จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 956-960
บทที่ 956 : เด็กน้อยชุดเอี๊ยม (1)
ไป๋หยานเงียบนางครุ่นคิดอยู่เพียงครู่ ก่อนจะคว้าจี้หยกที่ผู้อาวุโสตรงหน้านางถือไว้กลับคืนมา นางกวาดตาไปมองลูกหมูสีชมพูที่อยู่ในอ้อมแขนของโม่หลี่ชาง
”ผู้อาวุโสใหญ่…ที่ข้าสามารถหาเผ่าปักษาของท่านพบเป็นเพราะเจ้าหมูน้อยนี่นำมา มันบอกว่าภายในเผ่าปักษานี้ มันรับรู้ถึงกลิ่นอายของเผ่าเดียวกันข้าสงสัยเหลือเกินว่า มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่าปักษาหรือไม่ ?”
”ราชินีกระหม่อมชื่อเฟยอี้ เรียกกระหม่อมว่าผู้อาวุโสใหญ่เช่นนั้นกระหม่อมไม่อาจรับได้” เฟยอี้ยิ้มแหย ๆ ก่อนที่จะหันไปมองเจ้าหมูน้อย
เจ้าหมูน้อยจ้องมองเขาอย่างดุร้ายจากนั้นก็ถอยหลบกลับอย่างรวดเร็ว มันขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของโม่หลี่ชาง พลาง
ทำปากงอด้วยความไม่พอใจ
”ราชินี”ผู้อาวุโสนามเฟยอี้ขมวดคิ้ว “ยกโทษให้กระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมองไม่ออกจริง ๆ ว่าหมูน้อยตัวนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่าปักษาของเราอย่างไร ทว่า … มันก็ไม่น่าเป็นคนของเผ่าหมูด้วยเช่นกัน เพราะสัตว์อสูรเผ่าหมูไม่มีปีก”
อาจเป็นเพราะปีกคู่นี้ที่ตัดขาดความเชี่อมโยงระหว่างลูกหมูกับเผ่าหมู
”อู๊ด”
หมูน้อยกรีดร้องสองครั้งก่อนจะกระโดดออกจากอ้อมแขนของโม่หลี่ชางทันที มันรีบเข้าไปในเผ่าปักษาอย่างรวดเร็ว
โม่หลี่ชางผงะเขารีบไล่ตามมันไป “หมูน้อย นั่นเจ้าจะไปที่ใด ?”
หมูน้อยไม่สนใจคำพูดของโม่หลี่ชางมันวิ่งเร็วจี๋ และหายไปราวกับสายฟ้า
“ราชินี…นี่… ” เฟยอี้ผงะ เขาหันไปมองไป๋หยานด้วยความสงสัย
ไป๋หยานครุ่นคิดอยู่เพียงครู่”ไปดูกันเถอะ บางที … เราอาจได้คำตอบ”
ครั้นกล่าวจบไป๋หยานก็จับมือของเสี่ยวหลงเอ๋อแล้วเดินไล่ตามหมูน้อยไปทันที
หากแต่นางไม่ได้ไปรบกวนมันนางเพียงตามหลังมันห่าง ๆ เท่านั้น ราวกับว่านางแค่อยากรู้ว่าเจ้าลูกหมูกำลังไปที่ใด
เผ่าปักษามีขนาดไม่ใหญ่มากนักก่อนที่จะถึงยอดเขา เจ้าหมูน้อยก็หยุด พลันมีแสงวาบขึ้นในดวงตากลมโตของมันสว่างไสวยิ่งกว่าดวงตะวัน
”ราชินี”
ครั้นเห็นว่าไป๋หยานและหมูน้อยกำลังจะก้าวขึ้นเขา เฟยอี้ที่ตามมาก็ตกใจ เขารีบเดินตามหลังนางไป ใบหน้าท่านผู้เฒ่าแลดูเป็นกังวลเล็กน้อย “ราชินีพระองค์ขึ้นเขาลูกนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
”ทำไม?” ไป๋หยานหันกลับมามองเฟยอี้พลางเอ่ยถาม
เฟยอี้เช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตนเอ่ยกล่าวด้วยเสียงกระซิบ “กระหม่อมเองก็ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด ทว่านี่เป็นกฎที่บรรพบุรุษของเผ่าปักษากำหนดไว้ คนเผ่าปักษาจะเป็นหรือตาย ก็ห้ามมิให้ขึ้นเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้ หาไม่… ผลที่ตามมาก็ไม่อาจคาดเดาได้ ”
”อู๊ด”
หมูน้อยส่งเสียงครวญครางสองครั้งพลางจ้องมองภูเขาเบื้องหน้าด้วยสีหน้าแววตาตื่นเต้น
”หยานหยาน”โม่หลี่ชางปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก พลางยิ้มอย่างเขินอาย “หมูน้อยบอกว่าญาติของมันน่าที่จะอยู่ในสถานที่นี้”
ไป๋หยานหรี่ตา”เจ้าแน่ใจกระนั้นหรือ ?”
