จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 876 -880
บทที่ 876 : การเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินใหญ่ (5)
”หม่ามี้เราจะไปไหนกัน ?”
นอกอาณาเขตดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไป๋หยานหยุดพัก
ไป๋เสี่ยวเฉินจับมือนางยืนอยู่ข้างๆ พลางเอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยน
”แม่วางแผนจะกลับไปที่สำนักเวชโอสถก่อนจากนั้นจึงจะไปเยี่ยมท่านตาที่บ้านสกุลหลาน”
ท่านตาบ้านสกุลหลานนั้นรักเอ็นดูนางจากใจจริงไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์อันใดจากนาง ทั้งนางก็ไม่ได้กลับไปเยี่ยมเขานานมากแล้ว เช่นนั้นนางจึงควรต้องกลับไปเยี่ยมท่านตาที่บ้านสกุลหลาน …
”หลังจากพบทุกคนแล้วเราจะไปตามหาเซียวเอ๋อกัน”
ไป๋หยานยืนนิ่งมองขึ้นไปบนท้องฟ้าตอนนี้ไม่รู้ว่าเซียวเอ๋อไปอยู่ที่ใดแล้ว ? …
สำนักเวชโอสถ…
ไป๋ฉางเฟิ่งกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งหินในสนามหญ้าวางหมากดำในมือของเขาลงบนกระดานหมากรุก เขาหัวเราะเสียงดัง “อาวุโสฉีชาง ข้าชนะเจ้าอีกแล้ว วันนี้ดูเหมือนท่านจะโชคไม่ดีเลยเลยนะ”
เขายิ้มพลางมองชายชราที่อยู่เบื้องหน้า ร่องรอยความละอายปรากฏบนใบหน้า
”เอ่อ… ข้าเดาว่า เป็นเพราะวันนี้ข้าเหนื่อยเกินไป รอให้ข้าได้พักผ่อนสักครึ่งวันก็น่าที่จะดีขึ้น”
”แพ้ก็คือแพ้จะหาข้อแก้ตัวเพื่อ ?” ไป๋ฉางเฟิ่ง จ้องมองผู้อาวุโสฉี “แต่ช่างเถอะ วันนี้ข้าอารมณ์ดี ไว้เราค่อยมาเล่นกันต่อพรุ่งนี้ก็ได้… ”
บูม!
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากประตูทางเข้าสำนักที่อยู่ไม่ไกลกันนักไป๋ฉางเฟิ่งรีบลุกขึ้นยืนทันที
”เกิดอะไรขึ้น…
“ท่านเจ้าสำนักข้าออกไปดูเอง” ใบหน้าของอาวุโสฉีพลันเคร่งขรึม และจริงจัง เขาป้องหมัด เอ่ยกล่าวด้วยความเคารพ
”ไม่”แววตาของไป๋ฉางเฟิ่งเย็นชา “ข้าจะไปพร้อมเจ้า ข้าเองก็อยากดูว่าผู้ใดกันที่กล้ามาสร้างปัญหาถึงสำนักเวชโอสถของข้า !”
หลังจากกล่าวแล้วไป๋ฉางเฟิ่งก็เดินนำหน้า โดยมีผู้อาวุโสฉีเดินตามหลังเขาไปเรื่อย ๆ ทั้งคู่ออกจากสำนักเวชโอสถไปอย่างรวดเร็ว
*****
ด้านนอกประตูทางเข้าสำนักกลุ่มยอดฝีมือยืนอยู่บนอากาศว่างเปล่า ภายใต้แรงกดดันนี้ ศิษย์ของสำนักเวชโอสถถึงกับคลานไปกับพื้น เนื้อตัวสั่นเทา
ครั้นไป๋ฉางเฟิ่งก้าวออกจากประตูเขาก็มองไปที่ยอดฝีมือซึ่งอยู่ด้านบน พลันรู้สึกถึงกดดันจากคนเหล่านี้ ใบหน้าชราของเขาก็ยิ่งเคร่งขรึม
”พวกเจ้าเป็นใคร? มาหาข้าด้วยเหตุอันใด ?”
