จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1091-1095
บทที่ 1091 : ก่อนสงคราม (1)
ณเกาะศักดิ์สิทธิ์
ที่ตั้งอยู่ใจกลางทะเลสาบน้ำใสส่องแสงเป็นประกาย
ในขณะนี้บ้านไม้หลังเล็ก ๆ ใจกลางทะเลสาบ อาภรณ์สีแดงแผ่กระจายบนเก้าอี้ยาวราวกับดอกกุหลาบที่บานสะพรั่ง น่าหลงใหลยากจะหาผู้ใดเทียบได้
ไป๋หยานใช้มือท้าวแก้มข้างหนึ่งของนางพลางหลับตาลงนัยน์ตาของนางงัวเงีย ราวกับว่านางไม่สามารถตื่นได้ไม่ว่านางจะหลับมานานเท่าไร
ด้านนอกกระท่อมมีเสียงออดแอดเด็กน้อยสองคนโผล่ศีรษะออกมาอย่างระมัดระวัง พลางสอดส่ายสายตาเข้าไปในห้อง
“เสี่ยวหลงเบา ๆ หน่อย อย่ารบกวนการพักผ่อนของหม่ามี้”
ไป๋เสี่ยวเฉินยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากตนพลางส่งเสียงจุ๊ ๆ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ย่างก้าวเข้าไปด้านใน
ฝีเท้าของเขาเบามากเพราะกลัวว่าจะเป็นการรบกวนไป๋หยาน
ในความเป็นจริงแม้ว่าไป๋หยานจะตั้งครรภ์ทว่าหูของนางก็ยังคงไวเช่นเดิม ดังนั้นนางจึงรู้ตัวทันทีที่เด็กน้อยทั้งสองปรากฏตัวขึ้น หากแต่นางก็ไม่ลืมตา
ไป๋เสี่ยวเฉินเดินไปยืนข้างกายไป๋หยานอย่างระมัดระวังพลางลอบมองท้องของนางด้วยดวงตาที่สดใส ก่อนจะค่อย ๆ ยื่นมือน้อย ๆ ออกมาลูบท้องของไป๋หยาน อย่างเบา ๆ
“หลงเอ๋อก็มาแตะดูสิ แต่ระวังอย่าทำร้ายน้องสาวของข้านะ” ไป๋เสี่ยวเฉินยกมุมปากยิ้ม พลางจ้องมองท้องของไป๋หยานตาไม่กะพริบ เขาเต็มไปด้วยความสุขขณะที่กำลังลูบคลำ
“อืม”
เสี่ยวหลงเอ๋อตอบรับนางค่อย ๆ ยื่นมือออกมาแตะท้องของไป๋หยานเบา ๆ
นัยน์ตาของนางเป็นประกายนางกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “มีน้องสาวจริง ๆ ดูเหมือนเมื่อครู่นางจะเตะด้วยล่ะ”
“ยัยโง่…นั่นเป็นภาพลวงตาของเจ้าตะหากน้องสาวของข้ายังเด็กไม่สามารถเตะใครได้หรอก ท่านตาบอกว่า เราต้องใช้เวลาเจ็ดเดือน กว่าที่เราจะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของนาง
งั้นรึ?
เสี่ยวหลงเอ๋อกระพริบตาหากแต่นางรู้สึกชัดว่าเมื่อครู่น้องสาวเตะนาง
การตอบโต้แบบเด็กๆ ของหนูน้อยทั้งสองคนนี้ทำให้ไป๋หยานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เสียงหัวเราะของนางทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินตกใจเขารีบเงยหน้าขึ้นมองไป๋หยานพลางเอ่ยถามอย่างน่าสงสาร “หม่ามี้ เฉินเอ๋อรบกวนท่านหรือไม่ ?”
ไป๋หยานหัวเราะ“หากเจ้าต้องการสัมผัสน้องสาว เจ้าก็มาที่นี่ได้อย่างเปิดเผย เหตุใดเจ้าถึงต้องทำหลบ ๆ ซ่อน ๆ ด้วยล่ะ ?”
