จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 841-845
บทที่ 841 : ให้นางเป็นผู้ตัดสิน (5)
”เจ้าจะไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้กระนั้นหรือ?” เจิ้งฉีมองไป๋หยานด้วยความประหลาดใจ เขาคร่ำครวญพลางกล่าวว่า “เอาล่ะ ข้าจะพูดเรื่องนี้กับท่านประมุข อย่างไรเสีย หากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ไม่ใช่แค่เรา ตาแก่สามคนนี่ที่จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ แม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเราก็ไม่ต่างจากประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ด้วย”
”อืม”ไป๋หยานพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าเองก็ไม่ได้พบเขามานานแล้ว ข้าจะไปพบเขาพร้อมพวกท่าน นอกจากนี้ข้าเองก็ยังมีบางสิ่งที่ต้องการรู้”
ไป๋หยานหยุดพูดจากนั้นก็เอ่ยถามว่า”เหตุใดดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงได้รับสมัครศิษย์อีกล่ะ ?”
”นั่นแหล่ะ… ” ฉิวชู่หรงถอนหายใจอย่างท้อแท้ “ตอนนี้ดินแดนใหญ่เริ่มที่จะระส่ำระส่าย สามสำนักใหญ่ต่างรู้ถึงวิกฤติครั้งนี้ พวกเขาวางแผนที่จะเลือกเหล่าผู้มีพรสวรรค์จากดินแดนใหญ่ และส่งคนพวกนั้นมาฝึกฝนยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แบ่งออกเป็นสองที่หนึ่งก็คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์น้อยที่ไป๋หยานเคยไป อีกที่ก็คือ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นกระจกแห่งความตาย ผู้ใดไปก็ตายเก้ารอดหนึ่ง
แต่ไม่ว่าจะดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ใดก็ใช่จะเข้าได้โดยง่าย ทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่รับสมัครศิษย์ เว้นแต่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย
“ในเมื่อพวกเขาวางแผนที่จะให้ผู้มีพรสวรรค์เข้ามาฝึกฝนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นการแข่งขันครั้งนี้ก็ควรจะต้องบริสุทธิ์ยุติธรรม และไม่มีการเล่นพรรคเล่นพวก !” ไป๋หยานกล่าวพลางลูบคางของนางเบา ๆ
”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้วข้าก็มีเรื่องอยากจะบอกเจ้า เจ้ากลับมาได้ถูกจังหวะจริง ๆ ครั้งนี้ท่านประมุขมีคำสั่งลงมาว่าให้เจ้าทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน”
”ข้างั้นหรือ?” ไป๋หยานหรี่ตา “ข้าไม่มีเวลา ข้าต้องเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้เพื่อฝึกฝน”
”ศิษย์รักอย่างไรเสียก็ต้องใช้เวลาในการเปิดอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะถึงเวลานั้น เจ้าก็มาเป็นผู้ตัดสิน ทั้งเจ้าจะเป็นผู้ตัดสินเพียงคนเดียวในการแข่งขันครั้งนี้อีกด้วย !”
ไป๋หยานมองชายชราทั้งสาม”เหตุใดพวกท่านไม่รับหน้าที่เป็นผู้ตัดสินกันเองล่ะ ?”
หน้าที่ผู้ตัดสินกระนั้นรึ? ช่างเป็นงานที่น่ารำคาญมาก หากพวกเขารับงานนี้มาไม่บ้าก็เมาน่ะสิ
“ศิษย์รักพวกเราทำได้เพียงปรุงยาไม่มีทักษะอย่างอื่น พวกเราคิดดีแล้ว เราจึงไม่รับงานนี้” เหรินอี้แอบเบ้ปาก ก่อนจะรีบหาข้อแก้ตัว
”แล้วฉู่อี้เฟิงล่ะ?”
”หากปล่อยให้นายน้อยทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินเจ้าคิดว่าสตรีพวกนั้นจะตั้งใจแข่งขันกันกระนั้นหรือ ? ข้าเกรงว่าพวกนางทุกคนคงจ้องอยากจะกินนายน้อยเสียมากกว่า”
“ถ้างั้นฉู่อีอี้ล่ะ? ฉู่อี้เฟิงทำไม่ได้ แล้วน้องสาวก็ทำไม่ได้ด้วยงั้นหรือ ?”
