จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 1346 -1350
บทที่ 1346 : เรียกไป๋เสี่ยวเฉินว่า เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน (2)
เราไม่สามารถอยู่ในโลกที่มีเพียงเราสองได้เลยกระนั้นหรือ ?
“หยานเอ๋อ … ” ตี้คังริมฝีปากกระตุก เขาต้องการเอ่ยกล่าวบางอย่าง
แต่ครั้นสายตาของไป๋หยานกวาดมองมา ตี้คังกลับไม่กล้ากล่าวคำใดต่อ
หญิงผู้นี้เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่เขากลัวเอาจริง ๆ จัง ๆ !
ลืมไปเลย ตอนนี้ไป๋เสี่ยวเฉินมีหลิงเอ๋อคอยดึงดูดความสนใจ ยามนี้เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะใช้ชีวิตสบาย ๆ กับหยานเอ๋อลำพัง หวังเพียงแต่อย่าให้ไอ้เด็กนั่นมาวุ่นวายตอนกลางดึกก็พอ
บรรดาองครักษ์เมืองอสูรไม่กล้าที่จะละสายตา ฉากที่เกิดขึ้นนี้ดึงดูดสายตาของพวกเขามาก
เมื่อเทียบกับเรื่องที่ตี้คังหึงหวงบุตรชายแล้ว พวกเขากลับตกใจมากกว่า ที่เห็น…ราชินีกวาดสายตามองมาพลันราชาของพวกเขาก็กลัวเกินกว่าที่จะกล่าวคำใดออกมาได้
ในความคิดของพวกเขา ตี้คังคือผู้ทรงอำนาจล้นฟ้า อีกทั้งแข็งแกร่งเกินกว่าจะหาผู้ใดเทียบได้ ทว่าบุรุษที่แข็งแกร่งและมีอำนาจเหนือผู้คนเช่นนี้ ยามอยู่ต่อหน้าเมียกลับเต็มใจที่จะกลายเป็นสิ่งอ่อนนุ่มนิ่มนวล
ตามใจนาง เต็มไปด้วยความอบอุ่น และเอาอกเอาใจ
“ดีมาก”
ไป๋หยานยกมือขึ้นลูบศีรษะตี้คังเป็นการปลอบประโลม พร้อมกับคลี่ยิ้มน้อย ๆ
ตี้คังรู้สึกยินดี นับเป็นครั้งแรกที่ไป๋หยานกล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนี้
เดิมทีสุ้มเสียงเช่นนี้ นางมักใช้ปลอบขวัญเด็ก ๆ หากแต่หัวใจของเขาก็เพลิดเพลินอย่างมาก
“เหนื่อยแล้ว พวกเรากลับไปพักผ่อนกันเถิด”
ไป๋หยานยักไหล่ พลางเอียงศีรษะมองตี้คัง
นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส รอยยิ้มนั้นช่างดึงดูด ยิ่งเสียกว่าดอกกุหลาบงามบนภูเขาเสียอีก
ตี้คังตีหน้าเศร้า “เจ้าไม่ต้องการบังคับเฉินเอ๋อกับเสี่ยวหลงเอ๋อ เช่นนั้นเราก็มีน้องสาวอีกสักสองสามคนให้เฉินเอ๋อจะดีหรือไม่ ? หากมีน้องสาวให้ต้องดูแลหลาย ๆ คน เขาจะได้ไม่มีเวลามาวุ่นวายกับเรามากนัก”
ใช่แล้ว สำหรับตี้คัง เขายินดีทำทุกอย่าง อะไรก็ได้ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงไป๋เสี่ยวเฉิน ไม่ให้ต้องมาเคาะประตูห้องของพวกเขาทุกคืน ไม่ต้องให้เฉินเอ๋อพยายามแทรกแซงพวกเขาอยู่ร่ำไป ?