”เจ้าหมูน้อยพูดเช่นนั้นแม้ว่าสมองของมันจะค่อนข้างโง่ ทว่าสัตว์อสูรมักจะไม่พลาดเรื่องพันธะสัญญาทางสายเลือด อาจเป็นได้ว่า…ญาติของมันอยู่ที่นี่”
การแสดงออกของโม่หลี่ชางเป็นไปในเชิงบวกมากทั้งเขาก็ยังคงไว้ใจเจ้าหมูน้อย
เมื่อครู่นี้มันพูดแล้วว่าจะต้องมีคนของเผ่ามันอยู่ในสถานที่นี้
”ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เข้าไปดูกันเถอะ!”
มุมปากของไป๋หยานยกยิ้มน้อยๆ นัยน์ตาดำขลับของนางแน่วแน่ และสดใสเกินกว่าผู้ใดจะคาดคิด
“ราชินี…อย่า!”
เฟยอี้รู้สึกกังวลเขารีบขวางทางไป๋หยานด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์นี้อาจจะมีอันตราย หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับพระองค์ กระหม่อมจะกราบทูลองค์ราชาเช่นไร”
บทที่ 957 : เด็กน้อยชุดเอี๊ยม (2)
”ไม่ต้องกังวลหากตี้คังถาม ก็บอกเขาไปว่า เป็นข้ายืนยันที่จะเข้าไปเอง” ไป๋หยานยิ้มน้อย ๆ นางหันไปมองเจ้าลูกหมูและโม่หลี่ชาง “เราไปกันเถอะ”
ฟิ้ว!
ทันทีที่ถ้อยคำของไป๋หยานจบลงหมูน้อยก็พุ่งตัวขึ้นสู่ยอดเขา
ครั้นเห็นเช่นนี้โม่หลี่ชางกับไป๋หยานก็เดินตามเข้าไปข้างในอย่างใกล้ชิด เพียงพริบตาก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาของเฟยอี้
“ท่านอาวุโสเราจะทำอย่างไรกันดี ?”
ผู้คุ้มกันของเผ่าปักษาหันมองหน้ากันอย่างเป็นกังวลหากราชินีตกอยู่ในอันตรายภายในเผ่าปักษา ราชาจะต้องพิโรธพวกเขาอย่างแน่นอน
เฟยอี้ยิ้มอย่างขมขื่น”ข้าจะทำอะไรได้เล่า เราห้ามปรามราชินีไม่ได้ ทำได้เพียงติดตามไปปกป้องราชินีเท่านั้น”
เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นสู่ยอดเขา
ผู้คุมกันเผ่าปักษาที่อยู่ข้างหลังก็รีบเดินตามติดอย่างรวดเร็วการแสดงออกของพวกเขาตื่นตระหนก เหลียวหน้าแลหลังอยู่ตลอดเวลา …
ภายในภูเขานั้นเงียบสงบ
ไม่มีอันตรายใดๆ เช่นที่เฟยอี้เอ่ยถึง มีเพียงเสียงสายลมที่พัดใบหลิวปลิวไหว
ถึงกระนั้นทุกคนก็ไม่กล้าที่จะผ่อนคลายต่างก็ระแวดระวัง สายตาของพวกเขาจับจ้องมองโดยรอบ
จู่ๆ เจ้าลูกหมูที่นำทางไปข้างหน้าก็หยุด มันจ้องมองไปยังยอดเขาที่อยู่ห่างไกลด้วยสายตาว่างเปล่า สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ไป๋หยานและคนอื่นๆ ต่างก็หยุด ทุกคนมองตามสายตาของเจ้าลูกหมู เมื่อนางเห็นฉากข้างหน้า ม่านตาของนางพลันหรี่ลง การหายใจของนางก็ถี่ขึ้นเล็กน้อย
“เฟยอี้เผ่าปักษาของเจ้าไม่เคยมาที่ยอดเขานี่ก่อนจริงกระนั้นหรือ ?”
