จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1156-1160
บทที่ 1156 : ขุดถึงแกนโลก ก็จะหาเจ้าให้พบ (8)
หลงหยันสังเกตสีหน้าของไป๋หยานครั้นเห็นว่านางไม่ได้โกหก ความโกรธในดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ จางหายไป
“ความรู้สึกของข้าไม่ผิดแน่เจ้ามันนางสารเลวคนนั้นชัด ๆ ! ไว้ข้าจัดการนางอสรพิษนั่นก่อน ข้าจะกลับมาจัดการกับเจ้า”
เขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับป้านชิงเฉิงผู้ซึ่งมีใบหน้าซีดเผือดพร้อมกับรอยยิ้มเยาะที่มุมปาก
“ป้านชิงเฉิงตลอดหลายปีที่ผ่านมาเจ้าทำให้ข้าทุกข์ทรมานมาก ตอนนี้ข้ามีโอกาสแก้แค้นแล้ว ฮ่า ๆ ๆ !”
ป้านชิงเฉิงเนื้อตัวสั่นเทานางก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว สายตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ยามนี้นางรู้สึกราวกับได้เห็นจุดจบของโลก ใบหน้าของนางแลดูสิ้นหวัง
จบสิ้นแล้ว!
ครานี้นางตายแน่ๆ !
“ช้าก่อน!”
ในขณะที่หลงหยันกำลังจะลงมือเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหลังเขา
เขาไม่ได้หันกลับไปมองทว่าเอ่ยถามด้วยความกรุ่นโกรธว่า “เจ้าจะวุ่นวายอะไรอีก ? ข้าสังหารเจ้าไม่ได้ แล้วข้าก็สังหารงูตัวนี้ไม่ได้ด้วยกระนั้นรึ ?”
“ข้าไม่อยากให้เปล่าประโยชน์เฉินเอ๋อและข้ายังไม่มีอาหารค่ำสำหรับเย็นนี้เลย คืนนี้ใช้งูตัวนี้ทำซุปงูก็ไม่เลวนะ”
“ซุปงู?” นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินสว่างไสวขึ้นทันที “หม่ามี้..เฉินเอ๋อชอบซุปงู”
ใบหน้าของป้านชิงเฉิงที่เห็นเพียงครึ่งเริ่มซีดลงเรื่อย ๆ พร้อมกันนั้นนางก็ยังคงก้าวถอยหลังไปเรื่อย ๆ
นางหันหลังกลับต้องการที่จะหลบหนี ทว่าร่างของหลงหยันพลันกระพริบ ก่อนที่จะปรากฏขึ้นดักตรงหน้านาง เพื่อขวางทางหนีของนาง
“เจ้า…” ป้านชิงเฉิง หันหน้าไปมองไป๋หยานด้วยความโกรธ “เหตุใดเจ้าจึงเป็นคนร้ายกาจเช่นนี้ ? ข้าเพียงอยากจะยืมมือเจ้า ไม่เคยคิดสังหารเจ้า เหตุใดเจ้าถึงไม่ยอมปล่อยข้าไป ?
ไป๋หยานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“เมื่อครู่ข้าเห็นกองกระดูกจำนวนมากไม่ไกลจากที่นี่นัก หากข้าเดาไม่ผิด พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นคนที่บังเอิญพลัดหลงเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ พวกเขาต่างก็ต้องตายด้วยน้ำมือของเจ้าใช่หรือไม่ ?”
ใบหน้าของป้านชิงเฉิงที่เห็นเพียงครึ่งเริ่มแข็งกระด้างนางไม่ปฏิเสธ
“เมื่อครู่หากข้าปฏิเสธที่จะช่วยเจ้าจัดการกับหลงหยันหรือ… หากข้าไม่สามารถดึงดาบยักษ์นี่ขึ้นมาได้ บางทีข้าอาจจะกลายเป็นกองกระดูกเหมือนพวกเขาแล้วก็เป็นได้ใช่หรือไม่ ?”
