จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 836-840
บทที่ 836 : กลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์กัน (4)
นางเชื่อว่าวันหนึ่งนางจะได้พบกับพรรคพวกพี่น้องของนางและ … ราชินีก็จะกลับมาอย่างแข็งแกร่งเช่นอดีตอีกครั้ง !
”เฉินเอ๋อเสี่ยวหลงเอ๋อ เราไปกันเถอะ” ไป๋หยานยิ้มน้อย ๆ นางจับไป๋เสี่ยวเฉินไว้ด้วยมือหนึ่ง และจับมือเล็ก ๆ ของเสี่ยวหลงเอ๋อไว้ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง มีรอยยิ้มในแววตาของนาง
”หม่ามี้เราจะไปไหน” ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบนัยน์ตาสุกใส และไร้เดียงสา พลางเอียงศีรษะของเขาด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็นขณะจ้องมองไป๋หยาน
”ไปหาบิดาของเจ้า… ” ไป๋หยานหยุดพูดชั่วขณะ “ตอนนี้วิกฤติในแดนอสูรได้หมดสิ้นแล้ว แม่ต้องการกลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
”กลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์”ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบนัยน์ตากลมโตของเขา “งั้นเราก็จะได้พบพ่อบุญธรรมใช่มั้ย ? เฉินเอ๋อคิดถึงพ่อบุญธรรมกับพี่สาวฉู่”
ไป๋หยานใช้นิ้วของนางดีดหน้าผากไป๋เสี่ยวเฉินทว่าน้ำเสียงที่ใช้ยังคงเต็มไปด้วยความเอ็นดู “แม่บอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่า นั่นคือน้องสาวของพ่อบุญธรรมของเจ้า เจ้าจะเรียกนางว่าพี่สาวได้อย่างไร ? นั่นไม่เท่ากับไปลดฐานะของนางหรอกรึ ?”
มือเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินแตะบนศีรษะเล็ก ๆ ของตน ใบหน้าของเขาน่าสงสารนัก “แต่ … พี่สาวฉู่ไม่ยอมให้เฉินเอ๋อเรียกนางว่าน้านี่ มิฉะนั้นนางจะไม่ไปวางเพลิงกับเฉินเอ๋ออีก…”
หลังจากพูดอย่างนี้ออกไปแล้วไป๋เสี่ยวเฉินก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ เขารีบอธิบายระล่ำระลัก ” หม่ามี้ อย่าเข้าใจเฉินเอ๋อผิดนะ เฉินเอ๋อไม่ได้อยากวางเพลิง…เฉินเอ๋อแค่… ”
”ไม่จำเป็นต้องอธิบาย”ไป๋หยานเยาะ “แม่เคยคิดว่าฉู่อีอี้ยุยงเจ้า ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะชอบวางเพลิงจนเข้ากระดูกดำ ! ดีมาก…แม่จะบอกเรื่องนี้กับอาจารย์ตาของเจ้าว่า เรื่องการเผาสมบัติของอาจารย์ตาในครั้งนั้น เจ้าก็ต้องรับผิดชอบด้วย !”
