จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1081-1085
บทที่ 1081 : ฉู่อี้เฟิงกลับมา (1)
“ช่วยไม่ได้!”
เหอเฟยเสียงหัวเราะเยาะแม้เขาจะไม่ขยับตัว ทว่าสายลมแรงก็พัดลอยขึ้นจากร่างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นพลัง ชั่วขณะนั้นก็พุ่งเข้าใส่หน้าอกของฉู่หราน
ฉู่หรานลอยละลิ่วกระแทกเข้าสู่ฝูงชนโครมใหญ่
“ฉู่หราน!”
เมื่อพวกเขาเห็นเลือดไหลออกมาจากปากของฉู่หรานไม่หยุดการแสดงออกของไป๋ฉางเฟิ่งและคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขารีบก้าวเข้าไปพยุงฉู่หราน พร้อมกับป้อนยารักษาให้ฉู่หราน
เหอเฟยเสียงกวาดตามองฉู่หรานอย่างเย็นชาก่อนจะหันไปจับจ้องมองเสี่ยวมี่ “พยัคฆ์ขาวตัวนี้สังหารบุตรชายของข้า มันจะต้องตายเป็นคนแรก ส่วนเจ้าไว้ข้าจะกลับมาจัดการกับเจ้าในภายหลัง ”
”แค่ก!”
ฉู่หรานลุกขึ้นจากพื้นพลางเช็ดเลือดออกจากริมฝีปากของตน พร้อมกับกล่าวเยาะ “แม้ว่าเจ้าจะสังหารพวกเรา ทว่าไม่ช้าก็เร็วย่อมจะมีคนกลับมาล้างแค้นให้พวกเรา ข้าพร้อมจะตายตาหลับ ฮ่าฮ่าฮ่า !”
เสียงหัวเราะของเขาดังก้องสนั่นฟ้าทำให้หมู่วิหคบินว่อนกระจัดกระจาย ทั้งใบไม้ก็ปลิดปลิวร่วงหล่น
“ยิ่งไปกว่านั้นการตายของบุตรชายเจ้าก็ยังเกี่ยวพันกับข้าอย่างแยกไม่ออก !” ฉู่หรานเม้มริมฝีปากของเขาอย่างแดกดัน “หากเจ้ามีความสามารถพอ เจ้าก็สังหารข้าก่อนได้เลย ข้าไม่เคยหวั่นกลัวความตาย !”
ชั่วขณะนั้นดวงตาของเหอเฟยเสียงก็หรี่ลงนัยน์ตาของเขายิ่งแดงก่ำ ขณะจ้องมองใบหน้าอันหล่อเหลาของฉู่หราน
สีหน้าของฉู่หรานไม่ได้เปลี่ยนไปเลยยังคงเผยรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้า เขาเชิดคางขึ้น พลางมองเหอเฟยเสียงในชุดคลุมสีขาวอย่างเย้ยหยัน
”ในเมื่อเจ้าอยากล้างแค้นให้บุตรชายของเจ้าก็เข้ามาเลยหากเจ้ามีความสามารถพอ ก็สังหารข้าได้เลย !”
“ฉู่หราน!”
สีหน้าของไป๋ฉางเฟิ่งเปลี่ยนไปเขารีบดึงแขนของฉู่หราน กัดฟันเอ่ยกล่าวเบา ๆ “เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร ? ไหนว่าจะคอยถ่วงเวลาไง เหตุใดถึงจงใจยั่วยุชายผู้นี้ ? หรือเจ้าไม่คิดที่จะมีชีวิตแล้ว ?”
ฉู่หรานยิ้มอย่างขมขื่น”ครั้งที่แล้วเราต่างก็โชคดีมาก เราหลบอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพื่อรอกำลังเสริมจากแดนอสูร ทว่าครานี้เราอาจไม่โชคดีเช่นนั้นอีกแล้ว … ”
โชคของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หมดลงแล้วและครั้งนี้คงไม่มีผู้ใดช่วยเหลือพวกเขาได้ทัน
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ค่ายกลป้องกันก็ไม่สามารถใช้งานได้อีกแล้ว เว้นแต่จะพยายามต้านทานด้วยวิธีรุนแรงเช่นนี้แล้ว ยังจะทำอะไรได้อีกเล่า ?
