จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - บทที่ 976-980
บทที่ 976 : ท่านแม่มีคนวิตถารอยู่ตรงนี้ (4)
ในเวลาเดียวกันณ โรงเตี๊ยมกลางเมืองชายแดน หยูเซี่ยงจิบชาในมืออย่างใจเย็น พลางมองถนนด้านนอกพร้อมด้วยสายตาครุ่นคิด
ทันใดนั้นเองประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกจากนั้นชายร่างสูงก็เดินเข้ามานั่งคุกเข่าลงกับพื้นกล่าวรายงานว่า “ท่านหัวหน้าเผ่า ที่ท่านให้ผู้น้อยจับตามองตระกูลหูนั้น ตอนนี้ข้าน้อยเห็นว่าตระกูลหูมีความเคลื่อนไหวบางอย่าง …”
”หืม?” หยูเซี่ยงขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลหูกระนั้นรึ ?”
“เมื่อครู่มีคนไปหาหูเหม่ยคนผู้นั้นบอกหูเหม่นว่าสตรีที่เป็นศัตรูกับตระกูลหูถูกพวกของเขาจับได้ หูเหม่ยกำลังรีบตามไป ข้ายังได้ยินมาว่าสตรีผู้นั้นถูกบังคับให้เข้าไปในภูเขาอสูร ทว่านางก็รอดกลับมาได้”
”ภูเขาอสูรไม่ใช่พื้นที่ของเผ่าปักษาหรอกหรือ?” หยูเซี่ยงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าเพิ่งเห็นคนจากเผ่าปักษาหลายคนมาที่เมืองชายแดนแห่งนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า … จะเกี่ยวข้องกับราชินี ?”
ยิ่งไปกว่านั้นสตรีมนุษย์ที่คนผู้นั้นเอ่ยถึงอาจจะเป็นราชินีที่เขาตามหา
”ไปกันเถอะ!” เขาลุกขึ้นยืนเอ่ยกล่าวว่า “ให้คนของเผ่าอินทรีของเรา ตามข้าไปต้อนรับราชินี”
”ขอรับ”
ทั้งเผ่าปักษาและเผ่ามังกรรวมถึงเผ่าหงส์จัดเป็นหนึ่งในเผ่าสำคัญของแดนอสูร เช่นนั้นการรบกวนเผ่าปักษา ก็ไม่ต่างจากรบกวนเผ่าสำคัญอื่น ๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม…
เผ่าสัตว์อสูรไม่ใช่พวกงุ่มง่ามทันทีที่รับรู้ว่าเผ่าปักษามีการเคลื่อนไหว พวกเขาก็ส่งคนมาตรวจสอบทันที หากแต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้รับข่าวสารใด ก็พบว่าเผ่าอินทรีมีการเคลื่อนไหวอีก ทั้งยังได้กลิ่นอายผิดปกติ เช่นนั้นพวกเขาจึงไม่รีรอที่จะเข้าสมทบ
เนื่องจากก่อนหน้านี้เมืองชายแดนแห่งนี้ล้าหลังมาก เผ่าสัตว์อสูรขนาดใหญ่จึงไม่สนใจที่จะมาเหยียบเยือน และเพราะเหตุนี้จึงทำให้มนุษย์ในเมืองชายแดนหยิ่งผยองยิ่งนัก
ทว่า…
ครั้นพวกมนุษย์แลเห็นเผ่าสัตว์อสูรที่กำลังตบเท้าเดินทางเข้ามาในพื้นที่นี้มากมายกระทั่งพื้นดินฝุ่นตลบ พวกเขาก็หวาดกลัวมากไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว พวกเขาปล่อยให้กลุ่มสัตว์อสูรเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เป็นครั้งแรกที่พวกมนุษย์ซึ่งสนุกสนานกับการไล่ล่าเข่นฆ่าสัตว์อสูรและสัตว์ร้ายต่างๆ นั้นนึกขลาดกลัว
นี่คือพลังของแดนอสูรกระนั้นรึ?
พลังเช่นนี้เกรงว่าจะสามารถทำลายเมืองชายแดนทั้งเมืองได้เลย !
