จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1051-1055
บทที่ 1051 ทะเยอทะยานอย่างแรงกล้า (4)
และครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยให้เสือดาวน้อยได้รับอันตรายอีก
หม่ามี้สอนว่า…ลูกผู้ชายต้องมีความรับผิดชอบเขาเป็นคนพาเสือดาวน้อยออกมา ก็ต้องปกป้องความปลอดภัยให้เสือดาวน้อย
”อืม”
เสือดาวน้อยพยักหน้าก่อนจะก้าวออกมาจากด้านหลังไป๋เสี่ยวเฉิน พลางกัดริมฝีปากสีชมพูของตน “เจ้าเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของข้า ข้าเชื่อใจเจ้า … ”
ใบหน้าเล็กๆ ที่บอบบางของเสือดาวน้อยไม่ได้แสดงความหวาดกลัวเฉกเช่นเคยอีกต่อไป หากแต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงแดงระเรื่อ อย่างไรก็ตามดวงตาที่สดใสของเขาก็ไม่กล้ามองสบผู้คนในเมือง
“อาวุโสท่านเห็นนั่นหรือไม่ ?”
ไม่ไกลจากไป๋เสี่ยวเฉินและเพื่อนของเขานักชายหนุ่มในอาภรณ์สีน้ำเงินกรมท่ายืนอยู่กลางถนน เขาขยับพัดด้ามจิ้วในมือ พร้อมกับส่งยิ้มให้เด็กน้อยทั้งสองที่กำลังกระซิบกระซาบกันอยู่
“นายน้อยข้าเห็นชัดเจนเลยว่า เด็กน้อยที่น่าเอ็นดูนั่น … คือคนที่พวกสัตว์อสูรในแดนอสูรตามหาเมื่อไม่นานมานี้”
“พึ่บ”ชายหนุ่มรวบพัด พร้อมประกายเย็นวาบผ่านนัยน์ตา เขาเอ่ยกล่าวด้วยเสียงเยาะ ๆ
”อย่างไรก็ตามบรรพบุรุษตระกูลซางของเราก็เป็นเผ่าหนึ่งในแดนอสูรเช่นกันทว่าโชคไม่ดีที่บรรพบุรุษของเรากระทำสิ่งผิด พวกเราจึงถูกขับให้มาอยู่ในสถานที่บ้า ๆ นี่”
”หากแต่สถานที่แห่งนี้ก็นับว่ามีประโยชน์ต่อพวกเรามาก อย่างไรเสียลมปราณของแดนอสูรก็มีจำกัด แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทะลุไปถึงระดับเทพ และหากจะทะลุได้ ผู้ที่ได้บรรลุระดับเทพก็ไม่สามารถฝึกฝนต่อไปได้อยู่ดี … ”
แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของชายหนุ่มเขายกยิ้มเย้ยหยัน
”และที่นี่ก็เรียกว่าดินแดนลับของแดนอสูรที่ซึ่งสามารถทำให้เหล่ายอดฝีมือระดับเทพฝึกฝนต่อไปได้ซ้ำยังทะลุทะลวงขึ้นไปได้อีก ทว่าเพื่อเป็นการลงโทษตระกูลซางของพวกเรา พวกเขาจึงปิดผนึกความสามารถในการฝึกฝนของพวกเรา อีกทั้งยังสั่งให้พวกเราดูแลดินแดนลับแห่งนี้ไปชั่วชีวิต !”
