จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1251-1255
บทที่ 1251 : นางตายแล้ว.. (3)
“เอาล่ะ” นิ้วเรียวของตี้คังลูบไล้เรือนผมของไป๋หยานพร้อมรอยยิ้มที่งดงาม “ปล่อยเรื่องนี้ให้ข้าจัดการเองเถิด นางเป็นบุตรสาวบุญธรรมของเจ้า ก็นับเป็นบุตรสาวของข้าด้วย ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดทำร้ายนาง”
ไป๋เสี่ยวเฉินปากกระตุก “เหตุใดป๊ะป๋าวายร้ายไม่เคยดีกับข้าอย่างนี้บ้างเลย ?”
ตี้คังกวาดตาไปมองไป๋เสี่ยวเฉิน น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ และทรงอำนาจ “เจ้าเป็นถึงองค์ชายแห่งแดนอสูร ผู้ชายในราชวงศ์กษัตริย์ย่อมมีหน้าที่ในฐานะบุรุษ หน้าที่ของเจ้าก็คือปกป้องมารดา และน้องสาวของเจ้า เจ้ายังคาดหวังว่าข้าจะโอ๋เจ้าอีกกระนั้นหรือ ?”
ครั้นได้ยินเช่นนี้ แทนที่ไป๋เสี่ยวเฉินจะรู้สึกโกรธ ใบหน้าสีชมพู และอ่อนเยาว์ของเขากลับเต็มไปด้วยความหนักแน่น
“ป๊ะป๋าพูดถูก เฉินเอ๋อเป็นลูกผู้ชาย ลูกผู้ชายไม่ควรเอาแต่ใจตัวเอง เด็กผู้หญิงจะเคยชินกับการเอาแต่ใจ ในวันหน้าเฉินเอ๋อจะต้องรับหน้าที่ของผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องปกป้องราชวงศ์กษัตริย์และแดนอสูร”
ไป๋หยานมองเด็กชายตัวน้อยพลันความตึงเครียดก็มลายหายไปทันที นางแย้มยิ้ม
นางเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาที่สวยงามของนางกวาดไปมองหลงหยันและป้านชิงเฉิง พลางเลิกคิ้วน้อย ๆ “ก่อนหน้านี้ข้าได้ถอนพันธะสัญญากับพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าได้รับอิสระแล้ว เหตุใดพวกเจ้ายังอยู่ที่นี่อีกล่ะ ?”
หลงหยันมองตี้คังอย่างระมัดระวัง ครั้นเห็นว่าตี้คังไม่แสดงออกใด ๆ ในใจของเขาก็รู้สึกเป็นกังวลเล็ก ๆ
เขาไม่เข้าใจเลย ว่าเหตุใดตี้คังจึงทำเหมือนไม่รู้จักเขา หรือความรู้สึกของเขาจะผิด หรือเขาจะรู้สึกไปเองแต่เพียงฝ่ายเดียว
เขาไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดตี้คังดูเหมือนจะจำอะไรไม่ได้เลยซ้ำยังเป็นราชาแห่งแดนอสูร ? ยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่กับหญิงผู้นี้อีก ?
ทว่า…
หลงหยันก็ไม่ได้เอ่ยกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจของเขาออกมา เขาหันกลับไปมองไป๋หยานอีกครั้ง
“ข้า…หลงหยันมีทัศนคติเกี่ยวกับมนุษย์ว่า มนุษย์ทุกคนล้วนร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ ชั่วช้า และโหดร้าย หากแต่ … เมื่อถึงเวลาที่เจ้าตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ เจ้ากลับเลือกที่จะไม่ลากข้า และป้านชิงเฉิงลงไปสู่อันตรายด้วย ยอมให้อิสระแก่พวกเรา พวกเราไม่ใช่พวกไม่รู้คุณคน ครั้งนี้ข้าเต็มใจที่จะผูกพันธะสัญญากับเจ้าเอง”
ไป๋หยานเลิกคิ้ว การตัดสินใจของหลงหยันเกินกว่าที่นางจะคาดถึง
ในวันนั้นที่นางถอนพันธะสัญญากับสัตว์อสูรทั้งสอง นางไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะอย่างไรเสียนางก็กำลังจะตาย เหตุใดต้องดึงพวกเขามาตายด้วยเล่า ? พวกเขากับนางไม่ได้มีความเกลียดชังฝังลึกในใจต่อกัน เช่นนั้นนางจึงคิดว่าคืนอิสระให้พวกเขาเสียยังจะดีกว่า
ไม่คาดคิดว่าการกระทำของนางจะทำให้หลงหยันซาบซึ้งมากมายถึงเพียงนี้
“เจ้าไม่เกลียดข้าแล้วหรือ ? ข้าจำได้ว่า เจ้าต้องการถลกหนัง เลาะเส้นเอ็น อีกทั้งดื่มเลือดของข้าไม่ใช่หรือ ?”