เมื่อคิดได้ว่าที่ผ่านมาพวกเขาโชคดีเพียงใดที่ไม่มีสัตว์อสูรเหล่านี้มาสร้างปัญหาที่เมืองชายแดนแห่งนี้ หาไม่เขตแดนนี้อาจเป็นดินแดนของสัตว์อสูรไปนานแล้ว
ยามนี้หูเหม่ยกำลังเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในโรงเตี๊ยมจู่ ๆ นางก็หยุด ก่อนจะเหลือบขึ้นมองท้องฟ้าสีครามเบื้องบนโดยไม่รู้ตัวพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แม่นางหูมีอะไรกระนั้นรึ ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางหันหน้ากลับมามองหูเหม่ย
หูเหม่ยส่ายศีรษะ”ไม่มีอะไรหรอก เราไปกันเถอะ”
ไม่รู้ว่านั่นเป็นภาพลวงตาของนางเองหรือไม่? ที่ทำให้นางรู้สึกว่าท้องฟ้าวันนี้ช่างน่าหดหู่ ทั้งที่บนท้องฟ้านั้นไม่มีสิ่งใดเลย
หรือบางที… อาจเป็นนางที่คิดมากไป
หูเหม่ยหยุดคิดนางเปิดประตูโรงเตี๊ยม ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องโถง นางไม่ทันสังเกตว่า หลังจากที่นางก้าวเข้าไปในโรงเตี๊ยมแล้วนั้น ดวงตาคู่หนึ่งพลันปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าจ้องมองนางอย่างเย็นเยือก
ในโรงเตี๊ยมไม่มีเสียงดังเช่นเคยอีกต่อไปมันเงียบเชียบกระทั่งสามารถได้ยินแม้แต่เสียงเข็มหล่น
เสียงเปิดประตูทำให้ผู้คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นแหงนเงยหน้าขึ้น พวกเขาเหลือบมองไปที่ประตูจึงได้เห็นหญิงสาวพราวเสน่ห์เย้ายวน
บริเวณกลางโรงเตี๊ยมไป๋หยานในอาภรณ์สีแดงกำลังเอนกายอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน นางยกยิ้มน้อย ๆ
และจากอาการตกตะลึงของหูเหม่ยไป๋หยานก็ค่อย ๆ ขยับกาย เพื่อให้ใบหน้าของนางหันไปเผชิญกับหูเหม่ยผู้ซึ่งกำลังเดินผ่านประตูเข้ามา นัยน์ตาของไป๋หยานสดใสและมีรอยยิ้มอันล้ำลึก
บทที่ 977 : ท่านแม่มีคนวิตถารอยู่ตรงนี้ (5)
”สนุกไหมที่ได้ไล่ล่าข้าในวันนั้น?”
ใบหน้าของหูเหม่ยเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงนางหันหน้าไปมองเด็กหนุ่มด้วยทีท่าโกรธจัด พลางกัดฟันกล่าวว่า “ไหนเจ้าบอกว่า หญิงผู้นี้ถูกหวู่เสียงจับได้ เหตุใดเจ้าจึงกล้าหลอกลวงข้า ?”
ชายหนุ่มก้มศีรษะลงพลางเดินไปยืนข้างกายไป๋หยาน เขาเบ้ปาก “หากข้าไม่พูดเช่นนั้นมีหรือเจ้าจะยอมตามมา ?”
”เจ้า…”ใบหน้าของหูเหม่ยแดงขึ้น นางหันหน้าไปมองไป๋หยานด้วยความโกรธ แววตาของนางขรึมลงเล็กน้อย “ท่านพ่อของข้าจะตามมาในภายหลัง วันนั้นเขาสามารถไล่ล่าเจ้ากระทั่งต้องหนีหัวซุกหัวซุน วันนี้ก็ต้องเป็นเฉกเช่นเดียวกัน !”