เฟยอี้ยังคงมองฉากเบื้องหน้าสายตาชราภาพของเขาหมองคล้ำ อีกทั้งตกตะลึง เขายังคงไม่รู้สึกตัว กระทั่งเสียงของไป๋หยานดังขึ้น
”เพราะกฎของบรรพบุรุษจึงไม่มีผู้ใดกล้าล่วงล้ำเข้ามาในยอดเขา”
”มีสัตว์อสูรอื่นอยู่ที่นี่อีกหรือไม่?” ไป๋หยานถามพลางหรี่ตา
เฟยอี้ส่ายศีรษะ”ภูเขาอสูรทั้งหมดเป็นดินแดนของเผ่าปักษาของเรา สัตว์อสูรเข้ามาได้น้อยมาก เช่นนั้นจึงไม่มีผู้ใดอยู่บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์นี้”
”อืม…” ไป๋หยานค่อย ๆ เดินไปหยุดข้างกายเจ้าลูกหมู นางทอดสายตาลงมองกองกระดูกตรงหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นตบร่างอ้วน ๆ ของเจ้าลูกหมูเบา ๆ
กระดูกนั้นไม่ทราบว่ามีอายุมานานกี่ปีทว่ายังคงขาวและเย็นราวกับหิมะ กาลเวลาอาจสร้างร่องรอยใด ๆ บนกระดูกนั้นได้
จากโครงกระดูกนี้เห็นได้ชัดว่าสัตว์อสูรที่อยู่เบื้องหน้าเหล่านี้ยังคงโครงสร้างเป็นหมู ทว่าเป็นหมูที่มีขนาดใหญ่กว่าเจ้าลูกหมูมาก อีกทั้งที่หลังของพวกมันก็มีปีกคู่หนึ่งที่กลายเป็นกระดูกสีขาวด้วย
โม่หลี่ชางไม่ได้กล่าวคำใดเขามองเจ้าลูกหมูด้วยความสงสาร ลำคอของเขาตีบตันราวกับจะหายใจไม่ออก
ไป๋หยานอาจไม่รู้ทว่าเขาและเจ้าลูกหมูรู้จักกันมานานย่อมรู้ดีว่าเจ้าลูกหมูกำลังติดตามหาญาติมิตรของตน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ ที่สุดแล้วมันกลับได้พบเพียงกองกระดูก … ยิ่งบนยอดเขาที่ถูกปิดล้อมเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่า ซากโครงกระดูกที่เห็นตายมานานกี่ปีแล้ว …
”อู๊ด”
เสียงเจ้าหมูน้อยเศร้าโลกทั้งใบเปลี่ยนเป็นความหม่นหมอง ท้องฟ้าสีเลือดพลันมืดมน ราวกับตอบสนองต่อความโศกเศร้าของมัน …
ผู้คุ้มกันของเผ่าปักษาต่างก็ตกตะลึงไปเช่นกันไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะมีกระดูกจำนวนมากบนยอดเขาที่เผ่าปักษาป้องมานานหลายปี …
หลังจากนั้นไม่นานเสียงครวญครางของเจ้าลูกหมูก็หยุดลง มันขยับขาสั้น ๆ เดินไปที่กระดูกซึ่งกองเป็นภูเขา
อารมณ์ของมันเศร้ามากน้ำตาไหลเป็นสายน้ำ กีบหมูสองข้างตะกุยดินพยายามขุดหลุมขนาดใหญ่ เพื่อฝังโครงกระดูกเหล่านั้น
บทที่ 958 : เด็กน้อยชุดเอี๊ยม (3)
เจ้าลูกหมูตัวน้อยกำลังร้องครวญครางพลางขุดดิน มันไม่รู้ว่ามีพ่อแม่ของมันอยู่ในกองกระดูกนี้หรือไม่ มันรู้เพียงว่ากระดูกที่ตายมานานหลายปีนี้ล้วนแล้วแต่เป็นญาติของมัน …
โม่หลี่ชางยืนอยู่ด้านหลังเจ้าลูกหมูอย่างเงียบๆ โดยไม่ห้ามมัน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเมตตา ขณะจ้องมองเจ้าลูกหมูที่กำลังร้องโหยหวน
