จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 831 -835
บทที่ 831 : สิ้นเปลืองพลังงาน (5)
“ราชินีในที่สุดท่านก็กลับมา”
ไป๋หยานหัวเราะน้อยๆ “ข้ากลับมาแล้ว อีกอย่างนะ วิหคอัคคี ข้าได้พบ มังกรเขียวแล้ว เช่นนั้นก็เหลือเพียงเต่าดำผู้เดียวเท่านั้นในสี่คนนี้ที่ข้ายังไม่มีร่องรอยใด ๆ … ”
”จริงหรือ?” ดวงตาของวิหคอัคคีสว่างไสวขึ้น นางยิ้มอย่างสดใส “ดูเหมือนใกล้จะถึงเวลาที่ข้าจะได้ออกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้แล้ว ทว่าราชินี… มังกรเขียว…เขา…สบายดีหรือไม่ ?”
ไป๋หยานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งนางไม่ได้บอกวิหคอัคคีว่า มังกรเขียวได้กลายเป็นสตรีไปเสียแล้ว เพราะเกรงว่าวิหคอัคคีจะทนไม่ได้
”นางสบายดี”
”นับเป็นเรื่องดี”วิหคอัคคีค่อย ๆ ผ่อนคลาย “ราชินี…ตอนนี้ข้าจะพาท่านไปพบชาย-หญิงสองคน”
ไป๋หยานตกใจแต่ครั้นเห็นท่าทีที่จริงจังของวิหคอัคคี นางก็พยักหน้าเล็กน้อย “ตกลง เจ้านำทางไป”
”ไปน้องหลงเอ๋อ ไปด้วยกัน”
ไป๋เสี่ยวเฉินจับมือเสี่ยวหลงเอ๋อ พลางเดินไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์อย่างว่องไว
ผู้อาวุโสสี่มองเด็กน้อยน่ารักน่าเอ็นดูทั้งสองด้วยแววตาสับสนงงงวย
องค์ชายกับเสี่ยวหลงเอ๋อมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่พวกเขายังจำได้ดี วันนั้นในพิธีสถาปนา แค่หลงเอ๋อจูบองค์ชาย พริบตานั้นองค์ชายก็ขยะแขยงนางราวกับเห็นงูหรือแมงป่อง
อย่างไรก็ตามเด็กก็ยังเป็นเด็ก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพียงไม่นานก็ลืม …
บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ห่างไกลไป๋หยานได้ยินเสียงคร่ำครวญของจุนหรู่ชิง ทว่านอกจากเสียงของจุนหรู่ชิงแล้ว ยังมีเสียงที่เจ็บปวดของชาย-หญิงที่ครวญครางไม่หยุด … อย่างน่าขนลุก
จุนหรู่ชิงอาศัยสถานะบุตรสาวบุญธรรมของผู้อาวุโสใหญ่ใส่ความไป๋หยาน สุดท้ายต้องพบกับหายนะ กลายเป็นวิญญาณที่ติดอยู่ในกองไฟไปตลอดชีวิต ! ไม่จบไม่สิ้น
แต่เกิดอะไรขึ้นกับอีกสองคนที่เหลือ
ทว่าเพียงไม่นานความสงสัยของไป๋หยานก็ได้รับคำตอบ
ท่ามกลางเปลวเพลิงปรากฏสีหน้าซีด ๆ ของหญิงสาว ร่างโปร่งใสของนางสั่นสะท้านราวกับว่าวิญญาณของนางจะแตกสลายได้ตลอดเวลา ทว่านางก็ยังคงมีชีวิตอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงมาเป็นเวลานาน
ถัดจากนางเป็นชายผู้ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาธรรมดาทว่ากลิ่นอายจากร่างของเขานั้นไป๋หยานคุ้นเคยมาก
”คนนี้หรือที่ปลอมเป็นตี้คัง?”
