จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 941-945
บทที่ 941 : ต่อสู้ (2)
เมื่อถูกผู้คนล้อมกรอบร่างของเจ้าหมูก็ถอยร่น สีหน้าของมันแลดูหวาดกลัว และตื่นตระหนก มันกลืนน้ำลายฝืดคอ
ในขณะนี้โม่หลี่ชางเดินไปด้านข้างของเจ้าหมู เขารีบอุ้มลูกหมูขึ้นจากพื้น มากอดไว้ในอ้อมแขน พลางมองกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหน้าเขาอย่างระแวดระวัง
”หนุ่มน้อยเจ้าเป็นมนุษย์ก็ดีอยู่แล้ว เหตุใดเจ้าถึงอยากอยู่ร่วมกับสัตว์อสูร ทั้งยังปกป้องเจ้าสัตว์อสูรโง่ ๆ เช่นนี้อีกด้วย หากเจ้ายอมทิ้งเจ้าสัตว์อสูรนี่ไว้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป !”
ชายร่างใหญ่ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวพลางกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา
หมูสีชมพูจ้องเขาเขม็งด้วยสายตาดุดัน
เจ้าสิโง่ตระกูลเจ้าสิโง่เง่าสุด ๆ !
เห็นได้ชัดว่าหมูนั้นฉลาดที่สุดในโลก! สัตว์อสูรโง่ ๆ เรียกมันเช่นนั้นได้อย่างไร ?
”โม่หลี่ชาง”ไป๋หยานจับมือเสี่ยวหลงเอ๋อ ก้าวไปยืนข้างโม่หลี่ชาง พลางขมวดคิ้วเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น ?”
โม่หลี่ชางเม้มริมฝีปากสีชมพูอ่อนของเขา”ข้าเพิ่งมาถึงที่นี่พร้อมกับเจ้าลูกหมู และคนกลุ่มนี้ก็บังคับให้ข้าส่งมอบเจ้าลูกหมูให้เขา เจ้าลูกหมูเป็นญาติของข้า ข้าจึงไม่สามารถยกมันให้ได้ พวกเขาก็เลยปิดล้อมข้า”
แววตาของไป๋หยานเย็นชา”เจ้าพาลูกหมูไปจากที่นี่ก่อน ข้าจะขวางพวกมันไว้เอง”
”ข้าไม่ไป”โม่หลี่ชางส่ายหน้า “ข้ากับเจ้าลูกหมูเป็นต้นเหตุของปัญหานี้ ข้าจะให้หยานหยานช่วยข้าแต่เพียงลำพังไม่ได้ ข้าเป็นผู้ชายข้าควรจะปกป้องหยานหยาน”
ในฐานะลูกผู้ชายจะให้ผู้หญิงปกป้องเขาได้อย่างไร ? เขาต่างหากที่จะต้องปกป้องหยานหยาน !
”ถุยมีมนุษย์มาเพิ่มอีกสองคน” แววตาของชายร่างใหญ่ฉายประกายเย็นยะเยียบ ขณะหัวเราะแดกดัน “แม่สาวน้อย ในฐานะมนุษย์ เหตุใดเจ้าถึงอยากอยู่ฝ่ายเดียวกับสัตว์อสูรเหล่านี้ เจ้ากับลูกสาวของเจ้าควรไปจากที่นี่ซะ เราจะไม่โจมตีมนุษย์”
ที่อื่นอาจเป็นเรื่องปกติที่มนุษย์ และสัตว์อสูรจะอยู่ร่วมกัน ทว่าที่นี่คือพรมแดนระหว่างแดนอสูร และแดนสวรรค์เนื่องจากผนึกของแดนอสูรถูกทำลาย พื้นที่นี้จึงเกิดการจลาจลขึ้นบ่อยครั้ง
เช่นนั้นมนุษย์พวกนี้จึงเกลียดชังสัตว์อสูรเป็นอย่างมากทั้งพวกเขาจะไม่ปล่อยสัตว์อสูรไว้แม้สักตัวเดียว
ทว่า…
ตอนนี้เสี่ยวหลงเอ๋ออยู่ในร่างมนุษย์เป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะสังเกตเห็นว่านางเป็นสัตว์อสูร
”อู๊ด”
ครั้นเห็นว่ามีคนช่วยมากขึ้น เจ้าหมูน้อยก็ยิ้มใส่มนุษย์กลุ่มนั้นอย่างหยิ่งผยอง มันพ่นน้ำลายออกมา กระทั่งใบหน้าของชายร่างใหญ่คนนั้นเปรอะเปื้อนไปหมด
ชายร่างใหญ่เช็ดน้ำลายบนใบหน้าหน้าผากของเขามีเส้นเลือดสีดำขึ้นชัดเจน เขากล่าวด้วยความโกรธว่า “รนหาที่ตาย ! ในเมื่อเจ้ากล้าโอหังในดินแดนของมนุษย์ ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นหมูหันสำหรับค่ำคืนนี้ ! พี่น้องข้า…เราถูกสัตว์อสูรรังแกมาหลายเดือนแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องแก้แค้น !”