ครั้นได้ยินเช่นนั้นไป๋เสี่ยวเฉินก็หุบปากลงด้วยความเสียใจ“ก็ป๊ะป๋าวายร้ายกลัวว่าเราจะประมาทเลินเล่อจนทำร้ายหม่ามี้ พวกเราเลยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้หม่ามี้มากเกินไป แล้วเฉินเอ๋อก็กลัวว่าหม่ามี้กับน้องสาวจะได้รับบาดเจ็บด้วย…”
ไป๋หยานตกใจนางยกมือข้างหนึ่งขึ้นกอดไป๋เสี่ยวเฉินส่วนมืออีกข้างก็กอดเสี่ยวหลงเอ๋อ “ เฉินเอ๋อ…เจ้าก็เป็นลูกของแม่เช่นกัน แม้ว่าวันหน้าแม่ของเจ้าจะมีน้องชายหรือน้องสาวให้กับเจ้า เจ้าก็ยังคงเป็นลูกชายที่รักที่สุดของแม่อยู่ดี เช่นนั้นเจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องระวังอะไรมาก นอกจากนี้แม่ และน้องสาวก็ไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น”
ในที่สุดไป๋เสี่ยวเฉินก็ยิ้มออกมาอย่างสดใสเขายกมือขึ้นคล้องคอมารดา เอ่ยกล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า “หม่ามี้…เฉินเอ๋อจะระวัง และจะไม่ประมาทเหมือนเมื่อก่อน นอกจากนี้เฉินเอ๋อยังจะปกป้องหม่ามี้ด้วย … ”
“ดีจริงๆ”
ไป๋หยานจูบหน้าผากของไป๋เสี่ยวเฉิน
ในสมัยที่นางต้องพลัดพรากจากบ้านมาหากนางไม่มีเฉินเอ๋ออยู่เคียงข้าง นางอาจไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ด้วยเหตุนี้ตำแหน่งของเฉินเอ๋อในหัวใจของนางก็ไม่มีผู้ใดมาเทียบได้
“หม่ามี้พักผ่อนให้สบายเถอะ เฉินเอ๋อกับหลงเอ๋อจะออกไปเล่นแล้ว”
ไป๋เสี่ยวเฉินกระโดดออกจากอ้อมแขนของไป๋หยานเขาจับมือของเสี่ยวหลงเอ๋อพลางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เมื่อไม่นานมานี้ ข้าพบสถานที่สนุก ๆ เสี่ยวหลงเอ๋อ เราไปเล่นกันเถอะ”
บทที่ 1092 : ก่อนสงคราม (2)
เสี่ยวหลงเอ๋อเป็นเด็กเชื่อฟังเสมอโดยเฉพาะหากเป็นคำพูดของไป๋เสี่ยวเฉิน เช่นนั้นหลังจากไป๋เสี่ยวเฉินพูดจบนางก็ปล่อยให้เขาลากตัวออกไปจากประตู
ไป๋หยานมองตามร่างของเด็กน้อยทั้งสองพลางเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ ก่อนจะเอนหลังอย่างเกียจคร้านลงบนเก้าอี้ยาวที่นั่งอยู่ จากนั้นนางก็พริ้มตาหลับตาไป
จู่ๆ ก็มีมือใหญ่ลูบใบหน้าของนาง นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ชั่วขณะนั้นใบหน้าที่เปี่ยมเสน่ห์ยากจะหาผู้ใดเทียบก็สะท้อนอยู่ในดวงตาของนาง
นิ้วของตี้คังลูบไล้ใบหน้าของนางแผ่วเบามุมปากของเขายกโค้งขึ้นน้อย ๆ นัยน์ตาเรียวคมของเขาเต็มไปด้วยความเสน่หา
“ตื่นแล้วหรือ”
ไป๋หยานเหยียดร่างอย่างเกียจคร้านพลางมองตี้คังพร้อมรอยยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นแปลก ๆ “ท่านบอกเฉินเอ๋อกับเสี่ยวหลงเอ๋อไม่ให้มาป้วนเปี้ยนใกล้ ๆ ข้ากระนั้นหรือ ?”
หัวใจของตี้คังกระตุกภายใต้สายตาคาดคั้นของไป๋หยาน ในที่สุดเขาก็พยักหน้า
“ตี้คัง!” ไป๋หยานคว้าสาบเสื้อของตี้คั เอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เฉินเอ๋อ เป็นบุตรชายของข้า !”
