จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 816-820
บทที่ 816 : แดนอสูรวิกฤต (1)
“ข้าทำอะไรกระนั้นรึ?” หลงเซียงลั่วเยาะเย้ย ปากของเขาวาดโค้งเหมือนเหน็บแนมกลาย ๆ “เจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าข้าต้องการจะทำอะไร ? หลงหยู หากมิใช่เพราะเจ้าเป็นสตรีที่โง่เขลาเช่นนี้ ข้าก็คงไม่ต้องรับกรรมไปด้วย !”
ความเกลียดชังในดวงตาของเขาลุกโชนไม่ต่างกับไฟไหม้ราวกับว่าหลงหยูเป็นศัตรูเก่าแก่ของบิดาเขา
นัยน์ตาของหลงหยูหมองคล้ำนางไม่รู้เลยว่า … ชายผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยพร่ำบอกว่า เขาจะไม่ทิ้งนางไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม จะเกลียดนางมากถึงเพียงนี้ …
“ผู้อาวุโสสูงสุด”หลงเซียงลั่วสะบัดหน้า หันมามองผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่น ๆ อย่างโหดเหี้ยม พลางกัดฟันกล่าว “เรื่องนี้เป็นความผิดของหลงหยูคนเดียวไม่เกี่ยวข้องกับข้าเลย ข้าเพียงถูกนางล่อหลอก ข้าไม่มีข้อคัดค้านใด ๆ ไม่ว่าพวกท่านจะจัดการกับนางอย่างไรก็ตาม !”
หลงหยูจ้องใบหน้าหล่อเหลานั้นพลันนัยน์ตาของนางก็เบิกกว้างขึ้นทันที นางไม่ให้โอกาสผู้อาวุโสตอบคำ นางกรีดร้อง พร้อมกับรีบวิ่งไปหาหลงเซียงลั่ว นัยน์ตาของนางแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธ
”หลงเซียงลั่วเจ้าใจร้ายที่สุด ข้าทำเพื่อเจ้ามามาก ทว่าเจ้ากล้าที่จะปฏิบัติกับข้าเช่นนี้ ข้าจะฆ่าเจ้า !”
นางอ้าปากกัดท้องแขนของหลงเซียงลั่วและเมื่อนางคลายปากออกเลือดก็ไหลออกจากแขนของหลงเซียงลั่วทันที ใบหน้าของเขาซีดด้วยความเจ็บปวด เขาถีบหน้าอกของหลงหยูทันที
”นังผู้หญิงบ้า!”
หลงเซียงลั่วเตะหลงหยูด้วยความเดือดดาลอย่างถึงที่สุดท่าทางของเขาดุดัน อีกทั้งดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความดุร้าย
”หลงเซียงลั่วแม้ว่าข้าจะตาย ข้าก็ต้องลากคนที่มีหัวใจหมาป่าเช่นเจ้าไปด้วย !” หลงหยูรู้สึกละอายใจ นางเห็นคนที่นางรักปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ นัยน์ตาของนางแดงก่ำ ราวกับกำลังถูกเผาไหม้ด้วยความเกลียดชัง
ทันใดนั้นเองแววตาเย้ยหยันของนางก็หันไปทางผู้อาวุโส “ท่านอาจารย์ คงไม่รู้ ท่านอยากรู้หรือไม่ว่า บุตรชายของท่านตายอย่างไร ? ถูกต้องแล้ว เป็นฝีมือของหลงเซียงลั่วกับข้าเอง เพื่อให้เขาได้เป็นหัวหน้าเผ่า ข้าเต็มใจหักหลังทุกคน”
”อย่างไรก็ตามข้าได้รับผลตอบแทนที่โหดร้ายที่สุดสำหรับการกระทำของข้าแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ข้าไม่เคยคิดเลยว่า ชายที่ข้ารักมานานกว่าร้อยปีจะปฏิบัติกับข้าเช่นนี้ … ”
น้ำตาหลั่งไหลออกมาจากดวงตาของหลงหยูทั้งๆ ที่ริมฝีปากยังคงแย้มยิ้ม หัวใจของนางถูกฉีกขาดอย่างรุนแรงความเจ็บปวด ความสำนึกผิดยามนี้เอ่อล้นเต็มหัวใจของนาง
“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เหตุใดเจ้าถึงยังทำอีก ?” ชิงอี้ ก้าวไปข้างหน้าพร้อมสีหน้าเย้ยหยันใบหน้าเย็นชา “แค่เจ้าใส่ร้ายข้าก็พอ เจ้าไม่ควรฆ่า หลงซี เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาไม่เคยคิดอยากจะเป็นหัวหน้าเผ่าเลย … ”
หลงหยูตัวสั่นหลังจากรู้ตัวตนแท้จริงของไป๋เสี่ยวเฉิน และคนอื่น นางเข้าใจแล้วว่าคราวนี้ … ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยนางได้เป็นแน่ !
