จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1001 -1005
บทที่ 1001 : ปาฏิหาริย์ (4)
บุรุษที่เพิกเฉยนางคนนั้นก็ทำเพื่อแดนสวรรค์
”เจ้า…เพียงบอกว่าตัวตนของเจ้าพิเศษ?” ไป๋หยานขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม “เช่นนั้นเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าตัวตนของเจ้าคืออะไร ?”
ในใจของนางเสียงนั้นหายไป ทว่าเพียงไม่นานเสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ข้าเพิ่งเรียนรู้เกี่ยวกับตัวตนนี้ภายหลังและเพราะสิ่งนี้กลับกลายยิ่งสร้างหายนะขึ้นกว่าเดิม ! เช่นนั้น…ยามนี้ข้าจึงไม่อาจบอกเจ้าได้ หาไม่จะขัดขวางเส้นทางการฝึกฝนในอนาคตของเจ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
”และ…เหตุที่ข้าทิ้งพลังวิญญาณดวงนี้ไว้ก็เพื่อบอกบางอย่างกับเจ้า ตอนนี้มีมังกรตัวน้อยอยู่เคียงข้างเจ้าหรือไม่ ?” เสียงเอ่ยกล่าวช้า ๆ ด้วยความเศร้า
ไป๋หยานผงะ”นี่เจ้ากำลังพูดถึงเสี่ยวหลงเอ๋อหรือ ?”
”ใช่…เจ้าต้องช่วยดูแลนางนางคือผู้ที่สามารถปกป้องเจ้าได้ในอนาคต นอกจากนี้ข้ารู้สึกละอายใจต่อสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ แต่คาดว่าเจ้าคงสามารถหาพวกเขาให้ข้าได้”
ไป๋หยานครุ่นคิดชั่วครู่”วิหคอัคคี…ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนมังกรเขียวกับพยัคฆ์ขาวข้าพบว่าพวกเขากลับชาติมาเกิด มีเพียงซวนหวู่เท่านั้นที่อาจไม่อยู่ในแดนนี้อีกต่อไป”
”ซวนหวู่?” เสียงนั่นหยุดกึก “ข้าจำได้ว่า…ตอนนั้นข้าฝังเขาไว้ที่ใดที่หนึ่ง เช่นนั้นเขาต้องกลับชาติมาเกิดแน่ เขาจะต้องปรากฏตัวที่นั่นอย่างแน่นอน ทว่าตอนนี้เวลาก็ล่วงผ่านมานานมากแล้ว ข้าจำไม่ได้แล้วว่าได้ฝังเขาไว้ที่ใด”
น้ำเสียงของนางฟังดูผิดหวังหลังจากเวลาผ่านไปนาน ความทรงจำของนางก็ค่อย ๆ เลือนหายไป …
”ลืมเสียเถิดเจ้าคงมีโอกาสได้เจอเขาแน่” หญิงสาวถอนหายใจยาว “ข้าเชื่อว่าเขาคงจะรอเจ้าอยู่ที่ไหนสักแห่ง”
ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นพยายามหาร่องรอยของหญิงผู้นั้นทว่าบริเวณนั้นกลับกลายเป็นหมอกขาวอีกครั้ง นางพยายามตามหาอยู่นาน หากแต่นางก็ไม่พบหญิงผู้นั้นอีกเลย
”อย่าพยายามมองหาเลยเจ้าไม่เห็นข้าหรอก ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเห็นข้า “หญิงผู้นั้นยิ้มน้อย ๆ “ไม่ต้องสงสัยเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของข้า เพราะเจ้าคือข้า… ”
ไป๋หยานลดสายตาลงหากหญิงผู้นั้นบอกว่านางเป็นข้า เช่นนั้นสนามรบที่ข้าเคยเห็นในโลกจินตนาการก่อนหน้านี้เล่า …
หญิงผู้นี้คืออดีตชาติของนางใช่หรือไม่?
”ข้าได้ยินมาว่ากุญแจจากสำนักหลักทั้งสามนี้สามารถไขปาฏิหาริย์ได้ ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจุดประสงค์นี้ เพราะข้าจำเป็นต้องมีพลังที่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ข้าถึงจะสู้กับเทพสวรรค์ได้ !”