ครั้นได้ยินคำสั่งกลุ่มคนก็กระจายตัวออกโอบล้อมไป๋หยาน และคนอื่น ๆ ไว้ตรงกลาง
ไป๋หยานเหลียวมองโดยรอบนางใช้ความสามารถในการหยั่งรู้ตรวจสอบความแข็งแกร่งของคนกลุ่มนี้ เพื่อคำนวนโอกาสที่นางจะเอาชนะ
ในบรรดาคนเหล่านี้มีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในระดับเชิงเจี่ยชายร่างใหญ่คนนั้นอยู่ในระดับกลางของระดับเชิงเจี่ย ความแข็งแกร่งระดับนี้น่าจะเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่เก่งที่สุดในเมืองชายแดนแห่งนี้
แม้ว่านางจะเพิ่งถึงระดับต้นของระดับเชิงเจี่ยแต่หากนางใช้เดือยหนามมังกร นางก็มั่นใจได้ถึง 80% ในการต่อสู้กับคนเหล่านี้
และหากอีกฝ่ายไม่มีอาวุธวิเศษใดๆ นางก็มั่นใจได้ถึง 100%
ทันทีที่ไป๋หยานรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของทุกคนนางก็เลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ มุมปากของนางยกขึ้นเยาะเย้ย
”ผู้ใดไปฆ่าญาติพี่น้องของเจ้างั้นหรือ? แล้วนี่เจ้าต้องการแก้แค้นผู้ใดกันแน่ ? เจ้าลูกหมูเป็นสัตว์เลี้ยงของสหายข้า หากเจ้าต้องการฆ่ามัน ข้าคงจะยอมไม่ได้ !”
***จบบทต่อสู้ (2)***
บทที่ 942 : ต่อสู้ (3)
ไป๋หยานปล่อยมือจากเสี่ยวหลงเอ๋อจากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าช้า ๆ สองก้าว
อาภรณ์สีแดงบดบังร่างของโม่หลี่ชางสิ้นสายลมอ่อน ๆ พัดเส้นผมดำสยายปลิวไสว นางสวยและสง่างาม งามหยาดฟ้ามาดิน
“ฮึ่ม!” ชายร่างใหญ่ตะคอกออกมาอย่างเย็นชา เขาเหวี่ยงดาบใหญ่ในมือไปที่ไป๋หยานอย่างแรง พลังราวกับพายุหมุนพัดวน พริบตาเขาก็ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าไป๋หยาน
เสียงดังโครมครามพายุแรงสงบลง สตรีที่ยืนอยู่ท่ามกลางพายุยังคงสวยสง่าไม่แปดเปื้อน อาภรณ์สีแดงกำลังปลิวสยาย แลดูทรงอำนาจ
นางถือเดือยหนามไว้ในมือกระดูกเดือยมีขนาดเล็ก ทั้งแหลมคมมาก ขนาดใหญ่กว่ามือของนางเพียงเล็กน้อย
นางเพียงใช้เดือยหนามรับดาบของชายร่างใหญ่
ชายร่างใหญ่หน้าถอดสีด้วยความตื่นตกใจใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว เต็มไปด้วยอาการตกตะลึง เหงื่อเย็น ๆ ไหลซึมบนหน้าผากของเขา สายตาของเขาจับจ้องเดือยหนามที่ไป๋หยานถืออยู่ในมือ
”กระดูกเดือยหนามนี้… คืออาวุธระดับเทพใช่หรือไม่ ?”
