จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 971 -975
บทที่ 971 : เป็นทาสของสัตว์อสูร (4)
ทุกคนไม่อาจทนดูภาพนั้นอีกต่อไปพวกเขาหันหน้าเบือนหนีโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และสยองขวัญ …
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงที่เฉยชาของหญิงสาวพลันดังขึ้นอีกครั้งส่งผลให้หัวใจของพวกเขาเต้นแรงแทบจะโลดออกนอกอก
“หลงเอ๋อชายคนนี้สกปรกมากเกินไป ทำให้ระบบการย่อยของเจ้าไม่ดี หากแต่ก็ยังดีที่มีคนมากมายในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ซึ่งก็คงจะพอทำให้เจ้าอิ่มท้องได้”
ครานี้ชายในชุดคลุมยาวที่ถามไป๋หยานก่อนหน้านี้พลันเกิดความหวาดกลัวกระทั่งร้องไห้
“แม่นางข้าเพียงพูดขำ ๆ เท่านั้น เป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้นเองจริง ๆ แค่การเป็นทาสจะไปยากเย็นอะไร ? คนในแดนสวรรค์ก็ไม่เคยนับว่าพวกเราเป็นมนุษย์อยู่แล้ว นั่นก็ไม่ต่างจากการเป็นทาส ได้โปรดอย่าให้นางกินข้าเลย…”
น่ากลัวกว่าความตายคืออะไร?
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตายก็คือการเฝ้าดูร่างของตนเองค่อย ๆ ถูกกัดกร่อน โดยที่ไม่มีโอกาสอยู่ หรือตายทั้งสิ้น !
วิธีนี้เป็นทาสเสียยังจะดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้
เสี่ยวหลงเอ๋อมองดูผู้คนกลุ่มนั้นด้วยสายตาหิวโหยทันใดนั้นนางก็ได้ยินสิ่งที่ชายในชุดคลุมกล่าว นางเบะปากด้วยความผิดหวัง ก่อนที่จะหันหน้าไปหาไป๋หยาน
“ท่านแม่…หากมนุษย์คนนี้ยอมเป็นทาสของท่าน หลงเอ๋อก็จะไม่กินเขา ว่าแต่ยังมีคนอื่นให้หลงเอ๋อกินอีกมั้ย ? หลงเอ๋อหิว ไม่ได้กินมาหลายวันแล้ว”
“ช่วงที่ข้าเข้าสันโดษเฟยอี้ไม่ได้หาอะไรให้เจ้ากินหรอกหรือ ?” ไป๋หยานลดสายตาลง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแตกต่างจากท่าทีคุกคามทุกคนก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
หลงเอ๋อน้อยส่ายหัวอย่างน่าสงสาร
“เฮ้อ! เอาล่ะหลังจากเสร็จเรื่องนี้แล้ว เจ้าก็สามารถกินทุกอย่างตามแต่ใจเจ้าต้องการ” ไป๋หยานยกยิ้ม พลางแตะศีรษะเสี่ยวหลงเอ๋อเบา ๆ นัยน์ตาของนางกวาดมองคนอื่น ๆ ในโรงเตี๊ยม
“ส่วนคนพวกนี้หากมีผู้ใดไม่เชื่อฟัง เจ้าก็สามารถกินพวกเขาได้เลย ทั้งไม่ต้องสำรอกออกมาอีก”
เสียงของนางไม่ต่างจากคำตัดสินประหารชีวิตคนเหล่านี้
ร่างของทุกคนสั่นสะท้านพวกเขามองชายวัยกลางคนที่ดิ้นอยู่บนพื้น จากนั้นก็หันไปมองไป๋หยานผู้ซึ่งกำลังยิ้ม ความเย็นยะเยือกไล่จากฝ่าเท้าของพวกเขาพุ่งเข้าสู่หัวใจ
“นายหญิง… ข้าเต็มใจเป็นทาสของท่าน โปรดปล่อยข้าไปเถิด”