“ชิงอี้”หลงเซียงลั่วตื่นตระหนก เขารีบก้าวไปข้างหน้า พลางจับแขนเสื้อของ ชิงอี้แน่น เขารีบคุกเข่าลงต่อหน้านาง ทั้งรีบกล่าวปกป้องตนเอง “ข้าไม่รู้เรื่องจริง ๆ ทุกอย่างเป็นเพราะหลงหยูบงการ ใช่…นางเพียงบอกว่า นางจะทำให้ข้าได้ตำแหน่งหัวหน้าเผ่า นางไม่เคยบอกข้าว่านางจะทำอะไร ? ข้าบริสุทธิ์ เจ้าต้องเชื่อข้านะ … ”
นัยน์ตาของชิงอี้เย็นชานางหันไปมองหลงเซียงลั่วผู้จับแขนเสื้อของนางไว้ ประกายแสงเย็นวาบส่องผ่านแววตาของนาง
”อย่างไรเสียพวกเจ้าก็ต้องตาย!”
พวกเจ้าต้องตาย!
หลงเซียงลั่วอึ้งอยู่นานท้ายสุดก็ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความอับอาย ทันใดนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นยืน และรีบหนีออกจากลานไปอย่างรวดเร็ว
หากแต่ก่อนที่เขาจะทันได้ออกจากลานเขาก็ถูกยอดฝีมือเผ่ามังกรสองคนขวางไว้
***จบบทแดนอสูรวิกฤต (1)***
บทที่ 817 : แดนอสูรวิกฤติ (2)
ผู้อาวุโสสูงสุดคุกเข่าลงเป็นคนแรกเขาหันหน้าไปทางหญิงสาวที่ยืนเงียบ ๆ ในลานพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ “คารวะหัวหน้าเผ่า”
”คารวะหัวหน้าเผ่า!”
เมื่อได้เห็นอย่างนี้เผ่ามังกรต่างก็คุกเข่าลง เสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมและยอมศิโรราบ
ภายใต้ดวงอาทิตย์เจิดจ้าชิงอี้ยืนยืดอกอย่างเฉยเมยและเย็นชา “พวกเจ้าทุกคนลุกขึ้นได้ จับตัวหลงเซียงลั่ว และหลงหยูไว้ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้น ข้าจะจัดการกับพวกเขาเอง และ … มอบรายชื่อผู้คนที่คนทั้งสองสนิทสนมใกล้ชิดในร้อยปีที่ผ่านมานี้ให้ข้าด้วย”
ทุกคนตัวสั่นพวกเขาทั้งหมดต่างเข้าใจดีว่าชิงอี้กำลังวางแผนที่จะชำระล้างเผ่ามังกร
ผู้อาวุโสหัวเราะร่า”เผ่ามังกรสมควรจะถูกชำระล้างแล้ว หัวหน้าเผ่าให้ข้าจัดการเรื่องนี้เองเถอะ”
”ดี”ชิงอี้ตอบเบา ๆ ” นับจากนี้ไป เผ่ามังกรของเราจะเป็นส่วนหนึ่งของเผ่ามังกรในแดนอสูร สัตว์อสูรทั้งโลกจะรวมกันเป็นหนึ่ง ตอนนี้ผนึกแดนอสูรถูกทำลายแล้ว ย่อมไม่จำเป็นต้องแบ่งเผ่ามังกรออกเป็นสองเผ่าอีกต่อไป ทั้งข้าก็ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าเผ่ามังกรอีก”
ผู้อาวุโสตกตะลึงเขามองใบหน้าของชิงอี้ด้วยความประหลาดใจ”ท่านจะไปที่ใดหรือ ท่านหัวหน้าเผ่า ?”