ชายวัยกลางคนที่ยืนหน้าสุดมีใบหน้าที่หยิ่งผยองอีกทั้งคุกคามอยู่ตลอดเวลา เอ่ยตอบว่า
”เราต้องการยึดสถานที่แห่งนี้พวกเจ้าทุกคนไสหัวไปซะ !”
ใบหน้าของไป๋ฉางเฟิ่งเปลี่ยนไปทันทีคนกลุ่มนี้ต้องการครอบครองสำนักเวชโอสถ เขาจะอดทนพูดดี ๆ กับคนพาลไปเพื่อ… ?
“เทือกเขาแห่งนี้เป็นที่ตั้งของสำนักเวชโอสถย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เจ้ายึดครอง ออกไปซะ !” เขากล่าว ขณะที่มือยังคงไพล่อยู่ด้านหลัง ทั้งสีหน้าของเขาก็ไม่แปรเปลี่ยนแต่อย่างใด
แววตาของชายวัยกลางคนส่องประกายแสงมืดมน”อาณาจักรวิญญาณของข้าอยากได้สิ่งใดก็ต้องได้ หากเจ้าไม่ยอมมอบภูเขาลูกนี้ให้แก่เรา ข้าก็ต้องสังหารพวกเจ้า !”
ทันทีที่ถ้อยคำดังกล่าวจบลงเขาก็ค่อย ๆ ยกมือขึ้น …
เพียงไม่ช้ากลุ่มยอดฝีมือที่อยู่ด้านหลังเขา ก็กระโจนลงมา ตรงเข้าโอบล้อมไป๋ฉางเฟิ่งกับอื่น ๆ
กลิ่นอายของแต่ละคนนั้นทรงพลังอย่างยิ่งทำให้ไป๋ฉางเฟิ่ง รู้สึกอึดอัดหัวใจ
ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ล่าถอย ใบหน้าชราของเขาปรากฏรอยยิ้ม
”ประตูเข้าสำนักข้าอยู่ที่นี่ข้าคือไป๋ฉางเฟิ่งเจ้าสำนัก หากประตูสำนักถูกยึด ข้าก็ไม่มีหน้าที่จะมีชีวิตอยู่ !”
”เจ้าสำนัก!”
ศิษย์ในสำนักเวชโอสถตกตะลึงศิษย์คนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อน ๆ ว่า “ท่านเจ้าสำนัก..แม้ว่าเราจะเสียประตูทางเข้า ทว่าเราก็สามารถสร้างใหม่ได้ คนพวกนี้ดูทรงพลังมาก ตอนนี้อาวุโสเทียนเหลยถูกเขาทำร้ายกระทั่งบาดเจ็บสาหัส หาไม่ … ”
***จบบทการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินใหญ่ (5)***
บทที่ 877 : การเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินใหญ่ (6)
พี่เทียนเหลยนับเป็นผู้แข็งแกร่งในสำนักเวชโอสถซึ่งหาได้น้อยมากทว่าชายคนนี้ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกลุ่มคนที่อยู่ต่อหน้าเขา แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้มีความแข็งแกร่งเพียงใด
บุรุษที่แท้จริงต้องรู้จักถอยเพื่อก้าวเขาควรคิดเช่นนั้น เขาน่าที่จะยอมสละประตูสำนัก แล้วไว้ค่อยสร้างใหม่ ขอเพียงให้สำนักเวชโอสถยังคงอยู่
”ผู้ใดที่ต้องการไปก็ไปเถิดข้า…ไป๋ฉางเฟิ่งจะไม่ห้าม หากแต่ข้าจะไม่ไป !” ไป๋ฉางเฟิ่งกล่าว “ยิ่งกว่านั้น บรรพบุรุษเราเคยสั่งเสียไว้ว่า เมื่อเป็นคนสำนักเวชโอสถก็ต้องรักษาประตูสำนักไว้ อย่างไรเสีย…ข้าก็ไม่ยอมสละประตูสำนักของเรา”
ครั้นคนเหล่านี้เห็นไป๋ฉางเฟิ่งไม่สนใจฟังคำทัดทาน บางคนที่รักตัวกลัวตาย ก็เริ่มรู้สึกลังเล บางคนก็ตัดสินใจทำใจดำ และเดินลงจากภูเขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นสิ่งที่คนเหล่านั้นเลือกจะบอกว่าไป๋ฉางเฟิ่งไม่รู้สึกผิดหวังเลยก็คงไม่ได้ ทว่าเขาก็ไม่อยากให้คนที่ไม่เต็มใจต้องมาเสียสละไปด้วย เช่นนั้นเขาจึงไม่ห้ามคนเหล่านั้นอีก
แน่นอนว่า…ยังมีคนอีกเป็นจำนวนมากเลือกที่จะอยู่และตายร่วมกับสำนักเวชโอสถ !