นอกจากอาวุธระดับเทพแล้วจะมีสิ่งใดที่ทรงพลังยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ได้ ?
เมื่อคิดได้เช่นนั้นความโลภพลันปรากฏขึ้นในดวงตาของชายร่างใหญ่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะยึดครอง
”พี่น้องข้าหญิงผู้นี้ไว้ให้ข้าจัดการเอง พวกเจ้าจับเด็กหนุ่ม เจ้าหมู และเด็กหญิงตัวน้อยนั่นไว้ !”
ชายร่างใหญ่เลียมุมปากขณะมองไป๋หยานด้วยความยโส แววตาของเขาเย็นชา อีกทั้งใบหน้าของเขาก็ยิ่งน่าเกลียดและน่ากลัว
คนอื่นๆ เริ่มลงมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้อยู่ในระดับเชิงเจี่ยในกลุ่มของเขาเป็นผู้นำในการโจมตีโม่หลี่ชางเป็นคนแรก
ขาของโม่หลี่ชางสั่นไหวเล็กน้อยแต่ครั้นต้องเผชิญหน้ากับผู้โจมตีเหล่านี้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะเอาดาบออกมาจากไหน เพื่อรองรับการโจมตีที่เข้ามา
ขณะที่ต่อสู้กับชายร่างใหญ่อยู่นั้นไป๋หยานก็เหลียวกลับไปมองโม่หลี่ชาง ภายหลังจากที่เห็นความแข็งแกร่งของโม่หลี่ชางแล้ว หัวใจของนางพลันตึงเครียดขึ้นทันที
โม่หลี่ชางผู้นี้ … มีความแข็งแกร่งระดับเชิงเจี่ยกระนั้นรึ ?
แล้วเหตุใดเขาถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดไม่ได้สติที่เชิงเขาสำนักเวชโอสถ ? เหตุใดเขาถึงสูญเสียความทรงจำทั้งหมด ?
จุดประสงค์ของการปรากฏตัวของเขาคืออะไร?
ทว่า…
ไป๋หยานไม่มีเวลาคิดต่อเมื่อนางได้เห็นใครบางคนพุ่งเข้าโจมตีเสี่ยวหลงเอ๋อที่กำลังยืนงงอยู่
”หลงเอ๋อหลบไป !”
การแสดงออกของไป๋หยานเปลี่ยนไปนางรีบร้องตะโกนออกมา
เสี่ยวหลงเอ๋อจ้องมองดาบที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ราวกับว่านางกำลังหวาดกลัวและมึนงง
ทว่า…
ทันทีที่ดาบยาวกำลังจะตกต้องตัวนางนางก็เริ่มรู้สึกตัว นางยกมือขึ้นด้วยความตื่นตระหนก พร้อมเสียงปัง ชายที่แข็งแกร่งซึ่งอยู่เบื้องหน้านางก็ถูกนางผลักถอยร่นกลับไปหลายก้าว
“เจ้าคนเลวไปให้พ้น อย่ารังแกท่านแม่ของข้านะ !”
ร่างของเสี่ยวหลงเอ๋อพุ่งออกไปหาไป๋หยานราวกับสายฟ้าใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเต็มไปด้วยความโกรธ นัยน์ตาดำขลับของนางค่อย ๆ ถูกย้อมด้วยแสงสีขาว
”คนเลวใครรังแกท่านแม่ข้าคือคนเลว ! ข้าจะกินพวกเจ้า !”
กรรรรร!
เสียงคำรามของหลงเอ๋อทำให้ทุกคนตกใจ
ร่างของเสี่ยวหลงเอ๋อค่อยๆ ขยายออก เพียงครู่มังกรสีขาวพลันปรากฏขึ้นในอากาศที่ว่างเปล่า นางอ้าปากกว้าง ก่อนจะกลืนกินคนที่แข็งแกร่งคนนั้นลงไปในคำเดียว
”หลงเอ๋อจะกินพวกเจ้า !”