“ข้ารู้…”ตี้คังรั้งไป๋หยานเข้ามากอดไว้แนบอก “หากแต่หญิงมีครรภ์จะอ่อนแอที่สุด แล้วหากเฉินเอ๋อประมาทข้าเกรงว่าเขาอาจทำร้ายเจ้าโดยไม่ตั้งใจ”
“ผู้ใดบอกท่านว่าข้าอ่อนแอ?” ไป๋หยานหรี่ตาเอ่ยถามอย่างดุดัน
“ท่านตาของเจ้า… ”
ท่านตาข้า…
สามพยางค์นี้ทำให้มุมปากของไป๋หยานยกเย้ยหยัน“นั่นสำหรับคนธรรมดา ขนาดสายฟ้าฟาดข้ายังไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เลย เฉินเอ๋อตัวใหญ่โตสักแค่ไหนกัน เขาเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ ต่อให้ชนข้าจะมีความหมายใด ? “
ตี้คังรู้สึกได้ถึงความโกรธของไป๋หยานเสียงของเขาเบาลงอีกเล็กน้อย “เจ้าโกรธข้าหรือ ?”
ไป๋หยานเลิกคิ้วแม้ว่านางจะไม่ได้กล่าวคำใด ทว่าตี้คังก็รู้คำตอบของนางดี
“หยานเอ๋อข้าไม่ได้บอกเฉินเอ๋อว่าอย่ามาหาเจ้า ข้าเพียงไม่อยากให้เขาเข้าใกล้เจ้ามากเกินไป เด็กคนนั้นชอบกระแทกเข้ามาในอ้อมแขนของเจ้าทุกครั้งที่เขาเห็นเจ้า ข้าก็แค่เป็นห่วง … “
เขาเพียงกังวลว่านางจะเป็นอันตราย
ในใจเขาไม่ว่าจะบุตรชายหรือบุตรสาวก็ไม่อาจเทียบได้กับไป๋หยาน
“ตี้คังข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วงข้า แต่เฉินเอ๋อก็รู้สึกห่วงใยเด็กในท้องของข้ามากเช่นกัน เขาจะต้องยับยั้งตนเองได้อย่างแน่นอน ท่านไม่จำเป็นต้อง … “
“เข้าใจแล้วคราวหน้าข้าจะไม่ทำเช่นนั้นอีก”
ตี้คังกอดเอวของไป๋หยานแน่นพลางกดจูบลงบนริมฝีปากของนาง
จูบนี้ราวกับสายฟ้าฟาดลงมาจากฟ้าทำให้ความปรารถนาในใจของเขาพลุ่งพล่าน หากแต่เพื่อไม่ให้เด็กในท้องของไป๋หยานเป็นอันตราย เขาจึงระงับความปรารถนาอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่จูบนั้นสิ้นสุดตี้คังก็ปล่อยสตรีในอ้อมแขน มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
“หยานเอ๋อ…ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าในดินแดนลับเริ่มทยอยกันออกมาแล้วครั้งนี้ข้าวางแผนที่จะเริ่มต้นโจมตีพวกแดนสวรรค์ โดยรุกเข้าไปจากเมืองชายแดน”
ไป๋หยานนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะเอ่ยถาม“เหตุใดจึงเร็วเพียงนี้ ?”
“เพราะข้าต้องการให้เจ้าและลูกๆ ของเรามีชีวิตที่มั่นคงโดยเร็วที่สุด” นิ้วเรียวของตี้คังลูบเส้นผมยาวสลวยราวผ้าไหม แววตาของเขาอ่อนโยน
ไป๋หยานเม้มริมฝีปากบางของตน“ข้าจะไปกับท่าน”
“ไม่…ข้าห่วงเจ้าเพียงรอข้าอยู่ที่บ้านกับลูก ๆ ของเราก็พอ”
“ข้าไม่ได้บอบบางเช่นที่ท่านคิดนะข้าเชื่อว่าลูกของข้าก็ไม่ได้เปราะบางเช่นกัน” ไป๋หยานจับมือของตี้คังแน่น พลางเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ “นอกจากนี้ข้าเคยบอกไว้แล้วว่า ข้าต้องการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับท่าน และท่านต้องไม่ทิ้งข้าไว้ข้างหลัง !”
