จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1086 -1090
บทที่ 1086 : ฉู่อี้เฟิงกลับมา (6)
“นั่นคือน้องสาวของข้าไม่ใช่น้องสาวของเจ้าและนี่ก็แม่ของข้า !”
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่รู้ข่าวว่าไป๋หยานรับหลงเอ๋อเป็นบุตรสาวบุญธรรมครั้นเขาได้ยินเสี่ยวหลงเอ๋อพูดออกมาเช่นนั้น เขาก็ระเบิดคำพูดที่เต็มไปด้วยความโกรธออกมาทันที
”เฉินเอ๋อ”ไป๋หยานเหลือบมองไป๋เสี่ยวเฉิน “ไม่นานมานี้ แม่รับเสี่ยวหลงเอ๋อเป็นบุตรสาวบุญธรรม แต่แม่ยังไม่มีเวลาได้บอกเจ้า”
ใบหน้าเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความโกรธของไป๋เสี่ยวเฉินเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็รู้สึกว่า เขาทำผิดต่อเสี่ยวหลงเอ๋อ จึงหันหน้าไปขอโทษ “น้องหลงเอ๋อ ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ว่าหม่ามี้ของข้ารับเจ้าเป็นบุตรสาวบุญธรรม เมื่อครู่ข้าหุนหันพลันแล่นเกินไป ต้องขอโทษด้วย”
”ไม่เป็นไรข้าไม่โทษเจ้า”
เสี่ยวหลงส่ายศีรษะเอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
”หลงเอ๋อ…ชางชางข้ายังมียาเทพเจ้าเหลืออยู่ พวกเจ้าเอาไปใช้เถอะ” ไป๋หยานขมวดคิ้วเล็กน้อย “อีกอย่าง หลงเอ๋อ เจ้าเอาไปให้พวกที่อยู่ระดับนักบุญจากเมืองชายแดนด้วย จำไว้เพียงว่าระดับนักบุญเท่านั้นที่สามารถกินยานี่ได้”
ยาเม็ดเทพเจ้า?
หวู่เสียงและคนอื่นๆ ที่ติดตาม เสี่ยวหลงเอ๋อมาต่างตกตะลึงไปชั่วขณะ พวกเขาหันไปมองไป๋หยานด้วยความประหลาดใจ เสียงของพวกเขาสั่น
”ท่านป้าหญิงหลังจากที่ข้ามาที่นี่ ข้าพบว่ามีหลายคนบนแผ่นดินใหญ่ได้ทะลุทะลวงไปถึงระดับเทพแล้ว…หรือเป็นเพราะยาเทพเจ้านี่ ?” หวู่เสียงกังวลพลางมองไป๋หยานตาไม่กระพริบ
ภายใต้สายตาสงสัยของทุกคนไป๋หยานก็พยักหน้าเล็กน้อย
บูม!
ราวสายฟ้าฟาดทุกคนต่างตัวแข็งทื่อ…
เมื่อไม่นานมานี้หญิงผู้นี้ถูกยอดฝีมือในเมืองชายแดนของพวกเขาไล่ล่า กระทั่งต้องไปซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาอสูร หากแต่ตอนนี้ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนนางก็สามารถสร้างเทพเจ้าได้เองเลยงั้นหรือ ?
”ท่านป้าหญิงท่านหมายถึงว่าตอนนี้พวกเรา … ก็มีส่วนแบ่งด้วยหรือ ?”
เหอหลิงกลืนน้ำลายพลางมองยาเทพเจ้าที่ไป๋หยานหยิบออกมาด้วยแววตาละโมบพร้อมเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
”ยาเทพเจ้ามีจำนวนจำกัดเป็นไปไม่ได้ที่จะให้พวกเจ้าทุกคน เช่นนั้นหากเจ้าต้องการยาเทพเจ้านี้ ก็ต้องดูประสิทธิภาพของพวกเจ้าเอง … ”
ไป๋หยานยกยิ้มอย่างเฉยเมยขณะเอ่ยกล่าว
ด้วยยาเทพเจ้าเหล่านี้นางต้องทำให้ญาติ ๆ ของนางแข็งแกร่งเพียงพอเสียก่อน จากนั้นก็สัตว์อสูรของแดนอสูร สุดท้ายนางจึงจะพิจารณาคนอื่น
หากมิใช่เพราะคนในเมืองชายแดนเหล่านี้เป็นทาสของเสี่ยวหลงเอ๋อทั้งชั่วชีวิตนี้พวกเขาคงจะไม่สามารถทรยศต่อหลงเอ๋อได้ นางก็คงจะไม่คำนึงถึงพวกเขาเป็นแน่
อย่างไรก็ตามยาเทพเจ้านั้นมีจำนวนจำกัด จึงไม่สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับทุกคนได้ เช่นนั้นจะมอบยาเทพเจ้าให้กับผู้ใดก็ต้องพิจารณาจากประสิทธิภาพ !