“ฮือ…ข้ายังไม่อยากเป็นอาหารของเด็กน้อยคนนี้ ข้าเป็นคนเชื่อฟังมาก อย่าให้นางกินข้าเลย … “
ยามนี้ทุกคนต่างตกตะลึงแม้บางคนจะเคยถูกตามล่า ทั้งถูกข่มเหง ทว่าพวกเขาก็ไม่เคยหวาดกลัวถึงเพียงนี้มาก่อน
วิธีการตายเช่นนี้โหดร้ายเกินไปโหดร้ายมาก กระทั่งพวกเขามิอาจรับได้
“ไม่”ไป๋หยานยกยิ้ม “เจ้านายของเจ้าไม่ใช่ข้า หากแต่เป็นสัตว์อสูร จากนี้ไปพวกเขาจะเป็นเจ้านายของเจ้า และเจ้าก็ต้องรับใช้พวกเขาตลอดไป”
ในโลกนี้กฎที่ว่าผู้อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อนั้นยังคงใช้ได้เสมอ เดิมที สัตว์อสูรไม่แข็งแกร่งเท่ามนุษย์ เช่นนั้นเมื่อใดก็ตามที่พวกมันพบมนุษย์ พวกมันย่อมต้องถูกสังหารอย่างแน่นอน จากนั้นแก่นแท้สัตว์อสูร และหนังของพวกมันก็จะถูกนำไปแลกกับความมั่งคั่ง
ต่อมา…เพื่อที่จะให้ได้รับการอภัยโทษจากตี้คังตระกูลหูจึงมาที่เมืองชายแดน เพื่อยึดครองเมืองชายแดนทั้งหมด โดยหวังที่จะส่งมอบให้กับตี้คัง
ทว่าการมาของพวกเขากลับเป็นการกดขี่ข่มเหงผู้คนในเมืองชายแดนโดยไม่มีผู้ใดกล้าต่อต้านอย่างไรเสียก็ยังมีสัตว์อสูรถูกมนุษย์ลอบสังหาร สัตว์อสูรเหล่านั้นโดนถลกหนัง และเนื้อ นำแก่นแท้ไปขาย
ตอนนี้…
เมื่อมนุษย์ในเมืองชายแดนถูกคุกคามพวกเขาก็จะกลายเป็นลูกแกะที่ถูกตามล่าสังหารไม่ต่างกับสัตว์อสูรในสมัยนั้นแล้ว
“ท่านแม่”
เสี่ยวหลงเอ๋อดึงแขนเสื้อของไป๋หยานพลางมองนางด้วยแววตาที่สดใส “อย่าเศร้าไปเลยท่านแม่ หลงเอ๋อจะช่วยท่านแม่ปกป้องแดนอสูรด้วยอีกคน”
ไป๋หยานยิ้มพลางลูบศีรษะของเสี่ยวหลงเอ๋อ
บทที่ 972 : เป็นทาสของสัตว์อสูร (5)
”ดี”
ในชีวิตนี้สัตว์อสูรที่นางสังหารมีเพียงหญิงสาวจากเผ่าอสรพิษ และบุตรสาวบุญธรรมของผู้อาวุโสสูงสุด เพราะเพียงเพื่อให้ได้ครอบครองตี้คังแล้ว หญิงคนหนึ่งถึงกับพยายามทำร้ายเฉินเอ๋อ ส่วนอีกคนก็วางแผนใส่ความนาง
ส่วนสัตว์เวทโบราณในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเกิดจากการที่ผู้สร้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ได้ใช้แก่นแท้ของสัตว์อสูรโบราณเหล่านั้น เพื่อสร้างภาพลวงตา
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่นางรับรู้มาก่อนที่จะออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ทว่า… นางก็ไม่อาจมีเมตตาต่อสัตว์อสูรที่โจมตีนางได้เช่นกัน !
น่าเสียดาย…
ก่อนมาที่นี่นางก็ขอให้เฟยอี้ตรวจสอบบางอย่าง
มนุษย์ในเมืองชายแดนเข่นฆ่าสัตว์อสูรเพียงเพื่อจะได้สมบัติจากพวกมันเท่านั้น
และนางคือราชินีแห่งแดนอสูรการแก้แค้นให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ต้องตายไป คือหน้าที่ที่นางสมควรต้องกระทำ !