เขาเคยดุเจ้าเด็กคนนี้ไปหลายต่อหลายครั้งแล้ว เด็กน้อยก็ยังไม่จดไม่จำ ชอบมาขัดจังหวะเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มของเขาอยู่เสมอ ไม่ต่างกับเทน้ำเย็นราดรดลงบนร่างกายที่ร้อนเร่าของเขา
“ก็ดี”
ครั้นเห็นท่าทางที่ไม่พอใจของตี้คัง ไป๋หยานก็ไม่ปฏิเสธ
เพิ่มน้องสาวให้เฉินเอ๋ออีก … ก็ไม่เลวเหมือนกัน
อย่างน้อยวันหน้าเขาจะได้ไม่เหงา
*****
ณ สวนด้านหลังตำหนักอสูร
ไป๋เสี่ยวเฉินรีบสาวเท้าก้าวเข้าสวนอย่างตื่นเต้น เมื่อคิดถึงว่าเขาจะได้พบเห็นน้องสาวของเขาแล้ว นัยน์ตากลมโตของเขาก็เปล่งประกายสดใส ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาบอบบาง กลมยุ้ย และน่ารัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ไกลออกไปนัก ภาพที่เด็กน้อยอ่อนนุ่มเหมือนเปาหวานก้อนเล็ก ๆ ก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น รอยยิ้มในดวงตาของไป๋เสี่ยวเฉินก็ยิ่งแวววาวขึ้น
“น้องสาว…”
ไป๋เสี่ยวเฉินต้องการเรียกหลิงเอ๋อน้อย เขาเห็นหลิงเอ๋อน้อยยังทรงตัวได้ไม่มั่นคงนัก นางร่วงหล่นลงไปในทะเลสาบเบื้องหน้าเขา
ชั่วขณะนี้หัวใจของไป๋เสี่ยวเฉินดูเหมือนจะหยุดเต้น ใบหน้าของเขาซีดลงด้วยความตกใจ เขารีบวิ่งไปที่ทะเลสาบอย่างหมดหวัง
ทว่า…
ขณะไป๋เสี่ยวเฉินวิ่งไปที่ทะเลสาบนั้น ร่างที่ว่องไวราวกับแสงอีกร่างหนึ่งก็รีบวิ่งมาคว้าตัวหลิงเอ๋อน้อยที่กำลังจะร่วงหล่นลงทะเลสาบไว้ได้ทันท่วงที
เปาหวานน้อยไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น นางใช้มือตบผิวน้ำเหนือทะเลสาบสองครั้ง พลางหัวเราะคิกคัก
เสียงหัวเราะของนางไพเราะ และละเอียดอ่อน เสนาะหูยิ่งนัก
ที่สุดหัวใจของไป๋เสี่ยวเฉินก็ผ่อนคลายลง ทว่าใบหน้าเล็ก ๆ ของเขายังคงซีดขาว เห็นได้ชัดว่ายังตกใจอยู่
แม้เขาจะรู้ว่า ด้วยฐานะสัตว์อสูร นางย่อมก็ไม่กลัวน้ำ ทว่าหลิงเอ๋อน้อยยังเด็กอยู่ แม้นางจะไม่ถึงขั้นจมน้ำตาย ทว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากนางตกใจกลัว ?
โชคดี … โชคดีที่มีคนมาคว้าตัวนางไว้ได้อย่างรวดเร็ว
ไป๋เสี่ยวเฉินสงบสติอารมณ์ลง พลางเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่ช่วยเสี่ยวหลิงเอ๋อไว้
บทที่ 1347 : เรียกไป๋เสี่ยวเฉินว่า เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน (3)
นางเป็นสตรีที่ยังดูเด็กมาก แท้จริงแล้วไป๋เสี่ยวเฉินรู้อยู่แก่ใจว่า นางมิใช่เด็ก มิใช่เรื่องง่ายที่จะบอกอายุของสัตว์อสูร โดยเฉพาะเมื่อนางมีความแข็งแกร่งขึ้นไปถึงระดับหนึ่ง
ผิวพรรณของหญิงสาวผู้นี้สวยมาก ใบหน้าของนางก็นับว่าสวย คิ้วหนาของนางแลดูอาจหาญ กระทั่งอาจทำให้ผู้ได้พบเห็นรู้สึกอึดอัด
ไป๋เสี่ยวเฉินกำลังจะกล่าวขอบคุณ ทว่าชั่วขณะนั้นเสียงเยาะเย้ยพลันดังขึ้น เสียงนั้นแหลมปรี๊ด กระทั่งทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินขมวดคิ้วที่น่ารักของตนด้วยความอึดอัด
“มู่อิง เจ้ากล้าผลักองค์หญิงน้อยลงน้ำ ข้าจะรายงานต่อราชา ให้ราชาลงโทษเจ้า !”
