จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1201-1205
บทที่ 1201 : แผนการของหนิงเยี่ย (4)
ไป๋หยานรับรู้ได้ในทันทีนางหันไปมองหนิงเยี่ยที่มีรอยยิ้มอยู่ในแววตา พลันนัยน์ตาสีดำแวววาวสดใสของนางดูเหมือนจะสามารถมองเห็นได้ปรุโปร่ง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หนิงหยวนและบุตรสาวของเขาพยายามที่จะกำจัดนางบางทีที่หนิงหยวนทำอาจเป็นเพราะเขาชอบไป๋หนิง หากแต่สำหรับหนิงเยี่ย…นางจะหวงคนที่ไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของนางเพื่ออะไร ?
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังพยายามต่อต้านทุกคนที่ใกล้ชิดกับท่านแม่อีก ?
บางทีนางอาจอยากได้สัตว์อสูรนั่น…
หนิงเยี่ยตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นสายตาของไป๋หยาน หรือว่าไป๋หยานจะรู้ในสิ่งที่นางคิด
ไม่!
ไม่มีทาง!
แม้แต่ท่านพ่อก็ยังไม่รู้ความคิดของนางแล้วหญิงผู้นี้จะมองออกได้อย่างไร ?
”ข้าเข้าใจแล้วท่านแม่ สัตว์อสูรของท่านอยู่ที่ใด ?”
ไป๋หยานหันไปหาไป๋หนิงนางยิ้มให้พร้อมกับเอ่ยถาม
ไป๋หนิงสะดุ้ง”สัตว์อสูรที่พวกเขาพูดถึงได้รับบาดเจ็บ ทว่ามันเพิ่งค่อยยังชั่ว เช่นนั้นมันจึงไม่ได้ตามข้ามา ทำไมรึ ? หยานเอ๋อต้องการเห็นมันใช่หรือไม่ ? เมื่อข้ากลับไปข้าจะพาหยานเอ๋อไปดูดีหรือไม่ ?”
หนิงเยี่ยกำหมัดแน่นขึ้นอีกครั้งนางแทบหายใจไม่ออกด้วยความอึดอัด
แม้ว่าสัตว์อสูรจะถูกไป๋หนิงช่วยมาทว่ามันก็ช่วยชีวิตไป๋หนิงไว้หลายครั้ง และด้วยเหตุนี้ไป๋หนิงจึงถือว่ามันเป็นสมบัติของนาง
นอกจากนี้สัตว์อสูรยังมีนิสัยแปลกประหลาดมันไม่ต้องการพบไม่ว่าผู้ใด เช่นนั้นไป๋หนิงจึงไม่เคยพานางไปดูสัตว์อสูร กระทั่งถึงตอนนี้นางก็ไม่รู้ว่าสัตว์อสูรมีลักษณะอย่างไร ?
ครั้งเดียวที่นางพบว่าไป๋หนิงมีสัตว์อสูรก็คือหลังจากลอบตามไป๋หนิงไปอย่างลับ ๆ ทว่าก็น่าเสียดายที่ในเวลานั้นหมอกหนาเกินไป นางจึงไม่เห็นในสิ่งที่อยากเห็น
แต่… นั่นก็เป็นสาเหตุที่นางได้พบกับความลับอันน่าทึ่ง
สัตว์อสูรอ้างว่าเพื่อตอบแทนความเมตตาที่ไป๋หนิงช่วยมันไว้ในวันนั้นมันจึงเต็มใจที่จะภักดีต่อบุตรสาวของไป๋หนิงในอนาคต เช่นนั้นหนิงเยี่ยจึงรับไม่ได้กับความจริงที่ว่าไป๋หนิงมีบุตรสาว ซึ่งนั่นทำให้นางไม่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับสัตว์อสูรตัวนี้
หลายปีแล้วที่นางอยู่กับไป๋หนิงเหตุใดจู่ ๆ ไป๋หนิงก็ถูกหญิงอื่นแย่งไป ? แม้แต่สัตว์อสูรก็ต้องถูกแย่งไปด้วย ?