“นางน่ะนะ! เป็นไปไม่ได้แน่ ! นิสัยบ้าบออย่างนาง จะทำให้การแข่งขันยุ่งเหยิงวุ่นวาย บางทีหากนางเกิดอารมณ์เสียขึ้นมาล่ะก็ นางก็จะวางเพลิงเผาสนามประลอง”
ทั้งหมดทั้งปวงนี้เป็นการตอกย้ำว่าอย่างไรเสียครานี้ไป๋หยานก็ต้องรับหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน !
ไป๋หยานเริ่มรู้สึกว่านางไม่น่ากลับมาเวลานี้เลย …
”ข้าขอปฏิเสธจะได้หรือไม่?” นางเอ่ยถามเสียงอ่อน
”ไม่! เจ้าปฏิเสธไม่ได้ ทุกอย่างเตรียมการไว้พร้อมสรรพแล้ว ว่าเจ้าต้องเป็นผู้ตัดสินในการแข่งขันครานี้ ส่วนองค์หญิงน้อยจะเป็นผู้ช่วยของเจ้า ! เพราะในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ คาดว่าจะมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถควบคุมนางได้”
สีหน้าของเหรินอี้ทำให้ไป๋หยานปฏิเสธไม่ออก
”หม่ามี้”ไป๋เสี่ยวเฉินดึงแขนของไป๋หยาน นัยน์ตากลมโตของเขาเปล่งประกายสดใส “เฉินเอ๋อ ก็อยากเป็นผู้ช่วยหม่ามี้ด้วย”
เสี่ยวหลงเอ๋อมองไป๋หยานแล้วหันไปมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยนัยน์ตาที่เปล่งประกายแสงแห่งความคาดหวัง
นางเองก็อยากจะเป็นผู้ช่วยราชินีเช่นกัน…
”เราจะพูดถึงเรื่องนี้กันในภายหลังแม่จะไปพบท่านประมุข และฉู่อีอี้ก่อน แล้วตอนนี้ฉู่อี้เฟิงยังอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้หรือไม่ ?” ไป๋หยานครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยถามออกมา
ใบหน้าของชายชราทั้งสามแข็งทื่อพลางถอนหายใจอย่างอ่อนโยน
***จบบทให้นางเป็นผู้ตัดสิน (5)***
บทที่ 842 : ให้นางเป็นผู้ตัดสิน (6)
นายน้อยหลงใหลในตัวไป๋หยานตลอดมาหากแต่ไป๋หยานกลับเลือกตี้คัง เมื่อไม่นานมานี้เขาจึงออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อไปรักษาแผลใจ …
ครั้นเห็นสีหน้าของอาจารย์ทั้งสามไป๋หยานก็รู้คำตอบแล้ว นางรู้สึกผิดในใจเล็ก ๆ
สำหรับฉุู่อี้เฟิงแล้วนางติดค้างเขามากเหลือเกิน … ตลอดชีวิตของนางคงจะไม่สามารถชดใช้ได้หมด !
“ช่างเถอะ”เจิ้งฉีตบไหล่ไป๋หยาน พลางยิ้มอย่างขมขื่น “แม้ว่าเราจะปรารถนาอย่างแรงกล้าว่าเจ้าจะยอมรับนายน้อย หากแต่เราก็เข้าใจว่าเรื่องความรักไม่อาจฝืนใจ นายน้อยอยู่กับเจ้ามานานหลายปี เจ้าไม่ยอมรับเขา ทว่าตี้คังปรากฏตัวเพียงไม่นาน กลับได้หัวใจของเจ้าไป นั่นย่อมพิสูจน์ชัดแล้วว่าเจ้ากับนายน้อยมิใช่เนื้อคู่กัน ไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจเช่นไร พวกเราก็พร้อมให้การสนับสนุนเจ้า ”
”อาจารย์…” เหมือนลำธารอันอบอุ่นไหลผ่านหัวใจของไป๋หยาน รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของนาง “ท่านเป็นอาจารย์ของข้า และจะเป็นอาจารย์ของข้าไปตราบชั่วชีวิต”
”ฮ่าฮ่า ฮ่า !”