ไป๋หยานก้าวเข้าไปหาป้านชิงเฉิงอีกสองก้าว“ไม่ใช่ว่า…เจ้าละเว้นข้า ทว่า … ทว่าตอนนั้นเจ้ายังต้องการยืมมือข้า เช่นนั้นเจ้าจึงยังไม่สังหารข้า”
ป้านชิงเฉิงกัดริมฝีปากแน่นเหงื่อเย็น ๆ ไหลพรั่งพรู ทว่านางก็ไม่ได้กล่าวคำใด
“เช่นนั้นสำหรับคนที่มีเจตนาสังหารข้าข้าจะปล่อยเสือกลับเข้าป่าได้อย่างไร ?” ไป๋หยานมองป้านชิงเฉิงพร้อมกับยิ้ม
ทุกครั้งที่คำพูดหลุดจากปากของนางใบหน้าของป้านชิงเฉิงก็ซีดลงเรื่อย ๆ ที่สุดเหงื่อเย็น ๆ ก็กระจายไปทั่วหน้าผากของนางกลายเป็นหยดน้ำ และตกลงสู่พื้น …
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องการอะไร?” ป้านชิงเฉิงกัดฟันเอ่ยถาม
ไป๋หยานฉีกยิ้มกว้างขึ้น“เจ้าโชคดี…หากเป็นในอดีต ข้าอาจจะจับเจ้าตุ๋นทำซุปงู ทว่าตอนนี้ข้ากำลังขาดผู้ช่วย ข้าสามารถใช้เจ้าต่างเกราะกำบังได้ เพราะเจ้ามีผิวหนังที่แข็งแกร่ง อีกทั้งเนื้อหนาทานทน หากเจ้ายอมทำพันธะสัญญาทาสกับข้า ข้าก็จะไว้ชีวิตของเจ้า”
ป้านชิงเฉิงเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ“สัญญาทาส? เจ้าต้องการผูกพันธะสัญญาทาสกับข้ากระนั้นรึ ?”
สัญญาระหว่างไป๋หยานกับหลงหยันเป็นเพียงสัญญานาย-บ่าวเท่านั้นเพราะหลงหยันแข็งแกร่งมาก ต่อให้เขาเต็มใจทำสัญญาทาส ก็ไม่สามารถฝืนทำสัญญาทาสได้
ทว่าแตกต่างกับป้านชิงเฉิงความแข็งแกร่งในยามนี้ของนางอยู่เพียงระดับสูงของเทพขั้นต้นเท่านั้น ตราบใดที่นางยังไม่อาจเข้าถึงเทพระดับกลาง ไป๋หยานก็สามารถผูกพันธะสัญญาทาสได้
หากแต่สิ่งที่ไป๋หยานต้องการจากป้านชิงเฉิงก็มีเพียงร่างกายที่แข็งแกร่งของนางด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายนี้ ย่อมเพียงพอที่จะต้านรับการโจมตีของเทพระดับสูงได้
เว้นแต่ดาบในมือของไป๋หยานแล้วน้อยคนนักที่จะสามารถทำร้ายป้านชิงเฉิงได้
บทที่ 1157 : ขุดถึงแกนโลก ก็จะหาเจ้าให้พบ (9)
แน่นอนว่าดาบในมือของนางอาจจะไม่ดีที่สุดทว่าเนื่องจากความแข็งแกร่งในยามนี้ของป้านชิงเฉิงอยู่เพียงระดับเทพขั้นต้นเท่านั้น เช่นนั้นนางจึงสามารถอาศัยดาบยักษ์นี่ทำร้ายป้านชิงเฉิงได้
แต่หากพบผู้ที่มีร่างกายและความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเทพชั้นสูงที่สามารถสร้างโล่พลังฉีได้ แม้ว่าดาบของไป๋หยานจะตัดเหล็กได้ไม่ต่างจากตัดโคลนเลน ทว่าก็ไม่อาจทำลายโล่พลังฉีของยอดฝีมือระดับเทพชั้นสูงได้
“เจ้ายังอยากมีชีวิตหรืออยากกลายเป็นซุปงูให้ข้ากิน” ไป๋หยานลูบดาบยักษ์ในมือตน ริมฝีปากของนางยกยิ้มอย่างน่ากลัว
ป้านชิงเฉิงตัวสั่นอย่างแรง
เหตุใดนางถึงรู้สึกว่ามนุษย์ผู้นี้ร้ายกาจยิ่งกว่าคนเผ่าอสรพิษเสียอีก
“หม่ามี้เฉินเอ๋อว่าทำซุปงูดีกว่า”
ไป๋เสี่ยวเฉินเลียริมฝีปากเอ่ยกล่าวอย่างไร้เดียงสา
