จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 936 -940
บทที่ 936 : จดหมายจากตี้คัง (1)
“ในเมื่อเจ้ากล้าใช้มือสกปรกของเจ้าแตะต้องนางเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องมีแขนอีกต่อไป”
พลั่ก!
ไป๋หยานผลักร่างของสาวใช้อย่างแรงนางเซถลาไปทันที ก่อนจะล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด
”คุณหนูหญิงผู้นี้โอหังยิ่งนัก ข้า … ”
”พอได้แล้ว!” หูเหม่ยกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ข้าบอกแล้วว่า อย่าไปโมโหกับเด็กน้อยนั่น พวกเจ้าช่างกล้านัก กล้าขัดคำสั่งของข้างั้นหรือ ?”
สาวใช้ตัวสั่นพวกนางก้มศีรษะลงและไม่กล้ากล่าวคำใดอีก
อย่าคิดว่าคุณหนูใจดีอย่างที่แสดงออกแท้จริงแล้วไม่มีผู้ใดรู้จักนางดีไปกว่าบรรดาสาวใช้ที่เติบโตมาพร้อมนางตั้งแต่ยังเด็ก หากผู้ใดทำให้นางขุ่นเคืองเกรงว่า…
จะเจอนางลงมือหนักกว่าที่คิด!
หูเหม่ยเหลือบมองสาวใช้อย่างเย็นชาก่อนจะหันไปมองไป๋หยาน “เมื่อครู่เป็นสาวใช้ของข้าทำให้เจ้าขุ่นเคือง เจ้าช่วยบอกให้ลูกสาวของเจ้าปล่อยนางจะได้หรือไม่ ? พวกนางมีเจตนาดีไม่ต้องการให้เจ้าเดือดร้อน เพราะตำแหน่งราชินีไม่สามารถสวมรอยได้”
ไป๋หยานยิ้มอย่างเฉยเมย”ในเมื่อหัวหน้าเผ่าไม่ต้องการพบเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ …
”อืม”
เสี่ยวหลงเอ๋อคลายปากออกอย่างเชื่อฟังก่อนที่จะจากไป นางจ้องมองหูเหม่ยอย่างดุร้าย
เมื่อร่างทั้งสองเหาะจากไปสาวใช้ก็ลุกขึ้นจากพื้น เอ่ยกล่าวอย่างขลาด ๆ ว่า “สองคนนั่นยโสนัก ข้าก็เพียง … ”
”ข้ารู้แล้ว”หูเหม่ยหรี่ตาลง มีแสงเย็นวาบในดวงตาของนาง “หญิงผู้นั้นเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง เช่นนั้นจึงไม่น่ากลัวอะไร หากแต่เด็กที่อยู่ข้างกายนางเป็นคนของเผ่ามังกร ! มีรายงานว่าหัวหน้าเผ่ามังกรคนใหม่เก่งกาจมาก เราไม่ควรมีปัญหากับเผ่ามังกร”
ตอนนี้ตระกูลหูถูกแดนอสูรขับออกมาแล้วนางจะก่อความวุ่นวายอีกได้อย่างไรเล่า ? แม้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะเป็นลูกครึ่งมนุษย์กับมังกร ทว่า …
ในร่างของนางยังคงมีเลือดของเผ่ามังกรไหลเวียนอยู่!
”ไปกันเถอะ”หูเหม่ยค่อย ๆ หันหลังกลับ “นอกจากนี้ อย่าให้บิดาของข้ารู้เรื่องนี้”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
สาวใช้ที่ติดตามทุกคนต่างพากันก้มหน้ารับคำหากทว่าประกายแสงแห่งความไม่พอใจก็ปรากฏในดวงตาของพวกนาง
หญิงผู้นั้นโอหังกล้าสวมรอยเป็นราชินีหากองค์ราชาทรงทราบเรื่องนี้ เขาย่อมไม่ให้อภัยนางแน่ เมื่อถึงเวลานั้น แม้ว่าจะไม่ได้ลงมือ นางก็ไม่อาจหนีความตายได้พ้นแน่ !