”หม่ามี้… ” ไป๋เสี่ยวเฉินร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร พลางดึงแขนเสื้อของไป๋หยานอย่างน่าเวทนา “เฉินเอ๋อรู้แล้วว่าเฉินเอ๋อผิด อย่าบอกอาจารย์ตาเลย”
”อืม… ” ไป๋หยานลูบคางของนางเบา ๆ “ไว้ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกที”
กล่าวจบนางก็จับมือเด็กน้อยนุ่มนิ่มทั้งสองเดินออกจากบ้านพร้อมรอยยิ้ม
แม้ว่าผนึกจะถูกทำลายไปแล้ว ทว่าท้องฟ้าของแดนอสูรยังคงแดงก่ำราวกับเลือด เหมือนมีทะเลโลหิตห่อหุ้มโลกใบนี้ไว้ทั้งใบ
*****
ภายในห้องโถงใหญ่ตี้คังวางศีรษะไว้บนฝ่ามือของตน ขณะมองลงไปที่กลุ่มคนที่กำลังรายงานเรื่องราวต่าง ๆ ภายใต้แรงกดดันอันทรงอำนาจของเขาที่ห่อหุ้มห้องโถงไว้ทั้งหมด
ทันใดนั้นอาภรณ์สีแดงก็เคลื่อนผ่านเข้ามาในคลองสายตาของตี้คัง นัยน์ตาที่เย่อหยิ่ง และเย็นชาของเขาอ่อนโยนลง เขาสะบัดเสื้อคลุม พริบตาก็มาถึงข้างกายนาง เขายกมือขึ้นรั้งนางเข้าสู่อ้อมกอด
”เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร? ข้าให้เจ้าพักผ่อนในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก่อนมิใช่หรือ ?”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนราวกับว่าโลกทั้งใบอยู่ในอ้อมแขนของเขาเท่านั้น
”ข้ามาที่นี่เพื่อแจ้งบางอย่างแก่ท่านคือ ข้าจะกลับไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
”อืมแล้วข้าจะตามเจ้ากลับไปภายหลัง”
ตี้คังขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะคลายออก พลันริมฝีปากแดงของเขาก็เผยอขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ
”ไม่ต้อง…”
ไป๋หยานส่ายศีรษะ”ไว้ข้าจะกลับมาเอง ท่านมีหลายสิ่งที่ต้องจัดการ ท่านไม่จำเป็นต้องติดตามข้าไป”
ในเวลานั้นภายในใจของไป๋หยานตื่นตระหนกขึ้นทันที นางนึกถึงสิ่งที่อาจารย์เคยกล่าวไว้
ตอนนี้…
ความแข็งแกร่งระหว่างนางกับตี้คังนั้นแตกต่างกันมากเหลือเกินนางจึงต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของนางโดยเร็วที่สุด เพื่อที่นางจะสามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เขาได้
ตอนนี้สำหรับนางวิธีเดียวที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของนางได้ ก็คือ กลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ !
”เจ้ากลัวว่าข้าจะไปต่อสู้กับฉู่อี้เฟิงกระนั้นหรือ?” น้ำเสียงของตี้คังเจือความหึงหวง
ฉู่อี้เฟิงยังคงมีตำแหน่งพิเศษในหัวใจของไป๋หยาน
เขายังคงเป็นคนที่นางคิดถึงมากที่สุดในช่วงเวลาที่นางต้องการความช่วยเหลือแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ตี้คังอิจฉา
***จบบทกลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์กัน (4)***
บทที่ 837 : ให้นางเป็นผู้ตัดสิน (1)
ทันทีที่ตี้คังกล่าวจบหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าพลันเขย่งปลายเท้าขึ้น นางยกแขนทั้งสองขึ้นคล้องคอเขา พลางยื่นริมฝีปากสีแดงของนางไปที่ริมฝีปากของเขา
บทจูบของนางนั้นอ้อยอิ่งเอ้อระเหยและอ่อนโยนราวถ่ายเทความรักจากใจที่ไม่รู้จบสิ้น
หลังจากนั้นชั่วอึดใจไป๋หยานก็ปล่อยแขนของนาง มือเรียวงามของนางลูบศีรษะตี้คังเบา ๆ “เด็กดีเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่นะ แล้วข้าจะรีบกลับมาเร็ว … ”
น้ำเสียงของนางฟังดูเหมือนกำลังปลอบสัตว์ตัวน้อยความรู้สึกนี้ทำให้หัวใจของเขาหล่นวูบ
เช่นนั้นเขาจึงไม่อาจปฏิเสธทำได้เพียงกล่าวเบา ๆ ว่า “ตกลง ข้าจะจัดการกับแดนอสูรนี่เอง ข้าจะรอพบเจ้า”
ไป๋หยานพยักหน้าเล็กน้อย
”เฉินเอ๋อเสี่ยวหลงเอ๋อ กลับไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์กัน”
”ป๊ะป๋า”ไป๋เสี่ยวเฉินมองหน้าไป๋หยาน ก่อนจะหันไปมองตี้คัง นัยน์ตากลมโตของเขากระพริบวิบวับเปล่งประกายราวกับดวงดาว “อย่าลืม..สิ่งที่ป๊ะป๋าสัญญากับเฉินเอ๋อนะ รอให้เฉินเอ๋อกลับไปพบพ่อบุญธรรมกับอาจารย์ตาก่อน แล้วเมื่อกลับสู่แดนอสูร ป๊ะป๋าต้องให้เฉินเอ๋อไปยังดินแดนลับนั่นเพื่อฝึกฝนนะ ”
ตี้คังยิ้มออกมาทันที”ข้ารักษาสัญญาเสมอ ข้าสัญญากับเจ้า เมื่อเจ้ากลับมา ข้าจะส่งเจ้าไปยังดินแดนลับเพื่อฝึกฝน
”เยี่ยมไปเลย”
ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มรอยยิ้มนั้นช่างไร้เดียงสา สดใสและอบอุ่น
”เฉินเอ๋อจะพยายามพัฒนาความแข็งแกร่งเพื่อปกป้องหม่ามี้จากอันตรายทั้งปวง”
ใบหน้าเล็กๆ ของเขาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ และนัยน์ตาคู่โตก็เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
ขอแค่เขาสามารถปกป้องแม่ของเขาได้เขาก็ไม่กลัวอันตรายในดินแดนลับนั่นเลย !
