จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 871-875
บทที่ 871 : สามเดือนแล้ว (3)
อาณาจักรวิญญาณนั้นคล้ายคลึงกับอาณาจักรสวรรค์และอยู่ติดกับอาณาจักรอสูรทว่าผู้คนในอาณาจักรวิญญาณนั้นไม่ได้ทรงพลังเท่ากับอาณาจักรสวรรค์
ในวันนั้นสตรีจากแดนวิญญาณพาผู้คนเข้าสู่แดนอสูรเพื่อสร้างปัญหาและตั้งใจจะกำราบตี้คังให้เชื่องเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงนาง นั่นเป็นเหตุที่ไป๋หยานได้รับรู้ว่ามีอาณาจักรวิญญาณอยู่ด้วย …
”เนื่องจากผู้คนในอาณาจักรวิญญาณมาสร้างปัญหาในแดนอสูรหม่ามี้เลยคิดว่าความสามารถของท่านต่ำเกินกว่าที่จะต่อสู้กับบิดาของหญิงคนนั้น เช่นนั้นนางจึงต้องการมาฝึกฝนที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้”
ไป๋เสี่ยวเฉินกลับไปทำสีหน้าไร้อารมณ์เฉกเช่นเคยทว่าประกายกระหายเลือดในแววตาของเขากลับยิ่งเลวร้ายขึ้น ทำให้เจิ้งฉีและคนอื่น ๆ ตื่นตระหนก
ไป๋เสี่ยวเฉินแลดูแปลกไปมากในสายตาของพวกเขาแปลกไป … ราวกับว่าเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่แสนน่ารักและไร้เดียงสาได้เปลี่ยนเป็นคนละคน
”เฉินเอ๋อ… เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ? อย่าทำให้อาจารย์ตากลัวสิ อาจารย์ตาขี้กลัว จนจะทนดูไม่ไหวแล้ว”
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่ตอบคำถามของเจิ้งฉีเขายังคงถามต่อว่า “อาจารย์ตา ท่านคิดหรือไม่ว่าทุกคนในอาณาจักรวิญญาณสมควรตาย !”
”เพราะพวกมันทำให้หม่ามี้เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้และพวกมันอีกนั่นแหละที่ทำให้ข้าต้องแยกจากหม่ามี้ มันพรากแม่พรากลูก ! ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรวิญญาณหรืออาณาจักรสวรรค์ พวกมันทุกคนสมควรตาย !”
ใช่เพราะคนพวกนี้ทำร้ายไป๋หยานเช่นนั้นคนเหล่านี้จึงสมควรตาย !
“องค์ชาย”เสี่ยวหลงเอ๋อเช็ดน้ำตาจากปลายหางตาของนาง นางก้าวไปยืนข้างกายไป๋เสี่ยวเฉิน โดยไม่กลัวความโกรธของเด็กชายน้อยเลย นางเบะปากจากนั้นน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง ต้องโทษคนพวกนี้ ! ในวันหน้าหลงเอ๋อ ก็ต้องฝึกฝนให้เก่ง เพื่อไปฆ่าคนเลวเหล่านั้นล้างแค้นให้ราชินี ”
สำหรับเสี่ยวหลงเอ๋อแล้วถ้อยคำของไป๋เสี่ยวเฉินถูกต้องเสมอ หากเขาบอกว่าเป็นเพราะอาณาจักรวิญญาณ และอาณาจักรสวรรค์ที่ทำร้ายราชินี ก็ย่อมต้องเป็นความผิดของคนพวกนั้นแน่ ๆ !
ผู้ใดก็ตามที่ทำร้ายราชินีจะต้องถูกสาปแช่ง!
*****
ในเวลาเดียวกันภายในแดนอสูร ตี้คังกำลังสนทนาอยู่กับลูกน้องของเขา ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกอึดอัดในอก ไม่สบายใจเลย หัวใจของเขาบีบรัดแน่น กระทั่งคิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย
”ราชา”ฮัวหยูตกใจ พลางเอ่ยถามต่อว่า “เกิดอะไรขึ้น ?”