“ข้า…”ชิงอี้เชิดริมฝีปากของนางขึ้นพลางยิ้ม “ข้าต้องการติดตาม ผู้ที่ข้ามีหน้าที่ติดตามไปตลอดชีวิต … ”
หลังจากที่นางจัดการกับพวกหลงหยูแล้วเรื่องของชนเผ่ามังกรจะไม่เกี่ยวข้องกับนางอีก
จากนั้นนางก็จะเป็นเพียงสัตว์อสูรในพันธะสัญญาของไป๋หยานเพียงคนเดียวเท่านั้น !
*****
ณแดนอสูร
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งแสงสีขาวตระหง่านอยู่ภายใต้ท้องฟ้าสีเลือด
หญิงสาวในชุดสีแดงยาวกำลังขมวดคิ้วพลางมองไปที่ชายชราผู้ซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้านาง คิ้วเรียวงามของนางขมวด “พวกเจ้า กลับไปได้แล้ว ไม่มีประโยชน์ใดที่จะอยู่กันที่นี่ ข้าไม่สามารถออกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้ได้”
”ท่านวิหคอัคคี”ผู้อาวุโสสี่หัวเราะอย่างขมขื่น “ผู้อาวุโสใหญ่ก็ตามราชครูไปแล้วไปที่ใดก็ไม่รู้ได้ องค์ราชาก็ไม่ได้ประทับอยู่ในพระราชวัง และองค์รักษ์ส่วนใหญ่ในวังต่างก็ถูกองค์หญิงพาไปด้วย … ตอนนี้คนที่คอยอารักขาวังนี้ก็มีเพียงตาแก่เช่นพวกเรา และหัวหน้าเผ่าพยัคฆ์หวงฉีเท่านั้น หากท่านยังไม่ยื่นมือช่วยอีก ข้าเกรงว่านังหญิงป่าเถื่อนนั่นจะยึดครองเผ่าอสูรของเราได้อย่างง่ายดาย”
แต่หากราชครูและผู้อาวุโสใหญ่ยังอยู่พวกเขาย่อมจะไม่เพิกเฉยต่อเรื่องนี้ ทว่าโชคไม่ดีที่ราชครูออกจากเผ่าอสูรไปแล้ว พวกเราจะสามารถรับมือยอดฝีมือพวกนั้นได้อย่างไร ?
”หญิงผู้นั้นเป็นเทพจากแดนสวรรค์กระนั้นรึ?” ใบหน้าของวิหคอัคคีเคร่งขรึม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
หากมิใช่เพราะแดนสวรรค์องค์ราชาและราชินีคงจะไม่พลัดพรากจากกันเป็นเวลาหลายปี
อาณาจักรสวรรค์ถือว่าเป็นศัตรูของนางด้วย! หากแต่ที่น่าแค้นใจก็คือ ตอนนี้นางไม่สามารถออกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ ทั้งนางไม่สามารถหาทางแก้แค้นพวกเทพเหล่านี้ได้ !
”คนพวกนั้น…น่าที่จะเป็นคนของอาณาจักรสวรรค์เพราะมนุษย์บนแผ่นดินใหญ่ไม่มีความแข็งแกร่งระดับนี้ เมื่อผนึกของแดนอสูรถูกทำลายผู้คนจากที่ใดก็ย่อมสามารถเข้ามาได้ แต่จะมีสถานที่ใดที่คนมีฝีมือมากมายขนาดนี้ได้ !
ผู้อาวุโสสี่ขมวดคิ้วใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่หนึ่งพลางถอนหายใจเบา ๆ เอ่ยกล่าวว่า
”โชคดีที่ข้าส่งยอดฝีมือสัตว์อสูรแต่ละเผ่าพันธุ์ออกไปก่อนเพื่อไม่ให้พวกเขาต้องตายอย่างไร้ค่าที่นี่”
เนื่องจากไม่มีผู้ใดในแดนอสูรสามารถรับมือคนเหล่านั้นได้เขาจำต้องลดการสูญเสีย โดยการส่งยอดฝีมือชั้นสูงบางคนออกจากแดนอสูร ตราบใดที่คนพวกนั้นพบองค์ราชา พวกเขาก็จะยังมีโอกาสกลับมา !
