จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 886-890
บทที่ 886 : ราชาอสูรตี้คัง (4)
ฉู่หรานหลับตาลงด้วยความสบายใจริมฝีปากก็ยิ่งโค้งเป็นรอยยิ้มลึกขึ้น
การได้รู้ว่าคนเหล่านี้มุ่งมั่นจะแก้แค้นแทนเขาทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมากที่ไม่ได้สละชีวิตโดยเปล่าประโยชน์ …
”ไม่ดีแล้วเขาคิดที่จะระเบิดตัวเอง !”
ครั้นเห็นร่างของฉู่หรานเพิ่มแรงกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของคนอื่น ๆ พลันเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน
”ท่านหวู่พาคนไปที่สำนักเวชโอสถตอนนี้ประมุขดินแดนศักดิ์สิทธิ์คนนี้ไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย ๆ ยามนี้เขาต้องการที่จะระเบิดตนเอง รีบหาวิธีหยุดเขาเร็ว ๆ !”
สำนักเวชโอสถกระนั้นรึ?…
ใบหน้าของฉู่หลานเปลี่ยนไปทันทีทันใดนั้นสายตาของเขาก็หวั่นไหว ยามนี้ใบหน้าของเขาซีดเผือด
หากเขาจำไม่ผิดไป๋หยาน … ก็ไปที่สำนักเวชโอสถด้วยไม่ใช่หรือ ?
ไม่!
ไม่มีทาง!
เขาต้องแจ้งผู้อาวุโสเหล่านั้นให้พวกเขาหยุดไป๋หยานอย่าให้คนพวกนี้พบนาง
พุ่ฟ!
กลิ่นคาวในลำคอของเขาทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมา เขาพยายามตะโกนใส่ประตูทางเข้าเกาะศักดิ์สิทธิ์หลายต่อหลายครั้ง ทว่าเขาก็ไม่สามารถส่งเสียงได้อีกต่อไป
เขารู้ว่าชีวิตของเขาใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว…
ในขณะที่ใบหน้าของเขากำลังตื่นตระหนกมากขึ้นร่างที่คุ้นเคยพลันปรากฏในสายตา
นั่นก็คือหญิงสาวสวยที่แต่งกายด้วยชุดสีเหลืองแลดูสง่างามทว่าขี้เล่น
แววตาของหญิงสาวนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวนางวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
อีอี้รึ?
ครั้นฉู่หรานแลเห็นฉู่อีอี้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น เขาเปิดปาก พยายามบอกนางทั้งที่ไม่มีเสียง
อีอี้หนีหนีไป !
ลำคอของเขาแห้งผากเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะพูดออกมา ทว่าก็ทำได้เพียงเห็นฉู่อีอี้วิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ …
ยามนี้ความสิ้นหวังเกิดขึ้นในหัวใจของฉู่หรานพลันใบหน้าของเขาก็สิ้นหวัง
หนึ่งในบุตรสาวสองคนของเขาวิ่งมาหาที่ตายเพราะหลังจากที่เขาทำลายตนเอง นางย่อมไม่มีโอกาสรอดชีวิต
อีกคนก็คือ… ไป๋หยานซึ่งเขายอมรับนางเสมือนหนึ่งบุุตรสาวอีกคนของเขา ไป๋หยานไปที่สำนักเวชโอสถ หากเจอคนที่ไปทำลายสำนักเวชโอสถ และมีพลกำลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ บางทีนางอาจไม่มีโอกาสกลับมาอีกเลยก็เป็นได้ ?
ฉู่หรานปวดร้าวจนแทบลืมหายใจเขาหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง เขาทนไม่ได้ที่จะมองดูภาพฉู่อีอี้ถูกระเบิดเป็นชิ้น ๆ ต่อหน้าต่อตา
เรื่องนี้โหดร้ายเหลือเกินไปสำหรับเขา…
ทว่า…
หลังจากผ่านไปหนึ่งนาทีร่างของเขาก็ยังไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ ส่วนควันที่กระจายออกไปข้าง ๆ เขาก็จางหายไปอย่างช้า ๆ
นี่มัน…
เป็นไปได้ยังไง?