หูเหม่ยเดินเข้าไปในอาคารซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนักมีเสียงดังขึ้น นางเงยหน้าด้วยความประหลาดใจในทันที ริมฝีปากสีแดงของนางเผยอขึ้นเล็กน้อย
”ท่านพ่อออกจากเข้าฌานแล้วไปพบท่านพ่อกันเถอะ”
*****
บนภูเขาด้านหลัง
ชายในชุดเขียวเข้มเดินออกจากถ้ำหินที่ปิดลงอย่างช้าๆ นิ้วของเขาลูบเครา นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่กระชุ่มกระชวย
”หัวหน้าเผ่า”
ทันใดนั้นเองจิ้งจอกแดงก็เดินละลิ่วมาแต่ไกล ในมือของเขามีจดหมาย เขายื่นจดหมายด้วยความเคารพ
“จดหมายจากองค์ราชาเชิญนายท่านเปิดอ่าน”
จดหมายจากองค์ราชา?
หัวใจของหูไป่เว่ยสั่นสะท้านเขายกมือสั่นเทาขึ้นหยิบจดหมายที่ลูกน้องส่งมาให้ น้ำตาแห่งความปิติยินดีเอ่อล้นดวงตาของเขา
กี่ปีแล้วที่คนในวังไม่สนใจเขา? นี่ผ่านมากี่ปีแล้ว ? ยิ่งไปกว่านั้น เขายังถูกกีดกันออกจากแดนอสูรอีกด้วย
เพียงเพราะบุตรสาวคนโตของเขาถูกจับได้ว่ากระทำในสิ่งที่น่าอับอายเป็นอย่างมาก …
และเพราะเหตุนี้ตระกูลหูของเขาจึงเสื่อมเสียชื่อเสียงอีกทั้งถูกเนรเทศ !
ในที่สุดหูไป่เว่ยก็หยิบจดหมายในมือขึ้นมาเขาเช็ดน้ำตาออกจากปลายหางตา ก่อนจะค่อย ๆ ลูบซองจดหมายในมือที่ถูกส่งมา มือของเขาค่อย ๆ ดึงกระดาษจดหมายออกจากซอง …
บทที่ 937 : จดหมายจากตี้คัง (2)
“ถึง…หูไป่เว่ย…”
ถ้อยคำเหล่านี้…ทำให้หัวใจของหูไป่เว่ยรู้สึกสับสน เขาไม่คิดว่ายังจะมีผู้ใดในวังที่คิดถึงเขา กระทั่งเขียนถึงจดหมายถึงเขา แม้จะเสี่ยงที่จะถูกองค์ราชาลงโทษ
ทว่า…
ทันทีที่เขาอ่านเนื้อความในจดหมายมือของเขาก็สั่นอย่างรุนแรง เขาเกือบจะทำจดหมายหลุดมือร่วงลงพื้น
“นี่… ข้าตาฝาดไปหรือไม่ ?”
ในแดนอสูรนอกจากคนที่อยู่เหนือทุกคนนั่นแล้ว จะมีใครกล้าเรียกตนเองว่าราชาอีกเล่า ?
และหากมิใช่เพราะเขาตาฝาดจะเห็นคำว่า “ราชาองค์นี้” ได้เยี่ยงไร ?
