จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 846-850
บทที่ 846 : กับดัก (3)
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยประกายแสงเย็นยะเยือกวาบวับผ่านแววตาของเขา เขาเอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้มลึกลับ “ข้ามีวิธีที่จะทำให้นางเสียชื่อเสียง และเมื่อนางเสียชื่อเสียงแล้ว นางย่อมต้องออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ !
ก็เพียงหญิงผู้หนึ่งเท่านั้นในฐานะศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จะไม่สามารถจัดการกับนางได้เชียวหรือ ?
ขอเพียงทำให้น้องหยุนพอใจได้ต่อให้ใช้อำนาจในทางที่ผิดก็จะเป็นไรไป ? ถึงอย่างไรก็คงไม่มีผู้ใดสนใจเรื่องเล็ก ๆ แค่นี้หรอก …
*****
สามวันถัดมาผู้คนที่เข้าร่วมการแข่งขันจากสำนักต่าง ๆ ก็มารวมตัวกันในสถานที่จัดงาน
ฮั่วหยุนยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้คุ้มกันนางไม่มีท่าทีเอียงอายเช่นที่อยู่ต่อหน้าหลินย่าหานอีกต่อไป ท่าทีของนางยามนี้มีเพียงกลิ่นอายเยือกเย็นและเย่อหยิ่ง ใบหน้าของนางแลดูเย็นชา นางมองฝูงชนที่จ้อกแจ้กจอแจเบื้องหน้าด้วยสายตาเฉยเมย
อย่างไรก็ตามครั้นนางกวาดตามองโดยรอบ ก็ยังไม่เห็นเงาร่างของไป๋หยาน คิ้วของนางขมวดเข้าหากันโดยไม่เจตนา
”คุณหนู!”
ทันใดนั้นเองสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างกายก็เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “หญิงผู้นั้นกำลังมาแล้ว”
ฮั่วหยุนเหลือบมองตามสายตาของสาวใช้จึงได้เห็นคนทั้งสาม ผู้ใหญ่หนึ่ง เด็กสอง ค่อย ๆ เดินมาช้า ๆ
ท่ามกลางแสงอาทิตย์สตรีในอาภรณ์สีแดงผู้นั้นดูคล้ายสายลมอ่อนโยนที่พัดมาเพียงแผ่ว ใบหน้างดงามของนาง อธิบายได้ด้วยคำสี่คำ หยาดฟ้ามาดิน จึงจะเหมาะสมอย่างยิ่ง
มือซ้ายของหญิงสาวกำลังจับจูงเด็กชายตัวน้อยนุ่มนิ่มผิวอมชมพูในชุดคลุมสีม่วง เขาแลดูทรงอำนาจและภาคภูมิ เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่าใบหน้าเล็ก ๆ ของเจ้าซาลาเปาก้อนน้อยนี้จะมีกลิ่นอายทรงอำนาจมากมายถึงเพียงนั้น
มือขวาของนางจับจูงเด็กหญิงตัวน้อยน่าเอ็นดูผู้มาพร้อมรอยยิ้มหวานๆ บนใบหน้าเล็ก ๆ ดวงตาทั้งคู่โค้งราวพระจันทร์เสี้ยว ทุกคนที่ได้เห็นเด็กน้อยอ่อนหวานผู้น่ารัก ย่อมอดไม่ได้ที่จะใจอ่อน
”ที่สุดหญิงผู้นั้นก็มาถึงแล้ว!” แววตาของฮั่วหยุนแลดูมืดหม่นลง “เจ้าจำสิ่งที่ข้าบอกเจ้าได้หรือไม่ ?”
สาวใช้รีบพยักหน้า”คำสั่งของคุณหนู ข้าน้อยจำได้ดี”
”ดี!” ฮั่วหยุนยิ้มเยาะ “พี่ย่าหานพูดถูก เจ้าต้องทำให้หญิงผู้นี้ … มีมลทิน !”