ไป๋หยานพยายามอ้าปากห้ามไป๋เสี่ยวเฉินแต่ครั้นนางแลเห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นแล้ว นางก็กล่าวคำใดไม่ออก
ตี้คังรู้สึกได้ถึงความกังวลของไป๋หยานเขายกแขนขึ้นโอบรอบไหล่ของนาง “เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่มีวันปล่อยให้เฉินเอ๋อตกอยู่ในอันตราย นอกจากนี้เขายังเป็นถึงองค์ชายแห่งแดนอสูร มีความรับผิดชอบต้องปกป้อง มารดาและน้องสาว นี่คือสิ่งที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยง”
ไป๋หยานจ้องหน้าตี้คัง”น้องสาวไหนกัน ?”
ตี้คังเงยหน้าขึ้นพร้อมกับแย้มยิ้ม ริมฝีปากสีแดงของเขาโน้มลงไปข้างใบหูของนาง น้ำเสียงของเขาอู้อี้ “หากเจ้าต้องการ เราก็สามารถมีได้ทุกเวลา … ”
เป็นคำรักที่หวานซึ้งที่สุดในโลกเมื่อนางเอ่ยถามถึงลูก แล้วเขาบอกว่าหากนางต้องการ เราก็สามารถมีได้ตลอดเวลา
ชั่วขณะนั้นหูของไป๋หยานพลันอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย นางกระแอมไอ ก่อนจะเมินหน้าไม่กล้าสบตาเรียวคมที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของตี้คังอีก
”สายมากแล้วข้าต้องไปก่อน”
ทันใดนั้นนางเองก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้นางมองตี้คัง “อีกอย่าง ข้าให้อภัยผู้อาวุโสรองและฮัวหยูแล้ว ท่านอย่าได้ไปหาเรื่องพวกเขาอีกล่ะ”
ตี้คังขมวดคิ้วน้อยๆ บอกตามตรงว่า หากไม่มีคนโง่ทั้งสองคนนี้แล้ว หยานเอ๋อก็จะไม่หนีออกจากแดนอสูร
ทว่า…
เนื่องจากหยานเอ๋อตัดสินใจให้อภัยคนทั้งสองแล้ว เขาก็ต้องเคารพการตัดสินใจของนาง !
”ป๊ะป๋าวายร้ายลาก่อน”
ไป๋เสี่ยวเฉินทำท่าบอกลาตี้คังก่อนจะเดินตามหลังไป๋หยานไปทางประตู
”ช้าก่อน”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น ไป๋หยานชะงักฝีเท้า หันกลับไปมองบุรุษเรือนผมสีเงินยวงทางด้านหลัง พลางเอ่ยถามว่า “ตี้คัง ยังมีอะไรอีกกระนั้นรึ ?”