หญิงผู้นั้นหัวเราะเสียงหัวเราะของนางไพเราะมาก ไป๋หยานถึงกับตกอยู่ในภวังค์
“ข้ามอบกุญแจสามดอกเพื่อเปิดสถานที่นี้ ให้กับคนสามคน ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาเอากุญแจทั้งสามดอกนี้ไปไว้ที่ใด ทั้งข้าไม่คาดคิดว่าเรื่องกุญแจทั้งสามดอกนี้จะกระจายออกไปว่ามันคือกุญแจไขปาฏิหาริย์ … ”
ไป๋หยานขมวดคิ้วอ้าว…! ตกลงไม่ใช่ปาฏิหารย์หรอกหรือ ?
แล้วที่คนของแดนวิญญาณพยายามตามหามันพวกเขาทำไปเพื่ออะไรล่ะ ?
โชคดีที่สถานที่แห่งนี้ทำให้นางได้รับรู้ในสิ่งที่ต้องการรู้ และทำให้ชัดเจนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามรบนั้นเป็นเรื่องจริง
”หากแต่… ” เสียงของหญิงผู้นั้นหยุดลงอีกครั้ง “สิ่งที่ข้าทิ้งไว้เบื้องหลังนั้น อาจจะไร้ประโยชน์สำหรับผู้อื่น ทว่าสำหรับเจ้าแล้ว การได้รู้ว่าเจ้าก็คือข้า เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ยังไงล่ะ”
นัยน์ตาของไป๋หยานสว่างไสวขึ้น”เช่นนั้นข้าควรทำอย่างไรต่อไป ?”
”เจ้าไม่ต้องทำอะไรเลยปล่อยให้วิญญาณของข้าผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้า เจ้าก็จะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับเทพได้ทันที … ”
น้ำเสียงของนางนุ่มนวลทว่าสง่างามความทรงอำนาจเมื่อครู่ลดลงเล็กน้อย
ความแข็งแกร่งระดับเทพคือสิ่งที่หลายคนโหยหามิเช่นนั้นหลิวชิงหยูก็คงจะไม่มาที่แผ่นดินใหญ่นี้ ที่นางทำไปทั้งหมดก็เพียงเพื่อจะได้พบกับปาฏิหาริย์นี้นี่เอง
สีหน้าของไป๋หยานสดใสขึ้นเล็กน้อย”ตกลง เช่นนั้นข้าต้องทำอย่างไรเมื่อข้ารวมร่างกับเจ้า”
”เจ้าเพียงอย่าต่อต้านการกระทำของข้าที่เหลือปล่อยให้ข้าดำเนินการทุกอย่างเอง … ”
บทที่ 1002 : การหลอมรวมวิญญาณ (1)
ไป๋หยานค่อยๆ หลับตาลง ยามนี้พลังแปลกประหลาดพวยพุ่งเข้ามาในจิตของนางแทรกซึมชอนไชลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของนาง
ราวกับเข็มเจาะทิ่มศีรษะของนางความเจ็บปวดทำให้ร่างของนางสั่นสะท้านเล็กน้อย นางกัดริมฝีปากแน่นบังคับตนเองไม่ให้ต่อต้านการแทรกซึมของวิญญาณ
วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ เคลื่อนผ่านทั่วร่างของนาง ก่อนจะเข้าไปยังที่ตั้งของจิตวิญญาณนาง ชั่วขณะนี้ความรู้สึกทางจิตวิญญาณของไป๋หยานถูกจิตวิญญาณของวิญญาณหญิงผู้นั้นโอบล้อม เช่นนั้นนางจึงสามารถมองเห็นสถานการณ์ในร่างของนางได้อย่างชัดเจน
ทันใดนั้นรอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นที่มุมปากของวิญญาณหญิงสาวในอาภรณ์สีขาว รอยยิ้มนี้แปลกประหลาด ทั้งน่าหวาดหวั่นมาก ทำให้หัวใจของไป๋หยานสั่นสะท้าน สีหน้าของนางพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก
ตูม!