ไป๋หยานยิ้ม”ประโยคนี้…หวู่เสียงเองก็เอ่ยเมื่อครู่ ทว่าน่าเสียดาย ทันทีที่เขากล่าวประโยคนี้จบ เขาก็คุกเข่าลงพลางร้องขอความเมตตา”
”หวู่เสียง?” หูเหม่ยยิ้มเยาะ “เขาก็เพียงขั้นกลางระดับเชิงเจี่ย หากแต่ท่านพ่อของข้านั้นอยู่ในขั้นสูง ร้อยหวู่เสียงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพ่อข้า ! แต่หากเจ้าเต็มใจที่จะมอบจี้หยกของเจ้าให้ข้า ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า”
ขอเพียงไม่มีจี้หยกต่อให้นางอ้างว่าเป็นผู้ช่วยชีวิตองค์ราชาก็ไม่มีผู้ใดเชื่อคำนาง …
ไป๋หยานไม่รู้ว่าเหตุใดหูเหม่ยถึงสนใจจี้หยกในมือของตน นางเลิกคิ้วพลางยิ้มน้อย ๆ อย่างสง่างาม
”เจ้าต้องการจี้หยกกระนั้นรึ? ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ทว่าเจ้าต้องเข้ามารับเอง ข้าถึงจะให้เจ้า”
หูเหม่ยพ่นลมหายใจ…หึ…ออกมาอย่างเย็นชาหญิงผู้นี้คิดว่าข้าโง่งั้นหรือ ? เห็นได้ชัดว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง ขืนเข้าไปคว้าจี้หยกจากมือของนาง ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ ?
”นายหญิง…นายหญิงน้อย” ชายวัยกลางคนคุกเข่าลงเบื้องหน้าพลางยิ้มประจบ “หญิงผู้นี้ไม่รู้ดีชั่ว เหตุใดแม่นางไม่ให้โอกาสข้าปราบพยศหญิงผู้นี้เล่า”
ครั้นเห็นชายวัยกลางคนอาศัยโอกาสนี้เอาหน้าคนที่เหลือต่างก็รู้สึกหมั่นไส้ โอกาสเอาหน้ากับแม่นางคนนี้ มีผู้ใดบ้างไม่อยากฉวยไว้
หูเหม่ยตกตะลึง
ชายหนุ่มที่มาพร้อมกับหูเหม่ยก็ตกตะลึงเช่นกัน
นายหญิง? นายหญิงน้อย ? นี่มันอะไรกัน ?
”สงหมู่”ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างสั่น ๆ “เกิดอะไรขึ้น ? เหตุใดถึงเรียกนายหญิงกับนายหญิงน้อยกันล่ะ ?”
“อ้อ! เราเรียกนายหญิงตามหวู่เสียง ส่วนนายหญิงน้อยนั่น … ” ใบหน้าของคนที่ถูกถามมีรอยยิ้มประจบ เขาไม่ลืมที่จะหันไปมองไป๋หยาน และเสี่ยวหลงเอ๋อ “ตอนนี้…พวกเรากลายเป็นทาสสัตว์อสูรแล้ว จากนี้ไปเราต้องรับใช้เหล่าสัตว์อสูร เพื่อชดใช้โทษในอดีต
เด็กหนุ่มตกตะลึงหลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้สึกตัวเขาคุกเข่าลงต่อหน้าเสี่ยวหลงเอ๋อพร้อมกับถลันเข้าไปจับต้นขาของนางไว้แน่น
“นายหญิงน้อยท่านทำพันธะสัญญากับพวกเขาทั้งหมดแล้ว ได้โปรดทำพันธะสัญญากับข้าด้วยเถิด ข้าไม่ต้องการที่จะแปลกแยก”
เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้ต้องการที่จะอยู่รอดเช่นนั้นพวกเขาจึงเต็มใจที่จะตกเป็นทาสของสัตว์อสูร ตราบใดที่ยังมีชีวิตย่อมจะเป็นการดีกว่า เด็กหนุ่มผู้นี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ตอนนี้หากเขาไม่ขอทำพันธะสัญญาเช่นเดียวกับคนเหล่านี้เพื่อให้ได้โอกาสมีชีวิตรอดเขาก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น !
เสี่ยวหลงเอ๋อตกใจกับการกระทำของชายหนุ่มนางหดขาพลางยึดแขนของไป๋หยานแน่น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสยอง
“ท่านแม่…มีคนลามกอยู่ตรงนี้…”
“นายหญิงน้อยโปรดเห็นใจข้า โปรดทำพันธะสัญญากับข้า ข้ายังไม่อยากตาย … ”
”ไปให้พ้นนะ!”