คิ้วที่ขมวดแน่นของวิหคอัคคีคลายออกดวงตาของนางส่องประกายเย็นเยือกหนาวเหน็บ “แม้ว่า ข้าจะไม่สามารถลงจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ ทว่าหากเจ้าไม่สามารถจัดการกับบุคคลเหล่านั้นได้ เจ้าก็พานางมาที่นี่ ข้าจะจัดการกับนางเอง…”
***จบบทแดนอสูรวิกฤติ (2)***
บทที่ 818 : แดนอสูรวิกฤติ (3)
วิหคอัคคีเป็นผู้ที่มีจิตใจเย็นชานับแต่นางแยกกับพวกสัตว์อสูรเหล่านั้นเมื่อหลายพันปีที่ผ่านมา นางก็ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อแดนอสูรอีกต่อไป
ทว่าแดนอสูรนี้เป็นสถานที่ที่ซึ่งราชินีต้องการปกป้องเพราะในแดนอสูรนี้มีบุรุษที่ราชินีรักด้วยชีวิต
นางจะทนดูแดนอสูรนี้ถูกรังแกได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นหญิงป่าเถื่อนที่ผู้อาวุโสสี่พูดถึงอาจเป็นคนของอาณาจักรสวรรค์ …
ผู้อาวุโสสี่รู้สึกลิงโลดนางป้องหมัดพลางกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ขอขอบคุณท่านวิหคอัคคีที่รับฟัง พวกเราขออำลาก่อน”
หลังจากนั้นผู้อาวุโสต่างก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะลงจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไป
แม้ว่าวิหคอัคคีจะไม่อยากลงจากเขาทว่าอย่างน้อยนางก็รับปากแล้วว่าจะช่วย สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการหาวิธีที่จะพานังหญิงป่าเถื่อนนั่นมายังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้ …
*****
ทันทีที่ผู้อาวุโสลงจากเขาก็ได้ยินเสียงรบกวนจากด้านนอกพระราชวัง ครั้นพวกเขาได้ยินเสียงชัด ใบหน้าของผู้อาวุโสพลันเปลี่ยนไปทันที พวกเขารีบไปยังที่ซึ่งมีเสียงดังนั่น
ที่บริเวณประตูของพระราชวังประตูทั้งสองหล่นอยู่ข้าง ๆ มีหญิงชราคนหนึ่งล้มลงกับพื้น ไม้เท้าของนางถูกขว้างทิ้ง นางร้องครวญออกมา
“ท่านแม่ท่านไม่เป็นไรใช่มั้ยท่านแม่ ?” หวงฉีรีบช่วยพยุงนาง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย ทันทีที่เขาเห็นว่ามารดาผู้ชราของเขาไม่เป็นอะไรนัก แววตาของเขาพลันเต็มไปด้วยความโกรธ ยามจ้องมองไปที่กลุ่มคนข้างหน้า
คนเหล่านั้นแลดูคล้ายเทพเจ้า ยืนสง่างามสูงส่งใบหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หญิงสาวในชุดสีชมพูที่อยู่ด้านหน้า สายตาของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและโอหัง
”พวกเจ้ามาทำอะไรอยู่ที่บริเวณประตูพระราชวังนี่? ออกไปซะ !”
ชายชราข้างๆ หญิงสาวก้าวออกมาข้างหน้าพลางตวาดเสียงดัง
หวงฉียืดตัวขึ้นช้าๆ มือของเขากำแน่น ผู้คนเหล่านี้เข้ามาสังหารเข่นฆ่าผู้คนในแดนอสูร คนพวกนี้ฆ่าคนเผ่าพยัคฆ์ของเขาตายไปนับไม่ถ้วน หากไม่ใช่ผู้อาวุโสสี่ส่งเหล่ายอดฝีมือเป็นจำนวนมากไปเข้าเฝ้าองค์ราชา เขาเกรงว่ายอดฝีมือเหล่านี้น่าที่จะถูกฆ่าตายอย่างไร้ปรานีไปหมดแล้ว
”หัวหน้าเผ่า”
องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังหวงฉีแสดงความโกรธแค้นเขาดึงอาวุธออกมาเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้าม “เราจะต่อสู้กับไอ้คนพวกนี้ ! หากราชาและราชินีกลับมา พวกท่านจะต้องแก้แค้นแทนเราอย่างแน่นอน !”