ความโกรธของไป๋หยานปะทุขึ้นทันทีนัยน์ตาของนางเปล่งประกายเย็นยะเยียบ นองจ้องมองคนทั้งสองภายใต้เปลวเพลิงอย่างเย็นชา
“ใช่แล้ว”แววตาของวิหคอัคคีพลันเคร่งขรึม ขณะเอ่ยกล่าวอย่างเยือกเย็น “ทั้งหมดนี้ต้องโทษราชครู ราชครูเป็นผู้สร้างคนผู้นี้ขึ้นมา ไม่เพียงแต่ซ่อนมันไว้ไม่ให้องค์ราชาล่วงรู้ แม้แต่ข้าเองก็ยังถูกเขาปิดบัง กระทั่งทำให้ท่านเข้าใจผิดไป…ส่วนอีกคนเป็นสตรีที่หลงใหลในองค์ราชา และนางก็เป็นผู้ชักจูงให้ชายผู้นี้ปลอมตัวเป็นราชา”
”และ…”วิหคอัคคีหยุด ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “นางเป็นคนสั่งให้ทหารองครักษ์ตามล่าท่าน !”
ในความเป็นจริงก่อนที่ไป๋หยานจะจากไป เสี่ยวมี่ได้แอบเข้ามาหาวิหคอัคคี เพื่อถามนางว่ามีวิธีในการปลอมแปลงกลิ่นอายหรือไม่ ?
ในเวลานั้นวิหคอัคคียังคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระเลยรูปลักษณ์ภายนอกอาจจะปลอมแปลงได้ ทว่ากลิ่นอายจะปลอมแปลงได้เช่นไร?
อย่างไรก็ตามเนื่องจากความไม่รู้ของนาง ทำให้ราชินีต้องตกเป็นเหยื่อ กระทั่งต้องหนีออกไปเผชิญอันตราย
หากนางมีทักษะเช่นเดียวกับราชครูแล้วนางย่อมจะสามารถช่วยเหลือราชินีได้อย่างแน่นอน และจะไม่ … ให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาเยี่ยงนี้ !
”เจ้าเอาเปลวไฟออกไปก่อนข้ามีบางอย่างจะพูดกับพวกเขา”
น้ำเสียงของไป๋หยานเย็นชาเมื่อหวนคิดว่า เพราะชายหญิงคู่นี้ ทำให้นางเกือบจะพลัดพรากจากเฉินเอ๋อตลอดกาล คิดได้เช่นนั้น ความโกรธของนางก็ไม่อาจยับยั้งได้…
”ได้”
วิหคอัคคีถอนเปลวไฟออกมาอย่างเชื่อฟังส่งผลให้วิญญาณที่โปร่งใสของทั้งสองร่วงหล่นจากอากาศบางเบา ดวงวิญญาณทั้งคู่ตกลงบนพื้น พวกเขาหอบหายใจหนัก
***จบบทสิ้นเปลืองพลังงาน (5)***
บทที่ 832 : สิ้นเปลืองพลังงาน (6)
ครั้นชิงเซียะเห็นไป๋หยานและไป๋เสี่ยวเฉิน ใบหน้าของนางพลันเปลี่ยนไป สีหน้าท่าทีของนางเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว
พวกนางกลับมาแล้วหรือ?
ราชาไปตามนางกลับมาได้จริงๆ หรือ ?
เขาจะลบล้างขจัดความเข้าใจผิดครั้งใหญ่นี้ง่ายๆ ได้เยี่ยงไร ? ยิ่งไปกว่านั้นด้วยนิสัยของหญิงผู้นี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะให้อภัยองค์ราชา ในขณะที่ยังคงมีความเข้าใจผิดกันอยู่เช่นนี้ …
”เจ้า… ” สุ้มเสียงของชิงเซียะสั่นเทา นางมองสตรีผู้ซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้านาง โดยไม่อาจกล่าวคำใดออกมาแม้ครึ่งคำ
ไป๋หยานเยาะเย้ยด้วยเสียงเย็นเยือก”ทำไม ? ประหลาดใจที่พบข้างั้นหรือ? … เจ้าคิดไม่ออกจริง ๆ หรือว่า เหตุใดข้าถึงได้กลับมาเร็วเพียงนี้ ?”