ใบหน้าของตี้คังค่อนข้างซีดเล็กน้อย”ก่อนหน้านี้ ข้าปิดผนึกพลังโลหิตของเฉินเอ๋อ ทว่ายามนี้พลังโลหิตนั้นกลับมีแนวโน้มที่จะพุ่งพล่านขึ้นอีก แสดงว่าเขาต้องได้รับการกระตุ้นบางอย่าง”
ในโลกนี้มีคนเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินบ้าคลั่งได้ …และคนผู้นั้นก็คือไป๋หยาน !
ไม่ดีแน่!
หยานเอ๋อต้องกำลังตกอยู่ในอันตราย!
ตี้คังลุกขึ้นเพียงชั่วพริบตาเขาก็หายตัวไปราวกับกระแสลมพัด โดยไม่คำนึงถึงกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังเขาแม้แต่น้อย …
*****
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้
ภายใต้ท้องฟ้าสีขาวไป๋หยานยังคงยืนอยู่ในป่าที่กำลังสั่นสะเทือน ยามนี้เบื้องหน้าของนางมีสัตว์อสูรที่สูงราวกับภูเขาขนาดยักษ์ เสื้อผ้าของนางสกปรกมอมแมมราวผ้าขี้ริ้ว
”เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
ครั้นรู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนของพื้นดินไป๋หยานก็ขมวดคิ้ว : “หรือเป็นเพราะข้าสังหารสัตว์อสูรมากเกินไป เช่นนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้จึงถล่มลง ? ไม่นะ หากมันเป็นเช่นนั้นจริง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่น่าปล่อยสัตว์อสูรจำนวนมากออกมาโจมตีข้า”
ท่าทางของไป๋หยานค่อยๆ กลับมาสง่างามเฉกเช่นเคย นางกระชับดาบยาวในมือแน่น ยามนี้นางกำลังยืนอยู่ท่ามกลางซากสัตว์ที่สูงท่วมพื้นดิน
ท้องฟ้าแหวกออกราวผืนผ้าภูเขาที่กำลังสั่นไหวก็ยิ่งสั่นสะเทือน ดูเหมือนว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของป่าแห่งนี้กำลังจะทรุด
หัวใจของไป๋หยานเริ่มเป็นกังวล
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ล่มสลายแล้วจริงๆ หรือ ? หากนางไม่ออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ก่อน นางเกรงว่านางจะออกจากสถานที่แห่งนี้ไม่ได้อีกตลอดชีวิต
”ข้ารู้เพียงว่าหากข้าตายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์น้อย ข้าก็จะสามารถออกจากสถานที่แห่งนั้นได้ ทว่าก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ฉู่หรานไม่ได้บอกวิธีออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้นี้แก่ข้า หรือว่าข้าต้องตาย ?”
ไม่! ในสถานที่แห่งนี้ หากนางตาย ก็หมายความว่านางต้องตายจริง ๆ เลย เช่นนั้นการออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ย่อมต้องไม่ใช่วิธีนี้แน่ !
***จบบทสามเดือนแล้ว (3)***
บทที่ 872 : การเปลี่ยนแปลงในดินแดนใหญ่ (1)
ภายในป่าท้องฟ้าเต็มไปด้วยเศษฝุ่นละออง ราวกับว่าทั้งโลกกำลังพังทลายลง ท้องฟ้าที่บริสุทธิ์ยามนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทาและมืดมน
ไป๋หยานนิ่งขมวดคิ้ว ยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมแห่งความตาย นางพยายามคิดหาทางออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ อย่างไรก็ตามก่อนที่นางจะนึกวิธีออก ท่อนไม้ท่อนหนึ่งพลันลอยมาด้านหน้าปะทะนางเข้าอย่างแรง
บูม!
