จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 891-895
บทที่ 891 : วิกฤติที่ตำหนักเซียนพยับหมอก (3)
ร่างเล็กๆ ของเด็กน้อยสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด น้ำตาและน้ำมูกของนางเลอะไปทั่วอกของไป๋เสี่ยวเฉิน
ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินเห็นเด็กหญิงตัวน้อยเช็ดน้ำตาและน้ำมูกบนตัวของเขา เขาก็ย่นคิ้วที่น่ารัก พลางดันหวังเสี่ยวถงออกห่างโดยไม่รู้ตัว
”น้องเสี่ยวถงไม่ต้องกลัวหม่ามี้กับข้าอยู่ที่นี่แล้ว เราจะช่วยหวังเสี่ยวผางกับท่านลุงหวังเอง บอกข้ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น ?”
หวังเสี่ยวถงปล่อยร่างของไป๋เสี่ยวเฉินทว่าน้ำตาของนางยังคงไหลริน “ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ กลุ่มคนชั่วพวกนั้นก็เข้ามา พวกเขาบอกให้ท่านพ่อเปิดประตูทางเข้าตำหนักเซียนพยับหมอก ทว่าท่านพ่อปฏิเสธ คนพวกนั้นก็เลยสังหารคนตระกูลหวัง แล้วจับพี่ชายของข้า เพื่อบังคับท่านพ่อข้า ข้าถูกพี่ชายพามาซ่อน เขาบอกข้าว่าห้ามพูดอะไร แต่ข้ารู้สึกตกใจเมื่อได้ยินเสียงข้างนอก ก็เลยเผลอทำเสียงดังออกไป … ”
หากแต่สิ่งที่นางไม่คาดคิดก็คือคนที่อยู่ด้านนอกคือไป๋หยานและไป๋เสี่ยวเฉิน หากนางรู้นางก็คงรีบออกมานานแล้ว
”หวังตี้จวินและหวังเสี่ยวผางอยู่ในตำหนักเซียนพยับหมอกงั้นรึ ?” ไป๋หยาน ขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปมองเสี่ยวหลงเอ๋อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “หลงเอ๋อ ไม่เป็นการสะดวกที่เราจะพาเด็กน้อยคนนี้ไปยังตำหนักเซียนพยับหมอก เช่นนั้นเจ้าช่วยดูแลนางหน่อยจะได้หรือไม่ ?”
“ได้”เสี่ยวหลงเอ๋อกล่าวพร้อมรอยยิ้มแสนหวาน และร่าเริง “ราชินี หลงเอ๋อจะปกป้องนางเอง ท่านไปกับองค์ชายเถอะ”
ราชินี?
องค์ชาย?
หวังเสี่ยวถงกระพริบนัยน์ตากลมโตที่สวยงามของนางนางสงสัยถ้อยคำที่เสี่ยวหลงเอ๋อใช้เรียกไป๋เสี่ยวเฉิน
นางจำได้ว่าบิดาของไป๋เสี่ยวเฉินเป็นองค์ชายทว่าไป๋เสี่ยวเฉินกลายเป็นองค์ชายด้วยตั้งแต่เมื่อใด ?