เจิ้งฉีหัวเราะร่า”เพียงได้ยินประโยคนี้จากเจ้า ข้าก็ไม่รู้สึกเสียใจอะไรแล้ว ท่านประมุขไม่ได้พบเจ้าเสียนาน เขายังเปรยอยู่ว่าเมื่อไหร่เจ้าจะกลับมา ข้าจะพาเจ้าไปพบเขาก่อนก็แล้วกัน !”
*****
ภายในห้อง…
บนโต๊ะรกๆ ฉู่อีอี้กำลังเคี้ยวน่องไก่ ริมฝีปากของนางมันเยิ้ม ส่วนบุรุษที่มีใบหน้าหล่อเหลาผู้ซึ่งนั่งข้าง ๆ นางก็กำลังถือขวดสุราหน้าแดงก่ำด้วยความเมา
“ท่านพ่อท่านเรียกไป๋หยานกลับมาหรือยัง ?” ฉู่อีอี้โยนกระดูกไก่ในมือลงพื้น สองตาของนางจับจ้องอยู่ที่ขวดสุราในมือฉู่หราน
ฉู่หรานยกมือขึ้นตบหน้าผากของฉู่อีอี้อย่างไม่เกรงใจ
”นี่เป็นสุราที่เจิ้งฉีพยายามหมักมาให้ข้าข้าก็ให้เจ้าชิมไปแล้วอึกใหญ่ เลิกคิดที่จะแย่งข้าเสียที “ฉู่หราน จ้องมองนาง “ส่วนเรื่องของไป๋หยาน … เจิ้งฉีบอกข้าว่า อีกเพียงไม่นานนางก็จะกลับมา”
”อ๋อ”
นัยน์ตาของฉู่อีอี้พลันสว่างไสวขึ้นรอยยิ้มของนางสดใสราวดอกกุหลาบแย้มบาน “เยี่ยมมาก ข้าต้องเขียนจดหมายถึงพี่ชาย ให้เขารีบกลับมา ”
ถึงไป๋หยานจะยอมรับตี้คังทว่า … ฉู่อีอี้ก็เข้าใจพี่ชายของนาง อย่างไรเสียพี่ชายของนางก็ยังคงรักหญิงผู้นี้ แม้จะทำได้เพียงมองเท่านั้น
ในฐานะน้องสาวนางต้องการให้พี่ชายของนางได้ในสิ่งที่เขาปรารถนา
ขณะที่ฉู่หรานกำลังจะพูดบางอย่างก็มีชายชราเร่งรุดก้าวผ่านประตูเข้ามา เขาโค้งคำนับ พลางป้องหมัดด้วยความเคารพ เอ่ยกล่าวว่า “ท่านประมุข องค์หญิงน้อย ท่านเจิ้งฉี …และแม่นางไป๋หยานมาขอพบ ขอรับ”
ชายชราคนนี้เป็นคนเก่าคนแก่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ย่อมรู้จักชื่อเสียงของไป๋หยานดี ทุกคนที่นี่ต่างรู้ว่าผู้อาวุโสทั้งสามรับศิษย์มาคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็แค่รู้ ทว่าก็ไม่เคยเห็นไป๋หยาน
เช่นนั้นแม้ว่าไป๋หยานจะยืนอยู่ตรงหน้า พวกเขาก็ไม่อาจจำนางได้ไม่ว่าจะในฐานะเจ้าเกาะศักดิ์สิทธิ์ หรือในฐานะศิษย์ของผู้อาวุโสทั้งสาม
”ว่าไงนะ? นางกลับมาเร็วถึงเพียงนี้เลยงั้นหรือ ?” ฉู่หรานลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น เขามองที่โต๊ะรก ๆ ก่อนจะรีบโบกมืออย่างรวดเร็วเก็บกวาดจานทั้งหมดลงในถุงเก็บของ จากนั้นก็รีบหยิบผ้าคลุมที่สะอาดสะอ้านออกมาปูทับไว้
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่ลืมที่จะกินยาเพื่อลบกลิ่นสุราในปากอีกด้วย
ฉู่อีอี้นั่งมองอย่างงงงวยใบหน้าของนางยังเต็มไปด้วยคราบอาหาร ทั้งอาหารก็ยังคาอยู่เต็มปากของนาง นางยังกลืนมันไม่ลง นอกจากนี้เสื้อผ้าของนางก็สกปรกเป็นอย่างมาก