ไป๋หยานยกมือขึ้นเบาๆ กระแทกท่อนไม้นั้นดังปัง มันแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ร่วงสู่พื้นทันที
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองท่อนไม้อีกหลายท่อนก็พุ่งเข้ามาโจมตีไป๋หยานอย่างรวดเร็วจากทุกทิศทุกทาง ไป๋หยานพุ่งไปข้างหน้า นางกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนท่อนไม้ กวาดตามองโดยรอบอย่างระมัดระวัง
”ไม่ไม่จริง หากข้าออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ไม่ได้ ข้าก็ต้องถูกกักขังไว้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้นี่ตลอดชีวิต ทั้งจะหายไปกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ ”
คิ้วของนางกระตุกพลันเหงื่อเย็นก็หลั่งออกมาจากหมัดที่กำแน่น
ชั่วขณะนี้ใบหน้าของตี้คังและไป๋เสี่ยวเฉินก็มาปรากฏเบื้องหน้านาง ซึ่งทำให้อารมณ์ของนางมั่นคงขึ้น
”ไม่ข้าไม่ยอมตายอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้นี้แน่ เฉินเอ๋อกับตี้คังยังรอข้าอยู่ ข้าต้องออกไปจากที่นี่”
ทันใดนั้นเองกองท่อนไม้ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าไป๋หยานพลันไถล ร่างของนางพลันร่วงหล่นลงไปด้วย
ขณะที่ร่างของนางกำลังจะร่วงหล่นนั้นจู่ ๆ มือข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาจากด้านหลังคว้าร่างของนางไว้ พฤติกรรมนี้แปลก ๆ ทว่านางกลับค่อนข้างคุ้นเคย
ร่างของไป๋หยานแข็งทื่อนางหันศีรษะไปมองด้วยความประหลาดใจ
ใบหน้าที่หล่อเหลาของชายผู้นั้นราวกับเทพบุตรในสายตาของนาง
เสื้อคลุมสีขาวไร้จุดด่างดำหล่อเหลาราวเทพบุตร เส้นผมสีขาวของเขาปลิวสยายตามสายลมเปล่งประกายเงางาม ภายใต้ท้องฟ้าสีเทาหม่นเขากลับยังดูสะอาดสะอ้าน
”ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
ไป๋หยานนิ่งงันขณะเอ่ยถาม
”ก็เจ้าตกอยู่ในอันตรายข้าก็เลยมาที่นี่” รอยยิ้มของชายผู้นั้นเปล่งประกายแสงอบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในหัวใจของนาง “ตอนนี้หากเจ้าต้องการออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้นี่ ข้าก็จะช่วยเจ้า … ”
ความปิติยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของไป๋หยานนางเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มรูปงามที่อยู่เบื้องหน้า พลางเอ่ยตอบว่า “อืม ข้าอยากจะออกไปข้างนอก”
ริมฝีปากของเฟิงลี่เฉินโค้งขึ้นนิ้วของเขากวาดไปบนอากาศเล็กน้อย ทันใดนั้นคลื่นแสงก็แผ่กระจายออกจากนิ้วมือของเขา และค่อย ๆ ก่อตัวเป็นประตู
”ไปเถอะออกไปจากที่นี่ เจ้าจะปลอดภัย”
ไป๋หยานพยักหน้านางหันกลับเดินไปที่ประตูซึ่งเฟิงลี่เฉินเป็นผู้เปิดให้ หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าวนางก็หยุด ทว่าก็ยังหันหลังให้ชายที่อยู่ด้านหลัง
”เฟิงลี่เฉินท่านเป็นผู้ใดกันแน่ …? ฉู่อี้เฟิงเป็นอะไรกับท่าน ?”