หูไป่เว่ยขยี้ตาอย่างแรงเขาอ่านเนื้อความในจดหมายอีกครั้ง ตัวอักษรสีดำสองพยางค์บนหัวจดหมายยังคงปรากฏต่อสายตาของเขา ในเวลาเดียวกัน มันก็กระแทกหัวใจของเขาอย่างแรง
“จดหมายนี้องค์ราชาเขียนถึงข้างั้นหรือ ? พระองค์เขียนถึงข้า !” หูไป่เว่ยร้องไห้ด้วยความดีใจ ยามนี้ความคับแค้นใจทั้งหมดของเขาระเบิดออกพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งริน
เมื่อร้อยปีก่อนบุตรสาวของเขาทำผิดพลาดกล้าที่จะมอมยาองค์ราชา โชคดีที่องค์ราชาทรงไหวองค์ทัน นางจึงกระทำการไม่สำเร็จ และนั่นจึงเป็นเหตุให้นางต้องชดใช้ด้วยชีวิต
โทษที่เขาควรได้รับเขาก็ยอมรับมันมามากพอแล้วแม้ว่าตระกูลหูของเขาจะขาดการสั่งสอนลูกสาวให้เป็นสตรีที่ดีงาม แต่ทว่าพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องแบกรับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ไปตลอดชีวิต
ตลอดร้อยปีที่ผ่านมาไม่มีผู้ใดรู้หรอกว่าเขาผ่านช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีนั้นมาได้อย่างไร ! เขามีเพียงความเชื่อเดียวในใจ ความเชื่อนั้นก็คือ วันหนึ่งเขาจะสามารถกลับไปที่วังได้
และด้วยความเชื่อนี้นี่เองที่ทำให้เขาต้องการปราบปรามคนของแดนสวรรค์ที่มาตั้งถิ่นฐานที่นี่เพื่อเป็นของบรรณาการให้องค์ราชา
หูไป่เว่ยเช็ดน้ำตาและอ่านต่อ
”ราชาองค์นี้รู้มาว่าราชินีของข้าได้ไปที่ชายแดน หากราชินีของข้ามีความประสงค์ใด นางคงจะตามหาสัตว์อสูร เพื่อขอความช่วยเหลืออย่างแน่นอน เช่นนั้นหลังจากที่ราชินีของข้าไปพบคนตระกูลหู หูไป่เว่ย…เจ้าต้องพยายามให้ความช่วยเหลือนางอย่างเต็มที่ !
นอกจากนี้…หากราชินีข้าไม่ตามหาสัตว์อสูรก็ห้ามมิให้ผู้ใดไปรบกวนความสงบของนางผู้ใดก็ตามที่ฝ่าฝืนจะถูกขับออกจากแดนอสูรตลอดกาล ไม่มีวันได้กลับมาอีก ! ในทางตรงกันข้าม หากตระกูลหูทำให้ราชินีพอใจ ก็สามารถกลับมาที่วังแห่งแดนอสูรได้ ส่วนเรื่องในอดีตข้าจะถือว่าไม่เคยมีสิ่งใดเคยเกิดขึ้น !”
สรุป…เจ้าต้องทำให้ราชินีพึงพอใจเท่านั้นและต้องทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อช่วยให้นางบรรลุความประสงค์
นางพอใจ…ข้าพอใจ…นางไม่พอใจ…เจ้าก็ซวย!
หูไป่เว่ยกำจดหมายในมือแน่นใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความตื่นเต้นนัยน์ตาของเขาเปล่งประกายด้วยความหวัง …
ในที่สุดองค์ราชาก็ยินยอมให้อภัย ตระกูลหูของเขาเริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้างแล้ว ขอเพียงเป็นที่พอพระทัยของราชินี เมื่อนั้นตระกูลหูก็สามารถเรียกตนเองว่าเป็นเผ่าจิ้งจอกได้อีกครั้ง
”อย่าให้เหม่ยเอ๋อรู้เรื่องจดหมายขององค์ราชาเข้าใจหรือไม่?” จู่ ๆ หูไป่เว่ยก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาลดเสียงลงเพื่อปราม
บุตรสาวทั้งสองของเขาหลงใหลองค์ราชาบุตรสาวคนโตก็เสียชีวิตด้วยเหตุนี้ ทั้งยังทำให้ตระกูลหูต้องเจ็บปวดทรมานมานาน เขาจะไม่ทำผิดซ้ำอีก
หากบุตรสาวคนเล็กของเขาได้รู้ว่าราชินีมาปรากฏตัวที่ชายแดนนางจะต้องวุ่นวายกับราชินี เพื่อจะได้เป็นพระสนมของราชาแน่นอน
ทว่าน่าเสียดาย… เขาได้ยินมานานแล้วว่า ราชินีขี้หึง ทั้งเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมให้องค์ราชารับนางสนมแน่ ราชาก็หลงใหลเพียงราชินี เมื่อถึงเวลานั้นโอกาสที่เขาควรจะได้รับย่อมจะต้องดับสูญ
ไม่…เขาต้องไม่ปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้น
”ขอรับ”
ผู้คุมตอบด้วยความเคารพ
หูไป่เว่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอกจดหมายของตี้คัง ทำให้เขารู้สึกดีมาก ๆ เขาฮัมเพลงเล็กน้อย ขณะลงจากเขา
”ท่านพ่อ!”