”เฉินเอ๋อไปช่วยหวังเสี่ยวผางกัน”
ไป๋หยานจับมือของไป๋เสี่ยวเฉินพลางลูบศีรษะของเสี่ยวหลงเอ๋อ “รอข้ากลับมานะ”
”เจ้าค่ะ”เสี่ยวหลงเอ๋อพยักหน้ายอมรับโดยดี “ข้าจะรอราชินีที่นี่ จะไม่ไปไหน”
สำหรับเสี่ยวหลงเอ๋อนั้นไป๋หยานค่อนข้างวางใจ เว้นแต่ภูมิปัญญาของนางแล้ว อย่างอื่นนางไม่มีปัญหา ทั้งไม่ชอบสร้างปัญหาเหมือนฉู่อีอี้
ดังนั้นหลังจากยิ้มเล็กน้อยนางก็พาไป๋เสี่ยวเฉินไปที่ประตูทางเข้า ชั่วพริบตาก็หายตัวไปท่ามกลางแสงแดดยามบ่าย …
เพราะไป๋หยานเคยไปที่ตำหนักเซียนพยับหมอกโดยอาศัยผ่านบ้านตระกูลหวังมาก่อนเช่นนั้นนางจึงเดินไปที่หน้าประตูสัมฤทธิ์สูงอย่างคุ้นเคย
โชคดีที่ประตูสัมฤทธิ์ยังคงเปิดอยู่นางจึงไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ ก็สามารถก้าวเข้าสู่ประตูสัมฤทธิ์ได้โดยตรงเลย
เนื่องจากนี่เป็นการมาเยือนตำหนักเซียนพยับหมอกครั้งที่สองของไป๋หยานทั้งความแข็งแกร่งของนางก็เพิ่มขึ้น นางจึงไม่รู้สึกวิงเวียนเหมือนในคราแรก นางเห็นตัวเองร่อนลงที่ด้านหลังภูเขาที่คุ้นเคย …
”หม่ามี้”
ไป๋เสี่ยวเฉินจับมือของไป๋หยานแน่นขณะหันไปมองนาง “เราจะไปหา ท่านอาจารย์ตาจงหนานกับจงเป่ยก่อนมั้ย ?”
”มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในตำหนักพวกเขาต้องไปที่ตำหนักหลักเราไปที่นั่นเลยดีกว่า”
ในขณะที่พูดเรื่องนี้ไป๋หยานก็อุ้มไป๋เสี่ยวเฉินขึ้นมา จากนั้นก็เหาะออกจากด้านหลังเขาอย่างรวดเร็ว ตรงไปตามทิศทางของตำหนักหลัก
บนถนน
ซากศพกลาดเกลื่อน
ตำหนักเซียนพยับหมอกมีกลุ่มผู้คุ้มกันปกป้องอยู่เสมอเหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากของนาง นางบีบกำปั้นสีชมพูของนางแน่น หัวใจของนางพลันตกไปอยู่ที่ตาตุ่มด้วยความหวาดหวั่น
”ท่านลามะจ้าวสั่งไว้ว่าอย่าปล่อยให้คนของตำหนักเซียนพยับหมอกรอดไปได้แม้แต่คนเดียว !”
ชายที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามยกมือขึ้นพลางออกคำสั่งเบา ๆ
ครั้นเห็นว่าศัตรูกำลังจะลงมือผู้คุ้มกันของบ้านสกุลหวนก็ชักอาวุธของพวกเขาออกมาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่คำสั่งฆ่าประกาศออกมา ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มต่อสู้กัน
ทว่า…แม้แต่คนที่อยู่ในตำหนักหลักก็ยังไม่อาจเป็นคู่ประมือของคนพวกนี้ได้จะกล่าวไปไยถึงผู้คุมกันของบ้านสกุลหวน
บทที่ 892 : วิกฤติที่ตำหนักเซียนพยับหมอก (4)
เช่นนั้นเพียงครู่เดียว ผู้คุ้มกันของบ้านสกุลหวนก็ล้มลงราวใบไม้ร่วง พวกเขาล้วนตายตาไม่หลับด้วยไม่อาจปกป้องบ้านของตนได้
”จบสิ้นแล้ว…”
หัวใจหวนหยินเปลี่ยนเป็นสิ้นหวังทันทีนางหลับตาลงด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางซีดไร้สีเลือด
ทว่ารออยู่เป็นนานความเจ็บปวดก็มิได้มาถึงตัวนาง
นางหรี่ตามองอย่างระมัดระวัง
ชั่วขณะนี้อาภรณ์สีแดงหยุดอยู่เบื้องหน้านาง
ผมยาวสลวยดำขลับราวไหมพริ้วล้อสายลมแม้ว่าสตรีผู้นั้นจะหันหลังให้นาง ทว่านางก็ยังจำคนที่อยู่ข้างหน้านางได้ดี …
บูม!