”เราจะปล่อยให้แดนอสูรของเราถูกลบหลู่เหยียบย่ำจากคนพวกนี้อย่างไม่เกรงใจเยี่ยงนี้ต่อไปกระนั้นหรือ? คนพวกนี้เห็นว่าองค์ราชา ราชครู และผู้อาวุโสใหญ่ไม่อยู่ในแดนอสูรก็เลยกล้ายกพวกมารังแก เมื่อพวกเขาเองก็เป็นผู้คุ้มกันแห่งแดนอสูร มีหรือที่พวกเขาจะยอมปล่อยให้คนกลุ่มนี้ทำเรื่องอหังการเช่นนี้ได้ !”
”ก็แค่พวกชอบรังแกคนอื่นเผ่าสัตว์อสูรของเราไม่มีวันยอมรับเรื่องนีไ้ด้ !”
ความเย่อหยิ่งของชายชราที่อยู่ถัดจากหญิงสาวสร้างความโกรธแค้นให้คนเผ่าพยัคฆ์ยิ่งนักพวกเขารอแค่ให้หวงฉีสั่งเท่านั้น ตราบเท่าที่หวงฉีออกคำสั่ง พวกเขาพร้อมจะตายไปกับคนเหล่านี้ !
หัวใจของหวงฉียิ่งโกรธแค้นเขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะค่อย ๆ ยกมือขึ้น …
”หวงฉี,แม่เฒ่าหวง เหตุใดพวกเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่กันล่ะ ?”
ชั่วขณะนี้เสียงที่คุ้นเคยพลันดังมาจากด้านหลัง เพียงไม่ช้า เขาก็เห็นผู้อาวุโสของเผ่าอสูรกำลังมาจากที่ไม่ไกลนัก
แววตาของคนเหล่านั้นแลดูกระเหี้ยนกระหือรือทว่าโชคดีที่ผู้อาวุโสสี่กล่าวทัดทานออกมาได้ทันเวลา หาไม่อาจเป็นการยากที่จะระงับสิ่งต่าง ๆ …
“ผู้อาวุโสทั้งหลาย”ครั้นแม่เฒ่าหวงแลเห็นกลุ่มชายชรา นางก็เดินออกมาจากด้านหลังหวงฉีทันที ฝ่ามือเหี่ยว ๆ ของนางจับมือผู้อาวุโสสี่แน่นน้ำตาในดวงตาของนางเอ่อคลอ “ราชินีพวกเขา พวกเขากลับมาหรือยัง? แล้วหลานสาวของข้าเสี่ยวหยิงล่ะ นางกลับมาด้วยหรือไม่ ? พวกเขากลับมาพร้อมกับราชินีหรือไม่ ?”
***จบบทแดนอสูรวิกฤติ (3)***
บทที่ 819 : แดนอสูรวิกฤติ (4)
ครั้งที่ไป๋หยานออกไปจากแดนอสูรพร้อมเสี่ยวมี่ในวันนั้นหวงเสี่ยวหยิงก็ติดตามไปด้วย
ช่วงเวลาที่นางจากไปนั้นแม่เฒ่าหวงก็จะมาที่วังนี่ทุกวัน เพื่อตามข่าวว่าหวงเสี่ยวหยิงหลานสาวนางกลับมาพร้อมไป๋หยานหรือยัง ?