ไป๋ฉางเฟิ่งปล่อยมือที่จับแขนของฉู่หรานเขายิ้ม รอยยิ้มบิดเบี้ยวพลันปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาประสบกับภยันตรายมากมายนับไม่ถ้วน หากแต่เขาไม่คาดคิดว่าจะต้องมาพ่ายแพ้อย่างหมดรูปในครั้งนี้ …
ฉู่หรานเงยหน้าขึ้นมองเหอเฟยเสียงที่ยืนอยู่ท่ามกลางอากาศว่างเปล่าพลางกล่าวด้วยสายตาเย้ยหยัน “หากเจ้าปรารถนาที่จะล้างแค้นให้เขา ก็ลงมือกับข้าได้เลย !”
เขาคือฉู่หรานผู้ไม่เคยรักตัวกลัวตายมีเพียงเรื่องเดียวที่เขาไม่อาจปล่อยวางได้ นั่นก็คือ ฉู่อีอี้และฉู่อี้เฟิง
ทว่าฉู่อี้เฟิงไม่ได้กลับบ้านนานหลายปีแล้วไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าเป็นครั้งสุดท้าย …
ฉู่หรานหลับตาลงภาพของฉู่อี้เฟิง และฉู่อีอี้พลันปรากฏขึ้นในใจของเขา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ลืมตาขึ้น พร้อมกับแววตาที่แน่วแน่
”เฮอะ!”
เหอเฟยเสียงทำเสียงฮึดฮัดสองสามครั้งด้วยความโกรธเขากัดฟัน เอ่ยกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าอยากตาย ข้าจะไม่สนองความปรารถนาของเจ้าได้อย่างไร ?”
ปัง!
ชั่วขณะนั้นร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นพายุพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เพียงพริบตาร่างของเขาก็ไปปรากฏเบื้องหน้าฉู่หราน
เขาปล่อยหมัดทันทีอากาศดูเหมือนจะหยุดชะงัก ส่วนฉู่หรานก็หลับตารอความตาย
อย่างไรก็ตาม…
ฉู่หรานไม่รู้ว่าเขารอนานเพียงใด ทว่าหมัดนั้นก็ไม่ได้อัดกระแทกเขา
นั่นทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
บทที่ 1082 : ฉู่อี้เฟิงกลับมา (2)
เสื้อคลุมสีขาวราวหิมะที่คลุมทับด้านหลังของชายผู้นั้นยาวระพื้นร่างผอมสูงหันหลังให้ฉู่หราน แต่ถึงกระนั้น ฉู่หรานก็สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเย็นยะเยือกจากชายผู้นั้น
“อี้… อี้เฟิงกระนั้นรึ ?”
อี้เฟิงเขา… กลับมาแล้วหรือ ?
ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากบางของตนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็ง แววตาที่เย็นชาของเขา มองร่างของเหอเฟยเสียงอย่างเย็นเยียบราวกับคมมีด
ตูม!
ด้วยแรงผลักเล็กน้อยจากฝ่ามือของชายหนุ่มร่างของเหอเฟยเสียงถึงกับผงะถอยหลังอย่างกะทันหัน ดวงตาของเหอเฟยเสียงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขามองใบหน้าที่งามหาผู้ใดเทียบได้นั้นด้วยความงุนงง
”เจ้าเป็นใคร?”
บนแผ่นดินนี้มีผู้ที่สามารถต้านรับการโจมตีของเขาได้เชียวหรือ?
ใบหน้าของเหอเฟยเสียงแลดูน่าเกลียดมากความโกรธปรากฏชัดบนใบหน้าของเขา ขณะเอ่ยถามออกมาอย่างเย็นชา
“ฉู่อี้เฟิง”
น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นราวสายลมหนาวถ้อยคำของเขาห้วนมากขึ้น ดูเหมือนว่าสำหรับคนเหล่านี้ การพูดมากขึ้นแม้เพียงคำก็ถือเป็นการสูญเปล่า
”ฉู่อี้เฟิงเขาคือฉู่อี้เฟิงจริงหรือ ?”