ชิงเซียะกัดริมฝีปากซีดๆ ของนางแน่น ร่างผ่ายผอมของนางสั่นไหวท่ามกลางสายลมแผ่วพริ้ว
”จริงๆ แล้วตอบได้ง่ายมาก … ” ไป๋หยานเดินเข้าไปหาชิงเซียะอย่างช้า ๆ “ในวันนั้นข้ารู้สึกโกรธมาก ทั้งข้าก็ไม่ได้คิดอะไร นอกจากรอคำอธิบายจากเขา หลังจากรอเขาอยู่หนึ่งเดือน เขาก็ไม่กลับมาหาข้า เช่นนั้นข้าจึงโกรธ”
”แต่เจ้าลืมไปว่าเพราะความรักที่ตี้คังมีต่อข้า ทำให้เขาแอบให้เครื่องรางไว้ปกป้องข้า ยามเมื่อข้าตกอยู่ในอันตราย เขาปกป้องข้า … เมื่อเขาปกป้องข้าอย่างแน่นหนาเช่นนี้ เหตุใดเขาต้องสังหารข้าด้วย ?”
นางกับตี้คังร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาน้อยเกินไปจนนำมาสู่วิกฤตความเชื่อใจ หากก่อนหน้านั้นนางรู้ว่ามีเครื่องรางนี้ บางที … นางอาจจะไม่ถูกยุยงอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้
นางไม่เชื่อในคำพูดแต่นางเชื่อในการกระทำเท่านั้น ! ในเมื่อตี้คังพิสูจน์ให้เห็นด้วยการกระทำแล้ว … เหตุใดนางถึงจะไม่เชื่อคำพูดของเขาเล่า ?
”เช่นนั้นเมื่อข้าทบทวนหลายสิ่งหลายอย่างในเวลานั้น ข้าก็ตระหนักได้ว่า ข้าต่างหากที่ถูกใครบางคนวางแผนให้ร้าย !” ไป๋หยานหยุดฝีเท้า พลางเหยียดปากเยาะ “ดังนั้น เมื่อตี้คังกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีกครั้ง พร้อมอธิบายให้ข้าฟัง ข้าจึงเชื่อเขา”
นางเชื่อในตัวเขาตลอดมาแต่เป็นเพราะตี้คังปกปิดเรื่องราวหลายสิ่งไม่ให้นางร่วมรับรู้ นางจึงไม่อาจยอมรับเขาได้ง่ายดายนัก เพื่อที่ว่าวันหน้าเขาจะไม่ปกปิดอะไรกับนางอีก …
ชิงเซียะตัวแข็งทื่อนางหลับตาลงเล็กน้อย กล่าวเสียงสั่นพร้อมร่องรอยแห่งความคับแค้น
”เหตุใด? เหตุใดเจ้าถึงมาปรากฏตัวที่นี่ ? เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นมนุษย์ เหตุใดเจ้าถึงต้องการครอบครององค์ราชา ?”
ไป๋หยานระงับแรงกดดันของนาง”เจ้าอยากรู้ว่าเหตุใดข้าถึงอยู่กับเขา เช่นนั้นข้าก็จะบอกเจ้าตามตรง นี่ไม่ใช่เพราะคำทำนายของแดนอสูรของเจ้า ไม่ใช่เพราะเฉินเอ๋อ หากแต่เป็นเพราะเขาคือตี้คังและข้าคือไป๋หยาน”
แค่นั้นแหละ
”หากเจ้าเพียงอยากจะทำร้ายข้าบางทีข้าอาจจะพออภัยให้เจ้าได้ แต่เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เจ้าเกือบจะทำร้ายเฉินเอ๋อลูกชายสุดที่รักของข้า เช่นนั้น … ” ปากของไป๋หยานเชิดขึ้น นางมองต่ำลงมายังสตรีที่ล้มอยู่บนพื้น “ข้าจะให้เจ้ารู้ว่านรกที่แท้จริงคืออะไร !”
ชิงเซียะลืมตากว้างนางมองใบหน้าที่สวยงาม และเฉยเมยด้วยความสยองขวัญ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน “เจ้า … เจ้าต้องการทำอะไร แค่นี้ข้าก็ทรมานมากพอแล้ว ข้าต้องทุกข์ทรมานจากคำสั่งของคนที่ข้ารักที่สั่งลงทัณฑ์ข้า เจ้ายังอยากทำอะไรข้าอีก ?”
ไม่ว่ามันจะทุกข์ทรมานมากเพียงใดคงไม่สามารถเทียบได้กับดวงวิญญาณที่ถูกเพลิงเผาผลาญหรอกจริงหรือไม่ ?
