จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1116-1120
บทที่ 1116 : จอมโจรตี้คัง (6)
“เช่นนั้นข้าก็ช่วยไม่ได้เว้นแต่เจ้าจะให้ข้าตามเจ้าไป หาไม่ … ”
ทันทีที่ถ้อยคำของตี้เสี่ยวอวิ๋นหลุดออกจากปากก็มีพลังที่หนักหน่วงซัดลงบนศีรษะของนาง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกวิงเวียน ที่สุดก็ล้มลงกับพื้น
ไป๋เสี่ยวเฉินสะบัดมือของตน”เสี่ยวหลงเอ๋อ จัดการนางได้แล้ว เราก็ออกเดินทางกันเถอะ”
นัยน์ตาของเสี่ยวหลงเอ๋อยังคงดูงงงันนางจ้องมองรอยยิ้มสดใสของไป๋เสี่ยวเฉินด้วยความประหลาดใจ
”เสด็จพี่องค์หญิงเป็นท่านอาหญิงของพี่ ทำอย่างนี้จะดีหรือ ?”
“อาหญิงของข้าไม่ได้หลอกง่ายเช่นแต่ก่อนแล้วข้าเลยต้องใช้ความรุนแรง หาไม่ หากปล่อยให้นางติดตามเราไป ด้วยความแข็งแกร่งเพียงแค่นี้ของนาง นางจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน”
ไป๋เสี่ยวเฉินขมวดคิ้วที่น่ารักของเขาแน่นเขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ก็ใครใช้ให้ท่านอาหญิงผู้โง่เขลาคนนี้ยังไม่แข็งแกร่งพอกันล่ะ ตอนนี้ก็มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะปกป้องนางได้ …
”มาช่วยข้าก่อนเถิด”
เขาย่อกายลงต้องการที่จะอุ้มตี้เสี่ยวอวิ๋นขึ้นมา หากแต่กลับพบว่าตี้เสี่ยวอวิ๋นนั้นหนักเกินไป ทั้งยังมีแรงต้านอีกเล็กน้อยด้วย
”ได้”
เสี่ยวหลงเอ๋อวิ่งไปหาไป๋เสี่ยวเฉินอย่างว่าง่ายนางช่วยเขายกเท้าของตี้เสี่ยวอวิ๋นขึ้น จากนั้นทั้งสองก็พยายามอย่างหนัก กระทั่งสามารถโยนร่างของตี้เสี่ยวอวิ๋นกลับเข้าไปในวังได้สำเร็จ
”วิ่ง!”
หลังจากโยนตี้เสี่ยวอวิ๋นเข้าวังแล้วไป๋เสี่ยวเฉินก็จับมือของเสี่ยวหลงเอ๋อพาวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว …
“นั่นใครน่ะ?”
ภายในพระราชวังทีมทหารลาดตระเวนได้ยินเสียงต่างก็รีบวิ่งไปยังสถานที่ต้นเสียง
เมื่อไปถึงพวกเขาก็ได้พบตี้เสี่ยวอวิ๋นนอนหมดสติอยู่พวกเขาตกใจ ต่างก็รีบวิ่งเข้าไปดูนาง
”พวกเจ้าไปเรียกผู้อาวุโสรองมาไวๆ องค์หญิงประสบอุบัติเหตุ !”
ทหารยามคนหนึ่งกล่าวอย่างร้อนรน
ทหารยามอีกคนที่ไม่ได้ช่วยดูแลนางก็รีบไปที่บ้านผู้อาวุโส
ไม่นานนักผู้อาวุโสหลายคนก็เดินตามหลังมา และเมื่อพวกเขาเห็นตี้เสี่ยวอวิ๋นหมดสติอยู่ที่พื้น ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดด้วยความตกใจ
”เจ้าพวกบ้ายังมัวยืนทำบื้ออะไรอยู่อีก รีบช่วยพยุงองค์หญิงขึ้นมาเร็ว ๆ เข้าสิ !” ขาของผู้อาวุโสรองอ่อนแรง ขณะตวาดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
ทหารยามรับคำสั่งพวกเขาช่วยกันพยุงร่างของตี้เสี่ยวอวิ๋นขึ้นมา
ผู้อาวุโสรองพยายามป้อนยาให้นางที่สุดนางก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
นางลูบหลังศีรษะที่ปวดตุ้บๆ นัยน์ตาของนางว่างเปล่า
”องค์หญิง!” ผู้อาวุโสสี่เอ่ยถามอย่างเป็นกังวล “เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น ? หรือมีคนจากอาณาจักรสวรรค์มาที่นี่ ?”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นถึงกับผงะไปครู่หนึ่งพลันนางก็เริ่มรู้สึกตัว นางรีบจับมือผู้อาวุโสสี่ “เฉินเอ๋อเป็นคนทำร้ายข้า ตอนนี้เขากำลังออกไปหาพี่ไป๋หยาน รีบไปหยุดเขาที !”