เสี่ยวหลงเอ๋อยกขาขึ้นด้วยความหวาดกลัวสุดขีดนางถีบชายหนุ่มผู้นั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นร่างเล็ก ๆ ของนางก็หลบไปซ่อนอยู่ด้านหลังไป๋หยาน ขณะเดียวกันนางก็เม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ
บทที่ 978 : ท่านแม่มีคนวิตถารอยู่ตรงนี้ (6)
“ท่านแม่มนุษย์คนนี้แย่มากเลย นี่เป็นครั้งแรกที่หลงเอ๋อเห็นคนร้องไห้ เพราะอยากเป็นทาสของสัตว์อสูรเรา เขา … บ้าไปแล้วรึ ?”
ไป๋หยานลูบคาง”เอาเป็นว่า ต่อไป เจ้าจงอยู่ให้ห่างจากคนประเภทนี้ไว้ จะได้ไม่ติดเชื้อจากเขา”
“ได้ข้าจะเชื่อฟังท่านแม่ ข้าจะไม่ใกล้ชิดกับคนเช่นนี้”
ครั้นชายหนุ่มได้ยินคำสนทนาของไป๋หยานและเสี่ยวหลงเอ๋อ ใบหน้าที่กังวลของเขาก็ซีดลงทันทีเพราะกลัวว่า หลังจากที่เขาไม่อาจเป็นทาสได้ พวกนางทั้งสองก็จะฆ่าเขาทิ้ง …
หูเหม่ยกัดริมฝีปากแน่นร่างบอบบางของนางสั่นระริกเล็กน้อย
ท่านพ่อของนางพยายามอย่างหนักมาตลอดหลายเดือนกว่าเขาจะสามารถสร้างความเท่าเทียมกับมนุษย์ในเมืองชายแดนนี้ได้ ทว่าเขาก็ยังไม่สามารถทำให้คนหยิ่งยโสเหล่านี้ยอมจำนนต่อเขาได้ นับประสาอะไรกับการเป็นทาส
หากแต่ไป๋หยานเอาชนะคนในเมืองชายแดนเหล่านี้ได้ในเวลาไม่นานกระนั้นรึ?
นางทำได้อย่างไร?
ใบหน้าของหูเหม่ยซีดเผือดความคิดของนางเปลี่ยนไป หากแต่นางก็ไม่มีเวลาคิดว่าไป๋หยานเอาชนะคนเหล่านี้ได้อย่างไร ? ตอนนี้นางต้องการเพียงหนีไปจากที่นี่เท่านั้น
หรือไม่ก็… รอให้บิดาของนางมา นั่นก็จะเป็นวันตายของคนพวกนี้
”เจ้ากำลังคิดว่าจะถ่วงเวลาอย่างไรดีเพื่อรอการมาถึงของบิดาเจ้าใช่หรือไม่ ?” ไป๋หยานยกยิ้มอย่างเกียจคร้าน นางหันมายิ้มให้หูเหม่ยอีกครั้ง “เอาเป็นว่า ครั้งนี้เมื่อข้ากล้ากลับมา ย่อมหมายความว่า … ตระกูลหูไม่สามารถคุกคามข้าได้อีก หลงเอ๋อ”
ไป๋หยานเรียกเบาๆ เสี่ยวหลงเอ๋อก็เดินออกมาจากข้างหลังนาง พลันนัยน์ตากลมโตที่สดใสของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธ ขณะจ้องมองหูเหม่ยผู้ซึ่งยืนอยู่หน้าประตู
”นางผู้หญิงสารเลวเจ้ารังแกแม่ข้า วันนี้ข้าจะสังหารเจ้า !”
ท่านแม่บอกว่านางไม่ควรกินคนซี้ซั้วเช่นนั้นหากนางฆ่าหญิงผู้นี้ นางก็จะไม่ฝ่าฝืนคำสอนของท่านแม่
ครั้นเสียงของเสี่ยวหลงเอ๋อเงียบลงแรงกดดันจากนางก็เพิ่มขึ้นทันที เสื้อผ้าของนางสะบัดขึ้นท่ามกลางสายลมแรง ปรากฏประกายแสงเย็นยะเยือกในดวงตาที่โกรธเคืองของนาง
ชายหนุ่มผู้ซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นถึงกับกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากโชคดี … ที่มังกรน้อยเพียงแค่เตะเขา หากนางลงมือกับเขาจริงจัง เขาอาจถึงตายได้
ครั้นคิดได้เช่นนี้ร่างของชายหนุ่มก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
”เจ้า… ” นัยน์ตาของหูเหม่ยเบิกกว้างขึ้นทันที “ขั้นสูงระดับเชิงเจี่ยกระนั้นหรือ ? นี่เจ้าอยู่ขั้นสูงแล้วกระนั้นรึ ?”