อาภรณ์สีแดงพุ่งออกไปดั่งสายลมมือของหญิงสาวจับกระบี่ของศัตรูแน่น ทันใดนั้น ลมพายุก็พุ่งออกมาราวกับหมาป่าเขมือบกลืนกินเหล่าศัตรูกลุ่มนี้ไปสิ้น…
หวนหยินตัวแข็งค้าง
นางมองหญิงผู้นั้นหญิงที่ยืนอยู่เบื้องหน้านาง หัวใจของนางเต้นแรง กระทั่งแทบไม่สามารถควบคุมได้ สายตาของนางไม่อาจขยับจากแผ่นหลังของหญิงสาวนางนั้นได้
เป็นเวลานานกว่าไป๋หยานจะยื่นมือให้กับสตรีที่อยู่ข้างหลัง พร้อมด้วยน้ำเสียงที่ยังทรงอำนาจเฉกเช่นเดิม
”เจ้าจงไปบอกทุกคนในตำหนักเซียนพยับหมอกว่าบ้านของเจ้าตำหนักไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใดข้าจะจัดการกับพวกมันเอง”
”ได้”
หวนหยินพยักหน้าโดยไม่ลังเลทันทีที่นางกล่าวจบร่างสตรีในอาภรณ์สีแดงที่น่าทึ่ง ซึ่งอยู่เบื้องหน้านางก็พลันหายไปจากคลองสายตา …
ครั้นมองตามทิศทางการจากไปของไป๋หยานที่สุดหวนหยินก็รู้สึกตัว รอยยิ้มอันขมขื่นพลันปรากฏบนใบหน้าของนาง
ครั้งแรกหญิงผู้นี้ช่วยเหลือนางเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยทั้งยังช่วยให้นางสามารถฝึกฝนได้เช่นคนปกติทั่วไป
ครั้งที่สองนางถูกมังกรโจมตีกระทั่งเกือบจะฝังร่างอยู่ก้นแม่น้ำ ก็เป็นหญิงผู้นี้อีก ที่ช่วยนางออกมาจากแม่น้ำนั่น
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม…
”คุณหนู”ผู้คุ้มกันคนเดียวที่เหลือรอดชีวิตกล่าวอย่างอ่อนแรง “เราจะไปที่ตำหนักหลัก เพื่อช่วยพวกเขาหรือไม่ ?”
หวนหยินขมวดคิ้ว”เจ้าไม่เห็นความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้หรือ ไปที่ตำหนักหลักก็เท่ากับรนหาที่ตายเท่านั้น”
”เช่นนั้น…”
”พวกเรากลับไปบอกทุกคนว่าตำหนักหลักไม่ต้องการความช่วยเหลือ”
นางเชื่อใจหญิงผู้นั้น
หญิงผู้นั้นสร้างปาฏิหาริย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้ง … นางก็เป็นถึงหลานสาวของเหวินหวู่เหว่ย เช่นนั้นสิ่งที่นางพูด นางย่อมต้องทำได้อย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้หวนหยินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป นางหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน
ในยามนี้ตำหนักหลักที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ก็เต็มไปด้วยควันจากสงคราม
จงหนานและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ กำลังปกป้องเหวินหวู่เหว่ย และจุนเทียนเย่วไว้ตรงกลาง ขณะที่เหวินหยุนเฟิงกำลังปกป้องเหวินซุนฮวน ทำให้เหวินซุนฮวนหลบอันตรายได้หลายต่อหลายครั้ง
”ท่านพ่อคนพวกนี้คือใคร เหตุใดพวกเขาถึงมาสร้างความวุ่นวายที่บ้านของเรา” เหวินซุนฮวนเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตน ขณะหันไปมองเหวินหวู่เหว่ย ผู้ซึ่งกำลังพยายามรับมือกับปัญหาต่าง ๆ อยู่ “ท่านไปลักพาตัวบุตรสาวของใครมาหรือไม่ ? หรือลอบไปนอนกับภรรยาคนอื่นหรือไม่ ? หากไม่เคยมีเรื่องกับพวกเขา เหตุใดพวกเขาถึงตั้งเป้ามาที่เรา ?”
เหวินหวู่เหว่ยแทบกระอักเลือด ไอ้เด็กเหม็นโฉ่นี่ กล้าใส่ความพ่อตัวเองงั้นรึ ?
