จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1236-1240
บทที่ 1236 : การตายของหนิงเยี่ย (9)
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งที่ไป๋เสี่ยวเฉินแสดงออกมาในวันนี้ก็ยังไม่อาจทำให้หลงหยันรู้สึกผ่อนคลายลงแม้สักนิด ในทางกลับกัน … มันยิ่งทำให้หัวใจของหลงหยันเคร่งเครียดขึ้น
ดูเหมือนเจ้าตัวเล็กคนนี้จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนราวกับมีวิญญาณอีกดวงอาศัยอยู่ในร่างของเขา และไม่ใช่เขาที่เป็นผู้ควบคุมร่างกายนี้อีกต่อไป
ความรู้สึกนี้ทำให้หลงหยันอึดอัดมากเขาก้าวเข้าไปหาไป๋หนิงโดยไม่รู้ตัว เขาไม่กล้ามองไป๋เสี่ยวเฉินอีกแล้ว เพราะหากเขามองเด็กคนนั้นอีก หัวใจของเขาก็คงจะสั่นไม่หยุด
ชั่วขณะนั้นเอง…
พลังมืดมนก็พุ่งมาจากด้านหลังหลงหยันเบือนหน้าไปมองเพียงพริบตา ภายในอากาศว่างเปล่า อาภรณ์สีม่วงพลันผ่านเข้ามาให้เห็นอย่างรวดเร็ว …
หลังจากได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของชายผู้นั้นใบหน้าของหลงหยันพลันแข็งค้าง เขาจ้องชายผู้นั้นจากระยะไกล กระทั่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ร่องรอยแห่งความตื่นเต้นค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาที่ตกตะลึงของเขา
นี่… เขาจริง ๆ หรือ ?
เขายังมีชีวิตอยู่กระนั้นหรือ? ที่สุดข้าก็ได้พบเจอเขาอีกครั้ง ?
ทว่าชายผู้นั้นไม่ได้มองหลงหยันเลยแม้แต่น้อยร่างของเขาพุ่งเข้าหาไป๋หยานไม่ต่างจากสายฟ้าแลบ
เขายกมือขึ้นคว้าไป๋หยานออกจากอ้อมแขนของไป๋หนิงใบหน้าของเขาซีดเซียว นัยน์ตาที่หยิ่งผยองทรงอำนาจของเขา ยามนี้มีเพียงร่องรอยแห่งความเศร้า
”หยานเอ๋อข้าขอโทษที่ข้ามาช้า … ”
“หากแต่เจ้ามั่นใจได้ว่าต่อให้ข้าต้องใช้ชีวิตของข้าทั้งชีวิต ข้าก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าจากข้าไปอีก !”
ตี้คังยกฝ่ามือขึ้นพลันกริชก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา
เขาใช้กริชกรีดข้อมืออย่างไร้ความอาทรเลือดจากข้อมือของเขาไม่ได้เป็นสีแดงสด ทว่าเป็นแสงสีเหลืองจาง ๆ …
ร่างของหลงหยันแข็งค้างดวงตาชราภาพของเขาพลันเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ “ท่าน … ท่านจะช่วยนางด้วยเลือดของท่าน เลือดของสัตว์อสูรคือแก่นแท้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในร่างกาย ! โดยเฉพาะเลือดของท่าน … เลือดทุกหยดของท่านล้วนมีค่า และ … หากท่านเสียเลือดไป ท่านจะ … ”
ก่อนที่เขาจะทันกล่าวจบหลงหยันก็ตกตะลึงกับการเคลื่อนไหวต่อไปของตี้คัง
เพราะสิ่งที่ตี้คังใช้ไม่ใช่เพียงแก่นแท้หรือเลือดเพียงหยดเดียว ทว่าเป็นแก่นแท้ และเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไหลลงมาจากบาดแผลของเขา จากนั้นก็ตกลงบนหน้าอกของไป๋หยาน
หน้าอกที่เสียหายอย่างหนักของไป๋หยานค่อยๆ ได้รับการซ่อมแซมด้วยเลือดของตี้คัง
ทว่าใบหน้าของตี้คังกลับซีดลง
อาการหน้าซีดเช่นนั้นไม่ใช่เพราะสูญเสียเลือดมากเกินไปดูเหมือนว่าชีวิตของเขากำลังจะสลายตามไปด้วย ราวกับว่าอีกอึดใจถัดมาผู้ที่เสียชีวิตอาจจะกลายเป็นเขาได้
หลงหยันตกใจกระทั่งกล่าวคำใดไม่ออก
สายตาของเขาจับจ้องมองร่างของตี้คังและไป๋หยานเขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดตี้คังต้องเสียสละมากมายถึงเพียงนี้เพื่อช่วยนาง …
สิ่งใดคือความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่? คุ้มแล้วหรือที่เขาจะสละชีวิตเพื่อนาง ?