แม้ว่าหน้าตาท่าทางของเด็กน้อยจะแลดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาทว่าถ้อยคำที่ชั่วร้ายของเขาก็ทำให้ป้านชิงเฉิงสั่นสะท้าน
ต่อให้เป็นสัตว์อสูรนางก็กลัวความตายเช่นกัน
“หลังจากที่ข้าผูกพันธะสัญญากับเจ้าเจ้าจะปล่อยข้าไปจริง ๆ กระนั้นหรือ ?” ป้านชิงเฉิง กัดริมฝีปากพลางเอ่ยถาม
ไป๋หยานเหลือบมองนางอย่างเฉยเมย“เจ้าคิดว่าข้าอยากจะสังหารเจ้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นเหตุใดข้าต้องวุ่นวายถึงเพียงนี้ด้วยล่ะ”
ป้านชิงเฉิงกระซิบ“บางทีเจ้าอาจต้องการสนุกกับการทรมานข้าเล่น”
“เจ้าว่ากระไรนะ?” ไป๋หยานเอ่ยถามอย่างเย็นชา
ครั้นได้ยินเสียงนี้นางก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น นางเหลือบมองดาบยักษ์ในมือของไป๋หยานอย่างระมัดระวังพลางกัดริมฝีปากเอ่ยกล่าวว่า “ข้าบอกว่า ข้าเต็มใจที่จะผูกพันธะสัญญากับเจ้า”
“ไม่นะ!”
จู่ๆ หลงหยันก็ตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ “ข้าไม่เห็นด้วย ป้านชิงเฉิง นางโง่ เจ้าพูดเองว่าเจ้าจะไม่มีวันผูกพันธะสัญญากับนาง ! เหตุใดถึงได้กลับใจตอนนี้ล่ะ ?”
หากป้านชิงเฉิงผูกพันธะสัญญากับมนุษย์ผู้นี้เขาจะชำระหนี้แค้นกับป้านชิงเฉิงได้เช่นไร ?
ป้านชิงเฉิงตะคอกอย่างเย็นชาพร้อมเยาะเย้ยกลับไป “เจ้าเองก็ไม่ได้พูดว่าตายเสียดีกว่าที่จะผูกพันธะสัญญาหรอกรึ ? หากแต่เมื่อครู่นี้ เจ้าก็ยังยินยอมผูกพันธะสัญญาเช่นกัน เพื่อรักษาชีวิตแล้ว เรามีทางเลือกหรือไรเล่า ?
หลงหยันตัวสั่นเขาหันหน้าไปมองไป๋หยาน ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยกล่าวอะไรบางอย่าง ไป๋หยานก็กวาดตามามอง พร้อมรอยยิ้ม
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะลงมือกับป้านชิงเฉิงเช่นไร ? หากแต่จงจำไว้ว่า เจ้าจะต้องไม่ทำให้นางถึงตาย ! นางยังมีประโยชน์กับข้า”
หลงหยันชะงักไปเขาทั้งโกรธ ทั้งไม่พอใจ
หากแต่…
ต่อให้ป้านชิงเฉิงผูกพันธะสัญญากับมนุษย์ผู้นี้เขาก็ยังคงสามารถล้างแค้นนางได้อยู่ดี ครั้นคิดได้เช่นนี้ เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก
“ป้านชิงเฉิง…ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเจ้าสร้างความอับอายให้ข้ามาตลอด วันหนึ่งข้าจะให้เจ้าได้ชดใช้ !” หลงหยันกัดฟัน
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเมื่อหวนนึกถึงความอัปยศอดสูที่เขาได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“อะแฮ่ม”ไป๋หยานกระแอมไอ พลางขัดจังหวะหลงหยัน นางขมวดคิ้ว หันไปมองพร้อมกับเอ่ยถาม “เจ้าเพิ่งระลึกได้ว่าข้าเป็นคนอีกคนหนึ่ง เช่นนั้นป้านชิงเฉิงผู้นี้ล่ะ ถูกจับโยนลงมาที่นี่พร้อมกับเจ้ากระนั้นรึ ?”