”ว่าไงนะ?”
ขาของผู้อาวุโสสี่สั่นเทานางก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว เข่าอ่อนจนแทบจะยืนไม่อยู่
หลังจากนั้นไม่นานครั้นนางหายจากอาการตกใจแล้วความกังวลก็ฉายวาบในดวงตาของนาง “ข้าจะไปตามองค์ชาย พวกท่านดูแลองค์หญิงให้ดี”
ทันทีที่กล่าวจบผู้อาวุโสสี่ก็ออกจากวังไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตานางก็หายไปจากสายตาของทุกผู้คน …
“องค์หญิงเป็นอย่างไรบ้าง?”
ผู้อาวุโสไม่คาดคิดมาก่อนว่าองค์ชายน้อยจะเป็นผู้ที่ทำร้ายตี้เสี่ยวอวิ๋นยามนี้องค์ชายน้อยออกจากวังไปอีกครั้งแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าเด็กน้อยจะต้องพบเจอกับอันตรายเช่นใด นั่นทำให้พวกเขาเป็นกังวลขึ้นมาทันที
ตี้เสี่ยวอวิ๋นกัดริมฝีปากแน่นพร้อมกับนึกตำหนิตนเองหากนางไม่ชะล่าใจจนเกินไป นางคงจะไม่เปิดโอกาสเฉินเอ๋อกระทำเช่นนี้ได้
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเฉินเอ๋อจริงนางจะไม่มีวันอภัยให้ตนเองเลย…
ภายในหุบเขาไม่ไกลจากพระราชวังนักหูของไป๋เสี่ยวเฉินกระดิก ทันทีที่เขารับรู้ถึงการเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านหลัง เขาก็รีบดึงเสี่ยวหลงเอ๋อเข้าไปหลบในพุ่มไม้
บทที่ 1117 : จอมโจรตี้คัง (7)
ไป๋เสี่ยวเฉินหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาจากนั้นก็ยื่นส่งให้เสี่ยวหลงเอ๋อ
”กินซะ”
“นี่ยาอะไร?” เสี่ยวหลงเอ๋อกระพริบตา เอ่ยถามอย่างสงสัย
“นี่คือยาขจัดกลิ่นอายข้าได้รับมาจากหม่ามี้ จำได้ว่าตอนที่ข้าอยู่บนเกาะศักดิ์สิทธิ์ ข้ามักจะตามพี่สาวฉู่ไปทำเรื่องไม่ดี และยาเม็ดนี้ก็จำเป็นมาก
ยาเม็ดนี้เป็นยาชนิดเดียวที่ไป๋เสี่ยวเฉินจำได้อย่างดีเพราะเขาใช้มันบ่อยมาก มันคือ ยาขจัดกลิ่นอาย
เพราะใช้บ่อยเขาจึงจำได้ฝังใจ…
หลังจากกินยาขจัดกลิ่นอายไปแล้วทั้งสองก็ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ เนื่องจากร่างของพวกเขามีขนาดเล็กมากพุ่มไม้จึงบดบังร่างของพวกเขาจนมิด
ครั้นมองลอดผ่านพุ่มไม้ทั้งคู่ก็เห็นอาวุโสสี่ไล่ตามพวกเขามาจากด้านหลัง ก่อนจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว
”แปลกจัง”
ในอากาศว่างเปล่าผู้อาวุโสสี่หยุดชะงักพลางขมวดคิ้ว “เห็นชัด ๆ ว่า ข้าได้กลิ่นอายขององศ์ชายแล้วแท้ ๆ เหตุใดกลิ่นอายถึงหายไปได้ ?”
นางนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจไล่ตามไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล
ที่นี่มีถนนเพียงสายเดียวขอเพียงไล่ติดตามไปเรื่อย ๆ ก็จะพบองค์ชายน้อยได้เอง
ไป๋เสี่ยวเฉินถอนหายใจอย่างโล่งอกครั้นผู้อาวุโสสี่ลับตาไปแล้ว เขาก็คลานออกมาจากพุ่มไม้
”เสี่ยวหลงเอ๋อผู้อาวุโสสี่ไปแล้ว เช่นนั้นพวกเราต้องหาเส้นทางอื่นแทนแล้วล่ะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินเม้มริมฝีปากพลางดึงเสี่ยวหลงเอ๋อย้อนกลับไปในทิศทางที่เขาจากมา
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เขาหยิบพู่กัน และจานหมึกออกมาจากถุงเก็บของ
“ข้าต้องฝากจดหมายถึงผู้อาวุโสสี่นางจะได้ไม่ต้องติดตามข้าไปทุกที่ ข้าไม่อยากให้นางพบอันตรายเพราะข้า”
ไป๋เสี่ยวเฉินพบต้นไม้ใหญ่จึงเขียนบางอย่างทิ้งไว้บนต้นไม้
”เอาล่ะ…เสี่ยวหลงเอ๋อเราไปกันเถอะ”
เขาปัดมือก่อนจะเก็บจานหมึก และพู่กัน แล้วเดินจากไป
อาจเป็นเพราะไล่ติดตามมาเป็นเวลานาน ผู้อาวุโสสี่จึงหยุดไล่ตามไป๋เสี่ยวเฉิน นางหันหลังกลับมาเส้นทางเดิมอีกครั้ง พลางขมวดคิ้วแน่นด้วยความกังวล
“องค์ชายไปไหนกันนี่? เอ๊ะ ! ?”
ทันใดนั้นนางก็เหลือบไปเห็นลายมือที่เขียนทิ้งไว้บนต้นไม้
นางตกตะลึงรีบเดินตรงไปที่ต้นไม้ ห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว ตัวอักษรบนต้นไม้ก็สะท้อนเข้าตานาง …
“ผู้อาวุโสสี่ช่วยขอโทษท่านอาหญิงแทนข้าด้วย ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำร้ายนาง ยามนี้ข้าต้องไปหาหม่ามี้ ท่านอย่าได้ตามหาข้าอีกเลย ไว้ข้าจะกลับมาพร้อมหม่ามี้เอง”
ผู้อาวุโสสี่มองอักษรที่เขียนทิ้งไว้บนต้นไม้รอยยิ้มบิดเบี้ยวพลันปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง “ดูเหมือนว่าองค์ชายจะออกไปตามหาราชินี ต่อให้ครั้งนี้หาเขาพบ เกรงว่าอย่างไรเสีย เขาก็ต้องจากไปอีกครั้งตามความปรารถนาของเขาอยู่ดี”
นางถอนหายใจเบาๆ พลางเหลือบมองตัวอักษรที่ไป๋เสี่ยวเฉินทิ้งไว้ให้ ก่อนจะหันหน้ากลับไปทางพระราชวังอาณาจักรอสูร …
”เป็นอย่างไรบ้าง?”