เหงื่อเย็นบนหน้าผากของหลงหยันไหลหยดลงมา
ครั้นเขาได้เห็นสายตาที่จับจ้องมองมาอย่างน่ากลัวของตี้คัง หัวใจของเขาพลันสั่นสะท้าน
ถลกหนัง เลาะเส้นเอ็น และดื่มเลือดกระนั้นรึ ?
ต่อให้บ้าระห่ำกว่านี้สักร้อยเท่า เขาก็ไม่กล้าทำ !
หลงหยันปาดเหงื่อบนหน้าผาก พลางเอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าเพียงไม่เต็มใจที่จะผูกพันธะสัญญากับเจ้า ไม่ได้จะทำรุนแรงเช่นที่เจ้าคิดสักหน่อย อีกทั้งตอนนี้ข้าก็เต็มใจที่จะรับใช้เจ้าในฐานะคนรับใช้ยังไม่ดีอีกหรือ ?
ไป๋หยานยิ้ม นางหันไปสนใจป้านชิงเฉิง
“แล้วเจ้าล่ะตัดสินใจเช่นไร ?”
ป้านชิงเฉิงกัดริมฝีปาก นางจะกล้าบอกว่าไม่เห็นด้วยกระนั้นหรือ ?
หากนางไม่เห็นด้วย หลงหยันจะสะสางบัญชีเก่ากับนางทันที แล้วนางจะรอดหรือ ?
“ข้าไม่มีความเห็นใด”
“อืม…เนื่องจากนี่เป็นการตัดสินใจของพวกเจ้า เช่นนั้นข้าจะผูกพันธะสัญญากับพวกเจ้า”
ไป๋หยานหลับตาลง พลางปล่อยพลังจิตของนางกระจายออกไป เพราะในยามนี้มีตี้คังช่วยกดดัน อีกทั้งพวกเขาก็เต็มใจที่จะผูกพันธะสัญญา เช่นนั้นนางจึงตีตราพันธะสัญญาได้โดยไร้สิ้นซึ่งการต่อต้านใด ๆ
บทที่ 1252 : นางตายแล้ว (4)
หลังจากผูกพันธะสัญญาเสร็จสิ้น ป้านชิงเฉิงก็มองไป๋หยานด้วยความประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้ไป๋หยานไม่เคยรู้สึกดีกับคนเผ่าอสรพิษ อีกทั้งป้านชิงเฉิงยังวางแผนที่จะหลอกใช้นาง นางจึงผูกพันธะสัญญาทาส ทว่าครานี้นางได้เพิ่มฐานะป้านชิงเฉิงเป็นสัญญานาย-บ่าว
เมื่อเทียบกับสัญญาทาสแล้ว สัญญานาย-บ่าวนั้นสูงกว่ามาก และนางก็ไม่ได้เป็นทาสอีกต่อไป
“สัญญาเสร็จสิ้นแล้ว พวกเจ้าไปได้” ไป๋หยานยืดอกอย่างเกียจคร้าน “ตี้คัง มารดาของข้าอยู่ที่นี่หรือไม่ ? ข้าจะไปพบนาง”
“ได้สิ”
ตี้คังกล่าวพร้อมรอยยิ้มอ่อน ๆ “นางอยู่ในพระราชวังอสูร ข้าจะไปพร้อมกับเจ้า… “
…
ในพระราชวังอสูรที่ศาลาริมทะเลสาบ ไป๋หนิงนั่งข้างศาลาจ้องมองทะเลสาบสีฟ้าอ่อน
ชั่วขณะนั้น นางก็เห็นร่างสองร่างเหาะมาพร้อมกันที่หน้าทะเลสาบ นางลุกขึ้นยืนทันที พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าที่น่าหลงใหลของนาง
“เจ้าทะลุเข้าสู่ระดับเทพขั้นกลางแล้วกระนั้นหรือ ?” ไป๋หนิงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายไป๋หยาน นั่นทำให้นางประหลาดใจจึงเอ่ยถาม
ไป๋หยานพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าทะลุเข้าสู่เทพระดับกลางก่อนที่ข้าจะฟื้น”
“ดูเหมือนว่า อัสนีบาตเมื่อไม่นานมานี้คงจะเกิดเพราะเจ้านี่เอง” ไป๋หนิงค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า นางจับมือของไป๋หยาน พลางเงยหน้าขึ้นจ้องมองตี้คัง เอ่ยกล่าวว่า “ขอข้าคุยกับหยานเอ๋อเพียงลำพังสักสองสามคำจะได้หรือไม่ ?”