”ข้าจะไปส่งเจ้า”
ตี้คังเลิกคิ้วพลางมองด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาเดินเข้าไปหาไป๋หยาน จากนั้นก็จับมือของนางไว้มั่น
”ตกลง”
คราวนี้ไป๋หยานไม่ได้ปฏิเสธ นางยิ้ม “ข้าไม่ได้ไปแล้วไม่กลับมาสักหน่อย เหตุใดท่านต้องตื่นเต้นถึงเพียงนี้”
”ข้าปรารถนาจะอยู่เคียงข้างเจ้าทุกวินาที”
นางไม่ให้เขาตามไปเขาก็เคารพการตัดสินใจของนาง หากแต่ … เขาเพียงอยากจะอยู่กับนางต่ออีกครู่เท่านั้น
***จบบทให้นางเป็นผู้ตัดสิน (1)***
บทที่ 838 : ให้นางเป็นผู้ตัดสิน (2)
ไป๋เสี่ยวเฉินเดินตามหลังคนทั้งสองไปอย่างเงียบๆ เขาทำปากจู๋ด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าที่อ่อนนุ่มของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
”แล้วข้าควรจะรู้สึกเช่นไร… เมื่อหม่ามี้ยอมรับป๊ะป๋าวายร้ายแล้ว ส่วนข้าก็เป็นแค่ส่วนเกิน”
เสี่ยวหลงเอ๋อกระพริบนัยน์ตากลมโตพลางหันกลับไปมองเด็กชายตัวน้อย ที่อยู่ข้างกายนางด้วยความสงสัย “ทำไมล่ะ ?”
”ก็ปกติแล้วหม่ามี้จะกอดข้าเพียงคนเดียว ตั้งแต่มีป๊ะป๋าวายร้าย เวลาหม่ามี้จะกอดข้า ป๊ะป๋าวายร้ายก็จะโยนข้าออกมา … ” ไป๋เสี่ยวเฉินบุ้ยปาก “ดังนั้นข้าจึงรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เกิดมาจากป๊ะป๋าวายร้าย”
หม่ามี้คือรักแท้ของป๊ะป๋าส่วนเขา … คาดว่าคงจะถูกเก็บมาเลี้ยงเสียมากกว่ากระมัง ?
*****
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ท่ามกลางเมฆหมอกราวกับแดนสวรรค์
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์วันนี้มีเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจ ไป๋หยานเพียงแค่เดินเข้ามาถึงเขตรอบนอกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นางก็แลเห็นผู้คนมุงกันอยู่บริเวณประตูทางเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แววตาของนางฉายประกายแห่งความงุนงง
”เกิดอะไรขึ้นกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์กันนี่?”
แค่นางไม่ได้กลับมาพักใหญ่เหตุใดจึงมีคนมากมายมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ?
”แม่นางเจ้าไม่ได้มาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพื่อสมัครเป็นศิษย์ที่นี่หรอกหรือ ? เหตุใดเจ้าถึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นล่ะ ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งอธิบายด้วยเสียงอันดัง หลังจากเห็นไป๋หยานยืนงงงวยอยู่
”ดินแดนศักดิ์สิทธิ์รับสมัครศิษย์อีกแล้วกระนั้นหรือ?”
ใบหน้าของไป๋หยานแลดูสับสนเล็กน้อยดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพิ่งส่งคนออกไปรับศิษย์ไม่ใช่หรือ ? เหตุใดจึงต้องเริ่มรับใหม่อีกล่ะ ?
หรือว่า… เกิดอะไรขึ้นกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์?
”หม่ามี้”ไป๋เสี่ยวเฉินหาว “เฉินเอ๋ออยากพบพ่อบุญธรรมกับอาจารย์ตาแล้ว เราไปหาพวกเขาก่อนดีมั้ย ?”
”อืม”
ไป๋หยานจับมือไป๋เสี่ยวเฉินไว้ข้างหนึ่งและจูงเสี่ยวหลงเอ๋อด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะรีบตรงไปยังประตูทางเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ทว่ามีคนจำนวนมากขวางอยู่ด้านหน้าเช่นนั้นนางจึงต้องเดินผ่านฝูงชน เพื่อเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์
”หลีกทาง!”