หลงหยันส่ายศีรษะ“ไม่…ข้าไม่เคยรู้จักป้านชิงเฉิงมาก่อน ข้าได้พบนางในสถานที่แห่งนี้ ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ? ข้ารู้เพียงว่า ป้านชิงเฉิงไม่สามารถออกจากที่นี้ได้ หลายปีที่ผ่านมา นางจึงเล่นสนุกกับการกลั่นแกล้งให้ข้าได้อับอาย … “
เขาหยุดก่อนจะกล่าวต่อ“ครั้งหนึ่งในขณะที่ข้ากำลังรู้สึกโกรธ นางก็เข้ามาอยู่ใกล้ ๆ ข้า เช่นนั้นข้าจึงจงใจฉี่ใส่นาง จากนั้นหญิงสารเลวคนนี้ก็เกลียดข้าเข้ากระดูกดำ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ใดเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน นางพยายามหลอกล่อทุกคนที่ตกลงมาที่นี่ ให้มาสังหารข้า !”
“ป้านชิงเฉิงรู้ได้อย่างไรว่าดาบเล่มนี้สามารถสังหารเจ้าได้?” ไป๋หยานขมวดคิ้ว พร้อมกับเอ่ยถามต่อ
บทที่ 1158 : ปาฏิหาริย์อีกครั้ง (1)
“อะแฮ่ม!” ใบหน้าของหลงหยันแลดูลำบากใจ “นั่น … ก่อนหน้านี้มีกระดาษแผ่นหนึ่งถูกดาบทับไว้ บนกระดาษเขียนว่าดาบเล่มนี้สามารถทำร้ายข้าได้ ทว่าป้านชิงเฉิงทำกระดาษแผ่นนั้นหาย”
ใบหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นดำคล้ำผู้ที่พันธนาการหลงหยันไว้ที่นี่ผิดปกติหรือไม่ ? ไม่เพียงแต่ทรมานร่างกาย ทว่ายังทรมานจิตใจเขาด้วย …
“เจ้ารู้วิธีออกไปจากที่นี่หรือไม่?” ไป๋หยานเอ่ยถามหลังจากเงียบไปครู่ ขณะเดียวกันนางก็ลูบคางของตน
ครั้นหลงหยันได้ยินเช่นนั้นนัยน์ตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “ข้าถูกเจ้ากักขังไว้ที่นี่ เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกหรือว่าจะออกไปได้อย่างไร ?
ไป๋หยานยักไหล่“ข้าบอกแล้วว่า เจ้าจำคนผิด”
หลงหยันหงุดหงิดใจครั้นเห็นหญิงผู้นี้ปากแข็งไม่ยอมรับ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจ้องไป๋หยานด้วยสายตาขุ่นเคือง พลางส่งเสียงคำราม “ข้าไม่รู้ว่าจะออกไปได้อย่างไร ?”
ไป๋หยานหันไปมองป้านชิงเฉิงอีกครั้ง“แล้วเจ้าล่ะ ?”
ป้านชิงเฉิงกัดริมฝีปาก“หากข้ารู้วิธีออกไปจากที่นี่ ข้าคงออกจากสถานที่แห่งนี้ไปนานแล้ว ข้าคงจะไม่อยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้หรอก”
“ถ้าเช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้”ไป๋หยานขมวดคิ้ว พลางครุ่นคิด “เฉินเอ๋อ หลงเอ๋อ เราคงต้องเดินทางต่อ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่มีทางออกไปสู่โลกภายนอกได้”
“หม่ามี้”
ไป๋เสี่ยวเฉินจับมือของไป๋หยานใบหน้าเล็ก ๆ ของเขายกยิ้มไร้เดียงสาอย่างสดใส “เราต้องออกไปจากที่นี่ได้แน่”
ไป๋หยานลูบศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉินสีหน้าเคร่งเครียดแต่เดิมค่อย ๆ คลายลง
ทันใดนั้นนางก็นึกอะไรบางอย่างออก นางหันไปมองป้านชิงเฉิง “เจ้าอยู่ที่นี่มานานแล้วมีสถานที่ใดดูพิเศษแตกต่างจากที่อื่น หรือไม่ ?”