วิญญาณหญิงผู้นั้นกระแทกเข้าไปในจิตวิญญาณของไป๋หยานความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้ไป๋หยานกระอักเลือดออกมา ใบหน้าของนางซีดลงทันที
”เจ้าคิดจะทำอะไร?” ไป๋หยานกัดริมฝีปากแน่นเลือดไหลออกมาจากมุมปาก นางกำหมัดแน่น พลางตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
”คริคริ”
เสียงหัวเราะแปลกๆ ดังเข้ามาในความคิดของนาง เสียงหัวเราะนั้นทำให้ใบหน้าของนางซีดลงอีก ราวกับว่านางเสียเลือดในกายทั้งหมดจนสิ้น
”แม้ว่าข้าจะเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณที่แยกออกมาในตอนนั้นทว่าข้าอยู่ที่นี่มานานหลายปีแล้ว ความคิดของข้า … ไม่ใช่ของเจ้าอีกต่อไป”
“เจ้าเองก็รู้ว่าเมื่อเวลาผันผ่านนานนับพันปี วิญญาณก็จะมีสติสัมปชัญญะเป็นของตัวเอง เช่นนั้นเจ้าจึงเก็บพลังส่วนหนึ่งจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ไว้เพื่อปกป้องตัวเจ้า และไม่ให้ข้าทำร้ายเจ้า น่าเสียดายที่การเกิดใหม่ … ทำให้ความแข็งแกร่งของสัตว์ศักดิ์สิทธิทั้งสี่อ่อนแอลง พวกเขาไม่สามารถควบคุมข้าได้อีกต่อไป”
ร่างของไป๋หยานสั่นสะท้านนางเงยหน้าขึ้นมองภาพร่างลวงตาทั้งสี่ ใบหน้าของสัตว์เวททั้งสี่แลดูกระวนกระวายอยากจะพุ่งทะลุอากาศว่างเปล่าออกมา ทว่ากลับถูกกำแพงเวทกั้นขวางไว้
นอกเหนือจากความวิตกกังวลแล้วใบหน้าของพวกเขายังเศร้ามากกว่าเดิม และแม้จะรับรู้ว่ามีกำแพงเวทปิดกั้นพวกเขาไว้ ทว่าพวกเขาก็ยังคงพยายามพุ่งตัวออกมาไม่หยุด
“วิญญาณก็มีความคิดของตัวเองด้วยงั้นหรือ?” ไป๋หยานขมวดคิ้วเล็กน้อยนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินเรื่องเช่นนี้
วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้งไว้จากชีวิตก่อนหน้านี้ของนางมีจุดประสงค์ช่วยนาง ทว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งพันปี วิญญาณของนางก็ไม่ใช่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์คนเดิมอีกต่อไป เพราะวิญญาณของนางมีความคิดเป็นของตนเองแล้ว
ตอนนี้วิญญาณต้องการที่จะล้างจิตวิญญาณของไป๋หยานและยึดร่างของไป๋หยานเป็นของตนเอง !
“ข้ารอเจ้าอยู่ที่นี่มานานหลายปีแล้วตอนนี้ในเมื่อเจ้าปรากฏตัว เจ้าก็ควรจะส่งมอบร่างของเจ้าให้ข้าเสียดี ๆ ข้าจะรักสามี และเอ็นดูบุตรชายของเจ้าเช่นที่เจ้าเคยทำ เราต่างก็เป็นคน ๆ เดียวกันนี่”
ก่อนหน้านี้วิญญาณไม่ได้แทนตนเองว่าอะไรทั้งสิ้นพวกนางต่างก็ใช้คำว่า “ข้า” ขณะที่คุยกันเรื่องชาติก่อน ทว่าตอนนี้นางกลับใช้คำว่า “เรา”
เห็นได้ชัดว่านางไม่เต็มใจที่จะเป็นวิญญาณที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังอีกต่อไป
ไป๋หยานหลับตาลงช้าๆ ชั่วขณะนั้นใบหน้าที่หล่อเหลางดงามของตี้คังพลันปรากฏขึ้นในความคิดของนาง รวมถึงรอยยิ้มที่สดใสและไร้เดียงสาของ ไป๋เสี่ยวเฉิน …
ไม่!
นางไม่มีวันยอมให้ใครมาพรากสามีและลูกชายไป!
นางไม่ต้องการให้ใครมารักพวกเขาแทนนาง!
”อย่างไรเสีย…เจ้าก็เป็นเพียงวิญญาณที่ข้าทิ้งไว้!” ไป๋หยานลืมตาขึ้น “ทั้งข้าก็มีกายเนื้อ ! ข้าไม่เชื่อว่ากายเนื้อของข้าจะพ่ายแพ้ต่อวิญญาณที่ข้าเคยทิ้งไว้ !”
ไม่ว่าวิญญาณจะมีพลังกล้าแกร่งสักเพียงใดทว่าก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของร่างนางที่ถูกแบ่งแยกออกไป นางจะพ่ายแพ้ต่อวิญญาณนี้ได้อย่างไร !
ครั้นนึกได้เช่นนี้ไป๋หยานก็รีบลงนั่งขัดสมาธิรวบรวมพลังฉีแท้ทั้งหมดส่งไปที่จิตวิญญาณของนาง…
บทที่ 1003 : การหลอมรวมวิญญาณ (2)
ตูม!
