จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1191-1195
บทที่ 1191 : แม่-ลูกพบหน้า (6)
ชั่วขณะนั้นแววตาที่อ่อนโยนของไป๋หนิงก็หันไปจับจ้องมองไป๋หยานนางยิ้มน้อย ๆ “หยานเอ๋อ นี่คือ หนิงเยี่ย บุตรสาวของหนิงหยวน”
นอกจากนี้ก็ไม่ได้แนะนำอะไรอีก
บุตรสาวของหนิงหยวน?
ไป๋หยานหรี่ตานางหวนนึกถึงตอนที่หนิงหยวนไล่ล่านาง พลันรอยยิ้มเยาะก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง หากแต่นางก็ไม่ได้แสดงออกใด ๆ
”พี่สาวไป๋”แสงเย็น ๆ พลันปรากฏขึ้นในดวงตาของหนิงเยี่ย หากแต่เมื่อนางเงยหน้าขึ้นแสงเย็น ๆ นั่นก็หายไปกลายเป็นรอยยิ้มประจบประแจง “เฉินเอ๋อ น่ารักน่าเอ็นดูมากเลย ข้าชอบเขามาก ๆ ข้าไม่อยากจากเขา แต่ในเมื่อท่านตามหาเขาพบแล้ว ข้าก็ควรจะคืนเขาให้กับท่าน ”
มุมปากของเสี่ยวหลงโค้งงอพลางยิ้มเยาะ
เห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นี้เคยเรียกพวกเขาว่าขอทานน้อยมาก่อน อีกทั้งต้องการขับไล่พวกเขา หากแต่ตอนนี้นางกลับเปลี่ยนหน้าไปเสียอีก ช่างน่ารังเกียจจริงๆ
”ข้าลืมบอกไป”ไป๋หนิงขมวดคิ้วเอ่ยกล่าวเบา ๆ “ช่วงนี้หยานเอ๋อจะยังอยู่กับเรา และเฉินเอ๋อก็จะไม่จากไปไหน”
ใบหน้าของหนิงเยี่ยแข็งกระด้าง
เดิมทีนางรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เห็นการปรากฏตัวของมารดาไป๋เสี่ยวเฉินเด็กน้อยที่น่ารำคาญนี่จะจากไปแล้ว หากแต่นางไม่คาดคิดว่า มิใช่เพียงเด็กคนนั้นจะไม่จากไป หากแต่ยังมีคนมาเพิ่มอีกคนหนึ่งด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงผู้นี้มีลักษณะคล้ายกับไป๋หนิงมากหากจะบอกว่านางเป็นบุตรสาวของไป๋หนิง ไม่ว่าใครก็ต้องเชื่อ
จู่ๆ ก็มีบางสิ่งวาบเข้ามาในใจของหนิงเยี่ย นางจ้องมองใบหน้าของไป๋หยานอีกครั้ง
ในโลกนี้จะมีคนที่หน้าตาคล้ายกันมากถึงเพียงนี้จริงๆ หรือ ? เป็นไปได้หรือไม่ว่า … หญิงผู้นี้จะเป็นบุตรสาวของท่านอาหนิง ?
ยิ่งหนิงเยี่ยคิดถึงความเป็นไปได้มากเท่าใด? ใบหน้าสวยของนางก็ยิ่งซีดเซียว อาจเป็นเพราะนางสังเกตเห็นสายตาที่กวาดมองมาของไป๋หนิง นางจึงรีบเปลี่ยนสีหน้า เอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าก็มีพี่สาวเพิ่มอีกหนึ่งคนแล้วสิ ? ท่านอาหนิงมีพี่หยานแล้วอย่าลืมข้าเสียล่ะ ?”