“สถานที่พิเศษๆ กระนั้นรึ ?” ป้านชิงเฉิง ตะลึงไปชั่วขณะ นางลดสายตาลง พร้อมกับเงียบงัน หลังจากนั้นไม่นานนางก็เงยหน้าขึ้น “เดินไปข้างหน้าไม่ไกลนัก มีสถานที่ที่ซึ่งข้าไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ข้าไม่รู้ว่าที่นั่นจะนับว่าพิเศษได้หรือไม่ ?”
ไป๋หยานพยักหน้าเล็กน้อย“นำทางข้าไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย แล้วเราจะได้รู้กัน”
ยามนี้นางไม่มีเวลาพอที่จะซักถามว่าป้านชิงเฉิงมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร ? ความคิดทั้งหมดของนางจดจ่ออยู่เพียงการหาทางออกไปจากสถานที่แห่งนี้
ป้านชิงเฉิงไม่ลังเลอีกต่อไปร่างของนางเปลี่ยนเป็นงูเขียวอมฟ้า นางเลื้อยผ่านพื้นหญ้ามุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ไป๋หยานและคนอื่นๆ ต่างก็รีบรุดติดตามนางทุกฝีก้าว
เพียงไม่นานทุกคนก็เดินไปถึงใต้หุบเขา
หุบเขาถูกปกคลุมไปด้วยรัศมีสีขาวจางๆ และภูเขาที่ถูกรัศมีปกคลุมนี้ก็แลดูศักดิ์สิทธิ์ ทั้งไม่สามารถทำลายได้
“ที่นี่แหละ”
ป้านชิงเฉิงหันหน้ากลับมาพลางแลบลิ้นงูยาว ๆ ออกมาด้วย น้ำเสียงของนางฟังดูน่ากลัว
“ไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่ข้าต้องการเข้าไปข้างในก็มักจะมีพลังบางอย่างปิดกั้นข้าไว้เสมอ เช่นนั้นสำหรับข้าแล้วที่นี่จึงนับว่าพิเศษกว่าที่อื่น”
ไป๋หยานขมวดคิ้วนางค่อย ๆ ยื่นมือออกไป จากนั้นก็โน้มตัวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
มือของนางไม่กระทบสิ่งกีดขวางใดๆ นางสามารถยื่นมือผ่านเข้าไปในชั้นของแสงสีขาวนั้นได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นไป๋หยานก็เหยียดเท้าออกไปพลางก้าวเข้าไปในหุบเขา
ป้านชิงเฉิงตกตะลึงนี่…เป็นไปได้อย่างไร ?
ทุกครั้งที่นางต้องการเข้าไปข้างในนางจะถูกพลังที่มองไม่เห็นปิดกั้น เหตุใดหญิงผู้นี้ถึงสามารถผ่านเข้าไปได้ ?
“หม่ามี้…”
ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินเห็นว่าไป๋หยานก้าวเข้าไปในหุบเขาแล้วเขาก็รีบติดตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว หากแต่ทันทีที่เขาสัมผัสกับแสงสีขาว ร่างของเขาก็กระเด็นกลับออกมาทันที
“เฉินเอ๋อ!”
บทที่ 1159 : ปาฏิหาริย์อีกครั้ง (2)
ไป๋หยานตกใจมากกระทั่งหน้าถอดสีแสงสีขาวกระพริบออกจากร่าง นางรีบพุ่งกลับไปหาไป๋เสี่ยวเฉิน พร้อมกับยื่นมือออกไปดึงไป๋เสี่ยวเฉินเข้าสู่อ้อมอก
“เฉินเอ๋อเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินส่ายหน้าพลางยิ้มอย่างไร้เดียงสา“เฉินเอ๋อสบายดี หม่ามี้ไม่ต้องห่วง”
“ดีแล้ว”
ไป๋หยานถอนหายใจอย่างโล่งอกนางค่อย ๆ วางไป๋เสี่ยวเฉินลง พร้อมเหลียวกลับไปมองภูเขาด้านหลังที่มีลำแสงสีขาวปกคลุม
“ท่านแม่เกิดอะไรขึ้น ?” เสี่ยวหลงเอ๋อดึงแขนเสื้อของไป๋หยานเอ่ยถามอย่างน่าสงสาร “เหตุใดท่านเข้าไปได้ แต่เสด็จพี่เข้าไปไม่ได้ล่ะ ? เช่นนั้นหลงเอ๋อก็เข้าไปข้างในนั้นไม่ได้ด้วยสิ ?”