พลังที่แข็งแกร่งทรงอำนาจและพลุ่งพล่าน พลันระเบิดออกมาจากจิตวิญญาณของไป๋หยาน กระทั่งทำให้ดวงวิญญาณที่อยู่ใกล้ ๆ นางถูกกระแทกอย่างแรง จนร่างเงาวิญญาณขยับถอยหลังไปสองสามก้าว
แววตาของร่างเงาวิญญาณเต็มไปด้วยความตกใจและไม่เชื่อ
“เจ้าก็แค่เพียงระดับเชิงเจี่ยขั้นสูงเท่านั้นจะเป็นไปได้เช่นไร ?”
ไป๋หยานหัวเราะเยาะ”ก็อาจเป็นไปไม่ได้ หากต้องจัดการกับผู้อื่น แต่เจ้า … เป็นเพียงจิตวิญญาณของข้า”
”บ้าที่สุด!” ประกายเหี้ยมโหดฉายวาบในแววตาของร่างเงาวิญญาณ
ที่นางพยายามพูดเรื่องไร้สาระกับไป๋หยานเมื่อครู่ก็เพียงเพื่อให้ไป๋หยานคลายความระมัดระวังตน นางไม่คาดว่าหญิงผู้นี้จะแข็งแกร่งกว่าที่นางคิด …
ไม่…!นางรอมาเนิ่นนานนับพันปี กระทั่งที่สุดโอกาสที่นางรอคอยก็มาถึง นางไม่อยากมีชีวิตเช่นร่างเงาวิญญาณอีกต่อไป นางอยากมีร่างที่แท้จริง !
ประกายแสงฉายวาบในแววตาของร่างเงาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เมื่อเข้าใกล้จิตวิญญาณของไป๋หยานอีกครั้ง ร่างเงาวิญญาณก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายดุดันราวกับดาบที่รอฟาดฟัน
ทว่า…
ครานี้…ร่างเงาวิญญาณไม่สามารถเข้าใกล้ไป๋หยานได้อีกซ้ำยังถูกพลังผลักดันออกไปอีกครั้ง ร่างเงาวิญญาณบอบช้ำมาก
“ข้าบอกแล้วไงว่าเจ้าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้า เช่นนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับข้าที่จะดึงเจ้ากลับมา”
ไป๋หยานยิ้มอย่างเย็นชา
หลังจากนั้นกลิ่นอายแห่งจิตวิญญาณของไป๋หยานก็แผ่กระจายออกมาอย่างท่วมท้นท่าทีวิตกกังวลของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง พวกมันเฝ้าดูนางอยู่อย่างเงียบ ๆ กลางอากาศ
ภายในร่างของไป๋หยานก่อนที่ร่างเงาวิญญาณจะสลาย ร่างเงาพลันรับรู้ได้ถึงพลังบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ รั้งวิญญาณของนางไว้ ราวกับจะดูดซับพลังทั้งหมดของร่างเงาวิญญาณนั้น …
”ไม่!”
รูม่านตาของร่างเงาวิญญาณเปิดกว้างนางกรีดร้อง “ได้โปรด…ปล่อยข้าไป ข้าคิดผิดไปแล้ว ข้าไม่กล้าฝ่าฝืนเจ้าอีกแล้ว อย่าสลายร่างข้า ข้าไม่ต้องการเช่นนี้ … ”
ไม่ว่าเสียงกรีดร้องของร่างเงาวิญญาณจะโหยไห้เพียงใดไป๋หยานก็ไม่หยุดการกระทำของตน แต่เดิมจิตวิญญาณนี้เป็นของนาง และนี่เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเอามันกลับคืนมา
เช่นนั้นเมื่อคำกล่าวสุดท้ายของร่างเงาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จบลงร่างเงาก็พลันเปลี่ยนเป็นควันสีฟ้าเข้าไปรวมกับดวงวิญญาณของไป๋หยานอย่างสมบูรณ์ …
ทว่าการหลอมรวมจิตวิญญาณไม่อาจเสร็จสิ้นได้ในเวลาอันสั้นเช่นนั้นไป๋หยานจึงยังไม่ผ่อนคลาย นางยังคงหลับตา ขัดสมาธิ ควันสีฟ้าจาง ๆ โอบล้อมนางราวกับอยู่ในสรวงสวรรค์
กำแพงเวทที่ล้อมรอบสัตว์เวททั้งสี่หายไปแล้วพวกมันบินวนรอบ ๆ ตัวไป๋หยาน จากนั้นร่างของพวกมันก็สลายกลายเป็นหมอก จากนั้นก็เลือนหายราวกับสายลม
ณแดนวิญญาณ
ภายในพระราชวังขนาดใหญ่หลิวชิงหยูกำลังนั่งอยู่ในศาลา นางสวมเครื่องประดับศีรษะเป็นพู่ระย้า และมีผ้าโปร่งคลุมหน้า นางสวมอาภรณ์สีขาวราวเทพธิดานั่งเหม่อลอยอยู่ที่โต๊ะ
ทันใดนั้นสาวใช้ก็รีบเข้ามารายงานว่า”ท่านเจ้าแดนวิญญาณต้องการให้ท่านเข้าพบ”
”เขาตามหาข้างั้นรึ?” หลิวชิงหยูขมวดคิ้ว “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นเรื่องใด ?”