หยูเหยาเดินมาจากด้านหลังด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ใบหน้าของนางงดงาม ทว่าแลดูใจร้ายมาก
ไป๋เสี่ยวเฉินเม้มปาก เหตุใดหญิงผู้นี้ถึงได้แลดูน่ารำคาญตานัก ? เพียงแว่บแรกที่เห็นเขาก็รู้แล้วว่านางมิใช่คนดี
“ท่านแม่กล่าวเรื่องไร้สาระอะไร ?” ใบหน้าของมู่อิงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “ท่านแม่ ข้าเห็นองค์หญิงน้อยกำลังจะตกน้ำ เช่นนั้นข้าจึงรีบอุ้มพระองค์ขึ้นมาต่างหาก”
หยูเหยากัดฟันอย่างขมขื่น นางไม่รู้ว่ามู่อิงใช้วิธีใดกระทั่งได้รับความไว้วางใจจากองค์หญิงน้อย ตอนนี้องค์หญิงน้อยไล่ทุกคนจนสิ้น เว้นแต่มู่อิงเพียงผู้เดียวที่นางยอมให้ติดตามนางได้
คอยดู ตอนนี้เป็นทีของนางบ้างแล้ว ไม่มีผู้ใดอยู่ในบริเวณนี้ มู่อิงจะปฏิเสธความผิดนี้ได้อย่างไร ?
แม้ว่าเสี่ยวหลิงเอ๋อจะอายุยังน้อย หากแต่นางก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางเหลือบมองหยูเหยาอย่างสงสัย เอ่ยกล่าวอย่างหงุดหงิด “ท่านยาย หลิงเอ๋อเผลอตกน้ำเอง”
ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ไม่ได้กลัวน้ำสักหน่อย
ท่านยาย ?
แววตาของหยูเหยาเปลี่ยนไป นี่นางแก่ถึงเพียงนั้นเลยหรือ ? หรือว่าองค์หญิงน้อยผู้นี้ไม่รู้จักคำเรียกที่สุภาพกว่านี้ ?
สมควรแล้วที่เป็นเด็กซึ่งถือกำเนิดมาจากท้องมนุษย์ผู้หญิง ไม่ได้รับการสั่งสอนเลยจริง ๆ !
หยูเหยาปากกระตุก พลางหัวเราะแห้ง ๆ “องค์หญิงน้อย พระองค์ยังทรงพระเยาว์นัก พระองค์จะทรงรู้ได้อย่างไรเพคะ ว่าคนจิตใจชั่วร้ายเป็นเช่นไร ? เมื่อครั้งที่เราอยู่ในเผ่าเสือดาวมู่อิงผู้นี้ก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไรนัก นางจงใจผลักพระองค์ตกน้ำ แล้วทำทียื่นมือเข้าช่วยเหลือพระองค์ เพื่อที่พระองค์จะได้รู้สึกไว้พระทัยนาง พระองค์ต้องเชื่อหม่อมฉันนะเพคะ หม่อมฉันไม่เคยคิดร้ายกับพระองค์”
นางยิ้ม พลางก้าวไปข้างหน้า เอื้อมมือออกไปหวังจะอุ้มเด็กน้อยออกจากหลังของมู่อิง
หยูเหยาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับองค์หญิงน้อย เหตุใดองค์หญิงน้อยถึงได้ต่อต้านเสวี่ยเอ๋อมากนัก เพื่อที่จะจัดการเด็กน้อยคนนี้ นางจึงต้องมาด้วยตนเอง
“นั่นเจ้ากำลังจะทำอะไร ?”
ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินเห็นว่าหยูเหยากำลังจะเข้าใกล้หลิงเอ๋อน้อย ความโกรธพลันปะทุขึ้นในอกของเขา น้ำเสียงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของเขาทรงอำนาจ ขณะที่ตวาดออกมาอย่างเย็นชา “กล้าดีก็ลองแตะต้องนางดูสิ !”
หยูเหยาตกตะลึง นิ้วของนางแข็งค้างกลางอากาศ นางหันหน้ามามองด้วยความประหลาดใจ ชั่วขณะนั้นใบหน้าขาวอมชมพูราวหยกพลันปรากฏเป็นที่ประจักษ์แก่สายตานาง
เด็กชายตัวเล็ก ๆ เลิกคิ้วขึ้นอย่างเย็นชา รูปลักษณ์ที่ทรงอำนาจของเขา … แลดูช่างคุ้นเคย ทว่าหยูเหยากลับจำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ?
“เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอนนี่มาจากที่ใดกัน ?” หยูเหยาขมวดคิ้วน้ำเสียงของนางเย็นชา “ใคร ๆ ก็สามารถเข้ามาในตำหนักอสูรนี้ได้กระนั้นรึ ? แม้แต่เด็กบ้านี่ก็ยังปล่อยเข้ามาได้”
ยามไป๋เสี่ยวเฉินอยู่ในร่างมนุษย์ หยูเหยาไม่อาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสัตว์อสูรจากเขา นางมองว่าเขาเป็นเพียงลูกมนุษย์
“พี่ใหญ่…”
เสี่ยวหลิงเอ๋อโผล่ศีรษะเล็ก ๆ ออกมาจากด้านหลังมู่อิง ทันทีที่นางเห็นไป๋เสี่ยวเฉินนัยน์ตากลมโตของนางพลันสว่างไสวขึ้น นางรีบวิ่งเข้าไปหาเขา
ครั้นเห็นนางสะดุด แต่ละย่างก้าวปัดเป๋ ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินพลันซีดลงด้วยความตกใจ เขารีบก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เพื่อคว้าร่างที่อ่อนปวกเปียกของนางไว้
“วิ่งช้า ๆ ประเดี๋ยวล้ม”
บทที่ 1348 : เรียกไป๋เสี่ยวเฉินว่า เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน (4)
“อิอิ”
เสี่ยวหลิงเอ๋อหัวเราะคิกคักเสียงใส มือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างของนางกอดแขนของไป๋เสี่ยวเฉิน พลางส่งยิ้มให้ “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่เห็นใช่มั้ยว่าหลิงเอ๋อเผลอตกน้ำเอง แต่ทำไมท่านยายคนนั้นต้องบอกว่าพี่มู่อิงทำหลิงเอ๋อตกน้ำด้วยล่ะ ?”
นางกัดนิ้ว นัยน์ตาของนางแลดูสับสนงงงวย
แม้ว่าหลิงเอ๋อน้อยจะฉลาดเฉลียว ทว่านางก็เพิ่งเกิดมาเพียงแค่สองปีเท่านั้น เช่นนั้นนางจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นอยู่พักหนึ่ง
ไป๋เสี่ยวเฉินอุ้มร่างที่หนักอึ้งของเสี่ยวหลิงเอ๋อขึ้นมา นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน
ดีจัง ความรู้สึกของการมีน้องสาวนี่ดีจริง ๆ …
และตอนนี้ เขาก็มีน้องสาวแล้ว
เขาจะไม่มีวันยอมให้ผู้ใดมารังแกนางเป็นแน่ !
สัมผัสของประกายเย็นวาบส่องผ่านนัยน์ตากลมโตของไป๋เสี่ยวเฉิน ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
หยูเหยามองหลิงเอ๋อน้อยที่วิ่งเข้าไปหาอ้อมแขนของไป๋เสี่ยวเฉิน พลางหัวเราะเยาะ
เด็กน้อยที่ไม่มีผู้ใดอบรมสั่งสอนก็ไม่ต่างกับมารดาของตนเห็นคนหน้าตาดีเข้าหน่อย เป็นต้องโผเข้ากอด พลางร้องเรียกเขาว่าพี่ชายแล้ว ?
“เจ้าไปเถิด” ไป๋เสี่ยวเฉินหันไปมองมู่อิง ”ข้าเห็นแล้ว เมื่อครู่นี้หลิงเอ๋อน้อย ไม่ได้โดนเจ้าผลัก”
มู่อิงสะดุ้ง นางลังเลเพียงครู่ และยังคงยืนนิ่ง
แม้ว่าองค์หญิงน้อยจะแลดูคุ้นเคยกับเด็กชายเป็นอย่างดี ทว่าหน้าที่ของนางคือปกป้ององค์หญิงน้อย เช่นนั้นนางต้องไม่ทิ้งองค์หญิงให้คลาดสายตา
“ไอ้เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน เจ้ากล้าเข้ามาเที่ยวเล่นในเมืองสัตว์อสูรได้ยังไง ?” หยูเหยา โกรธ “แล้วพ่อแม่ของเจ้าล่ะ พวกเขาไม่รู้จักดูแลเจ้าเลยรึ ! กล้าช่วยคนที่ต้องการทำร้ายองค์หญิง หากพ่อแม่เจ้า ไม่รู้จักลงโทษเจ้า ข้าจะสั่งสอนแทนพ่อแม่เจ้าเอง จะสอนวิธีเป็นลูกชายที่ดีของพ่อแม่ให้เอง !”
ที่สุดนางก็สบโอกาสที่จะไล่มู่อิงออกจากองค์หญิงน้อยแล้ว ทว่าเหตุใดเด็กบ้าคนนี้กลับมาสร้างปัญหาให้นางอีก ?
