จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1226 -1230
บทที่ 1226 : หนิงเยี่ยสิ้นหวัง (9)
ในวันนี้หนิงเยี่ยดูเหมือนจะเติบโตขึ้นมาก รอยยิ้มน่ารักน่าเอ็นดูบนใบหน้าของนางมลายหายไปนานแล้ว กลับแทนที่ด้วยความเกลียดชัง
“มนุษย์… เป็นสิ่งที่เข้าใจยากจริง ๆ”
หลงหยันส่ายหน้าพลางหันไปมองปรมาจารย์หลิง พร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อย “ตาเฒ่าเอ๊ย ! นี่หากข้ายังมีความแข็งแกร่งเช่นเดิม เจ้าจะมาทำตัวยโสโอหังเช่นนี้ได้หรือ ?”
”ฮึ่ม!” ปรามาจารย์หลิงตะคอกอย่างเย็นชา “โอหังนัก ! แค่ไข่มุกเท่าเม็ดข้าวกล้าแข่งแสงกับดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ! เจ้าก็แค่สัตว์อสูรระดับเทพ กล้าดีเยี่ยงไรมาหยิ่งผยองต่อหน้าหน้าปรมาจารย์เช่นข้า ?
หลงหยันยิ้มประชด“ไยคนสมัยนี้มันช่างยโสนัก ? ในยุคของข้าไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวคำบ้า ๆ เช่นนี้กับเทพมังกรผู้สง่างามเช่นข้าหรอก !”
ปรามาจารย์หลิงหรี่ตาเขาส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา ขณะเดียวกันก็ส่งกลิ่นอายที่ทรงพลังแผ่ออกมาจากร่างของตน ทำให้สภาพอากาศโดยรอบยิ่งมืดมัว
ราวกับว่ามีภูเขาขนาดใหญ่กดทับลงมาจากอากาศว่างเปล่าและกดทับร่างของหลงหยัน
อย่างไรก็ตามในฐานะที่เป็นเทพมังกร หลงหยันย่อมรักในศักดิ์ศรีมาก เช่นนั้นเมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันอันทรงพลังนี้ เขาจึงยังคงหน้าไม่เปลี่ยนสี หากมิใช่เพราะแข้งขาที่สั่นเทาของเขา บางที …
คนอื่นอาจจะคิดว่าแรงกดดันของปรามาจารย์หลิงไม่สามารถทำอะไรเขาได้
ครั้นเห็นท่าทางที่พยายามแข็งแกร่งของหลงหยันแล้วปรมาจารย์หลิงก็แอบยิ้มมุมปาก ทันทีที่ร่างของเขาขยับ แรงกดดันก็ทรงพลังมากยิ่งขึ้นไปอีก มันแผ่ขยายออกไปอย่างท่วมท้น
“อ๊าก!”
หลงหยันส่งเสียงคำรามราวกับพยายามที่จะกระจายแรงกดดันนั้นออกไป
เสียงคำรามของเขาดังก้องไปทั่วท้องฟ้ากินเวลายาวนาน …
…
ไม่ไกลออกไปนักไป๋หยานและไป๋หนิงกำลังเร่งรีบมาที่นี่ ทันทีที่เสียงคำรามดังขึ้นในสมองของไป๋หยาน สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
”ไม่ดีแล้ว!”
”เกิดอะไรขึ้น?” ไป๋หนิงหยุด นางขมวดคิ้วพลางมองสตรีที่อยู่ข้าง ๆ
สีหน้าของไป๋หยานดำคล้ำมีประกายแสงเย็นวาบเข้ามาในดวงตาของนาง “เป็นไปได้ว่า หลงหยันเจอเหตุร้าย ป้านชิงเฉิง เจ้ารีบกลับไปที่โรงเตี๊ยมปกป้องเฉินเอ๋อกับเสี่ยวหลงเอ๋อ ท่านแม่กับข้าจะไปกันเอง
ป้านชิงเฉิงตกใจมากเกิดอะไรขึ้นกับหลงหยัน ?
ชายผู้นั้นทรงพลังแข็งแกร่งมากจะมีผู้ใดทำร้ายเขาได้ ?