ไป๋หยานขมวดคิ้วเล็กน้อย“หากแม่เดาไม่ผิด ผู้ใดก็ตามที่มีสายเลือดสัตว์อสูรจะมิอาจก้าวเข้าไปในสถานที่แห่งนี้ได้”
ป้านชิงเฉิงตะลึง!
ห้ามมิให้ผู้ที่มีสายเลือดสัตว์อสูรผ่านเข้ากระนั้นรึ? กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การที่นางต้องติดอยู่ที่นี่นานหลายปี ไม่สามารถออกจากสถานที่แห่งนี้ได้นั้น เป็นเพราะนางเป็นสัตว์อสูรกระนั้นรึ ?
แล้ว…
ป้านชิงเฉิงหันไปมองไป๋เสี่ยวเฉินพลางกัดฟันอย่างขมขื่น “พวกเจ้า สองแม่ลูกหลอกข้า !”
เด็กคนนี้เป็นสัตว์อสูรทว่านางกลับสังเกตไม่พบเลย !
สัตว์อสูรไม่สามารถสัมผัสดาบยักษ์ได้กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นไปไม่ได้เลยที่เด็กคนนี้จะใช้ดาบยักษ์ทำร้ายนาง
ทว่านางกลับหลงกลสองแม่ลูกนี่กระทั่งต้องสูญเสียอิสรภาพในชีวิต !
รอยยิ้มของไป๋เสี่ยวเฉินช่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเฉกเช่นเคย“นั่นเป็นเพราะเจ้าหลอกง่ายเกินไปไง นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพบงูโง่เช่นนี้นะ”
ใบหน้าที่เห็นเพียงครึ่งของป้านชิงเฉิงเปลี่ยนเป็นสีเข้มนางกำหมัดแน่น หากมารดาของเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้ผูกพันธะสัญญากับนาง นางคงอดไม่ได้ที่จะสังหารเจ้าเด็กน้อยนี่ให้ตายคามือเสียตอนนี้เลย !
“หม่ามี้ตอนนี้ เฉินเอ๋อควรทำอย่างไรต่อดี ?” ไป๋เสี่ยวเฉินถาม พลางหันหน้าไปมองสตรีน่าทึ่งข้างกาย พลางขมวดคิ้วอย่างน่ารัก
ไป๋หยานกดไหล่ของไป๋เสี่ยวเฉินก่อนจะย่อตัวลงให้สายตาของนางอยู่ในระดับเดียวกับเด็กชายตัวน้อย
“เฉินเอ๋อ…เจ้ากับหลงเอ๋อรอแม่อยู่ข้างนอกแม่จะเข้าไปดูเอง”
หัวใจของไป๋เสี่ยวเฉินเคร่งเครียดเขารีบดึงแขนเสื้อของไป๋หยานพลางจ้องมองนางอย่างน่าสงสาร
“หม่ามี้…เฉินเอ๋อเป็นห่วงหม่ามี้… “
“ไม่ต้องกังวลแม่จะไม่เป็นไร นอกจากนี้แม่ได้ผูกพันธะสัญญากับป้านชิงเฉิง และหลงหยันไว้แล้ว ตราบใดที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ นั่นย่อมพิสูจน์ได้ว่าแม่ก็ยังมีชีวิตอยู่” ไป๋หยานยิ้มพลางยืดตัวขึ้น นางหันไปมองป้านชิงเฉิงและหลงหยัน “งานที่ข้าให้พวกเจ้าทำก็คือปกป้องความปลอดภัยให้เด็กสองคนนี้ หากพวกเขาผมร่วงแม้สักเส้น ข้าจะให้พวกเจ้า … มีชีวิตแบบตายเสียดีกว่าอยู่ !”