นางจับแขนของไป๋หนิงด้วยท่าทีออดอ้อนนัยน์ตากลมโตของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา ขี้เล่น และน่ารัก
ไป๋หนิงพอใจกับทีท่าของหนิงเยี่ยมากนางจึงไม่กล่าวคำใดอีก นางหันมาสบตากับไป๋หยานอีกครั้ง นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยประกายแสงอ่อนโยน
“หยานเอ๋อกว่าที่เจ้าจะตามหาเฉินเอ๋อจนพบได้เจ้าคงผ่านความลำบากมามาก เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปพักผ่อนก่อนส่วนสามีของเจ้า … ไม่ต้องกังวลหากเขากล้ามา ข้าจะต้องตีเขาให้เจ้าอย่างแน่นอน”
ใบหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นสีเข้มนางเหลือบตามองไป๋เสี่ยวเฉินราวกับจะถามเขาว่า ที่ผ่านมานี้เจ้าพูดอะไรกรอกหูไป๋หนิง ? เหตุใดไป๋หนิงเข้าใจตี้คังผิดอย่างมาก
ครั้นเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของไป๋หยานไป๋เสี่ยวเฉินก็แลบลิ้นออกมาพร้อมกับเผยยิ้มสดใส
เพื่อที่จะอยู่เคียงข้างท่านยายแล้วเขาต้องยอมเสียสละป๊ะป๋าวายร้าย
หวังว่าเมื่อป๊ะป๋าวายร้ายมาถึงเขาจะไม่ถูกท่านยายใช้ไม้กวาดไล่ตีนะ …
”ท่านแม่…” ไป๋หยานเผลอเรียกมารดาของตน ทว่าจู่ ๆ ก็ระลึกได้ว่าไป๋หนิงสูญเสียความทรงจำ นางหยุดพูด และเปลี่ยนคำพูดใหม่ “ท่านอาหนิง ข้าจะพาเฉินเอ๋อไปพักเอง”
ทันทีที่ได้ยินร่างของไป๋หนิงพลันแข็งค้าง นางมองใบหน้าที่งดงามของไป๋หยานด้วยความประหลาดใจ พลางเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ “เมื่อครู่ เจ้าเรียกข้าว่ากระไรนะ ?”
ไป๋หยานผงะนางลังเลที่จะพูด หากแต่ที่สุดนางก็กล่าวว่า “ท่านอาหนิง ?”
”ไม่ๆ ก่อนหน้านี้ เจ้าเรียกข้าว่าท่านแม่ใช่หรือไม่ ?”
ยามนี้ไป๋หนิงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเมื่อได้ยินคำนี้หัวใจของนางจึงเต้นแรงไม่หยุด พลันน้ำตาก็เอ่อขึ้นในดวงตาของนาง
***จบบทแม่-ลูกพบหน้า (6)***
บทที่ 1192 : การสมคบคิดระหว่างหนิงหยวนกับบุตรสาว (1)
”ท่านยายคนสวย”ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบนัยน์ตากลมโต ยกยิ้มอย่างไร้เดียงสา “นับแต่แม่ของข้าถือกำเนิด นางก็ยังไม่เคยเห็นท่านยายของข้าเลย ตอนนี้นางเห็นท่านยายคนสวย อีกทั้งท่านยายคนสวยก็คล้ายกับแม่ของข้ามาก นางก็เลยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ชั่วขณะ ท่านยายคนสวย ท่านจะเป็นยายของข้าได้หรือไม่ ?”
แววตาของเด็กชายตัวน้อยเต็มไปด้วยแสงสว่างยามนี้นัยน์ตาข้างสีดำของเขาจ้องมองไป๋หนิงไม่กะพริบ มันเต็มไปด้วยความหวัง
หัวใจของไป๋หนิงสั่นสะท้านนางเงยหน้าขึ้นมองไป๋หยานที่เงียบงันพร้อมเอ่ยกล่าวว่า
“หยานเอ๋อนี่คงเป็นพรหมลิขิต ในเมื่อเป็นเช่นนี้เจ้าก็มาเป็นบุตรสาวบุญธรรมของข้าจะดีหรือไม่ ?”
หนิงเยี่ยอยู่กับนางมาตั้งนานแม้ว่านางจะมอบความรักให้กับหนิงเยี่ยมากมายเพียงใด หากแต่หนิงเยี่ยก็ยังรู้สึกเสมอว่าตนเองไม่อาจชนะใจของไป๋หนิงได้ หากแต่ตอนนี้เมื่อพบหน้าสองแม่ลูกนั่น นางกลับมีความปรารถนาที่จะให้พวกเขาอยู่เคียงข้างนางตลอดเวลา
ราวกับว่าทุกอย่างถูกลิขิตไว้แล้ว
“ท่านอาหนิง!”