ตี้คังพยักหน้าอย่างเฉยเมย ก่อนจะหันไปมองไป๋หยาน “ข้าจะล่วงหน้าไปรอเจ้า”
“อืม”
ไป๋หยานตอบ จากนั้นก็หันไปจ้องหน้าไป๋หนิงอีกครั้ง
ใบหน้าของหญิงสาวทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันมาก ทว่าก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามไป๋หนิงอายุสี่สิบกว่าแล้ว ท่าทางของนางจึงแลดูเป็นผู้ใหญ่ และนิ่งกว่า แม้ว่านางจะดูแลตนเองอย่างดี กระทั่งไร้ริ้วรอยแห่งกาลเวลา หากแต่กลิ่นอายของนางก็เผยให้เห็นอายุขัยของนาง
แตกต่างกับไป๋หยานซึ่งยังเด็กและงดงาม ใบหน้าของไป๋หยานบอบบางกว่าไป๋หนิง พวงแก้มแดงก่ำน่าหลงใหลอย่างหาผู้ใดเทียบ อีกทั้งท่าทีทรงอำนาจโดดเด่นของนางก็ไม่อาจเทียบได้กับท่าทางเฉยเมยของไป๋หนิง
ดังสำนวน สีครามเกิดจากสีน้ำเงิน ทว่ากลับเด่นกว่าสีน้ำเงิน
“หยานเอ๋อ เดิมทีข้าไม่พอใจสามีของเจ้ามาก หากแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะจริงใจกับเจ้ามาก และข้าก็เชื่อในสิ่งที่เจ้าพูดด้วย”
ไป๋หนิงตบหลังมือไป๋หยานเบา ๆ พร้อมกับยิ้มเล็กน้อยในดวงตาของนาง
เพียงแค่ได้เห็นฉากรักของหนุ่มสาวคู่นี้ ใบหน้าหล่อเหลาของเหวินหยุนเฟิงพลันปรากฏขึ้นในความคิดของนางอีกครั้ง …
ข้าลืมเลือนเขานานถึง 20 ปี … มันจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ?
“ท่านแม่ ท่านจำทุกอย่างได้แล้วกระนั้นหรือ ?” ไป๋หยานเอ่ยถามหลังจากเงียบไปนาน
ไป๋หนิงยิ้ม พลางพยักหน้า “ใช่…ข้าจำได้แล้ว ข้าคิดถึงท่านตาของเจ้า ท่านลุงของเจ้าและบิดาของเจ้า … ข้าเพิ่งรู้ตัวตนของบิดาของเจ้าเมื่อครั้งที่ข้าถูกตามล่า ช่างน่าขันที่เราสองคนต่างก็เป็นหนึ่งในสามสำนักใหญ่ หากแต่เขากับข้ากลับไม่เคยพบหน้ากันก่อนเลย”
หากรู้เรื่องนั้นก่อนหน้านี้ คงจะไม่มีความเข้าใจผิดตามมามากมายถึงเพียงนี้หรอกใช่หรือไม่ ?