ครั้นไป๋หยานนำเด็กน้อยทั้งสองขึ้นมาบนเวทีประลองเสียงกล่าวประชดประชันพลันดังลอยมาอย่างกระทันหัน ทำให้เสียงฝีเท้าของนางหยุดชะงัก
“เวลานี้มีคนไร้ยางอายซึ่งไร้ความสามารถแท้จริง ทั้งไม่ได้รับการฝึกฝนกล้าเข้าร่วมการแข่งขันด้วย ! นี่เจ้าคงจะติดสินบนผู้ตัดสิน เจ้าคิดว่าหากเจ้าติดสินบนพวกเขาแล้ว เจ้าจะได้รับการคัดเลือกแน่นอนกระนั้นรึ ?”
ไป๋หยานขมวดคิ้วน้อยๆ นางปล่อยมือไป๋เสี่ยวเฉิน และเสี่ยวหลงเอ๋อ พลางหันศีรษะเล็กน้อย ไปมองฮั่วหยุน สายตาของนางพลันหยุดนิ่งที่สาวใช้ผู้ซึ่งเพิ่งกล่าวสิ่งเหล่านั้นออกมา
”เจ้าพูดถึงข้ากระนั้นรึ?”
หญิงสาวยิ้มเยาะซ้ำอีกครั้ง”ข้าไม่ได้กล่าวหาเจ้า ข้าเห็นเจ้าต้องการติดสินบนศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยตาข้าเอง ทว่านี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในฐานะศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงเกียรติ ความพยายามของเจ้าจึงล้มเหลวใช่หรือไม่ ?”
”เสี่ยวหลิง!” ฮั่วหยุนไม่รอให้ไป๋หยานได้อธิบาย นางเลิกคิ้ว พลางเอ่ยถามอย่างแผ่วเบาว่า “ที่เจ้าพูดหมายถึงอะไร ?
หญิงสาวที่ถูกเรียกขานว่าเสี่ยวหลิงหันหน้าไปคำนับฮั่วหยุนพลางป้องกำปั้นด้วยความเคารพ “คุณหนู..ข้าบังเอิญได้เห็นหญิงผู้นี้… นาง … นาง … นางนัดแนะกับศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทั้งต้องการพลีกาย เพื่อเกลี้ยกล่อมเขาให้ช่วยเหลือนางในการคัดเลือกศิษย์ – ข้าน้อยไม่ต้องการให้คุณหนูแข่งขันกับคนเช่นนี้ ดังนั้นจึงกล้าเปิดเผยเรื่องของนาง”
***จบบทกับดัก (3)***
บทที่ 847 : กับดัก (4)
อยคำดังกล่าวฮั่วหยุน และเสี่ยวหลิง ซักซ้อมกันมาเป็นอย่างดีหลายต่อหลายครั้ง แน่นอนว่าพวกนางย่อมจดจำได้ทุกถ้อยคำที่นางกล่าวออกมา ควบรวมกับท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์ของนาง ย่อมทำให้ทุกคนเชื่อถือถ้อยคำของนางได้
”ว่าไงนะ?” ฮั่วหยุนเบิกตาที่สวยงามของนางด้วยอาการตื่นตกใจ นางยกมือขึ้นปิดริมฝีปากสีแดงของนางด้วยทีท่าไม่อยากจะเชื่อ ร่างของนางสั่นเทา นางมองไป๋หยานด้วยท่าทางขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูก “เจ้า … หากเจ้าทำเช่นนั้นจริง ๆ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมต้องถูกเจ้าทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นแน่ !”