ใบหน้าที่ยังคงแย้มยิ้มอย่างสวยงามของหนิงเยี่ยพลันแข็งค้างหลังจากนั้นเล็บของนางก็ฝังลึกลงไปในฝ่ามือ นางกัดริมฝีปากขาวซีดของตนเอง สายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาของนางจับจ้องมองใบหน้าที่งดงาม และเปี่ยมเสน่ห์ของไป๋หยานอย่างดุดัน
เหตุใด?
เหตุใดกันข้าติดตามท่านอาหนิงมาตั้งนานหลายปี จู่ ๆ สองคนนี้ก็มาฉกนางไปเสียง่าย ๆ
พวกเขามีคุณสมบัติใดที่จะมาเป็นญาติของท่านอาหนิง?
ไป๋หนิงไม่ได้กล่าวคำใดนางจ้องไป๋หยานด้วยสายตาคาดหวัง บางทีอาจเป็นเพราะนางกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ แววตาของนางจึงตึงเครียดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ …
นางไม่เคยรู้สึกกลัวมากถึงเพียงนี้มาก่อนแม้ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนตลอดหลายปีที่ผ่านมา หากแต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกถึงอาการตื่นตระหนกในใจอย่างชัดเจน …
ยิ่งไปกว่านั้นน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจ อีกทั้งการแสดงออกที่หวาดหวั่นนั่นก็เป็นสิ่งที่หนิงเยี่ยไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย
แววตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาของหนิงเยี่ยยามนี้เป็นสีแดงก่ำนางจ้องมองไป๋หยานราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
น่าเสียดายที่ความคิดทั้งหมดของไป๋หนิงมุ่งอยู่ที่ไป๋หยานไป๋หนิงจึงไม่ทันสังเกตเห็นสายตาริษยาของหนิงเยี่ย
มือของไป๋หยานวางทาบลงบนหน้าอกของตนเองอย่างแผ่วเบา
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า… ความผูกพันระหว่างแม่ลูกสินะ ?
แม้ว่านางจะสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไปหากแต่จิตใต้สำนึกของนางยังคงจดจำข้าได้ใช่หรือไม่ ?
”ท่านแม่…”
เสียงเรียกที่แผ่วเบาสั่นสะท้านนั้นทำให้ร่างของไป๋หนิงแข็งค้างทันที
น้ำตาเอ่อท้นดวงตาของนางอีกครั้งทำให้สีหน้าของนางสั่นไหวไปตามแรงอารมณ์
”เด็กดีจากนี้ไปเจ้าก็คือบุตรสาวของข้า ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดทำร้ายพวกเจ้าแม่-ลูกได้อีก !”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของไป๋หนิงไป๋หยานก็อ้าปากหมายจะบอกกล่าว หากแต่นางก็ไม่อาจบอกเรื่องของหนิงหยวนออกมาได้
เมื่อใดที่ท่านแม่ฟื้นความทรงจำเมื่อนั้นนางก็จะรู้ทุกอย่างเอง …
“ท่านแม่ข้าเหนื่อยมากแล้ว ขอตัวไปพักผ่อนกับเฉินเอ๋อก่อน”
”เอาสิข้าจะพาเจ้าไปเอง”
นับแต่ต้นจนจบความสนใจของไป๋หนิงจดจ่ออยู่เพียงไป๋หยานและเพราะนางไม่ได้มองหนิงเยี่ยเลย นางจึงพลาดที่จะเห็นแววตาชั่วร้ายของหนิงเยี่ย
หนิงเยี่ยค่อยๆ หันกลับไปจ้องมองร่างที่ค่อย ๆ ลับตาไป พลางกัดริมฝีปากด้วยความริษยา
นางใช้เวลานานหลายปีทว่าไป๋หนิงกลับไม่ยอมรับนางเป็นลูกบุญธรรม แต่หญิงผู้นี้เพิ่งปรากฏตัวแท้ ๆ กลับกลายเป็นบุตรสาวของนางแล้วกระนั้นรึ ?
จะให้นางพอใจได้อย่างไร?