ครั้นเห็นร่างที่สั่นเทาของแม่เฒ่าหวงผู้อาวุโสหลายคนต่างก็ถอนหายใจพลางยิ้มอย่างขมขื่นที่มุมปาก
”ราชินียังไม่กลับมา”
มือทั้งสองข้างของแม่เฒ่าหวงยกค้างด้วยท่าทางผิดหวังมากชั่วเวลาเดี๋ยวเดียว ดูเหมือนอายุนางจะแก่ลงอีกหลายสิบปี
”ท่านแม่… ” หวงฉีรู้สึกสงสารจับใจ เขามองร่างที่สั่นเทาของแม่เฒ่าหวงอย่างอ่อนโยน “ราชาได้พบราชินีแล้ว เสี่ยวหยิงเองก็อยู่กับราชินี อีกไม่นานนางจะต้องกลับมาแน่”
แม่เฒ่าหวงรับฟังประโยคนี้มาเป็นเวลาหลายวันแล้วครั้นหวงฉีพูดขึ้นอีกครั้งนางก็ไม่มีความตื่นเต้นเช่นในอดีต ใบหน้าชรายังคงขมขื่น
”เมื่อครู่นี้พวกเจ้าทำอะไร?” ผู้อาวุโสสี่ขมวดคิ้วพลางมองกลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้านาง กลุ่มคนผู้ซึ่งเต็มไปด้วยเจตนาร้าย ดวงตาของพวกเขาต่างก็จับจ้องเขม็ง
เด็กสาวในชุดสีชมพูก้มลงมามองถัดจากเด็กสาวก็ยังมีชายชราอีกหลายคนซึ่งแข็งแกร่งอย่างมาก
นอกจากนี้ยังมีองครักษ์นับไม่ถ้วนยืนอยู่บนอากาศว่างเปล่าทุกคนต่างก็มองผู้คนในพระราชวังแห่งแดนอสูรด้านล่าง สายตาของพวกเขา … ราวจ้องมองซากศพที่ตายไปแล้ว มันเต็มไปด้วยความเย็นเยือกและโหดเหี้ยม
”ผู้อาวุโสสี่!” หวงฉีกัดฟัน “ไอ้คนกลุ่มนี้ทำร้ายมารดาของข้า”
ผู้อาวุโสสี่ยืนนิ่งอย่างเยือกเย็น
ในความเป็นจริงเมื่อส่งบรรดายอดฝีมือออกจากแดนอสูรไปแล้ว พวกเขาก็ต้องการส่งแม่เฒ่าหวงที่เอาแต่เฝ้าคิดถึงหวงเสี่ยวหยิงไปกับคนพวกนั้นด้วย ทว่าหญิงชราหวง กลัวว่า ร่างกายที่ชราภาพของนางจะเป็นตัวถ่วงคนเหล่านั้นไปด้วย ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะอยู่ในพระราชวังแดนอสูรนี้ต่อ
เมื่อแม่เฒ่าหวงไม่ไปหวงฉีก็ไม่ยอมไปด้วย นอกจากนี้แดนอสูรก็ต้องการคนคอยปกป้องดูแล
“พวกเจ้าก็จับเหล่าสัตว์อสูรของแดนอสูรนี้ไปจำนวนหนึ่งแล้วเพียงแค่หญิงชราคนเดียวเหตุใดถึงไม่ยอมปล่อยนาง”
ผู้ที่พูดก็คือผู้อาวุโสห้าขณะพูดเคราของเขาพลันกระดิก นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เขาจ้องมองผู้คนที่อยู่เบื้องหน้าอย่างแค้นเคือง
หญิงสาวหัวเราะเยาะ”ที่ข้าให้คนมาจับสัตว์อสูร ก็เพื่อไปเป็นสัตว์ในพันธะสัญญาของลูกน้องของข้า เพราะสัตว์อสูรพวกนั้นไม่แข็งแกร่งพอ ไม่คู่ควรกับข้า !”
“เจ้าต้องการอะไร?” ผู้อาวุโสห้ากัดฟันแน่น พลางเอ่ยถาม
”ง่ายมาก”หญิงสาวเสยผมของนางพลางยิ้มอย่างสดใส “ข้าได้ยินมาว่า ราชาแห่งแดนอสูรของเจ้า … มีพลังแข็งแกร่งมาก ข้าเพียงต้องการสัตว์เลี้ยง และจะให้เขาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าไงล่ะ มีอะไรไหม ?”