ฝูงชนตกอยู่ในความโกลาหลทุกคนต่างก็หันไปจับจ้องมองไป๋หยานด้วยความรังเกียจ แม้แต่ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหน้านางก็ยังก้าวเท้าถอยห่างออกไป
ด้วยเกรงว่าหญิงผู้นี้จะทำให้เสื่อมเสีย
ใบหน้าของเสี่ยวหลงเอ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดงนางอยากจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อฉีกใบหน้าที่น่ารังเกียจของหญิงผู้นั้นเสีย ทว่ามือข้างหนึ่งพลันยื่นออกมาจับนางไว้แน่น
”ราชินี… ” นางหันหน้าไปมองไป๋หยานด้วยความผิดหวัง นัยน์ตาคู่เล็ก ๆ ไม่ลืมที่จะจ้องมองสาวใช้กับฮั่วหยุนอย่างดุดัน
ครั้งนี้ไป๋เสี่ยวเฉินไม่โมโหโกรธาเช่นเสี่ยวหลงเอ๋อ ปากเล็ก ๆ ของเขายกโค้งส่อแววอันตราย เขากระพริบนัยน์ตากลมโตพลางกล่าวว่า “เสี่ยวหลงเอ๋อ เจ้ารอชมการแสดงที่ดี ๆ จะดีกว่า”
คนกลุ่มนี้วางแผนใส่ร้ายหม่ามี้ของข้า? นี่พวกนางรู้จักตัวตนที่แท้จริงของหม่ามี้ข้า ก่อนจะทำเรื่องชั่วช้าพวกนี้หรือไม่นะ ?
”เจ้าเพิ่งบอกว่าข้าติดสินบนศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่? เช่นนั้นข้าอยากรู้ว่าศิษย์ผู้นั้นอยู่ที่ใด ? เจ้าเรียกเขาออกมาหน่อยจะได้หรือไม่ ?” ริมฝีปากของไป๋หยาน เชิดขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของนาง ขณะมองฮั่วหยุนและสาวใช้
ฮั่วหยุนมองสาวใช้ที่อยู่ข้างกายนางสาวใช้รีบกระแอมล้างคอพลางเอ่ยกล่าวว่า “คุณชายหลิว ท่านช่วยกรุณามาเป็นพยานหน่อยจะได้หรือไม่ ? หากหญิงผู้นี้เข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ? เกรงว่านางจะทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง”
ทันทีที่นางกล่าวจบจากสถานที่ที่ซึ่งไม่ไกลจากเวทีประลองนัก ชายผู้หนึ่งในชุดคลุมสีเขียวก้าวออกมาช้า ๆ เขาไพล่มือข้างหนึ่งไว้ด้านหลังพลางยิ้ม ขณะเดินเข้าไปท่ามกลางฝูงชน
“เดิมทีข้าเองก็ไม่ต้องการกล่าวถึงเรื่องนี้ เพราะอย่างไรเสียเรื่องนี้ก็นับเป็นเรื่องน่าอับอายยิ่งนัก” หลิวฮันกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่แลดูยุติธรรมน่าเกรงขาม “แต่ทว่าเมื่อสาวใช้คนนั้นเอ่ยปาก หลิวฮันย่อมต้องออกมาเป็นพยาน !”
สายตาของหลิวฮันกวาดไปมองไป๋หยานอย่างช้าๆ เขาขมวดคิ้วน้อย ๆ ขณะเอ่ยกล่าวอย่างจริงจังว่า “แม่นาง ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีพรสวรรค์ จึงเป็นกังวลว่าจะไม่ได้รับการคัดเลือก ทว่าข้าหลิวฮันไม่อาจทรยศต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตนได้ ข้าขอให้เจ้าออกจากการแข่งขันเสียเถิด ! แล้วข้าจะหาผู้อื่นมาลงแข่งขันแทนเจ้า !”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจางหายไปแล้วยามนี้เขาเอ่ยกล่าวถ้อยคำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทั้งท่าทางก็เคร่งขรึมยิ่งนัก
”ท่านลุง…”
ทันใดนั้นเองเสียงที่ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมพลันดังขึ้น ทำให้คิ้วของหลิวฮันขมวดแน่น เขาจับจ้องมองเจ้าซาลาเปาน้อยผู้ซึ่งเดินมาข้างหน้าเขา
”ท่านลุงมารดาของท่านสั่งสอนท่านหรือไม่ว่า เด็กเลวที่ชอบโกหกจะต้องเจอผลลัพท์น่ากลัวในอนาคต !”