จู่ๆ ไป๋หนิงที่เดินอยู่ข้างหน้าก็หันหน้ากลับมามอง ด้วยความกลัว หนิงเยี่ยรีบกระพริบตาปกปิดแววตาแดงฉานของตน ใบหน้าสวยงามของนางรีบยกยิ้มสดใสส่งให้
“ท่านอาหนิง… ”
”เยี่ยเอ๋อต่อไปหยานเอ๋อจะเป็นพี่สาวของเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะปฏิบัติกับนางเสมือนหนึ่งญาติสนิท อย่าทำให้ข้าผิดหวังเช่นที่ผ่านมา” ไป๋หนิงขมวดคิ้วเมื่อหวนนึกถึงพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของหนิงเยี่ย นางถอนหายใจ หลังจากกล่าวจบ
***จบบทการสมคบคิดระหว่างหนิงหยวนกับบุตรสาว (1)***
บทที่ 1193 : การสมคบคิดระหว่างหนิงหยวนกับบุตรสาว (2)
หนิงเยี่ยกำหมัดทั้งสองข้างแน่นนางยิ้มพลางกล่าวว่า “ท่านอาหนิง ข้าทราบแล้ว ไม่ต้องกังวล”
ไป๋หนิงถอนสายตาด้วยความโล่งใจนางยิ้มจากนั้นก็หันไปมองสตรีที่อยู่ข้าง ๆ “หยานเอ๋อ เราไปกันเถอะ”
ไป๋หยานพยักหน้าเล็กน้อยและครั้นไป๋หนิงไม่ทันสังเกต ไป๋หยานก็หันกลับไปมองหนิงเยี่ยที่ยืนอยู่ในห้องโถง นางทันได้เห็นแววตาโกรธเกรี้ยวของเด็กสาว
แต่…
ครั้นนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างหนิงเยี่ยกับหนิงหยวนแล้วมุมปากของนางก็โค้งงอขึ้นเล็กน้อย
ไม่ว่าสองคนนี้จะอยู่กับมารดาของข้ามานานเพียงใด? หากข้าพบว่าการที่มารดาของข้าความจำเสื่อม เกี่ยวข้องกับหนิงหยวนจริง ๆ แล้วล่ะก็ ข้าจะไม่มีวันปล่อยเขาไปเป็นแน่ !
ประกายเย็นยะเยือกกระพริบในดวงตาของไป๋หยานก่อนที่ไป๋หยานจะถอนสายตาโดยไม่สนใจสายตาที่น่ากลัวของหญิงสาวที่อยู่ด้านหลัง นางพาไป๋เสี่ยวเฉินขึ้นไปยังห้องด้านบนของโรงเตี๊ยม
เสี่ยวหลงเอ๋อหันหลังไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่หนิงเยี่ยหลังจากเห็นใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของหญิงสาว รอยยิ้มที่ไร้เดียงสา และอ่อนหวานพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าเล็ก ๆ ของเด็กน้อย
”ท่านแม่หลงเอ๋อหิวแล้ว … ” เสี่ยวหลงเอ๋อแตะท้องพลุ้ย ๆ ของตนพลางจิกปากพูด
ไป๋เสี่ยวเฉินหันมามองนาง”เจ้ากินไปเยอะแล้วนะ ยังหิวอยู่อีกหรือ ?”
โดยเฉพาะท้องของนางก็มีขนาดใหญ่โตขึ้นมาก นางยังอยากกินอยู่อีก
เสี่ยวหลงเอ๋อทำตาเศร้าหากแต่นางยังไม่อิ่มนี่นา อีกทั้งอาหารในกระเพาะของนางก็จะถูกย่อยหมดในไม่ช้านี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม…
ไป๋หยานมองเสี่ยวหลงเอ๋อก็รู้ว่านางคิดสิ่งใดอยู่เช่นนั้นจึงยกมือขึ้นเขกศีรษะเล็ก ๆ ของนาง
“แม่ไม่ได้สอนรึว่าห้ามกินของไม่ดี ระวังอาหารจะไม่ย่อยนะ”
เด็กน้อยคนนี้ลืมไปแล้วรึว่าการกินคนจะทำให้รู้สึกอึดอัดเพราะอาหารไม่ย่อย? ตอนนี้นางยังอยากกินหนิงเยี่ยอีกกระนั้นหรือ ?