”ไป๋หยานเป็นคนรักความสะอาด!” ครั้นเห็นฉู่อีอี้ยังนั่งเซ่ออยู่ ฉู่หรานก็กระซิบเตือนนาง นั่นหมายความว่านางควรต้องรีบไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน
น่าเสียดายที่สายเกินไปแล้ว…
ในขณะที่ฉู่อีอี้กำลังลุกขึ้นจากโต๊ะเจิ้งฉีพร้อมด้วยไป๋หยานก็เดินช้า ๆ เข้ามาในห้อง
แวบแรกที่ไป๋หยานได้เห็นก็คือใบหน้าที่สกปรกมอมแมมของฉู่อีอี้
ทันใดนั้นคิ้วของนางก็ขมวด
”ฉู่อีอี้ห้องของเจ้าก็สกปรกมากแล้ว นี่เจ้ายังมาทำให้ห้องของท่านประมุขสกปรกอีกกระนั้นหรือ ?” ไป๋หยานเหลือบตามองฉู่อีอี้หลังจากได้กลิ่นสุราในปากของนาง พลางเอ่ยถามด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “เจ้าดื่มด้วยหรือนี่ ? เจ้าลืมครั้งสุดท้ายที่เจ้าเมา และเกือบจะจุดไฟเผาเกาะศักดิ์สิทธิ์ของข้าแล้วกระนั้นรึ ?”
”ไม่…ไม่ใช่เช่นนั้นนั่นเป็นเพราะท่านพ่อของข้า … ” ฉู่อีอี้กำลังจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
ทว่านางยังพูดไม่ทันจบฉู่หรานก็รีบถลันออกมาขวางสิ่งที่นางเกือบโพล่งออกมาก่อน
***จบบทให้นางเป็นผู้ตัดสิน (6)***
บทที่ 843 : บิดาที่ชอบขายบุตรสาว
”อีอี้…บิดาเตือนเจ้าเสมอว่าเป็นสตรีต้องรู้จักทำตัวให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเจ้าไม่เพียงแต่กินเนื้อเต็มปาก ยังดื่มสุราอีก ! เจ้าทำตัวเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน ?” ฉู่หรานมองสายตาดุ เอ่ยถ้อยคําประนาม ด้วยสีหน้าตำหนิจริงจัง
ฉู่อีอี้ได้แต่ยืนงงนางมองบิดาด้วยสายตาโง่งม พลางกล่าวสุ้มเสียงอ่อนว่า “ข้าดื่มไปแค่ … ”
”ว่าไงนะ? เจ้าดื่มหมดไหเลยกระนั้นรึ ?” ฉู่หรานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา พลางชี้ไปที่ฉู่อีอี้ “เจ้าดื่มสุราหมดไหแล้วยังกล้าเถียงอีกรึ ? เจ้าช่างอวดดีกระทั่งข้าคาดไม่ถึง ! โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้ามากิน-ดื่มที่ห้องของข้า กระทั่งห้องของข้าเต็มไปด้วยกลิ่นสุรา ! เช่นนั้นวันนี้ข้าจะนอนยังไง ?”
ฉู่อีอี้นัยน์ตาโตนางจ้องมองฉู่หรานตาไม่กระพริบอย่างไม่อยากเชื่อ ท่าทางนาง ราวกับคนที่กำลังจะร้องไห้
นางจิบไปแค่อึกเดียวเองเหตุใดท่านพ่อถึงได้ใส่ความนาง ?
”ไป๋หยานเจ้ามาหาข้า มีกระไรรึ ?” สายตาฉู่หรานหันไปจับจ้องมองไป๋หยาน แววตาดุดันพลันเปลี่ยนเป็นอบอุ่นอ่อนโยนขึ้นมาทันที
เด็กสาวผู้นี้หลบหน้าหลบตาเขานับตั้งแต่เขาพยายามจับคู่นางกับบุตรชายของเขา ทว่าตอนนี้นางมาหาเขาถึงที่นี่ คงต้องมีอะไรบางอย่างเป็นแน่ หากไม่มีเรื่องสําคัญมาปรึกษาหารือนางก็คงไม่มาหาเขาหรอก !