ให้ตายเถอะมังกรน้อยคนนี้ทะลุไปถึงระดับเชิงเจี่ยขั้นสูงได้ภายในเวลาเพียงเดือนเดียว? ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไป๋หยานกล้ากลับมา ปรากฏว่านางอาศัยพลังของมังกรน้อยคนนี้ !
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เสี่ยวหลงเอ๋อก้าวเข้าไปใกล้หูเหม่ยมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้แรงกดดันของเสี่ยวหลงเอ๋อ ใบหน้าหูเหม่ยก็ยิ่งหวาดกลัว นางถอยหลังหนีไปสองก้าว
”มังกรน้อย…ในฐานะที่เจ้าเป็นสัตว์อสูรเหตุใดเจ้าถึงช่วยมนุษย์ อย่าลืมสิว่าข้าเป็นคนของเผ่าจิ้งจอก หากเจ้าทำอะไรข้า ราชวงศ์อสูรย่อมจะไม่ละเว้นเจ้าแน่ !”
แม้ว่าตระกูลหูจะถูกขับออกจากเผ่าจิ้งจอกทว่านางก็ยังคงเป็นจิ้งจอก และราชวงศ์ย่อมต้องช่วยนาง !
ที่สำคัญตอนนี้นางเป็นผู้ช่วยชีวิตองค์ราชาแล้ว ราชวงศ์จะเพิกเฉยต่อนางได้อย่างไร ?
ราวกับเสี่ยวหลงเอ๋อไม่ได้ยินถ้อยคำของหูเหม่ยนางพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา แรงกดดันมหาศาลพุ่งเข้าหาหูเหม่ยทันที
ร่างเล็กๆ ของเสี่ยวหลงเอ๋อมีพลังที่น่าทึ่ง ภายใต้แรงกดดันนี้ ทำให้หูเหม่ยถึงกับกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ใบหน้าที่สวยงามของนางพลันซีดลงทันที
”มังกรน้อยหยุดก่อน ! หากเจ้าสังหารข้า เจ้าจะเป็นศัตรูกับแดนอสูร สัตว์อสูรในแดนอสูรของเราจะไล่ล่าเจ้าจนสุดขอบโลก เจ้าอาจจะตายอย่างไร้ที่กลบฝัง !”
หูเหม่ยกัดริมฝีปากพลางกล่าวข่มขู่
คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นรู้สึกตกใจเล็กน้อย
หูเหม่ยเป็นสมาชิกของเผ่าจิ้งจอกทั้งบิดาของนางก็เคยมีสถานะสูงส่งในเผ่าจิ้งจอก หากนางตาย ด้วยนิสัยของสัตว์อสูร เกรงว่า … จะตายไร้ที่กลบฝังจริง ๆ !
บทที่ 979 : คารวะองค์ราชินี (1)
“ท่านแม่”เสี่ยวหลงเอ๋อเหลือบไปมองหูเหม่ย จากนั้นก็หันไปมองไป๋หยานพลางเบ้ปาก “หญิงคนนี้กล้าขู่ข้า ตอนนี้ ข้าขอฉีกปากนางก่อนแล้วค่อยฆ่านางจะได้มั้ย ?”
ไป๋หยานยกขาขึ้นพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน พร้อมกับยกมุมปากขึ้นน้อย ๆ
“สิ่งใดที่เจ้าทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถิด”
ครั้นไป๋หยานอนุญาตรอยยิ้มสดใสพลันปรากฏบนใบหน้าเล็ก ๆ ของเสี่ยวหลงเอ๋อ นัยน์ตากลมโตของนางมองใบหน้าซีดเซียวของหูเหม่ย รอยยิ้มบนใบหน้าของเสี่ยวหลงเอ๋อนั้นช่างสดใส ไร้เดียงสาและน่ารักมาก
ทว่าในสายตาของหูเหม่ยนี่ไม่ต่างจากรอยยิ้มปีศาจ
บูม!
