมี่เจ้าขโมยเนื้อของข้าอีกแล้วนะ !”
เอื๊อก!
เสี่ยวมี่รีบคว้าเนื้อแห้งที่เหลือหย่อนลงปากจากนั้นก็รีบกลืนลงลำคออย่างรวดเร็ว
ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินมาถึงเสี่ยวมี่ก็แบกรงเล็บมันวาว พร้อมทั้งกล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า “ข้าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย อย่าใส่ความข้านะ”
”ก็เจ้าเช็ดอุ้งเท้าของเจ้าหลังจากขโมยเนื้อของข้าแล้วล่ะสินี่เจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าไม่ใช่เจ้าอีกงั้นรึ ! เจ้ารู้หรือไม่ว่านั่นเป็นเนื้อชิ้นสุดท้ายที่หม่ามี้ทำไว้ให้ข้า แล้วตอนนี้ข้าจะกินอะไรล่ะ ?”
ด้วยความโกรธไป๋เสี่ยวเฉินกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ ทันทีที่เขาคว้าหางของเสี่ยวมี่ได้ เขาก็จับหางของมันยกขึ้นสูง จากนั้นก็สะบัดไปมา
”เสี่ยวมี่เด็กไม่ดีรีบคายออกมา คายเนื้อออกมาเร็ว ๆ !”
ดวงตาของเสี่ยวมี่เห็นดาวระยิบระยับถึงแม้ว่ามันจะถูกยกหางจนหัวห้อยต่องแต่งแบบนั้น เสี่ยวมี่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ตรรกะของมัน ก็คือ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เข้าปากของมันแล้ว ย่อมต้องย่อยในท้องของมันเท่านั้น
”แง…!” ไป๋เสี่ยวเฉินอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เด็กน้อยเริ่มร้องไห้จริง ๆ จัง ๆ “เสี่ยวมี่เด็กเลว ! หม่ามี้เตรียมเนื้อแห้งให้เราทั้งสองเท่า ๆ กัน เจ้ากินส่วนของเจ้าจนหมดเกลี้ยงแล้ว ตอนนี้เจ้ากลับมาขโมยกินส่วนของข้า ข้าจะไปบอกหม่ามี้ ให้นางตุ๋นเนื้อเสือให้ข้ากินแทน !”
”แค่ก!” เสี่ยวมี่สำลักทันทีที่ได้ยินถ้อยคำของไป๋เสี่ยวเฉิน มันตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อย ๆ ว่า “นายน้อย เหตุใดเราไม่ไปที่ห้องครัว และหาคนปรุงอาหารให้ท่านล่ะ ? ”
”คนพวกนั้นล้วนไม่มีฝีมือปรุงอาหารได้ไม่ดีเท่าหม่ามี้นี่” ไป๋เสี่ยวเฉินพูดพร้อมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า “ทุกวันนี้ ไม่มีหม่ามี้อยู่ด้วย ข้าก็กินอะไรไม่ลงจนผอมโซแล้ว กินได้ก็แค่เนื้อแห้งนี่ ข้าเลยพยายามกินทีละน้อย แต่ตอนนี้เนื้อชิ้นสุดท้ายของข้าก็ถูกเจ้าขโมยกินซะแล้ว … ”
เสี่ยวมี่ค่อยๆ หย่อนก้นลงนั่งกับพื้น มันพิงหลังกับต้นไม้อย่างไร้เรี่ยวแรง จ้องมองเด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้น ในหัวใจมันรู้สึกเจ็บปวด
”ลูกหิวมากลูกคิดถึงหม่ามี้ … ”
เสี่ยวมี่รู้สึกผิดนิดๆ “อย่าร้องไห้ ข้าจะไปหานายหญิงเพื่อให้นางทำอะไรสักอย่าง ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินนัยน์ตาเป็นประกายทันทีแต่แล้วก็กลับหม่นหมองลงอีกครั้ง ใบหน้าน้อย ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินมีน้ำตาหยดใส ๆ เปื้อนอยู่ “หม่ามี้กำลังยุ่งกับการ
รับมือกากเดนพวกนั้น ข้าไม่อยากสร้างปัญหาให้หม่ามี้ หาไม่แล้วหม่ามี้ก็จะเหนื่อยเกินไป”
แล้วถ้าเกิดเราเจอคนเลวตัวเอ้ล่ะ?
”เอางี้เราไปบ้านสกุลไป๋กันดีหรือไม่ ?” เสี่ยวมี่ตาเป็นประกาย “ไป๋เฉิงเซียงคนนั้น เป็นคนที่น่ารังเกียจมาก ๆ เขารู้ว่าฮัวหลัวซื้อบ้านหลังนี้ไว้ เลยหน้าด้านมาที่นี่ทุกวัน หวังจะเชื่อมสัมพันธ์ หากว่าตอนนี้เจ้าอารมณ์ไม่ดี เช่นนั้นก็ไปสร้างปัญหาให้คนบ้านสกุลไป๋กันเถอะ”
นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินส่องประกายวาววับ
อย่างไรก็ตามเมื่ออารมณ์ของเขาเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย นกพิราบสื่อสารก็ร่อนลงมาจากท้องฟ้ามาอยู่เบื้องหน้าไป๋เสี่ยวเฉิน
”จดหมายจากหม่ามี้!” รอยยิ้มที่ไร้เดียงสาปรากฏบนใบหน้าของเด็กน้อย
เขาบรรจงแกะกระดาษออกจากขาของนกพิราบอย่างระมัดระวังเปิดจดหมายออกอ่านด้วยความยินดีเป็นที่ยิ่ง
ทว่าหลังจากอ่านเนื้อหาในจดหมายจบเด็กน้อยก็ต้องร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
”เกิดอะไรขึ้นนายหญิงเขียนอะไรมาบ้าง” เสี่ยวมี่เอ่ยถามด้วยความอยากรู้
ไป๋เสี่ยวเฉินเงยหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมองก่อนจะกล่าวอย่างน่าสงสารว่า “หม่ามี้บอกว่า นางจะให้พี่สาวฉู่มารับตัวข้ากลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อีกไม่กี่วัน พี่สาวฉู่ก็จะมาถึงที่นี่แล้ว … ”
***จบบทไป๋เสี่ยวเฉินผู้น่าสงสาร***