ฉู่หรานตัวแข็งเขาลืมตาขึ้น
ในอากาศว่างเปล่าร่างในอาภรณ์สีม่วงที่มีเรือนผมสีเงินยวงสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา
ชายผู้นั้นยืนไพล่มือข้างหนึ่งไว้ด้านหลังอาภรณ์สีม่วงสะบัดพริ้วไปกับสายลม ช่างสง่างามและภาคภูมิ ใบหน้าที่หล่อเหลางดงามของเขาเย็นชา นัยน์ตาของเขาทรงพลังมีอำนาจเหนือคนทั้งโลก
ชายผู้นี้ทรงพลังมากกระทั่งทำให้ผู้ที่พบตัวสั่นสะท้าน ราวกับว่าในสายตาของเขาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดไม่ต่างจากมด
เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเขาหัวใจของฉู่หรานแทบหยุดเต้น เขาจ้องมองใบหน้านั้นด้วยความประหลาดใจ ช่างมีเสน่ห์ราวปีศาจปั้นแต่ง
”ไป๋หยานอยู่ที่ที่ใด ?”
ในขณะที่เขากำลังคาดเดาตัวตนแท้จริงของชายผู้นั้นชายผู้นั้นกลับเปิดปากถาม น้ำเสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำ อีกทั้งแหบแห้ง ทว่าก็เต็มไปด้วยพลังที่ไม่อาจเพิกเฉยได้
”ท่านพ่อ!”
ก่อนที่ฉู่หรานจะทันได้ตอบคำใดฉู่อีอี้ก็วิ่งถลาเข้ามาในอ้อมแขนของฉู่หราน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา “ท่านพ่อ…ข้ากลัวแทบตายเลยเมื่อครู่นี้ ข้าคิดว่า … ข้าคิดว่า ข้าจะไม่ได้เจอท่านอีกแล้ว”
ทันทีที่ฉู่หรานได้ยินถ้อยคำของฉู่อีอี้ใบหน้าของฉู่หรานพลันเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างกระทันหัน “ข้าบอกให้เจ้าไป เหตุใดเจ้าถึงยังไม่ไป ซ้ำยังวิ่งเข้ามาอีกทำไม ?”
***จบบทราชาอสูรตี้คัง (4)***
บทที่ 887 : ราชาอสูรตี้คัง (5)
ฉู่อีอี้เอ่ยถามอย่างงงงัน”ท่านบอกให้ข้าหนีไปเมื่อไหร่กัน ?”
เหตุใดนางจึงไม่รู้เลยล่ะ?
”ข้าตะโกนในใจตั้งหลายครั้งเจ้าหูหนวกหรือไรถึงไม่ได้ยิน หือ ?”
ตะโกนในใจ?
ฉู่อีอี้ตัวแข็งเป็นหิน”ท่านบอกอยู่ในใจให้ข้าหนีไป แล้วข้าจะได้ยินได้อย่างไรล่ะ ?”
”เราเป็นพ่อลูกกันไม่ใช่รึ? เจ้าเกิดมาจากข้า ซ้ำข้ายังเลี้ยงเจ้ามา ไยเจ้าจึงไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับข้าได้ล่ะ ? ไยเจ้าจึงไม่ได้ยินถ้อยคำของข้า ?”
เมื่อหวนคิดถึงสถานการณ์ในตอนนั้นฉู่หรานก็ยังคงหวาดหวั่น เขาเกือบ … เขาเกือบจะทำสิ่งที่ทำให้เขาต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแล้ว
แต่ครั้นเผชิญกับสีหน้าโกรธเกรี้ยวของฉู่หรานใบหน้าของฉู่อีอี้ก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง ทว่านางก็ไม่กล้าที่จะเถียงฉู่หราน นางได้แต่ยืนนิ่งราวกับยอมรับ
”ฮึ่ม!”