”ท่านประมุขท่านเคยกล่าวว่า ด้วยความสามารถของข้าในดินแดนศักดิ์สิทธิ์น้อย ข้าก็สามารถเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ได้แล้ว หากแต่ตอนนั้นข้ามีความจำเป็นต้องรีบออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นข้าจึงเลือกที่จะไม่เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ ข้าไม่ทราบว่า ตอนนี้ข้ายังคงสามารถเข้าไปที่นั่นได้หรือไม่ ?”
ไป๋หยานขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในความเป็นจริงตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมานางใช้เวลาถึงสองปีอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์น้อย จนความสามารถของนางเกินขีดจำกัดของดินแดนศักดิ์สิทธิน้อย ฉู่หรานจึงเกลี้ยกล่อมให้นางเดินทางไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้
เพียงแต่ตอนนั้นนางเป็นห่วงไป๋เซียว นางจึงจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปบ้านสกุลไป๋
ตอนนี้หากนางยังมีโอกาส นางจะต้องเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตน
”ฉู่หรานแปลกใจพลางขมวดคิ้ว “เจ้าต้องการที่จะเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้กระนั้นรึ ?”
”อืม…”น้ำเสียงของไป๋หยานหนักแน่น สีหน้าของนางก็มั่นคง
ฉู่หรานถอนหายใจ”ไป๋หยาน…ข้าเคยบอกว่า เจ้าสามารถไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ได้ก็จริง แต่ถึงเจ้าจะผ่านวิกฤติในดินแดนศักดิ์สิทธิ์น้อยมาได้แล้ว ทว่าในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้นั้นมีอันตรายมากกว่าเป็นร้อยเท่าเลยนะ !”
”แม้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะอันตรายแต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดสําหรับเจ้าที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของตน” ฉู่หรานเงยหน้ามองใบหน้าไป๋หยาน พลางกล่าวอย่างเคร่งขรึม “นอกจากนี้ เวลาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้นั้นก็ช้ามาก นั่นคือหากเจ้าใช้เวลาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หนึ่งปีก็เท่ากับโลกภายนอกแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น !”
ไป๋หยานเงียบไปครู่หนึ่งรอฟังคําอธิบาย
”ข้าอยากมั่นใจว่าเจ้าต้องการเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ และไม่กลัวอันตรายจริงหรือ ?” ฉู่หรานเลิกคิ้ว เขากล่าวกับไป๋หยานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
”แน่นอน!”
ไม่ต้องสงสัยนัยน์ตาดำแวววาวของไป๋หยานเต็มไปด้วยประกายแสงแน่วแน่
”อืมข้าเคารพในการตัดสินใจของเจ้า แต่ทว่าการเปิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้นั้นต้องใช้เวลามาก ข้าต้องเตรียมคนให้พร้อม” ฉู่หรานยิ้ม พลางเดินช้า ๆ ไปยืนข้างกายไป๋หยาน เขาตบไหล่นางเบา ๆ เอ่ยกล่าวด้วยเสียงเศร้า ๆ “น่าเสียดาย ข้าหวังจะรับเจ้าเป็นลูกสะใภ้ หากแต่ตอนนี้เจ้าได้แต่งงานกับผู้อื่นไปเสียแล้ว แม้จะเป็นลูกสะใภ้ของข้าไม่ได้ อย่างไรเสียเจ้าก็คือบุตรสาวของข้า”
”ท่านประมุข…”ไป๋หยานจ้องมองชายผู้ซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยแววตาซาบซึ้ง
ฉู่หรานยิ้ม”ข้ากล่าวคำหวานหูไม่เป็น แต่หากบุตรสาวของข้าได้สักครึ่งหนึ่งของเจ้า ข้าก็พอใจแล้ว”
ฉู่อีอี้อยากจะร้องไห้ทว่าไม่มีน้ำตานี่นางเป็นเพียงคนที่ไม่มีใครต้องการกระนั้นรึ ?
แน่นอนลูกคนอื่นย่อมดีกว่าลูกของตนเองเสมอ นางก็แค่สิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ ในบ้านนี้เท่านั้น
***จบบทบิดาที่ชอบขายบุตรสาว***
บทที่ 844 : กับดัก (1)
”แค่ก”เจิ้งฉีไอแห้ง ๆ เอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ท่านประมุข ที่ข้ามานี่ ยังมีบางสิ่งต้องรายงานต่อท่าน”
”อะไร?”
