จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 811-815
บทที่ 811 : การกลับมาของชิงอี้ (6)
โม่ซีที่ชิงอี้พูดถึงก็คือเด็กหนุ่มรูปหล่อคนนั้นเอง
”แต่เจ้า … ” ชิงอี้เย้ยหยันพลางกวาดตาไปมองยอดฝีมือเผ่ามังกรที่แข็งแกร่งเหล่านั้น นางจิกริมฝีปากของนางเยาะ ๆ “แต่พวกเจ้าก็เชื่อในสิ่งที่นางพูด !”
”เมื่อครู่นี้หญิงผู้นั้นบอกว่าข้าบอกให้นางฆ่าหลงซี และต้องการให้หลงเซียงลั่วเป็นหัวหน้าเผ่า เพื่อที่ข้าจะได้โยกย้ายตำแหน่งของเขามาให้ข้าในวันหน้า ทว่าข้าเองก็ได้เป็นหัวหน้าเผ่ามังกรอยู่แล้ว เหตุใดต้องทำอย่างนั้นด้วย ?”
ท่าทางทุกคนดูเหมือนจะตกใจ
เมื่อเปรียบเทียบกับมนุษย์แล้วสัตว์อสูรไม่ค่อยใช้สมองคิดวิเคราะห์ปัญหาใด ๆ นัก ดังนั้นเมื่อหลงเซียงลั่วบอกว่าชิงอี้คิดทรยศเผ่ามังกร พวกเขาก็เชื่อ
หากแต่ตอนนี้เมื่อมาคิดเรื่องนี้อีกครั้ง มันก็เต็มไปด้วยข้อบกพร่องจริง ๆ
ชิงอี้เองก็ถูกเลือกให้เป็นหัวหน้าเผ่าอยู่แล้วแค่เข้าพิธีนางก็จะสามารถสั่งเผ่ามังกรให้ทำทุกสิ่งเพื่อนางได้อยู่แล้ว เหตุใดนางถึงต้องหักหลังเผ่ามังกรอีกล่ะ ?
การที่นางบงการให้หลงเซียงลั่วมาเป็นหัวหน้าเผ่าเพื่อส่งต่อตำแหน่งให้นางในอนาคต ! จะไม่เป็นการเสียเวลามากไปหรอกหรือ ? ที่นางพูดก็สมเหตุสมผล
”เป็นเพราะข้า! ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ข้าทำร้ายหลงซี” ชิงอี้หลับตาลงเล็กน้อย ใบหน้าของนางแลดูเจ็บปวด “หากข้ายังอยู่ในเผ่ามังกร ข้าจะไม่มีวันให้ผู้ใดทำร้ายเขา … ”
อย่างไรก็ตามในเวลานั้นคนเหล่านี้ไม่ให้โอกาสนางได้อธิบาย นางเพียงอยากพูดอะไรบ้าง ทว่าคนกลุ่มนี้ก็ร่วมมือกันทำร้ายนาง จนนางได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่สุดนางก็ต้องจากไปพร้อมอาการบาดเจ็บ
นางต้องรอให้อาการบาดเจ็บหายก่อนที่จะกลับมายังเผ่ามังกร ผู้ใดจะรู้ว่าเวลาผ่านมาร้อยปี เมื่อนางกลับมาเด็กหนุ่มตัวน้อยที่คอยติดตามนางก็ต้องตายจากไป…เพราะนาง
ทันใดนั้นเองชิงอี้ก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของนางแดงฉานด้วยเจตนาสังหารอันแรงกล้า
ในขณะที่ทุกคนยังคงคิดวิเคราะห์ถ้อยคำของนางนางก็มาอยู่ด้านหน้าหลงหยูแล้ว ดาบยาวในมือของนางตวัดลงมาบนหน้าอกของหลงหยู
อั้ก!
หลงหยูกระอักเลือดทรุดลงไปกองกับพื้น นางเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองใบหน้าเย็นชา และสวยงามที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความตกใจ ร่างของนางสั่นเทา “อาการบาดเจ็บของเจ้าหายแล้วกระนั้นหรือ ?”