ครั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นผู้ซึ่งกำลังรออย่างใจจดใจจ่ออยู่ที่ประตูพระราชวังแลเห็นการปรากฏตัวของผู้อาวุโสสี่ นางก็ดีใจและรีบเข้าไปไถ่ถาม
อย่างไรก็ตามรอยยิ้มบนใบหน้าของนางค่อย ๆ เลือนหาย เมื่อไม่เห็นไป๋เสี่ยวเฉินติดตามกลับมาด้วย
“หาเฉินเอ๋อไม่เจอหรือ?”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นกัดริมฝีปากสีชมพูของนางเบาๆ ขณะเอ่ยถาม
ผู้อาวุโสสี่ยิ้มอย่างขมขื่นพลางพยักหน้า “องค์ชายเจ้าเล่ห์เกินกว่าที่คาดคิด ทรงหลบหนีการไล่ตามของข้าได้ นอกจากนี้องค์ชายยังขอให้ข้าช่วยแก้ตัวกับท่าน เขายังบอกว่า อย่างไรเสียเขาก็ต้องไปหาราชินีให้ได้ … ”
ร่างของตี้เสี่ยวอวิ๋นแข็งค้าง“หากแต่อาณาจักรสวรรค์อันตรายเกินไป… ”
บทที่ 1118 : จอมโจรตี้คัง (8)
“องค์หญิงนี่เป็นการตัดสินใจขององค์ชายน้อย เราคงทำอะไรไม่ได้ แม้ว่าครั้งนี้เราจะพาเขากลับมาได้ ทว่าเขาก็จะจากไปอีกอยู่ดี ที่สำคัญ ข้าอาจไม่สามารถพาเขากลับมาได้”
สัตว์อสูรนั้นมีทิฐิมานะมากหากองค์ชายน้อยไม่เต็มใจที่จะกลับมาพร้อมนาง นางก็ไม่สามารถบังคับได้
ตี้เสี่ยวอวิ๋นรู้ดีว่าสิ่งที่ผู้อาวุโสสี่กล่าวมานั้นสมเหตุสมผลอย่างยิ่งทว่าใจของนางก็ยังคงเป็นกังวล
“เฉินเอ๋อยังเด็กข้ามิอาจปล่อยให้เขาเดินทางไปยังแดนสวรรค์เพียงลำพังได้ ข้าต้องตามหาเขา”
นางผลักผู้อาวุโสสี่ออกใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
”องค์หญิง!” ผู้อาวุโสสี่รีบคว้ามือของตี้เสี่ยวอวิ๋น
ตี้เสี่ยวอวิ๋นสะบัดแขนอย่างแรงน้ำตาไหลออกมาจากนัยน์ตากลมโตที่งดงามของนาง น้ำเสียงของนางราวกับกำลังจะบ้าคลั่ง
“ปล่อยข้านะข้าต้องไปหาเฉินเอ๋อ…เจ้า … ”
ตูม!
ครั้นเห็นว่าตี้เสี่ยวอวิ๋นปฏิเสธที่จะฟังคำชี้แนะของนางอีกทั้งยังยืนกรานที่จะไป ผู้อาวุโสสี่จึงไม่ลังเลที่จะซัดต้นคอของตี้เสี่ยวอวิ๋น
ตี้เสี่ยวอวิ๋นแลเห็นดอกไม้หมุนวนอยู่เบื้องหน้าก่อนจะสิ้นสติไปอีกครั้ง
ผู้อาวุโสสี่ถอนหายใจ”องค์หญิงเพิ่งจะถูกองค์ชายน้อยทำร้ายมา ทว่านางก็ยังไม่รู้จักจำ ด้วยนิสัยของนาง จะให้ข้ามั่นใจได้อย่างไรว่านางจะปลอดภัย”
เมื่อเทียบกับองค์ชายน้อยแล้วองค์หญิงน่าจะอันตรายมากกว่า
ทั้งไม่เพียงความแข็งแกร่งขององค์ชายจะทะยานขึ้นจากการฝึกฝนในดินแดนลับเท่านั้นทว่าเขายังมีนิสัยเจ้าเล่ห์ที่ยากจะหาผู้ใดเทียบ มีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถหลอกเขาได้ …
“อาวุโสสี่เจ้าทำแบบนี้กับองค์หญิง หากองค์หญิงฟื้นขึ้นมาจะไม่สร้างปัญหาอีกหรือ ?”