แววตาของเหอหลิงเปล่งประกายตื่นเต้นอารมณ์เขาพลันพลุ่งพล่าน
เขารู้ดีว่านี่เป็นโอกาสเดียวของเขาโอกาสเดียวที่จะทะลุไปถึงระดับเทพ !
คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ไม่นานทุกคนต่างก็หันมองหน้ากัน ราวกับคิดว่าจะทำอย่างไรให้ไป๋หยานและเสี่ยวหลงเอ๋อพึงใจ
”หยานหยาน”โม่หลี่ชางมองยาเทพเจ้าในมือของไป๋หยาน พลางส่ายศีรษะ “ข้าไม่ต้องการสิ่งนี้”
ไป๋หยานสะดุ้งพลางเอ่ยถามว่า”ทำไมล่ะ ?”
”ยานี่ไม่มีประโยชน์สำหรับข้าหยานหยาน…เจ้าต้องเชื่อในตัวข้า ต่อให้ไม่มียาเม็ดนี้ ไม่ช้าข้าก็สามารถเข้าถึงระดับเทพได้ และข้าจะสามารถปกป้องหยานหยานได้อย่างแน่นอน”
แววตาของโม่หลี่ชางจริงใจมากจริงใจกระทั่งไม่มีผู้ใดกล้าสงสัยในคำพูดของเขาได้เลย
ครั้นเห็นว่าเขายืนยันหนักแน่นเช่นนี้ไป๋หยานก็ไม่กล่าวคำใดอีก นางยิ้มน้อย ๆ “ดี…เช่นนั้นข้าก็จะเก็บยาเม็ดนี้ไว้ก่อน หากเจ้าต้องการเมื่อไหร่ ข้าจะให้เจ้า”
”อืม”
โม่หลี่ชางยิ้ม
รอยยิ้มของเขาสดใสมากเผยให้เห็นเขี้ยวเล็ก ๆ น่ารักสองซี่ซึ่งส่องประกายสดใสภายใต้แสงตะวันยามเช้า
“ราชินี ราชินี กลับมาแล้วหรือ ?”
จู่ๆ เสียงอ่อนเยาว์ก็ดังมาจากด้านข้าง
บทที่ 1087 : ฉู่อี้เฟิงกลับมา (7)
ครั้นไป๋หยานหันไปมองก็เห็นเจ้าเด็กสมบูรณ์สวมเอี๊ยมวิ่งมาพร้อมรอยยิ้มเรียบง่ายและสัตย์ซื่อ
ทารกอ้วนตัวน้อยเดินไปยืนข้างกายไป๋หยานพลางกอดต้นขาของนางจากนั้นก็หันดวงตาที่แวววาวไปที่เสี่ยวหลงเอ๋อ
“หลงหลง”
ขาสั้นๆ ของเขากระโดดขึ้น-ลง แลดูน่ารักมาก แต่ครั้นเขาเดินไปข้างหน้า เสี่ยวหลงเอ๋อ ท่าทีของนางก็ทำให้เขารู้สึกเสียใจเล็ก ๆ
”เหตุใดเจ้าต้องหลบเลี่ยงข้าเสมอเลยล่ะ?”