ทันใดนั้นเองมือข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาจากด้านข้าง พร้อมกับพุ่งเข้าหาไป๋หยาน
นัยน์ตาของไป๋หยานหรี่ลงนางดึงร่างของไป๋เสี่ยวเฉินหลบเลี่ยงมือนั้น
ครั้นเห็นเช่นนี้เจ้าของมือยังไม่ลืมที่จะหันกลับมามองจ้องไป๋หยาน พลางตวาดอย่างเย็นชาว่า “ไม่เห็นหรือไรว่าคุณหนูของพรรคฮั่วหยันกำลังมา รีบถอยไปไว ๆ !”
พรรคฮั่วหยันเป็นสำนักระดับรองที่มีชื่อเสียงถัดจากพรรคสัตว์อสูรนอกจากนี้ยังมีตำแหน่งสำคัญในทวีปนี้
ดังนั้นทันทีที่คุณหนูแห่งพรรคฮั่วหยันมาถึง ผู้คนที่รวมตัวกันที่บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าต่างก็รีบหลบออกด้านข้าง เพื่อเปิดทางให้แก่นาง
ท่ามกลางสายตาของทุกผู้คนสตรีผู้หนึ่งในอาภรณ์สีแดงสดเดินมาจากด้านหลังพร้อมรอยยิ้ม มีงูขนาดยาวลำตัวสีเงินพันรอบข้อมือของนาง นางเดินไปข้างหน้าอย่างแช่มช้า
”ฮั่วหยุนคุณหนูใหญ่ของพรรคฮั่วหยัน กล่าวกันว่านางเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูร เจ้าเห็นงูสีเงินที่ข้อมือของนางหรือไม่ ? งูสีเงินตัวนั้นนางฝึกจนเชื่องเองกับมือเลย”
”เชอะด้วยความสามารถของนาง ขนาดพรรคสัตว์อสูรก็ยังอยากได้นางเป็นลูกศิษย์ ทว่าโชคไม่ดีที่นางเป็นบุตรสาวคนโตของพรรคฮั่วหยัน เช่นนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปเป็นศิษย์พรรคสตว์อสูร”
ทุกคนต่างก็ฮือฮาที่คุณหนูใหญ่แห่งพรรคฮั่วหยันจะมาเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาต่างก็เกรงว่า โอกาสของพวกเขาคงจะเหลือน้อย
”หม่ามี้ยายป้าคนนั้นน่าเกลียดจริง ๆ ทั้งยังกล้าสวมชุดสีแดงสดเช่นนี้อีก มีเพียงหม่ามี้เท่านั้นที่สามารถใส่สีสด ๆ ที่สวยงามเช่นนี้ได้”
ในหมู่ฝูงชนที่กำลังเงียบงันน้ำเสียงที่ไร้เดียงสาพลันดังแทรกขึ้นมาทันใด เพียงชั่วพริบตาก็สามารถดึงดูดความสนใจของทุกผู้คนได้
***จบบทให้นางเป็นผู้ตัดสิน (2)***
บทที่ 839 : ให้นางเป็นผู้ตัดสิน (3)
ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินดำคล้ำเต็มไปด้วยความหงุดหงิดไม่พอใจดวงตาของเขาจับจ้องที่งูสีเงินบนข้อมือของฮั่วหยุน แม้จะเป็นเด็ก ทว่านัยน์ตาของจิ้งจอกน้อยคู่นั้นก็ทรงอำนาจยิ่งนัก
ไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่ชอบฮั่วหยุนเดิมทีผู้คุ้มกันของพรรคฮั่วหยันนั้นก็โอหังหนัก ส่วนฮั่วหยุนก็ยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับเผ่าอสรพิษด้วย !
เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับสองพี่น้องชิงหลวนและชิงเซียะทำให้ไป๋เสี่ยวเฉิน ไม่ชอบเผ่าอสรพิษเลย ! หากมิใช่เป็นเพราะคนเผ่าอสรพิษชั่วช้านั่น หม่ามี้ก็คงไม่ต้องตกระกำลำบากมากมายเช่นนั้น …
งูสีเงินรู้สึกถึงแรงกดดันจากไป๋เสี่ยวเฉินมันจึงหดร่างลง ไม่กล้าแม้แต่จะแลบลิ้นสองแฉกของมันออกมา ความกลัวฉายวาบในแววตาของมัน
“โอหัง!”