บางทีแม้แต่ไป๋หยานก็ไม่ได้สังเกตว่านางได้วางตัวเป็นพวกเดียวกับสัตว์อสูรแล้ว ทั้งยังยอมรับฐานะราชินีมากขึ้นกว่าเดิม
”เสี่ยวหลงเอ๋อข้าจำได้ว่าสัตว์อสูร และมนุษย์ยังมีพันธะสัญญาชนิดหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าการต่อต้านพันธะสัญญา”
มนุษย์สามารถทำพันธะสัญญากับสัตว์อสูรได้และในทำนองเดียวกันสัตว์อสูรก็สามารถทำพันธะสัญญากับมนุษย์ได้ หากมนุษย์ทำพันธะสัญญากับสัตว์อสูร มนุษย์ก็ควรจะเป็นผู้มีความแข็งแกร่งเหนือกว่า แต่หากสัตว์อสูรทำพันธะสัญญากับมนุษย์ก็จะกลับกัน
เช่นนั้นก่อนที่จะพิชิตสัตว์อสูรได้อย่างสมบูรณ์มนุษย์ก็จะไม่บังคับให้สัตว์อสูรทำพันธะสัญญาด้วย เพราะเกรงกลัวผลที่จะย้อนกลับ
และผลย้อนกลับนี้ที่เราเรียกว่าการต่อต้านพันธะสัญญา
เสี่ยวหลงเอ๋อขมวดคิ้วที่น่ารักของนางพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง”เมื่อครู่นี้ หลงเอ๋อลองทบทวนในสมองดู อืม…ดูเหมือนว่าจะมีพันธะสัญญาดังกล่าวอยู่จริง”
”อืม”ไป๋หยานยิ้มอย่างเฉยชา “เช่นนั้นเจ้าจงใช้พันธะสัญญาทาสจากการต่อต้านพันธะสัญญา เพื่อปรับคนเหล่านี้ให้เป็นทาสของสัตว์อสูรโดยสมบูรณ์ !”
คนในโรงเตี๊ยมตกใจ
พวกเขาคิดว่าพวกเขาจะเป็นเพียงทาสที่จงรักภักดีต่อสัตว์อสูรเหล่านี้ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกมัน หากแต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าไป๋หยานจะให้มังกรน้อยทำพันธะสัญญาทาสกับพวกเขาโดยตรง
และ… มันยังคงเป็นพันธะสัญญาทาสซึ่งต่ำต้อยที่สุด
“พันธะสัญญามีสามประเภทได้แก่ พันธะสัญญาที่เท่าเทียม พันธะสัญญาผู้รับใช้ และพันธะสัญญาทาส” โม่หลี่ชางเม้มริมฝีปากสีชมพูของตน “พันธะสัญญาที่เท่าเทียมไม่มีผลผูกพันทั้งสองฝ่ายมากนัก หากแต่จะผูกมัดใจทั้งสองฝ่ายอย่างลึกซึ้งเท่านั้น การเชื่อมต่อระหว่างทั้งสองสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของอีกฝ่ายได้ไม่ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ที่ใด สัญญานี้ถือเป็นสัญญาสมัครใจร่วมกัน”
“พันธะสัญญาผู้รับใช้ทันทีที่วิญญาณของนายดับสลายสัตว์อสูรที่ทำพันธะสัญญาด้วยก็จะตายตาม”
ไป๋หยานไม่กล่าวคำใด
ที่นางทำพันธะสัญญากับตี้คังก็คือพันธะสัญญาเท่าเทียมส่วนพันธะสัญญากับชิงหลง และเสี่ยวมี่ก็คือพันธะสัญญาผู้รับใช้ ซึ่งนี่คือสาเหตุที่ครั้งนั้นนางไม่เต็มใจที่จะพันธะทำสัญญากับเสี่ยวมี่
พันธะสัญญาที่เท่าเทียมไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะพึงทำได้ หากเสี่ยวมี่ต้องการทำพันธะสัญญากับนาง ก็สามารถทำพันธะสัญญากับนางในฐานะเจ้านายและคนรับใช้เท่านั้น
“ส่วนพันธะสัญญาทาสข้อสุดท้ายนั้นทาสจะต้องไม่ฝ่าฝืนคำสั่งนาย หากพวกเขาฝ่าฝืน พวกเขาจะต้องเจ็บปวดอย่างรุนแรง กระทั่งถึงตายในที่สุด” โม่หลี่ชางหันมาสบตากับผู้คนในโรงเตี๊ยม “ข้าคิดว่า พันธะสัญญาทาสนี้ช่างเหมาะกับพวกเขาจริง ๆ”
ก่อนหน้านี้ครั้งที่ยังไม่มีเจ้าลูกหมูเขาก็ไม่ได้รู้สึกอ่อนไหวนัก เมื่อเห็นการตายของสัตว์อสูร แต่ครั้นเขามีเจ้าลูกหมูแล้ว เขาก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจสัตว์อสูรมากขึ้นกว่าเดิม
ตอนนี้เมื่อได้เห็นคนเหล่านี้ต้องตกเป็นทาสของสัตว์อสูรความรู้สึกของเขาพลันสดชื่นสบายใจอย่างไม่อาจบรรยายได้
เมื่อเห็นคนกลุ่มนั้นเงียบไปไป๋หยานก็ยกริมฝีปากขึ้น “พวกเจ้าเลือกได้ว่าจะเป็นทาสของหลงเอ๋อหรือ … เข้าไปแหวกว่ายในท้องของนางแทน ?”