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสี่ยวหลงเอ๋อถึงมักหลบเลี่ยงเขา ในเมื่อเขาไม่ได้กระทำสิ่งใดผิด
เสี่ยวหลงเอ๋อก้าวถอยหลังไปสองก้าว”เป็นเพราะข้าเกลียดหมูไง”
“แต่ข้าชอบเจ้ามากนะ”
เสี่ยวโม่ไม่ได้ตกใจกับถ้อยคำเหล่านี้เขายังคงก้าวเข้าไปหาเสี่ยวหลงเอ๋อเรื่อย ๆ
ครั้นเห็นเด็กน้อยคนนี้ไล่ตามเสี่ยวหลงเอ๋อหัวใจของไป๋เสี่ยวเฉินก็เต็มไปด้วยความโกรธอย่างบอกไม่ถูก เขาดึงเอี๊ยมผ้ากันเปื้อนของเสี่ยวโม่ออกพลันสิ่งที่อยู่ภายในร่างกายเล็ก ๆ ของเสี่ยวโม่ก็เผยออกมาให้เห็นอย่างเต็มที่
“เจ้าห้ามรบกวนน้องสาวของข้าอีก”
ทารกน้อยอยากจะเถียงหากแต่ดูเหมือนว่าเขาจะสังเกตเห็นกลิ่นอายที่กดดันของไป๋เสี่ยวเฉิน เขาจึงหดคอลงอย่างน่าสงสาร
“ข้าอยากอยู่กับหลงหลง”
นับแต่แรกที่เขาเห็นเสี่ยวหลงเอ๋อเขาก็รักนาง รักอย่างไม่อาจอธิบายได้ ทั้งเขามักรู้สึกเสมอว่างานของเขาคือการปกป้องนาง
หากแต่เสี่ยวหลงเอ๋อมักจะหลบเลี่ยงเขาเสมอเขาจะทำเช่นไรดี ?
ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวด้วยใบหน้าบึ้งตึง”หลงเอ๋อไม่ชอบเจ้า อย่าได้ตอแยนางอีกต่อไป หาไม่ … หาไม่ข้าจะตีเจ้าจนก้นบานเลย”
เด็กน้อยหัวหดเอ่ยกล่าวอย่างเจ็บปวด “อย่าตีก้นข้า เดี๋ยวก้นข้าบวม”
”หากเจ้าไม่รบกวนน้องหลงเอ๋อข้าก็จะไม่ตีเจ้า”
”ข้า…”ทารกน้อยเหลือบมองเสี่ยวหลงเอ๋อ แววตาของเด็กน้อยเป็นประกาย “หากหลงหลงไม่ว่าอะไร ข้าขออยู่ข้าง ๆ นาง เพื่อปกป้องนางได้หรือไม่ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินยิ่งโกรธ”ไม่ได้ !”
”ทำไมล่ะ?”
“ข้าบอกว่าไม่ก็คือ…ไม่!”
ไป๋หยานมองไป๋เสี่ยวเฉินที่กำลังกดขี่ข่มเหงอีกทั้งข่มขู่ จากนั้นก็หันไปจ้องมองเสี่ยวหลงเอ๋อที่แอบอยู่ด้านหลังไป๋เสี่ยวเฉินพร้อมรอยยิ้ม
อืม… ยิ่งนางได้เห็นหลงเอ๋อ นางก็ยิ่งชอบ หากหลงเอ๋อสามารถเป็นลูกสะใภ้ของนางได้ก็คงจะดีมาก
“เฉินเอ๋ออย่าทำให้เสี่ยวโม่ตกใจพาแม่กลับไปพักผ่อนเถอะ”
ถ้อยคำของไป๋หยานทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินละความสนใจจากเสี่ยวโม่ทันที เขารีบวิ่งไปหาไป๋หยานทันที
”หม่ามี้เหนื่อยหรือ? งั้นเฉินเอ๋อจะพาท่านกลับไปพักผ่อน เดินช้า ๆ นะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินกังวลว่าไป๋หยานจะล้ม เขาจึงจับมือไป๋หยาน พาเดินไปยังเกาะศักดิ์สิทธิ์อย่างระมัดระวัง
หากแต่เมื่อเขาเดินไปได้เพียงครึ่งทางเขาก็หันศีรษะกลับมาตะโกนบอกเสี่ยวหลงเอ๋อ “น้องหลงเอ๋อเจ้ามัวยืนทำอะไรอยู่ที่นั่น มาช่วยข้าพยุงหม่ามี้สิ”
แววตาของเสี่ยวหลงเอ๋อสว่างไสวขึ้นทันทีนางรีบวิ่งไปยืนอีกด้านของไป๋หยาน พลางจับแขนอีกข้างของนางพาเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
ไป๋หยานอดยิ้มไม่ได้”ข้าไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้นสักหน่อย ทว่า…เจ้าสองคนแลดูเหมือนคู่รักน้อย ๆ เลย”
“คู่รักน้อยๆ คืออะไร ?” เสี่ยวหลงเอ๋อเอ่ยถามอย่างงง ๆ
”โง่จริง!” ไป๋เสี่ยวเฉินเขกหัวเสี่ยวหลงเอ๋อ “น้องหลงเอ๋อ เจ้านี่โง่มาก ๆ คู่รักก็เหมือนกับป๊ะป๋าวายร้ายกับหม่ามี้ของข้าไง”
“อ้อ”เสี่ยวหลงเอ๋อพยักหน้า “แต่ข้ากับองค์ชายเป็นพี่น้องกัน จะเป็นสามีภรรยากันได้ยังไง ?”