ชายผู้นี้ไม่เพียงแต่มีใบหน้าเหมือนกับฉู่อี้เฟิงทว่าเขายังสามารถเข้า-ออกดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย หากบอกว่าพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์กัน ไป๋หยานก็ไม่อยากจะเชื่อเลย
”วันนี้ข้ายังไม่อาจบอกเจ้าเกี่ยวกับสิ่งที่เจ้าสงสัยทว่าหากถึงเวลา เมื่อวันหน้าเจ้าไปถึงแดนสวรรค์ เจ้าก็จะรู้เอง”
”ข้าเข้าใจ”
เฟิงลี่เฉินช่วยนางถึงสองครั้งสองคราในเมื่อเขาไม่ต้องการที่จะพูด นางก็ไม่อยากถามอีก นางเดินช้า ๆ ไปที่ประตูที่ซึ่งเปิดไว้
ครั้นร่างของหญิงสาวหายลับตาไปรอยยิ้มของเฟิงลี่เฉินก็ค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ
เขาเฉยเมยราวกับทะเลสาบมีเพียงความเศร้าระทมในแววตา เขาพึมพำกับตนเองว่า “หวังว่า…เมื่อเจ้ารู้เรื่องทุกอย่างแล้ว เจ้าจะยังสามารถเผชิญหน้ากับข้าได้อย่างสงบ”
แลดูช่างอ้างว้างเดียวดาย…
เฟิ่งลี่เฉินหลับตาลงช้าๆ นัยน์ตาที่เกลียดชังของนางค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในใจของเขา
สายตาของนางราวกับดาบแหลมคมที่ทำให้หัวใจของเขาแตกสลาย แม้จะผ่านมานานนับสหัสวรรษ ทว่าเขาก็ยังจำได้ดี
***จบบทการเปลี่ยนแปลงในดินแดนใหญ่ (1)***
บทที่ 873 : การเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินใหญ่ (2)
ขอเพียง… นางไม่เกลียดเขา แม้ว่านางจะจำเขาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
เฟิ่งลี่เฉินลืมตาขึ้นช้าๆ ภายใต้สายลมแผ่วพริ้ว เส้นผมของเขาปลิวไสวแลดูเศร้าสร้อยและเหงาหงอย
*****
ในป่าดอกท้อเสียงแหกปากร้องลั่นจากดวงใจที่แตกสลายของเสี่ยวหลงเอ๋อดังก้อง ความแดงของเส้นเลือดที่อยู่ในดวงตาของไป๋เสี่ยวเฉินก็ค่อย ๆ แผ่ออกไปเรื่อย ๆ กระทั่งมีแนวโน้มว่าจะคลอบคลุมไปทั่วตาของเขาแล้ว
การแสดงออกของเจิ้งฉีและคนอื่น ๆ เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ขณะที่ฉู่หรานรู้สึกเสียใจ กระทั่งใช้หมัดทุบต้นท้อซ้ำ ๆ ทั่วทั้งป่าดอกท้อเต็มไปด้วยความเศร้า …
ทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ทำให้ป่าดอกท้อที่มีเสียงดังระงมพลันเงียบสงบลงทันที
”พวกท่านมาทำอะไรที่นี่?”
เสียงนี้ทุกคนต่างก็คุ้นเคยดี
ทันใดนั้นเสี่ยวหลงเอ๋อก็หยุดร้องไห้เจิ้งฉีและคนอื่น ๆ ต่างก็หันกลับไปมอง แม้แต่ฉู่หรานเองก็ยังหยุดทุบต้นไม้ สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่สตรีในอาภรณ์สีแดง …
นางยังคงสวยงามมากเช่นเดิมงามราวกับมงกุฎประดับโลก
เมื่อทาบกับฉากหลังของพระอาทิตย์ยามเย็นแล้วอาภรณ์สีแดงของนางก็ยิ่งแลดูทรงอำนาจและงดงาม
”หม่ามี้!”
ในขณะที่ไป๋หยานกำลังยืนงงมองดูกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยความประหลาดใจอยู่นั้น เสียงร้องไห้พลันดังขึ้น ทันใดนั้นเองร่างเล็ก ๆ ก็วิ่งมาปะทะอ้อมแขนของนาง
ร่างของไป๋เสี่ยวเฉินสั่นสะท้านสองมือกอดแขนของไป๋หยานแน่น ราวกับหวาดกลัวว่านางจะหายไปได้ตลอดเวลา
”หม่ามี้เฉินเอ๋อกลัวมากเลย … เฉินเอ๋อกลัวว่า หม่ามี้จะทิ้งเฉินเอ๋อไป ปล่อยให้เฉินเอ๋ออยู่ตัวคนเดียวที่นี่”
เขาเงยหน้าขึ้นใบหน้าเล็ก ๆ อมชมพูน่ารักนั้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เขามองไป๋หยานอย่างน่าสงสาร
ชั่วขณะนี้แสงสีแดงเลือดในดวงตาของเขาก็หายไปหมดแล้วนัยน์ตาดำขลับกลับมาสดใสเช่นเดิม อย่างไรก็ตามก็ยังหลงเหลือความหวาดกลัวลึก ๆ ในแววตา เขากอดไป๋หยานแน่นไม่ยอมปล่อย …
“เฉินเอ๋อนี่แม่ทำให้เจ้ากลัวหรือ ?”