อาวุโสหกที่ยืนกอดอกอยู่ด้านหลังเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
ผู้อาวุโสสี่ยักไหล่”นอกจากวิธีนี้แล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่น เมื่อถึงเวลานั้นเราก็ผลัดกันเฝ้าดูนาง อย่าปล่อยให้นางมีโอกาส หาไม่องค์หญิงก็จะสร้างความปั่นป่วนไม่จบสิ้น”
หลังจากนางกล่าวจบนางก็พยุงตี้เสี่ยวอวิ๋นขึ้นมาอย่างเหนื่อยหน่าย จากนั้นก็เดินเข้าไปในวัง
ผู้อาวุโสหกกอดอกเดินตามหลังนางเข้าไป
จากนั้นภายในแดนอสูรก็เงียบสงบลงอีกครั้งราวกับทะเลสาบไร้คลื่น ช่างสงบสุขและสันติ …
สถานที่แรกที่ไป๋เสี่ยวเฉินและเสี่ยวหลงเอ๋อมุ่งหน้าไปก็คือเมืองชายแดน ทว่าไป๋หยาน และตี้คังได้ออกจากเมืองชายแดนไปนานแล้ว หลังจากทราบข่าวนี้พวกเขาก็ลอบติดตามไปยังเส้นทางสู่แดนสวรรค์
สิ่งที่อาณาจักรสวรรค์แตกต่างจากที่อื่นก็คือที่อาณาจักรสวรรค์จะสามารถพบเห็นผู้แข็งแกร่งในระดับเทพได้ทุกที่
สมกับเป็นดินแดนสวรรค์ที่มีตำนานมากมายตลอดเส้นทางจึงมีแต่สิ่งตื่นตาตื่นใจ
เสี่ยวหลงเอ๋อมองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น นัยน์ตากลมโตของนางเบิกกว้าง ขณะที่ไป๋เสี่ยวเฉินกำลังมองหาร่องรอยของไป๋หยาน
“ไอ้ขอทานนี่บังอาจมาขโมยของที่ร้านเรา พวกเจ้ามาช่วยข้าไล่เขาออกไปที !”
ไป๋เสี่ยวเฉินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงตะโกนโกรธดังลั่นมาจากร้านอาหารใกล้ ๆ
เขาหันศีรษะเหลียวมองโดยรอบจึงเห็นว่าคนในร้านอาหารกำลังขับไล่ชายชราคนหนึ่งในชุดเสื้อผ้าขาดวิ่นออกมา
ผมของชายชรายุ่งเหยิงราวกับสุ่มไก่บางทีเขาอาจจะไม่ได้สระผมมาเป็นเวลานานแล้ว มีกลิ่นตัวโชยมาจากร่างของเขาจาง ๆ
หลังจากคนกลุ่มนั้นขับไล่ชายชราออกมาแล้วพวกเขาก็ยังไม่ปล่อยชายชราไป ทว่ากลับใช้ไม้ตีชายชราอย่างรุนแรง
ชายชรายังคงถือไก่ย่างไว้ในมือแม้จะโดนตีก็ยังเคี้ยวไก่กร้วม ๆ
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่สามารถทนดูฉากนี้ได้อีกต่อไปเขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าวพลางตะโกนว่า “พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของเขาหยุดกลุ่มคนที่ทุบตีชายชราได้ทันที
ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้นำในการทุบตีชายชราหันมองไป๋เสี่ยวเฉินอย่างเย็นชา”เด็กน้อยที่ไหนกล้ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเรา ?”
บทที่ 1119 : จอมโจรตี้คัง (9)
“ก็แค่ไก่ไม่ใช่หรือข้าจ่ายแทนเขาก็ได้ แล้วเจ้าก็ปล่อยเขาไป”
ไป๋เสี่ยวเฉินหยิบเงินออกมาจากสาบเสื้อก่อนจะโยนไปให้ชายวัยกลางคนทันที จากนั้นเขาก็เดินไปหาชายชราผู้วิปลาส พลางเอ่ยถามว่า “ท่านตา…ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ?”