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงที่มีความสุขก็ดังมาจากด้านหน้า
ครั้นหูไป่เว่ยหันหน้าไปมองเขาก็เห็นหูเหม่ยวิ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ เขารีบซ่อนจดหมายก่อนที่จะหันไปมองสตรีที่อยู่เบื้องหน้า
***จบบทจดหมายจากตี้คัง (2)***
บทที่ 938 : จดหมายจากตี้คัง (3)
“เหม่ยเอ๋อมีอะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างที่พ่อไม่อยู่ ?”
ครั้นถ้อยคำของหูไป่เว่ยจบลงสาวใช้ที่ติดตามหูเหม่ยทุกคนต่างก็ก้มหน้างุด ๆ ไม่กล้าสบตาหูไป่เว่ย
หูเหม่ยเหลือบมองสาวใช้ที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างหลังนางพลางกัดริมฝีปากล่างด้วยความรำคาญ ด้วยกลัวว่าบิดาของนางจะสังเกตเห็นความผิดปกติ นางจึงรีบเอ่ยกล่าวว่า “ท่านพ่อ ระหว่างที่ท่านไม่อยู่มีหญิงผู้หนึ่งมาสร้างปัญหาที่ตระกูลหูของเรา ทว่าลูกไม่สนใจนางนัก นางจึงจากไป”
“เหตุใดหญิงผู้นั้นถึงได้กล้ามาสร้างปัญหาให้ตระกูลหูของข้า?”
”โอ้…นางคิดว่าตระกูลหูของเราเป็นเผ่าจิ้งจอกอาจมีความสัมพันธ์กับองค์ราชาอยู่บ้าง นางจึงต้องการใช้ตระกูลหูของเราเป็นเครื่องมือล่อลวงองค์ราชา โชคดีที่ข้ารู้แผนการร้ายของนางเสียก่อน จึงไม่ยอมให้นางทำสำเร็จ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หูไป่เว่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก”ดีแล้วอย่าปล่อยให้หญิงเช่นนั้นมาเสนอหน้าต่อองค์ราชา หรือให้ราชินีรู้เรื่องนี้ หาไม่ตระกูลหูของเราคงจะแบกรับไม่ไหว !”
“ท่านพ่อราชินีขี้หึงจริงหรือ ?” หูเหม่ยเอ่ยถามพร้อมกับเลิกคิ้ว
แม้ว่าสัตว์อสูรหลายตัวในแดนอสูรจะแต่งงานมีภรรยาเพียงคนเดียวทว่าสำหรับองค์ราชาที่อยู่เหนือทุกผู้คนในแดนอสูร ผู้ใดบ้างเล่าจะไม่อยากเป็นพระสนมของเขา ? เช่นนั้นสำหรับพวกนางแล้ว หากองค์ราชาหมายจะอภิเษกสมรสกับสตรีเพียงคนเดียวก็ต้องนับว่าเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของพวกนาง
“เหม่ยเอ๋อเรื่องเกี่ยวกับการอภิเษกของราชวงศ์หาใช่สิ่งที่เราสามารถยุ่งเกี่ยวด้วยได้ หากเรื่องถึงหูคนที่นั่นแล้ว ตระกูลหูของเราจะลำบากมากกว่านี้ ข้าได้ยินมาว่า ราชินีนั้นงดงามมากยากจะหาผู้ใดเปรียบเทียบได้ เช่นนั้นเจ้าไม่ควรคิดถึงองค์ราชาอีกต่อไป ”
”ท่านพ่อ!” ประกายแสงวาบผ่านแววตาของหูเหม่ย นางเม้มริมฝีปากเอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “คนพวกนั้น อาจจะพูดเกินจริง เพื่อเอาใจราชินี ราชินีจะสวยสักแค่ไหนกันเชียว ? ทั้งความสามารถในการหว่านเสน่ห์จะมีผู้ใดเทียบได้กับสาวจิ้งจอกกันเล่า ?”