ไป๋หยานมองไปที่ประตูสำริดที่ซึ่งแตกสลายอยู่บนพื้น นางคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทันที นางกอดร่างที่อ่อนนุ่มไว้ในอ้อมแขน พลางกล่าวอย่างเป็นทุกข์ : “ไม่ต้องกังวล แม่จะทิ้งเจ้าไปได้อย่างไร ?”
”จริงๆ นะ ?”
บางทีเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่อาจทำให้เด็กชายตัวน้อยคนนี้หวาดกลัวมาก สายตาที่เขามองไป๋หยานยามนี้ไม่ได้เต็มไปด้วยความเชื่อใจเช่นในอดีต หากแต่มีความเคลือบแคลงสงสัย
“นี่เจ้าคิดว่าแม่จะไม่กลับมางั้นหรือ?” ไป๋หยานปลอบโยนเด็กชายอย่างอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มบนริมฝีปากบาง
ความสงสัยในแววตาของไป๋เสี่ยวเฉินกลับมาเหมือนเดิมแล้วเขากล่าวอย่างน่าสงสารว่า “หม่ามี้ ไม่ว่าหม่ามี้จะไปไหน ต่อไปหม่ามี้ต้องพาเฉินเอ๋อไปด้วยนะ เฉินเอ๋อไม่ใช่ตัวภาระ เฉินเอ๋อสามารถช่วยหม่ามี้ จะไม่สร้างปัญหา อย่าทิ้งเฉินเอ๋ออีกนะ เฉินเอ๋อกลัวจริง ๆ … กลัวว่าจะไม่มีวันได้เห็นหม่ามี้อีก”
”เด็กน้อย”ไป๋หยานอดไม่ได้ที่จะกอดร่างของเด็กชายตัวน้อย พลางตบหลังเขาเบา ๆ “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ไม่เหมาะที่จะพาเจ้าไปด้วยได้ นอกจากนี้ แม่จะลืมสัญญาว่าจะอยู่กับเฉินเอ๋อตลอดไปได้อย่างไร ? ต่อให้แม่ต้องตกนรก แม่ก็จะกลับมาจากนรก เพื่อมาอยู่กับเฉินเอ๋อ ตกลงหรือไม่ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินส่ายศีรษะอย่างดื้อดึง”เฉินเอ๋อจะไม่ยอมให้หม่ามี้ตกนรกเพียงลำพัง หากหม่ามี้ตกนรกก็ต้องเอาเฉินเอ๋อไปด้วย ถึงเวลานั้นเราแม่ลูกจะรวมพลังกันแล้วกลับมาจากนรก”
”อืมดี”
หัวใจของไป๋หยานอ่อนไหว
บุตรชายของนางฉลาดทั้งมีเหตุผลนางจะปฏิเสธเขาได้อย่างไร ?
ในชีวิตนี้สิ่งที่นางเลือกถูกต้องที่สุด ก็คือการไม่ลังเลที่จะให้กำเนิดเด็กชายน้อยผู้นี้
***จบบทการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินใหญ่ (2)***
บทที่ 874 : การเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินใหญ่ (3)
นางปล่อยตัวไป๋เสี่ยวเฉินจากนั้นก็มองเสี่ยวหลงเอ๋อที่เศร้าโศกไม่แพ้กัน นางยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเด็กหญิง “เสี่ยวหลงเอ๋อ ข้าทำให้เจ้าหวาดกลัวด้วยหรือไม่ ?”