หลังจากกล่าวจบ หยูเหยาก็พับแขนเสื้อตนเองขึ้น นางยกฝ่ามือ พลางก้าวไปข้างหน้าหมายจะตบไป๋เสี่ยวเฉินอย่างแรง …
ทว่า…
มือของนางพลาด ไม่อาจสัมผัสใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินแม้เพียงน้อย มันค้างอยู่กลางอากาศไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
นี่มัน … เกิดอะไรขึ้น ?
ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในแววตาของหยูเหยา ยามนี้ใบหน้าของนางซีดเผือด ไร้สีเลือด
“เจ้า … นี่เจ้าทำอะไรข้า ?”
น้ำเสียงของนางสั่นเครือ ร่างของนางสั่นสะท้าน
เขาเป็นเพียงลูกมนุษย์ เขาจะยับยั้งการกระทำของนางได้เยี่ยงไร ?
ไป๋เสี่ยวเฉินหัวเราะเยาะ “ข้าไม่สนหรอกว่าภายในครอบครัวของเจ้าจะมีความสัมพันธ์ไม่ดีกันอย่างไร ? ทว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาส่งผลกระทบต่อหลิงเอ๋อน้อย !”
หลิงเอ๋อเป็นน้องสาวที่เขารักเป็นอันดับหนึ่ง เขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดใช้เสี่ยวหลิงเอ๋อเป็นเครื่องมือทำร้ายคนอื่น !
“เจ้า … ” หยูเหยากัดริมฝีปากแน่น “เจ้ารีบปล่อยข้านะ ข้าขอบอกเจ้า ที่นี่คือเมืองสัตว์อสูร ฐานที่ตั้งของเผ่าสัตว์อสูรของเรา หากเจ้ากล้าที่จะทำอะไรข้า ราชาของเราจะไม่มีวันปล่อยเจ้าอย่างแน่นอน พระองค์จะสังหารเจ้ารวมถึงพ่อแม่และญาติ ๆ ของเจ้าด้วย !”
มู่อิงตกใจ นางมองไป๋เสี่ยวเฉิน จากนั้นก็หันไปมองหยูเหยา พลางเม้มปาก หากแต่นางก็ไม่ได้กล่าวคำใดออกมา
แม้ว่าความแข็งแกร่งของหยูเหยาจะไม่สูงส่งนัก ทว่าเหตุใดนางถึงไร้มันสมองด้วย ? เห็นได้ชัดว่าเด็กน้อยผู้นี้ใช้แรงกดดันทางสายเลือด …
ความสามารถในการใช้แรงกดดันทางสายเลือดนี่ ย่อมพิสูจน์ได้ชัดว่าเด็กน้อยเป็นสัตว์อสูรเฉกเช่นกัน อีกทั้งพลังทางสายเลือดของเขาก็แข็งแกร่งมาก นอกจากนี้เขายังสามารถซ่อนกลิ่นอายสัตว์อสูรของตนได้อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น … เมื่อครู่นี้องค์หญิงน้อยยังเรียกขานเขาว่าพี่ใหญ่ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะเปิดเผยตัวตนของเด็กน้อยคนนี้ได้แล้ว
ทันใดนั้นเองหยูเหยาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง นางรู้สึกดีใจมาก “เจ้าเด็กบ้า เจ้าได้ยินหรือไม่ ทหารและม้าของเมืองสัตว์อสูรเรามาถึงแล้ว เจ้าควรปล่อยข้าไปจะดีกว่า ! ขอบอกอย่างหนึ่ง ราชาอสูรกำลังจะเลือกพระสนมและข้าจะกลายเป็นพระมารดาในอนาคต ! นอกจากนี้ข้ายังเป็นคนที่เจ้าไม่สามารถที่จะทำให้ขุ่นเคืองได้ !”