แน่นอนว่าความรู้สึกของหนิงเยี่ยที่มีต่อไป๋หนิงนั้นลึกซึ้งมากเช่นกันแต่หากไม่มีสัตว์อสูร นางก็คงเพียงอิจฉาผู้ที่เข้ามาอยู่ข้างๆ ไป๋หนิง หากแต่คงจะไม่ทำรุนแรงมากเกินไปนัก สิ่งที่จูงใจให้นางทำเช่นนี้ก็คือสัตว์อสูรตัวนั้นต่างหาก …
และความลับนี้ก็ถูกนางเก็บไว้มานานแม้แต่บิดาของนางเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
”เอาล่ะเมื่อถึงเวลานั้นข้าจะกลับไปกับท่าน เพื่อตรวจดูว่าสัตว์อสูรนั่นได้รับบาดเจ็บอย่างไร ?” นัยน์ตาของไป๋หยานหรี่ลงเล็กน้อย นางกวาดตากลับไปมองหญิงวัยกลางคนอย่างเย้ยเยาะ “ทว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจัดการกับเรื่องนี้ก่อน”
หญิงวัยกลางคนก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวสายตาของไป๋หยาน ทำให้หัวใจของนางเต้นแรงขึ้น กระทั่งแทบจะโลดออกนอกอก
”เจ้าจะทำอะไร?”
”เจ้าอ้างว่าเป็นมารดาของข้าเจ้าก็น่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับตัวข้าอย่างชัดเจนสิ ?”
ไป๋หยานยิ้มบางๆ หากแต่แฝงความหมายที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจได้
หัวใจของหญิงวัยกลางคนสั่นไหวนางกล่าวตะกุกตะกัก “ข้า…ข้าจะรู้ได้อย่างไร ?”
“เจ้ารู้ถึงขั้นที่ว่าท่านแม่ของข้าเป็นเจ้าของสัตว์อสูรแล้วจะมีเรื่องใดที่เจ้าไม่รู้อีกกระนั้นหรือ ? เจ้ายังอยากบอกด้วยหรือไม่ว่า เจ้าเป็นคนมอบผู้คุ้มกันสองคนที่มากับข้าด้วย ? และเพราะข้าอ่อนแอมาก ข้าจึงต้องมาหลอกลวงผู้คน เช่นนั้นด้วยพละกำลังของข้า ข้าย่อมไม่สามารถปราบผู้คุมกันพวกนั้นได้หรอกจริงหรือไม่ ?”
หญิงวัยกลางคนกลืนน้ำลายก่อนจะเอ่ยกล่าวเสียงสั่น ๆ ว่า “เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่หลังจากที่มอบคนเหล่านั้นให้เจ้าแล้ว เจ้าก็ใช้เรือนร่างของเจ้าเป็นสะพานเพื่อต่อรองให้ชายชราเชื่อฟังเจ้า ส่วนสาวใช้อีกคนนั่นก็หลงโง่เชื่อเจ้ายอมอยู่เคียงข้างเจ้าเช่นกัน เจ้ามันคนทรยศ และเจ้าเล่ห์ !”
บทที่ 1202 : แผนการของหนิงเยี่ย (5)
ไป๋หยานมีผู้คุ้มกันติดตามมาด้วยสองคนเรื่องนี้หญิงวัยกลางคนได้เรียนรู้มาจากหนิงเยี่ยแล้ว และเพื่อที่จะเดินทางร่วมกับไป๋เสี่ยวเฉิน ป้านชิงเฉิง และหลงหยันจึงปกปิดความแข็งแกร่งของพวกเขา เช่นนั้นหญิงวัยกลางคนผู้นี้จึงกล้าพูดอย่างไร้ยางอายเช่นนั้น
ทว่า…
หลังจากได้ยินถ้อยคำของนางไป๋หยานก็หัวเราะ
รอยยิ้มของนางสดใสมากสาดแสงส่องเข้าไปในหัวใจของผู้คนอบอุ่นราวกับแสงแดดในฤดูหนาว
หากแต่…
ตอนนี้รอยยิ้มของไป๋หยานในสายตาของหญิงวัยกลางคนนั้นไม่ต่างจากปีศาจกำลังกวักมือเรียกทำให้นางตัวสั่นจนไม่สามารถควบคุมร่างกายของตนเองได้ …
”นี่… ป้า” ไป๋หยานกล่าวพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ “ข้าเพียงอยากรู้ว่าเจ้ามีพลังอะไรที่ทำให้คนของข้าต้องยอมจำนนต่อเจ้า ?”