หูไป่เว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย”เหม่ยเอ๋อ ไม่ว่าราชินีจะเป็นเช่นไร นางก็เป็นสตรีที่องค์ราชารัก”
”ข้ารู้…เช่นนั้นข้าจะไม่ทำอะไรโง่ๆ เช่นพี่สาวของข้า” หูเหม่ยขยิบตา พลางยิ้ม “ข้าจะทำให้องค์ราชาตกหลุมรักข้าจริง ๆ เท่านั้น หากพระองค์ไม่ตกหลุมรักข้า ข้าก็จะไม่รุกเร้าใด ๆ ทั้งสิ้น ข้าจะไม่ทำอะไรโดยใช้อารมณ์เป็นแน่ !”
สำหรับเผ่าจิ้งจอกแล้วพวกเขามีความได้เปรียบ และมีความโดดเด่นโดยธรรมชาติในเรื่องทักษะการหว่านเสน่ห์ สตรีของเผ่าจิ้งจอกมักจะฝึกฝนทักษะหว่านเสน่ห์ แม้ว่าทั้งนางและราชาต่างก็เป็นเผ่าจิ้งจอก ทว่าจิ้งจอกหนุ่มก็มักจะไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของจิ้งจอกสาวได้
บุรุษที่กำลังมีความต้องการทางเพศจะมามัวคิดคำนวณหาเหตุผลอันใดเล่า ?
”ท่านพ่อไม่ต้องเป็นกังวลลูกรู้ว่าสิ่งใดคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตระกูลหู ลูกจะไม่บังคับฝืนใจ หากองค์ราชาไม่ชอบลูก ลูกก็จะยอมรามือเอง”
”หากแต่… ” หูไป่เว่ยยังคงขมวดคิ้ว เขายังคงรู้สึกไม่สบายใจเล็ก ๆ อยู่เสมอ “ข้าได้ยินมาว่า องค์ราชาไม่ทรงอนุญาตให้สตรีใดที่ปลาบปลื้มในพระองค์ไปปรากฏตัวแถววัง”
”ท่านพ่อท่านไม่เข้าใจเรื่องนี้เลย บุรุษมักจะไม่ปฏิเสธความรักของสตรีที่มีต่อเขา ตราบใดที่ข้าไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยม องค์ราชาย่อมไม่ทำอะไรตระกูลหูของเรา จะไม่มากไปหน่อยหรือ ? หากว่าข้าไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะชอบพระองค์ ?”
ใช่แล้วนางเพียงแสดงความต้องการในใจของนาง ทว่านางจะไม่ใช้กลอุบายใด ๆ เช่นนั้นองค์ราชาก็คงจะไม่ปฏิบัติต่อ นางเช่นเดียวกับพี่สาวนางอย่างแน่นอน
หูไป่เว่ยครุ่นคิดอยู่เพียงครู่ก่อนจะกล่าวอย่างเคร่งเครียดว่า “ไม่นะ องค์ราชาเพิ่งส่งจดหมายถึงข้าเมื่อครู่นี้ หากข้าทำการบางอย่างให้พระองค์ พระองค์จะอนุญาตให้ตระกูลหูของเรากลับเข้าวัง ! ข้าปล่อยให้เจ้าทำเรื่องเสี่ยง ๆ ไม่ได้ หากทำให้องค์ราชาพิโรธ ตระกูลหูของเราจะต้องโชคร้ายเพราะเจ้า !”
หลังจากกล่าวจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อ ทว่าก่อนที่จะผละจากไป เขาก็หันกลับไปมองหูเหม่ย พร้อมกับเอ่ยเตือนว่า “เจ้าควรล้มเลิกความคิดของเจ้าเสียดีกว่า องค์ราชาปฏิญานแล้วว่าจะไม่รับพระสนม เช่นนั้นพระองค์ก็จะไม่มีพระสนมอย่างแน่นอน !”
***จบบทจดหมายจากตี้คัง (3)***
บทที่ 939 : จดหมายจากตี้คัง (4)
ครั้นกล่าวจบหูไป่เว่ยก็เดินนำผู้คุ้มกันลงเขาไป ปล่อยให้หูเหม่ยยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางสายลมบางเบา
“คุณหนูสิ่งที่หัวหน้าเผ่าพูดมาก็มีเหตุผลนะเจ้าคะ…หรือ … ” สาวใช้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกล่าวอย่างระมัดระวัง
มุมปากของหูเหม่ยยกขึ้นเล็กน้อย”ท่านพ่อของข้าขี้ขลาดเกินไป ในเมื่อข้าก็ได้บอกเขาอย่างชัดเจนแล้ว ข้าย่อมไม่มีวันจะไม่เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของข้า !”