คำพูดที่หยิ่งยโสของหญิงสาวทำให้ทุกคนเบิกตากว้าง ดวงตาที่โกรธแค้นต่างก็จับจ้องไปที่ใบหน้าที่ขาว และสดใสของนาง
ครึ่งเดือนที่ผ่านมาครั้นผนึกของแดนอสูรแตก หญิงสาวผู้นี้ก็เข้ามาในแดนอสูรพร้อมกับกลุ่มบุรุษที่แข็งแกร่งเหล่านี้ หลังจากที่พวกเขาได้ข่าว ก็รีบแจ้งเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ให้อพยพยอดฝีมือของเผ่าออกไปอย่างรวดเร็ว
เหลือเพียงผู้ที่มีความแข็งแกร่งน้อยและค่อนข้างเชื่องช้า กระทั่งไม่สามารถหนีออกจากแดนอสูรพร้อมกับคนเหล่านั้นได้
สัตว์อสูรบางตัวที่ไม่ได้รับการแจ้งเตือนจะถูกหญิงสาวจับไปส่วนผู้ที่ไม่ยอมโดนจับก็จะถูกฝังด้วยน้ำมือของนาง …
ผู้อาวุโสสี่หลับตาลงด้วยความทุกข์ใจเพียงเพราะพวกเขารับรู้ถึงความแข็งแกร่งของชายชราเหล่านี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสีย พวกเขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ยอดฝีมือของพวกเขาต่อสู้ ทำได้แต่เพียงส่งคนเหล่านั้นออกไปแทน เพราะตราบใดที่พวกเขาพบองค์ราชา แดนอสูรก็จะรอด !
***จบบทแดนอสูรวิกฤติ (4)***
บทที่ 820 : แดนอสูรวิกฤติ (5)
หากแต่ไม่คาดคิดว่าหญิงผู้นี้จะโอหังมากกล้าที่จะเอาองค์ราชามาเป็นสัตว์เลี้ยงของนาง ?
ไร้สาระไร้สาระที่สุด !
”ฮ่าฮ่าฮ่า!” ผู้อาวุโสสี่หัวเราะเยาะ “สาวน้อย เจ้าต้องการปราบองค์ราชาของเรา ข้าเกรงว่า … เจ้ายังไม่มีทักษะพอ !”
เห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นี้ไม่พอใจกับถ้อยคำนี้มาก ใบหน้าของนางพลันเคร่งเครียด “พวกสัตว์อสูรก็เป็นเพียงสัตว์ต่ำต้อย ! แต่ต่อให้เป็นสัตว์ต่ำต้อย ก็จะสามารถยกระดับตนเองได้ หากมาเป็นสัตว์เลี้ยงของพวกเรา ! และหากได้เป็นสัตว์เลี้ยงของข้า ฐานะของเขาก็จะสูงส่งขึ้น หากเจ้าให้องค์ราชาของพวกเจ้ารู้ว่าเจ้ากำลังขัดขวางอนาคตของเขา ข้าเกรงว่าคนแรกที่เขาจะสังหารก็คือเจ้า !”
ครั้นเห็นคนของแดนอสูรไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธได้แล้วผู้อาวุโสสี่ก็ยกมือขึ้นอย่างสงบ เพื่อห้ามการกระทำของทุกคน
จากนั้นผู้อาวุโสสี่ก็ขึ้นเสียงเย้ยหยัน”อยากจะพบองค์ราชาของเราน่ะรึ ? ได้สิ แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะกล้าจริงเช่นที่เจ้าพูดหรือไม่ ?”
”มีอะไรที่ข้าต้องกลัว?” หญิงสาวค่อย ๆ ก้าวลงมาจากอากาศว่างเปล่า เชิดคางของนาง พลางยกไหล่ และกล่าวด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง “แน่จริงก็พาข้าไปเลยสิ”
”คุณหนู!”