นางไม่ทันได้รอคำตอบจากชิงอี้คำตอบที่นางรอคอย … นางไม่มีวันได้ยิน
ชิงอี้ระบายความโกรธแค้นและอัดอั้นที่นางมีมาตลอดหลายปี ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน นางฟาดดาบยาวของนางไปมาราวกับฟาดแส้ไม่ต่างกับคนวิกลจริต นางตะโบมฟาดร่างหญิงที่ล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง …
”อาวุโสหลงซิงนี่มันเกิดอะไรขึ้น ?” ยอดฝีมือเผ่ามังกรหลายคนหันไปหาหลงซิงที่เดินตามหลังไป๋หยานและคนอื่น ๆ มา พลางเอ่ยถามว่า “ท่านนำคนพวกนี้เข้ามา แล้วท่านไม่ได้ไปตรวจสอบอัสนีบาตหรอกหรือ ?”
”แค่ก!” หลงซิงไอสองครั้ง ใบหน้าชราภาพของเขาแลดูเก้อเขิน ละอายแก่ใจ “ตอนนั้นเราเข้าใจชิงอี้ผิด … ”
ยามเขาพูดเขาลอบเหลือบมองไป๋หยาน และตี้คังอย่างระแวดระวัง เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีการตอบสนองจากครอบครัวทั้งสามคนนี้ เขาก็ถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ ด้วยความโล่งอก
”เข้าใจชิงอี้ผิดกระนั้นหรือ?” คนเผ่ามังกรขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามต่อ
“ข้าขอถามเจ้านอกเสียจากถ้อยคำของหลงเซียงลั่วแล้ว ยังมีหลักฐานอื่นที่บ่งชี้ว่าชิงอี้ ทรยศเผ่ามังกรด้วยหรือไม่ ? เจ้าเห็นด้วยตาของเจ้าเองหรือได้ยินด้วยหูของเจ้าเองหรือไม่ ?”
หลงซิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามคำถามที่ไป๋หยานถามเขาซ้ำกับคนอื่น ๆ
ฝูงชนต่างก็เงียบไป
ที่จริงนอกจากถ้อยคำหลงเซียงลั่วแล้วก็ไม่มีหลักฐานว่าชิงอี้ทรยศเผ่ามังกร
”และ…”ปากของหลงซิงกระตุก “หากเจ้าไม่ต้องการให้เผ่ามังกรถูกทำลายจะเป็นการดีที่สุดที่จะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้ ปล่อยให้หลงหยูกับสามีของนางรับกรรมไป อย่าลากเผ่ามังกรให้ตกต่ำเพราะพวกมัน !
เขาจ้องมองไป๋หยานและตี้คังอีกครั้งอย่างเกรงใจ
คนทั้งสองเป็นคนที่มีอำนาจมากจากแดนอสูรเพียงเอ่ยคำเดียวก็สามารถทำลายเผ่ามังกรทั้งเผ่า เผ่ามังกรคงไม่โง่พอที่จะช่วยปกป้องหลงหยูและคู่รักของนางในเวลานี้เป็นแน่
***จบบทการกลับมาของชิงอี้ (6)***
บทที่ 812 : เหล่าสัตว์อสูรนับพันรวมตัว แดนอสูรโกลาหล (1)
”หลงหยู,หลงเซียงลั่ว !”
ผู้อาวุโสตวาดดวงตาของเขาเปล่งประกายร้อนแรงราวเปลวไฟ เขากำหมัดแน่น หายใจแทบไม่ออกด้วยความปวดร้าวใจ
สองคนนี้คนหนึ่งเป็นศิษย์ที่เขาภูมิใจ ส่วนอีกคนก็เป็นคนที่เขาไว้ใจมาก
คนทั้งสองกลับทำความระส่ำระส่ายให้เผ่ามังกรทั้งเผ่า
ฮ่าฮ่าฮ่า!
ครั้นคิดได้เช่นนี้ผู้อาวุโสก็เงยหน้าขึ้น พลางหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะของเขาดังก้องอยู่ในลานบ้านเป็นเวลานาน
”พวกเจ้านำตัวหลงเซียงลั่วและหลงหยูไปขัง รอข้าจัดการ !”