น้ำเสียงของนางเคร่งขรึมอีกทั้งดุดัน ส่งผลให้หัวใจของหลงหยัน และป้านชิงเฉิงสั่นสะท้าน ราวกับมีลมหายใจเย็น ๆ พุ่งจากฝ่าเท้าของพวกเขามุ่งตรงขึ้นสู่หัวใจ
หลังจากทิ้งคำพูดนี้ไว้ไป๋หยานก็หันไปมองไป๋เสี่ยวเฉินและเสี่ยวหลงเอ๋ออีกครั้ง นางจับมือเด็กทั้งสองแน่น
“แล้วแม่จะรีบกลับมาเจ้าทั้งสองก็ต้องระมัดระวังตัว ที่นี่ไม่ปลอดภัยนัก … “
ไป๋หยานหันหน้ากลับไปมองคนทั้งสองที่อยู่ด้านหลังนางอย่างเฉยชา
แท้จริงแล้วที่นางตั้งใจผูกพันธะสัญญากับสองคนนี้เป็นเพราะนางเห็นว่า
ไป๋เสี่ยวเฉินผู้ซึ่งเป็นถึงองค์ชายแห่งแดนอสูรกลิ่นอายเลือดของเขาสูงส่งกว่าสัตว์อสูรทุกชนิด หากแต่เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายเลือดของเขากลับไม่ส่งผลต่อสัตว์อสูรทั้งสองเลย
สิ่งนี้สามารถพิสูจน์ได้อย่างหนึ่งว่าสัตว์อสูรทั้งสองนี้น่าที่จะอยู่ในระดับสัตว์อสูรโบราณ !
เช่นนั้นหากได้ผูกพันธะสัญญากับสัตว์อสูรทั้งสองนี้จะส่งผลดีอย่างมากในการที่จะพิชิตอาณาจักรสวรรค์ในวันหน้า
แขนเล็กๆ ทั้งสองข้างของไป๋เสี่ยวเฉินกอดเอวของไป๋หยานแน่น เขาซุกศีรษะเข้าสู่อ้อมอกของนาง
บทที่ 1160 : ปาฏิหาริย์อีกครั้ง (3)
ไป๋หยานก้มหน้าลงมองเด็กชายตัวน้อยพลางยกยิ้ม
เด็กชายตัวน้อยคนนี้โตขึ้นมากโดยที่นางก็ไม่รู้ตัวเลย…
กลายเป็นเด็กโตแล้ว
“หม่ามี้รีบไปรีบกลับนะ”
หลังจากนั้นไม่นานไป๋เสี่ยวเฉินก็ปล่อยแขนของเขา
นัยน์ตาของเขาราวกับดวงดาวที่สุกสกาวพราวพร่าง
“เฉินเอ๋อจะอยู่ที่นี่รอหม่ามี้กลับมา… ”
ไป๋หยานจูบหน้าผากไป๋เสี่ยวเฉินนางมองเด็กน้อยทั้งสองอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในหุบเขาที่อยู่ด้านหลัง
…
หุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยลำแสงสีขาวทำให้นางรู้สึกสดชื่นทั้งความรู้สึกนี้ยังทำให้ความเหนื่อยล้าที่ทับถมมาเป็นเวลาหลายวันของนางมลายหายไปด้วย
“ป้านชิงเฉิงติดอยู่ที่นี่นานหลายปีแล้วอาจเป็นเพราะสัตว์อสูรไม่สามารถเข้าสู่หุบเขานี้ได้ บางทีในหุบเขานี้อาจจะมีหนทางที่จะนำพาออกจากโลกใต้ดินแห่งนี้”
ไป๋หยานหรี่ตาใบหน้าบึ้งตึงของหยุนรั่วซีพลันปรากฏขึ้นในความคิดของนาง เพียงไม่นานใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขึ้น
สิ่งแรกที่นางจะทำภายหลังออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ก็คือการชำระบัญชีกับหญิงผู้นั้น !
ไม่ว่าหญิงผู้นี้จะมีเหตุผลใด? นางก็ต้องการทำร้ายเฉินเอ๋อ เช่นนั้นต่อให้นางหนีไปจนสุดขอบโลก ข้าก็จะไม่ปล่อยนางทั้งจะไม่ยอมเลิกรา หากไม่ได้เห็นนางตายด้วยตาตนเอง !