ทันใดนั้นเสียงกระแอมเย็นยะเยือกก็ดังมาจากด้านหน้า
ครั้นเห็นฉากดังกล่าวผู้คนในอาณาจักรวิญญาณก็เริ่มลงมืออีกครั้ง บางทีช่วงเวลาวิกฤตอาจจะผ่านพ้นไปแล้ว พวกเขาจึงเริ่มโจมตีอีก และเป้าหมายแรกของพวกเขาก็คือบุรุษเรือนผมสีเงินที่ลงมาจากท้องฟ้า …
ทว่า…
ทันทีที่คนเหล่านั้นพุ่งเป้าไปที่ตี้คังสายลมกระโชกแรงก็พัดมาปะทะพวกเขา สายลมนั้นหอบผู้คนเหล่านั้นยกลอยขึ้นสูง ก่อนที่ร่างของพวกเขาจะปลิวกลับหลังไปหลายจ้าง
ฉู่อีอี้มองศัตรูที่ตกลงบนพื้นดินอย่างน่าเวทนาก่อนจะหันไปมองตี้คังที่หยิ่งผยอง แล้วนางก็แอบกล่าวขอโทษฉู่อี้เฟิงในใจ
เพื่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อท่านพ่อ และเพื่อเอาชนะศัตรูเหล่านี้ …
นางต้องยอมเป็นน้องสาวทรยศเท่านั้น
”พี่เขย!”
ใบหน้าของฉู่อีอี้เผยรอยยิ้มแจ่มใส”ในที่สุด พี่ก็มาช่วยพวกเราไว้ได้ทันเวลาพอดี ท่านพ่อของข้าเกือบจะถูกคนเหล่านั้นฆ่าตายแล้ว”
พี่เขย?
สีหน้าของฉู่หรานแข็งค้างนี่ฉู่อีอี้มีพี่สาวอีกคนตั้งแต่เมื่อใด ? ไยเขาถึงไม่รู้ล่ะ ?
”น้องสาวของฉู่อี้เฟิงนี่?” ตี้คังหันมามองฉู่อีอี้ สีหน้าของเขาแลดูดีขึ้น
แน่นอนว่าเขาดูสุภาพกับนางมาก มิใช่เพราะนางเป็นน้องสาวของฉู่อี้เฟิง หากแต่เป็นเพราะสำหรับเขาแล้วฉู่อี้เฟิงเป็นคู่แข่งหัวใจ เขาจะไม่หน้าตาดีขึ้นได้อย่างไร ?
อารมณ์ของเขาเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินคำว่า‘พี่เขย’
”เขา… เขา…เขาก็คือ … ” ฉู่หรานชี้ไปที่ตี้คัง ดูเหมือนเขาจะตกใจเป็นอย่างยิ่ง เขาหันไปมองฉู่อีอี้พลางทำคอแข็ง เอ่ยกล่าวด้วยใบหน้าเศร้า ๆ “พี่ชายของเจ้ารักไม้ป่าเดียวกันงั้นหรือ ?”
บุตรชายของเขาบุตรชายผู้ซึ่งได้รับการเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี ถูกผู้ชายหวดก้นแล้วงั้นหรือ ?
อย่างไรก็ตามมีก็คงจะดีกว่าไม่มี อย่างน้อยบุตรชายของเขาก็ไม่ต้องอยู่โดดเดี่ยวไปตลอดชีวิต
ขณะที่ฉู่หรานพยายามปลอบใจตนเองอย่างยิ่งเพื่อที่จะยอมรับในเรื่องนี้ ฉู่อี
อี้ ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดขึ้นข้าง ๆ เขา
”ท่านพ่อท่านพูดอะไรน่ะ พี่เขยของข้าเป็นผู้ชายธรรมดา”
ฉู่อีอี้จ้องฉู่หรานอย่างดุดันนางหันไปมองตี้คังผู้ซึ่งกำลังหน้าดำคร่ำเครียดอย่างระมัดระวัง เมื่อนางสังเกตเห็นว่าสีหน้าของตี้คังดูดีขึ้นอีกครั้ง เพราะคำพูดของนาง นางก็โล่งใจ
“พี่เขยอย่าได้เข้าใจข้าผิดที่ข้าช่วยพี่ชายของข้าตามตื๊อไป๋หยานในตอนนั้น เป็นเพราะข้าถูกพี่ชายบังคับ นั่นไม่ใช่เจตนาแท้จริงของข้าเลย”
ตี้คังหัวเราะเอ่ยกล่าวว่า: “จริงหรือ ?”