จุดนี้เองทำให้ไป๋ฉางเฟิ่งพอใจอย่างมาก
”นั่นพวกเจ้ากำลังจะทำอะไร?”
ไป๋ฉางเฟิ่งไม่ได้ว่าอะไรทว่าผู้อาวุโสฉีอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น เขามองกลุ่มคนที่เดินลงเขาไปด้วยสายตาโกรธเคือง
หนึ่งในนั้นหยุดพลางหันมามองผู้อาวุโสฉีคนผู้นี้ก็ไม่อยากจะตายเหมือนคนอื่น เขากล่าวเตือนว่า “ผู้อาวุโสฉี ท่านเองก็ควรจะตามเรามา ท่านไม่เห็นผู้อาวุโสเทียนเหลยที่อยู่ข้างกายท่านหรอกหรือ ? เขาเพิ่งได้รับบาดเจ็บจากผู้ใต้บังคับบัญชาของชายคนนั้น ความแข็งแกร่งของคนกลุ่มนี้เกินกว่าที่เราคิด”
ใบหน้าของอาวุโสฉีเปลี่ยนไปเล็กน้อย”ในสำนักของเราไม่มีคนรักตัวกลัวตายเช่นเจ้า เมื่อเจ้าออกจากสำนักเวชโอสถไปแล้ว ก็ไม่ต้องกลับมาอีกตลอดชีวิต !”
“อาวุโสฉีท่านล้อข้าเล่นกระนั้นหรือ ? เราจะกลับมาได้อย่างไร ? สำนักเวชโอสถใกล้จะถึงกาลอวสานแล้ว เวลานี้รักษาชีวิตไว้ดีกว่า”
เมื่อกล่าวจบชายหนุ่มก็ก้มหน้า เขารีบวิ่งลงเขาโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
แม้ว่าเขาจะใช้เงินไปเป็นจำนวนมากเพื่อเข้าสำนักเวชโอสถ ทว่าตอนนี้เขาไม่เสียใจเลยที่ตัดสินใจเช่นนี้
ระหว่างการอยู่ที่นี่ต่อกับต้องตายไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะเลือกสิ่งใด ?
ส่วนการกลับสำนักเวชโอสถนั้น…
สำนักเวชโอสถอย่างไรก็ต้องสิ้นชื่อแน่แล้วเหตุใดเขายังต้องกลับมาอีกเล่า ?
”ฮ่าฮ่า ฮ่า คนพวกนั้นฉลาดดี” ชายวัยกลางคนหัวเราะเยาะ เอ่ยกล่าวแดกดันต่อว่า “หวู่เยว่ไม่อยากสังหารผู้บริสุทธิ์ คนที่ยอมไปข้าจะไว้ชีวิต เช่นนั้นทุกคนควรไสหัวไปให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะไม่มีใครออกไปได้อีก !”
บูม!