เหวินหวู่เหว่ยตกตะลึงหรือฉู่อี้เฟิงแยกจากแผ่นดินใหญ่ไปนาน เขาจึงไม่เคยเห็นหน้าฉู่อี้เฟิงเลย
ยามนี้เมื่อได้ยินฉู่หรานกล่าวว่าชายหนุ่มผู้นี้คือฉู่อี้เฟิง เขาจึงเพิ่งรู้ว่า แท้จริงชายที่อยู่เบื้องหน้าก็คือประมุขน้อยยอดอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เพียงความแข็งแกร่งในยามนี้ของเขา… ก็แข็งแกร่งเหลือเกิน เหตุใดจึงแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ ?
”ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเป็นใครใครก็ตามที่มาที่นี่ ในวันนี้จะต้องตายทุกคน !” แววตาของเหอเฟยเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ เขาจู่โจมเข้าใส่ฉู่อี้เฟิงอีกครั้ง
เขาอยู่ในรูปของขุมพลังพุ่งตรงเข้าหาฉู่อี้เฟิง พร้อมกันนั้นฝ่ามือของเขาก็ฟาดลงมาอย่างกะทันหัน อย่างไรก็ตามก่อนที่มือของเขาจะทันได้สัมผัสกับฉู่อี้เฟิง ข้อมือของเขาก็ถูกจับไว้แน่น
”ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร ใครก็ตามที่ละเมิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องตาย !”
ทุกครั้งที่เสียงของฉู่อี้เฟิงหลุดรอดออกมาเหอเฟยเสียงก็รู้สึกได้ถึงอาการอกสั่นขวัญหาย ราวกับว่าเลือดลมกำลังจะไหลย้อนกลับ
อากัปกิริยาอ่อนโยนเฉกเช่นปุยเมฆขาวของฉู่อี้เฟิงพลันกลับคืนมาดังเดิมทว่านัยน์ตาสีดำขลับของเขายังคงส่องประกายแสงเย็นราวกับคมดาบ ทั้งความแข็งแกร่งในมือของเขาก็เพิ่มขึ้นทันที
เสียงดังแคร้ก เหอเฟยเสียงได้ยินเสียงกระดูกลั่นอย่างชัดเจน …
เสี่ยวมี่เหลือบมองฉู่อี้เฟิงพลางกระพริบตาสองสามครั้ง “ประมุขน้อย คนพวกนี้มาที่นี่เพื่อแย่งปาฏิหาริย์จากนายหญิงของข้า พวกเขาต้องการทำร้ายนายหญิงของข้า”
ตูม!
พลังของฉู่อี้เฟิงพุ่งออกมาจากด้านข้างลำตัวสายลมที่รุนแรงพัดวนรอบกายเขา ลมหายใจของเขาเย็นยะเยือกลงอีกเล็กน้อย
”เจ้ามาที่นี่ก็เพื่อจะทำร้ายหยานเอ๋อกระนั้นรึ?”
แววตาของเหอเฟยเสียงแสดงชัดถึงความหวาดกลัวยามนี้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของชายผู้นี้อย่างน้อยก็อยู่ในระดับเทพชั้นกลาง หรืออาจถึงเทพชั้นสูง …
”บอกมาสิว่าพวกเจ้ามาที่นี่เพราะหยานเอ๋อหรือไม่ ?” แววตาของฉู่อี้เฟิงเย็นชา น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึม อีกทั้งดุดัน
เหอเฟยเสียงกัดฟันแน่น”ใช่ข้ามาที่นี่เพื่อปาฏิหาริย์ เพราะปาฏิหาริย์นั่น ไม่ควรเป็นของคนบนแผ่นดินนี้”
เสี่ยวมี่ส่ายหัว”ประมุขน้อยท่านก็ได้ยินแล้วใช่หรือไม่ว่า เขามาที่นี่เพื่อปาฏิหาริย์ ทั้งตอนนี้ปาฏิหาริย์ก็เป็นของนายหญิงข้า เช่นนั้นการกระทำของเขาก็ไม่ต่างจากการฉกฉวยสิ่งของที่เป็นของนายหญิง
ครั้นมีผู้ช่วยชีวิตมาถึงเสี่ยวมี่ก็ไม่ได้หวาดกลัวเฉกเช่นก่อนหน้าอีกต่อไป เขาบิดร่างกายที่ใหญ่โตของตน ทั้งไม่ลืมที่จะหันไปมองเหอเฟยเสียงด้วยสายตาดูถูก
“หาเรื่องตาย!”