“จริงๆ” แววตาของฉู่อีอี้แลดูสดใสขึ้น “เมื่อไป๋หยานเลือกท่านแล้ว ท่านก็เป็นพี่เขยของข้า ที่ผ่านมาไป๋หยาน และข้าสนิทสนมกันไม่ต่างกับพี่สาวน้องสาว”
”…”
ดูเหมือนเขายังไม่ต้องการยอมรับนางในฐานะน้องภรรยา
ครั้นเห็นว่าตี้คังยังคงไม่หวั่นไหวฉู่อีอี้ก็ยิ่งปลุกปั่นต่อ “และในวันหน้า ข้าก็จะได้เป็นน้องสะใภ้ของพี่เขย เพราะไป๋หยานได้สัญญากับข้าแล้วว่าจะให้ข้าแต่งงานกับไป๋เซียว”
อย่างไรเสียไป๋เซียวก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ เพื่อที่จะให้ตี้คังช่วยแก้แค้นแทน นางยอมสละชื่อเสียงของตน
ไป๋หยานเป็นพี่สาวของไป๋เซียวและตี้คังนั้นก็ดีกับไป๋เซียวมาก เช่นนั้นหากนางอ้างไป๋เซียวออกไป ตี้คังคงจะไม่ปฏิเสธ
***จบบทราชาอสูรตี้คัง (5)***
บทที่ 888 : ราชาอสูรตี้คัง (6)
ต้องการให้ข้าสังหารคนพวกนี้ให้เจ้าใช่หรือไม่?”
ตี้คังมองทะลุความคิดของฉู่อีอี้ได้อย่างรวดเร็ว
ฉู่อีอี้พยักหน้าอย่างหดหู่
”ข้าสามารถช่วยเจ้าได้แต่ในวันหน้าเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ช่วยเหลือฉู่อี้เฟิงอีก ไม่ว่าจะโดยวิธีใด … ” ตี้คังหยุด ก่อนจะกล่าวต่อด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “พูดแต่สิ่งดี ๆ ของข้าต่อหน้าหยานเอ๋อ เพื่อให้นางผลิตลูกจิ้งจอกให้ข้าเท่านั้น”
ฉู่อีอี้พยักหน้าอีกครั้ง”มั่นใจได้เลยพี่เขย ต่อไปข้าจะอยู่ข้างท่านอย่างแน่นอน ทั้งจะไม่ช่วยพี่ชายของข้าอีก”
หากฉู่อี้เฟิงได้ยินถ้อยคำของฉู่อีอี้คาดว่า … เขาคงเศร้าที่เลี้ยงหมาป่าตาขาวเช่นน้องสาวของเขามาจนเติบใหญ่
ทันใดนั้น…
คนกลุ่มนั้นก็พุ่งเข้ามาอีกทว่าครานี้ตี้คังเพียงขยับมือ เปลวไฟพลันปะทุขึ้นจากแขนเสื้อของเขา เสียงระเบิดดังขึ้น ลูกไฟยิงเข้าใส่คนกลุ่มนั้นทันที
ชั่วขณะนั้นแผ่นดินโดยรอบพลันลุกไหม้จากเปลวไฟ ทุกคนจากอาณาจักรวิญญาณถูกกักขังอยู่ในวงล้อมของเปลวไฟ พวกเขาไม่สามารถหลบหนีได้อีก ได้ยินเพียงเสียงคร่ำครวญอันเจ็บปวดดังออกมาเป็นครั้งคราวเท่านั้น
เมื่อได้เห็นฉากนี้ฉู่อีอี้ก็กลืนน้ำลายลงคออย่างหนัก ด้วยความยากลำบาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไป๋หยานจะเลือกตี้คัง พลังขนาดนี้ … ข้าเกรงว่า พี่ชายของข้าก็คงจะด้อยกว่าเขาเป็นแน่
”เจ้าเป็นสามีของไป๋หยานและเป็นบิดาของเฉินเอ๋อกระนั้นหรือ ?”
ในที่สุดฉู่หรานก็กลับมารู้ตัว เขามองชายเรือนผมสีเงินในอาภรณ์สีม่วงที่ยืนอยู่ต่อหน้าต่อตาด้วยความตกใจ แววประหลาดใจฉายอยู่ในดวงตาของเขา
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตี้คังและไป๋หยานเลย ทว่าการที่ฉู่อี้เฟิงตามตื๊อไป๋หยานไม่ใช่ความลับ หากชายผู้นี้เป็นสามีของไป๋หยานจริง เขาจะช่วยบิดาของศัตรูหัวใจได้อย่างไร ?