เสียงของมังกรไม่ได้อ่อนเยาว์อย่างที่เคยเป็นทว่าค่อนข้างหนักแน่น และดังก้องไปทั่วท้องฟ้า กระจายไปทุกมุมของเมืองชายแดน
โม่หลี่ชางหยุดเคลื่อนไหวด้วยความตื่นตระหนกเขาจ้องมองมังกรขาวด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าที่หล่อเหลา และสง่างามของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
หมูน้อยอ้าปากกว้างตัวสั่นสะท้านด้วยความตกใจโชคดีที่เมื่อครู่เขาไม่ได้ทำให้เสี่ยวหลงเอ๋อโกรธ หาไม่คาดว่าเขาคงจะถูกกลืนกินไปแล้ว …
***จบบทต่อสู้ (3)***
บทที่ 943 : ต่อสู้ (4)
”สัตว์อสูรสาวน้อยคนนี้ก็เป็นสัตว์อสูรเช่นกัน !”
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมาจากเผ่ามังกร ?
ชายร่างใหญ่ฟื้นจากอาการหวาดกลัวเขาเริ่มกัดฟันเอ่ยกล่าวว่า “ถอย รีบไปจากที่นี่ !”
มีเพียงคนบ้าเท่านั้นที่จะมีเรื่องกับคนของเผ่ามังกรเขาอยากจัดการกับเจ้าหมูเพราะคิดว่าเผ่าหมูรังแกง่าย ทว่าตอนนี้มีเผ่ามังกรมาร่วม เขาก็ควรถอนตัวก่อนจะเกิดปัญหามากกว่านี้
หากมังกรน้อยตัวนี้ถูกฆ่าแล้วกองทัพมังกรกลับมาอีกครั้ง มนุษย์คงไม่สามารถต้านทานได้เป็นแน่
สิ่งสำคัญอันดับแรกก็คือ หนีก่อน
ทว่าน่าเสียดาย…
ไป๋หยานไม่ให้โอกาสชายร่างใหญ่เลย
ครั้นเขาหันหลังเพื่อหลบหนีไป๋หยานก็โผล่มาข้างหน้าขวางทางของเขาไว้
ภายใต้สายลมบางเบาอาภรณ์สีแดงปลิวไสว สตรีผู้นี้ยิ้มหวานราวกับดอกไม้ ทว่าในใจของชายผู้นั้นกลับสั่นไหวอยุู่ลึก ๆ
“ไหนว่าอยากกินหมูหันไง? ทำไมรีบไปจัง ? ไม่อยากกินแล้วหรือ ?”
แววตาของชายร่างใหญ่เคร่งเครียดเขามองดูจำนวนพี่น้องรอบ ๆ ตัวของเขาที่ค่อย ๆ ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ อย่างครุ่นคิด ภายในไม่กี่นาทีทุกคนยกเว้นตัวเขาก็ถูกเสี่ยวหลงเอ๋อกลืนลงท้อง กลายเป็นอาหารบำรุงร่างกายของนาง
หลังจากกินจนสะใจเสี่ยวหลงเอ๋อก็เรอเสียงดังลั่น ก่อนจะใช้อุ้งเท้าเล็ก ๆ ของนางผลักศีรษะของชายร่างใหญ่เบา ๆ นัยน์ตาสดใสและไร้เดียงสาของนางหันไปมองไป๋หยาน
”ท่านแม่ท่านจะทำอย่างไรกับผู้ชายคนนี้ เขามีความแข็งแกร่งระดับเชิงเจี่ยขั้นกลาง ข้าไม่สามารถกินเขาได้ เพราะข้ากลัวอาหารไม่ย่อย”
ความแข็งแกร่งของเสี่ยวหลงเอ๋อไม่มากพอแค่นางกลืนคนที่อยู่ในขั้นเชิงเจี่ยระดับต่ำนางก็แทบจะไม่ไหวแล้ว ส่วนผู้ที่อยู่ขั้นเชิงเจี่ยระดับกลางนั้นไม่อยู่ในขอบเขตที่นางจะสามารถกลืนกินได้
ไป๋หยานมองเสี่ยวหลงเอ๋อด้วยความสงสัยว่าเหตุใดเสี่ยวหลงเอ๋อถึงได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้ ? ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่นางจะถาม
เช่นนั้นนางจึงหันไปจ้องมองชายร่างใหญ่พริบตากระดูกหนามเดือยในมือของนางก็ไปจ่ออยู่บนใบหน้าของเขา แววตาของนางแลดูเย็นชาและดุดัน
”แม่นางเจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้างั้นรึ ?” ชายร่างใหญ่ขมวดคิ้วเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “หากไม่ใช่เพราะกังวลว่าการฆ่ามังกรตัวนี้จะก่อให้เกิดการล้างแค้นของเผ่ามังกร เจ้าก็คงไม่อาจรอดชีวิตจากที่นี่ !”