ฉู่อี้เฟิงซัดพลังเข้าใส่เหอเฟยเสียงส่งผลให้เหอเฟยเสียงลอยละลิ่วขึ้นไปในอากาศ
ยอดฝีมือระดับเทพของแดนวิญญาณที่เหลือต้องการเข้าไปช่วยเหอเฟยเสียงทว่าเสี่ยวมี่ก็บิดร่างของตน พลันร่างใหญ่โตของเขาก็ยืนขวางหน้าทุกคน
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองชิงอี้และคนอื่น ๆ ก็เริ่มลงมือ …
เมื่อปราศจากความช่วยเหลือจากเหอเฟยเสียงยอดฝีมือระดับเทพเหล่านี้ก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าคนที่มาก่อนหน้านี้มากนัก
บทที่ 1083 : ฉู่อี้เฟิงกลับมา (3)
เช่นนั้น…แม้พวกเขาต้องการที่จะช่วยเหลือเหอเฟยเสียงก็ไม่มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะทำได้
ฉู่อี้เฟิงยืนอยู่ตรงหน้าเหอเฟยเสียงด้วยสีหน้าเฉยเมยสายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา ขณะก้มลงมองชายที่ล้มกองอยู่กับพื้น เจตนาสังหารแผ่ออกมาจากร่างของเขา พร้อมกันนั้นกระบี่ยาวในมือของเขาก็ฉายแสงเย็นยะเยือก
“ผู้ใดกล้าแตะต้องนางข้าจะไม่มีวันปล่อยไว้ … ข้าจะให้คนผู้นั้นได้สัมผัสคำว่าตายเสียดีกว่าอยู่ !”
พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ กระบี่ยาวในมือฉู่อี้เฟิงก็แทงทะลุตาขวาของเหอเฟยเสียง เขาส่งเสียงกรีดร้องดังกึกก้องก้องทั่วฟ้า
ฉู่หรานมองฉู่อี้เฟิงที่กำลังโกรธจัดมุมปากของเขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกสองสามครั้ง
ไอ้เด็กตัวเหม็นนี่มันเห็นผู้หญิงสำคัญกว่าพ่อเสียอีก
นี่ขนาดเขากำลังถูกทำร้ายถึงตายไม่เห็นว่าเด็กตัวเหม็นนี่จะโกรธมากมายขนาดนี้เลย ยามนี้แค่เสี่ยวมี่พูดยุคำสองคำ เด็กนี่ถึงกับทรมานเหอเฟยเสียงด้วยวิธีเช่นนั้นได้
ดูเหมือนว่าหยานเอ๋อจะเป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่อยู่ในใจของเขา นางอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงได้
ในเวลาเดียวกันนั้นไม่ไกลจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ไป๋หยานจับมือไป๋เสี่ยวเฉิน เร่งรีบเดินทางไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ช่วงเวลานี้เองที่นางได้ยินเสียงกรีดร้องอันแหลมชัดของเหอเฟยเสียง
เสียงร้องดังกล่าวทำให้ไป๋หยานตกตะลึงไปชั่วขณะ”ตี้คัง…คนจากอาณาจักรวิญญาณดูเหมือนจะมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว เรารีบไปกันเถอะ”
”อืม…”
ตี้ตังยกมือขึ้นรั้งไป๋หยานเข้ามาไว้ในอ้อมแขนทันทีร่างของเขาเปลี่ยนเป็นลำแสงสีแดง เพียงพริบตาเขาก็ปรากฏตัวขึ้นนอกประตูดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ชั่วขณะนี้…ภาพฉากภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์พลันปรากฏชัดในคลองสายตาของพวกเขาภาพที่เห็นส่งผลให้ไป๋หยานถึงกับตกใจ
”พ่อบุญธรรม!”