ทันทีที่เขากล่าวจบแรงกดดันของชายคนนั้นก็พุ่งกระจายออกมาท่วมท้นประตูสำนัก
ตอนแรกบางคนก็ลังเลที่จะจากไป เพราะเห็นว่าไป๋ฉางเฟิ่งยังอยู่ สำหรับพวกเขาแล้วไป๋ฉางเฟิ่งเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งอันดับต้น ๆ บนแผ่นดินใหญ่ แม้ว่าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของชายผู้นี้จะทำให้เทียนเหลยได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ตามที ทว่าบางที … ความสามารถของไป๋ฉางเฟิ่งอาจจะเปลี่ยนสถานการณ์นี้ได้
หากแต่ตอนนี้เมื่อตระหนักได้ถึงแรงกดดันของชายคนนั้น และเมื่อเห็นใบหน้าซีดขาวของไป๋ฉางเฟิ่งยามที่ถูกแรงกดดันนี้ จิตใจของพวกเขาก็เริ่มสั่นไหว
”ท่านเจ้าสำนักผู้อาวุโสฉี ข้าคิดว่าคำกล่าวของศิษย์พวกนั้นก็ฟังดูดีนะ … ” ชายชราผมสีเทาทั้งหัวตัวสั่น “เราไม่ควรตายเพื่อประตูสำนัก ประตูสำนักพังทลายไป พวกเราก็ยังหาที่สร้างใหม่ได้นะ”
“อาวุโสหลินท่านหมายความว่าไง ?” อาวุโสฉีโกรธพลางตวาดออกมา “ท่านเจ้าสำนักไม่ยอมสละประตูสำนัก หากท่านรักตัวกลัวตายนัก ท่านก็ลงจากเขาไปได้เลย ข้าไม่อาจทิ้งเจ้าสำนักได้ !”
***จบบทการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินใหญ่ (6)***
บทที่ 878 : การเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินใหญ่ (7)
ใบหน้าชราของผู้อาวุโสหลินแสดงความละอายเล็กน้อยเขาก้าวเท้าถอยหลังไปเงียบ ๆ สองสามก้าว เพื่อย้ำทางเลือกของตน
ยกเว้นผู้อาวุโสหลินที่หวั่นไหวตกใจแล้วคนอื่นที่เหลือกลับไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ยังคงยืนอยู่ข้างหลังไป๋ฉางเฟิ่ง รอรับมือชายวัยกลางคนที่กดดันไม่ต่างกับภูเขาขนาดยักษ์
ชายคนนั้นยิ้มโชว์ฟันขาวของตน”ข้าให้ทางเลือกสุดท้ายแก่เจ้าแล้ว เมื่อเจ้าไม่รับ ก็อย่าได้ตำหนิข้า !”
หลังจากกล่าวจบชายวัยกลางคนก็หายใจเข้าลึก พลางยกมือขึ้นอีกครั้ง
”เชิญเจ้าลงมือได้เลยเว้นแต่ผู้อาวุโสหลินแล้วก็ไม่มีผู้ใดยอมถอย !”
ผู้อาวุโสหลินถอนหายใจช้าๆ อย่างโล่งอกดูเหมือนว่าเขาจะเลือกแล้ว …
ชั่วขณะนั้นเองแววตาของไป๋ฉางเฟิ่งพลันวาบวับ หมัดของเขากำแน่นชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อเย็น เขาจ้องฝ่ายตรงข้าม ท่าทียังคงมั่นคงเฉกเช่นเดิม นัยน์ตาสีเข้มของเขาเต็มไปด้วยความลุ่มลึก
บูม!
ทันใดนั้นหมัดหนึ่งก็จู่โจมเข้าที่ใบหน้า ไป๋ฉางเฟิ่งหรี่ตาลง เขารีบหลบไปอีกด้าน ทว่า พลังฝ่ามือที่รุนแรงก็เปลี่ยนจากด้านนั้นมายังอีกด้านที่เขาหลบ กระทั่งปะทะเข้ากับร่างของเขา ทำเอาร่างชราของเขาซวนเซจนเกือบจะล้มลงกับพื้น
โชคดีที่ในช่วงเวลาที่สำคัญนั้นเขาทิ่มกระบี่ยาวของเขาลงบนพื้น เพื่อพยุงร่างของตนไว้
”ท่านเจ้าสำนัก!”
ใบหน้าของผู้อาวุโสฉีซีดเขารีบเข้าไปหาไป๋ฉางเฟิ่ง เพื่อพยุงร่างที่ซวนเซนั้น
”เจ้าสำนักท่านเป็นเช่นไรบ้าง ?”