”อ้อ”
เสี่ยวหลงเอ๋อก้มหัวลงด้วยความเสียใจนางตอบว่า “หลงเอ๋อ เชื่อฟังท่านแม่ หลงเอ๋อจะไม่กินแล้ว … ”
เสด็จพี่รับสั่งว่าท่านแม่เป็นที่หนึ่งเสมอนางต้องเชื่อฟังคำสอนของท่านแม่โดยไม่มีเงื่อนไข เช่นนั้นแม้ว่านางจะหิวจนไส้กิ่ว นางก็จะไม่กินหนิงเยี่ย
หลังจากไป๋หนิงส่งไป๋หยานและคนอื่นๆ เข้าไปในห้องเรียบร้อยแล้ว นางก็ผละจากไป เพื่อให้พวกเขาได้พักผ่อน ทว่านางผละจากไปได้เพียงไม่นาน กลิ่นอายที่คุ้นเคยสองกลิ่นก็พุ่งผ่านประตูเข้ามา และนั่นทำให้ไป๋หยานต้องเหลียวหน้าไปมอง
เพียงครู่ป้านชิงเฉิง และหลงหยัน ก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้านาง
ครั้นเห็นการปรากฏตัวของคนทั้งสองนัยน์ตาของไป๋หยานพลันเคร่งขรึมขึ้น นางเอ่ยถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง อี้เฟิงได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ?”
ทันทีที่ชื่อของฉู่อี้เฟิงหลุดจากปากนัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินพลันสว่างไสวขึ้น เขารีบดึงแขนเสื้อของไป๋หยาน ประกายตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าเล็ก ๆ ของเขา
”หม่ามี้พ่อบุญธรรมของเฉินเอ๋อก็อยู่ที่นี่หรือ ? เขาอยู่ไหนเฉินเอ๋อคิดถึงเขามากเลย”
ไป๋หยานเลิกคิ้วนางละสายตาจากร่างของไป๋เสี่ยวเฉิน หันไปมองป้านชิงเฉิง และหลงหยันอีกครั้ง พลางเอ่ยถามว่า “นอกจากอี้เฟิงแล้ว อีกคนนั่นล่ะเป็นยังไงบ้าง ?”
หลงหยันเงียบไปชั่วขณะ”ชายที่ชื่อหนิงหยวนหนีรอดไปได้ ส่วนชายหนุ่มที่เจ้าขอให้เราช่วยชีวิตก็ได้จากไปแล้ว เขาแจ้งว่าเขามีบางเรื่องที่ต้องจัดการจึงไม่อาจมาพร้อมพวกเรา”
ครั้นได้ยินเช่นนั้นไป๋หยานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เขาไม่เป็นไร ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว … ”
หากฉู่อี้เฟิงได้รับบาดเจ็บเพราะนางหากเป็นเช่นนั้น นางก็คงต้องโทษตนเองไม่จบไม่สิ้น
ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินได้ยินว่าฉู่อี้เฟิงไม่ได้มาด้วยใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาก็แสดงชัดว่าค่อนข้างผิดหวัง ตั้งแต่เขาและมารดาออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนั้น เขาก็แทบไม่ได้พบพ่อบุญธรรมเลย เหตุใดพ่อบุญธรรมผ่านมาถึงนี่แล้วกลับไม่มาหาเขาล่ะ ?
”เราสังหารชายผู้นั้นไม่สำเร็จ”
สีหน้าของหลงหยันโกรธเกรี้ยวมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถหลบหนีเล็ดรอดเงื้อมมือของเขาไปได้
***จบบทการสมคบคิดระหว่างหนิงหยวนกับบุตรสาว (2)***
บทที่ 1194 : การสมคบคิดระหว่างหนิงหยวนกับบุตรสาว (3)
แต่ครานี้ชายผู้นั้นกลับหลบหนีรอดเงื้อมมือเขาไปได้ !
แน่นอนว่าด้วยเหตุที่ความแข็งแกร่งของเขาลดลง มนุษย์ในโลกนี้จึงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา !
ป้านชิงเฉิงกัดริมฝีปากพลางเอ่ยถามว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าเคยพูดไว้ว่า หากเราช่วยปกป้องบุตรชายของเจ้า เจ้าจะคืนอิสระให้แก่พวกเราใช่หรือไม่ ?”
ไป๋หยานเลิกคิ้วนางมองคนทั้งสองที่อยู่เบื้องหน้าพร้อมรอยยิ้ม
”ข้าสัญญาไว้ข้าย่อมรักษาสัญญา ทว่ายังมิใช่ตอนนี้ … ”
ใบหน้าของป้านชิงเฉิงเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน”เจ้าโกหกพวกเรา ?”