ความหมายก็คือที่ข้าไม่ต่อสู้กับเจ้าไม่ใช่เพราะข้ากลัวเจ้าหากแต่เป็นเพราะข้าไม่อยากมีเรื่องกับมังกร
ในเมื่อเจ้ามีโอกาสก็ควรที่จะหนีเอาชีวิตรอดโดยไวนี่เจ้ายังกล้าที่จะหยุดข้าไม่ให้จากไปอีกกระนั้นหรือ ?
”หยานหยาน ชายผู้นี้ชอบเกะกะระรานคนอื่น” โม่หลี่ชางกอดเจ้าลูกหมูพลางเม้มริมฝีปากสีชมพูอ่อน “เขาเห็นว่าคนในเผ่าหมูกลั่นแกล้งรังแกง่าย เขาจึงต้องการทำร้ายเจ้าลูกหมู ตอนนี้พอเขาพบกับเผ่ามังกร เขาก็รีบถอนตัวทันที”
ครั้นโม่หลี่ชางพูดเหมือนมองทะลุใจเขาใบหน้าของชายร่างใหญ่ก็เปลี่ยนไป เขาตะคอกออกมาด้วยความโกรธ “ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าก็จะให้พวกเจ้าได้สมหวัง แค่การแก้แค้นของเผ่ามังกร หวู่เสียงรับได้ !”
เฟี้ยว!
หวู่เสียงไม่คิดหนีอีกต่อไปเขาโบกดาบเล่มใหญ่ในมือขึ้น ก่อนจะฟาดดาบลงกับพื้นอย่างแรงทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว
ในฐานะลูกผู้ชายเขาก็มีเลือดทระนง การถูกมนุษย์ผู้ชายด้วยกันเยาะเย้ยเช่นนี้ เขาจะควบคุมอารมณ์ได้อย่างไร ?
แม้ว่าเขาจะถูกเผ่ามังกรแก้แค้นอย่างมากก็แค่ตาย ! มีสิ่งใดน่ากลัวเล่า ?
”ชางชางถอยไป”
ไป๋หยานกระชับหนามเดือยในมือแน่นนางจ้องไปที่หวู่เสียงอย่างเฉยชา
”อืม”
โม่หลี่ชางรับคำอย่างว่าง่ายเขาอุ้มเจ้าลูกหมูก้าวถอยหลังกลับไปสองสามก้าว แววตาของเขาใสกระจ่างราวกับสายธารา “หยานหยาน หากเจ้ารับมือไม่ไหวก็มาเปลี่ยนกับข้า เราสามารถเอาชนะเขาได้ด้วยการผลัดกันรุกไล่”
ไป๋หยานหัวเราะน้อยๆ ไม่กล่าวคำใดอีก นัยน์ตาของนางมีประกายแวววาวสดใส ภายใต้สายลมอ่อน ๆ อาภรณ์สีแดงของนางสะบัดยกขึ้นปลิวไสว งดงามล่มบ้านล่มเมือง
***จบบทต่อสู้ (4)***
บทที่ 944 : ภูเขาอสูร (1)
ใบหน้าของหวู่เสียงเย็นชาและหนักแน่น เขาพ่นลมหายใจดังหึเบา ๆ เพียงพริบตาร่างของเขาก็วาบหายไปอยู่ข้างหลังไป๋หยาน
ทันทีที่ดาบเล่มใหญ่ในมือของเขาฟาดลงมาท้องฟ้าก็ดูราวกับถูกเขาแบ่งครึ่ง
ทว่าในตอนนี้ไป๋หยานก็ดูเหมือนจะมีตาอยู่ด้านหลัง นางก้าวหลบออกด้านข้างทันที ชั่วพริบตา ดาบขนาดใหญ่ในมือของหวู่เสียงก็ฟันผ่านอากาศ ก่อนจะฟาดลงกับพื้น
ด้วยพลังอันแข็งแกร่งของเขาพื้นดินปริแตกเป็นแนวยาวตรงไปเบื้องหน้าอีกหลายร้อยก้าว …
*****
การต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้พื้นดินแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ทั้งทำให้คนในเมืองชายแดนทั้งเมืองต่างก็ตกใจ
ไม่ไกลจากสถานที่แห่งนั้นหูเหม่ยเงยหน้าขึ้นมองไปยังสถานที่ที่ซึ่งมีเศษฝุ่นฟุ้งกระจายลอยมา จากนั้นนางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้นที่นั่น มีใครกำลังต่อสู้กันอยู่ที่นั่น ?”