“ในชีวิตนี้ สิ่งที่ข้าเสียใจที่สุดก็คือเรื่องเจ้า ในเวลานั้นข้าถูกไล่ล่าตามฆ่า กระทั่งข้าไม่มีเวลากลับไปที่สำนักเวชโอสถ ข้าจึงต้องมอบเจ้าไว้ให้กับคนรู้จักที่ข้าไว้วางใจ ข้ารู้สึกโล่งใจมากที่ได้ฝากเจ้าไว้กับคนที่ข้ารู้จักคนนั้น แม้ข้าจะไม่สามารถอยู่ข้างกายเจ้าได้ หากแต่ได้อยู่กับนางก็คงไม่เป็นไร ว่าแต่หลานเยี่ย เป็นอย่างไรบ้าง? “
ชั่วขณะนั้นไป๋หนิงก็นึกถึงสตรีที่อ่อนโยนใจดีผู้นั้นขึ้นมา นางเอ่ยถาม
ไป๋หยานสะดุ้ง นางมองหน้าไป๋หนิงอยู่นาน ก่อนจะตอบว่า “นางตายแล้ว … “
นางตายแล้ว…
สามคำนี้ทำให้หัวใจของไป๋หนิงกระตุกวูบ ประกายแสงไม่อยากเชื่อปรากฏในดวงตาของนาง
บทที่ 1253 : นางตายแล้ว (5)
“เป็นไปได้อย่างไร บอกข้าทีว่าเกิดอะไรขึ้น หากหลานเยี่ยตาย เช่นนั้นเจ้าก็ … “
ไป๋หยานไม่ได้ปิดบังอะไรอีก นางเล่าให้ไป๋หนิงฟังทีละเรื่อง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ไป๋หนิงเปลี่ยนจากความประหลาดใจมาเป็นความโกรธ ที่สุดสายตาของนางที่มองไป๋หยานก็เต็มไปด้วยความทุกข์ใจ
นางรู้สึกวางใจเสมอที่มอบไป๋หยานให้กับหลานเยี่ย ไม่คาดคิดเลยว่าบุตรสาวที่รักของนางจะต้องรับเรื่องเลวร้ายมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้
หากนางรู้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะเก็บลูกไว้ดูแลเอง !
“หากแต่ท่านแม่ ท่านไม่ต้องรู้สึกเสียใจ แม้ว่าข้าจะต้องทนทุกข์ทรมานมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทว่าตอนนั้นข้าก็มีเซียวเอ๋อ อีกทั้งตอนนี้ข้าก็มีตี้คังกับเฉินเอ๋อ แค่นี้ข้าก็พอใจมากแล้ว”
ในใจของไป๋หยาน ภาพใบหน้าขาวใสหล่อเหลาพลันปรากฏขึ้น จากนั้นรอยยิ้มที่อบอุ่นก็เผยขึ้นบนริมฝีปากของนาง
นางไม่ได้พบไป๋เซียวอีกเลยนับตั้งแต่ออกจากอาณาจักรหลิวฮั่ว หากแต่นางรู้ว่าไป๋เซียวมาอาณาจักรสวรรค์ นางและเขายืนอยู่บนแผ่นดินเดียวกัน สักวันหนึ่งพี่สาวและน้องชายก็จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง !
“เด็กที่ชื่อไป๋เซียวเป็นเด็กดีจริง ๆ ไว้ข้าได้พบกับเขาข้าก็อยากจะรับเขาเป็นลูกชายบุญธรรม”
ไป๋หนิงยิ้มน้อย ๆ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไป๋เซียวเป็นแรงจูงใจให้ไป๋หยานอดทน และเขาก็เป็นคนเดียวที่ไม่เคยทอดทิ้งนาง
แค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว เด็กคนนั้นก็สมควรได้รับความเอ็นดูจากนาง
“สามีของเจ้าไม่ได้เลวร้าย เจ้ารู้หรือไม่ว่า ตอนที่เจ้าได้รับบาดเจ็บจากปรมาจารย์หลิงในวันนั้น ทั้งอาจจะไม่รอดชีวิตด้วยซ้ำ เขาก็ปรากฏตัวขึ้น และใช้แก่นแท้และเลือดของเขาช่วยชีวิตเจ้าไว้ … “
“ท่านแม่ว่ากระไรนะ ?”
สีหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “วันนั้นที่ข้ารอดมาได้ เพราะตี้คังใช้เลือดของเขางั้นหรือ ?”