”…”
บนหน้าผากของไป๋หยานปรากฏเส้นสีดำนางไม่คาดคิดว่าเสี่ยวหลงเอ๋อจะปฏิเสธ
บทที่ 1088 : ฉู่อี้เฟิงกลับมา (8)
ครั้นหันไปมองไป๋เสี่ยวเฉินก็พบว่าเขาดูเหมือนจะเห็นด้วยกับถ้อยคำของเสี่ยวหลงเอ๋อ เขาพยักหน้าอย่างเซ็ง ๆ
”หม่ามี้หลงเอ๋อพูดถูก เราเป็นพี่น้องกัน หากเราเป็นสามีภรรยากันก็ผิดประเวณีในพี่น้องสิ ?”
ใบหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นเด็กน้อยนี่ไปเรียนรู้ถ้อยคำเหล่านี้มาจากที่ไหนกัน?
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดสักหน่อย …
ครั้นเห็นว่าเด็กน้อยทั้งสองไม่สนใจไป๋หยานก็ไม่ได้กล่าวคำใดอีก สิ่งต่าง ๆ ในอนาคตขึ้นอยู่กับความปรารถนาของเด็ก ๆ ทั้งนางก็จะไม่ยัดเยียดพวกเขาด้วย
ณแดนวิญญาณ
หลิวชิงหยูยืนอยู่ท่ามกลางอากาศที่ว่างเปล่านางมองลงไปยังผู้คนที่กำลังร่ำร้องคร่ำครวญโหยหวน พลันความรู้สึกสดชื่นก็ผุดขึ้นในใจของนาง ความรู้สึกนั้นทำให้นางอยากจะเงยหน้าขึ้นหัวเราะ
ในที่สุดคนเหล่านี้ก็ได้รับผลกรรม!
นางจะไม่มีวันลืมว่าผู้คนในแดนวิญญาณเหล่านี้ปฏิบัติต่อมารดาของนางเช่นไร เมื่อมารดาของนางต้องสูญเสียอำนาจในครานั้น ? และความอัปยศอดสูเหล่านั้นก็ยังคงจารึกอยู่ในใจของนางเรื่อยมา
การเสียชีวิตของมารดาข้าส่วนหนึ่งก็มาจากการดูถูกเหยียดหยามของผู้คนเหล่านี้
ทว่าตอนนี้…ผู้คนเหล่านี้ที่ทำให้มารดาของนางต้องอับอายกลับมาประสบความโชคร้ายเสียเอง…
“ผู้อาวุโสใหญ่”
ผู้อาวุโสสี่ควบม้ามาจากระยะไกลนางกระโดดลงจากม้ามายืนต่อหน้าผู้อาวุโสใหญ่ พลางเอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เราจัดการคนพวกนี้เกือบจะสำเร็จแล้ว และบางคนก็เต็มใจที่จะยอมจำนนแล้ว เช่นนั้นพวกเราควรจะทำเช่นไรต่อไป ?”
ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้าอย่างเฉยเมย“ให้พวกเขาทำสัญญาทาสกับข้า แล้วข้าจะละเว้นชีวิต หากผู้ใดไม่ยอมทำสัญญาทาสฆ่ามันซะ !”
“ตกลง”
จากนั้นผู้อาวุโสสี่ก็กลับไปที่ลานอีกครั้งก่อนจะลากคนที่เต็มใจยอมจำนนเข้ามาในลานบ้าน
คนเหล่านั้นคุกเข่าลงบนพื้นอย่างสั่นสะท้านพวกเขามองดูสัตว์ประหลาดทั่วท้องฟ้าด้วยหัวใจตื่นตระหนก และหวาดกลัวจนลนลาน
“พวกเจ้าทุกคนจงฟัง!”