การปลอบประโลมที่อ่อนโยนของไป๋หยานทำให้เสี่ยวหลงเอ๋อร้องไห้ออกมาอีกครั้ง นางถลาเข้าไปในอ้อมแขนของไป๋หยาน น้ำตาเปียกชุ่มอกเสื้อของไป๋หยาน
”ราชินีท่านเป็นคนดีที่สุดในโลกสำหรับข้า ดีกว่าญาติของข้าจริง ๆ ข้าไม่อยาก … ไม่อยากให้ท่านเป็นอะไรเลย”
ไป๋หยานตบหลังเสี่ยวหลงเอ๋อความสงสารปรากฏในแววตาของนาง “หลงเอ๋อ ตั้งแต่ข้ารับเจ้ามา ข้าก็ปฏิบัติกับเจ้าไม่ต่างจากบุตรสาว นอกจากนี้ เฉินเอ๋อกับเสี่ยวมี่ก็เป็นเหมือนญาติของเจ้า หากข้าต้องจากไปไหนสักพัก เจ้าและเฉินเอ๋อจะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันเข้าใจหรือไม่ ?”
เสี่ยวหลงเอ๋อพยักหน้ารับ”ตกลง ต่อไป ข้าจะรอราชินีกลับมาพร้อมกับองค์ชาย”
หลังจากไป๋หยานปลอบโยนเด็กน้อยทั้งสองแล้วนางก็หันไปมองฉู่หรานและเจิ้งฉี
”ศิษย์ข้า…” เจิ้งฉียิ้มอย่างขมขื่น “เจ้าคงไม่รู้สินะว่า เจ้าทำให้อาจารย์ของเจ้ากลัวแทบตาย ?”
”ท่านอาจารย์ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านเป็นกังวล” ไป๋หยานกล่าวขอโทษ
ภารกิจในครั้งนี้ของนางทำให้ชายชราเหล่านี้หวาดกลัวจริง ๆ โชคดีที่นางกลับมาทันเวลา หาไม่ก็คงยากที่จะคาดเดาว่าชายชราเหล่านี้จะทำอะไร
”เฮ้อ!” เจิ้งฉีถอนหายใจ “ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้าจึงหัวแข็งเช่นนี้ เจ้าสามารถสร้างอิทธิพล โดยอาศัยชื่อเสียงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ทว่าเจ้าก็ไม่เคยทำ เจ้ามาถึงวันนี้ได้โดยอาศัยความสามารถของตนเองล้วน ๆ ตาแก่อย่างพวกข้าก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ข้าตามความคิดของเจ้าไม่ทันจริง ๆ ”
ฉิวชู่หรงยังคงจ้องมองพร้อมกับเอ่ยกล่าวด้วยความโกรธ “อย่าทำเรื่องอันตรายเช่นนี้อีก แค่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี่ก็สงบปลอดภัยพอแล้ว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าก็มีความสัมพันธ์กับสำนักใหญ่ทั้งสามแล้ว เหตุใดจึงต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงอีก ?”
”อืม”ไป๋หยานรับคำพอเป็นพิธี
ฉิวชู่หรงถอนหายใจด้วยความโล่งอกตราบใดที่นางยังคงอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะไม่ยอมให้นางเผชิญหน้ากับอันตรายอีก ?
”โอ้! แต่อย่างไร ข้าก็จะต้องออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปสักพัก ทว่าอีกไม่นานข้าก็จะกลับมา”
”เจ้านี่… ” ฉิวชู่หรงกลั้นหายใจ สีหน้าของเขาบึ้งตึง
นางเพิ่งสัญญากับเขาเมื่อกี้นี่นางลืมแล้วกระนั้นหรือ ?
”ท่านอาจารย์แล้วข้าจะกลับมาหาท่านอีก เฉินเอ๋อ เสี่ยวหลงเอ๋อ เราต้องไปกันแล้ว”
ไป๋หยานไม่ให้โอกาสฉิวชู่หรงตอบสนองใดๆ นางดึงไป๋เสี่ยวเฉิน และ เสี่ยวหลงเอ๋อเดินออกไปนอกป่าท้ออย่างรวดเร็ว
ฉิวชู่หรงกระทืบเท้าอย่างหงุดหงิด”ศิษย์ หยุดก่อน !”
ทันทีที่เขากล่าวเช่นนี้ไป๋หยานก็รีบเดินเร็วขึ้น เพียงพริบตาก็หายลับไปจากสายตาของพวกเขา
ในขณะที่ฉิวชู่หรงต้องการที่จะไล่ตามไปฉู่หรานก็ยกมือขึ้นขวางทางของเขา
”ผู้อาวุโสสามวันหน้าไป๋หยานจะไม่ได้อยู่ที่นี่ นางจะต้องก้าวไกลไปกว่านี้ หากท่านขวางทางนาง ก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับนางเลย”
ฉิวชู่หรงตะโกน”ข้าไม่ได้ทะเยอทะยานสูงส่ง ทั้งข้าก็ไม่ต้องการให้ศิษย์ข้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่อะไรนักหนา ข้าเพียงหวังว่านางจะมีชีวิตที่ปลอดภัย โดยไม่ต้องกังวล แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”
ฉู่หรานยิ้มอย่างขมขื่น”ผู้อาวุโสสามลืมไปแล้วหรือไรว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ไม่มีผู้ใดที่เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้แล้วรอดชีวิตกลับออกมาได้ ทว่านางก็ทำสำเร็จ สามปีในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ทำให้นางแข็งแกร่งขึ้น แม้ข้าเองก็ยังไม่สามารถมองเห็นความแข็งแกร่งของนางได้ เช่นนั้นเส้นทางของนางจึงไม่ใช่สิ่งที่ท่านสามารถหยุดยั้งได้”
***จบบทการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินใหญ่ (3)***
บทที่ 875 : การเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินใหญ่ (4)
ฉิวชู่หรงตัวแข็งทื่อพลันรอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าชราของเขา
”เป็นมังกรก็ย่อมต้องต่อสู้เหตุใดข้าจะไม่เข้าใจความหมายของประโยคนี้ ทว่าข้ากลัวมากจริง ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้ารับลูกศิษย์คนนี้แค่คนเดียว ! จะทนดูนางเผชิญความทุกข์ยากได้อย่างไร ?”
น้ำตาขุ่นๆ สองสายไหลหยดลงมาจากมุมหนึ่งของดวงตาฉิวชู่หรง ทำให้สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
เหรินอี้ตบไหล่ของฉิวชู่หรงเขาเองก็ไม่ต้องการให้ศิษย์ของเขาออกนอกสายตาอีกต่อไป ทว่านี่เป็นทางเลือกของไป๋หยาน พวกเขาเป็นอาจารย์ จะไปบังคับนางได้อย่างไร ?
”อาจารย์ตาทั้งสาม”
ทันใดนั้นเองเสียงอ่อนนุ่มก็ดังมาจากด้านหน้า
เจิ้งฉีและคนอื่นๆ เงยหน้าขึ้นมอง จึงเห็นว่า ไป๋เสี่ยวเฉินที่จากไปแล้วเดินกลับมา ร่างเล็ก ๆ พุ่งเข้าหาชายทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว
”อาจารย์ตาทั้งสามหม่ามี้กลัวว่าพวกท่านจะไม่ปล่อยให้นางจากไปอีก เช่นนั้นนางจึงไม่กล้ากลับมา แต่นางให้เฉินเอ๋อมามอบตำราปรุงยาของนางให้กับอาจารย์ตาทั้งสาม เพื่อขอบคุณที่พวกท่านช่วยชีวิต ทั้งยังช่วยฝึกฝนนาง”
ไป๋เสี่ยวเฉินนำตำรายาออกจากถุงเก็บ และส่งมอบให้กับเจิ้งฉี
“นอกจากนี้หม่ามี้ยังบอกด้วยว่าอาจารย์ทั้งสามจะเป็นอาจารย์ของนางตลอดไป ไม่ว่าวันหน้านางจะไปที่ใด นางก็จะต้องรักษาชีวิตของนางและกลับมาหาอาจารย์ตาทั้งสามให้ได้”
หลังจากไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวอย่างนี้แล้วเขาก็กอดอาจารย์ตาทั้งสามทีละคน และยังไปกอดฉู่หรานแน่นอีกด้วย
หลังจากที่กอดพวกเขาทีละคนแล้วไป๋เสี่ยวเฉินก็เดินไปที่ฉิวชู่หรง เอ่ยกล่าวอย่างเบา ๆ ว่า “อาจารย์ตาสาม หม่ามี้รู้ว่าท่านเป็นห่วงนาง และเฉินเอ๋อเองก็เข้าใจท่าน แต่ … อาจารย์ตาสามอย่ากังวลเลย เฉินเอ๋อจะไม่ยอมให้หม่ามี้เสี่ยงอันตรายใด ๆ อีก เฉินเอ๋อจะพาหม่ามี้กลับมาโดยสวัสดิภาพ”
ฉิวชู่หรงถอนหายใจ เขาแตะศีรษะเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน “หลานรัก ลืมมันไปเสียเถอะ บอกมารดาของเจ้าด้วยว่า อาจารย์สามจะไม่บังคับให้นางอยู่ที่นี่ แต่หากข้ารู้ว่านางเสี่ยงอันตรายเช่นนี้อีก นางจะไม่ได้ออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้อีกเลย ต่อให้ข้าต้องขังนาง ข้าก็จะทำ !”
”อาจารย์ตาสามเฉินเอ๋อจะดูแลหม่ามี้อย่างดี หากหม่ามี้กล้าทำเรื่องเช่นนั้นอีก เฉินเอ๋อ … เฉินเอ๋อจะช่วยตีก้นหม่ามี้แทนอาจารย์ตาสามเอง ดีมั้ย ?”
คำพูดแบบเด็กๆ เช่นนี้ ทำให้ฉิวชุู่หรงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะทั้งน้ำตา เขาแอบเช็ดมันออกอย่างระมัดระวัง
“เอาละอาจารย์ตาทั้งสามเชื่อเฉินเอ๋อ หากมารดาของเจ้าไม่เชื่อฟังเจ้า จงกลับมาบอกอาจารย์ตาทั้งสามนะ”
”เฉินเอ๋อเข้าใจแล้วเฉินเอ๋อต้องออกเดินทางไปก่อน อาจารย์ตาทั้งสาม เฉินเอ๋อจะคิดถึงพวกท่าน”
ไป๋เสี่ยวเฉินได้กล่าวคำอำลาฉู่หรานและอาจารย์ตาทั้งสามพร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะหันหลังกลับแล้ววิ่งเหยาะ ๆ ตรงไปด้านหน้า
เพียงพริบตาก็หายลับไปจากสายตาของทุกคน…
”แม่นางไป๋ช่างโชคดีจริงๆ นางได้ให้กำเนิดบุตรชายที่มีเหตุผลอย่างนี้” ฉู่หรานยิ้มพลางถอนหายใจอย่างเศร้า ๆ “เมื่อไหร่ที่ข้าจะสามารถมีหลานชายเป็นของตนเอง ? ทว่า ด้วยนิสัยของอี้เฟิงแล้ว คาดว่า เขาคงไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายที่น่ารักและมีชีวิตชีวาเช่นนี้ได้”
สำหรับฉู่อีอี้ …
ครั้นฉู่หรานคิดถึงเรื่องที่ฉู่อีอี้ชักชวนไป๋เสี่ยวเฉินไปสร้างปัญหาทุกหนทุกแห่งแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
ลืมไปเถอะข้าไม่ควรคาดหวังกับฉู่อีอี้ ! หาไม่ หลังจากที่ฉู่อีอี้ให้กำเนิดลูก นางมิพาลูก ๆ ไปสร้างปัญหาทุกหนทุกแห่งหรอกหรือ ?
ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้ฉู่อีอี้เป็นโสดเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่เร่งเร้าให้นางรีบแต่งงาน
โชคดีที่ฉู่อีอี้ไม่รู้ว่าฉู่หรานคิดสิ่งใด หาไม่ นางจะมีความสุขหรือเศร้าก็ไม่รู้ได้ ?
***จบบทการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินใหญ่ (4)***