”หิว…ข้าหิวมากเลย”
ชายชราผู้วิปลาสไม่สนใจถ้อยคำของไป๋เสี่ยวเฉินยังคงแทะไก่ในมือตนเองอย่างเมามัน ดูเหมือนเขาจะหิวโหยราวกับว่าไม่ได้กินอะไรมานาน
ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบได้ไป๋เสี่ยวเฉินรู้สึกหดหู่เล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทางหิวโหยของชายชรา
”ท่านตากินช้า ๆ ก็ได้ ไม่มีใครแย่งท่านหรอก”
ชายชราผู้วิปลาสหยุดเคี้ยวไก่ย่างเขาเงยหน้าขึ้น พลางจ้องมองเด็กน้อยที่เหมือนตุ๊กตาแกะสลักตรงหน้า
”เจ้าเคยเจอไป๋ไป๋หรือไม่? ข้าอยากเจอเสี่ยวไป๋ไป๋”
ไป๋เสี่ยวเฉินตกตะลึงพลางขมวดคิ้วน่ารักของเขา”ท่านตา ใครคือไป๋ไป๋ บอกเฉินเอ๋อมา เฉินเอ๋อจะช่วยตามหาให้”
“ไป๋ไป๋ก็คือไป๋ไป๋นางเป็นหลานสาวที่แสนดีของข้า ข้าจะบอกความลับเจ้าอย่างหนึ่ง แท้จริงแล้วข้าขโมยไป๋ไป๋มาจากสหายเก่าข้า นางมีพรสวรรค์มาก สหายเก่าของข้าและข้าต่างก็อยากจะรับนางเป็นหลานสาว เช่นนั้น ข้าจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมช่วงชิงนางมา”
ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้นชายชราผู้วิปลาสก็เริ่มร้องไห้ เขาไม่ต้องการไก่ย่างในมือแล้ว เขาโยนมันลงบนพื้นพร้อมกับส่งเสียงครวญครางในลำคอ
”ข้าควรจะมอบไป๋ไป๋ให้แก่เขานางจะได้อยู่กับเขาอย่างสันโดษ เมื่อนั้นก็จะไม่มีผู้ใดทำร้ายนางได้ ข้าทำร้ายไป๋ไป๋ ไป๋ไป๋ต้องเกลียดข้าแน่ ฮือ ๆ … ”
ชายชราผู้วิปลาสกล่าวอย่างชัดเจนไม่เหมือนกับท่าทางบ้าคลั่งของเขาในตอนแรกทว่าหลังจากที่เขากล่าวเช่นนี้แล้ว เขาก็เริ่มโกรธอีกครั้ง พร้อมกันนั้นใบหน้าสกปรกของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มเยาะ
”เจ้าเคยพบไป๋ไป๋บ้างหรือไม่? หากพบนางบอกนางได้หรือไม่ว่าข้าคิดถึงนางมาก…?”
ชายชราคนนี้เดี๋ยวดีเดี๋ยวบ้าหากแต่ไป๋เสี่ยวเฉินกลับรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เพราะในขณะที่เขามองท่าทางบ้าๆ บอ ๆ ของชายชราผู้นี้ จมูกของเขาพลันชื้น “ท่านตา ท่านลุกขึ้นมาก่อนเถิด พื้นดินมันเย็น ท่านช่วยบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าไป๋ไป๋ของท่านมีรูปลักษณ์เช่นไร ข้าจะได้ช่วยท่านได้”
”เด็กน้อย”
ชายวัยกลางคนที่รับเงินของไป๋เสี่ยวเฉินไปมีท่าทีดีขึ้นเล็กน้อย ทว่าเขาก็ยังกล่าวเยาะเย้ย ทันทีที่ได้ยินว่าเด็กชายจะช่วยชายชราที่วิปลาสผู้นี้
”เดี๋ยวจะหาว่าข้าไม่เตือนชายชราผู้นี้เป็นคนโกหก เขาอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว เขาเพียงอยากกินอยากดื่ม อย่าได้หลงกลขอทานเฒ่าผู้นี้”
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่สนใจชายวัยกลางคนเขาช่วยพยุงชายชราวิปลาสขึ้นจากพื้นด้วยแววตาที่สดใสและไร้เดียงสา นัยน์ตาของเขาแวววาวราวกับจะบอกความรู้สึกทั้งปวงได้
”ไป๋ไป๋ของข้าทั้งบริสุทธิ์ ทั้งอ่อนโยน โอ้…ใช่นางเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ ทั้งยัง … ” ชายชราผู้วิปลาสตบศีรษะของตน นัยน์ตาของเขาขุ่นมัวและพร่าเลือน เขากล่าวอย่างเลอะเลือน “ข้าจำไม่ได้แล้ว ไป๋ไป๋หายไปนานแล้ว … ”
“เสด็จพี่”
เสี่ยวหลงเอ๋อดึงแขนเสื้อของไป๋เสี่ยวเฉิน”ท่านตาผู้นี้น่าสงสารจัง เสด็จพี่พาเขาไปพบท่านแม่ด้วยจะดีหรือไม่ ? บางทีท่านแม่อาจช่วยเขาได้”
ไป๋เสี่ยวเฉินเงียบไปชั่วขณะก่อนจะพยักหน้า “ก็ดี แม้ว่าการให้เขาตามเราไป จะเป็นเรื่องที่อันตรายมาก หากแต่เขาก็อาจไม่ปลอดภัยอยู่ดี หากยังขืนอยู่ที่นี่ เช่นนั้นเราควรพาเขาไปด้วยจะดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้นเขาอาจจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง และเราก็อาจช่วยเขาตามหาคน ๆ นั้นได้”
”จริงสิ!”