เจ้าลูกหมูขุดดินเร็วมากฝุ่นปลิวว่อนไปทั่ว หลังจากที่มันขุดหลุมจนเป็นขนาดใหญ่ มันก็วางกระดูกลงในหลุมอย่างระมัดระวัง
คลิ้กๆ
ทันใดนั้นลูกปัดก็ตกลงมาจากกองกระดูกลูกปัดโปร่งใสเปล่งรัศมีสีขาวน้ำนมส่องสว่างไปทั่วทั้งเทือกเขา
หมูน้อยตกตะลึงหลังจากวางกระดูกชิ้นสุดท้ายลงในหลุมขนาดใหญ่เรียบร้อยเขาก็หยิบลูกปัดที่ตกลงพื้นขึ้นมา ดวงตาขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำตากระพริบ ประกายแสงแห่งความสงสัยพลันฉายผ่านดวงตา
ณขณะนี้…
ลำแสงพุ่งออกมาจากลูกปัดก่อนจะตกลงไปที่หว่างคิ้วของเจ้าหมูน้อย มันล้มลงกับพื้นก้นจ้ำเบ้า ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยอาการตกตะลึง เห็นได้ชัดว่ามันเองก็ไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น …
หัวใจของโม่หลี่ชางตึงเครียดเขากำลังจะก้าวไปข้างหน้า ทว่ามือเรียวงามยาวหยกคู่หนึ่งกลับยื่นออกมาขวางทางเขาไว้
”ช้าก่อน”ไป๋หยานขมวดคิ้ว “อย่าเพิ่งไปรบกวนมัน ข้ารู้สึกเหมือนว่า มันกำลังจะกลายร่างเป็นมนุษย์”
มนุษย์?
โม่หลี่ชางกระพริบตาจะว่าไปแล้ว การที่อสูรกลายร่างเป็นมนุษย์นั้นไม่เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งทว่าขึ้นกับโอกาส และมีเพียงสัตว์อสูรไม่กี่ตัวในแดนมนุษย์ที่เปลี่ยนเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ ต่างกันกับสัตว์อสูรส่วนใหญ่ที่อยู่ในแดนอสูรกลับสามารถปรากฏกายในร่างมนุษย์ได้
ตอนนี้ไป๋หยานกำลังบอกเขาว่าเจ้าลูกหมูกำลังจะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์กระนั้นรึ?
ขณะที่โม่หลี่ชางตกตะลึงอยู่นั้นร่างของหมูน้อยก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวซีด ซึ่งดูศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขาม ทั้งไม่สามารถต่อต้านได้ โม่หลี่ชางเองก็ถูกบังคับให้ถอยหลังไปสองสามก้าว
”หยานหยานเจ้าหมูน้อยจะเป็นอะไรหรือไม่ ?” โม่หลี่ชางเม้มริมฝีปากสีชมพูของตน เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเล็ก ๆ เมื่อนึกถึงปฏิกิริยาของหมูน้อยในตอนนี้
”ไม่เป็นไรการกลายร่างเป็นมนุษย์จะผ่านไปได้ในไม่ช้า และจะไม่มีอันตรายใด ๆ หากข้าเดาไม่ผิด ลูกปัดที่เจ้าลูกหมูหยิบขึ้นมาน่าที่จะถูกผู้อาวุโสของเผ่าทิ้งไว้ให้มันโดยเฉพาะ”
ไป๋หยานลูบคางพลางกล่าวอย่างจริงจัง
โม่หลี่ชางหันไปมองด้วยอาการงงงวยนัยน์ตาที่ใสแจ๋วชุ่มฉ่ำแวววาวของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย “เหตุใด หยานหยาน ถึงพูดเช่นนี้ ?”