“ไอ้ลูกชายหุบปากซะ อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ระวังข้าจะฉีกปากเจ้า !” เหวินหวู่เหว่ย จ้องมองเหวินซุนฮวนอย่างโกรธเคือง พลางตวาดออกมาด้วยความโกรธ
เหวินซุนฮวนบุ้ยปาก”รู้งี้ ข้าควรจะตามไป๋ฉางเฟิ่งกลับสำนักเวชโอสถยังจะดีกว่า จากนั้นก็ปฏิบัติต่อเขาในฐานะลูกชายคนหนึ่ง จะได้ไม่ต้องคอยอยู่เช็ดก้นท่านที่นี่”
”เจ้า…”
เหวินหวู่เหว่ยตัวสั่นนี่ชาติก่อนเขาทำกรรมอะไรมา ? ชาตินี้ถึงได้ให้กำเนิดลูกชายเฮงซวยเช่นนี้ ลูกชายที่ทำให้เขาหงุดหงิดมาทั้งชีวิต ?
หากมิใช่เขาต้องใช้สมาธิในการต่อสู้กับศึกตรงหน้าเขาจะสั่งสอนเจ้าเด็กปากเหม็นนี่ซะเดี๋ยวนี้เลย !
บทที่ 893 : วิกฤติที่ตำหนักเซียนพยับหมอก (5)
ซวบ!
ครั้นเหวินซุนฮวนวอกแวกกระบี่ยาวก็พุ่งเข้าตรงหน้า เหวินหยุนเฟิงรีบยกกระบี่ขึ้นต้านรับ ทว่าร่างของเขากลับถูกกระแทกอย่างแรง กระทั่งเลือดพุ่งออกจากปาก ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีดอย่างสมบูรณ์
”หยุนเฟิง!” จุนเทียนเยว่ตื่นตระหนก นางพูดอย่างกังวลใจว่า “พวกเจ้าไม่ต้องพยายามปกป้องเรา เราดูแลตัวเองได้ ไปปกป้องหยุนเฟิงกับซุนฮวนเถอะ”
เหวินหวู่เหว่ยรู้สึกทุกข์ใจเมื่อได้เห็นเหวินหยุนเฟิงบาดเจ็บ เขาสั่งผู้อาวุโสที่อยู่รอบตัวเขาทันที
”ไม่ได้ยินที่ภรรยาข้าพูดหรือ? ยังไม่ไปอีก”
ผู้อาวุโสไม่มีทางเลือกพวกเขาจำผละจากคนทั้งสอง เพื่อไปปกป้องเหวินหยุนเฟิง และเหวินซุนฮวน
เดิมทีพวกเขาคิดว่ายังมีกองกำลังที่จะมาช่วย หากแต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด ทำให้กองกำลังที่ควรจะมาในเวลานี้ลดลงอย่างมาก ตอนนี้คนตายมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของคนที่รอดชีวิต
ผู้อาวุโสหลายคนเสียชีวิตภายใต้การโจมตีของคนกลุ่มนี้…
”ฮ่าๆ ๆ ๆ !”
ครั้นลามะจ้าวแลเห็นคนของตำหนักเซียนพยับหมอกที่ไม่อาจปกป้องสำนักตนเองได้แล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะของเขาดังลั่น ปากของเขาเหยียดหยันแดกดัน แววตาของเขาส่องประกายเย็นชา
”เจ้าตำหนักนี่เจ้ายังรอคนมาช่วยเจ้าอีกกระนั้นหรือ ? โชคร้ายที่ข้าจะบอกเจ้าว่าคนอื่น ๆ ในตำหนักเซียนพยับหมอก ยามนี้ได้ตายลงด้วยน้ำมือของคนจากอาณาจักรวิญญาณของพวกเราแล้ว พวกเขาไม่มีทางรอดชีวิตมาช่วยพวกเจ้าเป็นแน่ !”
”เช่นนั้น… ” เขาเยาะเย้ย “อย่ารอให้คนอื่นช่วยเลย เพราะไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าได้…”
”โอ้! เช่นนั้นหรือ ?”
ทันทีที่คำกล่าวของลามะจ้าวจบลงก็มีเสียงดังมาจากอากาศที่ว่างเปล่า
ครั้นเสียงเยาะนั้นผ่านเข้าหูทุกคนในตำหนักเซียนพยับหมอกก็เงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นตกใจ
”หยานเอ๋อกับเฉินเอ๋องั้นหรือ?”