”การแข่งขันครั้งนี้ที่ท่านอยากให้ไป๋หยานเป็นผู้ตัดสิน นางมีข้อสงสัยบางประการ ท่านประมุขให้คำตอบนางก่อนจะได้หรือไม่ ?”
ครั้นเจิ้งฉีกล่าวถึงเรื่องนี้ฉู่หรานก็ครุ่นคิดเพียงครู่ เขาหันหน้าไปทางไป๋หยานพลางเอ่ยถาม “ไป๋หยาน เจ้ายินดีรับภารกิจหรือไม่ ? หรือเจ้ามีข้อสงสัยประการใด ?”
”ต้องใช้เวลานานเท่าใดในการเปิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้? แล้วการแข่งขันต้องใช้เวลาทั้งสิ้นกี่วัน ?”
ไป๋หยานลูบคางแววตาของนางเต็มไปด้วยอาการครุ่นคิด
”ต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนสําหรับเปิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้แต่การแข่งขันจะสิ้นสุดภายในเดือนนี้”
”เช่นนั้นก็ตกลง”แววตาของไป๋หยานเปล่งประกายแวววาว นางยกริมฝีปากชึ้นเป็นรอยยิ้ม “ข้ารับภารกิจผู้ตัดสินในครั้งนี้เอง”
”ฮ่าฮ่า ฮ่า”
ฉู่หรานหัวเราะเขาตบบ่าไป๋หยานอีกครั้ง “ได้เจ้ามาทําหน้าที่เป็นกรรมการในครั้งนี้ ข้าก็โล่งใจ อีอี้ เจ้าติดตามไป๋หยาน เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ จำไว้เจ้าต้องเชื่อฟังนาง เข้าใจหรือไม่”
ฉู่อีอี้ยังคงหงุดหงิดอยู่มากดูเหมือนว่านางยังไม่ลืมที่บิดาของนางใส่ร้ายนางเมื่อครู่ นางอยากจะพูดบางอย่าง ทว่าฉู่หรานชำเลืองตาเตือนนางเสียก่อน
สายตาของเขาบ่งบอกว่า‘หากเจ้ากล้าโบ้ยข้า เจ้าโดนดีแน่ !’
บางทีอาจเป็นเพราะสายตาของฉู่หรานแลดูน่ากลัวมากฉู่อีอี้จึงหุบปาก ไม่กล้ากล่าวคำใดออกมาอีก
”แค่ก”เจิ้งฉีกระแอมไอแห้ง ๆ เหมือนล้างคอ พลางกล่าวต่อ “เราได้บอกกล่าวในสิ่งที่เราต้องการปรึกษาหมดสิ้นแล้ว ทว่าข้ายังคงมีบางอย่างต้องสนทนากับหยานเอ๋อ เช่นนั้นท่านประมุขพวกเราจำต้องขอตัวก่อน”
ทันทีที่กล่าวจบเขาก็ดึงตัวไป๋หยานเดินออกนอกประตู
เพียงครู่ก็หายลับตาไป
ครั้นคนทั้งสองจากไปแล้วฉู่หรานก็ถอนหายใจเงียบ ๆ อย่างโล่งอก เขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นลูบหน้าอกของตนเองเบา ๆ สีหน้าแลดูผ่อนคลายลงมาก
จากนั้นเขาก็โบกมือ พลันจานอาหาร และขวดสุราที่เพิ่งเก็บไปก็ออกมาปรากฏบนโต๊ะอีกครั้ง
”อีอี้กินกันต่อเถอะ”
เขายิ้มพลางสะบัดแขนเสื้อ และนั่งลง
ฉู่อีอี้ทำปากจู๋”ลืมได้เลย ข้าไม่ยอมเป็นแพะรับบาปให้ท่านแล้ว ข้าจะไปหาไป๋หยาน”
”รอเดี๋ยว”ฉู่หรานขมวดคิ้ว ขณะมองฉู่อีอี้ที่กำลังจะจากไป “หากเจ้ากล้าบอกไป๋หยานถึงเรื่องเมื่อครู่ มั่นใจได้เลยว่าบิดาจะจับเจ้าแต่งงานออกไปจากที่นี่ภายในสองสามวันนี้เลย”
ฉู่อีอี้ตัวสั่นนางรีบออกจากห้องโดยไม่หันหน้ากลับมามองอีก แน่นอนว่านางย่อมไม่กล้าพอที่จะทรยศบิดาของนางเป็นแน่
*****
เพียงชั่วเวลาไม่นานพื้นที่ที่เคยเป็นส่วนตัวของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็กลับมีเสียงดังจอแจ เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องถูกรบกวน ผู้เข้าร่วมการแข่งขันจึงสามารถอยู่ได้แต่ในลานขนาดเล็กด้านนอกประตู หากไม่ใช่ศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็ห้ามย่างก้าวเข้ามาข้างใน
ในเวลานี้ภายในบ้านหลังเล็ก ๆ ณ ลานแห่งนั้น สตรีในชุดสีแดงยาวเดินไปเดินมาอย่างกังวลใจ ฝ่ามือของนางถูกันเบา ๆ ใบหน้าของนางมีร่องรอยวิตกกังวล
ทันใดนั้นประตูก็ถูกผลักเปิดออก นางหันไปมองชายหนุ่มรูปหล่อผู้ซึ่งเดินผ่านประตูเข้ามา พลันนัยน์ตาของนางก็สว่างไสวขึ้นทันที นางรีบออกไปต้อนรับเขา
”พี่ย่าหานอาจารย์ของพี่ว่าอย่างไร เขายินดีที่จะช่วยเราหรือไม่ ?”