ชายชราที่อยู่ข้างกายเด็กสาวรีบคว้าตัวนางไว้ใบหน้านิ่วคิ้วขมวด “ข้าได้ยินมาว่ามียอดฝีมือมากมายในแดนอสูรนี้ และข้ากังวลว่าคนเหล่านี้จงใจจะหลอกล่อเรา … ”
”ยอดฝีมือกระนั้นรึ?” หญิงสาวยิ้มอย่างเหยียดหยาม “อาวุโสเหว่ย เหตุใดท่านต้องลดศักดิ์ศรีตนเองเช่นนั้น ? ข้าอยู่ในแดนอสูรนี้มานานแล้ว ยังไม่เคยเห็นยอดฝีมือสักคน ต่อให้ราชาเจ้าแห่งแดนอสูรนี้ก็ตาม เมื่อเขามา เขาก็ต้องยอมจำนนต่อข้าเช่นกัน !”
สัตว์อสูรก็ไม่ต่างจากมนุษย์เหตุใดสัตว์อสูรจึงกลายเป็นราชาไปได้ ? เมื่อใดก็ตามที่นางปราบราชาแห่งแดนอสูรลงได้ เมื่อนั้น แดนอสูรทั้งหมดก็จะเป็นของนาง …
เมื่อเห็นว่าคำตักเตือนของเขาไร้ประโยชน์ อาวุโสเหว่ยก็ส่ายหัวพลางยิ้ม จากนั้นก็เดินติดตามหญิงสาวเข้าไปในวังทันที
”ท่านแม่”
หวงฉีช่วยพยุงแม่เฒ่าหวงด้วยสีหน้าเศร้าๆ “ตอนนั้น ท่านควรติดตามคนเหล่านั้นไป … ”
”ไปงั้นรึ?” แม่เฒ่าหวงส่ายหัว “ไม่…ข้าจะไม่ไปจากที่นี่ ที่นี่คือบ้านของเรา ข้าจะไม่ไปไหน นอกจากนี้เสี่ยวหยิงจะกลับมา นางต้องกลับมาแน่นอน …”
หลังจากพูดเช่นนี้แล้วแม่เฒ่าหวงก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก นางตบหลังศีรษะของหวงฉีอย่างแรง
“วันนั้นเหตุใดเจ้าจึงไม่ไปช่วยราชินี ? หากราชินีไม่หนีไป เสี่ยวหยิงก็คงจะไม่ตามพวกเขาไป ทั้งหมดนี่ล้วนเป็นความผิดของเจ้า”
หวงฉียิ้มอย่างขมขื่น
ข่าวการจากไปของราชินีเขาเองก็ไม่รู้ จนกระทั่งองค์ราชาโกรธเกรี้ยว ส่วนเรื่องอื่นนั้น ๆ เขาไม่รู้อะไรเลย เขาจะช่วยนางได้อย่างไร ?
”ท่านแม่ก็ข้าไม่รู้เรื่อง”
เขาแตะหลังศีรษะของตนด้วยความเจ็บปวดพลางกล่าวอย่างขมขื่น
แม่เฒ่าหวงจ้องมองเขา”คราหน้าหากเสี่ยวหยิงกลับมา เจ้าห้ามดุนาง นี่เป็นเพราะครั้งก่อนเจ้าทำเกินไป ทำให้เสี่ยวหยิงต้องหนีออกจากบ้าน”
”…”
เห็นได้ชัดว่าหวงเสี่ยวหยิงไล่ตามว่าที่สามีของนางไป
ทว่าแม่เฒ่าหวงไม่เปิดโอกาสให้หวงฉีอธิบายอะไรอีกนางเดินไปทางพระราชวัง
“ท่านแม่ท่านจะทำอะไร” หวงฉีเป็นห่วง เขารีบคว้าตัวแม่เฒ่าหวงไว้ทันที “มันอันตรายเกินไป ท่านแม่กลับไปที่เผ่าพยัคฆ์ของเราก่อนเถิด”
แม่เฒ่าหวงกัดฟันของนางอย่างแรง”ไอ้พวกนี้ กล้ามีความคิดต่อต้านองค์ราชา ข้าต้องไป เจ้าเองก็ต้องไป”
ครั้นเห็นว่าหญิงชรามีใจตั้งมั่นเช่นนั้นแล้วหวงฉีก็ไม่อาจขวางนางไว้อีกต่อไป เขาทำได้เพียงเดินตามหลังหญิงชราไปยังสถานที่ซึ่งผู้อาวุโสเดินลับตาไป
***จบบทแดนอสูรวิกฤติ (5)***