เสียงของผู้อาวุโสใหญ่เฉยเมยหากแต่ดังก้องราวกับฟ้าร้องลั่น มันกระทบจิตใจของทุกคนอย่างรุนแรง
เขาไม่แสดงสีหน้าใดๆ ยามที่เอ่ยกล่าวว่า “ผู้ที่ต้องการรอดชีวิต ห้ามขัดขืนสัญญาทาสของข้า หากผู้ใดคิดก่อการกบฏให้ฆ่าได้ทันที !”
ทุกคนตัวสั่นพลางลดศีรษะลงไม่กล้ากล่าวคำใดอีก
เมื่อเห็นเช่นนี้ผู้อาวุโสใหญ่ก็แผ่พลังจิตออกมาครอบคลุมฝูงชนอย่างท่วมท้น
บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขารักตัวกลัวตายผู้คนกลุ่มนี้จึงไม่กล้าต่อสู้ดิ้นรน พวกเขายินยอมให้ผู้อาวุโสใหญ่ทำสัญญาทาสกับวิญญาณของพวกเขาอย่างว่าง่าย
หลังจากนั้นไม่นานการทำพันธะสัญญาทาสก็สิ้นสุดลง ผู้อาวุโสใหญ่ถอนพลังจิตของตน พลางเอ่ยกล่าวอย่างแผ่วเบา “เอาล่ะ พวกเจ้าจงตามพวกเรากลับไปยังอาณาจักรอสูร หลังจากนั้นพวกเจ้าก็จะตกเป็นทาสของอาณาจักรอสูรไปตราบชั่วลูกชั่วหลาน ส่วนอาณาจักรวิญญาณแห่งนี้ก็จะไม่มีอีกต่อไป !”
เขาสะบัดแขนเสื้อพลางหมุนตัวหันหลังให้กับกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง สายลมพัดเสื้อผ้าของเขาปลิวสะบัด ราวกับผู้ละสิ้นซึ่งทางโลก
ทันใดนั้นเองพยัคฆ์ขาวก็วิ่งมาจากสถานที่ที่ไม่ไกลกันนัก ภายใต้กรงเล็บของมันปรากฏคนผู้หนึ่ง
หลังจากได้เห็นคนผู้นั้นทุกคนในแดนวิญญาณต่างก็ตกตะลึง นัยน์ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาคิดว่าหากเจ้าแดนวิญญาณลงมือเอง พวกมนุษย์ก็คงจะไม่สามารถต้านทานได้
ทว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
เจ้าแดนวิญญาณ… กำลังถูกเสือลากมากระนั้นหรือ ?
เสี่ยวมี่กระโดดไปกระโดดมาก่อนจะเหวี่ยงเหอเฟยเสียงลงไปที่พื้น พลางเชิดคางขึ้นเอ่ยกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ผู้อาวุโส คน ๆ คนนี้ เจ้านายของข้าขอให้ข้านำตัวเขามาส่ง ความแข็งแกร่งของเขาถูกองค์ราชาทำลายสิ้นแล้ว ท่านสามารถกำจัดเขาได้ตามใจชอบเลย !”
นับแต่ตอนที่เหอเฟยเสียงปรากฏตัวหลิวชิงหยูก็ตัวแข็งค้าง นางรีบยกมือขึ้นปิดปาก พลันน้ำตาแห่งความตื่นเต้นก็ไหลรินจากดวงตาของนาง
เหอเฟยเสียงที่สุดแล้วเขาก็มีวันนี้จนได้ ! น่าขัน ๆ มาก ๆ !
สวรรค์มีตาจริงๆ คนชั่วย่อมจะได้รับผลกรรม สวรรค์ย่อมดีกับคนที่กลับตัวกลับใจได้เสมอ หากไม่เชื่อก็ลองเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่ได้รับการอภัยจากสวรรค์สิ !
บทที่ 1089 : ฉู่อี้เฟิงกลับมา (9)
ครั้นเหอเฟยเสียงเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นหลิวชิงหยูเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเขา พลันความตื่นตระหนกก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
“เจ้า… เจ้ายังมีชีวิตอยู่อีกหรือ ?”