ทว่านางก็ปฏิเสธไม่ได้นางทำได้เพียงพยักหน้ารับ จากนั้นก็หันหลังผละจากไป เพียงพริบตานางก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาไป๋หยาน …
”หยานเอ๋อพวกเราไปกันเถอะ”
ไป๋หนิงขมวดคิ้วหลังจากที่นางมองท้องฟ้าสีครามเบื้องหน้า ร่างของนางก็กระพริบ ก่อนจะปรากฏตัวห่างไกลออกไปอีกหลายจ้าง
ไป๋หยานรีบติดตามไปยังสถานที่ที่ซึ่งเสียงคำรามดังก้องมา…
…
ในหุบเขาเงียบสงบ…
ขาของหลงหยันโค้งงอเขากัดฟันแน่น เพื่อรองรับร่างกายที่แทบจะทานทนไม่ไหว แววตาของเขาหยิ่งผยอง
”ข้า…หลงหยันไม่เคยคุกเข่าให้ผู้ใด เจ้าไม่ควรฉีกหน้าข้าเช่นนี้ !”
”หากย้อนเวลากลับไปคงไม่มีผู้ใดกล้าลบหลู่เทพมังกรเช่นข้าแบบนี้ ไม่มีผู้ใดหน้าไหนกล้าหือกับเทพมังกร”
“ทว่าตอนนี้เป็นเพราะข้าถูกกักขังมานานหลายปี เจ้าจึงยโสโอหัง ไว้ความแข็งแกร่งของข้ากลับคืนมาก่อนเถิด ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปเป็นแน่ !”
เนื่องจากไม่อยากยอมแพ้หลงหยันจึงพยายามงอเข่า หากแต่ก็ยังยืนค้ำบนพื้น ใบหน้าของเขาซีดเผือด หยาดเหงื่อเย็นไหลริน เขากัดฟัน ขณะจ้องชายชราที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
ทันใดนั้นเอง……
สตรีในชุดเสื้อคลุมสีขาวก็ผ่านมาไป๋หนิงไม่รู้ว่ามาปรากฏตัวต่อหน้าหลงหยันตั้งแต่เมื่อใด นางยกมือขึ้นโบก พลันแรงที่กดดันหลงหยันก็สลายไป
เนื่องจากแข้งขาของเขาหมดความแข็งแรงไปแล้วหลงหยันจึงเข่าอ่อน เขาทรุดตัวลงกับพื้น หอบหายใจแรง
บทที่ 1227 : หนิงเยี่ยสิ้นหวัง (10)
บางทีเขาอาจรู้สึกว่าทำเช่นนั้นแล้วเขาจะเสียหน้าดังนั้นหลังจากที่หายใจหอบถี่ไม่กี่ครั้ง เขาก็รีบหยัดกายลุกขึ้นยืน เชิดคางขึ้น พลางมองไปที่ปรมาจารย์หลิง
“ท่านอาหนิง!”
การปรากฏตัวของไป๋หนิงทำให้หนิงเยี่ยมีความสุข
นางรีบลุกขึ้นยืนจากพื้นทว่าหลังจากเห็นไป๋หยานติดตามมาด้วย นางก็ตัวสั่น พลางกัดริมฝีปากแน่นด้วยความอิจฉา
แม้นางจะรู้ว่าหญิงผู้นี้ไม่ได้ทอดทิ้งท่านอาหนิงหากแต่เมื่อเห็นไป๋หยานยืนอยู่ข้างกายท่านอาหนิงอย่างเหมาะเจาะ ในใจของนางก็อดไม่ได้ที่จะเศร้า
”ท่านแม่”
ไป๋หยานยืนอยู่ข้างกายไป๋หนิงนางมองชายชราตรงหน้า พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าที่สวยงามของนางถูกปกคลุมไปด้วยประกายแสงเย็น
”เจ้า…”
สีหน้าที่ไม่พอใจของปรมาจารย์หลิงพลันเบิกกว้างเมื่อแลเห็นไป๋หยาน หัวใจของเขาแทบจะโลดออกมาจากอก แม้แต่การหายใจก็อึดอัดมาก
”เป็นเจ้านั่นเอง!”