ไป๋หยานสูดลมหายใจเข้าลึกพลางระงับความโกรธที่พุ่งขึ้นในหัวใจ นางมุ่งไปยังเทือกเขาที่อยู่ด้านหน้า
เทือกเขานี้จะเรียกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่เล็กก็ไม่เล็กไป๋หยานสามารถขึ้นถึงยอดเขาได้หลังจากใช้เวลาเพียงครึ่งวัน
เบื้องหน้าของนางคือหน้าผาสูงหมื่นฟุตไม่อาจมองเห็นก้นหุบเหว
ฝั่งตรงข้ามของหน้าผามีประตูทองสำริดด้วยเหตุผลบางประการไป๋หยานรู้สึกคุ้นเคยกับประตูนี้มาก
“ปาฏิหาริย์?”
หัวใจของไป๋หยานสั่นสะท้านขึ้นมาทันใด
ใช่…ประตูนี้ค่อนข้างคล้ายกับปาฏิหาริย์ที่นางใช้เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์…
สถานที่แห่งนี้จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับปาฏิหาริย์ที่นางเคยได้มาหรือไม่นะ?
คิดถึงปาฏิหาริย์ที่ทำให้นางทะลุทะลวงกระทั่งก้าวเข้าสู่ระดับเทพ หากนางได้พบปาฏิหาริย์เป็นครั้งที่สอง บางที … พลังของนางอาจก้าวกระโดดก็เป็นได้
เช่นนั้น…
ด้วยตรรกะนี้ไป๋หยานจึงอยากลองเสี่ยงดวง
นางมองพื้นโดยรอบเพียงครู่ก่อนจะหยิบใบไม้ใบหนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็โยนใบไม้ไปที่หน้าผา
ครั้นใบไม้ลอยไปถึงหน้าผาก็ดูเหมือนว่าจะมีแรงดึงดูดพุ่งขึ้นมาจากหน้าผา ใบไม้ที่ลอยอยู่เหนือหน้าผาพลันร่วงลงสู่ก้นบึ้งทันที
ชั่วขณะนั้นมันก็หายไปจากสายตาของไป๋หยาน
หัวใจของไป๋หยานค่อยๆ เคร่งเครียดขึ้นเรื่อย ๆ
“ดูเหมือนว่าหน้าผานี้จะมีบางอย่างแปลกๆ หากเมื่อครู่ข้าผลีผลามก้าวเข้าไป บางทีข้าอาจถูกมันกลืนลงไปสู่หุบเหวเหมือนใบไม้ที่ร่วงหล่นนั่น”
โชคดีที่นางยั้งใจไว้ได้ทันหาไม่ตอนนี้อาจเป็นนางที่ตกลงไปในหุบเหว !
“อย่างไรก็ตามก็มีเพียงวิธีนี้วิธีเดียว หากข้าต้องการไปยังอีกด้านหนึ่งของหน้าผา ดูเหมือนว่านี่คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก”
ไป๋หยานลูบคางพลางครุ่นคิด
นางหันมองโดยรอบราวกับว่านางต้องการดูว่ามีกลไกใดอยู่ที่นี่หรือไม่ ?
สิ่งที่นางเห็นมีเพียงหุบเขาต้นไม้ ไม่มีสิ่งใดอื่น
“เนื่องจากตรงข้ามนี้มีปาฏิหาริย์จึงเป็นไปไม่ได้ที่สถานที่แห่งนี้จะไม่มีหนทางไปต่อเช่นนั้นข้าต้องคิดหาวิธีว่าจะไปอีกด้านหนึ่งได้อย่างไร ?”
เอ๊ะ?
จู่ๆ ไป๋หยานก็เหลือบไปเห็นดาบยักษ์ที่อยู่ในมือ ดวงตาของนางพลันปรากฏประกายแสงแวววาว
แท้จริงแล้วอีกปลายด้านหนึ่งของหน้าผานั้นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนักเพียงแต่มนุษย์ไม่อาจเข้าไปถึงเท่านั้น
หากมีสะพานก็ดีสิ?
เห็นได้ชัดว่าไม่อาจใช้ต้นไม้ในหุบเขานี้ได้ เพราะแต่ละต้นเตี้ยมาก ทั้งไม่อาจใช้ทำสะพานได้ อย่างไรก็ตามดาบในมือของนางมีขนาดใหญ่มาก จากการคะเนด้วยสายตาของนาง ความยาวของดาบน่าที่จะพอ ๆ กับความกว้างของหน้าผานี้เลยทีเดียว