ไป๋ฉางเฟิ่งส่ายศีรษะพลางกวาดตามองผู้ที่ทำร้ายเขาอีกครั้งอย่างดุดัน ยามนี้เขายกมือขึ้นผลักผู้อาวุโสฉีออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้ร่างของตนบังร่างคนของเขาไว้
คนพวกนี้แข็งแกร่งมากหากเพียงหนึ่งหรือสองคน ไป๋ฉางเฟิ่งก็ยังพอที่จะต้านรับไหว ทว่าคนจำนวนมากถึงเพียงนี้ เขาจะรับมือไหวก็ต้องมีสามเศียรแปดกร แน่นอนว่า อย่างไรเสียเขาก็ต้องพ่ายแพ้ในที่สุด
ส่วนคนอื่นๆ ในสำนักเวชโอสถนั้น ด้วยความสามารถของยอดฝีมือพวกนี้แล้ว คนของเขาก็ไม่ต่างจากเด็กอมมือไม่มีทางรับมือการโจมตีคนพวกนี้ได้เลย
พุ่ฟ!
กระบี่ยาวเหยียดแทงมาจากด้านหลังความแข็งแกร่งของร่างไป๋ฉางเฟิ่งก็ค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่ยาว เขาก็ไม่อาจต้านทานไหว เช่นนั้นมันจึงแทงผ่านหลังทะลุหน้าอกของเขา
วิสัยทัศน์เบื้องหน้าของเขาพร่าเลือนความเศร้าแผ่กระจายออกจากก้นบึ้งของหัวใจ ทำให้หัวใจของเขาขมขื่น
ดูเหมือนว่าเวลานี้ตาเฒ่าตำหนักเซียนพยับหมอกคงจะหัวเราะร่า เพราะหลังจากที่เขาตายไป หยานเอ๋อก็จะมีแต่ตาแก่นั่นเป็นปู่เพียงคนเดียว ไม่มีผู้ใดจะมาแย่งตาแก่นั่นได้อีก !
ทว่า…
เขาจะไม่ได้พบกับหนิงเอ๋ออีกแล้วทั้งจะไม่ได้เห็นการพบหน้ากันของหยานเอ๋อ กับหนิงเอ๋อ มารดาและบุตรสาวอีกด้วย เขาคงต้องลงหลุมไปหาภรรยาของเขาแล้วสินะ ?
จริงสิภรรยาที่ตายไปแล้วของเขาอยู่คนเดียวมานาน เช่นนั้นก็ควรถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องไปอยู่เป็นเพื่อนนาง …
ในที่สุดไป๋ฉางเฟิ่งก็หัวเราะถึงตอนนี้ เขายังรู้สึกดีใจอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือไป๋จั่นเผิงบุตรชายเพียงผู้เดียวของเขาออกไปจากที่นี่ ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว นั่นทำให้บุตรชายของเขารอดชีวิตอย่างแน่นอน
ในสายตาที่พร่ามัวของไป๋ฉางเฟิ่งคลับคล้ายจะได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธและความโศกเศร้าสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในคลองสายตาของเขา …
”นี่คงจะเป็นเช่นที่ว่า…ก่อนคนจะตายจะได้เห็นภาพหลอนสินะหาไม่ข้าจะเห็นหยานเอ๋อกับลูกกลับมาได้อย่างไร ?”
หลังไป๋หยานออกจากตำหนักเซียนพยับหมอกแล้วนางก็ตามสามีไปอยู่ในแดนห่างไกล เวลาเช่นนี้ นางจะมาที่นี่ได้อย่างไร ?
ดังนั้นนี่จะต้องเป็นภาพลวงตาของเขาเป็นแน่…
ขณะที่ร่างของไป๋ฉางเฟิ่งล้มลงนั้นหญิงผู้นั้นก็เข้าถึงตัวเขา นางรับร่างของเขาไว้ได้ทัน ก่อนที่จะร่วงลงไปที่พื้น
ของเหลวเย็นๆ หยดหนึ่งตกต้องใบหน้าของชายชรา ดูเหมือนจะเป็นหยาดน้ำตาแห่งความเศร้า
***จบบทการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินใหญ่ (7)***
บทที่ 879 : โกรธจัด (1)
ขณะที่ไป๋ฉางเฟิ่งหมดสติไปนั้นเขารู้สึกว่ามีน้ำอมฤตไหลรินเข้ามาในกาย ทำให้หน้าอกที่ถูกกระบี่ยาวแทงทะลุค่อย ๆ ฟื้นตัว …
”ท่านตาข้าขอโทษ ข้ากลับมาช้าไป” ไป๋หยานวางร่างของไป๋ฉางเฟิ่งลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง น้ำเสียงของนางสั่นเครือ น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของนางอย่างเงียบ ๆ พลันแววตาของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง นางหันไปมองเหล่ายอดฝีมือที่อยู่ด้านหลัง
”เมื่อครู่ผู้ใดเป็นคนทำร้ายท่านตาของข้า ?” น้ำเสียงของนางบางเบาคล้ายสายลมแผ่ว ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ ทว่าแฝงเจตนาสังหารอย่างรุนแรง บรรยากาศโดยรอบร้อนระอุขึ้นมาทันที
คนที่ทำร้ายไป๋ฉางเฟิ่งเมื่อครู่ตกตะลึงก่อนจะกล่าวเยาะเย้ยขึ้นว่า “เป็นข้าเอง … ”
แล้วยังไง?