ผู้อาวุโสยกมือขึ้นเกาะกุมหน้าอกของตนลมหายใจของเขาติดขัด
หลงไต้ไต้ยื่นมือเล็กๆ ของนางออกไปช่วยลูบหน้าอกของเขา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความห่วงใย
”ไต้ไต้”ครั้นผู้อาวุโสแลเห็นความกังวลบนใบหน้าของหลงไต้ไต้แล้ว ใบหน้าของเขาพลันอ่อนโยนลง “ปู่สบายดี เจ้าไม่ต้องกังวล ถือเป็นโชคดีที่ในชีวิตของปู่ได้รู้ว่าฆาตกรที่ฆ่าบิดามารดาของเจ้าแท้จริงคือผู้ใด ทั้งปูุ่ยังได้เจ้ากลับคืนมา โดยเฉพาะได้พบกับชิงอี้อีกครั้ง … ”
เช่นนั้นเขายังจะต้องเสียใจอะไรอีกแม้ว่าจะต้องตาย ก็ตายตาหลับแล้ว !
ทันใดนั้นเองพื้นผิวน้ำสีน้ำเงินเหนือหัวของทุกคนพลันมืดมิด ราวกับว่ามีคนจำนวนนับไม่ถ้วนมารายล้อมอยู่เหนือหัวของทุกคน มันอุดอู้ อึดอัด กระทั่งหายใจไม่ออก
ไป๋หยานมองสัตว์อสูรหลายตัวที่โผล่ตัวออกมาจากอากาศพลางขมวดคิ้วน้อย ๆ “ใช่สัตว์อสูรที่เจ้านำมาตำหนักเซียนพยัพหมอกหรือไม่ !”
”ไม่”
ตี้คังส่ายศีรษะแววสง่างามฉายชัดในดวงตาเรียวคม “เป็นไปได้ว่า แดนอสูรเกิดเรื่อง ก่อนที่ข้าจะออกมาจากแดนอสูร ข้าให้สัญญาณไว้แก่ผู้อาวุโส หากมีเรื่องใดเกิดขึ้นกับแดนอสูร ให้เขาใช้สัญญาณนั้นตามหาข้า”
และตอนนี้…
สัตว์ประหลาดจำนวนมากมายมารวมตัวกันโดยพลการมันต้องเป็นเพราะแดนอสูรเกิดเรื่อง !
”ผู้อาวุโสสูงสุดเกิดอะไรขึ้น?”
ยอดฝีมือของเผ่ามังกรทั้งหมดต่างตกอยู่ในความหวาดกลัวเหตุใดจู่ ๆ เผ่ามังกรจึงได้ดึงดูดสัตว์ประหลาดมาจำนวนมากมายถึงเพียงนี้ ? จำนวนของมันนับหมื่น ทั้งความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรเหล่านี้ก็ไม่ต่ำต้อยเลย หากพวกมันโจมตี เผ่ามังกรจะถูกเหยียบย่ำพังพินาศ
ดวงตาของผู้อาวุโสสูงสุดมีร่องรอยแห่งความหวาดกลัว”ข้าเองก็ไม่รู้ พวกเราเผ่ามังกรอยู่ในดินแดนปิดนี่มานานหลายปี โดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนแผ่นดินใหญ่ และไม่รู้ว่ามีสัตว์อสูรที่มีพลังมากมายบนแผ่นดินนี้ตั้งแต่เมื่อใด ?”
ภายใต้พื้นผิวทะเลสาบเหล่านกและสัตว์จำนวนนับไม่ถ้วนต่างกรูเข้ามาอย่างรวดเร็ว ภายใต้แรงผลักดันอันทรงพลังของพวกมัน ทำให้น้ำในทะเลสาบแยกออกเป็นทางเดิน
ด้านหน้าของสัตว์อสูรเหล่านี้คือ มังกรทองที่สว่างไสวยิ่งเสียกว่าดวงอาทิตย์ส่องประกายทั่วพื้นทะเล
ทว่า…
ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตระหนกอยู่นั้นบรรดาสัตว์อสูรก็เดินแถวกันเข้ามายังทางเดินของเขาหลงชาน แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้หายใจอย่างโล่งอก พวกเขาก็แลเห็นมังกรทองที่นำมา เปิดปากขึ้น พลันน้ำทะเลก็ก่อตัวม้วนเข้าไปในเขาหลงชาน
กำแพงที่เคยแข็งแกร่งนั้นกลับกลายราวกระดาษแผ่นบางๆ และน้ำทะเลก็เหมือนดาบที่สามารถเล็ดลอดผ่านสิ่งกีดขวางได้โดยง่าย
หลังจากนั้นสิ่งกีดขวางที่โปร่งใสนี้ก็เหมือนฟองน้ำ ทันใดนั้นเองภายใต้ดวงตาที่น่าสะพรึงกลัวของมังกร มันก็สลายกระจัดกระจายไปกับน้ำในทะเลสาบ …
ถึงกระนั้นก็ตามน้ำทะเลก็ไม่ได้แทรกซึมเข้าไปในเมืองหลงชาน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ยกเว้นกำแพงที่ขวางกั้นเท่านั้นที่พังทลายไป
”ฮ่าฮ่าฮ่า!” หลงเซียงลั่วหัวเราะร่า “พวกเจ้ายังไม่เข้าใจอีกกระนั้นหรือ ? เหตุใดคนพวกนี้จึงนำหายนะมาสู่เผ่ามังกรของเราทันทีที่พวกเขามาถึง ข้าเคยบอกแล้วว่าชิงอี้ทรยศเผ่ามังกร ! นางนำสัตว์อสูรเหล่านี้มายึดครองเผ่ามังกรของเรา !