ไปแหวกว่ายในท้อง?
ทุกคนตกใจมาก”แม่นาง ข้าขอเป็นทาส ได้โปรดอย่าให้ข้าต้องไปแหวกว่ายในท้องของนางเลย”
บทที่ 973 : ท่านแม่มีคนวิตถารอยู่ตรงนี้ (1)
”เยี่ยม”ไป๋หยานยิ้มอย่างเฉยชา “ตอนนี้…ข้าจะปล่อยให้หลงเอ๋อทำพันธะสัญญาทาสกับพวกเจ้า หากผู้ใดกล้าขัดขืนและผิดพันธะสัญญาทาสนี้ ข้าจะไม่ให้โอกาสเป็นครั้งที่สอง ! ในเมืองนี้จะเหลือคนอยู่เพียงสองประเภท ประเภทหนึ่งคือทาสของสัตว์อสูร ส่วนอีกประเภทก็คือคนตาย !”
น้ำเสียงเฉยชาของไป๋หยานดังก้องอยู่ในใจของทุกผู้คนราวกับเสียงฟ้าร้อง ทำให้ร่างของพวกเขาสั่นเล็กน้อย
ณขณะนี้…
พลังปกคลุมทั่วท้องฟ้าราวกับตาข่ายที่มองไม่เห็น
ภายใต้ตาข่ายขนาดยักษ์นี้บางคนต้องการที่จะต่อต้าน ทว่าทันทีที่ความคิดนี้เกิดขึ้น ดูเหมือนจะมีมือมาบีบลำคอของพวกเขาแน่น กระทั่งทำให้หายใจแทบไม่ออก
ดวงตาของพวกเขากลอกไปมาด้วยความสยองขวัญหน้าตาของพวกเขาบิดเบี้ยว ร่างกายของพวกเขาอยู่ในสภาพผิดปกติ ขณะกัดริมฝีปากแน่น
โชคดีที่ความรู้สึกนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วทว่าหลังจากนั้นไม่นาน ตาข่ายยักษ์ที่มองไม่เห็นก็ขาดออกจากกัน และมีรอยลึกฝังอยู่ในจิตวิญญาณของพวกเขาซึ่งไม่สามารถลบได้ตลอดชีวิตนี้
“ท่านแม่…ทำสำเร็จแล้ว”
เสี่ยวหลงเอ๋อยิ้มขณะหันหน้าไปมองไป๋หยาน “จากนี้ไป คนเหล่านี้ทั้งหมดจะเป็นทาสของข้า”
”ทำได้ดีมาก”ไป๋หยานลูบศีรษะเสี่ยวหลงเอ๋อ “หลังจากจบเรื่องนี้แล้ว ข้าจะตอบแทนเจ้าด้วยอาหารเย็นอร่อย ๆ ”
“ท่านแม่ทำเองหรือ?” เสี่ยวหลงเอ๋อจ้องมองไป๋หยานด้วยนัยน์ตาที่สดใส
ไป๋หยานพยักหน้าเล็กน้อย
หลังจากได้รับคำยืนยันแล้วรอยยิ้มสดใสพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าสีชมพูของนาง
“ท่านพี่บอกว่าฝีมือการทำอาหารของท่านแม่ดีกว่าพ่อครัวที่เก่งที่สุดในร้านอาหารทุกร้านแต่ท่านพี่คิดว่าท่านแม่ต้องลำบากมากเกินไป เขาจึงไม่ขอให้ท่านแม่ทำอาหารให้กิน”
ไป๋หยานจับมือเสี่ยวหลงเอ๋อรอยยิ้มอบอุ่นพลันปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
เฉินเอ๋อเป็นเด็กที่เอาใจใส่ทุกอย่างเสมอสำหรับนางแล้วสิ่งที่โชคดีที่สุด เมื่อได้มาอยู่ในร่างใหม่นี้ก็คือการมีบุตรชายที่ประพฤติตัวดีและเชื่อฟังเช่นเขา
ดังนั้น…นางจึงไม่เคยนึกเสียใจที่ให้กำเนิดไป๋เสี่ยวเฉิน
“แม่นางพวกเราก็เชื่อฟังเจ้าแล้ว เจ้าปล่อยพวกเราไปจะได้หรือไม่ ?”
ใบหน้าของชายคนนั้นเผยรอยยิ้มประจบประแจงสายตาที่เขามองไป๋หยานเต็มไปด้วยอาการเอาอกเอาใจ
ไป๋หยานชำเลืองตาที่เย็นชาไปมองส่งผลให้เขาปิดปากด้วยความตกใจ จากนั้นก็ไม่กล้ากล่าวคำใดอีก
”การแสดงดีๆ ยังไม่เริ่มเลย” ไป๋หยานยกริมฝีปากขึ้นอย่างเฉยเมย “เจ้าจะรีบไปไหน ? ไว้การแสดงจบแล้วค่อยไป … ”
หัวใจของทุกคนสั่นไหวพวกเขารู้สึกเสมอว่า วันนี้เมืองชายแดนจะต้องนองเลือด …
ศูนย์กลางของเมืองชายแดนที่ตระกูลหูตั้งอยู่ในยามนี้ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินไปมาด้านนอกประตูบ้านสกุลหู เขาแสดงท่าทีประหม่า ทั้งพยายามที่จะก้าวข้ามธรณีประตูหลายต่อหลายครั้ง ทว่าก็กลับก้าวถอยหลังอยู่นั่นเอง
”เจ้ามัวทำอะไรอยู่?”
จู่ๆ เสียงตะคอกก็ดังขึ้น ชายหนุ่มตัวสั่นด้วยความตกใจ ริมฝีปากของเขาซีด เขามองคนเผ่าปักษาที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดอย่างระแวดระวัง ก่อนจะหันไปมองผู้คุ้มกันที่ก้าวออกจากบ้านสกุลหู
”เจ้ามนุษย์เจ้าแอบมาทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่หน้าบ้านสกุลหูของข้ามีอะไรกระนั้นรึ ?” ใบหน้าของผู้คุ้มกันเย็นชา เขาชักดาบออกมา พลางวางไว้บนบ่าของชายหนุ่ม “พูดสิผู้ใดส่งเจ้ามาที่นี่ !”
ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเซียวแข้งขาของเขาสั่นพั่บ ๆ “ข้ามาหาหูไป่เว่ย เจ้าบ้านสกุลหู หรือจะให้ข้าพบหูเหม่ยก็ได้”
ผู้คุ้มกันหัวเราะเยาะ”มนุษย์กับสัตว์อสูรไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน เจ้าคิดหรือว่า ข้าจะปล่อยเจ้าไป ในเมื่อเจ้ามาถึงที่นี่ก็อย่าคิดฝันว่าจะได้กลับออกไป !”
บทที่ 974 : ท่านแม่มีคนวิตถารอยู่ตรงนี้ (2)
ฉัวะ
ผู้คุ้มกันยกดาบขึ้นสูงจากนั้นก็ฟันลงมา
ชายหนุ่มแข้งขาสั่นเขาคุกเข่าลงกับพื้นดังปั้ง เขากลัวมาก กลัวกระทั่งปัสสาวะราดออกมา เขาคร่ำครวญด้วยใบหน้าแหยแก “คือ … หวู่เสียง ขอให้ข้ามาแจ้งพวกท่านว่าเขาจับหญิงผู้นั้นได้แล้ว !”
ขณะที่ดาบของผู้คุ้มกันกำลังจะฟันลงมาเสียงตะโกนที่มีเสน่ห์ก็ดังมาจากในบ้านสกุลหู ดาบพลันชะงักค้างเหนือหัวของเขาพอดี
ช้าอีกนิดเดียวเด็กหนุ่มคนนี้ก็คงจะล้มลงกับพื้นเลือดสาดกระจาย !
”ช้าก่อน!”
ภายในลานบ้านหญิงสาวในอาภรณ์สีชมพูเข้มเดินออกมาอย่างช้า ๆ รูปร่างของนางช่างทรงเสน่ห์เร้าใจ นัยน์ตาจิ้งจอกของนางก็แสนตราตรึงนัก
อย่างไรก็ตามความสวยงามน่ารักล้นเหลือนี้ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
ทว่ากลับทำให้เขาก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
เดิมทีเขาอยากจะบอกว่าไป๋หยานส่งเขามาหากแต่เขาเกรงว่าหูเหม่ยจะกลัว และไม่ยอมไปกับเขา หากเป็นเช่นนั้นภารกิจของเขาย่อมจะไม่สำเร็จ และเขาจะต้องถูกเผ่าปักษาฉีกเป็นชิ้น ๆ
ดังนั้นเขาจึงคิดจะอาศัยชื่อหวู่เสียงแทน
”หญิงที่เจ้ากำลังเอ่ยถึงนางสวมอาภรณ์สีแดง และมีมังกรน้อยอยู่ข้างกายใช่หรือไม่ ?”
หูเหม่ยเดินเข้าไปหาชายหนุ่มนางหยุดพลางขมวดคิ้วเรียวงามดังใบหลิว เอ่ยถามอย่างเรียบ ๆ
ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างร้อนรน”ใช่…เป็นนาง”
”หญิงผู้นี้เข้าไปในภูเขาอสูรนางยังไม่ตายอีกกระนั้นหรือ ?” หัวใจของหูเหม่ย เคร่งขรึมลงเล็กน้อย
จี้หยกในมือของนางปลอมมาจากจี้หยกของไป๋หยานหากต้องการแทนที่ไป๋หยาน นางต้องกำจัดหญิงผู้นี้ !
”หลังจากเข้าไปในภูเขาอสูรแล้วนางก็ยังโชคดีที่รอดชีวิตมาได้ ทว่าหวู่เสียง ได้ส่งคนไปเฝ้าภูเขาอสูรนานกว่าหนึ่งเดือน ทันทีที่นางออกมาจากภูเขาอสูร นางก็ถูกหวู่เสียงจับได้”
หูเหม่ยมองชายหนุ่มอย่างสงสัยก่อนจะป้อนคำถามต่อไป “ข้าจำได้ว่าหวู่เสียง ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง ก็แล้วเหตุใดหวู่เสียงจึงจับนางมาได้เล่า ?”
หัวใจของชายหนุ่มพลันตึงเครียดทว่าเขาก็คิดคำตอบได้อย่างรวดเร็ว จึงรีบตอบว่า “แม้ว่าหญิงผู้นั้นจะโชคดีที่รอดชีวิตมาได้ หากแต่นางก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส นางย่อมเสียเปรียบหวู่เสียง และหวู่เสียงก็เป็นคนที่ขอให้ข้ามาแจ้งข่าวสกุลหู ข้าสงสัยเหลือเกินว่าแม่นางหูเหม่ยจะยอมไปกับข้าหรือไม่ ?”
หูเหม่ยไม่สงสัยอะไรอีกนางยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “ตกลง ข้าจะไปพบหวู่เสียงพร้อมเจ้า”
หลังจากกล่าวเช่นนี้แล้วหูเหม่ยก็หันหน้าไปมองผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างหลังนาง”เจ้าไปบอกท่านพ่อของข้าเถิดว่าจับตัวหญิงผู้นั้นได้แล้ว และข้าจะล่วงหน้าไปก่อน”
นางตั้งใจที่จะเตือนชายหนุ่มว่าบิดาของนางจะตามไปทีหลังเจ้ามนุษย์อย่าคิดทำอะไรข้านะ
“ขอรับคุณหนู”
ผู้คุ้มกันป้องกำปั้นของเขาด้วยความเคารพ
หูเหม่ยหันไปมองชายหนุ่ม”เจ้านำทางข้าไปพบหญิงผู้นั้นที”
”ได้”
หัวใจของชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความสุขทว่าสีหน้าของเขายังคงไม่แสดงออกแต่อย่างใด เขาแสดงอาการเชื้อเชิญหูเหม่ย และพานางไปยังทิศทางของโรงเตี๊ยม
ยามนี้หูเหม่ยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสิ่งใดรอนางอยู่ในโรงเตี๊ยม และสิ่งนั้นก็คือความหายนะ !
นางยังคงคิดอยู่แต่ว่าจะเอาหญิงผู้นั้นคืนจากเงื้อมมือของมนุษย์เหล่านั้นได้อย่างไร? ต้องฆ่าหญิงผู้นั้นด้วยมือของนางเองเท่านั้น นางถึงจะสบายใจได้ …
ภายในห้องหนังสือ
หูไป่เว่ยนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเขาพลิกดูหนังสือในมือพลางขมวดคิ้วแน่น
ไม่รู้ว่าเหตุใดสองสามวันมานี้เขาจึงได้รู้สึกหงุดหงิดตลอดเวลาราวกับว่า … มีบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น
”อ๊ะ!”
สาวใช้ที่กำลังเก็บของในตู้หนังสือเผลอทำหนังสือบนโต๊ะหล่นลงพื้นนางส่งเสียงอุทานออกมา พลางรีบก้มลงเก็บ
บทที่ 975 : ท่านแม่มีคนวิตถารอยู่ตรงนี้ (3)
ใบหน้าของหูไป่เว่ยเคร่งเครียดเขามองหญิงสาวด้วยความโกรธ “เรื่องแค่นี้ก็ยังทำไม่ได้ ? แล้วจะทำอะไรได้อีก ? พวกเจ้าลากหญิงผู้นี้ไป ข้าไม่อยากเห็นนางอีก !”
ใบหน้าของสาวใช้ซีดด้วยความหวาดกลัวทว่านางก็ไม่ทันได้เก็บข้าวของ หรือกราบกรานขอความเมตตาจากหูไป่เว่ยเลยด้วยซ้ำ
”ท่านเจ้าบ้านโปรดอภัยให้ด้วย ข้าน้อยผิดไปแล้ว โปรดให้โอกาสข้าอีกครั้ง”
หูไป่เว่ยไม่กล่าวคำใดกระทั่งผู้คุ้มกันลากสาวใช้ออกไป
แท้จริงแล้วแม้ว่าหูไป่เว่ยจะเป็นหัวหน้าสกุลหู หากแต่เขาก็ไม่เคยรุนแรงกับคนรับใช้และผู้คุ้มกัน ทว่า …
วันนี้เขาอารมณ์ไม่ดีทำให้เขาไม่ยอมอภัยให้สาวใช้คนนี้ที่ทำเรื่องผิดพลาด
ครั้นผู้คุ้มกันลากสาวใช้ออกไปสายตาของหูไป่เว่ยก็กวาดไปพบภาพในหนังสือเล่มหนึ่ง มุมของภาพเผยอขึ้น ทำให้เขาเห็นภาพเหมือนของจี้หยกที่เขาเคยเห็นจากมือของไป๋หยานในเวลานั้น
หัวใจของเขากระตุกวูบเขารีบหยิบม้วนภาพขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
บนม้วนเอกสารภาพหยกสีเขียวพลันเผยประจักษ์แก่สายตา บนหยกมีรูปจิ้งจอกสีเงินปรากฏอยู่อย่างชัดเจน มันมีลักษณะเหมือนจริง สวยงามและโดดเด่น
ตุ้บ!
หนังสือเลื่อนหลุดจากมือของหูไป่เว่ยตกลงบนพื้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนจากซีดเซียวในตอนแรก มาเป็นความหวาดผวา และสุดท้ายก็สิ้นหวัง
”ข้าจำได้แล้วข้าจำได้แล้วว่าจี้หยกในมือของหญิงผู้นั้น ข้าเคยเห็นมาจากที่ใด … ”
เมื่อไม่นานมานี้องค์ราชาได้ส่งจดหมาย รวมถึงภาพใส่ม้วนเอกสารมาให้คนของเผ่าต่าง ๆ เนื้อหาในจดหมายไม่มีอะไรมากไปกว่าผู้ถือจี้หยกนี้คือราชินี และสัตว์อสูรทุกตัวต้องเชื่อฟังคำสั่งของนาง
หากแต่ในวันนั้นเขาคิดว่าที่นี่เป็นเมืองชายแดน ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ชนชั้นสูงอย่างราชินีจะเสด็จมาเยือนที่นี่ เขาจึงกวาดตามองเพียงผ่าน ๆ จากนั้นก็ทิ้งไปเสียเฉย ๆ
หลังจากวันนั้นเขาก็ลืมเรื่องนี้เสียสนิท
แม้ว่าเผ่าจิ้งจอกจะทรงพลังทว่าความทรงจำเป็นจุดอ่อนที่ร้ายแรงมากของพวกเขา แม้ราชาจะส่งสารแจ้งมาว่าราชินีจะเสด็จมาที่เมืองชายแดน เขาก็ยังนึกถึงเรื่องของจี้หยกนี้ไม่ออก …
เช่นนั้นทันทีที่เขาเห็นจี้หยกนี้อีกครั้งหัวใจของหูไป่เว่ยก็แทบจะหยุดเต้น เขากำหมัดแน่น พลางเค้นเสียงอย่างโกรธเกรี้ยว
”เรียกคุณหนูรองมาพบข้าเดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่สิ้นเสียงผู้คุ้มกันคนหนึ่งก็รีบก้าวผ่านประตูเข้ามา เขาคุกเข่าลงกับพื้น “ท่านเจ้าบ้าน คุณหนูรองเพิ่งออกจากบ้านไป”
”ข้าไม่สนว่านางจะไปที่ใด! ให้นางกลับมาหาข้าเดี๋ยวนี้ !”
หูไป่เว่ยโกรธมาก
บุตรสาวคนรองเป็นความภาคภูมิใจของเขามาโดยตลอดเขาไม่เคยสงสัยในตัวบุตรสาวคนนี้มาก่อนเลย !
ไม่คาดคิดว่าเด็กสารเลวคนนี้จะกล้าหลอกลวงเขา ! ทำให้เขาทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัย !
ครั้งนี้ไม่เหมือนกับตอนที่บุตรสาวคนโตยั่วยวนองค์ราชาความผิดพลาดของตระกูลหูในครั้งนี้เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลหูทั้งตระกูลพบกับความหายนะ !
”ท่านเจ้าบ้าน…” ผู้คุ้มกันไม่เข้าใจว่า เหตุใดหูไป่เว่ยถึงได้โกรธมาก เขาตัวสั่นสะท้าน “มนุษย์ที่มีชื่อหวู่เสียงส่งคนมาแจ้งว่า สตรีที่ทะเลาะกับตระกูลหูในวันนั้นถูกหวู่เสียงจับได้แล้ว คุณหนูรองจึงตามชายหนุ่มคนนั้นไป”
บูม!
หูไป่เว่ยซวนเซเขาเกือบจะล้มทับโต๊ะ และเก้าอี้ที่อยู่ข้างหลัง เขากำหมัดแน่น “นางสารเลวนั่นไปที่ใด จงพาทุกคนในตระกูลหูตามนางไป และข้าจะออกไปไล่ล่านางพร้อมกับพวกเจ้า นางจะต้องไม่ทำผิดซ้ำซาก !”
หาไม่ก็จะไม่มีผู้ใดในโลกนี้ช่วยตระกูลหูได้อีก…
หลังจากที่หูไป่เว่ยกล่าวจบร่างเขาก็กระพริบก่อนจะหายวับไปอย่างรวดเร็วใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความละอาย คิ้วของเขาย่นด้วยความวิตกกังวล