ครั้นเห็นสีหน้าแววตาที่มุ่งมั่นของหญิงสาวที่สุดตี้คังก็พยักหน้า “ตกลง”
บทที่ 1093 : ก่อนสงคราม (3)
เมื่อเวลานั้นมาถึงเขาจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องภรรยา และบุตรสาวของพวกเขา
ไม่ว่า…จะเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่ปล่อยให้ภรรยา และบุตรสาวของเขาได้รับอันตรายใด ๆ เป็นแน่
“หยานเอ๋อข้าสามารถ … “ ตี้คังลดสายตาของเขาลง นัยน์ตาของเขาจับจ้องมองสตรีที่อยู่ในอ้อมแขน
ในยามนี้ชุดกระโปรงของนางเปิดออกครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าขาวนวล กระทั่งตี้คังสามารถเห็นผิวหยกเนียนเรียบของนางได้
ฉากนี้ทำให้ตี้คังลำคอแห้งผาก หากนางไม่ได้ตั้งครรภ์ เขาคงอดใจไม่ไหวที่จะกลืนกินนาง ไม่ปล่อยให้ตนเองต้องอดอยากปากแห้งเช่นนี้
“ข้าขอปฏิเสธ!”
ไป๋หยานเห็นความปรารถนาทางเพศในดวงตาของตี้คังได้อย่างรวดเร็วนางรีบเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบนัยน์ตาเรียวคมที่ลุกโชนด้วยเปลวราคะสีแดงฉาน
“ข้าจะระวังให้มากกว่าเดิมนะๆ” ริมฝีปากของตี้คังจ่อชิดริมใบหูของนางแล้ว
ลมหายใจร้อนผ่าวกระทบแก้มของนางทำให้ใบหน้าของนางแดงขึ้นเล็กน้อย
“หยุดนะ… “ ไป๋หยานลดสายตาลง พลางลูบหน้าท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเปล่งปลั่งอิ่มเอิบของมารดา “เพื่อลูกของเรา ท่านต้องอดกลั้นไว้”
ทันทีที่ถ้อยคำเหล่านี้หลุดออกจากปากตี้คังก็ประทับจูบปิดริมฝีปากของนางเสีย
จุมพิตของชายหนุ่มอ่อนโยนและอ้อยอิ่งมือของเขาก็กดศีรษะของนางเบา ๆ
“ตี้คัง!” ไป๋หยานโกรธ ความโกรธปะทุในแววตาของนาง
“อืม”เสียงของตี้คังนุ่มนวล “ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ข้าเพียงอยากจูบเจ้า”
ครั้นเห็นว่าตี้คังไม่ได้รุกคืบหนักหน่วง หัวใจของไป๋หยานก็ปล่อยวาง นางพริ้มตาหลับลง ให้เขาได้ลิ้มรสริมฝีปากของนาง …
ชั่วขณะนั้นสาวใช้ก็ถือชามซุปไก่เดินผ่านประตูเข้ามา หากแต่ตี้คังดูเหมือนจะไม่เห็นว่าสาวใช้มา เขายังคงจูบริมฝีปากสีแดงของนางอย่างไม่ลดละ
สาวใช้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ก็ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้เป็นอย่างดีภายหลังจากส่งซุปไก่ให้แล้วพวกนางก็ถอยหลังกลับไป
จากนั้นไม่นานตี้คังก็ปล่อยริมฝีปากไป๋หยานให้เป็นอิสระ เขาหยิบซุปไก่ขึ้นมาจากโต๊ะข้าง ๆ จากนั้นก็ใช้ช้อนตักป้อนไป๋หยาน
ไป๋หยานขมวดคิ้วน้อยๆ “ข้าจะกินเอง”
“หยานเอ๋อข้าเป็นสามีของเจ้านะ การป้อนซุปให้เจ้าคือสิ่งที่ข้าสมควรกระทำ” แววตาของตี้คังยิ้มกริ่ม “ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าต้องเหน็ดเหนื่อยมากจากการตั้งครรภ์ลูกของข้า ข้าไม่สามารถทำแทนเจ้าได้ เช่นนั้นข้าจึงต้องดูแลเจ้าเป็นอย่างดี”