”คุณหนูเราควรไปดูหรือไม่ ?” หูฉีสาวใช้ของนางผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเอ่ยถามด้วยความนอบน้อม
ในขณะที่หูเหม่ยกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นนางก็เห็นบิดาของนาง หูไป่เว่ยวิ่งออกมาจากลานบ้าน นางจึงไม่ลังเลอีกต่อไป นางเอ่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไปเถอะ ไปดูกันสิว่าผู้ใดกำลังต่อสู้อยู่”
ในขณะเดียวกันบรรดายอดฝีมือในเมืองชายแดนก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า พวกเขาทั้งหมดต่างก็รีบรุดมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่ต่อสู้นั้น
*****
ภายใต้กระแสลมแรงไป๋หยานกำกระดูกหนามเดือยไว้ในมือแน่นนางเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ด้วยท่าทีระแวดระวัง
อย่างไรก็ตามหวู่เสียงอยู่ในระดับเชิงเจี่ยขั้นกลาง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับเขาเช่นที่เคยจัดการกับหลิวชิงหยู นางต้องใช้พลังทั้งหมด เพื่อจัดการกับชายคนนี้
โชคดีที่อาศัยพลังของกระดูกหนามเดือยเมื่อเปรียบเทียบกับหวู่เสียงที่อยู่เบื้องหน้าแล้ว ไป๋หยานจึงนับว่าตนเองเป็นต่อ ยามนี้หวู่เสียงแทบไม่สามารถพยุงตนเองได้แล้ว ความหวาดกลัวอันตรายทำให้เหงื่อออกจนชุ่มแผ่นหลังของเขา
“หยานหยาน”
การแสดงออกของโม่หลี่ชางแลดูตื่นตัวขึ้น”ดูเหมือนจะมีคนที่แข็งแกร่งมากมายกำลังมาที่นี่”
ไป๋หยานเองก็สังเกตเห็นพลังจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งมาทางนี้สีหน้าของนางยังคงสงบ ทว่านัยน์ตาดำขลับของนางหันไปจับจ้องมองเสี่ยวหลงเอ๋อ
เสี่ยวหลงเอ๋อลูบท้องอ้วนๆ ของนาง พลางพยุงร่างลุกขึ้นจากพื้น ใบหน้าสีอวบอิ่มอมชมพูของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา
“ท่านแม่ข้าจะจัดการกับคนพวกนั้นเอง”
ร่างของเสี่ยวหลงเอ๋อเปลี่ยนเป็นมังกรขนาดใหญ่ก่อนจะบินขึ้นฟ้า ชั่วพริบตาทั้งตัวของนางก็เปล่งประกายแสงสีขาว นัยน์ตากลมโตเปล่งประกายมุ่งมั่น
ร่างของยอดฝีมือระดับเชิงเจี่ยขั้นต่ำผ่านเข้ามาในสายตาของเสี่ยวหลงเอ๋อนางอ้าปากกว้าง ก่อนที่คนพวกนั้นจะทันได้ตอบโต้ นางก็กลืนพวกเขาเข้าไปในท้องด้วยคำเดียว …
ไป๋หยานไม่ทันสังเกตเห็นว่าหลังจากที่เสี่ยวหลงเอ๋อกลืนคนพวกนั้นลงไปแล้ว คิ้วของมังกรน้อยพลันขมวดเล็กน้อย พร้อมกันนั้นท้องของนางก็กลมโตขึ้นกว่าแต่ก่อนเหมือนกำลังจะแตกแล้ว
หึหึ!