***จบบทเหล่าสัตว์อสูรนับพันรวมตัว แดนอสูรโกลาหล (1)***
บทที่ 813 : เหล่าสัตว์อสูรนับพันรวมตัว แดนอสูรโกลาหล (2)
ใบหน้าของเหล่าผู้คนแลดูน่าเกลียดอย่างยิ่งแม้พวกเขาจะเชื่อในถ้อยคำของหลงซิง ทว่าตอนนี้เมื่อพวกเขาได้ยินถ้อยคำของหลงเซียงลั่ว พวกเขาต่างก็หันไปมองชิงอี้เป็นตาเดียว
“ช้าก่อน…”ทันใดนั้น ผู้อาวุโสสูงสุดก็เบิกตากว้างจ้องมองมังกรทองคำเบื้องหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ แววตาของเขาแลดูตกใจมาก
บรรพบุรุษหลงเทียนเป็นตำนานของเผ่ามังกรว่ากันว่า เมื่อหลายร้อยปีก่อนเขาหายตัวไปจากเผ่ามังกร ดูเหมือนว่าเขาได้ไปยังแดนอสูร เช่นนั้นจึงมีเพียงไม่กี่คนในเผ่ามังกรที่นี่ที่เคยเห็นเขา …
หากแต่ตำนานของหลงเทียนยังถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของเผ่ามังกรตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาภาพเหมือนของเขายังคงส่งต่อไปยังคนรุ่นใหม่ของเผ่ามังกรเสมอ
การที่พวกเขาไม่เคยเห็นหลงเทียนด้วยตาตนเองก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าหลงเทียนมีลักษณะเช่นไร
”ท่านบรรพบุรุษหลงเทียนรึนี่?”
เฮือก!
พวกเขาสูดลมหายใจเข้าลึกพลางจ้องมองหลงเทียนที่ทะยานอยู่เบื้องบนท้องฟ้าด้วยอาการตื่นตกใจ เพราะยิ่งมองดูก็ยิ่งรู้สึกว่ามังกรทองตัวนี้เหมือนกันกับหลงเทียนที่บันทึกไว้ในบันทึกประวัติศาสตร์ไม่ผิดเพี้ยน
ทันใดนั้นเองความตื่นเต้นพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่สิ้นหวังของทุกคน
ร่างของหลงเทียนเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีภายใต้รัศมีสีทองเขาเดินผ่านผู้คนไปยืนเบื้องหน้าไป๋หยานและตี้คัง ก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ
”องค์ราชาราชินี คนจากแดนอสูรเหล่านี้ต้องการพบพวกท่าน ข้าจึงพาพวกเขาผ่านตราประทับมังกรมา”
หลงเทียนไม่ต้องการพบกับคนของเผ่ามังกรอีกครั้งที่เขาจากไป เขาก็จากไปโดยไร้สิ้นซึ่งอาการลังเลใด ๆ นั่นย่อมพิสูจน์ชัดว่า เขาไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับเผ่ามังกรของตำหนักเซียนพยัพหมอกอีก
เช่นนั้นเมื่อไป๋หยาน และคนอื่น ๆ เข้ามายังเผ่ามังกร เขาจึงรั้งรออยู่เพียงด้านนอก หากมิใช่เพราะสัตว์อสูรนับหมื่นต้องการพบตี้คัง เขาคงจะไม่พาหมู่สัตว์เหล่านั้นเข้ามายังเผ่ามังกรหรอก
บรรยากาศทั้งหมดเปลี่ยนเป็นเงียบงัน
ใบหน้าของหลงเซียงลั่วเย็นยะเยือกหากสิ่งที่เขาได้ยินถูกต้องแล้วล่ะก็ ชายหนุ่มคนนี้เพิ่งพูดว่า … แดนอสูรงั้นรึ ?