หลินย่าหานถอนหายใจอย่างหมดหวังรอยยิ้มของเขาขมขื่น “น้องหยุน ข้าเกรงว่า เวลานี้อาจารย์ของข้าคงไม่อาจช่วยเจ้าได้ … ”
สีหน้าที่เคยยินดีของฮั่วหยุนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกนางมองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่อยู่เบื้องหน้า “ไยจึงเป็นเช่นนั้นล่ะ ?” พี่ย่าหาน อาจารย์ของพี่ก็มีฐานะสูงส่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็แล้วเหตุใดจึงไม่สามารถช่วยเราได้ ? หรือเขาไม่เต็มใจที่จะช่วยข้า ?”
***จบบทกับดัก (1)***
บทที่ 845 : กับดัก (2)
“น้องหยุนเจ้าเข้าใจผิดแล้ว มิใช่ว่าอาจารย์ของข้าไม่อยากช่วยเจ้า ทว่านี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน จู่ ๆ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เลือกผู้ตัดสินคนใหม่ ผู้ตัดสินคนนี้ลึกลับมาก ข้าต้องใช้เวลานานมากเพื่อค้นหาว่านางเป็นใคร ?”
ใบหน้าหลินย่าหานแสดงความขมขื่นออกมาเล็กน้อยเดิมทีเขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่ต่างจากของตาย ผู้ใดจะคิดว่าจู่ ๆ สถานการณ์กลับพลิกผันไปเช่นนี้
ครั้นได้ยินอย่างนี้แล้วฮั่วหยุนก็ก้มหน้าลง ใบหน้าของนางซีดเล็กน้อย
ในความเป็นจริงมีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่า พรสวรรค์ของนางล้วนเป็นเพียงเรื่องโอ้อวดของพรรคฮั่วหยันเท่านั้น เทียบไม่ได้กับศิษย์อัจฉริยะจากสำนักอื่น ๆ เลย !
แม้แต่งูสีเงินสัตว์เลี้ยงของนางตัวนั้นนางก็ไม่ได้ทำให้มันเชื่อง ทว่ามันถูกผู้อาวุโสของสำนักทำให้เชื่อง ก่อนจะส่งมอบให้นางกับมือ
และเนื่องจากนางสวมเครื่องประดับที่ซ่อนเร้นความแข็งแกร่งไว้ทั้งนางไม่ค่อยได้ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน เช่นนั้นคนเหล่านั้นจึงไม่รู้จักความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนาง …
หากไม่มีผู้ใดช่วยนางโอกาสที่นางจะผ่านการแข่งขันครั้งนี้ก็ริบหรี่มาก ! ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ก็คือนางยังต้องการอาศัยมือของผู้อาวุโสขจัดหญิงผู้นั้นอีกด้วย !
ครั้นหวนคิดถึงอาการหยามเหยียดที่ไป๋เสี่ยวเฉินปฏิบัติต่อนางแล้วฮั่วหยุนก็กัดฟันแน่น นางไม่มีวันให้โอกาสสองแม่ลูกนั่นเป็นแน่ !