ผู้คุ้มกันของพรรคฮั่วหยันโกรธมากในโลกนี้มีคนไม่มากนักที่กล้าโอหังต่อคุณหนูของเขา !
อย่างไรก็ตามขณะที่ผู้คุ้มกันพรรคฮั่วหยันกำลังจะตวาดออกมาอีก ฮั่วหยุนกลับขมวดคิ้ว และปรามคนของนางไว้
“ที่นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์! ห้ามผู้ใดสร้างปัญหา หากไม่ได้รับคำสั่งจากข้า !”
ฮั่วหยุนไม่ใช่คนไม่รู้จักดีชั่วแม้ว่านางจะยโสโอหังเมื่ออยู่ข้างนอก หากแต่นางก็ไม่กล้าสร้างปัญหาตรงประตูทางเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์
สำหรับมารดาของเด็กผู้นี้… นางต้องมาสมัครเข้าร่วมการแข่งขันเป็นแน่ และเมื่อถึงเวลานั้น เราย่อมต้องได้ปะทะฝีมือกันในสนามประลอง !
”ไปกันเถอะลูกพี่ลูกน้อง น่าจะมารับเราแล้ว”
ฮั่วหยุนเบือนหน้าช้าๆ ในเวลานี้นางไม่ได้สังเกตว่าไป๋หยานกำลังจ้องมองนางอย่างอาฆาตมาดร้าย
หากฮั่วหยุนไม่หยุดยั้งผู้คุ้มกันไว้คนพวกนั้นก็คงจะต้องนอมจมกองเลือดด้วยฝีมือนางแล้ว …
”หม่ามี้”ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตา พลางหันไปมองไป๋หยาน “เฉินเอ๋อแกล้งนางได้หรือไม่ ?”
ไป๋หยานยิ้มเยาะจางๆ “หากผู้ใดไม่ทำเราก่อน เราก็ไม่ควรทำอะไรเขา แต่หากมีผู้ใดทำให้เจ้าต้องขุ่นเคือง เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ !”
หากไป๋เสี่ยวเฉินโจมตีคนที่กระทำผิดต่อเขาเขาย่อมสามารถจัดการกับคนผู้นั้นได้ โดยนางจะไม่ห้ามปรามใด ๆ !
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นฮั่วหยุนก็เดินผ่านประตูเข้าไปแล้ว แลเห็นชายผู้หนึ่งยืนรอต้อนรับนางอยู่ เขาเดินเข้าไปหาฮั่วหยุนอย่างมีความสุข
”น้องหญิงในที่สุดเจ้าก็มาถึงแล้ว”
ฮั่วหยุนเปลี่ยนสีหน้าท่าทางที่หยิ่งยโสของตนนางลดสายตามองต่ำอย่างเอียงอาย “ท่านพี่ บิดาของข้าน่าจะบอกท่านแล้ว ข้ามาเข้าร่วมการประลอง เพื่อคัดเลือกศิษย์ในครั้งนี้ด้วย ข้าหวังว่าพี่ย่าหานจะช่วยข้าด้วย”
“ฮ่าฮ่า ฮ่า” หลินย่าหานหัวเราะเสียงดัง “อย่ากังวลไปเลย ในฐานะที่เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ข้าย่อมต้องพยายามผลักดันเจ้าให้เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้สำเร็จให้จงได้ เมื่อถึงเวลานั้น เราก็จะเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันด้วย”
ทุกคนมองฮั่วหยุนเดินตามหลินย่าหานเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยความอิจฉา
“กลายเป็นว่าลูกพี่ลูกน้องของนางอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วย”
“ข้าได้ยินมาว่าอาจารย์หลินย่าหานผู้นี้จะเป็นหนึ่งในผู้ตัดสินรับเหล่าศิษย์ครั้งนี้ด้วย”
“เมื่อครู่นี้บุตรชายของหญิงผู้นั้นทำให้นางขุ่นเคืองข้าเกรงว่า ครานี้เมื่อพวกเขาไปสมัครเข้ารับการคัดเลือก พวกเขาคงไม่สามารถผ่านเข้าไปได้อย่างราบรื่น นัก… ”
ไป๋หยานไม่กล่าวคำใดเพียงคอยฟังการสนทนาของคนเหล่านี้อย่างเงียบ ๆ พลางขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
ก่อนหน้านี้นางรู้ว่ามีการโกงกันในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นางก็ให้อาจารย์ช่วยชำระล้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วครั้งหนึ่ง หากแต่ไม่คาดคิดว่า … ยังจะมีการโกงเกิดขึ้นอีก ?