สถานที่นั้นเรียกได้ว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของสัตว์อสูรไม่ใช่รึ?
”บรรพบุรุษมังกรหลงเทียน…”ใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดสั่นสะท้าน นัยน์ตาของเขาแดงก่ำ เขาจ้องมองชายหนุ่มที่คุกเข่าด้วยหัวใจสั่นไหว “ท่านคือ … บรรพบุรุษหลงเทียนใช่หรือไม่ ?”
ดวงตาของหลงเทียนนั้นเปล่งแสงเป็นประกายเขาหันไปมองน้ำตาที่เอ่อออกมาอย่างตื่นเต้น สุดท้ายชายชราก็มิอาจยับยั้งไว้ได้ น้ำตาหยดลงมา แล้วเขาก็เอ่ยกล่าวเบา ๆ ว่า “ไว้ค่อยพูดเรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าไม่เห็นหรือไรว่าข้ากำลังทำสิ่งใดอยู่ ?”
ประโยคนี้เท่ากับเขายอมรับตัวตนแท้จริงของตนเองแล้วใช่หรือไม่?
ทันใดนั้นชนเผ่ามังกรต่างก็ปลื้มปิติ สายตาของทุกคนต่างก็หันไปจับจ้องมองหลงเทียน ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นพระเจ้า มันเต็มไปด้วยความเคารพ และชื่นชม
แท้จริงแล้วในสายตาของเผ่ามังกรนั้น หลงเทียนก็ไม่ต่างจากเทพเจ้าของพวกเขามิใช่หรือ ?
หลังจากที่หลงเทียนกล่าวจบเขาก็ละความสนใจเหล่าทายาทที่อยู่ด้านหลัง พลางหันหน้าไปทางตี้คังอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันสัตว์ทุกตัวต่างก็คุกเข่าลงอย่างแรง เสียงดังสนั่นครอบคลุมไปทั่วเขาหลงชานทั้งหมด
”ขอคารวะองค์ราชาราชินีและองค์ชาย”
ขอคารวะองค์ราชาราชินีและองค์ชาย !
เสียงของเหล่าสัตว์อสูรฮือฮาดังก้องไปทั่วหุบเขาและดังสะท้อนอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน
ดวงตาทรงอำนาจของตี้คังมองสัตว์อสูรที่กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเขาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เกิดเรื่องใดขึ้น ?”
”ราชามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นในแดนอสูร”
หัวหน้าเผ่าเสือดาวเงยหน้าขึ้นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล “นับแต่ผนึกแดนอสูรถูกทำลายในวันนั้น เหล่าสัตว์อสูรที่ไร้สังกัดนับจำนวนไม่ถ้วนในแดนอสูรต่างก็กรูเข้าไปในแผ่นดินใหญ่ ข้าพระองค์เกรงว่าจะทำให้แผ่นดินใหญ่ต้องปั่นป่วน”
ในแดนอสูรนั้นนอกเหนือจากเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ก็ยังมีสัตว์ประหลาดบางตัวที่ไร้สังกัด สัตว์ประหลาดเหล่านั้นไม่สามารถรวมอยู่ในเผ่าพันธุ์อสูรได้ เช่นนั้นในวันที่ผนึกคลายพวกมันก็ลอบออกจากแดนอสูร …
***จบบทเหล่าสัตว์อสูรนับพันรวมตัว แดนอสูรโกลาหล (2)***
บทที่ 814 : เหล่าสัตว์อสูรนับพันรวมตัว แดนอสูรโกลาหล (3)
ตี้คังขมวดคิ้วเล็กน้อย”พวกเจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้น่ะหรือ ?”