“ข้าน้อยมิทราบ…”
”เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถิด”หลิวชิงหยูไม่อยากซักไซ้ต่อ
สาวใช้รับคำสั่งก่อนผละจากไป
หลิวชิงหยูจ้องมองตามทิศทางที่สาวใช้จากไปพลางขมวดคิ้วครุ่นคิด
นับแต่วันนั้นหลังจากถูกบังคับให้ยอมทำพันธะสัญญากับไป๋หยานในตำหนักเซียนพยับหมอก ชีวิตของนางก็ไม่ได้เป็นของนางอีกต่อไป เดิมทีนางไม่ต้องการกลับสู่อาณาจักรวิญญาณ หากแต่ไป๋หยานต้องการทราบข่าวของอาณาจักรวิญญาณ เช่นนั้นนางจึงจำต้องกลับมา
โชคดีที่คำโกหกของนางได้ผลบิดาของนางไม่นึกเอะใจสงสัยแต่อย่างใด กระนั้นเขาก็ไม่ได้เรียกหานางมานานกว่าสองเดือนแล้ว …
”ลุงจูน”นางลูบคาง แสงเย็นวาบปรากฏในแววตาที่เฉยเมยของนาง “ท่านพอคาดเดาได้หรือไม่ว่า ท่านพ่อตามหาข้าด้วยเรื่องใด ?”
แม้ว่านางจะเป็นคุณหนูคนโตของอาณาจักรวิญญาณทว่านางก็ไม่เคยได้รับการยกย่อง แม้แต่แซ่ก็ยังต้องใช้ตามมารดา เช่นนั้นหลิวชิงหยูจึงไม่อาจจินตนาการได้ว่า บิดาของนางต้องการสิ่งใดจากนางแน่
บทที่ 1004 : การหลอมรวมวิญญาณ (3)
จุนห่าวครุ่นคิดเพียงครู่”ข้าเดาว่า … ท่านเจ้าแดนวิญญาณอาจจะต้องการทำการใหญ่”
หัวใจของหลิวชิงหยูสั่นสะท้าน”ไปกันเถอะ ไปดูกัน หวังว่า … ตาเฒ่านั่นคงจะไม่ไปที่แผ่นดินใหญ่ หาไม่ … ”
ความแข็งแกร่งของไป๋หยานไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของตาเฒ่าคนนี้
หลังจากบทสนทนาดังกล่าวจบลงหลิวชิงหยูก็รีบไปที่ห้อง ใบหน้าของนางซีดลงเล็กน้อย นางรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา
นางรู้สึกเสมอว่ามีเรื่องใหญ่โตบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น…
ภายในห้อง
ชายสูงวัยผมขาวนั่งตัวตรงสายตาดุดันกวาดมองผู้คนที่อยู่ ณ ที่นั่น ใบหน้าของเขาเย็นชา เมื่อเห็นหลิวชิงหยูมาช้า
”มาแล้วก็รีบหาที่นั่งเข้าไว ๆ !”
หลิวชิงหยูหาที่นั่งลงโดยไม่แสดงออกใดๆ จุนห่าวยืนอยู่ข้างหลังนางอย่างเงียบ ๆ ราวกับต้นไม้ใหญ่ที่คอยกำบังลมและฝนให้นาง
“เมื่อพร้อมหน้ากันแล้วข้าก็จะพูดถึงสิ่งที่พวกเจ้าต้องดำเนินการต่อไป” เหอเฟยเสียงมองผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นด้วยท่าทางยินดี
น้ำเสียงของเขาสง่าผ่าเผยดุดันทั้งทรงพลังโดดเด่น
”เมื่อไม่นานมานี้ผนึกแดนอสูรถูกทำลาย ทำให้แดนวิญญาณของเราไม่จำเป็นต้องถูกกักอยู่ในสถานที่เล็ก ๆ เช่นนี้อีกต่อไป ดังนั้นข้าจึงต้องการให้พวกเจ้าเตรียมการให้พร้อมเพื่อที่จะโจมตีแผ่นดินใหญ่ !”