หญิงผู้นี้ตายไปแล้วไม่ใช่หรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร ? ตอนนั้นเห็นได้ชัดว่าเขาทำลายวิญญาณนางไปแล้ว เหตุใดนางถึงยังมาปรากฏตัวที่นี่ ? ซ้ำยังเรียกไป๋หนิงว่าแม่อีก ?
นัยน์ตาของไป๋หยานปรากฏแววประหลาดใจนางเลิกคิ้วพลางหัวเราะเยาะ “เจ้ารู้จักข้าด้วยกระนั้นหรือ ?”
”ฮึ่ม!” ปรมาจารย์หลิงยืนกอดอก พร้อมกล่าวโดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ “เจ้ามันนางมารร้ายของอาณาจักรสวรรค์ แม้ว่าเจ้าจะกลายเป็นเถ้าถ่าน ข้าก็จดจำเจ้าได้ จิตวิญญาณของเจ้าน่าที่จะโดนทำลายไปแล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังปรากฏตัวที่นี่อีก หรือการที่อาณาจักรอสูรมาบุกอาณาจักรสวรรค์ก็เป็นเพราะเจ้าด้วย ?”
เดิมทีเขาก็คาดเดาไว้แล้วว่าหญิงผู้นี้ไม่น่าที่จะสูญสลายไปอย่างสมบูรณ์ หาไม่ราชาเทพสวรรค์คงจะไม่ห้ามทุกคนในเทวาคารไม่ให้ทำอะไรคนของแดนอสูร
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะนางนี่เอง
ชาติที่แล้วราชาเทพสวรรค์ยังปล่อยให้นางทำร้ายอาณาจักรสวรรค์จนน่าสังเวชไม่เพียงพออีกกระนั้นหรือ? เหตุใดชาตินี้คนพวกนี้ยังมาทำร้ายแดนสวรรค์อีก ?
“เจ้ามาจากเทวาคารใช่หรือไม่?” ไป๋หยานหรี่ตา เอ่ยถามอย่างแผ่วเบา
”ใช่…ข้าคือปรมาจารย์หลิงแห่งเทวาคาร”ปรมาจารย์หลิงกล่าวพร้อมแรงกดดันอันน่ากลัว
“โอ้! ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เป็นหนึ่งในคนที่ต้องการทำลายแดนอสูร ทั้งยังฆ่าเสือขาว และสัตว์เทพทั้งสี่ด้วยกระนั้นสิ ?” น้ำเสียงของไป๋หยานเฉยเมยเฉกเช่นเคย
อย่างไรก็ตามในน้ำเสียงของนางก็ค่อยๆ เผยเจตนาสังหารออกมาทีละน้อย
ภายใต้กระแสลมแรงชุดกระโปรงสีแดงถูกพัดสะบัดขึ้นเบาๆ ซึ่งทำให้นางยิ่งแลดูสง่าทรงอำนาจมากขึ้น
ปรมาจารย์หลิงมองไป๋หยานด้วยความประหลาดใจเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังจำเรื่องราวเหล่านั้นได้ ใช่ ! ทุกอย่างเป็นฝีมือเทวาคารของข้าเอง ! พวกเราทำเพื่อความสงบสุขของอาณาจักรสวรรค์ทั้งมวล เจ้า และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในแดนอสูรสมควรตายแล้ว
เจ้าและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในแดนอสูรต้องตาย !
ประโยคนี้ทำลายความอดทนอดกลั้นของไป๋หยานลงอย่างสิ้นเชิงกลิ่นอายของนางพุ่งกระจายออกมา ใบหน้าของนางเย็นชาลงเรื่อย ๆ
“ท่านแม่ขอโทษด้วยที่ทำให้ท่านต้องมาลำบากไปด้วย … ”
นางไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะได้พบกับคนจากเทวาคารเร็วเช่นนี้ ทว่าเนื่องจากบุคคลคนนี้อ้างว่าตนเป็นปรมาจารย์ นั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งของเขามาถึงขอบเขตของระดับเทพอันลึกซึ้งแล้ว
ระดับเทพอันลึกซึ้งสำหรับไป๋หยานในเวลานี้ หากต้องรับมือกับคนผู้นี้ก็เรียกได้ว่าเจอภูเขาขนาดยักษ์
ทว่านางก็ไม่กลัว!