ณตอนนี้…
จู่ๆ ประตูโรงเตี๊ยมก็ถูกเตะเปิดออกอย่างกะทันหัน ประตูระเบิดออกด้านหลังหูเหม่ยอย่างแรง กระทั่งแทบจะกระแทกร่างนางล้มลง
โชคดีที่นางทรงตัวได้อย่างรวดเร็วนางหันไปมองคอแข็ง …
อย่างไรก็ตามหลังจากที่นางเห็นชายคนนั้นปรากฏตัวขึ้นด้านหลังความสุขพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าซีด ๆ ของนาง สีหน้าที่เคยสิ้นหวังกลับสดชื่นคืนมา
“ท่านลุงหยูท่านมาก็ดีแล้ว หญิงผู้นี้ต้องการสังหารข้า ได้โปรดช่วยข้าด้วย”
นอกจากหยูเซี่ยงแล้วยังมีชายชราที่หูเหม่ยไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนด้วย
นางไม่ได้สนใจชายชราที่ติดตามมาด้วยนางมองหยูเซี่ยงด้วยสายตาเปี่ยมสุข
ทว่า…
ภายใต้สายตาสุขใจของหูเหม่ยหยูเซี่ยงกลับแสดงความประหลาดใจ “เจ้าคือหูเหม่ย บุตรสาวของหูไป่เว่ยนี่ ?”
หูเหม่ยตกตะลึงหยูเซี่ยงหมายถึงอะไร?
เขากับนางเพิ่งพบกันไม่นานเหตุใดเขาจึงจำนางไม่ได้เล่า ?
วันนี้นางเปลี่ยนไปมากเลยงั้นหรือ?
“ท่านลุงหยูข้าเหม่ยเอ๋อไง” หูเหม่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า สายตาที่เย็นชาของนางกวาดไปมองไป๋หยาน นางกัดริมฝีปากพลางกล่าวว่า “ท่านจำจี้หยกของข้าได้หรือไม่ ? ไม่รู้ว่าหญิงผู้นี้ไปรู้เรื่องจี้หยกนั่นมาจากที่ใด เช่นนั้นนางจึงปลอมจี้หยกของข้า”
หยูเซี่ยงแสร้งทำเป็นขมวดคิ้ว “จี้หยกกระนั้นรึ ?”
ในขณะนี้หัวใจของหูเหม่ยเต็มไปด้วยความโกรธเช่นนั้นนางจึงไม่สังเกตน้ำเสียงของหยูเซี่ยงเลย นางเม้มริมฝีปากสีแดงของนาง พลางหยิบจี้หยกออกจากกระโปรงเอ่ยกล่าวอย่างเย็นชา
“ใช่! นางรู้ว่าข้าเคยช่วยองค์ราชามาก่อน จี้หยกนี้ราชาทรงประทานให้กับผู้ช่วยชีวิตพระองค์ นางจงใจปลอมจี้หยกเพื่อใกล้ชิดองค์ราชา ข้าบังเอิญไปทราบเรื่องนี้เข้า เพื่อป้องกันไม่ให้แดนอสูรถูกนางหลอก ข้าจึงมาหานาง ! หากแต่ข้าไม่คาดคิดว่า … “
ใบหน้าของหูเหม่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย“หญิงผู้นี้ไม่รู้ดีชั่ว นางต้องการใช้จี้หยกนี้ เพื่อหลอกล่อองค์ราชา ! หญิงผู้นี้จะคู่ควรกับบุรุษที่ทรงอำนาจ ทรงพลังอย่างองค์ราชาได้เยี่ยงไร ? เช่นนั้นท่านลุงหยู เราไม่อาจปล่อยให้หญิงผู้นี้มีชีวิตรอดอีกต่อไป”
หัวใจของหูเหม่ยลุกโชนด้วยความโกรธเมื่อคิดถึงจี้หยกในมือของไป๋หยาน
ก็แค่มนุษย์ผู้หญิงจะมีคุณสมบัติใดเหมาะสมคู่ควรกับผู้ทรงอำนาจเยี่ยงองค์ราชา?