ไป๋หยานตัวสั่นเมื่อเห็นซุปไก่ที่ตี้คังส่งมาให้ถึงปากนางไม่ขัดขืนที่จะกลืนกินมันอีกต่อไป
แม้ว่านางจะไม่คุ้นชินกับการถูกดูแลทว่าพฤติกรรมของตี้คังก็ทำให้หัวใจของนางอบอุ่นอย่างไม่มีข้อกังขาใด ๆ
“ตี้คังเมื่อไหร่ท่านจะเริ่มตามแผนการ ?” ไป๋หยานหันไปมองตี้คัง พลางเอ่ยถามหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ตี้คังวางชามซุปที่ว่างเปล่าลงท่าทางครุ่นคิดพลันปรากฏบนใบหน้าของบุรุษผู้เปี่ยมเสน่ห์
“แท้จริงแล้วหลังจากที่อาณาจักรอสูรถูกปิดผนึกลง สัตว์อสูรบางตัวก็ไม่ได้กลับไปที่อาณาจักรอสูร สัตว์อสูรที่ตกค้างอยู่บนแผ่นดินใหญ่ก็สร้างป่าสัตว์อสูรขึ้นมา ไม่เว้นกระทั่งอาณาจักรสวรรค์ก็มีสัตว์อสูรอยู่ด้วยเช่นกัน”
“ตี้คังท่านต้องการจะทำอะไร ?” ไป๋หยานลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาว นางมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างกาย พลางเอ่ยถาม
“สัตว์อสูรเหล่านั้นได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้ายมากในแดนสวรรค์.. เลวร้ายเสียยิ่งกว่าทาส !” ตี้คังเย้ยหยัน “หากแต่สัตว์อสูรแห่งอาณาจักรอสูรของข้า มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถลงโทษพวกมันได้ !”
มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถลงโทษสัตว์อสูรได้ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ดูถูกสัตว์อสูรแห่งแดนอสูร !
นัยน์ตาของไป๋หยานตกอยู่ในห้วงภวังค์
แม้ว่าผู้คนในอาณาจักรอสูรจะหวาดกลัวตี้คังอย่างมากแต่พวกเขาก็จงรักภักดีต่อตี้คังมากอย่างหาเหตุผลไม่ได้เช่นกัน
หากคนของข้ากระทำผิดข้าสามารถปิดประตูสั่งสอนเองได้ แม้ว่าข้าจะทุบตีพวกเขาจนตายนั่นก็ถือเป็นเรื่องของข้า
บทที่ 1094 : ก่อนสงคราม (4)
เว้นแต่ข้าแล้วไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้แตะต้องคนในแดนอสูรของข้า!
นี่แหละคือตี้คัง…
บุคคลที่ทำให้แดนอสูรทั้งเกรงกลัวทั้งเคารพ
“หยานเอ๋อ…”ตี้คังยกยิ้ม รอยยิ้มของเขาไม่ได้เย็นชาเฉกเช่นก่อนหน้านี้ ทว่าก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงเจตนาสังหารอันโหดเหี้ยมที่มีต่อผู้คนที่อยู่ในอาณาจักรสวรรค์ “ตำแหน่งของอาณาจักรอสูรในใจของข้าจะเป็นรองก็เพียงเจ้าและลูก ๆ ของเราเท่านั้น เช่นนั้น … เมื่อคนของแดนสวรรค์ทำร้ายผู้คนมากมายในแดนอสูรของข้า ราชาผู้นี้จะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไป !”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนในอาณาจักรสวรรค์ ทำให้ไป๋หยานต้องทนทุกข์ทรมานมามาก …
เช่นนั้นบัญชีของเขากับอาณาจักรสวรรค์จึงไม่สามารถชดใช้ได้ชั่วชีวิต!