หญิงวัยกลางคนตัวแข็งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “แค่ผู้คุ้มกันสองคนนั่นน่ะรึ ? เหตุใดข้าจึงไม่แข็งแกร่งพอเล่า ? ข้าเป็นคนปราบพวกเขาทั้งสองคน และส่งมอบให้เจ้านะ”
ไป๋หยานยิ้มน้อยๆ เอ่ยกล่าวต่อว่า “หลงหยัน ป้านชิงเฉิงลงมานี่สิ พวกเจ้าดูการแสดงมามากพอแล้ว”
ฟ้าว!
ครั้นไป๋หยานกล่าวจบพลังอันแข็งแกร่งก็แผ่กระจายมาจากด้านบนโรงเตี๊ยม
ครั้นทุกคนเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นคนทั้งสองกระโดดลงมาจากด้านบนโรงเตี๊ยมทันที
หนึ่งในสอง…คนหนึ่งเป็นชายชราผมสีดอกเลาส่วนอีกคนเป็นหญิงสาวที่สวยงาม พวกเขาทั้งคู่ร่อนลงมายืนข้างกายไป๋หยาน พลางมองไปที่หญิงวัยกลางคนด้วยสายตามืดมน
ที่นางอ้างว่าไป๋หยานล่อลวงพวกเขามันก็จริงเพราะก่อนหน้านี้พวกเขาก็ถูกไป๋หยานหลอกมาจริง ๆ
ทว่า…
ที่นางบอกว่านางปราบพวกเขาคืออะไร?
ไร้สาระจริงๆ !
นังผู้หญิงคนนี้อยู่เพียงระดับเทพขั้นต้นยังกล้าหยิ่งผยองอีกกระนั้นรึ?
หญิงวัยกลางคนตกตะลึงนางหันไปสบตากับหลงหยันและป้านชิงเฉิง นางรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่รุนแรง ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก
ไหนหนิงเยี่ยบอกว่าสองคนนี้อ่อนแอมากไงล่ะ? เหตุใดพวกเขาถึงมีพลังมากมายจนนางตกตะลึงไปเลยล่ะ ?
พลังเช่นนี้มิใช่เพียงคนไร้ค่าอย่างที่หนิงเยี่ยอธิบายเลย
”เอ๊ะ… ” หนิงเยี่ยสะดุ้ง
”ความแข็งแกร่งของหญิงสาวผู้นี้อยู่ในขอบเขตของเทพขั้นต้นทว่า … ชายชราผู้นี้เป็นเทพระดับสูงแล้ว ทั้งยังอยู่ห่างจากเทพผู้หยั่งรู้เพียงก้าวเดียวเท่านั้น”
ตูม!
ถ้อยคำของไป๋หนิงเปรียบเสมือนไม้ที่ฟาดเข้าใส่ฝูงชนอย่างแรงกระทั่งทุกคนหวั่นไหว
เทพชั้นสูง?
นางมีผู้คุ้มกันเป็นเทพระดับสูงจริงหรือ? นั่นย่อมเป็นข้อพิสูจน์ว่าความแข็งแกร่งที่อยู่เบื้องหลังของหญิงผู้นี้จะต้องแข็งแกร่งมาก อย่างน้อยยอดฝีมือระดับเทพขั้นสูงก็เป็นหลักฐานอย่างดี
เช่นนั้นนางจะอยากได้สัตว์อสูรระดับเทพกระทั่งถึงขั้นต้องใช้วิธีการเหล่านี้เชียวหรือ ?
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นด้วยความแข็งแกร่งของหญิงวัยกลางคนผู้นั้น จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะปราบคนในระดับเทพชั้นสูง ?
สิ่งที่ไป๋หนิงไม่ได้บอกพวกเขาก็คือผู้คุ้มกันทั้งสองคนนี้เป็นสัตว์อสูร!