หากแต่ตอนนี้เขารู้สึกว่า ชายผู้นี้ไม่ใช่สุภาพบุรุษที่ใจดีนัก ทว่าเมื่อเขาเป็นคนที่ไป๋หยานเลิก ก็ไม่น่าที่จะเป็นคนใจคอคับแคบเหมือนไส้ไก่
ตี้คังหันมาสนใจฉู่อีอี้อีกครั้ง”ไป๋หยาน อยู่ที่ใด ?”
คำถามของตี้คังจุดประกายความหวาดกลัวในหัวใจของฉู่หรานขึ้นมาอีกครั้งความหวาดหวั่นปรากฏบนใบหน้าของเขา “ไป๋หยานกลับไปที่สำนักเวชโอสถ ข้าได้ยินคนพวกนี้บอกว่ามีคนแข็งแกร่งกว่าไปที่สำนักเวชโอสถ หากไป๋หยานไปพบพวกเขา ข้าเกรงว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับนาง”
ทันใดนั้นใบหน้าของตี้คังก็ดูอึมครึมน่ากลัวร่างของเขาแผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือก
ก่อนที่ฉู่หรานจะทันได้กล่าวประโยคถัดไปร่างในอาภรณ์สีม่วงก็หายลับไปในท้องฟ้าเหลือเพียงกลิ่นอายเย็นยะเยือกล่องลอยอยู่ในอากาศ …
”ท่านพ่อจริงหรือที่ท่านบอกว่าไป๋หยานกำลังตกอยู่ในอันตราย ?” ฉู่อีอี้กลัวมาก กระทั่งนางต้องรีบกุมมือฉู่หราน พลางเอ่ยถามด้วยความหวาดหวั่น
หัวใจของฉู่หรานตึงเครียด”ความแข็งแกร่งของชายผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย หากเขาสามารถไล่ตามทัน ไป๋หยานจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใด ๆ เพียงข้ากลัวว่า … ”
ข้ากลัวว่าเขาจะไปถึงสำนักเวชโอสถสายเกิน
”ไม่… เขาจะต้องไปทันเวลา”
ฉู่อีอี้กำหมัดแน่นนางนึกปลอบใจตนเอง บางทีมันอาจจะได้ผล และอารมณ์ของนางก็จะดีขึ้น
”อ้อ…เมื่อกี้เจ้าพูดว่าเจ้ากับน้องชายของไป๋หยาน… ”
ทันใดนั้นฉู่หรานก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก พลางเอ่ยถามว่า “เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ?”
ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดเพียงได้ยินถ้อยคำของฉู่อีอี้ ฉากที่นางกับเจ้าซาเลาเปาน้อยออกไปวางเพลิงพลันปรากฏขึ้นในใจของเขา ทำให้เขากลัวจนตัวสั่น
จะเป็นการดีสำหรับนางหากจะไม่แต่งงานกับผู้ใดเลยตลอดชีวิต เพื่อที่จะได้ไม่มีเชื้อสายแม่มดน้อยออกมาอีก
”แน่นอน… ” ฉู่อีอี้หัวเราะเยาะ “ย่อมต้องไม่จริง”
”ดีแล้ว”
ฉู่หรานถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งใจ
“ท่านพ่อท่านหมายความว่ายังไง ?” ฉู่อีอี้มองบิดา “ท่านเกรงว่า ข้าจะไม่คู่ควรกับเขางั้นหรือ ?”
”เปล่าเพียงข้าคิดว่าจะเป็นการดีกว่า หากเจ้าจะไม่ไปทำร้ายเด็กหนุ่มที่แสนบริสุทธิ์ผุดผ่องผู้นั้น”
***จบบทราชาอสูรตี้คัง (6)***
บทที่ 889 : วิกฤติที่ตำหนักเซียนพยับหมอก (1)
ฉู่อีอี้ตัวแข็ง
นี่คือ… บิดาของนางแน่หรือ ?
หรือว่านางถูกเก็บมาเลี้ยง?
ฉู่หรานตบไหล่ของฉู่อีอี้เขากำลังจะกล่าวบางอย่าง ทว่าจู่ ๆ เสียงหัวเราะเบา ๆ ก็ดังลอยมาทำให้สองพ่อลูกตกใจ
”ฉู่อีอี้เจ้าทำให้ท่านประมุขดินแดนศักดิ์สิทธิ์โกรธอีกแล้วหรือ ?”