จู่ๆ นางก็หัวเราะขึ้น เสียงหัวเราะของนางช่างไพเราะจับใจ
”ยิ่งไปกว่านั้นผู้ใดบ้างจะไม่อยากอยู่เหนือผู้คน ผู้ใดบ้างจะไม่อยากเป็นเจ้าแห่งแดนอสูร โชคชะตาของข้า ข้าจะลิขิตด้วยมือตนเอง !”
สาวใช้ก้มหน้าลงไม่กล้ากล่าวคำใดอีก
“เจ้ากำลังยกคนอื่นขึ้นข่มนายหญิงของตนเองคุณหนูของเราโดดเด่นงดงาม ทั้งเก่งกาจกว่าราชินีนั่นหลายเท่านัก”
สาวใช้อีกคนที่เก่งเรื่องประจบประแจงรีบก้าวมาข้างหน้านางยิ้มพลางกล่าวตบท้าย พร้อมกับหันไปจ้องเพื่อนของนางเขม็ง
“คุณหนูหากท่านได้ร่ายรำต่อหน้าองค์ราชา องค์ราชาจะต้องหลงใหลในตัวท่านเป็นแน่ เมื่อถึงตอนนั้นท่านก็จะกลายเป็นพระสนมชั้นสูง ไม่ว่าราชินีจะขี้หึงสักเพียงใด นางก็ต้องจำใจยอมรับเท่านั้น”
หูเหม่ยรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย”หูฉีเจรจาได้น่าฟังดี ส่วนหูซุน ต่อไปเจ้าไม่จำเป็นต้องมารับใช้ข้าแล้วนะ ข้าไม่ต้องการสาวใช้ขี้ขลาดเช่นเจ้า”
หลังจากกล่าวจบนางก็เดินลงจากเขาเพียงชั่วแวบก็หายลับตาไป
ครั้นหูเหม่ยจากไปแล้วหูฉีก็ยกมือขึ้นผลักหูซุนล้มลงอย่างแรง พลางทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย่อหยิ่ง จากนั้นก็รีบไล่ตามหูเหม่ยไปอย่างรวดเร็ว
*****
บนถนนในเมืองชายแดนเสี่ยวหลงเอ๋อจับมือไป๋หยาน ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ไร้เดียงสาของนางเต็มไปด้วยความสงสัย
“ท่านแม่…เราจะไม่จัดการตระกูลหูสักหน่อยหรือ? ราชาเคยตรัสไว้ว่า หากผู้ใดกล้ารังแกเราก็ต้องรังแกเขากลับ หากท่านแม่กลัวมือเปื้อน ข้าทำแทนให้ก็ได้”
ไป๋หยานยิ้มน้อยๆ พลางกล่าวว่า “ก็แค่การโต้เถียงกันนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับเรื่องเช่นนี้ ส่วนสาวใช้ที่คิดจะทำร้ายเจ้านั้น ไว้ข้าจะลงโทษพวกนางเอง … ตอนนี้ไปตามหาท่านน้ากันก่อนเถิด”
ส่วนคนเหล่านั้น…
พวกนางไม่สามารถหนีไปไหนได้หรอกไว้วันหลังค่อยชำระบัญชีก็ยังไม่สาย
“อย่างไรก็ตามอย่าเรียกเฉินเอ๋อว่าองค์ชายอีก จากนี้ไปเจ้าจงเรียกเขาว่าพี่ชาย เพราะเขาเองก็ต้องการน้องสาวมาโดยตลอด ที่ข้าทำเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความปรารถนาของเขาเช่นกัน”
ไป๋หยานหยิกแก้มของเสี่ยวหลงเอ๋อมุมปากของนางยกโค้ง ปรากฏรอยยิ้มเล็ก ๆ
เสี่ยวหลงเอ๋อยิ้มอย่างน่าเอ็นดูใบหน้าเล็ก ๆ ของนางนั้นงดงามมาก ภายใต้แสงแดดยามบ่าย รอยยิ้มของนางสดใสเบิกบานยิ่งกว่าดอกทานตะวัน
”ขอเพียงได้อยู่เคียงข้างท่านแม่หลงเอ๋อจะเชื่อฟังทุกถ้อยคำของท่าน”
เสียงของเด็กน้อยนั้นยังอ่อนเยาว์ไร้เดียงสา และใสซื่อ เมื่อเทียบกับความเฉื่อยชา และโง่งมที่นางเคยเป็นมา เด็กหญิงตัวน้อยในวันนี้ก็ดูเหมือนจะเติบโตขึ้นมาก …
ชั่วขณะนี้มีเสียงดังอยู่ด้านหน้านางไป๋หยานต้องการดึงเสี่ยวหลงเอ๋อหลบ ทว่าทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นในหูของนาง
หลังจากได้ยินเสียงนี้ไป๋หยานก็หยุดชะงักทันทีนัยน์ตาของนางมองตามเสียงนั้นไป และในทันใดนั้นใบหน้าขาว ๆ ก็สะท้อนในดวงตาของนาง …
”นั่น…เขาเองรึ?”