มีอีกหลายคนบุกเข้ามาอย่างรวดเร็วเสี่ยวหลงเอ๋ออ้าปากอย่างไม่เต็มใจ แต่ถึงกระนั้น นางก็ยังกลืนคนเหล่านี้เข้าไปในท้อง
ทว่า…
เมื่อเสี่ยวหลงเอ๋อกลืนคนเหล่านั้นเข้าไปท้องของนางก็แลดูโปร่งใสขึ้น สามารถมองเห็นร่างมากมายนับไม่ถ้วนในท้องของนาง
”ฮืออออออ”
มังกรน้อยส่งเสียงสะอื้นก่อนที่ร่างจะร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้ากระแทกพื้นดังปัง แสงสีขาวออกมาห่อหุ้มร่างของนาง หลังจากนั้นไม่นานนางก็กลายร่างเป็นเด็กหญิงตัวน้อยผิวสีชมพู นางล้มตัวลงกับพื้นอย่างแรงพลางใช้ท้องกลิ้งไปกับพื้น
”หลงเอ๋อ!”
ไป๋หยานตกใจกระทั่งไม่อาจมีสมาธิในการต่อสู้กับหวู่เสียง นางรีบก้าวเข้าไปหาเสี่ยวหลงเอ๋อ ความวิตกกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
”เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ท่านแม่…ท่านแม่ข้าปวดท้อง”
เสี่ยวหลงเอ๋อกุมท้องของนางพลางกลิ้งไปมา เหงื่อไหลออกมาจากหน้าผาก นางกัดริมฝีปากซีดขาวของนางแน่น ขณะมองไป๋หยานพร้อมน้ำตาเอ่อคลอ
***จบบทภูเขาอสูร (1)***
บทที่ 945 : ภูเขาอสูร (2)
ไป๋หยานมองเสี่ยวหลงเอ๋อที่กำลังจะท้องแตกนางขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้ากินอาหารมากเกินไป ก่อนอื่นกินยาเม็ดนี้ลงไปเพื่อช่วยย่อย”
ครั้นกล่าวจบไป๋หยานก็หยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาก่อนจะยัดเข้าไปในปากของเสี่ยวหลงเอ๋อ
ทันที่ที่กลืนเม็ดยาลงไปเสี่ยวหลงเอ๋อก็รู้สึกว่าท้องของนางไม่อึดอัดเช่นเดิม สีหน้าของนางเริ่มดีขึ้น นางใช้มือคล้องคอไป๋หยาน แววตาของนางแลดูน่าสงสารมาก
”หลงเอ๋อหลังจากที่ออกไปจากที่นี่แล้ว ข้าจะหาวิธีอื่น ช่วยเจ้าย่อยอาหาร”
ไป๋หยานลุกขึ้นยืนพร้อมกับอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กๆ ไว้ในอ้อมแขน แววตาที่แข็งกร้าวของนางกวาดมองคนแข็งแกร่งจำนวนมากที่รายล้อมอยู่รอบ ๆ
ยามนี้เหล่ายอดฝีมือทั้งหมดในเมืองชายแดนต่างก็มารวมตัวกันที่นี่ นอกจากหวู่เสียงแล้ว ไป๋หยานยังพบคนที่มีความแข็งแกร่งขั้นกลางในระดับเชิงเจี่ยอีกหลายคนในกลุ่มนี้
ถ้าเพียงจัดการกับหวู่เสียงคนเดียวนางมีความมั่นใจถึง 100% แต่หากมีคนอื่นเพิ่มเข้ามา นางก็ไม่แน่ใจว่าจะปกป้องคนรอบข้างได้
”ทุกคน”หวู่เสียงเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย ครั้นเขาเห็นว่ามีผู้มาช่วยเหลือเขาเป็นจำนวนมาก “มนุษย์สองคนนี้ได้ละศักดิ์ศรีในฐานะมนุษย์ไปเข้าร่วมกับสัตว์อสูร พวกเขาหวังจะข่มเหงมนุษย์อย่างเราเพื่อสัตว์อสูร ช่วยจับพวกเขาสองคนให้ข้าที”
ทันทีที่หวู่เสียงพูดจบคนทั้งหลายก็จ้องมองไป๋หยาน และพวกของนางด้วยสายตาเย็นชา
ในเมืองชายแดนแห่งนี้มนุษย์และสัตว์อสูรก็เสมือนไฟกับน้ำ เมื่อพวกเขาได้ยินว่ามีมนุษย์บางคนไปเข้าร่วมกับสัตว์อสูร โทสะของคนเหล่านี้ก็ถูกจุดประกายขึ้นทันทีอย่างสมบูรณ์
”หึ! เป็นมนุษย์ กลับยอมก้มหัวให้สัตว์อสูรต่ำช้า ! ไม่น่าให้อภัย วันนี้หากพวกเจ้าไม่ยอมปล่อยสัตว์อสูรสองตัวนั่นให้เรา เจ้าก็ต้องรับโทษ !”