”ข้าบอกว่าข้าจะคืนอิสระให้กับพวกเจ้าแต่หากข้าขืนปล่อยพวกเจ้าไปตอนนี้ พวกเจ้าจะไม่แก้แค้นข้าทันทีหรอกหรือ ? ข้าไม่ได้โง่ถึงขั้นที่จะยอมเพิกถอนพันธะสัญญากับพวกเจ้าในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้หรอกนะ”
เหตุผลก็คือการที่นางผูกพันธะสัญญากับสัตว์อสูรทั้งสองก่อนหน้านี้นั้น ไม่ได้เกิดจากการยินยอมพร้อมใจ หากแต่เกิดจากการชักจูง และล่อหลอกของนาง เช่นนั้นหากตอนนี้นางคืนอิสรภาพให้กับพวกเขา สัตว์อสูรทั้งสองที่เจ้าคิดเจ้าแค้นจะต้องทำอะไรบางอย่างกับนางแน่นอน
นางไม่กลัวความแข็งแกร่งของป้านชิงเฉิงแม้ว่าร่างกายของป้านชิงเฉิงจะไม่ได้ด้อยเลย เมื่อเทียบกับยอดฝีมือระดับเทพ หากแต่นางก็มีดาบล่าเทวดาอยู่ในมือ เช่นนั้นความแข็งแกร่งของเนื้อหนังของสาวงูนี่จึงไม่อยู่ในสายตาของนางเลย
อย่างไรก็ตาม…
กับหลงหยันนั้นต่างกันความแข็งแกร่งของเขาจัดอยู่ในระดับเทพ ครั้งนั้นที่นางข่มขู่เขากระทั่งเขาต้องยอมผูกพันธะสัญญา เป็นเพราะเขาโดนโซ่ผนึกพลังไว้ หากตอนนี้นางคืนอิสรภาพให้กับเขา แล้วเขาเกิดคิดจะสังหารนางขึ้นมา เขาก็สามารถทำได้ในพริบตา !
นางไม่โง่พอที่จะเอาชีวิตของนางและเฉินเอ๋อมาเสี่ยงหรอก
ครั้นได้ยินสิ่งที่นางเอ่ยกล่าวสีหน้าของหลงหยันก็แลดูย่ำแย่ เขารู้ว่าหญิงผู้นี้คงจะไม่คืนอิสระให้กับเขาง่ายดายนัก
และที่เขาต้องการหาทางแก้แค้นนางก็คงไม่ใช่ในเร็ววันนี้เป็นแน่ !
“ทว่าพวกเจ้าไม่ต้องกังวลไม่ช้าก็เร็ว ข้าต้องคืนอิสระให้พวกเจ้าแน่นอน ทว่าน่าเสียดายที่ตอนนี้ข้ายังต้องการให้พวกเจ้าอยู่กับข้า” ไป๋หยานยักไหล่ นางยิ้มอย่างไม่แยแส “ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเคยสัญญาว่าจะคืนอิสระให้กับพวกเจ้าก็จริง ทว่าก็ไม่ได้ระบุเวลานี่ ไว้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ข้าจะถอนพันธะสัญญาที่มีกับพวกเจ้าเอง”
หลงหยันเงียบหลังจากนั้นไม่นานเขาก็กล่าวว่า “ครั้งนี้ข้าจะเชื่อเจ้า ข้าหวังว่าวันหน้าเจ้าจะคืนอิสรภาพให้พวกเรา”
“หลงหยัน!”
ใบหน้าของป้านชิงเฉิงเปลี่ยนไปอย่างมากนางกล่าวอย่างโกรธ ๆ ว่า “เจ้าเชื่อนางจริง ๆ กระนั้นหรือ ? อย่าลืมสิว่านางเป็นคนทำให้พวกเราต้องอยู่ในโลกใต้ดินนั่นนะ”
”ถึงหญิงผู้นี้จะน่ารังเกียจทว่านางก็รักษาคำพูดเสมอ ข้าจึงเชื่อนาง ในเมื่อนางบอกว่านางจะคืออิสระให้กับเรา เช่นนั้นก็เหลือเพียงรอเวลา”
ไป๋หยานเลิกคิ้ว”เจ้ารู้จักข้าดีเหลือเกินนะ ?”