ณเมืองชายแดน
อันเป็นพรมแดนระหว่างอาณาจักรสวรรค์และอาณาจักรอสูร ผู้คนสามารถเข้าถึงอาณาจักรสวรรค์และอาณาจักรอสูรผ่านเมืองชายแดนนี้ได้ เนื่องจากด้านหนึ่งของเมืองชายแดนจะนำไปสู่อาณาจักรสวรรค์ส่วนอีกด้านจะนำไปสู่อาณาจักรอสูร
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเหล่าสัตว์อสูรที่ทรงพลังจำนวนนับไม่ถ้วนในเมืองชายแดนถูกส่งมาประจำการที่นี่ ทำให้ชาวเมืองไม่สบายใจ ทั้งยังรู้สึกตลอดเวลาว่ามีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น
ชั่วขณะนี้ที่พระราชวังแห่งอาณาจักรสวรรค์มีผู้อาวุโสจำนวนมากมายหลายคนนั่งอยู่รายล้อมรอบโต๊ะยาว พวกเขากำลังรอคอยอยู่อย่างเงียบ ๆ
ทันใดนั้นเองทหารยามคนหนึ่งก็ผลักประตูเข้ามา เขาคุกเข่าลงบนพื้น เอ่ยกล่าวด้วยความเคารพว่า “ข้าน้อยจะมารายงานพวกท่านว่า ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวใด ๆ เกี่ยวกับราชาเทพสวรรค์เลย”
การแสดงออกของชายชราหลายคนแลดูน่าเกลียดมากนับเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ที่ราชาเทพสวรรค์ไม่ได้ออกมาสนใจโลกภายนอกเลย ?
“อาวุโสหลิง…ที่ผ่านมาพวกเราข่มเหงราชาเทพสวรรค์มากหรือพวกเราจะทำผิดไป ?” ชายในชุดคลุมสีเทาขมวดคิ้ว พลางถอนหายใจ “ราชาเทพสวรรค์ได้ละทิ้งอาณาจักรสวรรค์ และนี่ก็หลายพันปีแล้ว ที่ไม่เสด็จกลับคืนมา ทั้งตอนนี้พวกเราก็ไม่ได้ร่องรอยอะไรเลย หากเราไม่บังคับพระองค์ พระองค์ก็คงจะอภิเษกกับหญิงผู้นั้นไปแล้วใช่หรือไม่ ?”
“อย่างไรเสียนั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แม้ว่าเด็กสาวผู้นั้นจะมีพรสวรรค์ ทั้งมีพละกำลังที่แข็งแกร่ง เดิมทีเราก็ตั้งใจที่จะเติมเต็มความหวังให้กับคนทั้งคู่ แต่ผู้ใดจะคิดว่าหญิงผู้นั้นกลับเข้าข้างพวกอสูรเล่า”
“เมื่อจำเป็นต้องเลือกทั้งนางก็ถูกทำนายว่าเป็นผู้ที่ทำให้อาณาจักรสวรรค์ถูกล้มล้าง เช่นนั้นเพื่อความสงบสุขของอาณาจักรสวรรค์ นางจึงต้องตาย !”
ผู้อาวุโสในชุดแดงที่ถูกเรียกว่าอาวุโสหลิงหัวเราะเยาะเขาไม่รู้สึกผิดต่อการกระทำของตน แต่กลับคิดว่าที่ผ่านมาตนได้ทำทุกอย่างตามที่สมควรจะทำแล้ว
แม้ว่าราชาเทพสวรค์จะพอพระทัยหญิงผู้นั้นมากทว่าในสายตาของเขานั้น คนของแดนสวรรค์ย่อมมีความสำคัญเหนืออื่นใด เช่นนั้นต่อให้พวกเขาไม่ข่มเหงน้ำใจราชาเทพสวรรค์ ราชาเทพสวรรค์ก็ควรจะยอมสละหญิงผู้นั้นเพื่อคนนับพันอยู่แล้ว
ปัง!
ชั่วขณะนั้น…ประตูห้องก็ถูกมือเรียวงามผลักเปิดออก
สตรีที่เดินเข้ามาในห้องนั้นอยู่ในอาภรณ์สีขาวราวกับหิมะที่โปรยปรายปิ่นปักผมสีขาวสองอันตรึงไว้ที่ข้างขมับของนาง นางงดงามราวกับเทพธิดาผู้แสนบริสุทธิ์ ใสซื่อไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใด
“ผู้อาวุโสทุกท่านเวลานี้แล้วยังไม่ได้ข่าวคราวของราชาเทพสวรรค์อีกกระนั้นหรือ ?”