ยังไม่ทันกล่าวสามคำสุดท้ายจบร่างของไป๋หยานพลันหายวับทันที ไม่ทราบว่านางมาถึงด้านหน้าชายคนนั้นตั้งแต่เมื่อใด ?
มือของนางจับแขนของชายคนนั้นแน่นก่อนจะกระชากอย่างแรง …
แคว่ก! ตามมาด้วยเสียงเหมือนของฉีกขาด แขนของชายคนนั้นถูกไป๋หยานกระชากจนขาด เลือดพุ่งออกมาอาบทาไปทั่วทั้งท้องฟ้า
”อ๊าก!”
เพียงอึดใจเสียงที่แสดงถึงความเจ็บปวดรวดร้าวพลันดังก้อง ชายคนนั้นจับแขนเปื้อนเลือดของตน พร้อมกับจ้องใบหน้างดงามที่อยู่เบื้องหน้าเขาด้วยสองตาที่แดงก่ำ
ความเงียบครอบคลุมไปทั่วประตูสำนักไม่เพียงผู้คนในอาณาจักรวิญญาณ แม้แต่ผู้คนในสำนักเวชโอสถเองต่างก็ตกใจ และหวาดกลัวนาง
เวลานั้นถึงแม้ผู้อาวุโสเทียนเหลยจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากชายคนนี้ทว่าก็ผิดกับยามนี้ที่คุณหนูไป๋หยานไม่ให้โอกาสคนเหล่านี้ลงมือเลย นางกระชากแขนของเขาราวกับฉีกขาไก่
”ยังมีใครทำร้ายท่านตาของข้าอีก?” สายตาแหลมคมของไป๋หยานกวาดมองโดยรอบ ท้ายสุดก็หยุดลงที่ชายวัยกลางคนผู้ซึ่งแลดูเป็นผู้นำ
นัยน์ตาของชายวัยกลางคนผู้นั้นส่องประกายแสงเย็นยะเยือกเขายกมือขึ้นโบกพลางตะโกนออกมาอย่างโหดเหี้ยม “อย่าให้คนของสำนักเวชโอสถหนีรอดไปได้ !”
จบคำเหล่ายอดฝีมือที่รอรับคำสั่งของชายวัยกลางคนต่างก็รีบวิ่งไปทางไป๋หยานอย่างรวดเร็ว โอบล้อมนางอย่างแน่นหนา แม้นมีปีกก็ใช่ว่านางจะบินหนีรอด
”แค่ก!”
ไป๋ฉางเฟิ่งซึ่งเพิ่งกินยาก็ค่อย ๆ ฟื้นตัว ที่สุดเขาก็รู้สึกตัวเต็มที่ ในยามนี้ เขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าเมื่อเขาเห็นไป๋หยานโดนโอบล้อม แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
”เจ้ามาทำอะไรที่นี่? หนีไป เร็ว ๆ หนีไปไกล ๆ !”
สองคำสุดท้ายเขาใช้พลังทั้งหมดที่มีตะโกนออกมาร่างชราของเขาสั่นสะท้าน
”ออกไปเจ้ารีบไปซะ !”