ประโยคนี้หากเป็นต่อหน้าผู้อื่นหยูเหยาก็คงไม่กล้าที่จะพูด หากแต่องค์หญิงน้อยยังเป็นเด็ก ย่อมไม่เข้าใจอะไรนัก อีกทั้งมู่อิงก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของเผ่าเสือดาว ส่วนเด็กบ้านี่ไม่ใช่สัตว์อสูรย่อมไม่มีผู้ใดเชื่อถือคำพูดของเขาเป็นแน่
ต่อให้เด็กบ้านี่เปิดเผยความจริง นางก็เพียงไม่ยอมรับเท่านั้น
บทที่ 1349 : รนหาที่ตาย (1)
ไป๋เสี่ยวเฉินกลัวว่านังคนปากร้ายผู้นี้จะทำให้เสี่ยวหลิงเอ๋อหวาดกลัว เช่นนั้นเขาจึงเหลือบมองนางอย่างเย็นชา พลางฝ่ามือเล็ก ๆ ของเขาก็ตบแผ่นหลังของหลิงเอ๋อน้อยเบา ๆ เพื่อปลอบให้อารมณ์ของหลิงเอ๋อน้อยสงบลง
อย่างไรก็ตาม…หลิงเอ๋อน้อยกลับไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก นางยังคงกอดคอไป๋เสี่ยวเฉิน
ยามนี้ในสายตาของนางมีเพียงไป๋เสี่ยวเฉิน ส่วนคำพูดของหญิงปากร้ายคนนี้ นางไม่ใส่ใจจะรับฟังเลยแม้แต่น้อย
“หลิงเอ๋อเด็กดี เจ้าไปเล่นคนเดียวก่อน พี่ใหญ่มีเรื่องต้องจัดการ”
ไป๋เสี่ยวเฉินถอนสายตาหันไปมองเจ้าเปาหวานน้อยที่กอดคอเขาด้วยสายตาที่นุ่มนวลพลางยิ้ม
ภาพบางภาพ อย่าให้นางได้เห็นน่าที่จะดีกว่า …
“ไม่เอา”
หลิงเอ๋อน้อยส่ายหัวด๊อกแด๊กราวกับป๋องแป๋ง “หลิงเอ๋อจะอยู่กับพี่ใหญ่”
“หลิงเอ๋อเชื่อฟังพี่ใหญ่นะ ไปหาเทียนเทียนก่อน”
ไป๋เสี่ยวเฉินปลอบเสี่ยวหลิงเอ๋อ กับน้องสาวที่น่ารัก และฉลาดคนนี้ เขาพยายามใช้น้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับเกรงว่าจะทำให้เด็กน้อยตื่นตกใจ
หลิงเอ๋อน้อยเป็นเด็กที่เชื่อฟังเป็นอย่างดี ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวเช่นนั้น นางก็ผละจากเขาอย่างเข้าใจเหตุผล แม้สีหน้าของนางจะมุ่ยเล็กน้อย ยามนี้ริมฝีปากเล็ก ๆ ที่น่ารักของนางจู๋ บนใบหน้าของนางราวจะขีดเขียนคำว่า ไม่พอใจ !
หยูเหยามองใบหน้าที่เฉยเมย และทรงอำนาจของไป๋เสี่ยวเฉิน พลันมุมปากของนางก็แสยะยิ้ม ในเวลาเช่นนี้เจ้าเด็กบ้านี่กลับกล้าปล่อยองค์หญิงน้อยไป ?
แม้นางจะไม่รู้ว่าเขาหลอกล่อองค์หญิงน้อยด้วยวิธีใด ? ทว่าในสถานที่แห่งนี้ผู้เดียวที่สามารถปกป้องเขาได้ก็คือองค์หญิงหลิงเอ๋อ หากองค์หญิงหลิงเอ๋อจากไปแล้ว ผู้คนในเมืองสัตว์อสูรย่อมจะไม่ปล่อยเขาไปเป็นแน่ !
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่หลิงเอ๋อน้อยจะทันจากไป เสียงฝีเท้าที่เป็นระเบียบ และทรงพลังก็ดังขึ้นจากด้านข้าง ชั่วขณะนั้นทหารในชุดเกราะก็ปรากฏตัวต่อสายตาของหยูเหยา
หยูเหยามีความสุขมาก ใบหน้าของนางแลดูเคร่งขรึมขึ้นมาก นางเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “นี่พวกเจ้าสอดส่องดูแลกันอย่างไร ? เหตุใดจึงปล่อยเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอนนี่เข้ามาได้ ระวังเถิด ข้าจะไปกราบทูลองค์ราชาให้พระองค์ทรงทราบว่าพวกเจ้าดูแลที่นี่ไม่ได้เรื่อง !”
ในฐานะหัวหน้าองครักษ์ของเมืองสัตว์อสูร หยวนป๋อมีหน้าที่พาลูกน้องลาดตระเวนภายในวังอสูร ทันทีที่เขาได้ยินรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาของตนว่าองค์ชายเสด็จกลับมาแล้ว เขาจึงรีบกลับมาแสดงความเคารพ
ทว่า…
ครั้นเขามาถึงเขาก็ได้ยินคำพูดของหยูเหยา ร่างของเขาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว กระทั่งเข่าแทบจะทรุดลง
บรรดาทหารองครักษ์ของตำหนักอสูรที่เหลือต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน หยูเหยาเป็นเพียงภรรยาของหัวหน้าเผ่าเสือดาว นางกล้าเรียกองค์ชายของพวกเขาว่าเป็นเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอนกระนั้นรึ ?