ไป๋เสี่ยวเฉินผละจากอ้อมแขนของไป๋หยานร่างเล็ก ๆ ของเขาพุ่งเข้าหาชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่เบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว
ชั่วขณะที่กระบี่ของฉู่อี้เฟิงกำลังจะฟาดฟันลงอีกครั้งน้ำเสียงอันอ่อนโยนของไป๋เสี่ยวเฉินก็ทำให้มือของเขาหยุดชะงักกลางอากาศ นัยน์ตาที่เฉยเมยของเขาพลันเบิกโพลง
ทันใดนั้นเองเด็กตัวน้อยก็กระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของเขา
”พ่อบุญธรรม…เฉินเอ๋อคิดถึงท่านมากเลย”
ไป๋เสี่ยวเฉินกอดต้นขาของฉู่อี้เฟิงพลางยกศีรษะขึ้น ส่งสายตามองเขาอย่างโหยหา
แววตาของฉู่อี้เฟิงอ่อนลงทันทีไม่เหลือความเย็นชาและเฉยเมยอีกต่อไปเขาลูบศีรษะเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน ก่อนจะหันไปมองสตรีผู้ซึ่งค่อย ๆ ย่างก้าวผ่านประตูเข้ามาอย่างแช่มช้า
ยามนี้นัยน์ตาของเขายังคงนิ่งงันมึนงงราวกับว่าเขากำลังนึกถึงภาพฉากการพบกันครั้งแรก
เขายังจำวันนั้นได้ดีวันที่ผู้อาวุโสเจิ้งฉีพานางกลับมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ร่างของนางอาบไปด้วยเลือด ใบหน้าของนางก็เปื้อนเลือดไปหมด ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน
ทว่าเด็กน้อยในอ้อมแขนของนางกลับได้รับการปกป้องจากนางอย่างดีเด็กน้อยไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เลย
ในครานั้นความแข็งแกร่งและความกล้าหาญของนาง ทำให้ภาพของนางหยั่งรากลึก และงอกงามขึ้นในหัวใจของเขา บางทีเขาอาจจะลืมภาพนางไม่ได้ชั่วชีวิต …
”หยานเอ๋อ…ไม่เจอกันนานเลยนะ… ”
ไม่ได้เจอกันนานทว่าเจ้ายังคงงดงามเฉกเช่นเดิม
เช่นเดิม… ที่เคยดึงดูดเขาเสมอ
แววตาของฉู่อี้เฟิงพลันหม่นเศร้าลงสตรีผู้นี้ บางทีเขาอาจจะหมดสิ้นความหวัง ทั้งไม่สามารถกอดนางไว้ในอ้อมแขนได้เช่นชายที่อยู่ข้างกายนางผู้นั้น
“ไม่เจอกันนานเลยนะ…อี้เฟิง… ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของไป๋หยานนางจำได้ว่า นางไม่ได้พบฉู่อี้เฟิงอีกเลย นับแต่จากกันที่อาณาจักรหลิวฮั่ว
ชายผู้นี้…แม้ว่านางไม่อาจจะรักได้ทว่าในความคิดของนาง เขายังเปรียบเสมือนญาติคนสำคัญของนางเสมอ
ชั่วชีวิตนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนไป!
“เขาปฏิบัติต่อเจ้า… ดีหรือไม่ ?” ฉู่อี้เฟิงนิ่งคิดสักพัก ก่อนจะเอ่ยถามด้วยประโยคที่ไม่ได้คาดหวังคำตอบ
ใบหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นสีเข้มทันทีและอีกครั้งที่ เขายกแขนขึ้นโอบกอดไป๋หยาน พลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างหยิ่งผยอง “ราชินีของข้า ข้าย่อมดูแลเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
บทที่ 1084 : ฉู่อี้เฟิงกลับมา (4)
ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดของตี้คังสายตาของฉู่อี้เฟิงยังคงจับจ้องอยู่เพียงร่างไป๋หยาน
คล้ายกลับว่า…โลกทั้งใบเขามองเห็นแค่เพียงนางเท่านั้น…
ไป๋หยานจับมือปรามตี้คังพลางหันมายิ้มให้ฉู่อี้เฟิง “อี้เฟิง…ไม่ต้องห่วง เขาดีกับข้ามากและ … ข้ากำลังตั้งครรภ์ลูกอีกคนของเขา…”
ฉู่อี้เฟิงกุมมือทั้งสองข้างของตนไว้แน่นหัวใจของเขาราวกับจะถูกฉีกกระชากอย่างรุนแรง กระทั่งเขาแทบทรงตัวไม่ไหว
หากแต่เพื่อไม่ให้ไป๋หยานต้องเป็นกังวลใบหน้าหล่อเหลาของเขายังคงอ่อนโยน มุมปากของเขายกขึ้นน้อย ๆ “เช่นนั้น ข้าก็สบายใจ … หยานเอ๋อ ชีวิตนี้ข้าไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว ขอเพียงได้เห็นเจ้ามีชีวิตที่ดีก็พอแล้ว ”
ฉู่หรานมองไป๋หยานก่อนจะหันกลับไปมองบุตรชายของเขา พลางถอนหายใจเบา ๆ
สาวๆ มากมายต่างมีใจให้ลูกของเขา หากแต่ฉู่อี้เฟิงกลับไม่สนใจ ก่อนหน้านี้ตัวเขาเองก็ต้องการจับคู่คนทั้งสอง ทว่า…ไป๋หยานก็ไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับอี้เฟิง
ช่างน่าเสียดายจริงๆ…
“หยานเอ๋อ…เจ้าว่ากระไรนะเจ้าท้องอีกแล้วหรือ ?”