ครั้นเห็นว่าไป๋หยานยังไม่ขยับตัวไป๋ฉางเฟิ่งก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาเสียงดัง ใบหน้าชราของเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาว ความกลัวปกคลุมไปทั้งดวงตาที่สูงวัยของเขา
”ท่านตาทวดไม่ต้องกลัว หม่ามี้ไม่เป็นไรหรอก”
เสียงไร้เดียงสาดังมาจากด้านข้าง
ไป๋ฉางเฟิ่งเห็นไป๋เสี่ยวเฉินและเสี่ยวหลงเอ๋อผู้ซึ่งไม่รู้ว่ามายืนข้างกายเขาตั้งแต่เมื่อไร เด็กน้อยทั้งสองกลัวว่าเขาจะเป็นกังวล ทั้งคู่จึงไม่ลืมที่จะปลอบใจเขา
”เฉินเอ๋อเหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ได้ ? มารดาของเจ้าพาเจ้ามายังสถานที่อันตรายนี้ได้อย่างไร ? รีบไปซะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรอยู่” ไป๋ฉางเฟิ่งลุกขึ้นยืน เขาผลักร่างเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน ด้วยหวังว่าพวกเขาจะออกจากที่นี่ไปไว ๆ
ไป๋เสี่ยวเฉินที่ซ่อนตัวอยู่ข้างกายเขาจ้องมองผู้คนเบื้องหน้าด้วยสายตาจริงจัง นัยน์ตาของเขาส่องประกาย
”เฉินเอ๋อเชื่อในตัวหม่ามี้”
”เจ้า… ” ริมฝีปากของไป๋ฉางเฟิ่งสั่นเทา
เดิมทีเขาคิดว่าการกลับมาของไป๋หยานเป็นเพียงภาพลวงตา เขาไม่คาดคิดว่าพวกนางจะกลับมาจริงๆ
***จบบทโกรธจัด (1)***
บทที่ 880 : โกรธจัด (2)
อย่างไรก็ตามแม้ว่านี่จะเป็นความหวังของเขา ทว่าเขาก็ยอมไม่พบพวกนาง ดีกว่าที่จะให้นางตายอย่างไร้ค่าเช่นนี้
“ข้าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับคนเหล่านี้นานแล้วพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ใดกับที่นี่ พวกเขาอยู่ที่ตำหนักเซียนพยับหมอก” ไป๋ฉางเฟิ่งไม่เข้าใจถ้อยคำของไป๋เสี่ยวเฉิน เขากัดฟันพลางหันไปมองชายวัยกลางคนคนนั้น “เช่นนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะปล่อยคนพวกนี้ลงเขาไป”
ชายวัยกลางคนหัวเราะเยาะ”หากเป็นก่อนหน้านี้ ข้าอาจจะเห็นด้วยกับคำขอของเจ้า ทว่าน่าเสียดายที่หญิงผู้นี้ทำร้ายคนของข้า หากข้าปล่อยพวกเขาไป ข้าจะยืนหยัดอยู่ในอาณาจักรวิญญาณได้อย่างไร ? เช่นนั้น ข้าเกรงว่าคนที่อยู่ที่นี่จะไม่มีผู้ใดหนีรอด !”
ทำร้ายลูกน้องของเขางั้นหรือ?
ไป๋ฉางเฟิ่งตกตะลึงเขาเบือนหน้าไปช้า ๆ จึงได้เห็นชายในชุดสีเทาที่หน้าซีด แขนของชายผู้นั้นขาด มันชุ่มไปด้วยเลือด ทั้งดวงตาแดงก่ำของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ
เจ้านั่น… หยานเอ๋อเป็นคนทำให้บาดเจ็บใช่หรือไม่ ?