”ไม่เพียงแค่นั้น”เสือดาวสังเกตเห็นความหงุดหงิดรำคาญใจของตี้คัง แล้วใจของเขาก็สั่นเทา หากแต่ก็ยังพูดต่อว่า “นอกจากสัตว์ประหลาดที่เข้ามาในแผ่นดินมนุษย์แล้ว เมื่อเร็ว ๆ นี้ไม่รู้ว่ามีผู้ทรงอำนาจจากที่ใดมาคอยสร้างความโกลาหลในแดนอสูร…พวกเราไม่กล้ากลับไปที่นั่น”
ครั้นได้ยินคำพูดของเสือดาวความรู้สึกแรกของตี้คัง คือ พวกแดนสวรรค์ กำลังจะมาแล้ว ?
หากมิใช่คนของดินแดนสวรรค์ผู้ใดจะทำให้สัตว์ประหลาดแห่งแดนอสูรกลัวได้บ้างเล่า ?
”ตี้คังพวกเราควรกลับไปหรือไม่ ?” ไป๋หยานขมวดคิ้วน้อย ๆ
แดนอสูรเป็นรกรากของตี้คังและนางไม่ต้องการให้เกิดปัญหาใด ๆ บนแดนอสูร
ทันใดนั้นมือของตี้คังที่โอบรอบเอวของไป๋หยานพลันรัดแน่นขึ้น เขาโอดครวญว่า “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่นะ … แล้วข้าจะรีบกลับมา”
”ตี้คัง!” ไป๋หยานหันมาหาชายข้างกาย “เจ้าเคยให้สัญญาอะไรกับข้าหืม… ?”
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่ปิดบังนางไงล่ะ ?
”ก็ได้”
ครั้นเห็นใบหน้าที่จริงจังของนางตี้คังก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขายกมุมปากขึ้น ริมฝีปากสีแดงของเขายกโค้งเป็นรอยยิ้มที่งดงาม
“เช่นนั้นเรากลับไปพร้อมกัน!”
ไป๋เสี่ยวเฉินหันมองตี้คังจากนั้นก็หันมองไป๋หยาน ก่อนจะซุกศีรษะเล็ก ๆ ของเขาเข้าไปในอ้อมแขนนาง
”หม่ามี้อย่าทิ้งเฉินเอ๋อ เฉินเอ๋อจะกลับแดนอสูรด้วย”
”เช่นนั้นเราก็กลับด้วยกันนี่แหละ”
ไป๋หยานแตะศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉินพร้อมกับแย้มยิ้ม นางหันไปมองชิงอี้ทันที พลางกล่าวว่า “ชิงอี้ เจ้าจัดการเรื่องของเผ่ามังกรนี้เองก็แล้วกัน ข้าเชื่อว่า ครานี้คงจะไม่มีผู้ใดกล้าขวางเจ้า ! หลังจากเจ้าจัดการเรื่องนี้เรียบร้อย ข้าจะส่งคนมารับเจ้าไปยังแดนอสูร”
”หม่ามี้”ไป๋เสี่ยวเฉินดึงแขนเสื้อของไป๋หยาน “เราจะไปรับเสี่ยวมี่ และหวงเสี่ยวหยิงที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยหรือไม่ ?”
”ไม่นี่ก็เสียเวลามากแล้ว ไว้เราค่อยไปพบพวกเขาหลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ” ไป๋หยานจับมือไป๋เสี่ยวเฉินข้างหนึ่ง จับมือเสี่ยวหลงเอ๋อไว้อีกมือหนึ่ง นัยน์ตาของนางตวัดไปมองตี้คังเล็กน้อย “ตี้คัง… เราจะกลับกันตอนนี้เลยหรือไม่ ?”
”รอเดี๋ยว… ” นัยน์ตาเรียวคมของตี้คังหรี่ลงเล็กน้อย สายตาของเขาจับจ้องมองขวดเคลือบในมือของหลงเซียงลั่วอย่างแปลก ๆ
หลังจากได้ยินคำว่าแดนอสูรหลงเซียงลั่วก็กลัวกระทั่งกล่าวคำใดไม่ออก ยามนี้หลังจากที่เห็นตี้คังหันมามองเขา เขาก็ตัวสั่น เขาก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว
”ท่าน…ท่านคือราชาแห่งแดนอสูรกระนั้นหรือ ?”
ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของนังโง่หลงหยูหากไม่ใช่เพราะนางอ้างว่าเสี่ยวหลงเอ๋อบอกว่าราชินีคือสนมในวังของมนุษย์ เขาก็คงจะไม่วางใจถึงเพียงนี้
ไม่ต่างจากทำลายตัวเองชัดๆ !
ใบหน้าของตี้คังไร้สิ้นซึ่งความรู้สึกใดๆ เขาเดินช้า ๆ ไปทางหลงเซียงลั่ว
ภายใต้กลิ่นอายอันน่าขนลุกหลงเซียงลั่วยิ่งตื่นตระหนก ร่างของเขาสั่นเทา เพียงไม่นานของเหลวสีเหลืองพลันไหลออกมาเลอะขากางเกง ส่งกลิ่นเหม็นโฉ่
ชายผู้นี้… กลัวจนฉี่รดกางเกงเลยหรือ ?
บูม!
ครั้นตี้คังเดินไปถึงด้านหน้าของหลงเซียงลั่วพลังที่มองไม่เห็นก็กดดันอย่างหนัก ทำให้เขาแลดูโดดเด่น ทันใดนั้นเองขวดในมือของหลงเซียงลั่วพลันหลุดออกจากฝ่ามือ แล้วก็ลอยขึ้นไปในอากาศ เข้าไปในมือของตี้คัง
หลังจากจับขวดเคลือบไว้แล้วตี้คังก็เดินช้า ๆ ไปที่เสี่ยวหลงเอ๋อ ด้วยแรงกดดันอันหนักหน่วงนี้ ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถขยับตัวได้
”กลับไปหาเจ้าของเดิม”
เขาทิ้งถ้อยคำดังกล่าวไว้ก่อนจะโยนขวดลายครามให้กับเสี่ยวหลงเอ๋อ จากนั้นเขาก็เดินไปยืนข้างกายไป๋หยาน เอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หยานเอ๋อ ตอนนี้เราไปกันได้แล้ว”
***จบบทเหล่าสัตว์อสูรนับพันรวมตัว แดนอสูรโกลาหล (3)***
บทที่ 815 : เหล่าสัตว์อสูรนับพันรวมตัว แดนอสูรโกลาหล (4)
เสี่ยวหลงเอ๋อกระพริบนัยน์ตากลมโตตะลึงงันพลางมองตามหลังตี้คัง ใบหน้าสีชมพูและบอบบางของนางเต็มไปด้วยความสงสัย
”ตี้คังเสี่ยวหลงเอ๋อมีความสัมพันธ์ใดกับขวดโลหิตธาตุ ?” ไป๋หยาน ขมวดคิ้ว พลางเอ่ยถามออกมา
ตี้คังยิ้มอย่างมีเลศนัย”ถึงเวลานั้น นางจะรู้เอง”
ด้วยเพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับตนเองไป๋หยานจึงไม่ซักไซ้อะไรมากเกินไปนัก นางรู้เพียงว่าตี้คังจะไม่ทำร้ายเสี่ยวหลงเอ๋อแน่
”ไป…กลับบ้านกัน”
ไป๋หยานดึงมือเสี่ยวหลงเอ๋อมาอยู่ข้างกายพลันใบหน้าอันงดงามน่าทึ่งของนางก็เปล่งประกายแสงแพรวพราวภายใต้แสงแดด
หลงเอ๋อจ้องมองหญิงสาวที่งดงามน่าทึ่งเบื้องหน้าของนางหัวใจของนางพลันอบอุ่น ในที่สุดนางก็มีบ้านเป็นของตนเองแล้ว
“อืม”นางเอ่ยตอบเบา ๆ พลางยิ้มกว้างราวดวงตะวันอันสดใส
ตราบใดที่มีราชินีที่นั่นก็เป็นบ้านของนาง
*****
ไป๋หยาน..ไม่ต้องการวุ่นวายกับเผ่ามังกรอีกนางเชื่อว่าชิงอี้สามารถจัดการเองได้ เช่นนั้นนางจึงกล่าวลาชิงอี้และคนอื่น ๆ ก่อนจะจากไปพร้อมเหล่าสัตว์อสูรนับพัน
เมื่อสัตว์นับพันหายตัวไปทะเลเหนือก็กลับสงบลงอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในจิตใจของทุกคนยังมีความโกรธเคือง นัยน์ตาที่โกรธแค้นมองไปที่หลงหยูและสามีอย่างเยือกเย็น
ในเวลานี้หลงหยูที่มีแผลทั่วร่างนอนอยู่บนพื้น ร่างของนางโชกไปด้วยเลือด ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
สตรีที่เสี่ยวหลงเอ๋อเรียกว่าราชินีนางเป็นราชินีแห่งแดนอสูรกระนั้นรึ ?