เหวินหยุนเฟิงเงยหน้าขึ้นครั้นเขาเห็นร่างที่คุ้นเคยของคนทั้งสอง เขาก็หวาดกลัวกระทั่งหัวใจแทบหยุดเต้น
“เจ้ากลับมาทำไม? ไปซะ ! ออกจากที่นี่ไปเร็ว ๆ !”
ไป๋หยานยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่กลางอากาศที่ว่างเปล่านางอุ้มเด็กชายตัวน้อยที่อวบอิ่มผ่องใส พลางจ้องมองศัตรูที่อยู่เบื้องล่าง
”หยานเอ๋อ!”
เมื่อเห็นว่าไป๋หยานไม่เชื่อฟังทั้งไม่ยอมจากไปโดยดี เหวินหยุนเฟิงก็ยิ่งตื่นตกใจ กระทั่งกระอักเลือดออกมา ร่างกายของเขาซวนเซสองสามครั้ง แทบจะล้มลงกับพื้น
”ท่านพ่อ!”
ที่สุดใบหน้าเฉยเมยของไป๋หยานก็เปลี่ยนไปคลื่นของความห่วงใยพลันปรากฏขึ้นในแววตาที่สงบของนาง นางอุ้มไป๋เสี่ยวเฉิน ร่อนลงมาจากอากาศว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมายืนอยู่ต่อหน้าเหวินหยุนเฟิง
“ท่านปู่ท่านเป็นเช่นไรบ้าง ?” น้ำเสียงอ่อนเยาว์ของไป๋เสี่ยวเฉินเต็มไปด้วยความห่วงใย นัยน์ตากลมโตของเขามองเหวินหยุนเฟิงไม่กระพริบ
เหวินหยุนเฟิงไอแห้งๆ เขาคว้าแขนของไป๋เสี่ยวเฉินแน่น “เฉินเอ๋อเชื่อฟังปู่ พามารดาของเจ้าหนีไปเร็ว ๆ”
เมื่อครู่นี้เรื่องเดียวที่ทำให้เหวินหยุนเฟิงรู้สึกสบายใจ ก็คือ ไป๋หยานไม่ได้อยู่ในตำหนักเซียนพยับหมอก
แม้ว่าตำหนักเซียนพยับหมอกจะถูกทำลาย หากแต่อย่างน้อยนางก็ยังรอด
ทว่าเหตุใดนางถึงได้กลับมาตอนนี้? หรือนางไม่รู้ว่ายามนี้ตำหนักเซียนพยับหมอกกำลังเผชิญกับอันตรายใหญ่หลวง ?
”หยานเอ๋อหยุนเฟิงพูดถูก เจ้าไม่ควรกลับมา … ” จุนเทียนเยว่ยิ้มอย่างขมขื่น
หรือสวรรค์ต้องการให้พวกเราตายกันหมด? แม้แต่สองแม่ลูกคู่นี้ก็ยังต้องมาเกี่ยวข้องด้วย …
ไป๋เสี่ยวเฉินต้องการอธิบายอะไรสักสองสามคำทว่าเขายังไม่ทันได้กล่าวคำใด จู่ ๆ น้ำเสียงร่าเริงก็ดังมาจากด้านหน้า
”ไป๋เสี่ยวเฉินเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อช่วยพวกเราใช่มั้ย ?”
ครั้นมองตามเสียงไป๋เสี่ยวเฉินก็เห็นหวังเสี่ยวผางลอบซ่อนตัวอยู่ในห้องโถง ที่สุดหัวใจหนักแน่นของเขาก็หวั่นไหว “หวังเสี่ยวผาง เจ้าเป็นไงบ้าง ท่านลุงหวังอยู่ไหนล่ะ ?”
บทที่ 894 : วิกฤติที่ตำหนักเซียนพยับหมอก (6)
“เอ่อท่านพ่อของข้าบาดเจ็บ ตอนนี้ไม่สามารถลุกจากเตียงได้ แต่ก็ไม่เป็นไร เขายังไม่ตาย”
”แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ไป๋เสี่ยวเฉินขมวดคิ้ว
ท่านลุงหวังบาดเจ็บเหตุใดหวังเสี่ยวผางไม่ดูแลพ่อ ? เขามาทำอะไรที่นี่ ?