”วิหคอัคคีข้าว่าอุณหภูมิของเพลิงที่ใช้เผาผลาญนางนั้นยังไม่เพียงพอที่จะจัดการกับนาง” ไป๋หยานหยิบขวดบรรจุผงสีชมพูออกมาจากแขนเสื้อของนาง ก่อนจะส่งไปให้วิหคอัคคีที่อยู่ข้าง ๆ “เจ้าใช้นี่ร่วมด้วย”
”ได้”
วิหคอัคคีโบกมือขึ้นพลันเปลวเพลิงที่เผาผลาญชิงเซียะก็ลุกโชนขึ้นอีกครั้งจากนั้นนางก็เทผงที่ไป๋หยานมอบให้ลงบนกองเพลิง
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องเสียดแทงหัวใจก็ดังมาจากกองเพลิง…
หากจะบอกว่าอาการเจ็บปวดก่อนหน้านี้นั้นทรมานระดับสิบตอนนี้ความเจ็บปวดนั้นเพิ่มทวีคูณมากกว่าร้อยเท่า ทว่าภายใต้ความเจ็บปวดขั้นรุนแรงเช่นนี้ นางก็ยังไม่สามารถหนีไปไหนได้ !
***จบบทสิ้นเปลืองพลังงาน (6)***
บทที่ 833 : กลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์กัน (1)
”ไม่นะ!”
ครั้นคนที่อยู่ข้างหน้าเห็นสีหน้าที่ขมขื่นของชิงเซียะแล้วใบหน้าของเขาพลันซีดเซียวลงทันที เขาตื่นตระหนกต่อความหวาดกลัวของนาง และผวาเข้ากอดร่างของชิงเซียะไว้แน่น
”เซียะเอ๋อเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เซียะเอ๋อ” เขากัดริมฝีปากของตนแน่น นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือด เขาค่อย ๆ หันหน้าไปมองไป๋หยานและคนอื่น ๆ พลางกัดฟันกล่าวว่า “แม้ว่า เซียะเอ๋อ จะทำสิ่งที่ผิดมากมาย ทว่านางก็บอกแล้วว่าเป็นเพราะเหตุใด ? ไยท่านถึงไม่อภัยให้นาง ? ไยท่านยังทรมานนางเช่นนี้อีก ? ”
เขามองสภาพที่น่าสังเวชของชิงเซียะแล้วหัวใจของเขาราวถูกฉีก จนเลือดไหลริน ความโกรธและความเกลียดชังเต็มหัวใจ ทำให้แม้แต่หายใจเขาก็ยังเจ็บปวด
”ในวันนั้นนางเลือกให้เจ้าปลอมตัวเป็นตี้คัง นางก็ควรจะรู้ดีแล้วว่าต้องรับโทษ”
ไป๋หยานกวาดสายตาไปที่ชายคนนั้นอย่างช้าๆ พลางกล่าวอย่างเฉยเมย “วิหคอัคคี ไปกันเถอะ”
”…..”
วิหคอัคคีพยักหน้าเล็กน้อยนางสะบัดแขนพลันเปลวเพลิงก็ลุกพรึ่บขึ้นอีกครั้ง ห่อหุ้มร่างของชายหนุ่มไว้ในเปลวเพลิงเช่นเดียวกัน
ความเจ็บปวดในใจของเขาทำให้เขาไม่สนใจความเจ็บปวดในร่างกายของตน ดวงตาที่น่าสงสารของเขายังคงจ้องมองชิงเซียะ
แม้ว่าสตรีผู้นี้จะหลอกใช้เขาตั้งแต่ต้นแม้ว่านางจะโหดร้ายกับเขาสักเพียงไร ทว่าเขาก็ยังไม่อาจมองเมิน ยามเมื่อนางทุกข์ทรมานได้
หากเป็นไปได้เขาอยากให้นางมีความสุข แม้ว่าจะต้องแลกกับการที่เขาไม่ได้เกิดใหม่ตลอดชีวิต เขาก็ยินดี …
ทว่าไป๋หยานและวิหคอัคคีไม่หันหลังกลับไปมอง เพียงไม่ช้าร่างทั้งสองก็หายไปบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์
ด้านหลังเขาชายผู้นั้นยังคงกอดร่างของชิงเซียะไว้แน่น เขาหวังว่ามันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของนางได้
ทว่าใบหน้าที่ไม่ดึงดูดของเขาไม่เคยกระตุ้นให้ผู้ใดเวทนาสงสารได้และแน่นอนว่าเขาย่อมไม่สามารถทำให้หัวใจของชิงเซียะหวั่นไหวได้
*****
ในเวลาเดียวกันภายในห้องโถงใหญ่ ชายในอาภรณ์สีม่วงก้าวช้า ๆ เข้าไปในห้อง เขาหย่อนกายลงนั่งเอามือวางไว้ตรงที่เท้าแขน พลางจ้องมองอย่างเย่อหยิ่งยโส “ราชครูและผู้อาวุโสใหญ่ไปที่ใด”