อย่างไรก็ตามภายในอาณาจักรสวรรค์นี้ สัตว์อสูรยังคงถูกเหยียดหยาม หากคนพวกนี้รู้ว่ามีสัตว์อสูรระดับเทพอยู่ล่ะก็ พวกเขาต้องพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ครอบครองสัตว์อสูรทั้งสอง หรือไม่ก็ทำลายสัตว์อสูรทั้งสองซะ !
โชคดีที่สัตว์อสูรทั้งสองนี้ค่อนข้างพิเศษกว่าผู้ใดก่อนหน้านี้นางไม่อาจค้นพบตัวตนของพวกเขาว่าเป็นสัตว์อสูร ทว่าตอนนี้นางรู้แล้วว่าพวกเขาเป็นสัตว์อสูร หากแต่ … คนอื่น ๆ ดูเหมือนจะยังไม่รู้
ด้วยเหตุนี้นางจึงโล่งใจ
หญิงวัยกลางคนรีบหันไปมองหนิงเยี่ยในขณะที่นางกำลังจะเอ่ยกล่าวบางอย่าง หนิงเยี่ยก็พุ่งเข้ามาหานางทันที พร้อมกันนั้น หมัดที่โกรธเคืองของหนิงเยี่ยก็กระแทกเข้าใส่หญิงผู้นั้น
”เจ้ากล้ามากนะแม้แต่พี่หยาน เจ้าก็ยังกล้าใส่ร้ายนาง ! เจ้าทำให้ข้าเกือบเข้าใจนางผิด ! เจ้าสมควรงตาย !”
นัยน์ตาของหนิงเยี่ยเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเจตนาสังหารพลันฉายวาบในดวงตาของนาง
หญิงวัยกลางคนหน้าซีดนางรู้ว่าภารกิจของนางล้มเหลว และหนิงเยี่ยก็คิดสังหารนางด้วย
บทที่ 1203 : แผนการของหนิงเยี่ย (6)
ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนซีดลงแววตาของนางตื่นตระหนก นางรีบหันไปจ้องไป๋หนิง และคลานไปหาไป๋หนิง
อย่างไรก็ตาม…
ก่อนที่นางจะคลานไปถึงหน้าไป๋หนิงหนิงเยี่ยก็ซัดหมัดกระแทกเข้าใส่ร่างของนางอีกครั้ง และด้วยหมัดนี้เลือดในปากของนางก็ไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสยดสยอง
หนิงเยี่ยเข้าไปกระชากคอเสื้อของหญิงวัยกลางคนพลางกัดฟันกล่าวว่า “เจ้ายังพยายามที่จะทำร้ายท่านอาหนิงของข้าอีกหรือ ? หากเจ้ากล้าทำร้ายท่านอาหนิงของข้า ข้าจะทำให้ครอบครัว และทายาทของเจ้าอยู่ไม่เป็นสุขอย่างแน่นอน !”
หนิงเยี่ยจงใจย้ำคำว่า“ครอบครัวและทายาท” ทำให้หญิงวัยกลางคนฟื้นจากอาการตื่นตระหนก ใบหน้าของนางซีดลงไปอีก ร่างของนางสั่นอย่างรุนแรง
นางเข้าใจความหมายในถ้อยคำของหนิงเยี่ย
หากนางกล้าเปิดเผยเรื่องราวหนิงเยี่ยจะฆ่าสมาชิกทุกคนในครอบครัวนางทั้งหมด !
คนอื่นๆ น่ะช่างเถิด หากแต่บุตรชายของนางยังเล็กนัก ทั้งบุตรชายคนนั้นก็เป็นชีวิตจิตใจของนาง
“แม่นางไป๋โปรดปล่อยข้าไปเถอะ ข้ายอมรับผิดแล้ว ข้ารู้ตัวแล้วว่าข้าผิด… “
หญิงวัยกลางคนรีบโขกศีรษะเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ไป๋หยานหรี่ตาลงนางกวาดตามองหญิงวัยกลางคน จากนั้นก็ไปหยุดที่ใบหน้าของหนิงเยี่ย มุมปากของนางยกโค้ง “เจ้าจำคนผิดจริงหรือ ? เช่นนั้นเจ้ารู้ว่าแม่ของข้าเป็นเจ้าของสัตว์อสูรลึกลับนั่นได้อย่างไร ? เรื่องนี้เจ้าจะแก้ตัวยังไง ? จะอ้างว่าจำคนผิดอีกหรือไม่ ?”