“ข้าบอกไปแล้วไงว่าเจ้าเคยกักขังข้าไว้ที่นั่น หาไม่เหตุใดข้าถึงได้เกลียดเจ้าถึงเพียงนี้” หลงหยันกัดฟัน
ใบหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ”ข้าบอกแล้วว่า นั่นไม่ใช่ข้า เจ้าจำคนผิด”
”ฮึ่ม!” หลงหยันตะคอก “อย่าปฏิเสธเลย ไม่มีประโยชน์ที่จะปฏิเสธ แม้ว่าเวลาจะล่วงผ่านไปนานหลายปี ทว่าข้าก็ไม่อาจลืมกลิ่นอายของเจ้าได้ !”
ครั้นเห็นหลงหยันยืนกรานในเรื่องนี้มุมปากของไป๋หยานพลันกระตุกเล็กน้อย นางขี้เกียจเถียงกับเขา
นางเอนกายลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังอย่างเกียจคร้านพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมริมฝีปากของนาง”พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องของตนเถิด ในเมื่อข้ากลับมาแล้ว พวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่แล้ว”
หลงหยันมองไป๋หยานจากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกไปนอกห้อง
แม้ว่าป้านชิงเฉิงจะไม่เต็มใจทว่านางก็กระทืบเท้าผละจากไปด้วยความโกรธ
นางต้องการทำอะไรสักอย่างกับไป๋หยานทว่าด้วยพันธะสัญญาทำให้นางไม่สามารถละเมิดได้ แม้ว่าในใจของนางจะเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน หากแต่นางก็ต้องอดทนต่อไป !
***จบบทการสมคบคิดระหว่างหนิงหยวนกับบุตรสาว (3)***
บทที่ 1195 : การสมคบคิดระหว่างหนิงหยวนกับบุตรสาว (4)
ยามนี้หนิงเยี่ยยังยืนอยู่ที่ประตูอย่างงง ๆ นางยังไม่หายสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
จู่ๆ ก็มีมือโผล่มาจากด้านหลัง แต่ก่อนที่หนิงเยี่ยจะทันกรีดร้อง นางก็ถูกคนที่อยู่ข้างหลังลากตัวออกไป
”เจ้าคิดจะทำอะไร?”
หนิงเยี่ยหันกลับไปมองด้วยความโกรธครั้นนางเห็นบุรุษที่อยู่ข้างหลังนาง สีหน้าของนางก็ตะลึง แววตาของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นตกใจ “ท่านพ่อ เหตุใดท่านถึงมาที่นี่ได้ล่ะ ?”
”หยุดพูดแล้วมากับข้า!”
หนิงหยวนกวาดตามองโดยรอบอย่างระมัดระวังครั้นเห็นว่าไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ เขาก็รีบดึงหนิงเยี่ยเข้าไปในตรอกที่เงียบสงบ
หลังจากเข้าไปในตรอกนั้นแล้วเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เหงื่อเย็น ๆ ไหลลงจากหน้าผาก ใบหน้าของเขาแลดูซีดเล็กน้อย
”ท่านพ่อท่านได้รับบาดเจ็บนี่?” หนิงเยี่ยตกใจ “เป็นฝีมือพวกเทวาคารใช่หรือไม่ ?”
หนิงหยวนไม่ตอบคำถามของหนิงเยี่ยเขาจับไหล่ของนางพลางเอ่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เยี่ยเอ๋อ เจ้าเคยถามข้าใช่หรือไม่ว่าท่านอาหนิงของเจ้ามีบุตรสาวหรือไม่ ? ข้าขอตอบเจ้าว่า นางเคยมีบุตรสาวมาก่อน ทั้งตอนนี้บุตรสาวของนางก็มาหานางถึงประตูแล้ว !”
ชั่วขณะนั้นร่างของหนิงเยี่ยพลันแข็งค้างนางกำหมัดสีชมพูแน่น ลมหายใจกระชั้นถี่ขึ้นเล็กน้อย
”หญิงที่ท่านพ่อเอ่ยถึงก็คือหญิงมีครรภ์ที่มีใบหน้าละม้ายท่านอาหนิงมากใช่หรือไม่?”
หนิงหยวนมองหนิงเยี่ยด้วยความประหลาดใจเขารีบถามว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร ?”