”ข้าจะมาดูว่าพอมีอะไรที่ข้าจะช่วยได้มั้ย?” หวังเสี่ยวผางก้มหน้าอย่างสำนึก
หากมิใช่เพื่อเขาท่านพ่อของเขาคงจะไม่ยอมเปิดประตูสู่ตำหนักเซียนพยับหมอก กระทั่งทำให้ที่นี่จมกองเลือด
ในความเป็นจริงสิ่งที่หวังเสี่ยวผางไม่รู้ก็คือ แม้จะไม่มีหวังตี้จวิน ทันทีที่พวกเขาตายประตูของตำหนักเซียนพยับหมอกแห่งนี้ก็จะเปิดออกได้โดยง่าย เช่นนั้นไม่ว่าพวกเขาจะยอมหรือไม่ ตำหนักเซียนพยับหมอกก็ต้องพบกับหายนะอยู่ดี
เพียงแต่หวังเสี่ยวผางไม่รู้อะไรเลยเขาจึงเอาแต่ตำหนิโทษตนเอง เขาซ่อนตัวอยู่ในห้องโถงก็เพื่อหาโอกาสช่วยเหลือ ทว่าน่าเสียดายที่เขาไม่เคยพบโอกาสนั้น …
”หยานเอ๋อ,เฉินเอ๋อ !”
เหวินหยุนเฟิงไออีกครั้งถ้อยคำของเขาทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินละสายตาจากหวังเสี่ยวผาง
”เจ้า… แค่ก … ” เขากล่าวได้เพียงสองคำ ก็ไอขึ้นมาอีก
ชั่วขณะนี้ไป๋หยานก็รู้ได้ทันที นางรีบยิงยาอายุวัฒนะเข้าปากเขาอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ยาอมฤตละลายลงคอสายธารที่อบอุ่นพลันไหลผ่านอวัยวะภายในของเขา ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกดีขึ้น
”ท่านพ่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และสำนักเวชโอสถต่างก็ประสบกับภัยพิบัติเฉกเช่นเดียวกัน”
”ว่าไงนะ?”
เหวินหวู่เหว่ยอุทานลั่นเขาต้านกระบี่ยาวที่ฟันลงมา ก่อนจะหันไปมองไป๋หยาน “เช่นนั้นท่านตาของเจ้า รวมถึงผู้อาวุโสในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นเช่นไรบ้าง ?”
“พวกเขาสบายดีหากพวกเขาเป็นอะไรไป ข้าจะมาที่นี่หรือ ?” ไป๋หยานยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะหันมองโดยรอบ อย่างช้า ๆ นัยน์ตาราวกระบี่ของนางคมวาว
ลามะจ้าว…ตกใจเมื่อได้ยินถ้อยคำของนาง ทว่าเพียงชั่วพริบตา เขาก็สงบลง
อาจารย์หวู่เยว่พาคนตระกูลหวู่ไปสำนักเวชโอสถหากสำนักเวชโอสถปลอดภัย แสดงว่าต้องเกิดเหตุร้ายกับอาจารย์หวู่ใช่หรือไม่ ?
จะเป็นไปได้อย่างไร?