ร่างของหลิวชิงหยูพลันแข็งค้าง
แน่นอนว่า… ตาเฒ่าผู้นี้จะเริ่มลงมือแล้ว
หลิวชิงหยูไม่เข้าใจว่าเหตุใดชายชราถึงใช้ข้ออ้างว่าแดนวิญญาณเล็กเกินไปเพื่อใช้ในการโจมตีแผ่นดินใหญ่แทนที่จะบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงของตน ?
”ท่านพ่อเรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้ให้ลูกจัดการเองเถิด”
ชายคนหนึ่งลุกขึ้นยืนจากที่นั่งหากดูจากรูปร่างหน้าตาของเขา ชายผู้นี้น่าที่จะมีอายุเพียง 20 ถึง 30 ปี เขาแลดูเด็กมาก ทั้งที่จริง ๆ แล้วอายุเขาเกินครึ่งร้อยปีแล้ว ทว่ากลับไม่มีริ้วรอยบนใบหน้าแม้เพียงน้อย
เหอเฟยเสียงมองบุตรชายสุดที่รักของเขาพลางพยักหน้าเล็กน้อย “ตกลง เรื่องนี้ฝากไว้กับเจ้า รวมถึงยอดฝีมือระดับเทพทั้งหมดในอาณาจักรวิญญาณก็ให้อยู่ในสังกัดของเจ้าด้วย ! และ … คนในแผ่นดินใหญ่เหล่านั้นไม่ควรมีชีวิตแม้สักคน ฆ่าพวกมันอย่าให้เหลือ !”
หลิวชิงหยูเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจแม้ว่าครั้งนั้นนางจะส่งคนไปยังสำนักใหญ่ทั้งสาม ทว่านางก็ไม่ได้ทำอะไรชาวบ้านธรรมดา ๆ
ทว่าบิดาของนางกำลังจะเข่นฆ่าทุกคนบนผืนแผ่นดินใหญ่?
“ท่านพ่อ…จะไม่มากไปหน่อยหรือ?”
ใบหน้าของหลิวชิงหยูซีดเผือดนางลุกขึ้นยืนพลางกัดฟันเอ่ยถาม “ท่านต้องการยึดครองแผ่นดินใหญ่ ก็ควรไว้ชีวิตพวกเขา ไม่จำเป็นต้องให้ดินแดนใหญ่ต้องนองเลือด”
”ข้าเป็นพ่อ…ต้องให้ลูกสาวเช่นเจ้ามาคอยชี้นิ้วแนะนำด้วยกระนั้นรึ?” เพราะถ้อยคำของหลิวชิงหยู แววตาที่เคยพอใจของเหอเฟยเสียงพลันเคร่งขรึมลง เขากล่าววาจาแดกดันต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น พวกมนุษย์ในแผ่นดินใหญ่เหล่านั้นก็เป็นเพียงมดตัวเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับอาณาจักรวิญญาณของพวกเรา พวกเขามีคุณสมบัติพอที่จะมาแบ่งปันทรัพยากรกับเรากระนั้นรึ ?”
ถึงแม้ว่า… พลังจิตวิญญาณของผู้คนบนแผ่นดินใหญ่จะเทียบไม่ได้กับผู้คนในดินแดนแห่งจิตวิญญาณ ทว่าอาณาบริเวณของแผ่นดินใหญ่นั้นกว้างขวางอุดมสมบูรณ์ ทั้งยังมีอาหารอร่อยมากมาย มากยิ่งกว่าในอาณาจักรวิญญาณของเขา
หากแต่จะให้เขาอยู่ที่เดียวกันกับมดตัวน้อยบนแผ่นดินใหญ่เขาก็ไม่ต้องการ ! เช่นนั้นเพื่อครอบครองแผ่นดินใหญ่แล้ว การเข่นฆ่าผู้ที่ด้อยกว่าเหล่านั้น จึงนับเป็นคำตอบที่ถูกต้อง ผู้อ่อนแอไม่ควรมีชีวิตอยู่
“ข้าไม่ได้ชี้แนะข้าเพียง … ” หลิวชิงหยูกำหมัดแน่นความโกรธฉายวาบผ่านแววตาของนาง
ทว่าก่อนที่นางจะทันกล่าวจบเหอหลู่ก็ขัดจังหวะนางด้วยเสียงเยาะเย้ย
”แค่ลูกสาวที่ไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะใช้แซ่สกุลกล้าสามหาวกับท่านพ่อกระนั้นรึ ? คำกล่าวของท่านพ่อถูกต้องที่สุด ในโลกนี้…มีเพียงคนแข็งแกร่งเท่านั้นที่สมควรจะอยู่รอด ส่วนคนอ่อนแอก็ต้องถูกกลืนกิน !”