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในแววตาของไป๋หยานนับตั้งแต่ร่ำลากันในวันนั้น นางก็ไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับชายผู้นี้ในสถานที่แห่งนี้อีก ?
เหตุใดเขาถึงมาที่นี่ได้?
เด็กหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลกันนักมองไป๋หยานด้วยดวงตาที่กระจ่างสดใสฉายประกายแห่งความสุข เขารีบผละออกจากฝูงชนที่อยู่รายล้อมรอบตัว ก่อนจะวิ่งเข้ามาหาไป๋หยาน
เขามาพร้อมกับลูกหมูสีชมพู…
***จบบทจดหมายจากตี้คัง (4)***
บทที่ 940 : ต่อสู้ (1)
“หยานหยาน”
ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปหาไป๋หยานด้วยความตื่นเต้นใบหน้าของเขาหล่อเหลาไร้เดียงสาพร้อมรอยยิ้มที่บริสุทธิ์สดใส แววตาของเขากระจ่างแวววาวเช่นเคย ราวกับภูตน้อยขี้เล่นที่หาได้ยากในโลกนี้
”หยานหยานเจ้าหายไปที่ใดมา ? หลังจากที่เจ้าจากไปในวันนั้น เจ้าหมูน้อยกับข้าก็ตามหาเจ้าเสียตั้งนาน เจ้าลืมข้าแล้วกระนั้นหรือ ?”
ลูกหมูสีชมพูที่เดินตามมาติดๆ ส่งเสียงฮึ่มฮั่มแสดงความไม่พอใจ
มันนึกย้อนกลับไปตอนที่มันอยู่กับไป๋หยานมันไม่เคยขาดอาหารอร่อย ๆ เลย นับแต่ไป๋หยานจากไป เจ้านายตัวแสบของมันก็ไม่เคยให้หมูย่างกับมันอีกเลย เขามักจะกล่าวกับมันว่า มันไม่ควรกินเผ่าพันธุ์เดียวกัน
เห็นได้ชัดว่าแท้จริงแล้วเขาขี้เหนียว เขาเพียงหาข้อแก้ตัวอะไรก็ได้ให้กับตนเอง พวกหมูโง่ ๆ งี่เง่าเหล่านั้นจะเป็นวงศาคณาญาติของมันได้อย่างไร?
”โม่หลี่ชางเหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ได้ ?”
ไป๋หยานมองชายหนุ่มกับหมูน้อยด้วยท่าทีที่ค่อนข้างประหลาดใจ
ตอนพบโม่หลี่ชางครั้งแรกเขายังคงเป็นเด็กหนุ่ม นางเก็บเขาได้ เมื่อครั้งที่นางไปเยือนสำนักเวชโอสถ ในวันนั้นเขาสูญเสียความทรงจำในอดีต เขาเลยติดตามนาง ทว่า …
หลังจากที่นางเลือกกลับแดนอสูรพร้อมกับตี้คังนางก็ทิ้งเขาไว้ที่สำนักเวชโอสถ จากนั้นก็ไม่เคยพบเขาอีกเลย
ไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับเขาอีกครั้งที่นี่
”หมูน้อยพาข้ามาที่นี่”โม่หลี่ชางยิ้มเขิน ๆ “มันรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของตระกูลเดียวกันที่นี่ เช่นนั้นมันจึงพาข้ามาหา แล้วหยานหยาน เจ้ามาทำอะไรที่นี่ล่ะ ?”