เสียงนี้ช่างคุ้นเคยฉู่อีอี้รีบหันหน้ากลับไปมอง ท่าทางของนางแข็ง ๆ
ทันใดนั้นเงาร่างที่งดงามพลันปรากฏต่อสายตา
นัยน์ตาของฉู่อีอี้แสบเพราะหยาดน้ำตาที่เอ่อล้น “ไป๋หยาน เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ?
”พี่สาวฉู่”
ศีรษะเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินยื่นออกมาจากด้านหลังไป๋หยาน พร้อมใบหน้าอวบอิ่มอมชมพู และรอยยิ้มสดใสไร้เดียงสา “เจ้าต้องการให้หม่ามี้ของข้ามีปัญหาใด งั้นหรือ ?”
“ไม่”ฉู่อีอี้เช็ดน้ำตาที่หางตา มุมปากของนางยกโค้งด้วยความตื่นเต้น “ข้ามีความสุขมากต่างหากเล่า เมื่อครู่นี้บิดาของข้าบอกว่า จะมีคนที่แข็งแกร่งไปสำนักเวชโอสถ และเจ้าก็ไปที่นั่นพอดี ไป๋หยาน ข้าเกรงว่าเจ้าจะพบคนเหล่านั้น เช่นนั้นข้าจึง … ”
ไป๋หยานยกมือไพล่หลังอาภรณ์สีแดงของนางราวกับดวงอาทิตย์ที่กำลังแผดเผา ทั้งงดงามทั้งทรงพลัง
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องของข้าข้ายังได้ยินมาว่าคนเหล่านั้นก็มาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และตำหนักเซียนพยับหมอกพร้อมกัน หากแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากข้าแล้ว”
”ไป๋หยานเจ้ามาช้าไปก้าวเดียวเมื่อครู่ผู้ชายของเจ้ามาที่นี่ ทว่าทันทีที่เขาได้ยินว่าเจ้าไปที่สำนักเวชโอสถ เขาก็รีบตามเจ้าไปที่นั่น”
ฉู่อีอี้ถอนหายใจคนสองคนนี้น่าจะได้พบกัน หากแต่กลับคลาดกันนิดเดียวเอง
ไป๋หยานยิ้ม”ท่านประมุข, อีอี้ ในเมื่อพวกท่านสบายดี เช่นนั้นข้าก็ต้องรีบไปที่ตำหนักเซียนพยับหมอก … มีคนรอความช่วยเหลือจากข้าอยู่”
คราวนี้นางไม่ให้โอกาสฉู่หรานและฉู่อีอี้ได้ตอบกลับ นางกับไป๋เสี่ยวเฉินขึ้นไปยืนบนหลังของเสี่ยวหลงเอ๋อ จากนั้นก็ตบหัวของเสียวหลงเอ๋อเบา ๆ
”หลงเอ๋อไปต่อกันเถอะ”
หลงเอ๋อ?
ฉู่อีอี้และฉู่หรานนิ่งงันทั้งคู่มองมังกรที่บินอยู่บนท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจ
เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ติดตามไป๋เสี่ยวเฉินเป็นมังกรกระนั้นรึ ?
”ครั้งแรกที่ข้าเจอไป๋หยานและเฉินเอ๋อ ข้าก็รู้สึกว่าแม่ลูกคู่นี้ไม่ใช่คนธรรมดา”
ฉู่หรานมองร่างของไป๋หยานที่ค่อยๆ ห่างออกไปไกลลับตา พลางถอนหายใจ “ทว่าสิ่งที่ทำให้ข้ารู้สึกพอใจที่สุดก็คือ ไป๋หยานเป็นคนที่มีความกตัญญู และอบรมไป๋เสี่ยวเฉินมาเป็นอย่างดี เช่นนั้นเจ้าจึงควรผูกสัมพันธ์กับพวกเขาไว้ หากวันใดที่ข้าไม่อยู่ ข้าก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้า”
นัยน์ตาของฉู่อีอี้เปลี่ยนเป็นสีแดง”ท่านพ่อ … ”
”อีอี้…อี้เฟิง…เขามีโชคชะตาของตนเอง เขาถูกกำหนดให้ไม่อาจเป็นที่พึ่งพิงของเจ้าตลอดไปได้ เช่นนั้นข้าจึงให้เจ้าติดตามไป๋หยาน เพื่อเรียนรู้จากนาง ด้วยหวังว่านางจะสามารถดูแลปกป้องเจ้าได้ …”
ฉู่หรานมองขึ้นไปบนฟ้าสายตาของเขาเหม่อไปไกล
ทว่าดวงตาของฉู่อีอี้กลับพร่าเลือน
บางทีอาจเป็นเพราะถ้อยคำของบิดาสะเทือนใจนางทำให้นางนัยน์ตาแดงน้ำตาคลอ “ท่านพ่อ ท่านจะไม่ปกป้องข้าแล้วหรือ ?”