สิ่งเดียวที่นับว่าโชคดีก็คือนางไม่ได้พาไป๋เสี่ยวเฉิน และเสี่ยวหลงเอ๋อติดตามมาด้วย ตราบใดที่เด็กทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ ความหวังที่จะแก้แค้นให้กับนางก็ยังคงอยุู่ …
”หยานเอ๋ออย่าได้พูดเช่นนั้น ต้องพูดว่าข้าควรจะเป็นฝ่ายขอโทษเจ้า เพราะเหตุที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อตามหาข้า” ไป๋หนิงยิ้มบิดเบี้ยว
สายตาของนางอ่อนโยนเฉกเช่นเคยทว่ามีร่องรอยของความรู้สึกทำอะไรไม่ถูกแฝงอยู่
ไป๋หยานไม่ตอบนางลดสายตาลงมองหลงหยันที่อยู่ข้าง ๆ
”หลงหยันข้าจะถอนพันธะสัญญาของเจ้ากับป้านชิงเฉิงให้ หลังจากนั้นเจ้าก็จงออกจากสถานที่นี้ทันที เป้าหมายของเขาก็คือข้ากับท่านแม่ของข้า เจ้าจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใด ๆ ข้าขอเพียงสิ่งเดียว โปรดทำเพื่อข้าช่วยส่งเฉินเอ๋อไปให้ตี้คัง ตกลงหรือไม่ ?”
บทที่ 1228 : การตายของหนิงเยี่ย (1)
หลงหยันตัวแข็งหญิงผู้นี้ยอมทำลายพันธะสัญญากับเขา ?
ในเวลานี้น่ะนะ?
ภายใต้สถานการณ์วิกฤติเช่นนี้นางควรใช้เขาเป็นเกราะป้องกันอันตราย และช่วยต่อสู้ เพื่อหาโอกาสหลบหนีมิใช่หรือ ?
เหตุใด… นางจึงเลือกที่จะบอกเลิกสัญญากับเขา ?
ความงุนงงปรากฏขึ้นในดวงตาของหลงหยัน
ในความรู้สึกของเขามนุษย์นั้นมีแต่ความโลภ ความเจ้าเล่ห์ และความเห็นแก่ตัว ทั้งยังไร้ความรู้สึก อีกทั้งดุร้าย หากแต่ยามนี้เขากลับค้นพบว่า เขาไม่เข้าใจมนุษย์เลยจริง ๆ …
”หลงหยันข้าไม่รู้ว่าเป็นข้าหรือไม่ที่ในครานั้นเป็นผู้กักขังเจ้าไว้ หากแต่ถ้าเป็นข้า ข้าก็ต้องขอโทษเจ้า ตอนนี้ข้าเต็มใจที่จะให้อิสระกับเจ้า เจ้าไปได้”
ใบหน้าของหลงหยันสับสนเขามองไป๋หยานด้วยความงุนงง ราวกับว่าเขายังไม่อยากเชื่อ ไป๋หยานเต็มใจที่จะให้อิสระกับเขาจริง ๆ หรือ ?
เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ไป๋หยานกล่าวมาเป็นความจริงหรือไม่? ตราบกระทั่ง … พลังที่กักขังจิตวิญญาณของเขามลายหายไป
หญิงผู้นี้คืนอิสรภาพให้เขาจริงๆ !
”ไปสิ!” ไป๋หยานโบกแขนเสื้อ พร้อมกับออกปากไล่เสียงหนัก “ไปให้ไกลที่สุด และอย่าได้กลับมา ! บอกเฉินเอ๋อด้วยว่าอย่าเพิ่งรีบล้างแค้นแทนข้า รอให้เขาแข็งแกร่งพอ เมื่อถึงวันนั้นค่อยส่งทุกคนในเทวาคารลงนรกเพื่อข้า !”
ชั่วขณะนั้นพลังก็พุ่งออกมาจากร่างของไป๋หยานและพลังนี้ก็พัดผ่านราวกับสายลมกระโชก ส่งผลให้หลงหยันที่ไม่ได้เตรียมตั้งตัว ถูกผลักให้ถอยหลัง ก่อนจะหยุดลง ห่างออกไปอีกหลายจ้าง
หลงหยันมองสตรีในอาภรณ์สีแดงภายใต้กระแสลมกรรโชกแรงด้วยความประหลาดใจราวกับว่ามีพลังบางอย่างกระทบใจเขาอย่างรุนแรง …
…
ภายในโรงเตี๊ยม
ไป๋เสี่ยวเฉินนั่งเท้าคางหน้ามุ่ย พร้อมทำปากจู๋ ขณะจ้องมองป้านชิงเฉิงอย่างไม่พอใจ
“ท่านแม่ไปไหน? เหตุใดเจ้าไม่บอกข้า ?”