”เฉินเอ๋อดูเหมือนว่าเราจะกลับมาถูกเวลาแล้ว” ไป๋หยานยกมุมปากของนางขึ้นนิด ๆ
ไม่ว่าจะอย่างไรนางต้องแจ้งให้อาจารย์ทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ และให้อาจารย์ของนางให้ความสำคัญกับการทดสอบมากขึ้น
นางไม่คาดคิดว่าในดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะมีการเล่นพรรคเล่นพวกและการฉ้อโกงเหมือนแต่ก่อนอีก !
หลังจากกล่าวเช่นนี้แล้วไป๋หยานก็จับมือไป๋เสี่ยวเฉิน และเสี่ยวหลงเอ๋อ เดินผ่านฝูงชนไปที่ประตูทางเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์
***จบบทให้นางเป็นผู้ตัดสิน (3)***
บทที่ 840 : ให้นางเป็นผู้ตัดสิน (4)
ก่อนที่นางจะกลับมานางได้ส่งจดหมายถึงอาจารย์ของนางก่อนหน้าแล้ว อาจารย์ของนางจึงสั่งคนเฝ้าประตู และมอบรูปเหมือนของนางไว้ให้
หลังจากเห็นไป๋หยานคนเฝ้าประตูทั้งสองก็ไม่ได้ตรวจสอบจดหมายเชิญของนาง พวกเขาให้นางเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ทันที
”เหตุใดหญิงผู้นั้นจึงไม่ต้องใช้บัตรเชิญล่ะ?”
”นางมีความสัมพันธ์ใดกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์กระนั้นหรือ?”
”ข้าคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น หาไม่นางจะกล้าตวาดใส่คุณหนูฮั่วหยุนได้อย่างไร ?”
*****
ถ้อยคำคาดเดาของทุกคนไม่ได้เข้าถึงหูของฮั่วหยุนที่เดินจากไปไกลแล้วเลย เมื่อนางหายลับไปจากฝูงชน ฮั่วหยุนก็หยุด พลางกัดริมฝีปากของนางเอ่ยถามว่า “พี่เย่หาน ท่านเห็นสองแม่ลูกนั่นหรือไม่ ?”
หลินเย่หานเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า”มีอะไรกระนั้นรึ ?”
”บุตรชายปากเสียของหญิงผู้นั้นทำให้ข้าขุ่นเคืองถึงงานแข่งขันคัดเลือกศิษย์ ข้าหวังว่า … นางจะแพ้ในการแข่งขันครั้งนี้ !”
ฮั่วหยุนกัดฟันประกายตาของนางเย็นยะเยือก
เรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้มิใช่เรื่องยากเย็นแต่อย่างใดสำหรับเขาผู้ซึ่งเป็นถึงศิษย์ของผู้อาวุโส …
”ลูกพี่ลูกน้องเจ้าสามารถสบายใจได้ พวกนางทำให้เจ้า และคนของเจ้าต้องขุ่นเคือง ข้าจะไม่ให้โอกาสนางได้ก้าวหน้าเป็นแน่” หลินย่าหานหัวเราะลั่น
เดิมทีเขาคิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรที่แท้กลับเป็นเพียงเรื่องง่าย ๆ แค่นี้เอง สำหรับเขาสบายอยู่แล้ว
*****
ไป๋หยานที่เพิ่งผ่านเข้าประตูดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างฮั่วหยุนและหลินย่าหาน นางเดินไปคนละทิศทางกับพวกเขา นางตรงไปที่เกาะศักดิ์สิทธิ์ของนาง
นับแต่นางออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นางก็มอบเกาะศักดิ์สิทธิ์ให้อาจารย์ทั้งหลายช่วยดูแล เช่นนั้นยามนี้พวกอาจารย์คงจะรอนางอยู่บนเกาะศักดิ์สิทธิ์แล้ว …
ไป๋หยานแลเห็นแต่ไกลว่าชายชราทั้งสามกำลังดื่มชาพลางสนทนากันอยู่ ใบหน้าของนางพลันอบอุ่น ริมฝีปากของนางขยับยกยิ้ม
หลังจากมาถึงโลกนี้อาจารย์ทั้งสามก็ให้ความอบอุ่นแก่นางมากมายเหลือเกิน ทั้งพวกเขายังยื่นมือช่วยเหลือนางในยามที่นางลำบากที่สุด …
”ศิษย์รัก?” เหรินอี้เห็นไป๋หยานเป็นคนแรก ดวงตาของเขาเบิกบาน เขาลุกขึ้นยืนทันที “เจ้ากลับมาแล้วหรือ ?”