ช่วงเวลานั้นเขาส่งยอดฝีมือระดับเทพหลายคนไล่ล่าติดตามนาง หญิงผู้นี้จะมีชีวิตอยู่ได้เยี่ยงไร ?
หลิวชิงหยูยิ้มเยาะกริชในมือของนางจ่อที่คอของเหอเฟยเสียง พลางเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม “ข้ายังมีชีวิตอยู่ ท่านผิดหวังใช่หรือไม่ ?”
เหอเฟยเสียงใจหายใจคว่ำ“ชิงหยู…ข้าเป็นบิดาของเจ้านะ เจ้าคิดจะทำอะไร ?”
“บิดางั้นรึ?” หลิวชิงหยูดูเหมือนกำลังได้ยินเรื่องตลก นางหัวเราะเสียงดังลั่น “หากท่านคิดว่าท่านเป็นบิดาของข้าจริง ๆ ก็แล้วเหตุใดท่านถึงส่งคนไล่ล่าข้า ไม่เพียงแต่สังหารมารดาของข้า ทั้งท่านยังสังหารลุงจุนด้วย !”
สีหน้าสิ้นหวังของมารดาอีกทั้งร่างของจุนห่าวที่ไม่ลังเลในการปิดกั้นประตูเพื่อนาง ภาพทุกอย่างพลันปรากฏขึ้นในหัวของนางอีกครั้ง
นางหลับตาลงช้าๆ ความเจ็บปวดพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้านาง ทำให้สีหน้าของนางซีดลง
ทันใดนั้นนางก็ลืมตาขึ้น“เจ้าไม่เคยอยากรู้หรอกว่า เหตุใดข้าถึงไปที่แผ่นดินใหญ่ ข้าจะบอกความจริงกับท่านก็ได้ว่า ตอนนั้นข้าได้ยินเรื่องปาฏิหาริย์ เช่นนั้นข้าจึงไปที่แผ่นดินใหญ่เพื่อตามหาปาฏิหาริย์”
“ทว่า…”หลิวชิงหยูหัวเราะเยาะ “ข้าไม่ได้รับปาฏิหาริย์ ทั้งยังถูกไป๋หยานจับตัวได้ ท้ายสุดข้าก็เต็มใจที่จะยอมจำนนเป็นทาสนาง !”
เดิมทีนางไม่พึงใจไป๋หยานหากแต่ตอนนี้นางเต็มใจรับใช้ไป๋หยานเยี่ยงทาส
เพียงเพราะ… ไป๋หยานส่งเหอเฟยเสียงมาอยู่ต่อหน้าต่อตานาง !
หัวใจของเหอเฟยเสียงสั่นสะท้านที่สุดเขาก็รู้ว่าไป๋หยาน ตั้งใจส่งเขากลับมายังอาณาจักรวิญญาณ นางไม่ได้เจตนาจะปล่อยเขาไป
เพราะในสถานที่แห่งนี้มีหลิวชิงหยูรอเขาอยู่!
หญิงผู้นั้นโหดร้ายมากแม้แต่ความตาย นางก็จะไม่ให้เขาตายอย่างมีศักดิ์ศรี !
“ชิงหยู…อย่างไรเสียข้าก็เป็นบิดาของเจ้าในกายของเจ้ามีเลือดของข้าไหลเวียน ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้ หากเจ้าสังหารบิดา เจ้าก็คงไม่อาจสู้หน้าสวรรค์ได้ ! ในวันหน้าหากเจ้าตาย เจ้าก็ต้องตกนรกขุมที่สิบแปด !”
หลิวชิงหยูมองเหอเฟยเสียงอย่างเยาะเย้ย“ต่อให้สวรรค์ไม่รับข้าก็แล้วยังไงล่ะ ข้ายอมตกนรกขุมที่สิบแปด ขอเพียงได้สังหารเจ้าข้าก็พอใจแล้ว และข้าก็ยินดีที่จะรับผลกรรมนั้น !
ซวบ!