ป้านชิงเฉิงขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์”นางบอกว่าห้ามเจ้ายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ เพียงเจ้าอยู่รอนางที่นี่ก็พอแล้ว”
ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินเคร่งขรึมเขากระโดดลงจากเก้าอี้ จากนั้นก็เดินไปที่ป้านชิงเฉิง
อย่างไรก็ตาม…
เขายังไม่ทันได้พูดในสิ่งที่เขาคิดการแสดงออกของป้านชิงเฉิงก็เปลี่ยนไปทันที พลันสีหน้าของนางก็เปลี่ยนจากความประหลาดใจในตอนแรกมาเป็นความตกใจ
ชั่วขณะนั้นไป๋เสี่ยวเฉินซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ขมวดคิ้วต่อหน้าป้านชิงเฉิง พร้อมกับเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ?”
“ข้า…ก็ไม่รู้ จู่ ๆ แม่ของเจ้าก็ยกเลิกพันธะสัญญาระหว่างเรา”
ยกเลิกพันธะสัญญา?
ใบหน้าเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “ท่านแม่ต้องตกอยู่ในอันตราย ข้าจะไปหานาง !”
“ไม่ได้!”
ครั้นเห็นไป๋เสี่ยวเฉินกำลังจะก้าวออกนอกประตูป้านชิงเฉิงที่กำลังตกตะลึงอยู่ก็รีบคว้าตัวเขา พลางกดไหล่ของเขาไว้
”ไม่…เจ้ายังไปหานางไม่ได้ข้าสัญญากับนางไว้ว่า จะปกป้องความปลอดภัยของเจ้า แม้ว่าตอนนี้พันธะสัญญาจะถูกยกเลิกไปแล้ว ทว่าข้าก็จะต้องทำงานนี้ให้สำเร็จเป็นครั้งสุดท้าย”
ในเมื่อไป๋หยานยอมคืนอิสระให้กับนางนางก็จะรักษาคำสัญญาครั้งสุดท้ายนี้
”ไปให้พ้น!”
ทันใดนั้นเสื้อคลุมตัวน้อยของไป๋เสี่ยวเฉินก็สะบัดขึ้น แรงกดดันที่รุนแรงพลันพุ่งออกมาปะทะลงบนหน้าอกของป้านชิงเฉิง พร้อมกับเสียงปัง ร่างของนางลอยละลิ่วออกไปอย่างกะทันหัน ก่อนจะตกลงกับพื้นอย่างหมดท่า
นางเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจครั้นเห็นไป๋เสี่ยวเฉินที่แลดูทรงอำนาจ นางก็กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
ในยามนี้ร่างของนางกำลังสั่นสะท้านภายใต้แรงกดดันที่รุนแรงนั้น นางรู้สึกได้ทันทีว่านางไม่สามารถทำอะไรได้เลย …
นางไม่เคยเห็นไป๋เสี่ยวเฉินเป็นเช่นนี้มาก่อนความดุร้ายของเขาทำให้หัวใจของนางตกตะลึง กระทั่งแทบหยุดเต้น …
บทที่ 1229 : การตายของหนิงเยี่ย (2)
“เสด็จพี่”
เสี่ยวหลงเอ๋อก้าวไปข้างหน้านางต้องการจับมือของไป๋เสี่ยวเฉิน ทว่าทันทีที่มือของนางสัมผัสไป๋เสี่ยวเฉิน มือของนางก็ถูกผลักอย่างรุนแรง
ความเจ็บปวดทำให้เสี่ยวหลงเอ๋อรีบหดมือเล็กๆ ของนางกลับมา นางจ้องไป๋เสี่ยวเฉินที่อยู่เบื้องหน้า ด้วยทีท่าขลาดกลัว