ผู้อาวุโสสามโน้มกายลงด้วยความหวาดหวั่นพลางกล่าวว่า”คือ…ข้าน้อยเองก็ไม่ทราบ ราชครูบอกเพียงว่ามีเรื่องสำคัญต้องทำ และต้องการความช่วยเหลือจากคนที่มีพลังอยู่เหนือระดับเฉินเจี่ยจึงพาผู้อาวุโสใหญ่ไปด้วย”
”เรื่องสำคัญต้องทำกระนั้นรึ?” ตี้คังย่นหัวคิ้ว ประกายเย็นยะเยือกวาบผ่านดวงตาอย่างเย็นชา “เอาล่ะ เจ้าออกไปก่อนเถอะ เอ่อ แล้วให้ผู้อาวุโสรองกับฮัวหยู รีบไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ราชินีกำหนดโทษด้วย !”
ผู้อาวุโสสามตัวสั่นในที่สุดราชินีก็มีพระประสงค์ที่จะจัดการผู้อาวุโสรองและฮัวหยู ? ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรอดชีวิตมาได้หรือไม่ หากพวกเขาไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ ? …
”พะยะค่ะ”
เขาถอยกลับไปและดูเหมือนว่าเขาต้องรีบไปพบผู้อาวุโสรอง และฮัวหยูก่อน เพื่อที่จะบอกให้ทั้งคู่ได้เตรียมอกเตรียมใจล่วงหน้า
*****
ณเชิงเขาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเปรียบเทียบกับความเงียบสงบในครั้งอดีตแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่จู่ ๆ ก็มีกลุ่มคนจำนวนมากมาออกันอยู่ที่นี่
ใจกลางของกลุ่มคนเหล่านั้นมีคนหนึ่งที่ยังอายุน้อย กับอีกคนที่สูงอายุ ทั้งสองต่างก็ถือไม้ไผ่เป็นมัด ๆ นั่งคุกเข่าบนพื้น ทั้งคู่คลานเข่าไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ
ท่ามกลางการมุงดูจากผู้คนมากมายผู้อาวุโสรองเองมิใช่คนหน้าหนา กระทั่งจะไม่รู้สึกละอาย
เพียงแต่ครั้งนี้เขาทำผิดพลาดเอง และนี่เป็นผลที่เขาต้องรับ !
”แค่ก”ฮัวหยูกระแอมไอพลางเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา “อาวุโสรอง ท่านไหวหรือไม่ ?”
ผู้อาวุโสรองกัดฟัน”ไม่ว่าจะอย่างไร เรื่องนี้เกิดจากความประมาทของเรา ทำให้ราชินีต้องปวดร้าว กระทั่งต้องหนีออกจากแดนอสูร”
กล่าวเช่นนี้แล้วพวกเขาทั้งสองก็คลานเข่าขึ้นไปบนเนินเขา ท่ามกลางทุกสายตา บนพื้นเต็มไปด้วยหนามแหลมคมแทงทะลุเสื้อผ้า กระทั่งเลือดไหลโซมขา
ผู้ชมไม่กล้าที่จะติดตามขึ้นไปบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ถึงกระนั้นภาพของผู้อาวุโสรองและฮัวหยูยังคงติดตราตรึงอยู่ในใจของพวกเขา และกลายเป็นเรื่องตลกที่ไม่ลืมเลือนไปอีกนับร้อยปี …
***จบบทกลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์กัน (1)***
บทที่ 834 : กลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์กัน (2)
”วิหคอัคคี”
ในบ้านไม้ไผ่ไป๋หยานกำลังดูไป๋เสี่ยวเฉินเล่นอยู่กับเสี่ยวหลงเอ๋อ ทันใดนั้น นางก็ได้ยินเสียงจากข้างนอก นางก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้นข้างนอก ? เหตุใดจึงมีเสียงดังโวยวายเช่นนั้น ?” เจ้าออกไปดูหน่อยสิ”
”ค่ะ”
วิหคอัคคีป้องหมัดรับคำสั่ง พลางถอยออกไป จากนั้นชั่วอึดใจ นางก็กลับมา นางผลักประตูบ้านไม้ไผ่เข้ามาพลางเอ่ยกล่าวอย่างลังเลว่า “ราชินีมีคนสองคนรอท่านอยู่ด้านนอก…”
”มาหาข้างั้นหรือ?” ไป๋หยานเลิกคิ้ว “เช่นนั้นข้าจะออกไปดูข้างนอกเอง อยากเห็นเหมือนกันว่าผู้ใดมาหาข้า..”