“บรรพบุรุษของเผ่าปักษาได้ออกกฎไว้ว่าคนของเผ่าปักษาจะต้องปกป้องยอดเขาศักดิ์สิทธิ์นี้ ทั้งไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเขา นอกจากนี้ยังกำชับว่ายอดเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นอันตรายอย่างยิ่ง บางทีอาจเป็นเพราะกระดูกเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับเผ่าปักษามาก่อน ตั้งแต่ที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่”
เสียงของไป๋หยานหยุดลงชั่วคราวจากนั้นนางก็กล่าวต่อว่า “มีเพียงผู้เดียวที่สามารถพบสถานที่แห่งนี้ได้ นั่นก็คือลูกหลานของพวกเขา ลูกปัดนี้ต้องเป็นสิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้ให้เจ้าลูกหมู”
โม่หลี่ชางพยักหน้า”ที่หยานหยานพูดมาก็มีเหตุผล ไม่เคยมีผู้ใดพบที่นี่นอกจาก หมูน้อย ทว่าโชคดีที่มีหยานหยานมาด้วย เจ้าหมูน้อยจึงสามารถค้นหาเผ่าของมันได้สำเร็จ”
แม้ว่าคนเหล่านี้จะกลายเป็นกองกระดูกแล้วก็ตาม…
แสงสีขาวบนยอดเขาค่อยๆ จางสลายไป เมื่อแสงสีขาวหายไปเด็กน้อยในชุดเอี๊ยมรัดอกก็กำลังนั่งอยู่บนพื้น นัยน์ตาดำขลับกวาดมองโดยรอบ
เด็กน้อยคนนี้มีผิวขาวและอ้วนท้วนราวกับเด็กผู้ชายในภาพวาด แววตาของเขาไร้เดียงสา ทว่าก็ชัดเจนและโปร่งใสไม่ต่างกับน้ำค้างฤดูใบไม้ผลิ
ขณะที่โม่หลี่ชางกำลังรู้สึกประหลาดใจอยู่นั้นเจ้าเด็กน้อยตัวกลมก็ลุกขึ้นจากพื้น พลางวิ่งถลาเข้ามาหาเขา น้ำเสียงของเด็กน้อยอ่อนโยนและไร้เดียงสา เขาพูดเบา ๆ ว่า “เจ้านาย เจ้านาย … ”
โม่หลี่ชางตกตะลึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยิ่งใหญ่มากจนเขารับไม่ทัน
บทที่ 959 : เด็กน้อยชุดเอี๊ยม (4)
”หมูน้อยเจ้าพูดได้แล้วหรือ ?”