ใบหน้าของหนิงเยี่ยซีดเผือดนางรู้ว่าหญิงผู้นี้มิใช่ผู้ที่จะจัดการง่าย ๆ
ยามนี้นางเริ่มเสียใจแล้ว
นางเสียใจที่ไม่เชื่อถ้อยคำของบิดานางควรที่จะวางยาพิษไป๋หยานตรง ๆ ให้ตายไปเลย ทว่านางกลับใช้วิธีอื่น เพื่อขับไล่ไป๋หยาน !
อย่างไรก็ตามนางก็ขี้ขลาดเกินไป ทำให้นางไม่กล้าทำเช่นนั้น กระทั่งทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมากมาย แม้ว่าครั้งนี้ท่านอาหนิงจะไม่ทำอะไรนางก็ตาม หากแต่ … ความน่าเชื่อถือในตัวนางก็จะลดลงไปอย่างมาก !
หลังจากที่ไป๋หนิงได้ยินถ้อยคำของไป๋หยานนางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในโลกนี้มีเพียงไม่กี่คนหรอกที่รู้ว่านางเป็นเจ้าของสัตว์อสูรระดับเทพยกเว้น … หนิงหยวนกับบุตรสาวของเขา ?
ชั่วขณะนั้นความเป็นไปได้นี้ก็ทำให้หัวใจของนางสั่นไหว ใบหน้าที่สวยงามของนางพลันซีดลงทันที
นางเฝ้าดูหนิงเยี่ยเติบโตขึ้นมาเช่นนั้นนางจึงไม่ต้องการให้เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงหนิงเยี่ย หาไม่นางคงไม่อาจยอมรับคำตอบนี้ได้
“ไม่”หญิงวัยกลางคนส่ายศีรษะ นางกัดฟันเอ่ยกล่าวว่า “ใช่..ทั้งหมด ข้าตั้งใจทำเอง !”
นางเงยหน้าขึ้นมองการแสดงออกของไป๋หนิง นัยน์ตาของนางฉายประกายแน่วแน่
“เจ้าคิดว่าไม่มีผู้ใดรู้กระนั้นรึว่าเจ้าซ่อนสัตว์อสูรตัวนั้นไว้ที่ใด ? แท้จริงแล้วข้าได้พบมันอย่างลับ ๆ ! เหตุที่ข้าต้องการให้หญิงผู้นี้ไปจากเจ้า นั่นเป็นเพราะข้ามียาเปลี่ยนรูปลักษณ์สำหรับบุตรสาวของข้า ! หากแต่น่าเสียดายที่มีคนหน้าตาคล้ายเจ้ามาปรากฏตัวข้าง ๆ เจ้า และเพื่อที่จะให้บุตรสาวของข้าได้ใกล้ชิดอย่างราบรื่น ข้าก็ต้องขับไล่นางออกไป !”
ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนราวกับจะยอมรับชะตากรรม ทว่าหัวใจของนางก็ยังตื่นตระหนก
นางรู้ดีว่าเมื่อกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกไปแล้วนางก็ต้องพบจุดจบคือความตายในไม่ช้า …
แต่เพื่อปกป้องบุตรชายที่มีค่าของนางจากหนิงเยี่ยนางก็จำต้องกระทำ !
อย่างไรก็ตามถ้อยคำของหญิงวัยกลางคนก็ทำให้ฝูงชนเกิดความโกลาหลทุกคนไม่คาดคิดว่าไป๋หยานจะถูกใส่ร้าย เพราะก่อนหน้านี้พวกเขามองว่านางเป็นหมาป่าตาขาวอกตัญญูที่ไม่รู้จักมารดาผู้ให้กำเนิดตนเอง …
ไป๋หนิงไม่กล่าวคำใดอีกจากนั้นไม่นาน นางก็หันไปมองหนิงเยี่ย
บทที่ 1204 : หาเรื่องตายเอง (1)
“เยี่ยเอ๋อ…เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่?”
ไป๋หนิงลงเสียงหนักหัวใจของหนิงเยี่ยสั่นสะท้านอย่างฉับพลัน
“ท่านอาหนิงเหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น เรื่องนี้จะเกี่ยวกับข้าได้เยี่ยงใด ?”