ใบหน้าของหลิวฮันแปรเปลี่ยนไปเขาเอ่ยกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “ไม่น่าแปลกใจเลยที่มารดาของเจ้าจะเป็นคนไร้คุณธรรม นี่ขนาดบุตรชายของนางก็ยังไร้การศึกษา หยาบคายเสียเหลือเกิน มารดาเป็นเช่นใดบุตรก็เป็นเช่นนั้น”
ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มทว่านัยน์ตาจิ้งจอกกลมโตกลับเย็นชา
”ท่านลุงเฉินเอ๋อบอกท่านเพียงว่า เด็กเลวที่ชอบโกหกจะต้องเจอผลลัพท์น่ากลัวในอนาคต หากท่านลุงไม่ได้โกหก เช่นนั้นถ้อยคำของเฉินเอ๋อก็ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ท่าน ท่านดูถูกมารดาของเฉินเอ๋อ เฉินเอ๋อก็ยังเรียกท่านอย่างสุภาพว่าท่านลุง เป็นผู้ใดกันที่ไม่ได้รับการศึกษา?
***จบบทกับดัก (4)***
บทที่ 848 : กับดัก (5)
ยามนี้ฝูงชนต่างเงียบกริบราวกับได้ยินแม้เสียงเข็มหล่น
คนเหล่านี้ย่อมไม่สงสัยศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทว่าเด็กคนนั้นก็สุภาพมาก เมื่อเขาอ้างว่าเขาไม่ใช่เด็กที่ไร้การอบรม ! ถึงจุดนี้ ทำให้ความรักมารดาไหลอาบหัวใจของทุกผู้คน กระทั่งพวกเขาหันกลับมายืนอยู่ฝั่งเดียวกับไป๋เสี่ยวเฉิน
หลังจากไป๋เสี่ยวเฉินทิ้งถ้อยคำดังกล่าวไว้แล้วเขาก็หันหลังเดินไปยืนข้างกายไป๋หยาน เขาเงยใบหน้าสีชมพูขึ้น แววตาของเขาเปล่งประกายสดใส
”หม่ามี้เฉินเอ๋อแค่เตือนเขา แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ฟังคำพูดของเฉินเอ๋อเลย งั้นหม่ามี้ก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพกับเขาแล้ว … ”
ไป๋หยานลูบศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉินพลางหันไปมองหลิวฮัน “ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าสิ่งที่เจ้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง ?”
ใบหน้าของหลิวฮันเปลี่ยนไปเล็กน้อยที่หญิงผู้นี้พูดหมายความเช่นไร ?
อย่างไรก็ตามเมื่อหวนคิดถึงความปั่นป่วนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมื่อไม่นานมานี้ หลิวฮันก็กัดฟันพูด “ข้าหลิวฮันไม่เคยโกหก !
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลิวฮันรับสินบนมาไม่น้อย ก่อนหน้านี้เขาโชคดีที่หลุดรอดจากการสังคายนาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ครั้งก่อน ครานี้จะมีการชำระล้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะวางแผนเพื่อตัวเอง
เหตุที่เขารับปากหลินย่าหานมิใช่เป็นเพราะเขาได้รับสินบนจากหลินย่าหาน หากแต่เป็นเพราะเขาต้องการใช้เรื่องนี้ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง
ลองคิดดูหากสตรีที่งดงามถึงเพียงนี้พลีกายให้เขา เขายังสามารถปฏิเสธได้โดยไม่นึกเสียดาย ผู้ที่มีน้ำใจประเสริฐเช่นนี้จะรับสินบนอื่น ๆ ได้เยี่ยงไร ?
เขาเชื่อว่าเมื่อผู้อาวุโสคนอื่นๆ รับรู้เรื่องนี้พวกท่านจะต้องชื่นชมในตัวเขา และเมื่อถึงเวลานั้นพวกผู้อาวุโสก็จะต้องเชื่อใจเขา
”ดีดีมาก ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วนะ เจ้าก็ยังปฏิเสธ … ” ไป๋หยานหรี่ตาลงพลางยิ้มเยาะ “ไม่ว่าเจ้าจะได้รับผลอันใดก็ตาม ! ก็ถือเสียว่าเจ้ารนหาที่เอง !”