ไป๋หนิงเหลือบตามองไป๋หยาน “ข้ารู้แล้วว่าเขาเป็นสัตว์อสูร ข้าไม่ใช่คนคร่ำครึที่จะต่อต้านความรักของเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นเขาใช้เลือดของตนเองช่วยชีวิตเจ้า แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ข้ายอมรับเขา”
ก่อนหน้านี้นางเคยไม่ชอบตี้คัง เพราะนางไม่อยากให้บุตรสาวของนางต้องเจ็บปวด ทว่าตอนนี้เมื่อได้เห็นสิ่งที่ตี้คังทำหัวใจของนางก็เปลี่ยนเป็นรู้สึกดีต่อเขาแทน …
ไป๋หยานเอ่ยถามด้วยใบหน้าซีดเซียว “เขาใช้เลือดไปมากเพียงใด”
“น่าจะครึ่งชามกระมัง ?”
เปรี้ยง !
ราวกับสายฟ้าฟาด หัวใจของไป๋หยานแทบระเบิดออกจากร่าง นางก้าวถอยหลังพลางกำหมัดแน่น
สำหรับสัตว์อสูรเลือดก็เทียบเท่ากับอายุ
ยกตัวอย่างเช่น สัตว์อสูรที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นับพันปี หากสูญเสียเลือดมากเกินไป บางทีเขาอาจจะอยู่รอดได้เพียงสองร้อยปี …
แล้วนี่เขาเอาเลือดออกมาเกือบครึ่งชาม ?
ชายผู้นั้นอยากตายกระนั้นหรือ ?
“ท่านแม่รอข้าเดี๋ยวนะ ข้าจะรีบกลับมา”
ไป๋หยานกัดฟัน พลางหันไปทางด้านหลัง
นางเห็นชายผู้นั้นยืนรอนางอยู่ใต้ต้นท้อจากระยะไกล
กลีบดอกสีชมพูโปรยปรายลงมาบนไหล่ของชายหนุ่ม หากแต่เขาก็ยังไม่รู้ตัว นัยน์ตาเรียวคมจับจ้องมองไป๋หยานอย่างอ่อนโยน มีเพียงร่างของนางเท่านั้นที่สะท้อนอยู่ในม่านตาของเขา
ทุกสิ่งในโลก และในสายตาของเขาคือนาง และมีเพียงนางเท่านั้นที่เป็นดั่งท้องฟ้าทั้งหมดทั้งมวลในชีวิตของเขา
“หยานเอ๋อ เจ้าสนทนากับแม่ยายของข้าว่าอย่างไรบ้าง ?”
ทันทีที่ถ้อยคำของตี้คังจบลงไป๋หยานก็รีบวิ่งไปยืนหน้าเขา
นางจับเสื้อของเขาไว้แน่น พลางกัดฟันเอ่ยถามว่า “ตี้คัง ตอนที่ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ท่านใช้เลือดของท่านช่วยข้ากระนั้นหรือ ?”
ตี้คังตกใจ เอ่ยกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “แม่ยายของข้าบอกเจ้ากระนั้นหรือ ?”
บทที่ 1254 : นางตายแล้ว (6)
“ใช่” ใบหน้าของไป๋หยานซีดเผือด “ท่านรู้หรือไม่ว่าการกระทำเช่นนั้นจะส่งผลเช่นไร การสูญเสียเลือดปริมาณมากถึงเพียงนั้นจะทำให้อายุขัยของท่านหดสั้นลงกี่ปี ?”
ตี้คังเหลือบมองไป๋หยาน เขาคว้ามือที่จับแขนเสื้อของเขามาเกาะกุม ใบหน้าหล่อเหลาหาใดเทียบของเขาเงยขึ้นพร้อมรอยยิ้มงดงาม
“หยานเอ๋อของข้ายิ่งหงุดหงิดเพราะห่วงข้า ข้าก็ยิ่งชอบ”
ตี้คังยกมือขึ้นรั้งไป๋หยานเข้าสู่อ้อมแขน ก่อนจะก้มศีรษะลงประทับจูบบนมุมปากพร้อมหัวเราะเบา ๆ
“หยานเอ๋อ เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ไม่มีสิ่งใดผิดปกติหรอก เพียงสูญเสียอายุขัยไปเล็กน้อย เมื่อใดที่ข้าแข็งแกร่งมากขึ้น อายุขัยของข้าก็จะเพิ่มได้อีก ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดกาลไม่ยอมแก่ไม่ยอมตายชั่วนิรันดร์ !”
“แต่นั่นยากมากเลยนะ … ”
“ไม่ว่าจะยากลำบากสักเพียงใดก็ตาม ขอเพียงข้าสามารถอยู่กับหยานเอ๋อได้ ข้าก็จะไปถึงสถานะนั้นได้อย่างแน่นอน ! ด้วยวิธีนี้แม้แต่ความตายก็ไม่สามารถพรากเราสองจากกันได้
เขาจะทนปล่อยให้นางอยู่คนเดียวบนโลกนี้ได้เยี่ยงไร ?
เช่นนั้น เพื่อนางแล้ว เขาจะต้องพยายามอย่างหนัก เพื่อพัฒนาความแข็งแกร่ง จะได้อยู่กับนางชั่วนิรันดร์ ต่อให้ความตายก็ไม่สามารถพรากเขากับนางได้
ไป๋หยานคลายมือที่จับเสื้อของเขาออก “ข้าหวังว่าท่านจะทำเช่นนั้นได้ เพราะหาก … “
นางหยุดชั่วคราว นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยอาการข่มขู่ “หากวันหนึ่ง ท่านทิ้งข้าไป ต่อให้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก ข้าก็จะตามไปจับท่านกลับมา จากนั้นก็จะทรมานท่านไปชั่วชีวิต !”
ตี้คังยิ้มน้อย ๆ กระชับกอดร่างของไป๋หยาน พลางหลับตาก้มลงจูบริมฝีปากของนาง
เขาตอบนางด้วยจูบนี้
ภายใต้ต้นท้อภาพของการกอดและการจูบกันนั้นสมบูรณ์แบบราวกับภาพวาด บุรุษในภาพนั้นงดงามเต็มไปด้วยเสน่ห์ ยากจะหาผู้ใดเสมอ ส่วนสตรีนั้นเล่าก็งามล่มบ้านล่มเมืองไม่มีผู้ใดเทียบได้
ไป๋หนิงยืนมองอยู่ไม่ไกลนัก นางมองหนุ่มสาวทั้งสองที่กอดและจูบกันใต้ต้นดอกท้อพร้อมกับรอยยิ้มโล่งอกบนใบหน้า
หยานเอ๋อได้คู่ชีวิตเช่นตี้คังนางก็โล่งใจ อย่างน้อยชายผู้นี้ก็รักบุตรสาวของนางดั่งชีวิต ตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่ ไป๋หยานก็จะไม่มีวันตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน …
ดังนั้นถึงเวลาที่นางต้องไปจากที่นี่แล้ว !
ไป๋หนิงหรี่ตาลง ร่างชราของปรมาจารย์หลิงปรากฏขึ้นในความคิดของนาง พลันแสงเย็นวาบปรากฏในดวงตาของนาง
ปรมาจารย์หลิง พวกเทวาคาร !
กล้าทำร้ายลูกสาวของข้า สักวันข้าจะโค่นเทวาคาร และทำให้พวกเขาหายไปจากแดนสวรรค์อย่างไร้ร่องรอย !
ไป๋หนิงมองไป๋หยานอยู่เพียงครู่ ก่อนจะหันหลังผละจากไปในพริบตา ร่างที่เฉยเมยในชุดสีขาวหายไปจากทะเลสาบ ทั่วทั้งทะเลสาบกลับคืนสู่ความเงียบสงบดังเดิม …
ยามนี้ ไป๋หยานไม่ทันสังเกตเห็นการจากไปของไป๋หนิง นางผลักชายตรงหน้าออก พร้อมกับเลิกคิ้ว “ระวังลูกเราด้วย อย่ากอดข้าแรงนัก … “
ตี้คัง ค่อย ๆ เหลือบตาลงมอง สายตาของเขาตกต้องบนท้องน้อย ๆ ของไป๋หยาน
จู่ ๆ เด็กที่อยู่ในครรภ์ของไป๋หยานก็เตะนาง ส่งผลให้ไป๋หยานขมวดคิ้ว พลางสูดลมหายใจเข้าลึกเพราะความเจ็บปวด
“มีอะไรหรือ ?” การแสดงออกของตี้คังเคร่งขรึม เขารีบจับมือไป๋หยาน เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
ไป๋หยานยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่มีอะไร เด็กคนนี้คงกังวลที่จะต้องออกมาดูโลก เขาจึงเตะข้า”
สีหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นดำคล้ำทันที นัยน์ตาเรียวคมของเขากวาดมองท้องของไป๋หยาน
“หากเจ้ากล้าทำร้ายแม่ของเจ้าอีก หลังจากเจ้าคลอดออกมาแล้ว ข้าจะตีเจ้า !”
ชีวิตจิตใจของเขาคือนาง ทำเขาได้ ทว่าอย่าทำหยานเอ๋อ เขาไม่สามารถอารมณ์เสียกับหยานเอ๋อได้ หากแต่กับคนอื่นเขาจะไม่ทน
และที่เขาทนไม่ได้ก็คือ หยานเอ๋ออดทนอุ้มท้องเด็กนี่มา เด็กนี่ยังทำร้ายหยานเอ๋อได้อีกหรือ ?
“ตี้คัง” ไป๋หยานยกมือขึ้นกุมหน้าผากตนเองอย่างเซ็ง ๆ “นี่เป็นเรื่องปกติ อย่างไรเสียเขาก็ยังเป็นเด็ก เมื่ออายุครรภ์เพิ่มขึ้น เด็กก็จะเตะท้องแม่เช่นนี้แหละ อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่เลย”
“เด็กอื่น ข้าไม่สนใจ หากแต่เป็นลูกของข้า…ไม่ได้ !” ตี้คังเลิกคิ้วขึ้น “ขืนเขากล้าเตะเจ้าอีกครั้ง เมื่อเขาถือกำเนิด ข้าจะโยงเขาแล้วเฆี่ยน !”
บทที่ 1255 : โลหิตจิ้งจอกฟ้า (1)
ไป๋หยานหน้าง้ำ “หากเด็กคนนี้เป็นลูกสาว นางก็เป็นน้องสาวตัวน้อยที่รักที่สุดของเฉินเอ๋อ หากท่านกล้าโยงนาง และเฆี่ยนนาง ท่านก็ลองดูสิว่าเฉินเอ๋อจะยังยอมรับท่านในฐานะบิดาอีกหรือไม่ ?”
“เขาไม่รับข้าเป็นบิดาแล้วไง ? เพียงเจ้ารับข้าได้ก็พอแล้ว”
ที่เขาพูดหมายถึง ภรรยาคือรักแท้ และลูกชายเป็นเพียงอุบัติเหตุ …
เป็นเพียงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเร็วเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถมีความสุขกับการอยู่กับหยานเอ๋อเพียงลำพังได้
แน่นอนว่าหากไม่มีเฉินเอ๋อ บางทีหยานเอ๋ออาจจะไม่ยอมรับเขาเร็วนัก …
…
ณ เทวาคาร
ปรมาจารย์หลิงนั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ในห้องโถง ใบหน้าชราของเขาซีดเล็กน้อย เขาใช้เวลานานในการหอบหายใจ
“เจ้าเด็กนั่นมาจากไหนกันนะ ? พลังขนาดนั้นทำเอาข้าใจสั่นไปหมด”
นัยน์ตาที่มืดมนของเขาหรี่ลงเล็กน้อย แสงเย็นวาบออกมาจากดวงตาของเขา “น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่าหญิงผู้นั้นเป็นหรือตาย ? หากแต่เลือดของราชาอสูรอาจช่วยนางไว้ได้ ทว่าข้าเกรงว่าก็จะไม่สามารถช่วยนางได้ทั้งหมด”
ไม่รู้ว่าข้าควรจะบอกปรมาจารย์คนอื่นหรือไม่ …
“เรียนท่านปรมาจารย์ แม่นางรั่วซี ขอเข้าพบ”
ในขณะนี้ มีเสียงดังมาจากด้านนอกประตู
คิ้วที่ขมวดมุ่นของปรมาจารย์หลิงคลายออก พลันรอยยิ้มโค้งงอก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา “รั่วซี…กลับมาแล้วกระนั้นรึ ? ให้นางเข้ามาเร็ว ๆ “
“ขอรับ”
พร้อมกันกับที่เสียงดังขึ้น ประตูห้องก็ถูกมือเรียวงาม
ผลักเปิดออก
ท่ามกลางแสงแดด สตรีผู้นี้สวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าน้ำทะเลพร้อมมุกระย้าน้อย ๆ ที่แขนเสื้อช่างงามสง่าหาใครเทียบได้ ทว่ากลับไม่ได้ดูเย่อหยิ่งยโส
นางยิ้มน้อย ๆ อบอุ่นราวสายลม ขณะย่างก้าวเข้ามาอย่างแช่มช้า ภายใต้สายตาของปรมาจารย์หลิง อาภรณ์สีฟ้าน้ำทะเลไหวพริ้วอยู่ในสายลมเบา ๆ
“รั่วซี เจ้ากลับมาแล้วกระนั้นหรือ ?”
“ปรมาจารย์หลิง” นัยน์ตาของหยุนรั่วซีกระพริบ พร้อมประกายแสงหม่นหมอง นางหลับตาลง พลันใบหน้าของไป๋หยานก็ปรากฏขึ้นในความคิดของนาง จากนั้นนางก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น “ข้าไร้สามารถ โจมตีเมืองสัตว์อสูรไม่สำเร็จ แต่ข้าพบบางเรื่อง นาง…นางยังไม่ตาย นางยังมีชีวิตอยู่”
รั่วซีเชื่อมั่นเสมอมาว่านางงดงามอย่างไม่อาจหาผู้ใดเทียบได้ หากแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงผู้นั้นไม่ว่านางจะงดงามเจิดจรัสสักเพียงใด นางก็ถูกบดบังจนสิ้น หากหญิงผู้นั้นไม่ตายนางก็คงไม่สบายใจไปชั่วชีวิต
คิ้วของปรมาจารย์หลิงคลายลง “รั่วซี ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว ทั้งข้าก็เคยเห็นหญิงผู้นั้นแล้วด้วย”
หยุนรั่วซีตกใจ นางเงยหน้าขึ้นมองปรมาจารย์หลิงด้วยความประหลาดใจ “ท่านเคยเห็นนางแล้วกระนั้นรึ ?”
“ใช่ นางน่าที่จะกลับชาติมาเกิด บังเอิญที่นางชื่อไป๋หยานเหมือนกัน อีกทั้งยังเป็นบุตรสาวของไป๋หนิงด้วย !”
เปรี้ยง !
ใบหน้าของหยุนรั่วซีขาวซีดขึ้นอย่างฉับพลัน นางก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว กัดริมฝีปากแน่น พลันความตื่นตระหนกก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง
หญิงผู้นั้นถูกธรณีสูบไปแล้วมิใช่หรือ ? เหตุใดปรมาจารย์หลิงยังพบนางได้อีก ? หรือนางแอบหนีออกมาได้ ?
“หากแต่เจ้าไม่ต้องกังวลมากจนเกินไป เจ้าเป็นคนที่โชคชะตาว่าไว้ ทั้งทุกคนก็อยู่ข้างเดียวกับเจ้า หญิงผู้นั้นเป็นปฏิปักษ์ของแดนสวรรค์ นางย่อมลงเอยไม่ดีแน่ !”
น้ำเสียงของปรมาจารย์หลิงปลอบประโลม ทัศนคติของเขาที่มีต่อหยุนรั่วซีนั้นดีกว่าที่เขามีต่อคนอื่นมาก เขาวางนางไว้ในฐานะเหนือกว่าคนทั่วไป
หยุนรั่วซีลดสายตาลง แสงหม่นสลัวสาดส่องเข้ามาในดวงตาของนาง
เพราะตัวนางเองเท่านั้นที่รู้ว่า ทุกสิ่งที่นางมีนั้น นางฉกชิงมาจากไป๋หยาน ยามนี้หญิงผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ สิ่งที่นางได้รับก็กลายเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมนัก !
ยิ่งไปกว่านั้น เฟิงลี่เฉินยังชอบไป๋หยานอีกด้วย !
เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวไป๋หยานก็สมควรตายแล้ว !