ถ้อยคำของเขาทำให้อาจารย์ใหญ่เจิ้งฉีและอาจารย์สามฉิวชู่หรงรู้ตัว พวกเขาต่างก็หันไปจ้องหญิงสาว และเด็กน้อยสองคนที่กำลังเดินมาหาพวกเขาด้วยความประหลาดใจ
”นี่คือเด็กน้อยที่เจ้าเคยตามหาใช่หรือไม่” ฉิวชู่หรงเบ้ปาก “ทว่าเหตุใดเจ้าถึงไม่บอกอะไรเราเลย ทิ้งเราไว้ที่บ้านสกุลหวน ปล่อยให้พวกเรารอเจ้าอยู่ที่นั่น… นี่หากไม่ใช่เป็นเพราะท่านปู่ของเจ้าบอกพวกเรา พวกเราก็คงยังไม่รู้ว่าเจ้าได้จากไปแล้ว”
ไป๋หยานหัวเราะ“อาจารย์ทั้งสาม การปรุงยาของพวกท่านเป็นเช่นไรบ้าง พวกท่านยังจำได้หรือไม่ว่า ครั้งสุดท้ายข้าสอนพวกท่านไว้เช่นไร ?”
“แค่ก!” เจิ้งฉีไอ พลางมองฉิวชู่หรงอย่างขออภัย จากนั้นเขาก็เอ่ยตอบตรง ๆ ว่า “เราทุกคนต่างก็ประสบความสำเร็จในการปรุงยา เว้นแต่เพียงอาจารย์สามของเจ้า … เขายังไม่สำเร็จ”
”ใช่..อาจารย์สามโง่มากเขาไม่สามารถแม้แต่จะแก้โจทย์ง่าย ๆ ได้ด้วยซ้ำ เจ้าควรสอนเขาให้หนัก ๆ หน่อยนะ ศิษย์รัก”
ใบหน้าชราของฉิวชู่หรงเปลี่ยนเป็นสีแดงเขาโกรธเพื่อนทั้งสองมาก“ไอ้เฒ่าสองคนนี่ จะตายหรือไรหากไม่ได้ทรยศข้าน่ะ ?”
ครั้นเห็นอาจารย์สามโกรธและทำท่าจะต่อสู้กับอาจารย์อีกสองคน ไป๋หยานก็ยิ้ม “ตกลง ครั้งนี้ข้ากลับมามิใช่เพื่อตรวจสอบการปรุงยาของพวกท่าน ข้ามีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องการบอกพวกท่าน”
”อะไรหรือ?”
ชั่วครู่หนึ่งชายชราทั้งสามก็หันกลับมามองไป๋หยาน
”ข้าอยากเข้าไปในอาณาเขตหวงห้ามของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทว่าข้าต้องแจ้งท่านประมุขก่อน…”
อาณาเขตหวงห้ามดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีการกล่าวกันว่า ผู้ที่เข้าไปในนั้นเก้าในสิบมักไม่รอดชีวิตกลับออกมา ! อย่างไรก็ตามหากออกมาจากอาณาเขตหวงห้ามได้ ไม่เพียงแต่ระดับความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้สภาวะจิตใจก็จะพัฒนายกระดับขึ้นตามไปด้วย
เวลานี้เพื่อตี้คังและแดนอสูรแล้ว นางยินดีที่จะเสี่ยง !
***จบบทให้นางเป็นผู้ตัดสิน (4)***