นอกจากนี้ยังกล้าสั่งพวกเขาอีก ? ข้าเกรงว่า ต่อให้หัวหน้าเผ่าเสือดาวมาด้วยตนเอง เขาก็คงไม่กล้าที่จะเรียกองค์ชายว่าเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน และให้ไล่ออกจากตำหนักอสูรเป็นแน่
หยูเหยาไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าเปื้อนหยาดเหงื่อของทหารองครักษ์ นางยังคงเชิดคางของนางต่อ “ข้าคิดว่าพวกเจ้าต้องสอดส่องดูแลให้ดีกว่านี้ เด็กบ้านี่ไม่เพียงแต่ลอบเข้ามาในตำหนักอสูรเท่านั้น ทว่ายังช่วยมู่อิงทำร้ายองค์หญิงน้อยอีกด้วย หากข้าไม่ได้มาเข้าเฝ้าองค์หญิงน้อยพอดี ข้าเกรงว่าคนเหล่านี้คงจะสมคบคิดกันทำร้ายองค์หญิงน้อยได้สำเร็จ … “
หยวนป๋อแทบเซล้มลงกับพื้น
เดิมทีหลังจากที่เขาได้ยินสิ่งที่หยูเหยากล่าวครั้งแรก เขาก็รีบวิ่งมาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้ใดจะรู้ว่าหยูเหยายังไม่หยุดพูด นางกล้าพูดออกมาเสียงดังลั่น เช่นนั้นหยวนป๋อจึงกลัวมาก ใบหน้าของเขาซีดลงเรื่อย ๆ เขาคุกเข่าลงพลางคลานเข้าไปหา
“กระหม่อมขอคารวะ องค์ชาย…พวกกระหม่อมมารับพระองค์ช้าไป โปรดยกโทษให้กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ขอคารวะองค์ชายกระนั้นรึ ?
ใบหน้าเย่อหยิ่งของหยูเหยาพลันแข็งค้างอย่างกะทันหัน สีหน้าของนางซีดเซียวไร้สีสันทันที นางค่อย ๆ หันไปมอง รอยยิ้มของนางยามนี้เลวร้ายยิ่งกว่าการร้องไห้
บทที่ 1350 : รนหาที่ตาย (2)
“เข้าใจผิดหรือ เด็กคนนี้ไม่มีกลิ่นอายของสัตว์อสูร เขา … เขาจะเป็นองค์ชายแห่งแดนอสูรได้ยังไง ?”
หยวนป๋อปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของตน เขาเงยหน้าขึ้นมองไป๋เสี่ยวเฉิน หลังจากเห็นสีหน้าตึง ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินแล้ว เขาก็หันกลับไปมองหยูเหยาด้วยความโกรธ
“ราชาแห่งอาณาจักรอสูรของเรา เราจะไม่รู้ได้อย่างไร หากแต่เจ้าช่างบังอาจนัก กล้าใส่ร้ายราชวงศ์ กล้าเอ่ยอ้างว่าองค์ชายจะทำร้ายองค์หญิง !
ฮึ่ม !
หัวใจของหยูเหยาพลันแตกสลาย จิตใจของนางว่างเปล่า ร่างของนางสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างกะทันหัน นางก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว
เด็กนี่เป็นองค์ชายได้ยังไง เขาเป็นองค์ชายกระนั้นรึ …?
ไอ้เด็กนี่ มันเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอนชัด ๆ
“จับหญิงผู้นี้มาให้ข้า !” หยวนป๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไม่แสดงสีหน้าใด ๆ
“ช้าก่อน !”
ชั่วขณะนั้น น้ำเสียงอ่อนโยนก็ดังขึ้นขัดจังหวะการเคลื่อนไหวของบรรดาทหารองครักษ์
หยวนป๋อรีบหันกลับไป เอ่ยถามด้วยความเคารพ “องค์ชายทรงมีพระประสงค์สิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินเม้มริมฝีปากบาง ๆ ของตน เสื้อคลุมสีขาวของเขากระพือขึ้นลงตามแรงลม ร่างเล็ก ๆ ของเขายังไม่โตเต็มที่ ทว่าก็แสดงให้เห็นถึงความทรงอำนาจเฉกเช่นเดียวกับราชาผู้สูงส่ง
“เจ้าเพิ่งบอกว่าบิดาของข้าต้องการรับพระสนม ทั้งเจ้ายังเป็นพระมารดาของสนมของบิดาข้า เช่นนั้นก็ต้องเป็นยายของข้าด้วยใช่หรือไม่ ?”