จู่ๆ ชายชราวิปลาสก็ตบต้นขาของตน เขามองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยท่าทางหลงใหล
”นัยน์ตาของเจ้า…นัยน์ตาของเจ้าคล้ายกับไป๋ไป๋… เสี่ยวไป๋ไป๋ก็มีนัยน์ตาเฉกเช่นเดียวกับเจ้า เป็นนัยน์ตาที่สดใสมาก”
บทที่ 1120 : จอมโจรตี้คัง (10)
ไป๋เสี่ยวเฉินถึงกับผงะหากเพียงแค่อาศัยข้อสังเกตเล็ก ๆ นี้จะให้เขาช่วยตามหาคน ก็คงไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทร
”ท่านตา…ตามเรามาเถอะแม่ของข้าจะช่วยท่านตามหานางเอง”
”ตามหาไป๋ไป๋รึ?” ชายชราผู้วิปลาสหันมามองด้วยแววตาเลอะเลือนอีกครั้งพร้อมกับหัวเราะอย่างเสียสติ “ไป…ไปหา ไป๋ไป๋… “
ไป๋เสี่ยวเฉินและเสี่ยวหลงเอ๋อหันมองหน้ากัน ที่สุดก็ตัดสินใจพาชายชราคนนี้ไปด้วย
หากทิ้งเขาไว้ที่นี่เขาจะถูกคนอื่นรังแก เพราะความบ้าของตน และอาจเสียชีวิตได้
เช่นนั้นการพาเขาไปด้วยจึงปลอดภัยที่สุด
“คนดีๆ พูดไม่ฟัง อยากจะหาเรื่องเดือดร้อนก็ตามใจ !”
ชายวัยกลางคนยิ้มเยาะครั้นเห็นว่าไป๋เสี่ยวเฉินไม่ฟังคำเตือนของเขา เขาก็ตัดสินใจหันหลัง และเดินกลับไปที่ร้าน
ในเมืองไม่ไกลจากไป๋เสี่ยวเฉินและพวกของเขา จู่ ๆ ทหารรักษาการณ์ที่ยืนเฝ้าประตูเมืองก็แลเห็นสัตว์อสูรนับหมื่นตัววิ่งกรูกันเข้ามา เขาตกใจ จนแทบจะกลิ้งตกจากกำแพง
แน่นอนว่าเขารีบปีนลงมาจากประตูเมืองและรีบพุ่งไปยังคฤหาสน์ของเจ้าเมือง
“หนีเร็วพวกโจรจากแดนอสูรมาถึงที่นี่แล้ว !”
เสียงของเขาดังลั่นไปทั่วเมือง
ว่าไงนะ?
โจรจากแดนอสูรมาถึงที่นี่แล้วกระนั้นรึ?