ส่วนซาลาเปาน้อยที่นางต้องการจะทำร้ายก่อนหน้านี้เป็นถึงองค์ชายแห่งแดนอสูรใช่หรือไม่ ?
ขนาดชิงอี้ยังยอมจำนนต่อราชินีแห่งแดนอสูรแม้แต่บรรพบุรุษมังกรก็ยังปรากฏตัวมาคารวะ …
หลงหยูหลับตาลงเบาๆ ริมฝีปากสั่นไหวเล็กน้อย
นางรับไม่ได้!
นางแย่กว่าชิงอี้ที่ใดเหตุใดนางถึงด้อยกว่าชิงอี้เสมอ นอกจากได้แต่งงานกับชายที่มีฐานะสูงแล้ว ทุกอย่างนางไม่อาจเทียบชิงอี้ได้เลย !
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเรื่องเช่นนี้มักเกิดขึ้นเสมอ !
ครั้นนึกถึงหลงเซียงลั่วแล้วหลงหยูก็ลืมตาของนางขึ้นทันที ดวงตาของนางมีแสงแห่งความหวัง นางมองชายที่นางรักมานานหลายปีตาไม่กระพริบ
ชายผู้นั้นบอกว่า‘ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะอยู่กับนาง’ ! นี่แหละที่ชิงอี้ไม่สามารถมีได้
นางไม่สามารถมีสามีที่ดีเท่าหลงเซียงลั่ว
“เซียงลั่ว”หลงหยูตะกายขึ้นมาจากพื้นดิน นางเดินโซเซไปที่หลงเซียงลั่วอย่างยากลำบาก ร่างของนางสั่นเทาราวกับนางจะล้มลงได้ทุกเวลา
”คราวนี้แม้ข้าจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ทว่าโชคดีที่ข้ายังมีท่าน” ใบหน้าของหลงหยูเผยรอยยิ้มเศร้า “ข้าหวังว่า ชาติหน้าเราก็จะได้เป็นสามีภรรยากันอีก เมื่อข้ากลับมาเกิดอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเราจะต้องล้ำหน้าทุกคน”
ฝ่ามือที่สั่นเทาของนางยกขึ้นเล็กน้อยนางหวังลูบไล้ใบหน้าที่หล่อเหลาของหลงเซียงลั่ว
ทว่า…
สิ่งที่นางได้คืนกลับมาคือการตบหน้าอย่างแรงจนความมั่นใจอันแข็งแกร่งของนางกระจายหายไป ทำให้นางเลิกหลอกลวงตนเองทันที
มือของหลงหยูที่เหยียดออกไปหาหลงเซียงลั่วพลันชะงักใบหน้าของนางมีรอยนิ้วมือสีแดงประทับ รอยเลือดหยดอยู่ที่มุมปากของนาง
นางก้าวถอยหลังสองสามก้าวแววตาของนางจากที่เคยอ่อนโยนกลับกลายตะลึงงัน ท้ายที่สุด … ก็กลายเป็นความสิ้นหวัง
”ท่านคิดจะทำอะไร?” นางหลับตาลงเล็กน้อย ชั่วครู่ก็ลืมขึ้นช้า ๆ หลังจากนั้นนางก็กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน หยาดน้ำตาของนางไหลหลั่งเปรอะเปื้อนใบหน้า
เพื่อเขาแล้วนางเต็มใจที่จะทรยศครอบครัวทว่าสิ่งสุดท้ายที่นางได้รับก็คือการถูกตบกระนั้นรึ ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความโกรธ และความเกลียดชังในดวงตาของเขาทำร้ายจิตใจของนางอย่างลึกซึ้ง …
***จบบทเหล่าสัตว์อสูรนับพันรวมตัว แดนอสูรโกลาหล (4)***