กล่าวจบนางก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินออกจากประตูไป
นอกบ้านภายใต้ท้องฟ้าสีเลือด คนทั้งสองคลานตัวสั่นเทามาจากด้านหน้า บางทีอาจเป็นเพราะถนนขรุขระมากเหลือเกินกว่าจะคลานขึ้นมาถึงที่นี่ได้ ทำให้ไป๋หยานเห็นคราบเลือดที่หยดลงมาตามขาของพวกเขาอย่างชัดเจน
”พวกเจ้าทำอะไรกัน?” ไป๋หยานเอ่ยถามเบา ๆ
ผู้อาวุโสรองหน้าซีดตัวสั่นเขาคลานอยู่กับพื้นดิน พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ “ราชินี กระหม่อมมาขอรับโทษทัณฑ์จากพระองค์ ในวันนั้นกระหม่อมเชื่อตัวปลอมจึงทำให้พระองค์เข้าพระทัยผิด ทุกอย่างเป็นเพราะกระหม่อมผิดเอง กระหม่อมยินดีที่จะชดใช้ความผิด และยินดีรับโทษทัณฑ์ทุกอย่างจากองค์ราชินี”
”ไม่หรอกราชินีเป็นความผิดของกระหม่อมเองต่างหาก กระหม่อมไม่ได้นำข้อความจากองค์ราชามาทูลท่านด้วยตนเอง องค์ราชาออกจากวังเพื่อทำลายผนึกแดนอสูร พระองค์ขอให้กระหม่อมกลับมาแจ้งให้ราชินีทราบ แต่กระหม่อมไม่ได้ทำสิ่งนี้ด้วยตนเอง กลับเปิดโอกาสให้นังแพศยานั่น”
ฮัวหยูคุกเข่าอยู่กับพื้นพร้อมน้ำตานองหน้า“นับเป็นความผิดของกระหม่อมเองทั้งหมด ราชินีต้องการจะทุบตี จะด่าจะว่า กระหม่อมก็ไม่ขออุทธรณ์แต่อย่างใด”
เขาหยิบไม้ไผ่มาไว้บนฝ่ามือก่อนจะยื่นมือออกไปให้ไป๋หยาน พลางลดศีรษะลงต่ำ ดูราวกับว่าเขาพร้อมที่จะตายแล้ว
มือของไป๋หยานหยิบไม้ไผ่ขึ้นมาจากฮัวหยูอย่างช้าๆ การแสดงออกของนางเฉยเมย นัยน์ตาของนางเปล่งประกายแสงที่ไม่อาจเข้าใจได้
เหมือนจะรู้ว่าไม้ไผ่หลุดจากมือของเขาไปแล้วร่างของฮัวหยูแข็งทื่อ เขากัดฟันแน่น รอไม้ไผ่หวดลงมา
ทว่า…
รออยู่เป็นนานก็ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ
ฮัวหยูเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจเขากลับเห็นเปลวไฟลุกพรึ่บขึ้นจากแท่งไม้ไผ่ที่อยู่ในมือของไป๋หยาน และมันก็ถูกแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านทันที
”เจ้ายอมเจ็บปวดทรมานคลานมาถึงที่นี่เลยกระนั้นรึ?”