ทุกคนในเมืองต่างหวาดกลัวจนไม่อาจจดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่ได้อีกต่อไปต่างรีบเก็บข้าวเก็บของและหลบหนี
เพียงเวลาสั้นๆ แม้แต่คฤหาสน์ของเจ้าเมืองก็ยังเหลือเพียงความว่างเปล่าน่าหดหู่วังเวง
ภายนอกประตูเมืองครั้นพวกสัตว์อสูรวิ่งมาถึง ก็หยุดยืนรออยู่ห่าง ๆ ให้คนทั้งสองที่อยู่ด้านหน้าออกคำสั่ง
“หยานเอ๋อ…หากแดนอสูรเราเคลื่อนกำลังไปไกลกว่านี้อาจเป็นการดึงดูดผู้ที่แข็งแกร่งในอาณาจักรสวรรค์อย่างแน่นอน เหตุใดเราไม่รั้งอยู่ที่นี่ เพื่อรอเวลาสักพักล่ะ ?
ตี้คังจ้องมองสตรีที่อยู่ข้างกายเขายิ้ม พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หญิงสาวลูบหน้าท้องที่นูนของนางพลางพยักหน้าเล็กน้อย “อืม..ข้าเองก็ง่วงแล้ว ข้าอยากพักที่นี่ก่อน”
ตี้คังชะงักเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ระหว่างทางผู้คนในแดนสวรรค์ที่เราพบนั้นไม่ได้แข็งแกร่งนัก สูงสุดก็อยู่เพียงระดับเทพขั้นกลางเท่านั้น หากแต่ในภายหน้าพวกเราอาจจะต้องปะทะกับระดับเทพซึ่งแข็งแกร่งกว่านั้นมาก”
เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยพลางโอบรอบเอวของนางกระชับแน่น
“หากแต่จงมั่นใจได้ว่าข้าจะดูแลความปลอดภัยของเจ้าอย่างดี”
เปลือกตาของไป๋หยานกระตุกนางยกมือขึ้นลูบขมับตนเอง “ตี้คัง…ช่วงนี้ ข้ามักจะรู้สึกไม่สบายใจเลย ท่านคิดว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเฉินเอ๋อในแดนอสูรหรือไม่ ?”
“ไม่”ตี้คังส่ายศีรษะ “คนในอาณาจักรสวรรค์ไม่ไปสร้างปัญหาในอาณาจักรอสูรหรอก ยามนี้พวกเขากำลังพยายามหาวิธีจัดการกับเราเท่านั้น ที่ข้าสงสัยก็คือ ในเมื่อเราก็เดินทางมาถึงที่นี่แล้ว เหตุใดคนในเทวาคารกลับยังไม่มาปรากฏตัวขึ้นเลย”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตี้คังตรวจสอบพร้อมทั้งคาดคะเนความแข็งแกร่งของอาณาจักรสวรรค์ไว้หมดแล้ว หากแต่สิ่งที่เขารู้สึกไม่อยากเชื่อก็คือ เหตุใดภายใต้การเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ กลับไม่มีผู้ใดในพระราชวังสวรรค์มาที่นี่เลย…
ไป๋หยานยังคงเฉยเมย“ตี้คัง ตอนนี้เราก็มาถึงแดนสวรรค์แล้ว ข้าต้องการสอบถามเกี่ยวกับ … ข่าวคราวของไป๋หนิง”
นางไม่รู้ว่าไป๋หนิงเป็นมารดาของนางจริงๆ หรือไม่ หากแต่นางก็ยังคงหวัง แม้หวังนั้นจะริบหรี่ก็ตามที
ยิ่งไปกว่านั้นบางทีไป๋เซียวก็อาจจะอยู่ในอาณาจักรสวรรค์ก็เป็นได้
“ข้าจะส่งคนไปสืบเรื่องนี้เองเจ้าดูแลครรภ์ตนเองให้ดี และคอยข้าอยู่ที่บ้านด้วยความสบายใจเถอะ หากข้าได้เบาะแสใด ข้าจะรีบบอกเจ้าทันที”
ตี้คังลูบเรือนผมดำสลวยของนางเบาๆ ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน นัยน์ตาเรียวคมของเขาเต็มไปด้วยใบหน้าของนาง
ไป๋หยานคิดเพียงครู่ก่อนจะพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะรอข่าวจากท่าน”