เดิมทีดวงตาของหญิงสาวในอาภรณ์สีขาวนั้นสวยงามมากราวกับท้องฟ้าสีครามบริสุทธิ์ทว่ายามนี้ดวงตาของนางกลับเต็มไปด้วยความเศร้า ทั้งไม่แวววาวเฉกเช่นที่เคย
“รั่วซี”ชายชราในชุดคลุมสีเทาตกใจ เขามองหยุนรั่วซีที่เศร้าหมองด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ “ไม่ต้องกังวล เราต้องตามเฟิงลี่เฉินกลับมาได้อย่างแน่นอน ทรงเป็นถึงราชาเทพสวรรค์แห่งอาณาจักรสวรรค์นี้ อาณาจักรสวรรค์ของเราขาดราชาไม่ได้ นับประสาอะไรกับเจ้าที่รอพระองค์มานานหลายพันปีเล่า”
หยุนรั่วซีหัวเราะอย่างขมขื่นเสียงหัวเราะของนางเต็มไปด้วยความอึดอัด “หากพระองค์ต้องการเสด็จกลับมา พระองค์คงจะเสด็จกลับมานานแล้ว พวกเราคงไม่ต้องรอจนถึงตอนนี้ หากมีข่าวเกี่ยวกับเฟิงลี่เฉิน ข้าหวังว่าท่านจะแจ้งให้ข้าทราบด้วย”
นางโค้งคำนับชายชราเหล่านั้นก่อนจะถอยกลับไปที่ประตู
ชายชราในชุดคลุมสีเทาเข้มมองตามร่างที่ลับตาไปของหยุนรั่วซีพลางส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ “ช่างเป็นหญิงสาวที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ราชาเทพสวรรค์กลับมองไม่เห็น นอกจากนี้ แม่นางหยุนยังรอคอยพระองค์มานานหลายพันปีแล้วด้วย”
บทที่ 1095 : ก่อนสงคราม (5)
“แม่นางหยุนเป็นหญิงสาวที่แดนสวรรค์เราภาคภูมิใจนางมีฐานะสูงส่ง ข้าคาดการณ์ไว้แต่แรกว่าแม่นางหยุนจะต้องไม่ใช่หญิงธรรมดา ๆ อย่างแน่นอน ในวันหน้านางย่อมจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแผ่นดินแน่ หญิงผู้นี้มีคุณค่าคู่ควรสมเป็นเทพเจ้าสูงสุด …ทว่าน่าเสียดาย … ”
น่าเสียดายที่หัวใจของราชาเทพสวรรค์มีแต่หญิงผู้นั้น
“เช่นที่ข้าบอกครานั้นเราไม่ควรสังหารหญิงผู้นั้น เพียงทำลายความแข็งแกร่งของนางก็พอ นางก็ไม่สามารถสร้างความปั่นป่วนใด ๆ ได้อีกแล้ว และเมื่อถึงเวลานั้นก็ให้นางเป็นนางบำเรอของราชาเทพสวรรค์ เมื่อราชาเทพสวรรค์สบายพระทัย พระองค์ก็จะยอมอภิเษกกับแม่นางหยุนเอง”
เป็นเรื่องปกติสำหรับบุรุษที่จะมีชายาสามพระสนมสี่หากแต่ชายชราเหล่านี้กลับต้องการที่จะสังหารเด็กสาวผู้นั้นกระทั่งทำให้ราชาเทพสวรรค์ไม่กลับมาเหยียบแดนสวรรค์นานนับพันปีแล้ว
“ไม่…ตายเสียดีกว่าปล่อยให้สร้างความหายนะเช่นนั้น ข้าจำได้ว่า ข้าทุบตีนางจนตาย ทั้งไม่ให้นางได้มีโอกาสกลับชาติมาเกิดอีก มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เราอยู่อย่างสบายใจได้”
อาวุโสหลิงยิ้มเยาะขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหด
เรื่องนี้ไม่สามารถตำหนิเขาได้เพราะเขาเห็นแก่อาณาจักรสวรรค์ หญิงผู้นั้นจะต้องถูกสังเวย แม้ว่าหญิงผู้นั้นจะเติบโตขึ้นมาในสายตาของพวกเขา ทว่าก็ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าอาณาจักรสวรรค์
“ข้าน้อยขอคารวะ!”
จู่ๆ น้ำเสียงร้อนรนก็ดังมาจากด้านนอกประตู
จากนั้นผู้คุมคนหนึ่งก็เดินเข้ามาคุกเข่าลงบนพื้นเนื้อตัวสั่นเทาคนผู้นั้นเอ่ยกล่าวอย่างเร่งรีบว่า “เมื่อไม่นานมานี้ผนึกแดนอสูรถูกทำลาย ผู้น้อยเพิ่งทราบข่าวว่าสัตว์อสูรในแดนอสูรเริ่มมีการเคลื่อนไหว ดูเหมือนจะเตรียมความพร้อมมาบุกแดนสวรรค์เรา”
“กระไรนะ?”
อาวุโสหลิงลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างแรง“ผนึกแดนอสูรถูกทำลาย เหตุใดเราถึงไม่ได้รับแจ้งข่าวนี้เลยล่ะ ?”
ชายชราชุดเขียวอีกคนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะใช้นิ้วเคาะที่โต๊ะเบา ๆ “เรายังไม่ได้รับข่าวคราวใด ๆ เลยน่าจะเป็นผลมาจากราชาเทพสวรรค์สามารถในการป้องกันความผันผวนจากตราผนึกไม่ให้ถ่ายทอดมายังแดนสวรรค์ได้”
ราชาเทพสวรรค์กระนั้นรึ?
ผู้อาวุโสทั้งหมดถึงกับผงะ
อาณาจักรสวรรค์และอาณาจักรอสูรต่างเป็นศัตรูกัน เหตุใดราชาเทพสวรรค์ถึงทำเช่นนี้ ?
“ตอนนี้สัตว์อสูรกำลังมีการเคลื่อนไหวพวกเราควรจะเริ่มดำเนินการด้วยหรือไม่ ?” ชายชราในชุดคลุมสีเทาเลิกคิ้วเอ่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ผู้คุ้มกันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก“อาวุโสซวน ทันทีที่ข้าได้รับข่าวนี้ ข้ายังได้รับข่าวสารจากราชาเทพสวรรค์อีกด้วย … “
“พระองค์มีรับสั่งว่า… ” เขาเงยหน้าขึ้นอย่างหวั่น ๆ เอ่ยกล่าวอย่างระมัดระวัง “อย่าให้คนในแดนสวรรค์เข้ามายุ่งวุ่นวายในเรื่องนี้ หาไม่หากทรงทราบ อย่าว่าแต่พันปีเลย ทว่าพระองค์จะไม่เสด็จกลับมายังแดนสวรรค์อีกตลอดกาล”
หัวใจของเหล่าผู้อาวุโสสั่นสะท้านความโกรธอย่างหาใดเทียบพลันจู่โจมจิตใจของพวกเขา
พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดราชาเทพสวรรค์ถึงต้องการช่วยแดนอสูรนัก
อย่างที่รู้ราชาอสูรช่วงชิงเด็กสาวผู้นั้นไปจากเขา เหตุใดเขาถึงยังช่วยแดนอสูรอีกเล่า ?
“หรือว่าหญิงผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่?” ผู้อาวุโสซวนในชุดสีเทาครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะเอ่ยถามประโยคดังกล่าวออกมา
อาวุโสหลิงส่ายศีรษะ“เป็นไปไม่ได้นางไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้แน่ นางตายไปแล้ว ทั้งวิญญาณก็แตกสลายไปแล้ว ไม่ว่าราชาอสูรจะยิ่งใหญ่เพียงใด ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยให้นางกลับมารวมร่างอีกครั้ง !”
แน่นอนคนเหล่านี้ไม่รู้ว่าเมื่อหลายพันปีก่อนเพื่อช่วยชีวิตนางแล้ว ตี้คังยอมสูญเสียสิ่งใดไปบ้าง เขายอมสละแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง …
ด้านนอกประตูหยุนรั่วซีฟังถ้อยคำของชายชรา มือทั้งสองข้างของนางกำแน่น
“นี่นางยังไม่ตายอีกกระนั้นหรือ?”
จะเป็นไปได้อย่างไร? ในเมื่อได้รับบาดเจ็บถึงเพียงนั้น หญิงผู้นั้นก็ไม่น่าที่จะปรากฏตัวในโลกนี้ได้อีก !
ไม่!
ไม่…นางจะต้องออกจากอาณาจักรสวรรค์เพื่อไปดูให้เห็นกับตาตนเอง อีกอย่างนางจะได้รู้ว่า การที่เฟิงลี่เฉินไปจากอาณาจักรสวรรค์นั้นเกี่ยวข้องกับหญิงผู้นั้นหรือไม่ ?