ครั้นได้ยินเช่นนี้ปากของหนิงเยี่ยก็แสดงอาการเยาะหยัน “ตอนนี้หญิงผู้นั้นได้มาอยู่ข้างกายท่านอาหนิงแล้ว ทั้งนางก็ได้เป็นบุตรบุญธรรมของท่านอาหนิงอีกด้วย ! เนิ่นนานหลายปี ที่ข้าทุ่มเทความพยายามอย่างหนัก หากแต่ข้ากลับไม่ได้เข้าไปอยู่ในใจของท่านอาหนิงเลย เหตุใด ? เหตุใดนางถึงเข้าไปอยู่ในใจท่านอาหนิงได้ เพียงเพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดงั้นรึ ?”
ในความคิดของหนิงเยี่ยมีนางเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นบุตรสาวของไป๋หนิง ส่วนหญิงผู้นั้นก็แค่เกี่ยวพันทางสายเลือดกับท่านอาหนิงเท่านั้น ทั้งยังเป็นผู้ที่ทอดทิ้งท่านอาหนิงอีกด้วย
ยามนี้นางเห็นว่าความแข็งแกร่งของท่านอาหนิงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนางเลยกลับมาทวงท่านอาหนิงคืนอย่างหน้าด้าน ๆ ! หากพลังของท่านอาหนิงไม่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หญิงผู้นั้นคงจะไม่มาตามหาท่านอาหนิง !
หนิงหยวนกระพริบตาสองสามครั้งเอ่ยกล่าวอย่างจริงจังว่า “เยี่ยเอ๋อ ที่เจ้าพูดมานั้นไม่ผิด ข้าเคยพบหญิงผู้นั้นมาก่อน จึงได้เปิดเผยความแข็งแกร่ง และสถานะของหนิงเอ๋อโดยบังเอิญ และนั่นเป็นเหตุผลที่นางมาตามหาหนิงเอ๋อ นางเคยบอกข้าเป็นการส่วนตัวว่า ที่ครอบครัวของนางทอดทิ้งหนิงเอ๋อเป็นเพราะครานั้นหนิงเอ๋อยังไม่แข็งแกร่ง บัดนี้หนิงเอ๋อแข็งแกร่งมาก นางย่อมไม่ยอมละทิ้งโอกาสที่จะเกาะหนิงเอ๋ออย่างแน่นอน”
เดิมทีหนิงเยี่ยก็แค่คาดเดาเอาเอง หากแต่ตอนนี้เมื่อได้รับฟังคำบอกเล่าของหนิงหยวนเช่นนั้น ความโกรธพลันพลุ่งพล่านขึ้นในหัวใจของนาง ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวเพราะแรงโทสะ
”เป็นเช่นนี้นี่เอง! นับแต่แรกที่ข้าได้เห็นหญิงผู้นั้น ข้าก็รู้ว่านางไม่ใช่คนดีแน่ ๆ ไม่…ข้าต้องไปหาท่านอาหนิงแล้วกระชากหน้ากากหญิงผู้นั้นซะ !”
”ช้าก่อน!”
ครั้นเห็นว่าหนิงเยี่ยกำลังจะผละจากไป หนิงหยวนก็รีบยกมือขึ้นจับไหล่ของนางพลางขมวดคิ้ว “ตอนนี้หนิงเอ๋อ…ยังไม่รู้ว่าหญิงผู้นั้นเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของตน ต่อให้เจ้าไปบอกนาง เจ้าคิดว่านางจะเชื่อเจ้า แล้วทำร้ายบุตรสาวของตนเพื่อเจ้างั้นรึ ?”
หนิงเยี่ยชะงักฝีเท้าทันทีนางกัดริมฝีปาก นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
หนิงหยวนยิ้มเอ่ยกล่าวต่อว่า “เจ้าก็รู้ ถึงแม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหนิงเอ๋อจะถูกสามี และบุตรสาวทอดทิ้ง หากแต่นางก็คิดถึงพวกเขาตลอดเวลา เช่นนั้นเจ้าต้องไม่ให้หนิงเอ๋อรู้ว่าหญิงผู้นั้นเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของนาง”
***จบบทการสมคบคิดระหว่างหนิงหยวนกับบุตรสาว (4)***