”ใช่! ส่งสัตว์อสูรสองตัวนี้มา แล้วข้าจะละเว้นโทษตายให้พวกเจ้าสักครั้ง !”
ทุกคนเต็มไปด้วยความโกรธสีหน้าบึ้งตึงราวกับว่าไป๋หยาน และพวกของนางได้ทำสิ่งเลวร้ายต่อโลกใบนี้ ทั้งพวกเขายังทำตัวราวกับเทพเซียนที่สามารถลงทัณฑ์คนทำผิดได้
เจ้าหมูน้อยหดหัวด้วยความหวาดกลัวอุ้งเท้าทั้งสองของมันจับโม่หลี่ชาง แน่น แม้มันจะรู้ว่าเจ้านายจะไม่ทิ้งมัน ทว่ามันก็อดไม่ได้ที่จะนึกหวาดกลัว
”เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงที่เฉยเมยก็ดังขึ้นสยบเสียงอื้ออึงที่มีอยู่ในเวลานี้
ทันทีที่ทุกคนได้ยินเสียงสีหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาหันมองโดยรอบ ทันใดนั้นชายวัยกลางคนที่สง่างามก็ก้าวเข้ามาอย่างช้า ๆ
ติดตามด้วยหญิงสาวในชุดสีแดงกระชดกระช้อยนัยน์ตาจิ้งจอกของนางเต็มไปด้วยเสน่ห์ดั่งฤดูใบไม้ผลิน่าหลงใหลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แวบแรกที่หูเหม่ยเห็นไป๋หยานท่ามกลางผู้คนเหล่านั้นความประหลาดใจพลันส่องประกายวาบขึ้นในดวงตาของนาง จากนั้นรอยยิ้มเย้ยหยันพลันปรากฏขึ้นที่มุมปากพร้อมสายตาดูถูก
หญิงผู้นี้เคยสวมรอยทำทีเป็นราชินีและตอนนี้ก็ยังมาหาเรื่องมนุษย์ในเมืองชายแดนนี่อีก ดูเหมือนว่าสวรรค์คงไม่อยากให้นางมีชีวิตอีกต่อไป
”หูไป่เว่ย”การแสดงออกของหวู่เสียงเปลี่ยนไป “เจ้าต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วยงั้นหรือ ?”
ต้องบอกว่าผู้ที่ทำให้หวู่เสียงอิจฉาที่สุดในเมืองชายแดนก็คือตระกูลหู
ไม่ใช่แค่หูไป่เว่ยจะมีความแข็งแกร่งในขั้นสูงของระดับเชิงเจี่ยแต่เพียงอย่างเดียวหากแต่ฐานะตระกูลหูของเขายังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชวงศ์อสูรอีกด้วย ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น หูไป่เว่ยคนนี้ยังเป็นถึงผู้อาวุโสในวัง ก่อนที่จะถูกขับออกจากวังของแดนอสูร
เช่นนั้นพวกมนุษย์เหล่านี้จึงเกรงใจหูไป่เว่ยมาก
หูไป่เว่ยร่อนลงมาจากอากาศมือของเขาไพล่หลัง ร่างของเขาแข็งทื่อราวกับดาบคม ๆ ที่พร้อมสังหารทุกคนในพริบตา