ไป๋ฉางเฟิ่งดูเหมือนจะลืมสถานการณ์ปัจจุบันไปแล้วเคราของเขาสั่นไหวด้วยความตื่นเต้น “นี่….เจ้าไม่ได้กำลังหลอกพวกเราอยู่ใช่หรือไม่ ?”
ไป๋หยานยิ้มทว่าก่อนที่นางจะทันได้กล่าวคำใด ไป๋เสี่ยวเฉินก็ผละออกจากอ้อมกอดของฉู่อี้เฟิง เขาเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
”หม่ามี้ของเฉินเอ๋อกำลังมีน้องสาวแล้ว นั่นต้องเป็นน้องสาวของเฉินเอ๋อ และนับตั้งแต่นี้ไปเฉินเอ๋อก็จะปกป้องนาง จะไม่ยอมให้คนเลวมารังแกนาง ! โดยเฉพาะคนเลวที่รังแกหม่ามี้อย่างป๊ะป๋า !”
ไป๋หยานรู้สึกหนักใจนางรู้สึกว่าเส้นทางอนาคตของบุตรเขยนาง … คงจะเดินยากมากเลยทีเดียว
พ่อตาจอมกดขี่กับพี่เขยขี้หวง
ผู้ใดกันจะฝ่าหนทางยากลำบากนี้เพื่อบุตรสาวของนาง…
“ประมุขฉู่ท่านตา ท่านย่า ท่านอาจารย์ พวกท่านได้รับบาดเจ็บกันบ้างหรือไม่ ?” ไป๋หยานเอ่ยถามพร้อมกับหันไปมองทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้น
ไป๋ฉางเฟิ่งส่ายศีรษะ”ต้องขอบคุณ ประมุขน้อยฉู่ที่กลับมาทันเวลา พวกเราจึงไม่ทันได้รับอันตรายใด ๆ หาไม่ข้าเกรงว่า … ”
ไป๋ฉางเฟิ่งไม่ได้กล่าวคำต่อไปหากแต่ไป๋หยานก็เข้าใจความหมายได้ดี
ครั้งนี้หากมิใช่เพราะฉู่อี้เฟิงกลับมาได้ทันเวลาเกรงว่าพวกเขาทั้งหมดคงจะต้องตกอยู่ในอันตราย
ไป๋หยานหันไปมองเหอเฟยเสียงคิ้วของนางเลิกขึ้นน้อย ๆ นางเอ่ยถามเขาพร้อมรอยยิ้ม ทว่าเป็นรอยยิ้มที่โหดเหี้ยม “เจ้าคือบิดาของหลิวชิงหยู เจ้าแดนวิญญาณแห่งอาณาจักรวิญญาณใช่หรือไม่ ?”
ร่างของเหอเฟยเสียงสั่นสะท้านนับแต่ตี้คังปรากฏกายขึ้นเขาก็จดจำได้ทันที ยามนี้เมื่อไป๋หยานเอ่ยปากถาม เขาก็ปิดปากนิ่งไม่กล่าวคำใด
”ตี้คังท่านช่วยข้าทำลายความแข็งแกร่งของพวกเขาที จากนั้นก็ส่งคนพวกนี้กลับไปยังอาณาจักรวิญญาณ” ไป๋หยานยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย เอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
ไป๋ฉางเฟิ่งและคนที่เหลือต่างตกใจพวกเขาไม่เข้าใจว่า เหตุใดไป๋หยานจึงทำเช่นนี้ ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้เอ่ยถาม
ในทางตรงกันข้ามใบหน้าของเหอเฟยเสียงที่แต่เดิมเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ทว่าหลังจากไป๋หยานกล่าวจบ เขาก็เงยหน้าขึ้นทันทีประกายแสงแห่งความสุขปรากฏในดวงตาของเขา
สตรีผู้นี้ไม่ได้คิดจะฆ่าเขางั้นหรือ?