ครั้นเห็นสีหน้าแววตาที่เย็นยะเยือก และดุดันของไป๋หยานแล้ว หลิวฮันก็ตกตะลึง เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างไม่รู้สาเหตุ
ความรู้สึกนี้ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างไม่สามารถควบคุมได้
”หลิวฮันศิษย์ในสังกัดของผู้อาวุโสชิงหง รับผิดชอบเรื่องอาวุธที่ใช้ในการแข่งขัน … ” ไป๋หยานยิ้มเล็กน้อย “หากข้าอยากจะติดสินบนเจ้าก่อนหน้านี้ ก็คือหาอาวุธที่ดีที่สุดสำหรับข้างั้นรึ ?”
หลิวฮันพยักหน้า”ใช่…เจ้าไม่เพียงแต่ให้ข้าหาอาวุธชั้นยอดให้เจ้าเท่านั้น หากแต่ยังให้ข้าเล่นตุกติกกับอาวุธของผู้อื่นด้วย ทว่าข้าไม่สามารถทรยศต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ !”
เพื่อความยุติธรรมแล้วไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่อาวุธที่จำเป็นสำหรับการประลองก็ยังต้องออกมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์
แค่นั้น…
ไป๋หยานหัวเราะคิก”เช่นนั้นเจ้าคงลืมไปแล้วว่าเจ้าพูดอะไรก่อนหน้านี้สินะ ก็เจ้าเพิ่งบอกเองว่าความแข็งแกร่งของข้ายังไม่สูงส่งพอมิใช่รึ ? เมื่อความแข็งแกร่งไม่สูงส่งพอ เช่นนั้นอาวุธจะมีประโยชน์ใดเล่า ?”
อาวุธมีพลังมากก็จริงแต่ยกตัวอย่างว่า หากคนที่ไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอต้องมาต่อสู้กับคนระดับซุนเจี่ยที่แข็งแกร่งกว่า ต่อให้นางมีอาวุธที่ทรงพลังเพียงใดก็ตาม จะสามารถดึงพลังของอาวุธออกมาใช้ได้อย่างไรกัน ?
เช่นนั้นแม้อาวุธจะมีความสำคัญ ทว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงนั้นกลับสำคัญยิ่งไปกว่า !
หลิวฮันนิ่งอึ้งเขาลืมแม้กระทั่งจะถามไป๋หยานว่า เหตุใดนางถึงได้ล่วงรู้ว่าเขาถูกมอบหมายให้ควบคุมอาวุธ ? เพราะเรื่องนี้เป็นที่รู้กันแค่ผู้ที่เป็นศิษย์หลักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ คนอื่น ๆ ก็รู้เพียงว่า เขามีส่วนร่วมในการแข่งขันครั้งนี้เท่านั้น
”ชิงหงยังมาไม่ถึงกระนั้นหรือ? ให้เขามาหาข้าเดี่ยวนี้ !” ไป๋หยานกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น พร้อมกับรอยยิ้มเยาะที่มุมปาก
ในการแข่งขันครั้งนี้นอกจากฉู่อีอี้แล้ว เจิ้งฉียังขอให้ศิษย์หลักสองคนมาช่วยด้วย และหลิวฮันผู้นี้เป็นคนของชิงหง !
หากแต่นางไม่คิดว่าหลิวฮันจะปฏิบัติต่อนางในฐานะผู้เข้าประลอง ทั้งยัง … ใส่ร้ายนาง
***จบบทกับดัก (5)***
บทที่ 849 : นางคือผู้ตัดสินลึกลับ (1)
ในเวลานั้น…
ด้านนอกฝูงชนเสียงที่มีเสน่ห์ดังมาจากด้านหลัง ทำให้ฝูงชนที่ส่งเสียงดังอื้ออึงกลับมาเงียบสงบลงอีกครั้งในทันใด
”พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี่?”