“พี่ย่าหานท่านช่วยพาข้าไปพบผู้ตัดสินคนนั้นหน่อยจะได้หรือไม่ ? หากข้ารู้ว่านางเป็นผู้ใด ข้าแน่ใจว่าจะสามารถทำให้นางช่วยข้าได้”
ฮั่วหยุนกำหมัดแน่นนางเงยหน้าขึ้นมองหลินย่าหานอย่างอ้อนวอน
ครั้นเห็นท่าทีที่น่าสงสารของลูกพี่ลูกน้องแล้วหัวใจของหลินย่าหานพลันอ่อนยวบ ทว่าเขาก็ต้องส่ายศีรษะอย่างหมดหวัง
”ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก็บเรื่องผู้ตัดสินเป็นความลับสุดยอดแม้แต่อาจารย์ของข้าก็ยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด ข้ารู้เพียงว่า … องค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ และทำหน้าที่ในฐานะผู้ช่วยผู้ตัดสิน”
ร่างของฮั่วหยุนแข็งทื่อขนาดองค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นได้เพียงผู้ช่วยผู้ตัดสินเท่านั้น เช่นนั้นผู้ตัดสิน … มาจากที่ใดกันล่ะนี่ ?
“อย่างไรก็ตามน้องหยุน เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก นอกจากผู้ตัดสิน และองค์หญิงน้อยแล้ว ยังมีศิษย์บางคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยอมช่วยเหลือพวกเรา เนื่องจากหนึ่งในศิษย์พวกนั้นมีสัมพันธภาพที่ดีกับข้า ข้าสามารถทำให้เจ้าผ่านการรับคัดเลือกได้แน่ ๆ
หลินย่าหานเชิดริมฝีปากขึ้นแสดงรอยยิ้มของผู้ชนะ “อย่างไรเสีย การแข่งขันครั้งนี้ก็นับว่าใหญ่มาก ผู้ตัดสินย่อมไม่สามารถสังเกตการณ์ได้ทั่ว เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะให้คนของข้าลอบลงมือช่วยเจ้าอย่างลับๆ”
ฮั่วหยุนถอนหายใจด้วยความโล่งอกนางยกกำปั้นของนางทุบหน้าอกหลินย่าหานอย่างเอียงอาย “พี่ย่าหาน ท่านเตรียมการทุกอย่างเพื่อข้าแล้ว เหตุใดจึงไม่บอกเสียแต่เนิ่น ๆ ล่ะ ? ทำให้ข้ากังวลแทบตายเลยรู้หรือไม่ ? อย่างไรก็ตาม ท่านต้องระบุตัวตนของหญิงผู้นั้นให้ได้นะ”
ครั้นสัมผัสได้ถึงกำปั้นนุ่มๆ ของหญิงสาวที่ทุบบนหน้าอกของเขาอย่างนุ่มนวล ทั้งยังเห็นลำคอขาวราวหิมะของนางแล้ว หัวใจของหลินย่าหานพลันเต้นแรงขึ้น เขารู้สึกร้อนวูบวาบแปลก ๆ
เขากลืนน้ำลายอย่างหนักเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ไว้ข้าจะไปสืบเอง น้องหยุนรอฟังข่าวอย่างสบายใจเถอะ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องผิดหวัง”
”ข้ามั่นใจในตัวท่านพี่ย่าหาน” ฮั่วหยุน ก้มศีรษะของนางลงอย่างเอียงอาย คอเสื้อของนางคว้านลึก ลำคอของนางเป็นสีขาวตัดกับชุดสีแดง ยามนี้ใบหน้าของนางแลดูเอียงอาย “หากแต่ข้าก็ยังหวังว่า พี่ย่าหาน จะกำจัดสองแม่ลูกคู่นั้นออกไปได้ ข้าไม่ต้องการเห็นพวกเขาในสนามประลอง”
”ฮ่าฮ่าฮ่า !”
หลินย่าหานหัวเราะพลางยกมือขึ้นลูบไล้ฝ่ามือของฮั่วหยุน “น้องหยุน เนื่องจาก ผู้ที่มาทดสอบครั้งนี้ได้รับเชิญมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าจึงไม่สามารถกำจัดหญิงผู้นั้นโดยตรง ทว่า … ”
***จบบทกับดัก (2)***