อย่างไรก็ตาม…
สีหน้าของตี้คังยังคงไม่แปรเปลี่ยนไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว นัยน์ตาเรียวคมงดงามของเขาจ้องมองสตรีที่นอนจมกองเลือดอยู่ตลอดเวลา
ราวกับว่าในโลกใบนี้ในสายตาของเขามีนางเพียงผู้เดียว และไม่มีที่ว่างสำหรับใครอื่น
เขามาช้าไปล้มเหลวในการปกป้องนางจากภยันตราย เช่นนั้นยามนี้เขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดเชย
เขาจะไม่มีวันยอมให้นางทิ้งเขาไว้คนเดียวอีก!
“พอแล้วท่านหยุดได้แล้ว !” หลงหยันกระทืบเท้าเร่า ๆ อย่างกระวนกระวาย เขามองดูเลือดที่ไหลรินไม่ต่างจากน้ำพุ มุมปากของเขากระตุกด้วยความเจ็บปวด “เลือดของท่านเพียงพอที่จะทำให้นางรอดชีวิตได้แล้ว ท่านหยุดได้แล้ว ทำเช่นนี้เป็นการสิ้นเปลืองเกินไป หากยังทำเช่นนี้ต่อไป สิ่งที่ท่านต้องสูญเสียจะไม่ใช่แค่เลือด หากแต่จะเป็นชีวิตของท่านนะ”
บทที่ 1237 : ความรักของบิดาดั่งขุนเขา (1)
ทว่าดูเหมือนตี้คังจะไม่ได้ยินถ้อยคำของหลงหยันเลือดสีทองที่ข้อมือของเขายังคงไหลรินอย่างต่อเนื่อง ซึมซาบเข้าไปในบาดแผลของไป๋หยาน …
นางค่อยๆ ฟื้นตัว บาดแผลซีด ๆ แต่เดิมของไป๋หยานค่อย ๆ กลับมามีสีเลือด และการหายใจที่อ่อนระทวยของนางก็เริ่มที่จะคงที่ขึ้นเช่นกัน
ครั้นเห็นเช่นนั้นหัวใจที่เคร่งเครียดของตี้คังพลันค่อยๆ คลายลง
สายตาที่น่ากลัวของตี้คังกวาดไปมองปรมาจารย์หลิงที่อยู่ไม่ไกลกันนักพร้อมกันนั้นอุณหภูมิรอบตัวของเขาก็ลดลงอย่างมาก ส่งผลให้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขารู้สึกราวกับว่ากำลังตกอยู่ในขุมนรก เส้นผมของพวกเขาตั้งชี้ด้วยความหวาดกลัว
หลงหยันอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจเขาอยากที่จะกล่าวบางอย่าง ทว่าหลังจากได้เห็นใบหน้าที่เศร้าหมองของชายหนุ่ม เขาก็ไม่อาจกล่าวคำใดออกมาได้ ทำได้เพียงยืนอยู่ข้างหลังชายหนุ่มอย่างเงียบ ๆ
“ปัง!”
หมัดเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินทรงอานุภาพมาก ภายใต้การโจมตีที่ดุเดือดของไป๋เสี่ยวเฉิน ร่างของปรมาจารย์หลิงถูกบังคับให้ถอยหนีทีละก้าว ๆ ความตื่นตระหนกท่วมท้นหัวใจของปรมาจารย์หลิง หยาดเหงื่อเย็นไหลซึมลงมาจากหน้าผากของเขา
ยามนี้เขารู้สึกได้ถึงสายตาเย็นยะเยือกที่มองมา ครั้นเขาเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย และน่าทึ่งนั้นทันที
ชั่วขณะนั้นหัวใจของปรมาจารย์หลิงพลันสั่นสะท้านด้วยความตกใจความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขารีบหันหลังกลับ โกยอ้าวไปที่หุบเขาด้านหลังทันที โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกต่อไป
ไป๋เสี่ยวเฉินลุกขึ้นร่างเล็ก ๆ ของเขาเปลี่ยนเป็นสายฟ้าพุ่งติดตามปรมาจารย์หลิงทันที อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากำลังจะไล่ล่าปรมาจารย์หลิงนั้น ร่างของปรมาจารย์หลิงก็หายลับไปแล้ว …
ใช่…ปรมาจารย์หลิงหายตัวไปท่ามกลางอากาศบางเบาโดยไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ มีเพียงความผันผวนในอากาศเท่านั้นที่พิสูจน์การมีอยู่ของเขาเมื่อครู่
ชั่วขณะนั้นไป๋เสี่ยวเฉินไม่อาจหาเป้าหมายในการโจมตีได้ ความโกรธแค้นในร่างของเขาพลันปะทุออกมา หมัดเล็ก ๆ ของเขากระแทกเข้ากับต้นไม้เก่าแก่ข้างกาย ส่งผลให้ต้นไม้ต้นนั้นล้มครืนลง
”เอ่อ…” ไป๋หนิงตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางไม่สนใจไป๋หยานที่นอนอยู่บนพื้น นางรีบลุกขึ้นยืนจ้องไป๋เสี่ยวเฉินผู้ซึ่งยามนี้กำลังมองหาเป้าหมายในการโจมตีไปทั่วด้วยสายตาหวาดหวั่น
ทว่า…
ในสายตาของไป๋เสี่ยวเฉินกลับมองไม่เห็นผู้ใดทั้งสิ้นน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดของเขาฟังดูเจ็บปวด กระแสลมที่พัดรอบร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่ง อีกทั้งมืดมนมันทำลายต้นไม้โดยรอบทั้งหมด แปรเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นพื้นดินราบ
“เฉินเอ๋อ!”
หัวใจของไป๋หนิงสั่นสะท้านนางรีบเหาะเข้าไปหาไป๋เสี่ยวเฉิน พลางร่อนลงต่อหน้าเขาทันที
อย่างไรก็ตามไป๋เสี่ยวเฉินไม่อาจยั้งหมัดของตนไว้ได้ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความกระหายเลือด และโหดร้าย เขาโจมตีไป๋หนิงโดยไร้สิ้นซึ่งความรู้สึกใด ๆ
กลิ่นอายหนาแน่นแผ่กระจายออกมาส่งผลให้ไป๋หนิงไม่อาจขยับกาย นางทำได้เพียงมองกำปั้นที่พุ่งเข้าหาตนด้วยความประหลาดใจ …
อย่างไรก็ตามขณะที่กำปั้นของไป๋เสี่ยวเฉินเข้าใกล้ไป๋หนิงนั้น จู่ ๆ มันก็ถูกหยุดไว้
ภายใต้กระแสลมแรงบุรุษผู้สวมอาภรณ์สีม่วงงามสง่า หล่อเหลาเปี่ยมด้วยเสน่ห์ เรือนผมสีเงินยวงของเขาปลิวไสวงดงามมากพอที่จะทำให้ผู้คนลืมหายใจ
อย่างไรก็ตามในยามนี้ ใบหน้าของเขาซีดขาว เขาขมวดคิ้วน้อย ๆ สายตาทรงอำนาจของเขาจับจ้องมองเจ้าซาลาเปาน้อยที่อยู่เบื้องหน้า ร่างของเขาถอยหลังไปสองสามก้าวเพราะการโจมตีในครั้งนี้
“ไป๋เสี่ยวเฉิน!”
เสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำใบหน้าของเขาไม่แสดงออกใด ๆ ขณะเอ่ยถามว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่ตอบใบหน้าที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของเขาไม่ได้ไร้เดียงสา และมีชีวิตชีวาเฉกเช่นเคยแล้ว หากแต่ถูกปกคลุมไปด้วยเจตนาสังหารที่แลดูกระหายเลือด
ในใจของเขามีเพียงความคิดเดียว
ฆ่า…ฆ่าทุกคนเพื่อล้างแค้นให้หม่ามี้ !
ความเกลียดชังและความโกรธแค้นเข้ามาเติมเต็มหัวใจดวงน้อยของเขาจนสิ้นแล้ว ประกายแสงสีแดงในดวงตาของเขาก็ยิ่งดูแย่ลงไปอีก หมัดของเขาซัดลงมาอีกครั้งราวกับพายุ เสื้อคลุมพลันสะบัดแรงขึ้นตามกระแสลมที่พัดแรง
บทที่ 1238 : ความรักของบิดาดั่งขุนเขา (2)
ตี้คังขมวดคิ้วแน่นขึ้นหากเป็นอดีตก็คงไม่มีปัญหาที่จะควบคุมเด็กชายตัวน้อยคนนี้
ทว่าตอนนี้เขาสูญเสียแก่นแท้และเลือดมากเกินไป ซึ่งส่งผลให้เขาไม่สามารถทำเช่นที่ต้องการได้ ในขณะเดียวกัน เขาก็กลัวว่าจะเป็นการทำร้ายเด็กน้อยด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าลงมือรุนแรงเกินไป จึงทำได้เพียงปล่อยให้กำปั้นของไป๋เสี่ยวเฉินซัดลงบนร่างกายของเขารัว ๆ
“เด็กบ้าเอ๊ย!”
แสงสีแดงกระพริบไปทั่วดวงตาของตี้คังครั้นหมัดของไป๋เสี่ยวเฉินกระแทกลงมาอีกครั้ง เขาก็คว้าแขนของไป๋เสี่ยวเฉิน รั้งร่างของเจ้าตัวเล็กเข้าสู่อ้อมแขนอย่างแรง
ไป๋เสี่ยวเฉินพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากอ้อมกอดของตี้คังหากแต่ดูเหมือนว่าตี้คังจะใช้เรี่ยวแรงกำลังทั้งหมดเพื่อกอดร่างของไปเสี่ยวเฉินไว้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้ไป๋เสี่ยวเฉินมีโอกาสหลบหนี
“ไป๋เสี่ยวเฉินรู้สึกตัวเสียทีสิ !”
เสียงของตี้คังกระแทกเข้าไปในจิตใจของไป๋เสี่ยวเฉิน
ทว่านัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินยังคงเป็นสีแดงเขาอ้าปาก จากนั้นก็กัดลงบนไหล่ของตี้คังอย่างแรง
โอ๊ะ!
การกัดครั้งนี้ส่งผลให้ไหล่ของตี้คังเลือดออก ตี้คังถอนหายใจด้วยความเจ็บปวด
ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงกอดร่างของไป๋เสี่ยวเฉินแน่นไม่ยอมปล่อย
“เกิดอะไรขึ้นกับเฉินเอ๋อ?” ไป๋หนิงยกมือขึ้นปิดริมฝีปากตน ครั้นเห็นอาการบ้าคลั่งของไป๋เสี่ยวเฉินแล้ว หยาดน้ำตาแห่งความทุกข์ใจก็พลันร่วงริน
แม้แต่หลงหยันก็เริ่มเช็ดน้ำตาป้อยๆ
แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกเสียใจไปกับไป๋เสี่ยวเฉินเพียงเจ้าเด็กน้อยนี่เจ็บปวด ไยจึงต้องรู้สึกเสียใจไปกับเขาด้วยล่ะ ?