เดิมทีเจ้าหมูก็สามารถพูดภาษามนุษย์ได้หากแต่หลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บ หมูน้อยก็ไม่สามารถพูดได้อีกต่อไป ทว่าเวลานี้เขากลับมาพูดได้อีกครั้งแล้ว
โม่หลี่ชางหัวเราะอย่างมีความสุขรอยยิ้มของเขาแลดูไร้เดียงสา … ราวกับแสงแดดสาดส่องเข้ามาในหัวใจของผู้คน
เด็กน้อยยิ้มร่าราวกับพระโพธิสัตว์สังกัจจายน์ที่ใสซื่อและจงรักภักดี
ใบหน้าเล็กๆ ที่อ้วนกลมของเขาบิดเบี้ยว มือเล็ก ๆ สั้น ๆ และอวบ ๆ จับแขนเสื้อของไป๋หยาน “ราชินี ช่วยข้าตั้งชื่อหน่อย ข้าไม่อยากชื่อหมูน้อยแล้ว”
ใบหน้าของโม่หลี่ชางเปลี่ยนเป็นสีดำ: “หมูน้อยข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ในเมื่อเจ้าต้องการเปลี่ยนชื่อ เหตุใดเจ้าไม่บอกข้า”
เด็กน้อยตัวกลมเอียงศีรษะพลางมองโม่หลี่ชาง “เจ้านายจะตั้งชื่อให้ข้าว่าเจ้าไก่น้อย เจ้าเป็ดน้อย หรือไม่ก็ชื่ออื่น ๆ ที่เป็นไปในทำนองเดียวกันอีก ข้าไม่ต้องการเช่นนั้น ข้าต้องการให้ราชินีตั้งชื่อให้ข้า”
ไป๋หยานมองดูเด็กน้อยตัวอ้วนกลมผู้นี้แล้วนางก็ชอบใจ อย่างน้อย … มันก็เป็นที่น่าพอใจมากกว่าตอนเป็นลูกหมูก่อนหน้านี้
”ในเมื่อโม่หลี่ชางเป็นเจ้านายของเจ้าเช่นนั้นเจ้าก็ใช้แซ่ของเขาจะดีหรือไม่ ? เขาชื่อ ชางชาง เจ้าก็ชื่อ เสี่ยวโม่”
เจ้าตัวกลมพยักหน้าพลางยิ้มระรื่น “ชื่อนี้ดีกว่าชื่อโง่ ๆ ที่เจ้านายของข้าตั้งให้มาก”
เส้นสีดำสามเส้นปรากฏบนหน้าผากของโม่หลี่ชางเขารู้สึกว่า เขากำลังเลี้ยงหมูทรยศ เมื่อเจ้าลูกหมูกลายร่างเป็นมนุษย์ มันก็จะโบยบินไปบนท้องฟ้า และจำเจ้านายของตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำ
”เหตุใดเจ้าถึงเรียกแม่ของข้าว่าราชินี” เสี่ยวหลงเอ๋อเอ่ยถามพร้อมกับงุ้มปากเล็กน้อย
เด็กน้อยอ้วนกลมเกาศีรษะ”ก็ผู้อาวุโสเผ่าปักษานั่นเพิ่งเรียกท่านว่าราชินีไม่ใช่หรือ ? พี่หลงเอ๋อ เราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่ ? ข้ารู้สึกว่า … ท่านดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์กับเผ่าของข้า”
ไป๋หยานตกใจพลางหันไปมองเจ้าตัวกลมโดยไม่รู้ตัว
“เจ้าบอกว่าเสี่ยวหลงเอ๋อเกี่ยวข้องกับเผ่าของเจ้ากระนั้นรึ?”
เด็กน้อยพยักหน้าอย่างสิ้นหวัง”ข้าเพียงรู้สึกหากแต่ก็ไม่แน่ใจ ตอนที่ข้าเห็นพี่หลงเอ๋อครั้งแรก ข้าก็อยากจะปกป้องนางแล้ว”
ครั้นได้ยินเช่นนี้ไป๋หยานก็เกือบจะหัวเราะเด็กคนนี้ต้องการตามตื๊อหลงเอ๋อ ทว่าก็ล้มเหลว ? เพราะความรู้สึกนี้ เขาจึงเข้าใจผิดคิดว่าหลงเอ๋อเกี่ยวข้องกับเผ่าของเขา ?
โม่หลี่ชางเองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกันเขาตบหัวเจ้าเด็กน้อยอย่างแรง “เสี่ยวโม่ เจ้าชอบหลงเอ๋อ ใคร ๆ ก็รู้ เจ้าก็พูดออกมาตรง ๆ สิ เหตุใดเจ้าต้องแก้ตัว เจ้าก็แค่แอบชอบหลงเอ๋อเท่านั้น”
”งั้นรึ?”