”ราชินี…?”ฮัวหยูมองไป๋หยานอย่างงง ๆ ไม่เข้าใจความหมายของนาง
”เช่นนั้นก็ถือว่าความผิดของเจ้าถูกชำระสิ้นแล้ว”
ไป๋หยานแยกแยะได้เสมอ
นางกำหนดเป้าหมายเฉพาะผู้ที่มีเจตนาร้ายกับนางเท่านั้น
ในวันนั้นที่นางถูกหลอก นางไม่เคยโทษผู้อาวุโสรอง และฮัวหยูเลย เช่นนั้นนางจึงไม่เคยบ่นเกี่ยวกับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย …
ร่างของฮัวหยูแข็งทื่อราวกับเหล็กเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไป๋หยานจะอภัยให้พวกเขาอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ ?
ก่อนพวกเขาจะมาที่นี่พวกเขาเตรียมเจ็บตัวแล้ว ! ตอนนี้นางกลับไม่ทุบตีทั้งยังอภัยให้พวกเขา
ครั้นเห็นชายทั้งสองยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้นโดยไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ ใบหน้าของไป๋หยานพลันเคร่งขรึมลงเล็กน้อย “เหตุใดพวกเจ้าจึงยังเฉยกันอยู่เล่า หรือต้องรอให้ข้าช่วยพยุงพวกเจ้าลุกขึ้น ?”
น้ำเสียงดุดันของนางก้องเข้าไปในหูของฮัวหยูทำเอาฮัวหยูผุดลุกขึ้นจากพื้นทันที กางเกงของเขาเต็มไปด้วยเลือด กระทั่งเขายืนอยู่นิ่ง ๆ แทบไม่ไหว
ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงพยายามทรงตัวแม้ว่าขาและเท้าของเขาจะสั่นเทา และแม้เขาจะทรุดลง หากแต่ก็ไม่ได้คุกเข่าอีก
ไป๋หยานมองคนทั้งสองที่พยายามทรงตัวอย่างยากลำบากก่อนจะชี้ไปที่ม้านั่งหินบนพื้น “พวกเจ้านั่งลง พักสักครู่ แล้วก็ลงจากเขาไปได้”
***จบบทกลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์กัน (2)***
บทที่ 835 : กลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์กัน (3)
ดวงตาของฮัวหยูนั้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาเขาปาดน้ำตาที่ไหลรินออกจากปลายหางตา ใบหน้าซีด ๆ ของเขาเต็มไปด้วยความสำนึกในบุญคุณ
”ราชินีตลอดชีวิตนี้ฮัวหยูจะไม่ลืมความเมตตาของพระองค์”
หากราชินีไม่ให้อภัยเขาองค์ราชาก็คงไม่ปล่อยเขาไว้แน่
เช่นนั้นการที่นางอภัยให้เขาก็ไม่ต่างจากช่วยชีวิตเขา
”ข้าไม่ตำหนิเจ้าเรื่องนี้ข้าเองก็ถูกหลอกเช่นกัน แล้วข้าจะโทษเจ้าได้อย่างไร ?” ไป๋หยานยิ้มอย่างขมขื่น “ยิ่งไปกว่านั้น ข้ารู้ว่า เจ้ารักแดนอสูรเพียงไร ขอเพียงเจ้าจงรักภักดีต่อตี้คังตลอดไปก็พอ”
ผู้อาวุโสรองเดินช้าๆ ไปยังที่นั่งหินก่อนจะทรุดกายลงนั่ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ราชินี…ไม่ตำหนิเรา นั่นเป็นพระเมตตาของพระองค์ ทว่ากระหม่อมไม่อาจให้อภัยการกระทำของตนเอง กระหม่อมจะขอจงรักภักดีต่อองค์ราชา และราชินีตลอดไป”
ไป๋หยานถอนหายใจอย่างนุ่มนวล”นี่คือยารักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าทั้งสอง ยานี้จะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าให้หายดี หลังจากที่เจ้ากินยานี้แล้วก็ลงจากเขาไปเถอะ วิหคอัคคีไม่ชอบถูกรบกวน”
หลังจากส่งยาเม็ดให้คนทั้งสองแล้วนางก็หันหลัง แล้วเดินเข้าไปในบ้านไม้ไผ่