ใบหน้าของหลิวชิงหยูเปลี่ยนไปนางสูดลมหายใจเข้าลึก เพื่อบรรเทาความโกรธในใจ
นางรู้ว่าไม่ว่านางจะห้ามปรามเพียงไร คนเหล่านี้ก็จะยังคงทำตามความคิดของตนเอง
บทที่ 1005 : การหลอมรวมวิญญาณ (4)
”ท่านพ่อ”นางเงยหน้าขึ้นมองเหอเฟยเสียง “มีสตรีคนหนึ่งบนแผ่นดินใหญ่ นางเป็นชายาของราชาอสูร หากเราทำลายล้างแผ่นดินใหญ่ของนาง เกรงว่าจะทำความขุ่นเคืองให้อาณาจักรอสูรได้
เหอเฟยเสียงขมวดคิ้วเขารู้ดีว่าหลิวชิงหยูกำลังพูดถึงเรื่องใด
นอกจากนี้เขายังได้ยินมาว่าราชาอสูรรักและหลงใหลสตรีผู้นั้นอย่างลึกซึ้ง และเพื่อสตรีผู้นั้นแล้ว ราชาอสูรไม่ลังเลที่จะสังหารล้างโครตเผ่าอสรพิษในอาณาจักรอสูร เพียงเพื่อระบายความโกรธในใจนาง
ทว่าในแผ่นดินใหญ่นอกจากกุญแจปาฏิหาริย์ของสำนักใหญ่ทั้งสามแล้วยังมีหลายสิ่งที่ดึงดูดเขา … เขาต้องทำให้แผ่นดินใหญ่กลายเป็นแดนวิญญาณให้จงได้
ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาได้รับกุญแจปาฏิหาริย์ เขาก็จะสามารถฝึกฝนกลุ่มยอดฝีมือระดับเทพได้ และเมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่จำเป็นต้องกลัวแดนอสูร
“ข้าพูดเช่นไรก็ต้องเป็นเช่นนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะโน้มน้าวให้ข้าเปลี่ยนใจ ให้ลู่เอ๋อจัดการเรื่องนี้ ส่วนหลิวชิงหยู เจ้าไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ”
เล็บของหลิวชิงหยูจิกลึกลงในฝ่ามือของนางนางลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง จากนั้นก็หันไปมองเหอเฟยเสียงอย่างมีนัยยะ
“ท่านพ่อหากวันนี้ท่านไม่ฟังข้า วันหน้าท่านจะต้องเสียใจ ! ลุงจุน เราไปกันเถิด”
นางเดินออกจากห้องโดยไม่หันกลับไปมอง
ครั้นแผ่นหลังของหลิวชิงหยูลับตาไปเหอลู่ก็กัดฟันอย่างหงุดหงิด “ท่านพ่อ นังเด็กคนนี้ไม่เกรงใจท่านเลย ท่านจะปล่อยให้นางกำเริบเช่นนี้หรือ ? น่าจะให้บทเรียนกับนังเด็กไร้ค่าคนนี้เสียบ้าง !”
ริมฝีปากของเหอเฟยเสียงงุ้มลงอย่างเย็นชา”ค่อยสั่งสอนนางทีหลังเถิด ยังไม่สายเกินไปหรอก วันหน้าหากเจ้าทำงานนี้สำเร็จ ข้าจะให้เจ้าเป็นเจ้าแดนน้อย จากนั้นเจ้าก็จะมีเวลาสั่งสอนนาง ตอนนี้ไปจัดการเรื่องแผ่นดินใหญ่โดยเร็วที่สุดจะดีกว่า”
“ขอรับท่านพ่อ”
เหอลู่ดีใจมากเขายิ้มกว้าง อย่างไรก็ตามในวันหน้าเขาจะได้เป็นเจ้าแดนน้อยแห่งแดนวิญญาณ ไม่ว่านางจะดื้อรั้นเพียงใด นางก็ต้องยอมสยบแทบเท้าของเขาไม่ช้าก็เร็ว !