ทั้งนางก็ไม่คู่ควรกับจี้หยกนั่นด้วย?
ใบหน้าของหยูเซี่ยงยิ่งประหลาดใจมากขึ้นราวกับเขาไม่รู้ว่าหูเหม่ยกำลังพูดถึงเรื่องใด ?
“อะแฮ่ม”ชายชราที่อยู่ด้านข้างไอแห้ง ๆ “หยูเซี่ยง…เผ่าอินทรีของเจ้าไปสนิทสนมกับตระกูลหูตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วจี้หยกนี้องค์ราชามอบให้คนที่ช่วยพระองค์ตั้งแต่เมื่อใด ?”
นัยน์ตาที่ดุร้ายของเขากวาดไปมองจี้หยกในมือของหูเหม่ยพลันแววตาของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย หญิงผู้นี้กล้าหาญมาก กล้าปลอมจี้หยก ซ้ำยังใส่ร้ายราชินีอีกด้วย คิดว่าทุกคนในแดนอสูรเป็นคนโง่กระนั้นสิ ?
ใบหน้าของหยูเซี่ยงเปลี่ยนเป็นจริงจังเขาตวาดออกมาเสียงดังลั่น “แม่นางหู ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องใด ? ทั้งข้าก็ไม่รู้ว่าข้าไปพบกับเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? นับประสาอะไรกับคำพูดเหล่านั้นที่เจ้าพูดมา”
บทที่ 980 : คารวะองค์ราชินี (2)
น่าขันที่ในเวลานั้นเขาพูดเรื่องนี้ก็เพียงเพื่อเป่าหูหูเหม่ย เขาไม่โง่พอที่จะรับว่าเคยพูดมันออกมาจริง ๆ หรอก
หาไม่หากเรื่องนี้รู้ถึงพระเนตรพระกรรณองค์ราชาแล้ว เกรงว่าเผ่าอินทรีคงจะแบกรับไว้ไม่ไหว
“ท่านลุงหยู?”
หัวใจของหูเหม่ยพลันกระตุกนางรู้สึกสะกิดใจเล็กน้อย รอยยิ้มแทบจะไม่ปรากฏบนริมฝีปากของนางแล้ว
“หลานไม่เข้าใจว่าท่านลุงหมายถึงอะไร วันนั้นท่าน … ”
”ข้า…หยูเซี่ยงจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าข้าไปสนิทสนมกับคนทรยศอย่างตระกูลหูของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? แม่นางหูเจ้าโปรดเคารพข้าด้วย”
หยูเซี่ยงไพล่มือข้างหนึ่งไว้ด้านหลังพลางส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา เขายกมือใหญ่ของเขาขึ้น พลันจี้หยกที่หูเหม่ยถือไว้แต่แรกก็ปรากฏในมือของเขา เพียงตบมันครั้งเดียว มันก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ร่วงลงสู่พื้น
หูเหม่ยเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจนางมองจ้องร่างเย็นชาไม่ต่างจากภูเขาน้ำแข็งของหยูเซี่ยงอย่างไม่เชื่อสายตา
”พวกเจ้ามานี่คุมตัวหูเหม่ย !” หยูเซี่ยงตะโกนออกมาอย่างเย็นชา
ทันใดนั้นชายฉกรรจ์หลายคนในชุดสีเทาก็พุ่งออกมาจับตัวของหูเหม่ยไว้แน่น พลางกดนางลงกับพื้น กระทั่งไม่สามารถขยับตัวได้
”ท่านลุงหยูนี่ท่านจะทำอะไร ท่านทำกับข้าเช่นนี้ ท่านพ่อของข้าไม่มีวันปล่อยท่านไปแน่ !” นัยน์ตาของหูเหม่ยเป็นสีแดงก่ำ นางกัดฟันแน่น
ไอ้สารเลวคนนี้กล้ารังแกนางเช่นนี้ก็เพราะความล่มสลายของตระกูลหู หากตระกูลหูยังอยู่ในเผ่าจิ้งจอก ต่อให้เขามีความกล้ามากกว่านี้อีกร้อยเท่า เขาก็คงไม่กล้ารังแกนางเช่นนี้ !