“แม้จะเป็นคนที่มีความแข็งแกร่งสูงเพียงใดก็ย่อมมีวันแก่ชราตามอัตภาพ หากการฝึกฝนของข้ายังไม่อาจบรรลุระดับสูงขึ้นไปกว่านี้ อีกไม่กี่ปีข้าก็ต้องตาย เมื่อถึงวันนั้นข้าก็จะไม่สามารถปกป้องเจ้าได้อีก”
ในโลกนี้จะมีบิดาผู้ใดบ้างที่จะไม่ห่วงใยบุตรสาวของตน ?
แม้ฉู่หรานจะเป็นบิดาที่มักจะขายบุตรสาวเป็นประจำทว่าแท้จริงแล้ว ฉู่อีอี้ ก็คือยอดดวงใจของเขา หาไม่เขาคงจะไม่วางแผนทุกอย่างเพื่อนางมานานหลายปีหรอก…
บทที่ 890 : วิกฤติที่ตำหนักเซียนพยับหมอก (2)
”และ”ฉู่หรานหันหน้าไปมองฉู่อีอี้ “เจ้าควรจะรู้ว่ามีคนที่แข็งแกร่งอีกมากมายในโลกนี้ พ่อเองก็ไม่อาจอยู่กับเจ้าตลอดไป หากถึงวันที่พ่อไม่ได้อยู่กับเจ้าแล้ว พ่อหวังว่า เจ้าจะเชื่อฟังคำพูดของไป๋หยาน ถึงแม้ว่านางจะชอบหงุดหงิดใส่เจ้า ทว่า … นอกเหนือจากพี่ชายของเจ้าแล้ว นางก็เป็นคนที่ไว้ใจได้มากที่สุด และเจ้าจะไม่มีวันสูญเสียหากเจ้าติดตามนาง”
หัวใจของฉู่อีอี้สั่นไหวหลายปีมานี้ นางเอาแต่เล่นสนุก
นี่เป็นครั้งแรกที่นางต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น…
ในอดีตนางมักรู้สึกว่าไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น บิดาและพี่ชายของนางก็จะตามล้างตามเช็ดทุกสิ่งให้นาง ทั้งยังมีไป๋หยานคอยให้การสนับสนุน เช่นนี้นางก็ไม่ต้องกลัวสิ่งใด
จนกระทั่งได้เห็นฉากนั้น… นางเริ่มตระหนักได้ว่า ความแข็งแกร่งนั้นสำคัญมาก …
”ท่านพ่อข้าเข้าใจแล้ว”
นางจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเมื่อนางแข็งแกร่งขึ้น นางถึงจะสามารถปกป้องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพื่อท่านพ่อของนางได้
บางทีฉู่หรานอาจไม่คาดคิดว่าการบุกโจมตีของศัตรูภายนอกในครั้งนี้ จะสามารถเปลี่ยนความคิดของฉู่อีอี้ได้
แววตาของนางส่องประกายแสงมุ่งมั่น…
ตำหนักเซียนพยับหมอก
บ้านตระกูลหวังพินาศย่อยยับ
ไป๋หยานเดินผ่านบานประตูที่แตกหักร่องแร่งและเมื่อนางได้เห็นภาพโศกนาฏกรรมของตระกูลหวัง หัวใจของนางพลันรู้สึกเหมือนโดนกระหน่ำ กระทั่งนิ่งงันไป
หน้าประตูสำนักเลือดไหลลงสู่แม่น้ำ ซากศพมากมายนับไม่ถ้วนกองอยู่บริเวณประตู ทำให้ใบหน้าของไป๋หยานเคร่งขรึมลงทันที
ไป๋เสี่ยวเฉินเดินตามนางทันทีที่เขาเห็นเลือดที่กระจายสาดไปทั่วสำนัก ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาพลันเปลี่ยนเป็นซีดขาว เขาวิ่งออกไปด้วยท่าทางตื่นตกใจ
”หวังเสี่ยวผางหวังเสี่ยวถง ท่านลุงหวัง !”