”เอาล่ะพวกเจ้าทั้งหมดออกไปได้ จำไว้ จงทำตามคำสั่งของลู่เอ๋อทุกสิ่ง” เหอเฟยเสียง เอ่ยกล่าวอย่างเย็นชา
”ขอรับ”
ทุกคนโค้งคำนับก่อนจะก้าวถอยหลังผละจากไป
เหอลู่เองก็เดินไปที่ประตูอย่างภาคภูมิใจ
ทันทีที่เขาเดินออกมาถึงนอกลานบ้านเขาก็เห็นหลิวชิงหยูในชุดกระโปรงสีขาว จึงกล่าวเยาะอย่างเย็นชาว่า “เจ้ายังมัวมาทำอะไรที่นี่อยู่อีก ?”
หลิวชิงหยูค่อยๆ หันหน้าไปมองเขา “เจ้าจะสังหารคนทั้งแผ่นดินใหญ่จริง ๆ กระนั้นหรือ ?”
”เฮอะ”เหอลู่หัวเราะเยาะ “หากข้าอยากขยี้รังมด เจ้ายังอยากจะพูดแทนมดพวกนั้นด้วยหรือไม่ ?”
“หากเจ้าไม่ฟังคำข้าก็อย่าได้โทษข้าก็แล้วกัน เป็นเจ้าที่เลือกไปรนหาที่ตายเอง” หลิวชิงหยูหรี่ตาลงน้อย ๆ เอ่ยกล่าวอย่างเย็นชา พลันแสงเย็นยะเยือกก็ฉายวาบในแววตาของนาง
”หลิวชิงหยู…นังคนไร้ประโยชน์เจ้าทำไม่ได้แล้วยังขัดขวางข้าไม่ให้ทำกระนั้นรึ ?” เหอลู่รั้งนางไว้ด้วยมือข้างเดียว เขามองนางอย่างดุร้าย “หากเจ้ามีความสามารถจริง เจ้าก็ควรไปยั่วยวนราชาอสูรที่แดนอสูรโน่น บางทีท่านพ่ออาจจะมองเจ้าด้วยความชื่นชมบ้างก็เป็นได้”
”เจ้า… ” หลิวชิงหยูชี้หน้าเขาด้วยความเดือดดาล ใบหน้าที่โกรธแค้นของนางแดงระเรื่อ จากนั้นนางก็สะบัดแขนเสื้อลงอย่างดุเดือด “เจ้าอยากรนหาที่เอง อย่าลากข้าเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย !”
ไม่ต้องกล่าวถึงว่าบัดนี้นางได้กลายเป็นสาวใช้ของไป๋หยานไปเสียแล้วแม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์เช่นนี้ นางก็ไม่มีความกล้าพอที่จะไปยั่วยวนตี้คัง
ราชาอสูรแห่งแดนอสูรนั้นโหดเหี้ยมกระหายเลือดทั้งร้ายกาจเพียงใด เขาโปรดปรานเพียงราชินีของเขาผู้เดียว บุรุษเช่นนี้นางสามารถยั่วยุได้กระนั้นหรือ ?
นางไม่อยากเป็นเช่นนางงูสาวตัวก่อนๆ
ภายหลังออกมาจากคฤหาสน์หลิวชิงหยูก็หันไปมองด้านหลัง ครั้นนางเห็นว่าไม่มีผู้ใดติดตามนางมา นางก็กัดฟันออกคำสั่ง
“ลุงจุนท่านไปหาคนแดนอสูร บอกพวกเขาว่า ตาเฒ่านั่นกำลังส่งคนไปสังหารหมู่ผู้คนบนแผ่นดินใหญ่ ไม่สิ มันอาจสายเกินการ ท่านควรไปที่แผ่นดินใหญ่ด้วยตนเอง แจ้งข่าวเรื่องนี้กับนาง จากนั้นก็ส่งคนไปที่แดนอสูร เพื่อแจ้งเรื่องนี้แก่ราชาอสูรด้วย”
อาณาจักรวิญญาณกำลังจะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์เช่นนั้นยามนี้นางจำต้องเข้าข้างไป๋หยานอย่างสุดใจ เพื่อที่นางจะยังรอดชีวิตในโลกที่วุ่นวายเช่นนี้ …