กริชในมือของนางแทงทะลุหน้าอกของเหอเฟยเสียงอย่างรวดเร็วจากนั้นนางก็กระชากกริชออก ชั่วขณะนั้นเลือดก็ไหลออกมาจากหน้าอกของเขานองพื้นไปทั่ว
ยามนี้เมฆหม่นดำปรากฏบนท้องฟ้าเกิดเสียงฟ้ารอง สายฟ้าฟาด สายฝนกระหน่ำหนักเทลงมาชะล้างเลือดบนแผ่นดิน
เหอเฟยเสียงเบิกตากว้างเขาไม่คาดคิดว่าหญิงผู้นี้จะกล้าสังหารเขาด้วยน้ำมือนางเองจริง ๆ !
“หลิวชิงหยูข้าน่าจะเอาขี้เถ้ายัดปากเจ้าเสียตั้งแต่เป็นทารก !”
เลือดในกายของเหอเฟยเสียงยังคงไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของเขาก็ซีดลงเรื่อย ๆ เช่นกัน ร่างของเขาล้มลงท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำหนัก เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความยากลำบาก
เขาต้องการที่จะสาปแช่งนางต่ออีกสองสามคำทว่าเลือดในกายของเขาแห้งเหือดหมดแล้ว ทั้งร่างกายของเขาก็หมดความแข็งแกร่ง
เขาฟุบลงท่ามกลางสายฝนและค่อย ๆ หมดลมหายใจ…
เพล้ง!
กริชในมือของหลิวชิงหยูตกลงพื้นนางคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมร่ำไห้เสียงดังก้องฟ้า
น้ำตาแห่งความสุขและความโล่งใจไหลริน แม้แต่น้ำเสียงของนางก็สั่นสะท้าน
“ท่านแม่ลุงจุน พวกท่านเห็นใช่หรือไม่ ข้าสังหารชายผู้นี้ด้วยมือข้าเอง ข้าแก้แค้นให้พวกท่านแล้ว !”
น่าเสียดายที่พวกท่านไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง…
บทที่ 1090 : ฉู่อี้เฟิงกลับมา (10)
หลิวชิงหยูหลับตาลงด้วยความเจ็บปวดพลันร่างที่เด็ดเดี่ยวของจุนห่าวก็ปรากฏขึ้นในใจของนางอีกครั้ง สีหน้าของจุนห่าวยามที่กำลังเผชิญหน้ากับความตายไม่ต่างกับการมองเห็นบ้านรออยู่ตรงหน้า …
“ลุงจุนข้าทำสำเร็จแล้ว หากแต่ท่านก็ไม่ได้อยู่เคียงข้างข้าอีกแล้ว”
นางรอวันนี้มานานทว่าในช่วงเวลาวิกฤติที่สุด ญาติคนเดียวในโลกก็ได้จากนางไปแล้ว …
หลิวชิงหยูลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ สายฝนชะล้างเลือดบนกายของนาง นางเดินไปที่ภูเขาด้านหลังอาณาจักรวิญญาณไม่ต่างจากศพเดินได้
“ผู้อาวุโสใหญ่?” ผู้อาวุโสสี่มองร่างที่กำลังจากไปของหลิวชิงหยูด้วยความกังวลในแววตา “เราควรจะตามนางไปหรือไม่ ? … ดูเหมือนว่านางจะสะเทือนใจมาก”
ผู้อาวุโสใหญ่ส่ายศีรษะ“ไม่ต้อง ปล่อยนางไปเถอะ เรามาทำการชำระล้างอาณาจักรวิญญาณนี้ต่อดีกว่า จะได้รีบกลับกัน อย่างไรก็ตามอย่าลืมนำสิ่งของในคลังสมบัติของแดนวิญญาณกลับไปด้วยล่ะ สิ่งเหล่านั้นจะเป็นของกำนัลแด่องค์ราชินี”
ครั้นผู้อาวุโสสี่ได้ยินเช่นนั้นก็หยุดพูดแล้วหันไปเริ่มจัดการสนามรบที่วุ่นวายแทน
ครั้นเหล่าผู้คนในแดนวิญญาณเห็นว่าเจ้าแดนวิญญาณสิ้นชีวิตลงแล้ว พวกเขาก็ได้แต่เศร้าโศกเสียใจไม่คิดถึงเรื่องภายหน้าอีกต่อไป
นับจากนี้พวกเขาก็ไม่ได้เป็นคนของอาณาจักรวิญญาณแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยังกลายเป็นทาสของเผ่าสัตว์อสูรอีก …
ก่อนที่ทุกคนในอาณาจักรอสูรจะทำความสะอาดสนามรบนี้แล้วเสร็จพวกเขาก็เห็นหลิวชิงหยูเดินมาหาพวกเขาโดยถือโถขี้เถ้ามาด้วย
สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความอ้างว้างและเศร้าหมอง มือทั้งสองข้างประสานกันแน่น นางกัดริมฝีปากซีดขาวของนางน้อย ๆ
“ผู้อาวุโสใหญ่ข้าขอไปแดนอสูรกับท่านจะได้หรือไม่ ?”