“เสด็จพี่ท่านเป็นอะไร ? ท่านจะไปหาท่านแม่ใช่หรือไม่ ? เช่นนั้นพาข้าไปด้วยได้หรือไม่ ? ข้าจะได้ช่วยปกป้องนางด้วย … ”
เสียงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของเสี่ยวหลงเอ๋อทำให้ฝีเท้าของไป๋เสี่ยวเฉินหยุดชะงัก หากแต่ร่างของเขาก็ยังคงไม่หยุด ร่างเล็ก ๆ ของเขาว่องไวไม่ต่างจากสายลม เพียงพริบตาเขาก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตานาง
ครู่หนึ่งนัยน์ตาของเสี่ยวหลงเอ๋อก็หรี่ลงนางกัดริมฝีปากของนางเบา ๆ เอ่ยกล่าวอย่างน่าสงสารว่า “ข้าอ่อนแอเกินไปใช่หรือไม่ ? ข้าไม่สามารถช่วยเสด็จพี่ได้แม้สักครั้งเลย”
”แค่กแค่ก !” ป้านชิงเฉิงไอออกมาสองครั้ง นางไอออกมาเป็นเลือด ป้านชิงเฉิงเช็ดเลือดออกจากมุมปาก พลางลุกขึ้นยืนจากพื้น “เจ้าอ่อนแอเกินไปจริง ๆ”
เสี่ยวหลงเอ๋อกำหมัดแน่นนางจ้องมองตามทิศทางที่ไป๋เสี่ยวเฉินจากไป สัมผัสแห่งความแน่วแน่ปรากฏบนใบหน้าเด็กน้อย
“ข้าจะต้องแข็งแกร่งวันหนึ่งข้าจะแข็งแกร่งมากกว่านี้ !”
ไม่ว่าจะต้องสละอะไรมากมายเพียงใดนางก็ไม่หวั่น !
ชั่วขณะนี้ป้านชิงเฉิงยังคงคิดถึงเรื่องที่ไป๋หยานบอกเลิกสัญญากับนาง เช่นนั้นนางจึงไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าที่แลดูแปลกไปของเสี่ยวหลงเอ๋อ นางไม่รู้ว่า เด็กน้อยจากไปตั้งแต่เมื่อใด …
…
ในเวลาเดียวกัน
ณท้องฟ้าเหนือแดนอสูร พยัคฆ์ขาวและมังกรเขียวต่างกำลังหยอกกันเล่น เหนือป่าสัตว์อสูรอันกว้างใหญ่
ทว่าในขณะนี้…
หัวใจของพยัคฆ์ขาวพลันสั่นสะท้านเขาหยุดชะงักในทันที ความรู้สึกหวาดกลัวแผ่ซ่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ความรู้สึกนี้ทำให้เขาอึดอัดมาก นัยน์ตาสีฟ้าแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดและทรมาน
”ชิงอี้…เจ้ารู้สึกหรือไม่?”
มังกรเขียวหยุดอยู่กลางอากาศว่างเปล่าเพียงพริบตาก็กลายร่างเป็นสตรีรูปร่างบอบบางที่แสนเย็นชา นางค่อย ๆ ก้าวลงมาจากอากาศว่างเปล่า
“นายหญิงถอนพันธะสัญญากับพวกเรา”
ชิงอี้หน้าเสียจนแลดูน่าเกลียดมากนางกำหมัดสีชมพูแน่น หากแต่นางก็ไม่สามารถยับยั้งความตื่นตระหนกในใจได้
“เจ้าว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับนายหญิงหรือไม่ ?”
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่หากมิใช่เพราะนางเจอเหตุการณ์วิกฤติ นางจะไม่บอกเลิกพันธะสัญญากับพวกเราแน่ นางไม่อยากลากพวกเราไปพบเรื่องเลวร้ายด้วย ข้าต้องไปหานาง !”