“ก็ดีข้าหวังว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า หากข้ารู้ว่าเจ้ามีส่วนสมรู้ร่วมคิดอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ … ข้าเกรงว่า แม้เจ้าจะมีความผูกพันกับข้ามาตั้งแต่เด็ก ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ !”
น้ำเสียงของไป๋หนิงไม่ต่างกับคำเตือนทำให้หนิงเยี่ยกระวนกระวายมากยิ่งขึ้น นางกำหมัดแน่น หลุบตาลงเล็กน้อยด้วยความอิจฉาและไม่พึงพอใจ
“ท่านอาหนิงเยี่ยเอ๋อไม่ทำเช่นนั้นแน่”
“ก็ดี”
ไป๋หนิงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ เบือนหน้าไปทางหญิงวัยกลางคน
“เจ้าไม่กลัวตายกระนั้นหรือ?”
ไม่กลัวตาย?
มีผู้ใดไม่กลัวตายบ้างเล่า?
ในความเป็นจริงนั้นหญิงวัยกลางคนแข้งขาสั่นแล้ว หากแต่นางก็ยังไม่กล้าซัดทอดหนิงเยี่ย
นางกัดฟันแน่น“หากกลัวแล้วไง ? กลัวแล้วเจ้าจะไม่สังหารข้างั้นหรือ ?”
“บอกมาสิว่าผู้ใดเป็นคนบงการเจ้าแล้วข้าจะไม่สังหารเจ้า”
แววตาของไป๋หนิงเฉยเมยน้ำเสียงของนางก้องกังวาน
หากแต่ในน้ำเสียงนั้นมีความเย็นชาแฝงอยู่
หญิงวัยกลางคนหลับตาหน้าซีดเผือด
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าก็สังหารข้าเถิด!”
หนิงเยี่ยเคยเตือนนางแล้วว่าหากเรื่องทั้งหมดถูกเปิดเผย ห้ามนางซัดทอดอย่างเด็ดขาด หาไม่บิดาของหนิงเยี่ยจะตามสังหารนาง
ในเวลานั้นนางโลภมากเห็นแกอามิสสินจ้างเพียงเล็กน้อย จึงยอมตกลงกับหนิงเยี่ย กระทั่งเกิดปัญหาใหญ่โตเช่นนี้
“เจ้าไม่กลัวตายกระนั้นรึ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าการมีชีวิตที่ทรมานยิ่งกว่าความตายนั้นเป็นเช่นไร ?” ไป๋หนิงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
มีชีวิตที่ทรมานยิ่งกว่าความตายด้วยกระนั้นรึ?
หญิงวัยกลางคนเบิกตากว้างขึ้นทันทีเอ่ยถามเสียงสั่น ๆ ว่า “เจ้าหมายความเช่นไร ?”
“ความหมายนั้นง่ายมากในเมื่อเจ้าไม่ยอมเปิดเผยตัวผู้บงการ ข้าจะให้เจ้าถูกเฉือนด้วยดาบหนึ่งครั้ง เอาหรือไม่ ?”
ไป๋หนิงยิ้มนางมองหญิงวัยกลางคนที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า พลางยกยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงของนางดูราวกับมาจากนรกอเวจี ทำให้หัวใจของหญิงวัยกลางคนสั่นสะท้าน
ชีวิตที่ทรมานยิ่งกว่าตาย? ถูกมีดเฉือนพันครั้ง ?
หญิงผู้นี้เหตุใดจึงใจร้ายเหลือเกิน?