สายลมกระโชกแรงขึ้น หยูเหยาตัวสั่นสะท้าน นางไม่อาจขยับตัวได้ ความตื่นตระหนกปรากฏในดวงตาของนาง นางรีบหันไปมองมู่อิงเพื่อขอความช่วยเหลือ
มู่อิงหลับตา ไม่มองหยูเหยา
หญิงผู้นี้อยากให้นางตาย !
ราชาทรงให้ความสำคัญกับองค์หญิงน้อยมาก หากพระองค์ทรงเชื่อ เรื่องที่มารดาของนางกุ ว่านางวางแผนสังหารองค์หญิงน้อยขึ้นมาจริง ๆ จุดจบของนางคงจะไม่พ้นความตายใช่หรือไม่ ?
แม้…นางจะรู้ว่าหยูเหยาไม่เคยหวังดีกับนาง ทว่าในเวลาเช่นนี้หัวใจของมู่อิงก็ยังคงรู้สึกเย็นยะเยือก ราวกับอยู่ในช่วงฤดูหนาว นางอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นกับความหนาวเหน็บนี่
หยวนป๋อและคนอื่น ๆ ต่างก็ตะลึงงัน
เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวลือว่าราชาทรงมีพระประสงค์ที่จะรับพระสนม ทั้งทุกคนต่างก็รู้ดีว่า ในเวลาต่อมาเพราะผู้อาวุโสใหญ่ออกจากการเข้าสันโดษ ข่าวลือนี้จึงได้หยุดลง ทว่าความจริงแล้ว ในใจของหลายคนก็ยังคงคิดถึงเรื่องนี้
ทว่า…
แม้ราชาจะทรงมีพระประสงค์ที่จะรับพระสนมจริง หากแต่พระสนมคนนั้นก็เป็นเพียงพระสนมธรรมดา ๆ มารดาของพระสนมจะถูกเรียกขานว่าพระมารดาได้อย่างไร ?
พระมารดาอะไรกัน ?
“ราชาประสงค์ที่จะรับพระสนมจริงกระนั้นหรือ ?”
น้ำเสียงเยือกเย็น มืดมนดังมาจากด้านหลัง ทำให้ทุกคนตัวแข็งค้าง
หัวใจของหยูเหยาราวจะหยุดเต้นชั่วขณะ พลันความกลัวที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็ทำให้หัวใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นางหมดความกล้าที่จะหันกลับไปมอง
“หม่ามี้”
หลังจากที่หลิงเอ๋อน้อยเห็นไป๋หยาน แววตาของนางก็สว่างไสวขึ้นเล็กน้อย นางเหยียดแขนออกพลางวิ่งเข้าไปหาไป๋หยาน
“กอด กอด”
ไป๋หยานมองเจ้าเปาหวานน้อยที่วิ่งเข้ามาหา นางเอื้อมมือออกไปรับร่างของลูกสาว พลางกอดลูกสาวไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน
ตี้คังไม่มีคำพูดใด ๆ เขากวาดสายตามองโดยรอบ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา ท่าทางของเขามืดมน “ผู้ใดพอที่จะอธิบายเรื่องนี้ให้ข้าฟังได้บ้าง สนมที่หญิงผู้นี้พูดหมายความเช่นไร ? ข้าเคยบอกว่าจะรับสนมเมื่อใดกัน ? เหตุใดข้าถึงไม่รู้ ?
ผู้อาวุโสใหญ่ที่ติดตามตี้คังมาตัวสั่น
จบแล้ว ราชาทรงทราบเรื่องนี้เข้าแล้ว เดิมทีเขาต้องการรอจนกว่าจะจัดการแก้ไขได้ก่อนถึงค่อยกราบทูล หากแต่ไม่คาดคิดว่าเรื่องราวจะถูกเปิดเผยอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
หากราชาทรงทราบ ว่าเขาจงใจปกปิดเรื่องนี้แล้วล่ะก็ …
ผลที่ตามมาก็ยากที่จะจินตนาการ !
“ผู้อาวุโสใหญ่…”
จู่ ๆ น้ำเสียงเย็นเยือกของผู้เป็นราชาก็ดังขึ้นในหูของผู้อาวุโสใหญ่