เจ้าพุงพลุ้ยเกาหัวของตัวเองอย่างงงๆ
อย่างไรก็ตามมีเสียงในใจบอกเขาเสมอว่าเขาต้องปกป้องความปลอดภัยของเสี่ยวหลงเอ๋อนี่คือภารกิจของเผ่าเขา …
เสียงนี้ปรากฏขึ้นเมื่อเขาพบเสี่ยวหลงเอ๋อครั้งแรก หรือนี่อาจเป็นภาพลวงตาของเขา ?
เด็กน้อยส่ายหัวพร้อมกับบังคับตนเองไม่ให้คิดถึงเรื่องเหล่านี้อีก เขายิ้มจากนั้นก็เดินไปหาเสี่ยวหลงเอ๋อ เอ่ยกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “พี่หลงเอ๋อ ต่อไป ข้าจะปกป้องพี่เอง”
”เจ้าน่ะรึจะปกป้องข้า?” เสี่ยวหลงเอ๋อกระพริบตา พลางหัวเราะคิกคัก เสียงหัวเราะนางราวกับระฆังที่ใสกังวาน “ทำไมข้าถึงคิดว่า ท่านแม่ของข้า และข้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายปกป้องเจ้า ?”
การล้อเลียนเช่นนี้ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวกลมอับอายเขายังคงยิ้มแย้ม “ข้าจะพัฒนาความแข็งแกร่งเพื่อปกป้องพี่ ข้าทำได้อย่างแน่นอน”
เสี่ยวหลงเอ๋อทำหน้าตาบูดบึ้งใส่เจ้าเด็กสมบูรณ์พลางหดตัวลงในอ้อมแขนของไป๋หยานพร้อมกับรอยยิ้มในแววตา
ไป๋หยานหัวเราะน้อยๆ นางลูบศีรษะของเสี่ยวหลงเอ๋อ พลางหันไปมองเฟยอี้ “เฟยอี้…ข้าเสียเวลามากแล้ว ข้าต้องไปจากที่นี่แล้ว ท่านช่วยส่งพวกเราออกไปหน่อย”
บทที่ 960 : ตระกูลหูรนหาที่ตาย (1)
”ช้าก่อน”
เจ้าเด็กสมบูรณ์ยกมือขาวๆ ขึ้นดึงแขนเสื้อไป๋หยาน “ราชินี ข้ามีบางสิ่งจะมอบให้ท่าน”
”อะไร?” ไป๋หยานเลิกคิ้ว พลางเอ่ยถาม
เจ้าเด็กสมบูรณ์เกาศีรษะของตน”ข้าเองก็ไม่รู้ เมื่อตอนที่ข้ามีปฎิกิริยากับลูกปัดนั่น มีเสียงบอกข้าว่า มีบางอย่างฝังไว้ในภูเขาแห่งนี้ ทั้งให้ข้านำมันออกไปด้วย”
ไป๋หยานครุ่นคิดเพียงครู่”เจ้านำทางไป”
”ได้…”
เด็กสมบูรณ์เดินลอยหน้าลอยตาออกไปยังจุดสูงสุดของยอดเขาเบื้องหน้า จากนั้นไม่นาน เขาก็เข้าไปในถ้ำ ก่อนจะวิ่งกลับออกมาจากถ้ำ ในมือถือกล่องโบราณใบหนึ่งติดมาด้วย
กล่องนั่นแลดูหนักอึ้งทว่าเสี่ยวโม่ก็กอดมันไว้แน่น ก่อนจะส่งมอบให้ไป๋หยานราวกับกำลังมอบสมบัติมีค่า พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
”นี่คือ…”
ไป๋หยานหยิบกล่องนั่นมาก่อนจะเปิดออกอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นไม่นานรังสีของแสงก็พุ่งออกมาจากกล่อง และพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า
แก่นแท้สัตว์อสูรที่บรรจุอยู่ในกล่องใบนี้ล้วนเป็นแก่นแท้ของสัตว์เวทโบราณที่บริสุทธิ์ยิ่งเสียกว่าแก่นแท้ของสัตว์อสูรที่นางได้รับในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ด้วยแก่นแท้ของสัตว์เวทโบราณเหล่านี้นางสามารถทะลวงขึ้นสู่ขั้นสูงของระดับเชิงเจี่ยได้เลยโดยตรง !