“ท่านอาหนิง!” หนิงเยี่ยตัวสั่น นางกลัวว่าหญิงวัยกลางคนจะทนความกลัวครั้งนี้ไม่ไหว กระทั่งยอมสารภาพ จึงรีบเอ่ยขัด
“นี่…ไม่โหดร้ายเกินไปหรอกหรือแม้ว่านางจะใส่ร้ายพี่ไป๋หยาน หากแต่นางก็ยอมชดใช้ด้วยชีวิตแล้ว ก็น่าจะเพียงพอ การทำโทษนางให้มีชีวิตที่ทรมานยิ่งกว่าตาย มันโหดร้ายเกินไป”
ไป๋หนิงเงยหน้าขึ้นเหลือบมองหนิงเยี่ยอย่างเย็นชา
ด้วยทีท่าเช่นนี้หัวใจของหนิงเยี่ยก็แทบจะหยุดเต้น ความกลัวในใจของนางทำให้นางอ้าปาก หากแต่นางก็ไม่สามารถกล่าวออกมาได้แม้เพียงคำเดียว …
แววตาของไป๋หนิงแลดูแปลกประหลาดมากหนิงเยี่ยไม่เคยเห็นเช่นนี้มาก่อนเลย
นางไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งไป๋หนิงจะมองนางด้วยสายตาเช่นนี้ …
หากแต่…
หลังจากที่ไป๋หนิงมองหนิงเยี่ยแล้วนางก็ถอนสายตา และหันกลับไปจ้องหญิงวัยกลางคนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า พลางกล่าวพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ
“เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าต้องการเสียสละตนเองเพื่อปกป้องผู้บงการคนนั้น ?”
หญิงวัยกลางคนกลอกตาไปมาสองสามครั้งหัวใจของนางเริ่มกระตุก นางกล่าวว่า
“เรื่องนี้ข้าทำคนเดียวไม่มีผู้ใดสั่ง !”
นางไม่เชื่อว่าหญิงผู้นี้จะเฉือนนางเป็นชิ้นๆ ได้จริง ๆ
ไป๋หนิงขมวดคิ้วเล็กน้อยนางกำลังจะกล่าวต่อ หากแต่ไป๋หยานค่อย ๆ ยกมือขึ้นห้ามนาง …
นางนิ่งงันพลางหันไปมองไป๋หยานด้วยสายตางงงวย
“หยานเอ๋อเจ้ามีอะไรหรือ ?”
“ท่านแม่ข้าขอจัดการเรื่องนี้เอง ข้ามีวิธีทำให้นางสารภาพ ท่านถอยมารอดูด้านหลังข้าเถิด”
บทที่ 1205 : หาเรื่องตายเอง (2)
เพียงนางได้รู้ว่าไป๋หนิงเชื่อมั่นในตัวนางนั่นก็เพียงพอแล้ว!
ความรู้สึกของการสูญเสียผู้เป็นที่รักนางไม่อยากลิ้มรสมันอีกครั้ง !
“ได้สิ”
ไป๋หนิงยิ้มน้อยๆ พลางก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว เพื่อหลีกทางให้ไป๋หยาน
“เจ้าอยากจะบอกว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเจ้าเองและจุดประสงค์ก็เพื่อช่วยบุตรสาวของเจ้าใช่หรือไม่ ?” ไป๋หยานหยุด พร้อมกับเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
หญิงวัยกลางคนตื่นตระหนกนางกัดฟันกล่าวว่า “ใช่ !”
“เอาล่ะเช่นนั้นเจ้าก็เรียกบุตรสาวของเจ้าออกมาตอนนี้เลย ข้าอยากเห็นว่ายาเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเจ้าเป็นเช่นไร ?”
“ข้า…”
หญิงวัยกลางคนรู้ดีว่าหญิงผู้นี้รับมือยากหากแต่นางไม่คิดว่าจะยากถึงเพียงนี้ นางจะไปหาบุตรสาวที่ไหนมาพิสูจน์ให้เห็นกันล่ะ?
“ช่วงนี้บุตรสาวของข้าออกจากบ้านนางไม่ได้อยู่กับข้า ข้าคงไม่สามารถติดต่อนางได้เร็วนัก”
“โอ้”ไป๋หยานเหมือนนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ ชั่วขณะนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มวาบผ่านแววตาของนาง “เช่นนั้น ข้ามียาพิษอยู่ชนิดหนึ่ง หากเจ้ากินยาพิษเม็ดนี้ ทุกคนที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเจ้าก็จะได้รับผลจากพิษด้วย”
หญิงวัยกลางคนตัวสั่นนางก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว “เจ้าว่ากระไรนะ ? หากข้ากินยาพิษนี้ ผู้ใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับข้าย่อมจะได้รับผลกระทบจากพิษด้วยกระนั้นรึ ? เช่นนั้นนางก็ย่อมได้รับพิษด้วยสิ ?”