ขณะที่ไป๋ฉางเฟิ่งกำลังประหลาดใจอยู่นั้นลูกน้องของชายวัยกลางคนก็เริ่มลงมือ
สายลมบางเบาพัดพลิ้วมาสตรีในอาภรณ์สีแดงยืนยิ้มเยาะอยู่บนภูเขา น่าขันนักคนพวกนี้
นางถือกระบี่ยาวในมือด้ามกระบี่ของนางเป็นสีแดงทั่ว เรือนผมดำขลับยาวสลวยปลิวตามสายลม แววตาของนางเต็มไปด้วยสัมผัสที่เย็นยะเยือกและทรงอำนาจ
”หยานเอ๋อ…”
ครั้นเห็นว่าสตรีในอาภรณ์สีแดงพุ่งเข้าหาฝูงชนหัวใจของไป๋ฉางเฟิ่งพลันกระดอนขึ้นมาอยู่ที่ลำคอ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน ทว่าขณะที่เขาต้องการจะลงมือนั้น เขาก็ต้องชะงักเพราะบาดแผลที่หลัง เขาไอออกมาสองครั้ง กระทั่งเลือดพ่นออกมาเต็มปาก
“เสี่ยวหลงเอ๋อดูแลท่านตาทวดให้ดี อย่าให้ท่านขยับตัว” ไป๋เสี่ยวเฉินขมวดคิ้ว ก่อนจะกระโดดลงจากม้านั่งหินออกคำสั่ง
เสี่ยวหลงเอ๋อกระพริบนัยน์ตากลมโตของนาง”องค์ชาย ท่านจะทำอะไร?”
”แน่นอนข้าจะไปช่วยหม่ามี้”
ใบหน้าเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินนั้นสง่างามมาก หลังจากเขากล่าวจบ เขาก็กระแอม มีเสียงงึมงำอยู่ในลำคอของเขา
เสียงนั้นแม้จะไม่ดังมากหากแต่ดูเหมือนจะมีมนตร์ขลัง กระทั่งสัตว์อสูรในสำนักเวชโอสถล้วนถูกดึงดูดให้ออกมา
ในที่นั้นมีเพียงเสี่ยวหลงเอ๋อที่เข้าใจถ้อยคำของไป๋เสี่ยวเฉิน น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก และในความอ่อนโยนนี้กลับแสดงให้เห็นถึงความทรงอำนาจดั่งราชา
มีเพียงชายวัยกลางคนเท่านั้นที่มองไป๋เสี่ยวเฉินพลางคิดในใจว่า แค่เด็กคนหนึ่งคงไม่สามารถทำอะไรได้ เขาจึงเพิกเฉย และหันไปมองผู้คนที่กำลังต่อสู้กับไป๋หยาน
ในขณะนี้ผู้คนจำนวนมากกำลังจมกองเลือดเลือดอาบย้อมไปทั่วประตูสำนัก ซากศพเกลื่อนกลาด
อาวุโสหลินมองผู้คนที่ล้มตายมากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป แลดูน่าเกลียดมาก หากไป๋หยานเอาชนะคนเหล่านี้ได้จริง เช่นนั้นการทรยศต่อสำนักเวชโอสถก็จะทำให้เขาอยู่อย่างไม่เป็นสุข
ทว่า…
เมื่อมองชายวัยกลางคนที่ยืนข้างๆ เขา สีหน้าของอาวุโสหลินก็ค่อย ๆ คลายลง
ขนาดผู้ใต้บังคับบัญชายังมีพลังมากขนาดนั้นชายผู้นี้จะต้องแข็งแกร่งมากยิ่งกว่า ต่อให้ไป๋หยานแข็งแกร่งเพียงใด ก็คงไม่มีทางเอาชนะคนผู้นี้ได้ !
”นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”
ทันใดนั้นเองเสียงของพื้นดินที่สั่นสะเทือนก็ดังมา ทุกคนต่างก็หวาดกลัว พวกเขารีบกวาดตามองโดยรอบ
ทันใดนั้นเองก็ได้เห็นศิษย์ของสำนักเวชโอสถที่เพิ่งทรยศ และลงจากเขาไป ต่างก็วิ่งกลับขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาทั้งหมดต่างใจเสีย ใบหน้าและแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยอาการตื่นตระหนก
”เกิดอะไรขึ้น”อาวุโสหลินเอ่ยถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
”สัตว์อสูร… สัตว์อสูรยกโขยงมากันมากมาย !”
ศิษย์คนหนึ่งกลัวจนร่ำไห้“พวกเรายังไม่ทันได้ลงจากเขา พวกเราก็พบเข้ากับสัตว์อสูรมากมายที่พากันวิ่งกรูขึ้นเขามา พี่น้องเราบางคนถูกสัตว์อสูรเหล่านั้นเหยียบย่ำจนตาย พวกเราไม่เหลือทางเลือกอื่นใดนอกจากกลับขึ้นมาอีกครั้ง …”
***จบบทโกรธจัด (2)***