ที่สุดนางก็เงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสใหญ่
ผู้อาวุโสใหญ่ครุ่นคิดเพียงครู่“เจ้าเป็นคนของราชินี เช่นนั้นย่อมไม่เป็นปัญหาที่เราจะกลับแดนอสูรด้วยกัน”
ริมฝีปากของหลิวชิงหยูขยับเล็กน้อย“ข้าสามารถพาท่านแม่ไปด้วยได้หรือไม่ ? ข้าต้องการหาที่ฝังศพให้นางใหม่ ส่วนอาณาจักรวิญญาณนี้ … ชั่วชีวิตนี้ข้าจะไม่กลับมาเหยียบอีกแล้ว”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ข้าจะส่งคนมาช่วยเจ้าหาสถานที่ที่เหมาะสม”
หญิงผู้นี้เป็นคนของราชินีเช่นนั้นนางควรกลับไปแดนอสูรพร้อมกับพวกเขา
หลิวชิงหยูยิ้ม“ขอบคุณ”
น่าเสียดายที่ลุงจุนกลายเป็นเถ้าธุลีไม่เหลือแม้แต่กระดูกแม้นนางอยากจะพาเขาออกจากอาณาจักรวิญญาณ นางก็ไม่สามารถกระทำได้ …
“เวลาใกล้จะหมดแล้วพวกเราควรออกเดินทางกลับแดนอสูรได้แล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่เว้นระยะเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อว่า “หากแต่อาณาจักรวิญญาณก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ผู้อาวุโสสี่เราจะรวมที่นี่เข้ากับแดนอสูรในภายหลัง อย่างไรเสียเขตแดนของอาณาจักรวิญญาณก็เป็นของแดนอสูรของเราแล้ว”
อาณาเขตทั้งหมดของอาณาจักรอสูรมีขนาดไม่ใหญ่โตนักทั้งสัตว์อสูรบางตัวก็มีความสามารถในการสืบพันธุ์ดีมาก เช่นนั้นถึงเวลาแล้วที่จะขยายอาณาเขตของอาณาจักรอสูร
และแดนวิญญาณนี้ก็เป็นเพียงก้าวแรก…
“อาวุโสใหญ่ข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง”
ผู้อาวุโสสี่ยิ้มเล็กน้อยขณะรับภารกิจ
“ไปกันเถอะ”ผู้อาวุโสใหญ่หันมาช้า ๆ “อีกไม่นานราชา และราชินีก็คงจะเสด็จกลับมาแล้ว รีบกลับไปที่อาณาจักรอสูรของเราก่อน จากนั้นค่อยพิจารณาแผนระยะยาวกันต่อไป”
หลังจากผ่านมาหลายพันปีความเจริญเติบโต และความแข็งแกร่งของแดนอสูรก็เกือบจะมั่นคงอยู่แล้ว แม้ว่าจะยังไม่ฟื้นถึงจุดสูงสุดของเวลานั้น แต่ก็พอจะสามารถต่อกรกับแดนสวรรค์ได้ …
เมื่อถึงเวลานั้นสิ่งที่อาณาจักรสวรรค์ติดค้างอาณาจักรอสูรจะต้องได้รับการชดใช้!
ผู้อาวุโสใหญ่หรี่ตาลงมีประกายแสงเย็นวาบฉายผ่านนัยน์ตาของเขา ราวกับว่าเขากำลังนึกถึงสงครามที่โหดร้ายในคราครั้งนั้น มือทั้งสองข้างของเขากำแน่น
เหล่าสัตว์อสูรต่างก็เตรียมตัวพร้อมแล้วหลังจากได้ยินคำสั่งของผู้อาวุโสใหญ่ พวกเขาก็วางเพลิงเผาศพคนแดนวิญญาณทั้งหมด จากนั้นก็ออกจากอาณาจักรวิญญาณไป …