ถึงตอนนี้ไป๋หยานรู้สึกชื่นชมหนิงเยี่ยมาก แม้ในใจของนางจะกระสับกระส่ายมากมายเพียงใด หากแต่นางก็ยังคงเจรจาได้ฉาดฉาน ทั้งไม่ได้แสดงทีท่าลนลานแต่อย่างใด
“เจ้ายังบอกอีกว่าบุตรสาวของเจ้าจงใจที่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้คล้ายท่านแม่ของข้าเพียงเพื่อให้ท่านยอมรับ ผู้ที่เกิดมาด้วยดวงตามืดบอดไม่ยอมรับแม้แต่แม่แท้ ๆ ของตนเอง ช่างน่าละอายนัก ให้นางตายเสียด้วยยาพิษ ดีกว่าจะปล่อยไว้สร้างปัญหาอีกในภายหน้า”
ไป๋หยานยักไหล่เอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ชั่วขณะนั้นใบหน้าของหญิงวัยกลางคนพลันแข็งค้าง
ดวงตามือบอด? ไม่ยอมรับแม่ ?
เจ้าเพียงหาข้ออ้างเพื่อจัดการกับบุตรสาวที่ไม่มีตัวตนของข้าด้วยวิธีนี้กระนั้นรึ ?
ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนซีดเผือด“ยาเช่นนี้มีอยู่จริง ๆ กระนั้นหรือ ?”
“จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เจ้าอยากรู้เจ้าก็ลองดู เหตุใดข้าจึงต้องเปลืองน้ำลายอธิบายกับเจ้า ?” ไป๋หยานเดินเข้าไปใกล้หญิงวัยกลางคนสองสามก้าว นางหยิบยาเม็ดสีดำออกมาจากสาบเสื้อของนาง พลางยื่นให้หญิงวัยกลางคน
ครั้นเห็นยาพิษที่แผ่กลิ่นอายอันชั่วร้ายใบหน้าของหญิงวัยกลางคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก นางลุกขึ้นจากพื้น ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยอาการตื่นตระหนก
“ไม่…ข้าไม่ต้องการกินยาพิษข้าไม่ต้องการสังหารบุตรชายของข้า ข้ายอมบอกเจ้าแล้วทุกอย่าง โปรดอย่าทำร้ายบุตรชายของข้า”
เดิมทีหนิงเยี่ยก็รู้สึกหวาดกลัวไปกับถ้อยคำของไป๋หยานหากแต่ตอนนี้เมื่อนางได้ยินเสียงของหญิงวัยกลางคน นางก็รู้สึกโกรธ “ก็แค่ยาพิษไม่ใช่รึ ? เจ้าก็กิน ๆ ซะเรื่องราวจะได้จบ บุตรสาวของเจ้าวางแผน เพื่อจะเข้ามาอยู่ใกล้ชิดท่านอาหนิง นางก็สมควรตายแล้ว !”
หลังจากกล่าวจบหนิงเยี่ยก็หันกลับมา ทำท่าจะคว้ายาเม็ดนั่นออกจากมือของไป๋หยาน หากแต่ไป๋หยานหดมือเก็บยากลับคืนอย่างรวดเร็ว
ครั้นเห็นว่านางไม่สามารถคว้าเม็ดยานั่นมาได้หนิงเยี่ยก็เปล่งพลังกดดันที่รุนแรงซ่อนไว้ในฝ่ามือด้วยความโกรธ
“นังชั่วเจ้ากล้าใส่ความพี่สาวข้า เจ้าสมควรตาย !”
ตูม!
พลังจากฝ่ามือของนางพุ่งเข้าหาหญิงวัยกลางคนอย่างดุดัน
หญิงวัยกลางคนตกตะลึงจ้องมองการโจมตีของหนิงเยี่ยด้วยสายตาว่างเปล่านางไม่สามารถตอบสนองใด ๆ ได้
“หนิงเยี่ยหยุดนะ !” ไป๋หนิงตวาดอย่างแรงด้วยความโกรธ
หากแต่หนิงเยี่ยดูเหมือนจะไม่ได้ยินไป๋หนิงเลยมุมปากของนางยกยิ้มเยาะหยัน