ต้องเป็นว่าสำนักเวชโอสถและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถูกกองทัพวิญญาณกวาดล้างสิ บางทีหญิงผู้นี้อาจอาศัยโอกาสในการหลบหนี เช่นนั้นนางจึงรีบมาแจ้งข่าวคนเหล่านี้มากกว่า
“แม่นางน้อยการโกหกไม่ใช่เรื่องดีเลย วันนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และสำนักเวชโอสถตกเป็นของแดนวิญญาณของเราแล้ว เช่นเดียวกัน ตำหนักเซียนพยับหมอกก็ไม่ได้รับการยกเว้น” ลามะเจ้าเยาะเย้ย เขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ทว่ากลับแลดูโดดเด่น
เมื่อเปรียบเทียบกับเจตนาสังหารของคนอื่นๆ แล้ว การแสดงออกของเขาแลดูเฉยเมย อีกทั้งภาคภูมิ ใบหน้าของเขาแลดูเหยียดหยามมากยิ่งขึ้น
”เฉินเอ๋อเจ้าดูแลตาของเจ้าไว้ให้ดี”
ไป๋หยานปล่อยเหวินหยุนเฟิงและคนอื่น ๆ ไปให้ไป๋เสี่ยวเฉิน ร่างของนางเปลี่ยนเป็นสายฟ้าผ่าพุ่งเข้าหาลามะจ้าวท่ามกลางฝูงชน
เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของลามะจ้าวน้อยกว่าหวู่เยว่หนึ่งระดับก้าวเช่นนั้นจวบกระทั่งไป๋หยานเข้าถึงตัวเขา เขาก็ไม่ทันได้ตอบโต้นาง …
ชั่วขณะนั้นเขาพลันรู้ว่ามีลำแสงเย็นเยือกกำลังพุ่งเข้าใส่ลำคอของเขา เลือดพุ่งกระฉูดขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่ต่างกับน้ำพุเลือด
ผู้ที่กำลังต่อสู้กันอยู่ต่างหยุดการเคลื่อนไหวทุกคนตัวแข็งค้าง ต่างก็หันมาจับจ้องมองสตรีงดงามที่น่าทึ่งในอาภรณ์สีแดงเพลิง
นางยืนอยู่ท่ามกลางสายลมแรงอาภรณ์สีแดงน่าหลงใหล เลือดสาดบนเสื้อผ้าของนาง ทำให้นางแลดูงดงาม และน่ามองยิ่งขึ้น
ลามะจ้าวตายแล้วหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่ทันเห็นมือของนางที่ใช้สังหารด้วยซ้ำ เพียงหันไปมองลามะจ้าวก็จมกองเลือดไปแล้ว ?
ในใจทุกคนหวั่นไหวพลันคำ ๆ หนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจ คำนั้นก็คือ หนีให้รอด !
บทที่ 895 : หมาเฝ้าบ้าน (1)
ครั้นเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีพวกเขาทั้งหมดก็หันหลัง พากันวิ่งหนี
ไป๋หยานยิ้มเยาะขณะมองคนที่วิ่งกระจัดกระจายราวนกแตกรัง นางไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า เพียงแค่ยกมือ …
ทันใดนั้นเองกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนก็ก่อตัวขึ้นในอากาศ จากนั้นก็ไล่ล่าฝูงชนที่กระจัดกระจายหนีตายคนละทิศละทาง
เลือดสีแดงสดไหลรินออกมาจากอากาศว่างเปล่าก่อนจะสาดกระจายลงบนพื้นดิน ทุกคนที่หนีตายต่างก็ถูกกระบี่ของนางตรงเข้าทิ่มแทง ต่างก็ล้มลงกับพื้นอย่างแรง ท้ายสุดก็ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตไปได้ …
เหวินหวู่เหว่ยมองหญิงงามไร้ที่ติในอาภรณ์สีแดงอย่างตะลึงพรึงเพริด
นี่คือหลานสาวของเขาบุตรสาวแท้ ๆ ของหยุนเฟิง
ความแข็งแกร่งของนางมากกระทั่งเกินจินตนาการ บางทีอาจจะไม่มีผู้ใดในโลกนี้ที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้ …
”หยานเอ๋อ”
เป็นครั้งแรกที่เหวินหยุนเฟิงรู้สึกผ่อนคลายใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาบ่งบอกถึงความสุข “ลูกรัก เจ้าสามารถบุกทะลวงถึงขีดความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ตั้งแต่เมื่อใด ?
”ท่านพ่อ”ไป๋หยานเดินช้า ๆ เข้าไปหาเหวินหยุนเฟิง แววตาของนางปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ “ความแข็งแกร่งของข้ายังไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก หากข้าอยากพบท่านแม่ ข้ายังต้องฝึกฝนอีกยาวไกล…”
หากแต่ไม่ว่าเส้นทางนี้จะยากเย็นเพียงใดนางก็จะไม่ยอมแพ้
หัวใจของเหวินหยุนเฟิงสั่นไหวเมื่อหวนนึกถึงไป๋หนิงที่ยังไม่มีผู้ใดรู้ว่านางอยู่ที่ใด ? เขาค่อย ๆ ถอนหายใจอย่างโล่งอก “หยานเอ๋อ เจ้าวางแผนที่จะทำสิ่งใดต่อไป ?”