แม้เหล่ายอดฝีมือระดับเทพที่ได้รับอนุญาตให้ฝึกฝนต่อในดินแดนลับแห่งนี้จะอยู่ที่นี่เพียงช่วงระยะเวลาอันสั้นทว่าการอยู่ที่นี่ก็ไม่ต่างกับการถูกกักขังอยู่ในกรง เช่นนั้นแม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ดูเหมือนยาวนาน แต่หากต้องอยู่นานจริง ๆ เช่นพวกเขา คนพวกนั้นคงจะทนไม่ได้เป็นแน่ …
ยิ่งไปกว่านั้น…เขาเองก็ยังไม่เคยเห็นโลกภายนอกเลย
“นายน้อยท่านคิดจะทำสิ่งใด ?” ชายชราครุ่นคิดอยู่ครู่ ก่อนจะเอ่ยถาม
แววตาของชายหนุ่มมืดมนลงเล็กน้อยมุมปากของเขายกโค้งพร้อมรอยยิ้มที่วาดบนริมฝีปากของเขา
“ข้าจะใช้ประโยชน์จากองค์ชายแห่งอาณาจักรอสูรผู้นี้! ถึงตอนนั้นราชาอสูรมีทางเลือกเพียงสองทาง ทางแรกคือปล่อยพวกเราไป และลงจากตำแหน่งราชาอสูร ทางที่สองคือปลดผนึกให้กับพวกเรา เพื่อให้พวกเราสามารถฝึกฝนในดินแดนลับแห่งนี้ได้ !”
แววตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดเขาขยับพัดอีกครั้ง เอ่ยกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“นายน้อยท่านจะทำอะไรต่อไป ?”
ชายชราตะลึงอยู่เพียงครู่ก่อนจะกลับมามีสติ พลางเอ่ยถาม
จะเกลี้ยกล่อมให้องค์ชายแดนอสูรเชื่อฟังเขาเกรงว่าคงไม่ง่ายนัก …
“หากองค์ชายสูญเสียความทรงจำทั้งหมดเขาย่อมจะเชื่อฟังทุกสิ่งที่ข้าพูดใช่หรือไม่ ?” ชายหนุ่มยิ้มเยาะ “บรรพชนตระกูลซางของเราโง่เขลา พวกอาณาจักรอสูรสั่งให้พวกเขาดูแลดินแดนลับ พวกเขาก็ยอมรับแต่โดยดี ทว่าข้า …จะไม่มีวันโง่เช่นพวกเขาเป็นแน่ !”
หัวใจของชายชราสั่นสะท้านด้วยเหตุผลบางประการทันทีที่เขาได้ยินถ้อยคำของนายน้อยของตน เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ
“นายน้อยท่านควรต้องแจ้งให้ท่านเจ้าบ้านทราบเรื่องนี้ก่อนหรือไม่ ? ไม่เช่นนั้น … ”
”ไม่จำเป็น!” ชายหนุ่มเหลือบมองชายชราด้วยแววตามืดมน “ท่านพ่อขี้ขลาด และหวาดกลัวไปเสียทุกสิ่ง เขาไม่มีวันกล้าทำเรื่องเช่นนี้เด็ดขาด เขาเอาแต่คิดแง่ลบ หากเจ้าต้องการให้พวกเราเผ่าหมาป่าอสูรฟื้นฟูศักยภาพเฉกเช่นเมื่อพันปีก่อน เจ้าก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า”
บทที่ 1052 : ทะเยอทะยานอย่างแรงกล้า (5)
เมื่อหลายพันปีก่อนเผ่าหมาป่าอสูรเองก็เฟื่องฟูไม่แพ้เผ่าใดในแดนอสูร หากแต่เนื่องจากหัวหน้าเผ่าหมาป่าอสูรทำผิดพลาดเพียงเล็กน้อย คนในแดนอสูร พวกนั้นก็ขับเขามายังดินแดนลับแห่งนี้
ทั้งไม่อาจออกจากที่นี่ได้ชั่วชีวิต…
เช่นนั้นเผ่าหมาป่าอสูรจึงตั้งรกรากหยั่งลึกในดินแดนลับแห่งนี้ และจากนั้นก็สาบสูญจากแดนอสูร …
ด้วยเหตุนี้หลังจากที่เขาได้เห็นภาพความรุ่งเรืองของเผ่าหมาป่าอสูรจากตำราโบราณหัวใจของเขาก็ค่อย ๆ หวั่นไหว เขาต้องการขึ้นแทนที่ราชาแดนอสูร
ยามนี้บนถนนสายตาของเสือดาวน้อยเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเมื่อเขาก็หันกลับไปมอง เขาจึงพบว่ามีร่างสองร่างมาอยู่ตรงหน้า ทำให้ร่างของเขาสั่นสะท้านขึ้นทันใด เขากลับไปหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังไป๋เสี่ยวเฉินอีกครั้ง
ไป๋เสี่ยวเฉินเงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา พลางขมวดคิ้วอย่างน่าเอ็นดูเอ่ยถามว่า “พี่ชาย ท่านลุง พวกท่านต้องการอะไรหรือ ?”
ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะสะบัดแขนเสื้อแสดงความเคารพไป๋เสี่ยวเฉิน “กระหม่อม…ซางหยู…ขอคารวะองค์ชาย”
ไป๋เสี่ยวเฉินตกใจเขากระพริบนัยน์ตากลมโต เอ่ยถามว่า “นี่เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ ?”
“กระหม่อมเป็นสมาชิกของเผ่าหมาป่าอสูรพวกเราเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์ราชาอสูร องค์ราชามีรับสั่งให้กระหม่อมตามหาองค์ชาย ทั้งยังรับสั่งด้วยว่าหากพบองค์ชาย พวกกระหม่อมต้องทูลเชิญเสด็จพระองค์ไปประทับรอในคฤหาสน์ตระกูลซางของกระหม่อม จากนั้นก็รีบส่งเรื่องขึ้นกราบทูลองค์ราชา”
น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเคารพทำให้ผู้ที่ได้ยินไม่พบพิรุธใด ๆ กอปรกับตัวตนของเขาที่เป็นสัตว์อสูร ไป๋เสี่ยวเฉินจึงไม่สงสัยอะไร
”ป๊ะป๋าวายร้ายกำลังตามหาข้างั้นหรือ? ครั้งสุดท้ายที่ข้าได้รับบาดเจ็บ ข้าทำเครื่องรางที่ป๊ะป๋าวายร้ายให้ข้าหายไปโดยไม่ตั้งใจ ทั้งข้าก็ไม่สามารถหามันพบ หากเป็นคำสั่งของป๊ะป๋าวายร้าย เจ้าก็รายงานเขาแล้วกัน ข้าจะตามเจ้าไปรอเขาอยู่ที่บ้านเจ้า”
ไป๋เสี่ยวเฉินต้องการปฏิเสธแต่เขากลัวว่าป๊ะป๋าวายร้ายจะเป็นห่วง เขาจึงพยักหน้ารับ
ชายหนุ่มก้มศีรษะลงและเมื่อไป๋เสี่ยวเฉินไม่ทันสังเกต รอยยิ้มเล็ก ๆ ก็พลันปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
“ทูลเชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”
เขายืนขึ้นแสดงท่าทางเชิญชวนด้วยความเคารพ
ไป๋เสี่ยวเฉิน…จับมือเสือดาวน้อยเอ่ยกล่าวว่า“เสือดาวน้อย เราไปกับเขาเถอะ ส่วนเจ้าก็เตรียมอาหารสำหรับเสือดาวน้อยด้วย เขาชอบกินเนื้อ”
“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ”
ซางหยูป้องหมัดพลางกล่าว
ชายชราที่อยู่ด้านข้างมองผู้คนโดยรอบ ราวกับต้องการจะเอ่ยกล่าวบางอย่าง ทว่าหลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจ
ช่างมันเถอะ…
นายน้อยไม่ใช่คนที่ยอมรามือจากอะไรง่ายๆ ขนาดเผ่าหมาป่าอสูรถูกผนึกพลังไว้ กระทั่งไม่สามารถทะลุทะลวงไปถึงระดับเทพได้เช่นคนอื่น กระนั้น เขาก็ยังคิดว่า ความสามารถของเขาไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าผู้ใด เพียงแค่ไม่มีโอกาสเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นในความคิดของเขา เมื่อใดที่ผนึกของเผ่าหมาป่าอสูรถูกถอดถอน เมื่อนั้นก็จะไม่มีผู้ใดในแดนอสูรสามารถเทียบเคียงเขาได้เป็นแน่ …
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่ได้คิดอะไรมากตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกสนุกสนาน หากเขาพบป๊ะป๋าวายร้ายภายหลัง เขาก็สามารถออกจากดินแดนลับได้แล้วใช่หรือไม่ ?
ขอเพียงข้าออกจากดินแดนลับไปได้ข้าก็จะได้พบกับหม่ามี้ของข้า …
รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าเล็กๆ ของเขาโดยไม่ตั้งใจ อีกทั้งนัยน์ตากลมโตของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ซางหยูเดินนำไปข้างหน้าดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายเย็นชา รอยยิ้มที่มุมปากของเขาเปลี่ยนเป็นน่ากลัวมากขึ้น และแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความพึงใจ…
ดูราวกับว่ายามนี้เขากำลังเห็นฉากที่ราชาแดนอสูรยอมจำนนต่อหน้าเขา
ราชาอสูร…เจ้ารักโอรสของเจ้ามากเจ้าคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องยอมละทิ้งทุกสิ่ง เพื่อเขาอย่างแน่นอน
ภายในคฤหาสน์บ้านสกุลซางไป๋เสี่ยวเฉินจับมือเสือดาวน้อย พลางเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว จู่ ๆ เขาก็หยุดชะงัก ก่อนจะหันหน้าไปมองซางหยู
“ห้องของเราอยู่ไหนล่ะ?”
บทที่ 1053 : แผนการของซางหยู (1)
“ทูลองค์ชายกระหม่อมจะให้สาวใช้จัดการห้องพักให้พระองค์ เชิญพระองค์ตามกระหม่อมมาก่อนเถิด”
ซางหยูยิ้มเล็กน้อยพลางขยิบตาให้ชายชราที่อยู่ข้างหลังเขา จากนั้นเขาก็เดินไปที่ห้องพักพร้อมด้วยไป๋เสี่ยวเฉิน และเสือดาวน้อยทันที
ชายชรารู้ได้ทันทีว่าสายตาของซางหยูหมายถึงสิ่งใดเขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับกลุ่มคนเหล่านั้น …
“น้าหมาป่า”
ไป๋เสี่ยวเฉินหยุดกึกเขาหันไปมองซางหยู นัยน์ตาของเขาสดใสแวววาวขณะจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลัง
“เมื่อไรป๊ะป๋าวายร้ายจะมา?”
ทันทีที่เห็นท่าทางของเด็กน้อยซางหยูก็ตัวสั่นด้วยความตกใจ เขาคิดว่าแผนการของเขาอาจถูกเด็กน้อยพบพิรุธ ทว่าหลังจากได้ยินคำถาม หัวใจของซางหยูก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
“กระหม่อมจะส่งคนไปกราบทูลองค์ราชาในภายหลังคาดว่าอีกไม่กี่วันองค์ราชาก็คงเสด็จมาถึง”
ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มอย่างสดใสไร้เดียงสา “ดีจัง ข้าหวังว่าน้าหมาป่าจะไม่โกหกข้า เพราะเห็นว่าข้ายังเป็นเด็ก หาไม่หม่ามี้ของข้าอาจจะโกรธ และหากหม่ามี้ของข้าโกรธล่ะก็ มันน่ากลัวยิ่งกว่าป๊ะป๋าวายร้ายเสียด้วยซ้ำ”
ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดถ้อยคำของเด็กน้อยจึงทำให้ซางหยูลุกลี้ลุกลนโดยไม่ตั้งใจ
เขามั่นใจว่าครั้งที่เขาเริ่มเจรจากับผู้ชายตัวเล็กคนนี้เป็นครั้งแรกผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนนี้เชื่อทุกคำพูดของเขาอย่างแน่นอน
เช่นนั้นจึงเขาไม่แน่ใจว่าในระหว่างการเดินทาง เขาได้ทำอะไรผิดไปบ้าง ? กระทั่งทำให้เด็กน้อยรู้ตัวหรือไม่ ?
หรือ… นี่เป็นเพียงเรื่องที่เขาคิดไปเอง ? องค์ชายอาจไม่ทันสังเกตเห็นอะไรผิดปกติใช่หรือไม่ ?
ซางหยูหัวเราะหึๆ “ไม่ต้องกังวล องค์ชาย พระองค์เป็นถึงองค์ชาย แม้ว่ากระหม่อมจะโกหกคนทุกคน กระหม่อมก็ไม่อาจโกหกพระองค์ได้ … “
“ข้าเชื่อใจท่านท่านน้าหมาป่า”
ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มอย่างไร้เดียงสาและสดใสเขาหันศีรษะไป “ท่านน้า ข้าเหนื่อยมากแล้ว อย่าให้ใครมารบกวนข้าอีก”
“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”
ซางหยูลดสายตาลงปกปิดแววตาของตนพลางกล่าวด้วยความเคารพ
ไป๋เสี่ยวเฉินเปิดประตูและก้าวเข้าไปในห้อง ร่างเล็ก ๆ ของเขาล้มลงบนเตียงนุ่ม ๆ มือเล็ก ๆ สองข้างของเขากำผ้าปูที่นอน ลากมาปิดใบหน้าสีชมพูของเขาแน่น
“ข้าทำเครื่องรางของป๊ะป๋าหายหม่ามี้คงรู้เรื่องนี้แล้ว” ไป๋เสี่ยวเฉินถอนหายใจเบา ๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าแบบเด็ก ๆ “หม่ามี้จะต้องเป็นห่วงเฉินเอ๋อมากแน่ ๆ ดังนั้นเฉินเอ๋อจะเชื่อฟัง จะรอให้ป๊ะป๋าวายร้ายมารับเฉินเอ๋อที่นี่”
ยามนี้เขาคิดถึงหม่ามี้ของเขามาก คิดถึงอ้อมกอดหอม ๆ ของนางมากที่สุด …
“ไม่”ไป๋เสี่ยวเฉินส่ายศีรษะอย่างดุเดือด “ข้าไม่ใช่เด็กสามขวบอีกต่อไปแล้ว ข้าต้องเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเอง มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่ข้าจะสามารถปกป้องหม่ามี้ของข้าได้ในอนาคต”
ชั่วขณะนั้นเองประตูห้องพลันถูกผลักเปิดออก สาวใช้ถือชามซุปพิษก้าวผ่านประตูเข้ามา นางวางชามซุปพิษลงบนโต๊ะด้วยความนอบน้อม
“องค์ชาย…นายน้อยเกรงว่าองค์ชายจะหิวเช่นนั้นจึงให้หม่อมฉันนำซุปมาถวายองค์ชาย และขอเชิญองค์ชายเสวย”
แม้ว่าไป๋เสี่ยวเฉินจะสั่งไม่ให้ผู้ใดเข้ามาทว่าหม่ามี้ของเขาก็สอนว่าเป็นเด็กควรรู้จักสุภาพ เช่นนั้นเขาจึงยังคงยิ้มอย่างน่ารักให้กับสาวใช้
“ขอบใจนะพี่สาว”
ใบหน้าของสาวใช้แดงระเรื่อรอยยิ้มของไป๋เสี่ยวเฉินน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากนั้นไม่นานนางก็กลับมามีสติอีกครั้งนางย่อกายลง ก่อนจะถอยออกจากประตูห้อง และปิดประตูให้ไป๋เสี่ยวเฉิน
หลังจากที่สาวใช้ออกไปแล้วไป๋เสี่ยวเฉินก็เดินทื่อไปที่โต๊ะ เขายกฝาซุปพิษขึ้นมา ทันใดนั้นกลิ่นหอมก็โชยออกมากระตุ้นความอยากอาหาร
ทว่า…
หลังจากที่ไป๋เสี่ยวเฉินได้กลิ่นซุปใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาก็เคร่งขรึมลง นัยน์ตากลมโตของเขากระพริบสองสามครั้ง มีแสงเย็นวาบผ่านแววตา
บทที่ 1054 : แผนการของซางหยู (2)
แอ๊ด!
ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้งชายหนุ่มในชุดสีกรมท่าเดินผ่านประตูเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขามองซุปโครตพิษที่อยู่เบื้องหน้าไป๋เสี่ยวเฉิน ซึ่งไม่ได้หดหายไปแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาแลดูตกใจ
“องค์ชาย…ไม่โปรดซุปนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินหรี่ตาพลางกวาดมองซางหยูขึ้น ๆ ลง ๆ จากหัวจรดเท้า
การมองสำรวจเช่นนี้ของไป๋เสี่ยวเฉินทำให้ไขสันหลังของซางหยูรู้สึกเย็นวาบ
หรือว่าเด็กคนนี้พบพิรุธอะไร…?
เป็นไปไม่ได้คนในตระกูลสัตว์อสูรไม่รู้จักวิธีปรุงยา แม้แต่เขาเองก็ยังได้รับยาเม็ดนี้มาจากมนุษย์ หลังจากกลืนมันลงไปแล้ว คนผู้นั้นก็จะสูญเสียความทรงจำ
ในฐานะสัตว์อสูรองค์ชายย่อมไม่มีทางรับรู้ว่าซุปนี้ถูกเขาวางยาพิษ !
เพียงไม่นานไป๋เสี่ยวเฉินก็หัวเราะ รอยยิ้มของเขาน่ารักไร้เดียงสา น้ำเสียงของเขาดูราวเด็กน้อยอ่อนต่อโลก “เฉินเอ๋อ…จะปฏิเสธความใจดีของน้าหมาป่าได้อย่างไร ? เฉินเอ๋อจะดื่มซุปนี่เดี๋ยวนี้เลย”
เขาหยิบถ้วยซุปพิษขึ้นมาจากนั้นก็กระดกซุปดื่มหมดในอึกเดียว เมื่อซุปหมด เขาก็เช็ดคราบซุปที่มุมปาก ก่อนจะส่งถ้วยซุปพิษคืนให้ซางหยูพร้อมรอยยิ้ม
ครั้นเห็นไป๋เสี่ยวเฉินดื่มซุปจนเกลี้ยงซางหยูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกพลางหัวเราะหึ ๆ “องค์ชาย พระองค์ควรบรรทมสักครู่ แล้วกระหม่อมจะมาเฝ้าพระองค์ในภายหลังนะพ่ะย่ะค่ะ”
”อืม…”
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่ได้กล่าวคำใดอีกเขาหันหลังเดินกลับไปที่เตียง ปีนขึ้นนอนบนเตียง จากนั้นก็ดึงผ้านวมมาคลุมร่าง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดซางหยูยังยืนอยู่ในห้องโดยไพล่มือข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง พลางจ้องมองเด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียงอย่างเย็นชา …
“พี่หยู…”
ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่หญิงสาวมายืนอยู่ด้านหลังซางหยูนางจับจ้องมองเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่นอนอยู่บนเตียง นัยน์ตาที่สวยงามของนางหรี่ลงเล็กน้อย
“นี่คือองค์ชายแห่งอาณาจักรอสูรกระนั้นรึ?”
ซางหยูพยักหน้าเล็กน้อย”ซีซี…เจ้าต้องจำไว้ว่าจากนี้ไปเจ้าคือมารดาของเขา”
”พี่หยู…ผู้อาวุโสห้าได้บอกข้าแล้วข้ารู้ดีว่าต้องทำเช่นไร” หญิงงามผู้นั้นแย้มยิ้มสดใส “เพื่อช่วยพี่แล้ว ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่”
ซางหยูไม่ได้กล่าวคำใดอีกเขายังคงจับจ้องมองเด็กชายร่างเล็กบนเตียง
ชั่วขณะนี้พวกเขาไม่ทันสังเกตเห็นว่า ร่างของเด็กน้อยที่กำลังหลับใหลสั่นสะท้าน ทว่าเพียงไม่ช้าก็กลับคืนสู่ความสงบ…
บนเตียงไป๋เสี่ยวเฉินหลับตาทว่าคิ้วที่น่ารักของเขาขมวดมุ่น ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซีดเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังฝันร้าย
จู่ๆ เสียงเรียกเบา ๆ ก็ดังเข้ามาในหูของเขา ราวกับต้องการปลุกเขาจากห้วงนิทรา
”เฉินเอ๋อ…เฉินเอ๋อตื่น… ”
คิ้วที่ขมวดของไป๋เสี่ยวเฉินค่อยๆ คลายออก เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น พลันสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของเขาก็คือใบหน้าที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
นางเป็นสตรีอายุยี่สิบต้นๆ มวยผมแบบสตรีที่สมรสแล้ว แววตาของนางอ่อนโยน นางยิ้ม ขณะมองเด็กชายร่างเล็กบนเตียง
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่ได้กล่าวคำใดเขาจ้องมองสตรีเบื้องหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า
ตงฟางเฉียนตกใจนางหันกลับมามองซางหยูราวกับจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ?
ซางหยูก้าวช้าๆ เข้าไปยืนด้านข้างของไป๋เสี่ยวเฉินพลางยิ้มเอ่ยกล่าวว่า “เฉินเอ๋อ เจ้าถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังสูญเสียความทรงจำ ข้าเป็นบิดาของเจ้า และนี่คือมารดาของเจ้า เจ้าจำพวกเราไม่ได้งั้นหรือ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินยังคงนิ่งเงียบเขาจ้องมองชายหญิงตรงหน้าด้วยความงุนงง
คิ้วของซางหยูขมวดมุ่น
ไม่น่าเป็นเช่นนี้ยาเพียงส่งผลให้เขาสูญเสียความทรงจำ ทว่าจะไม่ทำให้เขาเป็นใบ้ หรือว่ายานั่นมีปัญหา ?
ตงฟางเฉียนและซางหยูชำเลืองมองอีกฝ่าย ต่างก็กัดริมฝีปากของตน เขาอุ้มร่างเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เอ่ยกล่าวอย่างแผ่วเบา
บทที่ 1055 : แผนการของซางหยู (3)
”ไม่เป็นไร…หากเจ้ายังไม่ต้องการเรียกพ่อกับแม่หากแต่เจ้าต้องจำไว้ว่าเราเป็นญาติของเจ้า อ้อ…ใช่…อีกเรื่อง คือ ศัตรูของบ้านตระกูลซางเราที่เจ้าต้องจำไว้ ก็คือตี้คัง … เขาเป็น … คนที่ทำร้ายเจ้า !”
ไป๋เสี่ยวเฉินลดสายตาลง
เนื่องจากเขาก้มศีรษะลงจึงไม่มีผู้ใดทันสังเกตเห็นประกายแสงเย็นวาบ ที่กระพริบในแววตาของเขา
”ซีซี…เราออกไปกันก่อนเถอะให้เขาพักผ่อนสักพัก เขาจะค่อย ๆ ยอมรับความจริงนี้ได้เอง”
ซางหยูหัวเราะขณะมองไป๋เสี่ยวเฉิน แววตาของเขากระพริบแสงเย็น
อย่างไรเสียเขาก็กินยานั่นแล้วชั่วชีวิตนี้เขาจะระลึกถึงอดีตไม่ได้อีก …
”อืม”
ตงฟางเฉียนพยักหน้าพลางลุกขึ้นจากเตียง
นางมองไป๋เสี่ยวเฉินเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินตามซางหยูไปที่ประตู
ภายหลังพวกเขาผละจากไปใบหน้าเล็กๆ ที่เฉื่อยชาของไป๋เสี่ยวเฉินก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นก็ก้าวไปยังห้องถัดไป
ภายในห้องเสือดาวน้อยนอนนิ่งเงียบอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาซีดเซียว
ไป๋เสี่ยวเฉินรีบเดินไปที่เตียงพลางขมวดคิ้ว”คนพวกนั้นต้องให้ยาบางอย่างกับเสือดาวน้อย”
ไป๋เสี่ยวเฉินกัดริมฝีปากไม่รู้ว่าเขาหยิบมีดสั้นออกมาจากไหน เขากรีดผิวหนังของตนเอง ปล่อยให้เลือดไหลซึมเข้าสู่ริมฝีปากของเสือดาวน้อย
“โชคดีที่หม่ามี้ของข้าป้อนยาเม็ดให้ข้าตั้งแต่ยังเป็นเด็กเพื่อที่ยาพิษทั้งหมดจะไม่สามารถทำอะไรข้าได้ ทั้งเลือดของข้าก็สามารถบรรเทาพิษทั้งหมดได้ด้วย”
เลือดไหลซึมผ่านริมฝีปากเข้าสู่ร่างของเสือดาวน้อยใบหน้าของเขาค่อย ๆ แดงขึ้น เปลือกตาของเขาค่อย ๆ เผยอขึ้น
เขามองไป๋เสี่ยวเฉินผู้ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าประหลาดใจ”เสี่ยวเฉิน”
”จุ๊ๆ ”
ไป๋เสี่ยวเฉินรีบเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากของเสือดาวน้อยเพื่อหยุดเสียงของเสือดาวน้อย
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเผ่าหมาป่าอสูรต้องการทำร้ายพวกเรา”
เสือดาวน้อยผงะไปเขายังไม่อาจเข้าใจสิ่งที่ไป๋เสี่ยวเฉินพูด
”คนเลวกลุ่มนั้นแอบวางยาพวกเราแต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่า ข้าได้กินยาอายุวัฒนะมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ข้าได้กลิ่นยาที่ผสมมาในซุปได้ทันที ข้าเลยซ้อนแผนทำให้พวกเขาเข้าใจผิดคิดว่าข้ากินยาพิษไปแล้ว”
ไป๋เสี่ยวเฉินทำเสียงกร้าวคนพวกนี้วางแผนทำร้ายเขา ? ไม่รู้เลยหรือว่ายาพิษไม่อาจทำอะไรเขาได้ ?
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง?” เสือดาวน้อยจับมือของไป๋เสี่ยวเฉินอย่างประหม่า พลางเอ่ยถามอย่างกังวล
ไป๋เสี่ยวเฉินส่ายศีรษะ”คนพวกนี้ป้อนยา เพื่อให้พวกเราความจำเสื่อม พวกเขาจะได้แอบอ้างเป็นบิดามารดาของข้า พวกเขาต้องการให้ข้าเข้าใจผิดคิดว่าป๊ะป๋าวายร้ายเป็นศัตรูของข้า ข้าจะปล่อยไว้ไม่ได้”
“แล้ว… ” เสือดาวน้อยรู้สึกเป็นกังวล
”ข้าต้องการรอป๊ะป๋าวายร้ายที่นี่พวกเขาต้องการใช้ข้าทำร้ายป๊ะป๋า ป๊ะป๋าวายร้ายของข้าจะต้องมาที่นี่อย่างแน่นอน !” ใบหน้าเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าก็เพียงใช้คนพวกนี้ติดตามหาป๊ะป๋าวายร้ายของข้า ”
เสือดาวน้อยกระพริบตาแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่สิ่งเดียวที่เขารู้ ก็คือการตัดสินใจของไป๋เสี่ยวเฉินจะไม่มีวันผิดพลาด
”เอาล่ะ…เช่นนั้นข้าก็จะอยู่ในเผ่าหมาป่าอสูรนี้เพื่อรอป๊ะป๋าของเจ้าพร้อมกับเจ้า”
”อย่ากังวลไปเลยเสือดาวน้อยพวกมันทำร้ายเจ้าไม่ได้หรอก” ไป๋เสี่ยวเฉินลูบหัวเสือดาวน้อย “นอกจากนี้เจ้าต้องแสร้งทำเป็นโรคความจำเสื่อมด้วย อย่าให้คนเหล่านั้นเห็นพิรุธ เพราะแผนการของข้าจะถูกเปิดเผย”
”ข้ารู้ดี”
เสือดาวน้อยพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมเอ่ยกล่าวอย่างเชื่อฟัง
ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวจบเขาก็ลอบออกจากห้องของเสือดาวน้อย
บางทีอาจเป็นเพราะซางหยูมั่นใจในยาพิษของตนมากเกินไปจึงไม่ได้ส่งคนมาคุ้มกันไป๋เสี่ยวเฉิน นี่ทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินมีโอกาสช่วยเสือดาวน้อยได้…