เขารู้สึกเป็นห่วงที่ตี้คังเสียเลือดมากกว่าทั้งตอนนี้ร่างกายของตี้คังก็ได้รับบาดเจ็บ
เลือดที่ไหลซึมจากไหล่ของตี้คังไหลเข้าปากไป๋เสี่ยวเฉินส่งผลให้ร่างของไป๋เสี่ยวเฉินแข็งค้างทันที นัยน์ตาสีแดงเลือดของเขาพร่าเลือนนิ่งงัน ฟันที่ขบแน่นพลันค่อย ๆ คลายออก
“ไม่ว่าเฉินเอ๋อจะเป็นเช่นไร? เขาก็คือโอรสของข้า และข้าจะไม่มีวันยอมให้เจ้าทำร้ายเขาแน่ !” น้ำเสียงของตี้คังเย็นชา และหนักแน่น มันดังก้องไปในหุบเขาที่ว่างเปล่า
ทั้งหลงหยันและไป๋หนิงต่างก็นิ่งงันไปเล็กน้อย ทั้งคู่ไม่เข้าใจว่าตี้คังกำลังสนทนาอยู่กับผู้ใด
หรือเป็นได้ว่า…
มีอะไรอื่นสิงอยู่ในร่างของไป๋เสี่ยวเฉิน?
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ตี้คังกล่าวจบ ไป๋เสี่ยวเฉินก็เริ่มขยับตัวอย่างกระสับกระส่ายอีกครั้ง ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด มือของเขาเกาะกุมศีรษะเล็ก ๆ ของตนไว้แน่น
“หม่ามี้ข้าต้องการหม่ามี้ … พวกเขาสมควรตาย ทุกคนสมควรตาย !”
หลังจากกล่าวจบกลิ่นอายสังหารก็พุ่งขึ้นบนใบหน้าที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของไป๋เสี่ยวเฉินอีกครั้ง แสงสีแดงในดวงตาของเขาก็ยิ่งแลดูแย่ลง ราวกับว่าดวงตาของเขาถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
สีหน้าของตี้คังเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาลดเสียงลง พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “ไป๋เสี่ยวเฉิน มารดาของเจ้ายังไม่ตาย นางยังไม่ตาย !”
ยังไม่ตายหรือ?
ไป๋เสี่ยวเฉินคลายมือเล็กๆ ที่เกาะกุมหัวออก นัยน์ตาสีแดงเลือดเต็มไปด้วยความสับสนอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นมองชายที่กอดเขาไว้ ด้วยแววตาที่ว่างเปล่า
หม่ามี้ยังไม่ตายหรือ? ไม่ตายจริงหรือ ?
ปัง!
ในขณะที่ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินกำลังแลดูงุนงงสับสนอยู่นั้นฝ่ามือของตี้คังก็ฟาดลงมาบนต้นคอของเขาทันที
พร้อมเสียงวิ้งๆ ศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉินก็เอียงพับ พร้อมกันนั้นร่างของเขาก็ฟุบเข้าหาอ้อมแขนของตี้คังทันที
“เกิดอะไรขึ้นกับเฉินเอ๋อ?” หัวใจของไป๋หนิงสั่นสะท้าน
ทุกครั้งที่นางหวนนึกถึงฉากที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ใบหน้าของนางจะซีดลงเล็กน้อย ราวกับว่าไป๋เสี่ยวเฉินในเวลานั้นเป็นคนอีกคนที่กระหายเลือด โหดร้ายและไร้หัวใจ
“ในร่างของเขามีวิญญาณแค้นข้าเองก็ไม่รู้ว่าวิญญาณแค้นนี้มาจากที่ใด ? ข้ารู้เพียงว่าวิญญาณแค้นนี้ได้กระตุ้นจิตปีศาจของเขา และเมื่อจิตปีศาจถูกกระตุ้น ก็จะกลายเป็นเช่นที่เราเห็นเมื่อครู่ เขาจะไม่รู้ตัวเอง !”
บทที่ 1239 : ความรักของบิดาดั่งขุนเขา (3)
ตี้คังขมวดคิ้วแน่นพลันความเย็นชาก็ฉายวาบในดวงตาของเขา “อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ข้าได้พยายามช่วยเฉินเอ๋อควบคุมจิตปีศาจนี้ไว้แล้ว ทว่ากลับไม่ได้ผลนัก หากปล่อยไว้เช่นนี้ เขาจะกลายเป็นคนละคนอย่างแน่นอน ไม่ว่าใคร เขาก็จะจำไม่ได้ เขาจะรู้เพียงฆ่า และฆ่าเท่านั้น”
ไป๋หนิงจ้องมองเด็กชายตัวน้อยในอ้อมแขนตี้คังอย่างอึ้งๆ ความทุกข์ใจฉายชัดในดวงตาที่งดงามของนาง
เด็กน้อยคนนี้อายุเพียงเจ็ดขวบทว่ากลับต้องเผชิญหลายสิ่งหลายอย่าง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าร่างของเขาจะถูกวิญญาณแค้นนั่นยึดครองไปจริง ๆ
และผลที่จะตามมานี้ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดสามารถรับได้เป็นแน่
”ท่านช่วยข้าดูแลเฉินเอ๋อหน่อย”
ตี้คังส่งไป๋เสี่ยวเฉินที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาให้แก่ไป๋หนิงจากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไปหาไป๋หยานที่ยังคงนอนนิ่งอยู่บนพื้นหญ้าอย่างช้า ๆ
ยามนี้ดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว แสงอาทิตย์สาดลงบนใบหน้าที่งดงาม ยากจะหาผู้ใดเทียบของนาง
เปลือกตาของนางปิดสนิทขนตาของนางสั่นราวพัด
ครั้นตี้คังเดินไปถึงหน้าไป๋หยานเขาก็ทาบมือลงบนท้องน้อย ๆ ของนาง พลางหลับตาลงช้า ๆ ปล่อยให้พลังทางจิตสำรวจร่างกายของนาง …
ทว่า…
หลังจากที่ตี้คังได้เห็นทารกในครรภ์ถูกห่อหุ้มด้วยลำแสงสีทอง ความประหลาดใจพลันปรากฏในดวงตาของเขา
แท้จริงแล้วทารกในครรภ์ของนางไม่น่าจะรอดชีวิตมาได้ ในเมื่อไป๋หยานได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ อย่างไรก็ตามร่างของทารกในครรภ์นี้ดูเหมือนจะมีปราการคุ้มกันคอยปกป้องจากสิ่งทั้งหลายทั้งปวงภายนอกได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังเป็นเพราะการปกป้องนี้ที่ทำให้เขาไม่อาจมองเห็นเพศของทารกในครรภ์เช่นนั้นเขาจึงยังไม่รู้ว่าไป๋หยานตั้งครรภ์ลูกชายหรือลูกสาว
แต่หลังจากเห็นว่าทารกในครรภ์ยังปลอดภัยอีกทั้งแข็งแรงดี ตี้คังก็โล่งใจอย่างเงียบ ๆ
หากทารกในครรภ์ได้รับบาดเจ็บทันทีที่หยานเอ๋อฟื้นขึ้นมา นางคงไม่อาจแบกรับข่าวร้ายเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน …
โชคดีที่นางและทารกปลอดภัย
เขาโน้มตัวลงอุ้มไป๋หยานขึ้นจากพื้นจากนั้นก็หันกลับไปมองหลงหยันและไป๋หนิง “ท่านยังมีเรื่องที่ต้องสะสาง เช่นนั้นข้าจะพาหยานเอ๋อกลับไปพักผ่อนก่อน แล้วข้าจะส่งคนมารับ”
ไป๋หนิงผงะนางมองตี้คัง พลางพยักหน้าเล็กน้อย “เช่นนั้นก็ฝากดูแลหยานเอ๋อด้วย”
ตี้คังเงยหน้าขึ้นจ้องมองสตรีในอ้อมแขน พลันแววตาของเขาก็ค่อย ๆ อ่อนโยนลง รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของเขา “นางเป็นชายาของข้า ทั้งเป็นยอดรักเพียงหนึ่งเดียวของข้า เป็นธรรมดาที่ข้าจะต้องดูแลนาง”
ความรู้สึกบางอย่างปรากฏในแววตาของไป๋หนิง
เดิมทีก่อนที่ตี้คังจะปรากฏตัว นางไม่ชอบชายผู้นี้เลย ทว่าเมื่อได้เห็นสิ่งที่เขาทำเพื่อไป๋หยานแล้ว หัวใจของนางก็เริ่มยอมรับชายผู้นี้
”จัดการกับแผลที่หัวไหล่ของเจ้าก่อนจะดีหรือไม่?”
ตี้คังหันไปมองรอยเลือดบนไหล่ของตนพลันเขาก็เหยียดปากนิด ๆ “การบาดเจ็บแค่นี้มิได้เป็นอุปสรรคใด ๆ สำหรับข้า หลังจากที่เฉินเอ๋อฟื้น ข้าจะบอกเขาถึงที่มาของอาการบาดเจ็บนี้ ด้วยนิสัยของเฉินเอ๋อ แน่นอนว่าเขาจะต้องรู้สึกผิดมาก และข้าก็จะสามารถใช้สิ่งนี้ เพื่อข่มขู่เฉินเอ๋อไม่ให้เขามาแย่งภรรยาของข้าไป”
มุมปากของไป๋หนิงกระตุกเล็กน้อยตกลงว่าบิดาผู้นี้กังวลว่าบุตรชายจะแย่งภรรยาไปจากเขาจริง ๆ หรือ ?
แต่ครั้นเห็นตี้คังกล่าวเช่นนั้นหัวใจของไป๋หนิงก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
นางยิ้มอย่างอ่อนโยน”ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็พาหยานเอ๋อกลับไปก่อนเถิด ไว้ข้าจัดการเรื่องทางนี้เสร็จเสียก่อน แล้วข้าจะพาเฉินเอ๋อไปหาเจ้า”
หลังจากที่นางกล่าวจบตี้คังก็ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดอีก เพียงพริบตา อาภรณ์สีม่วงก็หายลับไปอย่างรวดเร็ว …
บทที่ 1240 : ความรักของบิดาดั่งขุนเขา (4)
ทันทีที่ตี้คังจากไปไป๋หนิงก็หันมองโดยรอบ พลันแววตาที่เย็นชาของนางก็พุ่งไปที่หนิงหยวนพร้อมกับกลิ่นอายที่ดุดัน
“ข้าจำได้หมดแล้ว”
ประโยคนี้ทำให้นัยน์ตาของหนิงหยวนเบิกกว้างด้วยความสยดสยองเขาตัวสั่น ขณะมองสตรีที่เขารัก และยังคงตามตื๊อนางมานานกว่า 20 ปี
“ตอนนั้นเป็นเพราะเจ้าถูกข้าปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าจึงวางแผนทำให้ข้าสูญเสียความทรงจำ บางทีเจ้าอาจไม่คาดคิดด้วยซ้ำว่า จะมีวันที่ข้าจะหายเป็นปกติได้”
ไป๋หนิงเม้มริมฝีปากอย่างเฉยเมยนางก้าวเข้าไปหาหนิงหยวนอย่างช้า ๆ
ทุกย่างก้าวที่นางก้าวเข้าใกล้ไปเรื่อยๆ หัวใจของหนิงหยวนก็ยิ่งสั่นไหว
”หนิงเอ๋อทั้งหมดเป็นเพราะข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้ามาก มากจนทำได้ทุกอย่าง…”
”รักงั้นรึ?”
ไป๋หนิงยิ้มเยาะ”ความรักบ้า ๆ เช่นนี้ ข้า…ไป๋หนิงไม่ต้องการ เท่านั้นยังไม่พอ ข้ายังมีสามีและบุตรสาวด้วย เหตุใดเจ้าจึงทำให้ข้าหลงลืมพวกเขา เพียงเพื่อที่จะยอมรับเจ้า”
หนิงหยวนกำหมัดแน่นพลางหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด
นับแต่วันที่เขาเห็นไป๋หนิงคลานขึ้นมาจากหน้าผาพร้อมร่างที่เต็มไปด้วยเลือด เพียงแว่บแรกที่เห็นหัวใจของเขาก็ตกหลุมแห่งรัก และจากนั้นมา ตลอดชีวิตของเขาก็ไม่อาจขึ้นจากหลุมนี้ได้เลย
เดิมทีเขาคิดว่าไม่นานไป๋หนิงก็จะยอมรับเขาได้หากแต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือไป๋หนิงยังคงเฝ้าคิดถึงชายผู้นั้น เช่นนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากทำให้นางสูญเสียความทรงจำ
อย่างไรก็ตาม…
แม้ว่าไป๋หนิงจะสูญเสียความทรงจำทว่าสิ่งที่ติดอยู่ในใจของนางก็ยังคงเป็นชายผู้นั้น เรื่องนี้จะไม่ทำให้เขาเศร้าได้อย่างไร ?
”หนิงเอ๋อเพื่อเจ้าแล้ว ข้าเสียสละมากมาย เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมรับข้า เหตุใดเจ้าจึงใจร้ายนัก ?” เสียงของหนิงหยวนสั่น แววตาแสนเศร้าของเขาจับจ้องมองไป๋หนิง นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง
เจ็บปวดทรมานเสียดแทงใจ
”เหตุใดข้าต้องรับรักคนจิตใจต่ำช้าเช่นเจ้า”ไป๋หนิงกล่าวอย่างเย็นชา “สามีของข้าเป็นคนเที่ยงธรรม เปิดเผยและซื่อสัตย์ แม้ความแข็งแกร่งของเขาจะไม่อาจเทียบเท่าเจ้า ทว่าในใจของข้า เขายังคงเป็นวีรบุรุษเสมอ ขณะที่เจ้าก็เป็นได้เพียงตัวร้ายที่น่าสมเพชเท่านั้น”
เจ้าเป็นได้เพียงตัวร้ายที่น่าสมเพช…
ประโยคสุดท้ายของไป๋หนิงราวสายฟ้าฟาดทำเอาหนิงหยวนเซถอยหลังไปสองสามก้าว
ปรากฏว่าในความคิดของไป๋หนิงเขาเป็นเพียงผู้ร้ายที่น่าสมเพช ?
ไร้สาระสิ้นดี!
หนิงหยวนหลับตาลงใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เป็นเวลานานกว่าที่เขาจะลืมตาขึ้นมองไป๋หนิงด้วยสายตาอ้อนวอน
“เช่นนั้นเจ้าปล่อยข้าไปจะได้หรือไม่? เพราะอย่างไรเสีย ข้าก็อยู่กับเจ้ามานานหลายปีแล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ไป๋หนิงหัวเราะออกมาทันทีเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังก้องกระจายไปในก้อนเมฆ
ในดวงตาของนางปรากฏร่องรอยของความเกลียดชังแทรกซึมอยู่ในกระดูกเกลียดเข้าไส้
”ปล่อยเจ้าไปงั้นหรือ? เจ้าทำให้ข้าสูญเสียความทรงจำนานหลายปี ทำให้ข้าลืมสามี ลืมบุตรสาวของข้านานหลายปี แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่ปล่อยข้าไป อย่างไรก็ตาม หากวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางที … ข้าอาจจะยกโทษให้เจ้า แต่เจ้าทำร้ายลูกสาวของข้า นางคือคนสำคัญที่สุดในชีวิตข้า เจ้าเกือบจะฆ่านางแล้ว เหตุใดข้าถึงต้องให้อภัยเจ้า”
”ไม่!” หนิงหยวนก้าวถอยหลังสองสามก้าว “ไม่ใช่ข้าที่จะฆ่านาง ทว่าเป็นคนของเทวาคารต่างหาก เจ้าควรไปชำระหนี้แค้นเอากับพวกเขา ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ !”
”ผู้บริสุทธิ์งั้นหรือ?” ไป๋หนิงเย้ยหยัน “หากมิใช่เพราะเจ้า คนของเทวาคารจะมาที่นี่งั้นหรือ ? หากไม่พบคนของเทวาคารที่นี่ ลูกสาวของข้าจะบาดเจ็บได้อย่างไร ? หลานชายของข้าจะถูกกระตุ้นได้อย่างไร ?”