”อ้อ! ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาน้องชายของข้า”
”หยานหยานมาที่นี่เพื่อตามหาน้องชาย เช่นนั้นข้าก็จะขอติดตามท่านไปตามหาเขาด้วย ขอเพียงหยานหยานไม่ทิ้งข้าอีก”
ใบหน้าของโม่หลี่ชางเผยรอยยิ้มเคอะเขินเขาเกาหลังศีรษะ แววตาของเขาฉายประกายสดใสไร้เดียงสาเฉกเช่นเคย เขาหันไปมองเด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างกายไป๋หยานพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“หยานหยานนางเป็นใคร ลูกสะใภ้ของท่านหรือ ?”
เส้นสีดำสามเส้นปรากฏบนหน้าผากของไป๋หยานหากเฉินเอ๋อได้ยินถ้อยคำถามนี้ของโม่หลี่ชาง เกรงว่า … เฉินเอ๋อจะต้องอารมณ์เสียเป็นแน่
”นี่คือเสี่ยวหลงเอ๋อ ลูกบุญธรรมของข้า ส่วนวันหน้านางจะได้เป็นสะใภ้ของข้าหรือไม่นั้น ยังไม่แน่ ขึ้นอยู่กับความปรารถนาของเด็ก ๆ”
ไป๋หยานเองก็ชอบเสี่ยวหลงเอ๋อสาวน้อยที่สวยงามและน่ารักคนนี้ทว่าก็น่าเสียดาย … ทั้งสองคนยังเด็กเกินไป พวกเขายังมีเวลาศึกษากันอีกนาน สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้นั้นต้องขึ้นอยู่กับความปรารถนาของพวกเขาเอง นางไม่อาจเจ้ากี้เจ้าการได้
”อู๊ด”
หมูตัวน้อยกระโดดขึ้นไปบนแขนของเสี่ยวหลงเอ๋อพลางถูไถหัวของมันกับใบหน้าเล็กๆ ของนาง มันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเสี่ยวหลงเอ๋อถึงทำให้มันมีความรู้สึกดีเช่นนี้
เสี่ยวหลงเอ๋อกลัวพฤติกรรมของเจ้าหมูนางก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นก็หันไปมองไป๋หยานด้วยสายตาน่าเวทนา
ใบหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นสีเข้มนางยกมือขึ้นคว้าคอเจ้าลูกหมูโยนกลับไปให้โม่หลี่ชาง
”สัตว์เลี้ยงของเจ้าทำให้ลูกสาวของข้ากลัว”
”อู๊ด…”
หมูน้อยดิ้นสองสามครั้งมันยังอยากจะถูไถหัวกับเสี่ยวหลงเอ๋อ นั่นยิ่งทำให้เสี่ยวหลงเอ๋อหวาดหลัว จนต้องวิ่งไปซ่อนตัวหลังไป๋หยานทันที
“ท่านแม่ข้าเกลียดหมูนั่น”
นางยื่นศีรษะเล็กๆ ออกมาจากด้านหลังไป๋หยาน พลางมองไปที่ลูกหมูสีชมพูที่โม่หลี่ชางอุ้มไว้ พร้อมกับเอ่ยกล่าวอย่างโกรธ ๆ
ถ้อยคำของเสี่ยวหลงเอ๋อทำให้หัวใจของหมูน้อยแตกสลาย…
หยาดน้ำตาเอ่อคลอในดวงตาท่าทางของมันราวกับถูกลงโทษอย่างอยุติธรรม มันครวญครางพลางกระโดดออกจากอ้อมแขนของโม่หลี่ชาง และวิ่งหนีไปพร้อมกับน้ำตา
”เจ้าลูกหมู”
โม่หลี่ชางรีบหันกลับไปวิ่งไล่หมูน้อย แต่ถึงเขาจะไม่ไล่ หมูน้อยก็ต้องหยุดอยู่ดี เมื่อมันเจอคนที่เคยมีเรื่องกับมัน และโม่หลี่ชางขวางทาง
***จบบทต่อสู้ (1)***