ด้านหลังของพวกเขาคือเด็กสาวในอาภรณ์สีเหลือง นางขมวดคิ้วมุ่น น้ำเสียงของนางดูค่อนข้างจะใจร้อน
ทันทีที่เห็นนางปรากฏตัวผู้คนที่อยู่ข้างหน้าก็กระจายตัวออกด้านข้าง
ศิษย์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อาจไม่เคยเห็นไป๋หยานทว่าไม่มีผู้ใดไม่รู้จักองค์หญิงน้อย ผู้ซึ่งใคร ๆ ต่างก็ขนานนามนางว่า ‘แม่มดน้อย’ เช่นนั้นเมื่อเห็นนางปรากฏตัว หลิวฮันก็ไม่เผชิญหน้ากับไป๋หยานอีก ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเผยรอยยิ้มออกมา
”องค์หญิงน้อยอาวุโสชิงหง อาวุโสชางหลิง ต่างก็มากันครบแล้ว เช่นนั้นการแข่งขันจะเริ่มขึ้นเมื่อใด ?”
”ตอนนี้เลย”ฉู่อีอี้เลิกคิ้วอย่างขี้เล่น นัยน์ตาที่ยิ้มแย้มของนางหันไปหาไป๋หยาน
นางกำลังจะเดินเข้าไปหาไป๋หยานทว่าเสียงของหลิวฮันพลันดังขึ้นจากด้านข้างอีกครั้ง
”องค์หญิงน้อยเรากำลังรอผู้ตัดสินอยู่มิใช่หรือ ?”
ฉู่อีอี้ก้าวขึ้นไปบนเวทีประลองก่อนจะหันหน้ามามองอย่างงงงวย พร้อมกับทำหน้าบึ้งตึง “ก็นางอยู่ที่นี่แล้วไง เจ้าจะรอผู้ใดอีกเล่า ?
คนพวกนี้นี่แปลกจริงๆ ไป๋หยานก็ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว พวกเขายังจะรอผู้ใดอีก ?
”…”
หลิวฮันเบิกตากว้างผู้ตัดสินมาถึงที่นี่แล้ว เหตุใดเขาถึงไม่รู้อะไรเลย ?
ดูเหมือนว่าฉู่อี้อี้จะไม่เห็นแววตาตื่นตกใจของเขานางหันกลับมาอีกครั้ง พลางก้าวเข้าไปหาไป๋หยานพร้อมรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าที่น่ารักน่าเอ็นดูของนาง
“ไป๋หยาน…ข้ามาช้าการแข่งขันจะเริ่มได้หรือยัง ?”
หลิวฮันยังคงมองหาผู้ตัดสินลึกลับท่ามกลางฝูงชนทันใดนั้นเขาก็เห็นฉู่อีอี้ เดินตรงไปหาไป๋หยาน ครั้นได้ยินถ้อยคำของนาง เขาก็คิดออกทันที
คิดได้เช่นนั้นร่างของเขาพลันแข็งทื่อ ใบหน้าของเขาซีดลงทันที กำปั้นของเขากำแน่นทว่าสั่นเล็กน้อย นัยน์ตาของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
”อาวุโสชิงหงหญิงผู้นี้ … หญิงผู้นี้ก็คือ … ”
ชายหนุ่มผู้ซึ่งติดตามฉู่อีอี้มาจ้องมองหลิวฮันเขาเห็นชัดเจนว่าปฏิกิริยาของหลิวฮันรุนแรงเหลือเกิน หากแต่เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด เขาจึงทำได้เพียงพยักหน้าเล็กน้อย
น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาทว่าในสถานที่ที่ซึ่งเงียบสงบเช่นนี้ ถ้อยคำของเขาก็มีน้ำหนักหนักหน่วงกระแทกหัวใจของทุกผู้คน
ร่างของฮั่วหยุนสั่นสะท้านนางต้องให้สาวใช้พยุงร่างไว้ เพื่อที่จะไม่ต้องล้มลงกับพื้น
ทว่า…
ปลายนิ้วซีดๆ ของนางจิกลงบนฝ่ามือของตน ทำให้นางชาไปหมดด้วยความเจ็บปวด
หญิงผู้นี้ไม่ได้เป็นศิษย์ที่เข้าร่วมการแข่งขันทว่า … เป็นผู้ตัดสินลึกลับของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้กระนั้นรึ ?