”ฮ่าฮ่าฮ่าท่านพ่อของเจ้ายังปกป้องตัวเองไม่ได้ จะมาทำอะไรข้าได้ล่ะ ?” หยูเซี่ยง หัวเราะลั่น เสียงหัวเราะของเขาสั่นสะเทือนพื้นดิน “ทำอย่างไร เจ้าก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดเรื่องราวถึงกลับกลายเป็นเช่นนี้สินะ นี่เจ้าโง่จริง ๆ หรือแกล้งโง่กันแน่ หา… ?”
ใบหน้าของหูเหม่ยเปลี่ยนเป็นซีดเผือดนางหยุดดิ้นรน พลางเงยหน้าขึ้นมองชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่กลางแดดด้วยใบหน้าเย็นชา
“เดิมทีเจ้าคิดจะสังหารราชินีต่อมาก็ปลอมจี้หยกของราชินี ความผิดครังนี้มีโทษหนักหนานัก !”
บูม!
ราวกับสายฟ้าฟาดลงมาในวันแดดจัดจ้าสมองของหูเหม่ยเปลี่ยนเป็นว่างเปล่าทันที นัยน์ตาของนางจับจ้องมองหยูเซี่ยงเขม็ง
เขาว่ากระไรนะ?
จี้หยกราชินี…
ไม่นี่ต้องมิใช่ความจริงหยูเซี่ยงต้องหลอกลวงนาง !
หูเหม่ยกำหมัดแน่นแม้แค่จะหายใจนางก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบ ความเจ็บปวดราวกับค้อนทุบหัวใจของนางอย่างแรง กระทั่งแทบทนไม่ไหว
ภายใต้สายตาจ้องมองของหูเหม่ยหยูเซี่ยงเดินไปทางไป๋หยานอย่างช้า ๆ เขาคุกเข่าลงบนพื้นปัดแขนเสื้อ จากนั้นก็ป้องหมัด
”กระหม่อมขอคารวะองค์ราชินีกระหม่อมขอประทานอภัยที่มาต้อนรับพระองค์ล่าช้า โปรดยกโทษให้กระหม่อมด้วย”
ไป๋หยานเลิกคิ้วพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ ใบหน้าที่งดงามของนางเชิดขึ้น ปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ นัยน์ตาของนางกระจ่างสดใสเปี่ยมด้วยพลัง
”หัวหน้าเผ่าหยูไม่ได้พบกันเสียนาน ท่านเป็นเช่นไรบ้าง ?”
มุมปากของหยูเซี่ยงกระตุก”ขอบพระทัย ราชินีที่ทรงเป็นห่วง กระหม่อมสบายดีพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอมอบหมายภารกิจให้แก้เจ้าสองอย่าง ภารกิจแรกเจ้า และเฟยอี้จงไปรวบรวมคนของเราทั้งหมดที่เมืองชายแดนนี้มา ข้ามีบางอย่างจะประกาศ ประการที่สองเจ้าเป็นหัวหน้าเผ่าอินทรี เช่นนั้นเจ้าจงช่วยข้าตามหาเด็กหนุ่มที่มีชื่อว่าไป๋เซียวหน่อย ข้าได้ยินคนพูดว่า เขามาปรากฏตัวที่นี่”
“น้อมรับคำสั่งองค์ราชินี”
หยูเซี่ยงลุกขึ้นยืนพลางกล่าวด้วยความเคารพ
“ท่านลุงหยูท่านโกหกข้า … ”
ในตอนนี้หูเหม่ยกระซิบด้วยเสียงต่ำ นางส่ายศีรษะพลางกัดริมฝีปากแน่น “นางเป็นราชินีกระนั้นรึ ? นางจะเป็นราชินีได้อย่างไร ? ท่านต้องโกหกข้า ? ลุงหยูท่านบอกข้าทีสิว่า ข้าไปทำอะไรให้ท่านขุ่นเคือง ? ท่านถึงได้ทำกับข้าเช่นนี้?”
ครั้นหูเหม่ยกล่าวถึงประโยคสุดท้ายน้ำเสียงของนางก็แสนจะรวดร้าวเสียดแทงหัวใจ นางร้องตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด