จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1341-1345
บทที่ 1341 : ไป๋หยานกลับมาแล้ว (2)
กลิ่นอายของเขาหนักอึ้งท่วมท้นราวกับภูเขาลูกใหญ่หล่นทับ ซึ่งดูเหมือนว่าจะสามารถบดขยี้ผู้คนให้ล้มตายได้เลย
บรรดาปรมาจารย์หลิงตื่นตระหนก
เมื่อครู่…ดูจากความสามารถ ยามต่อสู้กับตี้คังแล้ว พวกเขายังดูได้เปรียบกว่า ทว่ายามนี้ … พวกเขากำลังกังวลเรื่องสงครามกลางเมืองในเทวาคาร พวกเขาย่อมตื่นตระหนกไม่มีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับตี้คัง
ด้วยเหตุนี้ ปรมาจารย์หลิงจึงไม่ได้สนใจกระแสลมแรงจากตี้คังที่พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง พร้อมเสียงดังโครมร่างของปรมาจารย์หลิงก็ถลาไปข้างหน้าสองสามก้าว เขาแทบจะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ไอ้นี่มัน !
หากเขาไม่ร้อนใจที่จะกลับเทวาคาร ตี้คังผู้นี้ย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาทั้งสามคนอย่างแน่นอน !
“สู้กันเลย ! ฆ่าพวกมันเลย !”
ชายชราวิปลาสวิ่งไล่ตามมาจากทิศทางที่ไป๋หยานเพิ่งมา ทันทีที่เขาเห็นปรมาจารย์หลิงถูกหมัดของตี้คังสอยกระทั่งเซถลา เขาก็ปรบมือขึ้นอย่างตื่นเต้น พร้อมกับหัวเราะอย่างสะใจ
“ฮ่า ๆ ๆ ! จัดการได้ดีมาก สังหารพวกเขาซะ เจ้าหนุ่มน้อย ข้าขอสนับสนุนเจ้า ! หากเจ้าสังหารไอ้พวกนี้ได้ ข้าจะให้เจ้าได้แต่งงานกับหลานสาวคนสวยของข้า”
ตี้คังขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองชายชราที่อยู่ด้านล่าง
หนุ่มน้อยกระนั้นรึ ?
ชายชราคนนี้เรียกเขาว่าหนุ่มน้อยงั้นรึ ?
“ไอ้แก่บ้า เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ?”
ยามนี้ปรมาจารย์หลิงแทบจะไม่สามารถลุกขึ้นหายใจได้
“หนุ่มน้อย สังหารคนบ้าพวกนี้ซะ !” ชายชราวิปลาสเพิกเฉยต่อถ้อยคำของปรมาจารย์หลิง เขาปรบมือพลางหัวเราะราวกับคนบ้า “หากเจ้าสังหารไอ้พวกบ้าพวกนี้ได้ ข้าไม่เพียงสัญญาว่าจะให้เจ้าได้แต่งกับหลานสาวคนสวยของข้า ทว่าข้าจะมอบตัวของข้าให้เจ้าด้วย เจ้าซื้อ 1 แถม 1 เลยนะนี่ คุ้มมั้ยล่ะ ?”
ใบหน้าของตี้คังดำสนิท คนบ้าคนนี้มาจากไหนกัน ?
รอเขาชำระบัญชีกับคนบ้าคนนี้ทีหลังแล้วกัน !
ผู้อาวุโสใหญ่มองชายชราวิปลาส จากนั้นก็หันไปมองตี้คังซึ่งยามนี้มีสีหน้าดำคล้ำราวกับก้นหม้อ พลางยกมือขึ้นปาดหยาดเหงื่อเย็นโดยไม่รู้ตัว
เทพปรมาจารย์คนแรกของอาณาจักรสวรรค์ ตอนนี้…กลับกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ? นอกจากนี้ในครานั้นชายชราผู้นี้ก็เกลียดราชาของเขามาก
“ไอ้แก่บ้า เจ้านี่มันบ้าจริง ๆ !” ปรมาจารย์หลิงโกรธ“ อย่าลืมสิเจ้าเองก็มาจากเทวาคารของพวกข้าเช่นกัน ! เจ้ามีจุดประสงค์ใดถึงได้ช่วยเหลือแดนอสูรเช่นนี้ ?”
“ฮึ่ม ! ก็พวกเจ้าสังหารหลานสาวคนสวยของข้า ! แกสิบ้า ไอ้บ้า ไอ้แก่ ไอ้เฮงซวย ข้าไม่ได้บ้าสักหน่อย !”
คนบ้าที่ไหนจะยอมรับว่าเขาเป็นคนบ้า ?
เมื่อเห็นท่าทางบ้าบอของชายชรา ปรมาจารย์หลิงก็ไม่สนใจที่จะสนทนากับชายชราอีกต่อไป เขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับการโจมตีของตี้คังด้วยท่าทางขึงขัง
“ปรมาจารย์ซวน ปรมาจารย์หลิง” ปรมาจารย์หยูกัดฟัน ความมุ่งมั่นฉายวาบในดวงตาของเขา “ในวันนี้ตี้คัง คงไม่ปล่อยพวกเราไปง่าย ๆ เป็นแน่ หากเป็นเวลาปกติเราอาจมีเวลาจัดการกับเขา ทว่าตอนนี้เทวาคารกำลังมีปัญหา หากเราขืนต่อสู้ต่อไป อาณาจักรสวรรค์อาจเสียหายครั้งยิ่งใหญ่ !”
ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสาม มีหรือที่พวกเขาจะไม่สามารถเอาชนะตี้คังได้ ? หากมีเวลาเพียงพอพวกเขาย่อมสามารถฆ่าตี้คังได้แน่
ทว่าวันนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเดิม
ยิ่งลากยาวนานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีคนของเทวาคารตายมากขึ้นเท่านั้น
เพียงแค่ ปรมาจารย์หยูยังไม่ทราบสาเหตุว่า เหตุใดคนในเทวาคารจึงฆ่ากันเอง ? หรือมีคนจงใจล่อลวงพวกเขาให้ทำเช่นนั้น ?
นัยน์ตาของปรมาจารย์ซวนเคร่งเครียด เขารู้ว่าสิ่งที่ปรมาจารย์หยูกล่าวมาคือความจริง
ทว่าในขณะนี้ พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เพราะติดตี้คัง
“เช่นนั้น … ” นัยน์ตาของปรมาจารย์หยูเป็นประกาย “พวกท่านรีบไปเสียจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย ข้าจะถ่วงเวลาคนพวกนี้ไว้เอง”
ครั้นปรมาจารย์หยูกล่าวจบ ปรมาจารย์หลิงก็ไม่มีเวลากล่าวคำใดอีก ร่างของเขาพลันกะพริบ จากนั้นเขาก็รีบวิ่งหนีไปทางด้านหลัง
บทที่ 1342 : ไป๋หยานกลับมาแล้ว (3)
ปรมาจารย์ซวนลังเล
อย่างไรก็ตาม เขาอยู่กับปรมาจารย์หยูมานานหลายปีแล้ว ต่อให้เป็นสัตว์เลี้ยง เขาก็ต้องมีความรู้สึก หากต้องทิ้งสัตว์เลี้ยง เป็นใครก็ย่อมรู้สึกไม่เต็มใจอย่างแน่นอน
ทว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่น หาไม่เทวาคารจะยิ่งเสียหายร้ายแรง
เช่นนั้น แม้ว่าเขาจะลังเลบ้างเล็กน้อย หากแต่เขาก็รีบไล่ไปตามทิศทางที่ปรมาจารย์หลิงจากไป
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า !” ปรมาจารย์หยูหัวเราะอย่างดุร้าย เขาขวางหน้าตี้คังเพียงลำพัง กลิ่นอายของเขาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความว้าวุ่น “ราชาอสูร ท่านทรงพลังมากจริง ๆ เช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้ ในวันนี้ แม้ว่าข้าต้องตาย ข้าก็ต้องเอาคืนบ้าง”
ปัง !
ทันทีที่ถ้อยคำของเขาจบลง แรงกดดันของเขาก็หนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับเมฆมืดดำปกคลุมเหนือศีรษะของเขา กระทั่งท้องฟ้าทั้งหมดมืดมน
“จะระเบิดร่างตนเองกระนั้นรึ ?” ตี้คังขมวดคิ้วพลางยิ้มเยาะ
แท้ที่จริงการระเบิดร่างตนเองของเทพปรมาจารย์นั้น ย่อมเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนรอบตัวเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยทีเดียว
หรือร้ายแรงก็ถึงขั้นตายได้ !
ปรมาจารย์หยูต้องการใช้วิธีนี้ถ่วงเวลา อีกทั้งสกัดกั้นไม่ให้เขาไล่ติดตามคนทั้งสองที่หนีไป
ชั่วขณะนั้นเอง ร่างของปรมาจารย์หยูก็ขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับลูกโป่ง ที่โป่งพอง …
“เฉินเอ๋อ !”
ทีท่าของไป๋หยานเปลี่ยนไปทันที นางรีบยกมือขึ้นปกป้องไป๋เสี่ยวเฉินที่อยู่ในอ้อมแขน
นางเชื่อมั่นในตัวตี้คัง ด้วยความแข็งแกร่งของตี้คังย่อมสามารถแก้ไขวิกฤตนี้ได้อย่างง่ายดาย
ทว่าขณะเดียวกันในใจของนางก็เกิดความตื่นตระหนก นางเกรงว่าไป๋เสี่ยวเฉินจะได้รับบาดเจ็บ เช่นนั้นนางจึงต้องปกป้องไม่ให้เขาได้รับบาดเจ็บ แม้เพียงรอยขีดข่วน …
ตี้คังมองปรมาจารย์หยู ซึ่งยามนี้ร่างกายกำลังพองขึ้นเรื่อย ๆ เพียงครู่ พลังทั้งหมดในร่างของตี้คังก็พุ่งเข้าไปโอบล้อมร่างของปรมาจารย์หยู ปรมาจารย์หยูรู้สึกได้ถึงกระแสลมแรงที่พัดมา และนั่นทำให้เขารู้สึกอึดอัดกระทั่งหายใจไม่ออก
ร่างกายที่พองขึ้นเรื่อย ๆ ของเขาพลันชะงักกะทันหัน …
เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดหวั่น พลางมองตี้คังด้วยสายตาตื่นตระหนก
นี่มัน … เกิดอะไรขึ้น ?
เหตุใดพลังในร่างของเขาจึงค่อย ๆ มลายหายไป ?
“เจ้า … เจ้าทำอะไรกับข้า” เสียงของปรมาจารย์หยูไม่ได้สงบเฉกเช่นตอนแรก ทว่ายามนี้กลับดูหวาดกลัวลนลาน
ร่างของเขาสั่นสะท้าน ความตื่นตระหนกท่วมท้นเต็มหัวใจของเขา
ครานี้เขาต้องตายแน่ ๆ ใช่หรือไม่ ?
นี่เขาต้องตายอย่างไร้ค่า แม้แต่จะระเบิดร่างของตนเองก็ยังทำไม่ได้ ?
“คิดจะระเบิดร่างตนเองกระนั้นหรือ ? ข้าอนุญาตแล้วหรือยัง ?” ตี้คังก้าวเข้าไปหาปรมาจารย์หยูอย่างช้า ๆ รอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา “เดิมที หากข้าประสงค์จัดการเจ้าก็ย่อมต้องใช้เวลา แต่ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายคิดจะระเบิดร่างตนเองต่อหน้าข้า มีหรือที่ข้าจะยอมให้เจ้าทำร้ายชายา และโอรสของข้าได้ ?”
ปรมาจารย์หยูกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “ท่าน … นี่ท่านทำเช่นไรถึงป้องกันการระเบิดร่างของข้าได้”
“ง่ายมาก” ตี้คังเย้ยหยัน “ขอเพียงข้าควบคุมจุดตันเถียนของเจ้าไว้ได้ เจ้าก็ไม่สามารถระเบิดร่างตนเองได้ เมื่อครู่เจ้าต้องการระเบิดร่างตนเองจึงละเลยการใช้พลังป้องกันตนเอง ด้วยความแข็งแกร่งของข้าจะควบคุมเจ้าไม่ได้กระนั้นรึ ? ง่ายดายจะตายไปเห็นด้วยหรือไม่ ?”
ตี้คังก้าวช้า ๆ ไปยืนหน้าปรมาจารย์หยู
ขณะนี้ร่างของปรมาจารย์หยูหยุดพองแล้ว หากแต่ก็ไม่ได้ยุบลงด้วย ดังนั้นร่างที่บวมเป่งของเขาจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
ด้วยเหตุนี้ ตี้คังจึงบอกว่า เขากำลังรนหาที่ตายเอง !
พุ่ฟ …
ตี้คังยกนิ้วขึ้น ลำแสงเล็ก ๆ เย็นยะเยือกพุ่งทะลุเข้าสู่ร่างของปรมาจารย์หยู ทันทีที่เข็มบาง ๆ เจาะลูกโป่ง ก็เกิดเสียงดังฟู่ พลันเลือดในร่างยของปรมาจารย์หยูก็ไหลทะลักออกมาจากรูเล็ก ๆ นั้น
ภายใต้สายตาของทุกผู้คน ร่างของปรมาจารย์หยูพลันฟีบลงราวกับลูกโป่งที่ถูกเจาะ มันค่อย ๆ ยวบ และค่อย ๆ กลายเป็นแผ่นกระดาษที่ราบเรียบ ลอยตกลงสู่พื้น
บทที่ 1343 : ไป๋หยานกลับมาแล้ว (4)
ที่สุดไป๋หยานก็ปล่อยร่างของไป๋เสี่ยวเฉิน หัวใจของนางผ่อนคลายลง
“เฉินเอ๋อ ไม่เป็นไร”
ไป๋เสี่ยวเฉินใช้มือเล็ก ๆ ของตนลูบหลังไป๋หยาน เพื่อปลอบโยน “หม่ามี้ไม่ต้องกลัว เฉินเอ๋อก็ไม่กลัวเช่นกัน คนเลวพวกนี้ทั้งโง่ทั้งงี่เง่า ไม่มีสิ่งใดน่ากลัว ?”
ถูกต้องคนพวกนี้โง่จริง ๆ ทั้งพวกเขายังเชื่อในสิ่งที่หม่ามี้พูดด้วย
เมื่อหวนนึกถึงคนทั้งสองที่หลบหนีไป ไป๋เสี่ยวเฉินก็เบะปากด้วยอาการดูถูก
แท้ที่จริงหากมิใช่เป็นเพราะปรมาจารย์ฮวงส่งข่าวให้ปรมาจารย์หลิง ปรมาจารย์หลิงก็คงไม่เชื่อไป๋หยานง่ายดายถึงเพียงนั้น นี่เป็นเพราะเขารู้ว่ามีความผิดปกติบางอย่างในเทวาคาร ผนวกกับคำพูดของไป๋หยาน เขาจึงหลงเชื่อ
ทว่าในใจของไป๋เสี่ยวเฉิน คนพวกนั้นทั้งโง่ทั้งงี่เง่าไม่มีมันสมองเอาซะเลย
“ตี้คัง ข้ามีบางเรื่องจะบอกท่าน” ไป๋หยานปล่อยตัวไป๋เสี่ยวเฉิน ใบหน้าของนางเคร่งขรึมเล็กน้อย “คนในเทวาคารกำลังคิดร้ายกับหลิงเอ๋อน้อย”
แววตาของตี้คังอ่อนโยนลง “ข้าเองก็เพิ่งรู้เช่นกัน ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ข้ายังอยู่ บุตรสาวของเราจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใด ๆ “
ลูก ๆ คือชีวิตของนาง ทว่านางคือทั้งชีวิตของเขา !
เขาไม่ชอบเด็ก หากแต่เพราะนางให้กำเนิดลูก เขาจึงนับว่าเด็กพวกนั้นเป็นชีวิตของเขา
“ข้าเชื่อมั่นในตัวท่าน”
ไป๋หยานยกมุมปาก เอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ
ใบหน้าที่สวยงามของตี้คังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มนี้จะปรากฏก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าไป๋หยาน
เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นพันปีก่อนหรือตอนนี้ ผู้อาวุโสใหญ่ก็เชื่อเสมอว่า มีเพียงยามราชาได้อยู่ต่อหน้าราชินีเท่านั้นถึงจมีพระอารมณ์ดีเช่นนี้
“ผู้อาวุโสใหญ่ ข้ามีเรื่องที่จะถามเจ้า” ไป๋หยานดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงกล่าวว่า “แท้จริงข้ารู้มาตลอดว่า ชาติภพก่อนข้าน่าที่จะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับอาณาจักรสวรรค์”
ผู้อาวุโสใหญ่อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ หรือราชินีทรงจดจำทุกอย่างได้แล้ว ?
“อย่าคิดมาก ข้าเพียงเห็นเรื่องราวต่าง ๆ หลายสิ่งหลายอย่างในความฝัน ทว่าสิ่งเหล่านั้นดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ข้าเคยพบเจอมาก่อน อีกทั้งเมื่อเวลาผ่านไป ข้าก็เชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ “
ครั้นไป๋หยานเห็นผู้อาวุโสใหญ่ที่มีทีท่าหวาดหวั่น นางจึงรีบอธิบาย
มุมปากของผู้อาวุโสใหญ่กระตุก “ราชินีทรงมีพระประสงค์ที่จะถามสิ่งใดกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ ?”
“ชายชราคนนี้ … มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับข้าหรือไม่ ?” ไป๋หยานหันไปมองชายชราวิปลาสพลางเอ่ยถาม
ประโยคนี้ทำให้ชายชราวิปลาสแทบกระโดดด้วยความโกรธ ทว่าเขาก็ไม่กล้าทำอะไรไป๋หยาน เขาจึงเพียงมองไป๋หยานด้วยสายตาน่าสงสาร
“หลานรักของปู่ ปู่รู้ตัวแล้วว่าปู่ผิด นี่เจ้าจำปู่ไม่ได้จริง ๆ หรือ ? เจ้าไม่อยากอยู่กับปู่แล้วงั้นหรือ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินทนไม่ไหวจึงดึงแขนเสื้อของไป๋หยาน พลางเม้มปาก “หม่ามี้ ท่านปู่ทวดช่างน่าสงสารมาก เราให้เขาอยู่ด้วยเถอะนะ”
หลังจากที่ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวจบ เขาก็จ้องไป๋หยานด้วยนัยน์ตากลมโตที่ใสซื่อ
สีหน้าราวกับจะบอกว่าท่านปู่ทวดคนนี้น่าสงสารมาก หม่ามี้จะทิ้งเขาลงจริงหรือ ?
“เฉินเอ๋อ แม่ต้องการฟังคำอธิบายของผู้อาวุโสใหญ่ก่อน”
ไป๋หยานลูบศีรษะไป๋เสี่ยวเฉินที่เงยหน้าขึ้นถาม
ผู้อาวุโสใหญ่เงียบ…
เขาควรจะพูดเช่นไรดี ? บอกไป๋หยานตรง ๆ ว่านางเป็นหลานสาวบุญธรรมของชายชรา ? และทุกครั้งที่ชายชราเห็นราชา ชายชราก็มักจะใช้ไม้กวาดขับไล่ราชากระนั้นรึ ?
“ก็ประมาณนั้นพ่ะย่ะค่ะ…” ผู้อาวุโสใหญ่ครุ่นคิดอยู่ครู่ ก่อนจะเอ่ยกล่าวอย่างระมัดระวัง
สำหรับเรื่องที่ชายชราขับไล่ราชานั้น เขาจะไม่พาดพิงไปถึงเรื่องนี้ เว้นแต่ราชาจะจดจำได้เอง !
“จริงหรือ ?” ไป๋หยานขมวดคิ้ว
“เอ่อ … ” ผู้อาวุโสใหญ่ผู้ยิ่งใหญ่ปาดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผาก ชั่วขณะนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นชายชราวิปลาสจ้องมองมาที่เขาด้วยความโกรธ พลันมุมปากของเขาก็กระตุก “พระองค์เป็นหลานบุญธรรมของชายชราผู้นี้พ่ะย่ะค่ะ”
บทที่ 1344 : ไป๋หยานกลับมาแล้ว (5)
ไป๋หยานรู้ทันทีว่า นางมีความสัมพันธ์กับเทวาคาร อีกทั้งชายชราก็ไม่ได้จำคนผิด เพียงว่านางเป็นหลานบุญธรรมมิใช่หลานแท้ ๆ
“ข้ารู้จักเจ้า !” ชายชราวิปลาสกระโดดถีบด้วยความโกรธ “ในครานั้น เจ้าติดตามไอ้เด็กเฮงซวยที่ต้องการลักพาตัวหลานสาวของข้า ! ไอ้เฮงซวยนั่นอยู่ที่ใด ? เป็นเขาใช่หรือไม่ที่ลักพาตัวหลานสาวของข้าไปตั้งหลายปี ?”
ผู้อาวุโสใหญ่ปรายตามองตี้คัง
ไอ้เฮงซวยที่เจ้าพูดถึงก็อยู่ตรงหน้ามิใช่หรือ ?
ชายชราคนนี้ตกลงบ้าจริง หรือแกล้งบ้ากันแน่ ? เขาจดจำราชินีได้ ทว่ากลับจำราชาไม่ได้ แม้ว่าราชาจะทรงประทับอยู่เบื้องหน้าเขา เขาก็ยังจดจำพระองค์ไม่ได้
ใบหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ หลานสาวของชายชราคนนี้ก็คือหยานเอ๋อกระนั้นหรือ ?
“เจ้าหนุ่ม เจ้าเป็นคนดีมาก” ตอนแรกใบหน้าของชายชราแลดูน่ากลัวมาก ทว่าเมื่อเขาหันไปทางตี้คัง ใบหน้าของเขากลับเปลี่ยนเป็นตาแก่ใจดี “ไม่เหมือนไอ้เฮงซวยที่อยากลักพาตัวหลานสาวของข้า ! หากแต่ไยข้าจึงรู้สึกว่าเจ้าหน้าคุ้น ๆ พวกเราเคยพบกันที่ไหนมาก่อนหรือไม่ ?”
ใบหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นดำคล้ำอีกครั้ง “ข้าดียังไงกระนั้นรึ ?”
“เจ้าฆ่าไอ้บ้านั่นไง เจ้าก็ต้องเป็นคนดีสิ ไม่ว่าใครหากต่อต้านคนพวกนั้นย่อมเป็นคนดีทั้งสิ้น !”
เป็นคนดีเพียงเพราะต่อต้านพวกเทวาคาร ? เช่นนี้ หากมีใครไปเข่นฆ่าคนในเทวาคารอีก ชายชราคนนี้ก็จะยกคนผู้นั้นให้หมั้นหมายกับหยานเอ๋อด้วยใช่หรือไม่ ?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ใบหน้าของตี้คังก็กลับมาดำคล้ำอีกครั้ง ไม่ต่างกับสีก้นหม้อ
“ท่านจดจำได้หรือไม่ว่าไอ้หนุ่มที่ต้องการลักพาตัวหลานสาวของท่านไปในตอนนั้น เป็นผู้ใด ?” ตี้คังค่อย ๆ หรี่ตาลงช้า ๆ เขาเหลือบไปมองผู้อาวุโสใหญ่ มุมปากของเขายกโค้ง พร้อมกันนั้นก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงก้องกังวาน
นอกจากตัวเขาเองแล้ว ผู้ใดกันที่ชายชราคนนี้ต้องการตามหา
ยามนี้เมื่อเขาปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ ได้แล้ว ย่อมเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ว่าผู้ใดคือไอ้เฮงซวยของชายชรา
“ข้าจะจำได้อย่างไรว่าไอ้เฮงซวยหน้าตายังไง ?” ชายชราวิปลาสเกาหัว ความสับสนปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
ดูเหมือนเขาจะจำไม่ได้ว่า … ตอนนั้นไอ้สารเลวนั่นคือใคร !
สิ่งเดียวที่เขาจดจำได้ก็คือ ในเวลาที่คนอื่น ๆ เผลอ ไอ้สารเลวนั่นมักจะดอดมาหาหลานสาวคนสวยของเขาที่เทวาคาร ด้วยความโกรธชายชราจึงหยิบไม้กวาดขึ้นมา และพยายามไล่เด็กหนุ่มนั่นออกไป
“ทว่าไอ้เฮงซวยนั่นต้องเป็นคนน่าเกลียด และหน้าด้านมาก เขาไม่รูปหล่อเช่นเจ้าหรอก”
ชายชราวิปลาสมองตี้คังพร้อมรอยยิ้ม ในสายตาของเขา ชายหนุ่มผู้นี้แลดูน่าพึงใจมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชายหนุ่มสังหารคนที่เขาเกลียด
ผู้อาวุโสใหญ่รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากร่างของตี้คัง ริมฝีปากของเขาสั่นด้วยความตกใจ เขาต้องการเอ่ยเตือนตี้คังถึงตัวตนของชายชราผู้นี้
ชายชราผู้นี้เป็นผู้ที่ราชินีเคารพมากที่สุด
ทว่า…
ตี้คังย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากสีแดงของเขาวาดส่วนโค้งตื้น ๆ ออกมาเล็กน้อย “ท่านปู่ สายตาของท่านช่างแหลมคมจริง ๆ”
ใบหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นสีเข้ม ท่านปู่สายตาแหลมคม …
เพียงแค่ฟังสิ่งที่ชายชราวิปลาส และผู้อาวุโสใหญ่พูด ไป๋หยานก็เดาได้ว่าไอ้เฮงซวยที่เขาพูดถึงคือผู้ใด
ประโยคนี้ทำให้ชายชราวิปลาสหัวเราะร่า เสียงหัวเราะของเขายังบ้าคลั่งเฉกเช่นเดิม ทว่าใบหน้าชราของเขากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ดี ดี แต่ … ปู่ไม่ได้เอาของรับขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรกมา ครั้งหน้าไว้ปู่ค่อยให้เจ้าจะได้หรือไม่ ?”
“ไม่ต้องหรอก สำหรับข้าแล้ว หยานเอ๋อเป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว หากไม่มีท่าน ก็จะไม่มีนาง”
มุมปากของไป๋หยานกระตุกอีกครั้ง เหตุใดนางถึงไม่รู้ว่า ตี้คังสามารถกล่าวคำหวาน ๆ เช่นนี้ได้ด้วย ?
บทที่ 1345 : เรียกไป๋เสี่ยวเฉินว่า เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน (1)
ชายชราวิปลาสหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น ยิ่งมองชายหนุ่ม เขาก็ยิ่งรู้สึกพอใจ ชายคนนี้ดีกว่าไอ้คนก่อนหน้านี้มากเลยแหละ
ฮึ…
อย่างน้อยไอ้หนุ่มคนนี้ก็เป็นสุภาพบุรุษตั้งแต่แว่บแรกที่เห็น และไอ้หนุ่มนี่ก็ไม่น่าจะเป็นเหมือนไอ้เด็กนั่นที่กล้าทำให้หลานสาวของเขาเสียหน้า !
หากชายชราวิปลาสรู้ถึงสาเหตุที่ไป๋หยานยอมรับตี้คัง ว่าเป็นเพราะการตามตื๊อเป็นเงาตามตัวของตี้คัง เขาจะยังคงคิดเช่นนี้อยู่หรือไม่ ?
“หม่ามี้” ไป๋เสี่ยวเฉินดึงแขนเสื้อของไป๋หยาน แววตาของเขาแลดูน่าสงสาร “เฉินเอ๋อคิดถึงน้องสาว เฉินเอ๋อไปพบน้องสาวก่อนได้มั้ย ?”
ไม่รู้ว่าเสี่ยวเทียนเทียนจะกลั่นแกล้งน้องสาวของเขาอีกหรือเปล่า …
ไป๋หยานแตะศีรษะไป๋เสี่ยวเฉิน เด็กคนนี้คิดถึงน้องสาวของเขามานานแล้ว เช่นนั้นเมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังของบุตรชาย มุมปากของไป๋หยานจึงยกยิ้มน้อย ๆ “ได้สิ เจ้ากลับไปก่อน เดี๋ยวแม่กับพ่อของเจ้าจะตามไปทีหลัง”
“เยี่ยมเลย”
นัยน์ตากลมโตของไป๋เสี่ยวเฉินสว่างไสวขึ้น เขาจูบแก้มของนางฟอดใหญ่ จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ลานบ้าน
เมื่อคิดว่าจะได้เห็นน้องสาวที่คิดถึง และไม่ได้เจอกันนาน หัวใจของเขาก็แทบโลดออกจากอก …
เพียงไม่กี่วันที่จากกัน เหตุใดเขาถึงรู้สึกราวกับเวลาผ่านมาสักสองสามศตวรรษ
หากแต่ไม่รู้ว่าน้องสาวของข้าจะคิดถึงข้าบ้างหรือไม่นะ ?
ใบหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นสีเข้ม เขากล่าวด้วยท่าทางนิ่ง ๆ ว่า “หยานเอ๋อ ต่อไปเจ้าควรอยู่ห่าง ๆ จากเด็กคนนี้บ้าง”
“เขาเป็นลูกชายของข้า”
“แต่เขาติดเจ้ามากเกินไป”
โดยเฉพาะไอ้เด็กเลวนี่กล้าจูบเมียเขาต่อหน้าต่อตาเขา
เมื่อหวนนึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของตี้คังก็ยิ่งน่าเกลียด “ทั้งเฉินเอ๋อก็ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว เจ้าไม่ควรสนิทสนมกับเขามากนัก โชคดีที่ตอนนี้เจ้ามีลูกสาวแล้ว เขาจึงไม่ฉกเจ้าไปจากข้าทุกวันเช่นแต่ก่อน”
จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าควรจะให้กำเนิดบุตรสาวอีกสักสองสามคน เพื่อให้เด็กคนนั้นดูแล เด็กคนนั้นจะได้ไปไกล ๆ หน้าชายาของเขาบ้าง
“อิจฉาเด็กทำไมนักฮะ ?”
ไป๋หยานมองตี้คัง ชายผู้นี้ขี้หึงจริง ๆ หึงได้แม้กระทั่งบุตรชายของตนเอง
ตี้คังเลิกคิ้ว พลางยกมือขึ้นรั้งไป๋หยานเข้าสู่อ้อมแขน จากนั้นกดจูบที่ริมฝีปากของนาง
“เรือนร่างของเจ้าเป็นของข้า มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถจูบเจ้าได้ … ว่าแต่หยานเอ๋อ เจ้าคิดอย่างไรเรื่องเสี่ยวหลงเอ๋อ ?
เสี่ยวหลงเอ๋อกระนั้นรึ ?
ไป๋หยานสะดุ้ง “ข้าชอบเด็กคนนั้นมาก ข้ามักรู้สึกว่ามีแรงดึงดูดระหว่างข้ากับนาง ครั้งแรกที่ข้าเห็นนาง ข้าก็อยากให้นางรั้งอยู่ข้างกายข้า”
ตี้คังยกริมฝีปากขึ้น “ข้าเองก็รู้สึกดีกับเด็กผู้หญิงคนนั้น นางและเฉินเอ๋อต่างก็ดูเหมาะสมกันมากด้วย คงจะดีหากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อเฉินเอ๋อเติบใหญ่ขึ้น ข้าจะให้เขาหมั้นกับเสี่ยวหลงเอ๋อ ต่อไปเขาจะได้มีทั้งหลิงเอ๋อน้อย และเสี่ยวหลงเอ๋ออยู่เคียงข้าง เมื่อนั้นเด็กนั่นก็จะได้ไม่ต้องทะเลาะกับข้าเพราะเจ้า”
โชคดีที่ยังมีหลิงเอ๋อน้อยคอยเบี่ยงเบนความสนใจของไป๋เสี่ยวเฉิน แต่หากหลิงเอ๋อน้อยเติบใหญ่ขึ้น และไม่ต้องการให้ไป๋เสี่ยวเฉินดูแล เด็กคนนี้ก็อาจจะกลับมาติดหยานเอ๋ออีกล่ะสิ ?
แล้วเขาจะมีเวลาส่วนตัวอยู่กับนางได้อย่างไร ?
ไป๋หยานกะพริบตา ตี้คังหมายจะกันเฉินเอ๋อออกไปด้วยวิธีนี้กระนั้นหรือ ?
“นี่ … ” ไป๋หยานขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดอยู่ครู่ ก่อนกล่าวว่า “นั่นก็ขึ้นอยู่กับความปรารถนาของหลงเอ๋อกับเฉินเอ๋อ เมื่อถึงเวลานั้น ข้าไม่ต้องการบังคับใด ๆ ทั้งสิ้น”
ความจริงก็คือแม้นางจะชอบหลงเอ๋อ ทว่านางก็ไม่อยากจะบังคับหลงเอ๋อ บางทีหลงเอ๋ออาจเพียงชื่นชอบเฉินเอ๋อก็เป็นได้ ?
“และหากท่านคิดจะกีดกันเฉินเอ๋อออกจากชีวิตข้า ข้าก็พร้อมจะไปกับเฉินเอ๋อ”
ใบหน้าของตี้คังกลับมามืดมนอีกครั้ง ว่าแล้วไงเมียกับลูกต่างหากที่เป็นรักแท้ซึ่งกันและกัน ส่วนเขาก็แค่สามีที่ทอดทิ้งได้ ?