วิหคอัคคีไม่ได้เข้าไปพร้อมนางหลังจากเห็นผู้อาวุโสกินยาอายุวัฒนะเรียบร้อยแล้ว นางก็ยกขาขึ้นเตะเขาอย่างแรง
ลูกเตะครั้งนี้ทำเอาผู้อาวุโสรองลงไปกองอยู่กับพื้น โชคดีที่เขากินยาไว้ก่อนแล้ว เช่นนั้นเขาจึงไม่ได้รับอันตรายอะไรมากมายนัก
”ท่านวิหคอัคคี”
ผู้อาวุโสรองทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองวิหคอัคคีอย่างน่าเวทนาด้วยสภาพอันน่าสมเพช
”ก่อนหน้านี้เหตุใดเจ้าไม่มาถามข้า ก่อนที่จะมีเรื่องมีราวมากมายถึงเพียงนี้ ?” วิหคอัคคีกัดฟัน ตวาดอย่างโกรธเคือง
อาวุโสรองตัวสั่นเอ่ยตอบอย่างละอายว่า “คือราชา … ไม่สิ ตัวปลอมคนนั้นไม่ให้ข้าบอกผู้ใดเลยรวมถึงผู้อาวุโสใหญ่ และท่านวิหคอัคคี เขาคงกลัวว่าจะรู้ไปถึงหูของราชินี”
”เจ้างั่ง! “วิหคอัคคีจ้องผู้อาวุโสรองอย่างโกรธเคือง “หากมิใช่ราชินีให้อภัยเจ้า และข้าเองก็ไม่อยากขัดใจราชินี เมื่อครู่นี้ไม่ใช่แค่เตะแน่ ! ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเจ้าเกือบหายดีแล้ว รีบออกไปจากที่นี่เสียไว ๆเลย !”
ทันทีที่วิหคอัคคีกล่าวจบคนทั้งสองที่เพิ่งถูกนิรโทษกรรมก็วิ่งตื๋อลงเขาศักดิ์สิทธิ์ และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากที่ทั้งคู่หายตัวไปแล้ววิหคอัคคีก็เปิดประตู พลางมองไปที่ใบหน้ายิ้มแย้มของไป๋หยาน ด้วยแววตาสีแดงเพลิงอย่างไม่พึงใจ “ราชินี…ข้าเพียงทนไม่ได้กับพฤติกรรมโง่ ๆ ของเขา พระองค์ … ไม่กริ้วหม่อมฉันใช่หรือไม่เพคะ ?”
ไป๋หยานส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ “เจ้าโกรธไปก็เท่านั้น ทว่าตอนนี้เจ้าได้ระบายความโกรธออกมาบ้างแล้ว เป็นไงล่ะดีขึ้นบ้างหรือไม่ ?”
วิหคอัคคีพยักหน้าทันทีดวงตาของนางเริ่มระแวดระวัง : “ ราชินี…หลังจากกลับมาแดนอสูรครั้งนี้แล้ว ท่านจะไม่ … จะไม่ออกไปอีกแล้วใช่หรือไม่ ?”
ครั้นได้ยินคำถามไป๋หยานพลันอึ้งไป ริมฝีปากของนางจิกเป็นมุมโค้ง “โชคไม่ดีเลย ที่ข้าต้องออกจากแดนอสูรนี่อีกครั้ง หากแต่ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”
เดิมทีวิหคอัคคีหงุดหงิดเมื่อได้ยินถ้อยคำของไป๋หยานทว่าจู่ ๆ นางก็ยิ้ม
นัยน์ตาของนางพริ้มพรายชุดเสื้อผ้าที่ทำจากเปลวไฟก็ยิ่งสวยงามมากขึ้น
”ราชินี…ข้าไม่สามารถออกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้หากท่านพบเต่าดำ อย่าลืมพาพวกเขากลับมาหาข้านะ เมื่อถึงเวลานั้นข้าก็จะสามารถออกจากที่นี่ได้ … ”
เช่นเดียวกับเมื่อหลายพันปีก่อนที่เราร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กันในสนามรบ!
ดูเหมือนว่าเมื่อหวนคิดถึงภาพของวันเก่า ๆ แววตาของวิหคอัคคีก็แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาแรงกล้า ราวกับมองเห็นท้องฟ้าแดงฉานที่เต็มไปด้วยเลือด และเห็นเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า …
***จบบทกลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์กัน (3)***