ท่าทางของเสี่ยวมี่แลดูร้อนรนเขาไม่สนใจชิงอี้ที่อยู่ข้างหลังอีกต่อไป เขารีบพุ่งทะยานไปด้านหน้า กระทั่งฝุ่นตลบครอบคลุมทัศนียภาพอันงดงามของป่า
ชิงอี้เองก็ไม่รีรออีกต่อไปนางรีบไล่ตามเสี่ยวมี่ทันที ทว่าหัวใจของพวกเขากลับยิ่งหวั่นไหวมากขึ้น เมื่อเวลายิ่งผ่านไป
โดยเฉพาะเสี่ยวมี่ตามความเข้าใจของเขาที่ว่าไป๋หยานคงไม่อยากลากพวกเขามาเจออันตราย เช่นนั้นย่อมพิสูจน์ได้ว่าครั้งนี้นายหญิงประสบเหตุร้ายแรงจริง ๆ !
น้ำตาแห่งความกังวลของเสี่ยวมี่แทบจะหลั่งรินในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาเคยชินกับการอยู่คู่กับไป๋หยาน ความอบอุ่นเช่นนั้นเขาไม่อยากจะสูญเสียไปตลอดชีวิต
เขานึกภาพไม่ออกว่าหากเขาสูญเสียมันไป เขาจะทำอย่างไรต่อไป ?
”นายหญิงรอข้าก่อน ท่านต้องรอข้า”
เสี่ยวมี่เช็ดน้ำตาที่หางตาพลางพยายามวิ่งเร็วขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งกลายเป็นจุดแสง และวิ่งจากไปในระยะไกล …
…
ในหุบเขา
ไป๋หยานยืนนิ่งภายใต้กระแสลมที่รุนแรง นางเงยหน้าขึ้นมองชายชราที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพลางเม้มริมฝีปาก
บทที่ 1230 : การตายของหนิงเยี่ย (3)
”ข้าได้ยกเลิกพันธะสัญญากับพวกเขาหมดแล้วยกเว้นตี้คัง … อย่างไรก็ตามข้ากับ ตี้คังเป็นพันธะสัญญาชีวิต จะไม่ส่งผลกระทบต่อกันและกัน เช่นนั้นตอนนี้ข้าไม่กลัวสิ่งใดแล้ว”
ครั้งนี้สิ่งที่นางเผชิญคืออันตรายครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่นางเคยพบมานางจึงต้องยกเลิกพันธะสัญญาทั้งหมด
ยกเว้นตี้คัง…
พันธะสัญญาระหว่างนางกับตี้คังไม่สามารถยกเลิกได้ทว่าเนื่องจากลักษณะพิเศษของพันธะสัญญานี้ไม่ว่าฝ่ายใดจะประสบเหตุร้ายก็จะไม่ส่งผลกระทบต่ออีกฝ่าย
เช่นนั้นไป๋หยานจึงมองว่าความตายเป็นเรื่องปกตินางไม่รู้สึกใด ๆ แม้แต่สีหน้าก็ไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย
ไป๋หนิงขมวดคิ้วน้อยๆ “หยานเอ๋อ ข้าสามารถรับมือชายผู้นี้ได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เจ้าไปจากที่นี่ก่อนเถิด”
”ท่านแม่… ” ไป๋หยานเอ่ยปาก พลางยิ้มราวกับตัดใจ “เพราะท่านสูญเสียความทรงจำทั้งหมด เช่นนั้นจึงจำอดีตไม่ได้ ทว่า … หากข้าไม่พูด ข้าก็เกรงว่าจะไม่มีโอกาสได้พูดอีก”
”ตอนนี้ไม่สำคัญแล้วว่า ท่านจะจำข้าได้หรือไม่ ? ไม่สำคัญว่าท่านจะจำท่านตาได้หรือไม่ ? ทว่าท่านจะต้องจำชายชื่อเหวินหยุนเฟิงไว้ให้ได้ ย้อนกลับไปในคราครั้งนั้น พวกท่านทั้งสองต่างก็รักกันมาก และด้วยความรักนี้ทำให้เขาไม่ลังเลเลยที่จะถูกจองจำด้วยความบ้าบออยู่เป็นเวลา 20 ปี ท่านคือความหวังทั้งหมดของเขา ข้าไม่อาจปล่อยให้ความหวังนี้กลายเป็นความผิดหวัง”
เหวินหยุนเฟิง?
ความเจ็บปวดปรากฏบนใบหน้าของไป๋หนิง
นางจำได้ว่าวันนั้นเฉินเอ๋อก็เอ่ยชื่อนี้นางเพียงรู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหู หากแต่นางกลับจำอะไรไม่ได้เลย …
เป็นไปได้หรือไม่ว่านางมีอะไรเกี่ยวข้องกับเหวินหยุนเฟิง?
ไป๋หนิงยกมือขึ้นกุมศีรษะตนเองสมองของนางแทบระเบิด นางขมวดคิ้วมุ่นด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับส่ายศีรษะ
ไม่…นางยังจำอะไรไม่ได้! รวมทั้งเหวินหยุนเฟิงด้วย !
“พวกเจ้าพูดกันพอหรือยัง?” ปรมาจารย์หลิงมองไป๋หยาน และไป๋หนิงด้วยสายตาเย็นชา พลางยิ้มน้อย ๆ “หากพวกเจ้าพูดกันพอแล้ว ก็ถึงเวลาตายของพวกเจ้าได้แล้ว และเมื่อพวกเจ้าตกนรกไป ในวันหน้าพวกเจ้าก็ยังอาจเป็นแม่-ลูกกันได้อีก”
น้ำเสียงของเขาเย็นชาอีกทั้งเสียดแทงหัวใจ ทำให้ท่าทีของหนิงหยวนเปลี่ยนไปในทันที
”ปรมาจารย์หลิงท่านไม่ได้บอกรึว่า ท่านจะช่วยข้าให้ได้หนิงเอ๋อ แล้วท่านมากล่าวเช่นนี้หมายความว่าไ ?” เขาเอ่ยถามเนื้อตัวสั่นเทา
”เจ้าหมายถึงอะไร?” ปรมาจารย์หลิงเยาะเย้ย “หญิงผู้นี้กล้าเข้าไปในเทวาคารของข้า ทำร้ายปรมาจารย์นับจำนวนไม่ถ้วนในวิหาร แค่ทำร้ายคนเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะต้องตายนับพันครั้ง
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่นางจะต้องตายนับพันครั้ง!
เปรี้ยง!
น้ำเสียงของปรมาจารย์หลิงไม่ต่างจากสายฟ้าฟาดใส่หนิงหยวน กระทั่งเขาต้องก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
ใบหน้าของเขาซีดเซียวนัยน์ตาตื่นตะหนกของเขาจับจ้องมองใบหน้าที่งดงามของไป๋หนิง
สิ่งที่ปรมาจารย์หลิงกล่าวเมื่อครู่ราวกับดาบแหลมคมทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของเขาอย่างรุนแรง
ปรากฏว่าคนจากเทวาคารมีความคิดแต่แรกแล้วว่าจะเอาชีวิตหนิงเอ๋อ ?
เขาเองก็รู้ดีว่าพวกเทวาคารเกลียดหนิงเอ๋อมาก เหตุใดเขาถึงเต็มใจที่จะเชื่อคนเหล่านั้นอีก เขาทำให้ชีวิตของหนิงเอ๋อตกอยู่ในกำมือของคนเหล่านั้น
หากหนิงเอ๋อต้องตายเขาก็คือผู้ร้ายฆ่าสตรีที่ตนรัก !
“ไม่! ท่านจะทำเช่นนั้นกับหนิงเอ๋อไม่ได้ ท่านสัญญากับข้าแล้วว่า ท่านต้องการเพียงสัตว์อสูรเทพลึกลับเท่านั้น ท่านจะผิดสัญญาได้อย่างไร ? หากท่านทำเช่นนี้ ท่านไม่กลัวรึว่าเทวาคารจะสูญเสียความน่าเชื่อถือในแดนสวรรค์นี้ ?
นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงราวเลือดทีละน้อยๆ มันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง เสียงของเขาก็สั่นสะท้านด้วยความโกรธ
ปรมาจารย์หลิงก้มลงมองหนิงหยวนที่อยู่เบื้องล่างด้วยสายตาเย็นชาพลางยิ้มอย่างแดกดัน “คนในเทวาคารไม่เกี่ยว หากข้าผิดสัญญาก็แล้วยังไง ? นอกจากเจ้ากับข้าก็ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องคำสัญญานี้ เมื่อไม่มีผู้ใดรู้ ต่อให้ข้าผิดสัญญา ก็ไม่ทำให้ชื่อเสียงของเทวาคารเสื่อมเสียหรอก”