ไป๋หยานสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อลดความตื่นเต้นในใจ จากนั้นก็เปิดกล่องขึ้นอีกครั้ง ในชั้นที่สองของกล่องมีธงอยู่
ผืนผ้าเป็นสีเหลืองทองมีลวดลายหมูบินอยู่ด้านบนซึ่งเหมือนจริงราวกับว่ามันสามารถปรากฏตัวออกมาได้ทุกเมื่อ
“ราชินีขอกระหม่อมดูธงในมือของพระองค์หน่อยจะได้หรือไม่ ?” นัยน์ตาของเฟยอี้เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น เขาเอ่ยถามไป๋หยานด้วยแววตาสงสัย
ไป๋หยานไม่ได้หวงนางมอบธงให้เฟยอี้ ก่อนจะเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่ม”อาวุโสเฟยอี้ รู้หรือไม่ว่านี่คือธงอะไร ?”
”นี่… ” มือชราภาพของเฟยอี้ลูบธง ประกายแสงสว่างวาบในดวงตาของเขา “หากกระหม่อมเดาไม่ผิด มีวิญญาณสัตว์อสูรที่ทรงพลังซ่อนอยู่ในธงผืนนี้ ทว่า … กระหม่อมขอแนะนำว่า หากราชินียังไม่แข็งแกร่งถึงระดับเฉินเจี่ยอย่าเพิ่งเรียกวิญญาณในธงนี้ออกมา เพราะหากวิญญาณในธงไม่เต็มใจที่จะทำสัญญากับราชินี มันก็จะไม่ยอมกลับไปมือเปล่าอย่างแน่นอน”
ไป๋หยานสะดุ้งวิญญาณสัตว์อสูรที่ทรงพลังกระนั้นรึ ? จิตวิญญาณนี้ต้องมีพลังมากทีเดียว
นางไม่ควรเสี่ยงจะดีกว่า
“ขอบใจผู้อาวุโสเฟยอี้ที่เตือนสติ”
ไป๋หยานเก็บธงก่อนจะหันมองโดยรอบ “ตอนนี้ ข้าต้องการเข้าสันโดษเพื่อดูดซับแก่นแท้ของสัตว์เวทโบราณเหล่านี้ และผู้อาวุโสเฟยอี้ได้โปรดอย่าให้ผู้ใดรบกวนข้า”
เฟยอี้ยิ้ม”ราชินีโปรดมั่นใจ กระหม่อมจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดขึ้นมาที่ยอดเขาแห่งนี้เป็นแน่”
”ดี”
ไป๋หยานพยักหน้าเล็กน้อยนางจ้องมองถ้ำที่เสี่ยวโม่หยิบกล่องออกมา พลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้ำนี้ก็ไม่เลว ข้าจะเข้ากักตัวที่นี่ หลังจากที่ข้าดูดซับแก่นแท้ของสัตว์เวทได้แล้ว ข้าจึงจะกลับออกมา”
หลังจากกล่าวจบไป๋หยานก็สั่งเสี่ยวหลงเอ๋ออีกสองสามคำก่อนที่นางจะเดินเข้าไปในถ้ำ
โม่หลี่ชางเกาศีรษะของตนพลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มในแววตากระจ่างใส “เสี่ยวโม่…ไหนของขวัญที่เจ้าจะให้ข้าล่ะ?”
เสี่ยวโม่กระพริบตางงๆ เอ่ยกล่าวด้วยความอับอาย “ข้าให้สมบัติทั้งหมดกับราชินีไปแล้ว ข้าลืมนึกถึงท่าน”
โม่หลี่ชางปากกระตุกเขาอยากจะถามว่าผู้ใดคือนายของเจ้ากันแน่ ?
อย่างไรก็ตามโม่หลี่ชางก็ไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านี้จริง ๆ สำหรับเขาสมบัติเหล่านั้นไม่มีค่ามากไปกว่าไป๋หยาน
เพียง…
ท่าทางเพิกเฉยของเสี่ยวโม่ทำให้เขารู้สึกน้อยใจ