”ท่านพ่อท่านเองก็รู้ว่าข้ามีน้องชายอีกคนหนึ่งในตระกูลไป๋ที่อาณาจักรหลิวฮั่ว ตอนนี้เขาออกไปฝึกฝน และข้าก็ไม่ทราบที่อยู่ของเขา ข้าต้องไปหาเขาก่อน”
”ช้าก่อน!”
ทันทีที่ถ้อยคำของไป๋หยานจบลงเสียงของเหวินหวู่เหว่ยก็ดังขึ้นทันที “เจ้าห้ามไปไหน”
”ท่านพ่อ?”
เสียงของเหวินหยุนเฟิงและเหวินซุนฮวนดังขึ้นพร้อมกัน แม้แต่จุนเทียนเยว่เองก็ยังขมวดคิ้ว ยามหันมามองเหวินหวู่เหว่ย
เหวินหวู่เหว่ยรู้ว่าคนเหล่านี้กำลังเข้าใจเขาผิด ใบหน้าเหี่ยว ๆ ของเขาพลันเผยยิ้ม
”คนเหล่านี้มาที่ตำหนักเซียนพยับหมอกก็เพื่อยึดครองที่นี่ทั้งพวกเขายังส่งคนไปอีกสองแห่ง นั่นก็คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และสำนักเวชโอสถ เช่นนั้น … บางทีข้าอาจจะเดาเจตนาของพวกเขาได้”
ไป๋หยานหันมาจ้องมองเหวินหวู่เหว่ยเขม็ง”ท่านรู้หรือว่า พวกเขามีเจตนาใด ?”
”ใช่ทว่าสำหรับเรื่องนี้ ข้าต้องรอให้ฉู่หราน และไป๋ฉางเฟิ่งเป็นคนบอกกับเจ้าด้วยตนเอง ข้าเชื่อว่าตอนนี้พวกเขาน่าที่จะกำลังมาตำหนักเซียนพยับหมอก” เหวินหวู่เหว่ยไอแค่ก ๆ “นอกจากนี้ อีกสองสามวัน … ก็จะเป็นวันเกิดของท่านย่า เจ้าควรอยู่รอจนกว่าวันเกิดของท่านย่าจะเสร็จสิ้นก่อนดีหรือไม่ ?”
จุนเทียนเยว่กวาดตามองพลางกล่าวว่า “หยานเอ๋อต้องการไปหาน้องชายของนาง ก็ปล่อยให้นางไปหาเขาเถอะ ไม่ต้องอ้างวันเกิดของข้าหรอก เพราะวันเกิดข้าก็ไม่ได้จัดแค่ปีนี้ปีเดียว ไว้ค่อยมาอวยพรข้าปีหน้าก็ได้”
นางไม่ต้องการถ่วงเวลาไป๋หยานเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
ไป๋หยานไม่คาดคิดว่าวันเกิดของจุนเทียนเยว่กำลังจะมาถึงท่าทางของนางจึงดูตกตะลึง นางเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร หากวันเกิดของท่านย่ากำลังจะมาถึง เฉินเอ๋อกับข้าก็สามารถอยู่รอได้สักสองสามวัน ข้าอยากรู้ด้วยว่าคนจากอาณาจักรวิญญาณมาที่นี่เพื่อการใด ?”
ครั้นเหวินหวู่เหว่ยเห็นว่าไป๋หยานเต็มใจที่จะอยู่ต่อ เขาก็รู้สึกโล่งใจ นับแต่วันนั้นที่เขาได้พบหลานสาว นางก็ไม่ได้พักที่ตำหนักเซียนพยับหมอก ครอบครัวของเขาไม่ได้ใกล้ชิดกลมเกลียวกัน นี่นับเป็นโอกาสที่พวกเขาจะพัฒนาความสัมพันธ์ในครอบครัว
เช่นนั้นยามนี้เขาเพียงต้องการให้นางอยู่กับเขาต่อสักสองสามวัน
“หม่ามี้”ไป๋เสี่ยวเฉินจับมือของไป๋หยาน เอ่ยกล่าวอย่างไร้เดียงสา “ไปดูท่านลุงหวังหน่อยเถอะ เขาได้รับบาดเจ็บ เขาคงต้องการให้หม่ามี้ช่วยรักษาเขาอย่างแน่นอน”
”อืม”