ไหนว่าลูกพี่ลูกน้องของนางรู้จักศิษย์ที่มีตำแหน่งสูงส่งทั้งหมดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหตุใดเขาจึงไม่เคยเห็นหญิงผู้นี้ ?
”ช้าก่อน…”
ขณะที่ฉู่อีอี้กำลังจะดึงร่างของไป๋หยานพาเข้าไปนั่งตรงที่นั่งผู้ตัดสินไป๋หยานก็ยกมือขึ้นหยุดการกระทำของนาง สายตาของไป๋หยานกวาดช้า ๆ ไปยังหลิวฮัน พร้อมรอยยิ้มเยาะ
”เจ้าเพิ่งบอกว่าพรสวรรค์ของข้าต้อยต่ำใช่หรือไม่?”
ประโยคนี้ทำให้ฉู่อีอี้ผู้ซึ่งไม่รู้อะไรเลยต้องตะลึงงัน นัยน์ตาสดใสและกลมโตของนางเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
ความสามารถของไป๋หยานยังต้อยต่ำอีกกระนั้นรึ? เช่นนั้นในโลกนี้จะยังมีอัจฉริยะเหลืออยู่อีกหรือ ?
ไป๋หยานก้าวเข้าไปใกล้หลิวฮันอีกสองก้าว”เจ้ายังบอกอีกว่า เพื่อให้ผ่านการรับคัดเลือกในครานี้ ข้าถึงกับติดสินบนเจ้าใช่หรือไม่ ?”
นัยน์ตาของฉู่อีอี้ยิ่งเบิกกว้างราวกับไข่ห่านนางมาสายเพียงนิด เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นที่นี่กันแน่ ?
***จบบทนางคือผู้ตัดสินลึกลับ (1)***
บทที่ 850 : นางคือผู้ตัดสินลึกลับ (2)
”ข้า… ” หลิวฮันถูกบังคับให้ถอยหลังห่างออกไปสองก้าว เหงื่อไหลรินออกมาจากหน้าผากของเขา แข้งขาของเขาสั่นเทา กระทั่งเกือบทรุดลงคุกเข่า
ไม่รอให้หลิวฮันได้หาข้อแก้ตัวที่เหมาะสมน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวของฉู่อีอี้ก็ดังขึ้น ครานี้ หลิวฮันกลัวจนเข่าทรุด ทั้งยังฉี่ราดจนส่งกลิ่นเหม็นกระจายไปทั่วสถานที่
”หลิวฮันเจ้ากล้ามากนะ ! ไป๋หยานสู้อุตส่าห์ยอมรับหน้าที่ผู้ตัดสิน เจ้ายังกล้าใส่ร้ายนาง ! นอกจากนี้ด้วยพรสวรรค์ของไป๋หยาน พวกเจ้าทุกคนรวมกันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย ! กล้าวิพากษ์วิจารณ์ว่าความสามารถของนางต่ำต้อยกระนั้นรึ ? ผู้ใดใช้ให้เจ้ากล้าดีเช่นนี้ ?”
ไป๋… ไป๋หยานกระนั้นรึ ?
ก่อนหน้านี้หลิวฮันไม่ทันได้ฉุกคิดทบทวนใดๆ แต่ครั้นเขาได้ยินถ้อยคำของฉู่อีอี้ เขาก็รู้สึกคุ้นเคยกับชื่อนี้ขึ้นมาทันที ราวกับว่าเขาเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง
ทันใดนั้นนัยน์ตาของเขาก็ตกลงมาจับจ้องเจ้าซาลาเปาน้อยข้างกายไป๋หยานพลันนัยน์ตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว และตื่นตระหนก
ไม่นานมานี้เขาได้ยินข่าวลือที่ว่า เจ้าเกาะศักดิ์สิทธิ์เป็นหลานสาวของไป๋ฉางเฟิง เจ้าสำนักเวชโอสถ ทั้งนางก็มักจะอยู่กับบุตรชายตัวน้อย ๆ น่ารักของนางเสมอ
เพียงทว่าเขาเคยได้ยินแค่ชื่อเสียงของนาง หากแต่ไม่เคยได้เห็นตัวจริงของนางเลย เช่นนั้นเมื่อครู่เขาจึงไม่คิดว่าหญิงผู้นี้จะเป็นนาง …
หากนางคือไป๋หยานจริงๆ ล่ะก็ สิ่งที่เขากล่าวไปเมื่อครู่นี้ก็ไร้สาระมากจริง ๆ !