ไป๋หยานไม่ได้กล่าวคำใดนางเพียงหัวเราะเยาะ จากนั้นนางก็บิดเอวพลางกล่าวว่า “ข้ารู้สึกเหนื่อยอยากพักผ่อน เฉินเอ๋อ…เราไปกันเถอะ”
”อืม”
ไป๋เสี่ยวเฉินวิ่งไปหาไป๋หยานจากนั้นก็จับมือของนางอย่างชาญฉลาด ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาและสดใส นัยน์ตาของเขาก็สว่างไสวราวกับดวงดาว
”สำหรับยอดฝีมือระดับเทพคนอื่นๆ ขอมอบให้ท่านตาจัดการ จากนั้นค่อยมาดูกันว่าเรารวบรวมกองกำลังได้เท่าไหร่แล้ว ?”
ไป๋หยานหาวหลังจากกล่าวจบ นางก็จูงมือไป๋เสี่ยวเฉิน พาเดินออกนอกประตู
บทที่ 1085 : ฉู่อี้เฟิงกลับมา (5)
นับแต่ตั้งครรภ์นางก็รู้สึกง่วงหงาวหาวนอนมากขึ้นกว่าเดิม ดูเหมือน ไม่ว่านางจะนอนมากเท่าไรก็ตาม นางก็ยังรู้สึกนอนไม่เต็มอิ่มอยู่ร่ำไป …
“เจ้าเด็กในท้องของข้าเป็นจอมขี้เกียจรึเปล่านี่?” ไป๋หยานสัมผัสหน้าท้องแบนราบของตน พลางเม้มริมฝีปาก
หาไม่นางจะหลับอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร?
”หม่ามี้…ไม่เป็นไรหรอกหากน้องสาวของเฉินเอ๋อจะขี้เกียจไปสักหน่อยเฉินเอ๋อจะคอยเป็นขาให้นางก็ได้ จากนี้ไปหากนางไม่อยากจะเดิน เฉินเอ๋อก็จะอุ้มนาง หากนางอยากจะนอน เฉินเอ๋อก็จะกล่อมนาง หากนางไม่อยากจะกินเอง เฉินเอ๋อก็จะป้อนนาง อย่าทิ้งน้องสาวของเฉินเอ๋อเพียงเพราะนางขี้เกียจเลยนะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินกลัวว่าไป๋หยานจะไม่ชอบน้องสาวที่ยังไม่เกิดของตนหัวใจของเขาปวดร้าว เขาพยายามอ้อนวอนอย่างตื่นตระหนก
“แล้วถ้าเกิดเป็นน้องชายล่ะจะทำยังไง?” ไป๋หยานมองเด็กน้อยพร้อมรอยยิ้ม
ไป๋เสี่ยวเฉินเงียบไปชั่วขณะก่อนจะกล่าวอย่างเคร่งขรึมราวกับผู้ใหญ่ตัวเล็ก ๆ “ถ้าเป็นอย่างนั้น หากเขากล้าขี้เกียจเฉินเอ๋อก็จะหักขาเขาซะ ! หรือถ้าหม่ามี้ทิ้งเขา และมีน้องสาวใหม่อีกคนได้ก็ดีสิ”
เส้นสีดำสามเส้นปรากฏบนหน้าผากของไป๋หยานบุตรชายตัวน้อยของนางคนนี้ปฏิบัติสองมาตราฐานเกินไปหรือไม่นี่
นางบีบจมูกเล็กๆ ของ ไป๋เสี่ยวเฉิน “เจ้าไม่ต้องการมีน้องชายมาช่วยดูแลแดนอสูรแทนเจ้าหรอกหรือ ?”
“เขาอาจขี้เกียจจนไม่ต้องการเป็นองค์ชายแห่งแดนอสูรแต่ยังไงเสียเฉินเอ๋อก็ต้องร่วมเดินทางท่องโลกไปกับน้องสาว ไม่มีเวลาจัดการแดนอสูรแน่ … ถ้าเป็นน้องชายหม่ามี้ก็ต้องสอนให้เขาเป็นเด็กขยันในอนาคต”
สำหรับไป๋เสี่ยวเฉินแล้วน้องสาวเปรียบเสมือนสัตว์เลี้ยงของเขา ส่วนน้องชาย … เป็นได้แค่องค์ชายที่ดูแลแดนอสูรแทนเขา
”หากลูกของข้าเป็นผู้ชายจริงๆ เขาคงจะร้องไห้เมื่อได้ยินสิ่งที่เจ้าพูด” ไป๋หยานถอนหายใจขณะกล่าว
ไป๋เสี่ยวเฉินเอียงศีรษะพลางครุ่นคิดสักครู่ “ถ้าอย่างนั้นเฉินเอ๋อจะไม่ตีเขา ถ้าหม่ามี้ทิ้งเขา เฉินเอ๋อก็จะอุ้มเขาเอง แต่ต้องตกลงกันก่อนว่า… เฉินเอ๋อ จะใส่ชุดแดงทาปากแดงให้เขา และฝึกฝนเขาด้วยตัวเอง เฉินเอ๋อจะให้เขาแต่งชุดแบบน้องสาว เลี้ยงเขาให้เหมือนน้องสาวเฉินเอ๋อ”
ปากของไป๋หยานกระตุกอีกสองสามครั้งนางเริ่มรู้สึกว่าการเป็นลูกชายคนเล็กของนางอาจแย่ยิ่งกว่าการเป็นลูกเขยเสียอีก …
”แต่… ” ไป๋เสี่ยวเฉินเม้มปากเล็ก ๆ ของเขา “ในท้องหม่ามี้ต้องเป็นน้องสาว ! น้องสาวบอกว่านางจะมาหาเฉินเอ๋อดังนั้นนางจะไม่โกหกแน่”
ครั้นเห็นใบหน้าที่ดื้อรั้นของไป๋เสี่ยวเฉินไป๋หยานก็อดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มเขา “เอาล่ะ ในเมื่อเจ้ายืนยันว่าน้องสาว เช่นนั้นก็น้องสาว”
ใบหน้าเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มไร้เดียงสา เขาดึงแขนของไป๋หยาน เอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หม่ามี้ หากวันหน้ามีน้องชาย เฉินเอ๋อจะสอนเขา และให้เขาช่วยปกป้องน้องสาวกับเฉินเอ๋อ”
”เอาล่ะเมื่อเป็นเช่นนั้นความปลอดภัยของน้อง ๆ ก็ฝากไว้กับเจ้าแล้วกัน”
ไป๋หยานยกยิ้มพลางบีบจมูกเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินเอ่ยกล่าวว่า “เฉินเอ๋อไปเรียกเสี่ยวหลงเอ๋อกับโม่หลี่ชางและพวกของเขามาทีสิ”
“ได้เลยหม่ามี้”
ไป๋เสี่ยวเฉินจูบแก้มไป๋หยานก่อนจะซอยขาสั้น ๆ ของเขาวิ่งไปอีกด้าน
เมื่อมองไปยังทิศทางที่ไป๋เสี่ยวเฉินกำลังจะจากไปไป๋หยานก็ลูบท้องของนาง พลางยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
หากเด็กคนนี้ไม่ใช่น้องสาวเฉินเอ๋อจะผิดหวังเพียงใดนะ ?
ขณะที่ไป๋หยานกำลังครุ่นคิดไป๋เสี่ยวเฉินก็วิ่งกลับมาอีกครั้งโดยมีกลุ่มคนตามหลังเขามา
ครั้นเสี่ยวหลงเอ๋อแลเห็นไป๋หยานนางก็รีบวิ่งเร็วตื๋อมาทางไป๋หยาน นางกำลังจะโผเข้าหาอ้อมแขนของไป๋หยาน ทว่ากลับถูกไป๋เสี่ยวเฉินขัดขวางเสียก่อน
”หลงเอ๋ออย่าวิ่งชนหม่ามี้นะ หม่ามี้กำลังอุ้มท้องน้องสาวข้า หากน้องสาวข้าเป็นอันตรายจะทำอย่างไร”
ไป๋เสี่ยวเฉินงุ้มปากพลางกล่าวเตือน
เสี่ยวหลงเอ๋อมองไป๋หยานด้วยความดีใจ”จริงหรือ ท่านแม่ ท่านกำลังท้องน้องสาวงั้นหรือ ?”