ไป๋เสี่ยวเฉินวิ่งพล่านเข้าไปหาแต่ละห้องพยายามค้นหาเพื่อนคู่หูคนสนิท ทว่าเขาก็พบแต่ห้องที่มีซากศพคาอยู่ทุกห้อง หากแต่ไม่เห็นสองพี่น้องตระกูลหวังรวมถึงบิดาของพวกเขาเลย
”หม่ามี้”
เขากลับไปยืนข้างกายไป๋หยานนัยน์ตากลมโตของเขามีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ ใบหน้าของเขาซีดเซียว
”หวังเสี่ยวผางกับหวังเสี่ยวถงหายตัวไปท่านลุงหวังก็ไม่อยู่ที่นี่ด้วย พวกเขาจะประสบเหตุร้ายหรือไม่ ? เฉินเอ๋อเป็นห่วงพวกเขามาก … ”
ไป๋หยานลูบศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉินเบาๆ “นับเป็นเรื่องดีที่เราไม่เห็นพวกเขา พิสูจน์ได้ว่าพวกเขาอาจยังมีชีวิตอยู่”
”จริงๆ หรือ ?”
นัยน์ตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอของไป๋เสี่ยวเฉินส่องประกายแสดงให้เห็นถึงความหวังหม่ามี้พูดถูก หากไม่เห็นร่างของพวกเขาท่ามกลางซากศพเหล่านี้ พวกเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังมาจากห้องเก็บฟืนที่อยู่ไม่ไกลกันนักเมื่อครู่นี้ไป๋เสี่ยวเฉิน ค้นหาเฉพาะห้องพัก และห้องรับแขก เขายังไม่ได้ไปที่ห้องเก็บฟืน
ดังนั้นหลังจากได้ยินเสียงไป๋หยานก็หันไปมองห้องเก็บฟืนโดยไม่รู้ตัว
”ดูเหมือนว่าจะมีคนอยู่ในห้องเก็บฟืน”
ไป๋หยานลดเสียงของนางลงก่อนจะจับมือไป๋เสี่ยวเฉินด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็จับมือของเสี่ยวหลงเอ๋อ พลางขมวดคิ้ว “ไป…ไปดูกัน”
ห้องเก็บฟืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขามากนักหาไม่ ไป๋หยานก็คงจะไม่ได้ยินเสียงจากห้องนั้น
ไป๋หยานเดินไปที่ประตูห้องเก็บฟืนก่อนจะเอื้อมมือออกไปผลักบานประตูเบา ๆ เสียงดังแอ๊ด พลันประตูห้องเก็บฟืนก็เปิดออก
ในห้องเก็บฟืน
ก่อนจะถึงกองฟางเด็กหญิงอายุแปด หรือเก้าขวบกำลังยืนตัวสั่นด้วยความตกใจ นางถือมีดทำครัวไว้ในมือ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา แววตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
”น้องเสี่ยวถง?”
หลังจากเห็นเด็กหญิงตัวเล็กที่มีสีหน้าซีดเซียวไป๋เสี่ยวเฉินก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ
ครั้นหวังเสี่ยวถงรู้ว่าผู้ที่ปรากฏตัวคือคนที่นางรู้จักคุ้นเคยนางก็ปล่อยมีดทำครัวตกจากมือเล็ก ๆ นุ่ม ๆ ของนาง นางร้องไห้โฮ ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาหาไป๋เสี่ยวเฉิน
”พี่ชาย… พี่ชายของข้าถูกคนเลวพวกนั้นจับตัวไป ส่วนพ่อของข้าก็ถูกบังคับให้ออกไปกับพวกเขาด้วย ฮือ…ข้ากลัวมาก ข้ากลัวมากเลย … ”