หลิวฮันตัวสั่นศีรษะของเขายังคงแนบแน่นอยู่กับพื้น เขาไม่กล้ากล่าวแม้เพียงคำ
ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบเพียงเห็นแววตาของไป๋หยาน พวกเขาทั้งหมดก็มองหลิวฮันด้วยสายตาดูถูก และเย้ยหยันอย่างรุนแรง
เห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นี้มีฐานะสูงส่งมากในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หาไม่องค์หญิงน้อยคงไม่ยอมเป็นผู้ช่วยนางหรอก หากแต่ศิษย์ตัวเล็ก ๆ เช่นหลิวฮันซึ่งไม่ได้เป็นแม้กระทั่งศิษย์หลักกลับกล้าเอ่ยอ้างว่านางใช้ความงามติดสินบน เพื่อให้เขายื่นมือช่วยเหลือในการคัดเลือกเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์กระนั้นรึ ?
ไร้สาระไร้สาระมากจริง ๆ !
”องค์หญิงน้อยข้าน้อยผิดไปแล้ว” หลิวฮันโขกศีรษะอย่างแรง พร้อมกับน้ำตาไหลริน “หลินย่าหานขอให้ข้าทำสิ่งเหล่านี้ ข้าก็เพียงร่วมมือกับเขา คนร้ายตัวจริงก็คือเขา”
”หลินย่าหานงั้นรึ?” ฉู่อีอี้ขมวดคิ้ว นางใช้นิ้วของนางลูบคาง “ผู้ใดคือหลินหย่าหานกัน ?”
”เขา… เขาเป็นศิษย์ชั้นในของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังเป็นอาจารย์ของข้าด้วย”
“โอ้! เช่นนั้นก็ขับเขาออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปพร้อมกันเลย ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเราไม่ต้องการคนเช่นนี้”
ฉู่อีอี้โบกมือพร้อมกับตัดสินชะตากรรมของชายทั้งสองทันที
หลังจากกล่าวจบนางก็หันไปมองไป๋หยานพร้อมรอยยิ้ม พลางกระพริบตาเบา ๆ “ไป๋หยาน…จะให้ข้าจัดการกับคนพวกนี้อย่างไรดี ?”
”เจ้าก็ตัดสินใจเองสิ”
”ไม่เอา”ฉู่อี้อี้ทำปากจู๋ “ท่านพ่อของข้าสั่งให้ข้าเรียนรู้จากเจ้า ทั้งยังให้ข้าเชื่อฟังเจ้าทุกเรื่อง หากท่านพ่อของข้ารู้ว่า ข้าตัดสินใจเอง เขาต้องทุบข้าเป็นแน่”
ในความเป็นจริงความหมายในคำพูดของฉู่อีอี้นั้นชัดเจนมาก องค์หญิงน้อยของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ยังต้องฟังถ้อยคำของไป๋หยาน ผู้ใดจะกล้ามีปัญหากับหญิงผู้นี้กันเล่า ? เพียงหญิงผู้นี้บอกกับบิดาของนางคำเดียวก็สามารถขับไล่คนออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว
ท่ามกลางฝูงชนหลินย่าหานผู้ซึ่งกำลังเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ ครั้นเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีเสียแล้ว เขาก็พยายามวิ่งหนี ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้หนีพ้น เขาก็ถูกกลุ่มคนขวางไว้ ชายผู้หนึ่งกระแทกฝ่ามือเข้าที่หน้าอกของเขาจากนั้นก็กระแทกหมัดเข้าที่ใบหน้าอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะจับตัวเขามาอยู่ต่อหน้าไป๋หยานและฉู่อีอี้
***จบบทนางคือผู้ตัดสินลึกลับ (2)***